ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) amour tales ❦ นิยายรัก . {chankai lumin hunho}

    ลำดับตอนที่ #10 : Rapunzel

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 58








    Rapunzel  ❥  Sehun x Suho


    「 I see the light 」



    Rapunzel  by Grimm Brothers


    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...


    สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังจะมีเด็กน้อย แต่ภรรยาไม่ยอมทานอะไรเลยนอกจาก พืชราพันเซลที่มีในสวนของแม่มดโกเธล สามีเองสงสารภรรยาเขาจึงแอบเข้าไปในสวนของแม่มดแต่ ก็ถูกจับได้ สามีขอความเมตตา แม่มดจึงยื่นข้อเสนอว่าเมื่อใดที่ลูกน้อยของเขาคลอด จงมอบเด็กคน นั้นให้เธอ ด้วยความกลัว ชายคนนั้นจึงรับปาก ต่อมา ภรรยาคลอดเด็กสาวและจำต้องยกให้แม่มด โก เธลเลี้ยงเด็กสาวไว้ในหอคอยสูงที่มีเพียงห้องเดียวและหน้าต่างกว้างจนกระทั่งเธอโตเป็นสาวสวยที่มี ผมยาวสีทองสวย วันหนึ่งเจ้าชายได้เดินทางผ่านมาได้ยินเสียงเพลงของราพันเซล เจ้าชายขอให้รา พันเซลปล่อยผมของเธอลงมาเพื่อจะได้ปีนขึ้นไปหา ทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกัน สร้างความสัมพันธ์ จน กระทั่งเจ้าชายขอเธอแต่งงานและวางแผนจะพาเธอหนีในวันรุ่งขึ้น น่าเสียดายที่แม่มดโกเธลจับได้ก่อน ราพันเซลถูกตัดผมจนสั้นและถูกไล่จากหอคอยไปดินแดนที่กว้างใหญ่ เมื่อเจ้าชายมาถึง ผมเปียยาว ก็ถูกปล่อยลงมา เจ้าชายปีนขึ้นไปเจอแม่มดก่อนจะโดนผลักตกลงมาโดนหนามแหลมแทงจนตาบอด เจ้าชายกับม้าพยายามตามหาราพันเซลจนกระทั่งเขาได้ยินเสียงเพลงของเธออีกครั้ง ทั้งคู่พบกัน รา พันเซลเสียที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้เจ้าชายตาบอด น้ำตาเธอไหลลงมาถูกตาของเจ้าชาย และแล้วเขา ก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง ทั้งคู่ก็กลับไปยังอาณาจักรของเจ้าชายและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอด ไป



    Happy Ever After








    หล่าลาลา.... ล้าลา....


    เสียงเพลงกล่อมเด็กดังเอื่อยมาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงในห้องสีขาวที่มีแสงสี ส้มจากอาทิตย์ยามเย็นลอดกระจกใสมาเป็นพื้นหลังสีสวย หญิงสาวในชุดโรงพยาบาลอุ้ทลูกน้อยของ เธอไว้สองแขนพลางโยกตัวตามจังหวะเพลง ปากบางขยับและเอื้อนเอ่ยคำร้องอ่อนหวาน ขณะที่ชาย หนุ่มยืนอยู่ข้างเตียงเธอมีสีหน้าเศร้าหมอง


    ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับไหล่ภรรยาของเขาแผ่วเบาก่อนจะบีบเบาๆ หญิงสาว หยุดชะงัก เธอก้มมองลูกน้อยแนบอกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาผู้เป็นสามี


    "เด็กคนนี้ เราต้องยกให้เขาจริงๆใช่ไหมคะ"


    "...."


    "ทั้งๆที่เขาเป็น...ลูกของฉัน ลูกน้อยของฉัน"


    ชายหนุ่มได้แต่นิ่งเงียบ ฝ่ายภรรยาเมื่อไม่ได้ยินคำยืนยันให้ปวดใจ เขาใช้นิ้ว เรียวเล่นกับทารกในอ้อมแขน เด็กน้อยผิวขาวหัวเราะเอิ้กอ้ากสร้างความตื้นตันให้คนเป็นบุพการี


    ทว่ายิ่งเห็นบุตรของตนมีความสุขเท่าไหร่ หัวใจของทั้งคู่ก็เหมือนถูกกรีดย้ำ ด้วยรอยมีดเล่มเดิม หญิงสาวยิ้มให้ลูกของเธอ แม้น้ำตาเธอจะไหลลงอาบแก้มไม่หยุด เธออยากจะ กอดเขาไว้ให้นานเท่าที่จะทำได้ในเวลานี้


    "เพราะเราคงไม่มีวัน....จะได้เจอกันอีกแล้ว"


    ใช่...ก่อนในวันที่เธอจะไม่สามารถ ได้พบเจอเลือดเนื้อตัวน้อยของเธออีกต่อ ไป


    ฝ่ายสามีเข้ามากอดภรรยากับลูกของตนไว้ เขาพยายามจะปลอบประโลมเธอ เธอเองก็พยายามจะเข้มแข็ง หญิงสาวก้มลงพูดกับเด็กชายในอ้อมกอด มือหนึ่งของเธอจับกับสามีไว้ แน่น แก้วตาของเธอเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา แต่กระนั้น รอยยิ้มก็ยังไม่จางหายไป...


    "ฟังไว้นะลูก วันนี้นางฟ้าและเทวดาจะให้พรแก่เจ้าชายองค์น้อย เพี้ยง! ด้วยพรวิเศษของแม่นี้จะทำให้ลูกมีหน้าตาที่งดงาม ผิวพรรณที่ขาวเปล่งดั่งหิมะแรก"


    "ด้วยพรวิเศษของพ่อ ลูกจะมีสติปัญญาที่เป็นเลิศ มีทักษะมากกว่า ใครๆ ทุกคนที่พบลูกจะต้องเอ็นดู จะไม่มีใครทำร้ายลูกของพ่อ เพราะพ่อจะปกป้องลูก"



    "และด้วยพรวิเศษข้อสุดท้าย เราทั้งคู่...ขอให้ลูกมีความสุข...ชั่วนิรัน ดร์"














    จิ๊บๆ


    ".....อือ"


    ดวงตาสีนิลลืมขึ้นมาเพราะแสงสว่างที่ลอดจากผ้าม่านและเสียงนกร้องอรุณ สวัสดิ์ตอนเช้า คนบนเตียงค่อยดันตัวเองออกจากผ้าห่มผืนกว้างแล้วพาตัวเองเข้าห้องน้ำ กระจก บานกว้างสะท้อนภาพของชายหนุ่มที่มีใบหน้างดงามตามเเบบเอเชียและผิวขาวดั่งหิมะแรกของ ฤดู...


    เขาคือคิมจุนมยอนหรือซูโฮ ลูกบุญธรรมของตระกูลคิม นักธุรกิจผู้มั่งคั่งชาว เกาหลีใต้ นี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าอิจฉาที่เด็กกำพร้าอย่างเขาได้ใช้ชีวิตบนกองเงินกองทองทว่า..


    พ่อเลี้ยงของเขา...เป็นคนประหลาด


    จุนมยอนพาตัวเองเดินไปที่ระเบียงติดห้องนอน ภาพน้ำทะเลสีครามไกลสุด ลูกตากับดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้า มันสวยใช่ไหม? อิจฉาล่ะสิ.......แต่ไม่หรอกอย่าอิจฉาเลย เพราะเขา ได้แต่มองภาพนี้มาหลายปีแล้ว....


    ตั้งแต่เขาอายุ12ปี พ่อเลี้ยงพาเขามาที่เกาะส่วนตัวของพ่อเลี้ยงและทิ้งเขาไว้ ที่นี้ พ่อไม่ได้กักขังเขา จุนมยอนสามารถออกไปพบผู้คนได้....ในเกาะแห่งนี้เท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะ ในคฤหาสน์หลังกลางที่พ่อพาเขามาอยู่มีครบทุกอย่าง บางทีพ่อกับเพื่อนพ่อก็จะมาเยี่ยมเป็นบาง ครั้ง


    เขาเพียงแต่ได้เรียนรู้โลกภายนอกจากหนังสือที่อยู่ในห้องสมุด เพราะจุนม ยอนได้แต่มองเพียงทะเลกว้างและจินตนาการถึงโลกที่กว้างใหญ่ มีหลายสิ่งหลายอย่างหลายสถานที่ที่ เขาอยากไปเที่ยว... ยุโรปคือที่ๆเขาอยากไปมากที่สุด จุนมยอนได้แต่หวังว่าวันหนึ่งจะมีใครสักคนจะพา เขาไปจากที่นี่ เขาหวังไว้...


    เขาทำได้เพียงแต่หวัง...






    แต่เขาก็มีความเชื่อว่าสักวันหนึ่ง คนๆนั้นจะต้องปรากฏตัวขึ้นมาแน่...


    ....เพราะพรของนางฟ้าและเทวดาของเขา กล่าวไว้ว่าเขาจะต้องมีความสุข




    ครั้งที่ 1






    "คุณหนูโอครับ ใกล้จะถึงจุดหมายแล้วนะครับ"


    "อย่าเรียกผมว่าคุณหนู!..."


    ชายหนุ่มร่างสูงผมสีควันบุหรี่กระชากหนังสือพิมพ์ออกจากหน้าแล้วหัน มากระชากเสียงใส่คนชุดสูทสีดำข้างหลัง คุณหนูโอหรือโอเซฮุนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพียงเพราะคำว่าคุณ หนูที่เขาเกลียดที่สุด พูดได้ว่าได้ยินทีไรจะรู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะติดแท็ก #ร้องเหี้ยหนักมาก ให้ กับตัวเองทุกครั้งไป


    เพราะเขาโดนคำสั่งบังคับจากเบื้องบนให้มาร่วมงานยินดีบ้าบออะไรซักอย่าง บนเกาะกลางทะเลในอาณาเขตทางทะเลของเกาหลี โอเซฮุนจึงต้องจมปรักในชุดสูทอยู่ในเรือเฟอร์รี่นี่ มาร่วมครึ่งค่อนวัน...ร้อนก็ร้อน สัญญาณWi-Fiก็ไม่มี แถมคนก็เข้ามากวนใจเป็นระยะ


    โอ๊ยยยยย จิบ้า! -*-


    "รับทราบครับ คุณหนูกรุณาเตรียมตัวในพร้อมนะครับ เราจะถึงที่ หมายในอีก10นาทีข้างหน้า"


    "เฮ้อ...รู้แล้วๆ"


    โอเซฮุนได้แต่ถอนหายใจออกมาครั้งแล้วปัดมือไล่ประมาณว่า 'เออๆ แล้วแต่เลยจะทำอะไรก็เชิญ' ชายชุดสูทเดินจากไปเหลือเพียงเซฮุนที่กำลังคิดว่าอีกสิบนาทีที่ เหลือเขาควรจะทำอะไรให้คุ้มค่าดี


    แต่คิดไปคิดมาก็ยังนึกเรื่องดีๆไม่ออก คนของพ่อเขาคุมไปทุกที่ๆเขาจะ เหยียบย่างไป น่าอึดอัดจนอยากจะอ้วก


    "งั้นไปสูดอากาศก็แล้วกัน"


    เซฮุนกำลังคิด.... ว่าเขาจะไม่บอกใครว่าเขาจะไปไหน ถึงแม้พ่อจะกำชับว่าไป ไหนให้บอกก่อนก็เถอะ ไม่งั้นพวกผู้ชายชุดดำจะต้องตามเขามาแน่ๆ...มีหวังได้หงุดหงิดขึ้นไปอีก แหงๆ


    โธ่เอ๊ยยยย...ไอ้เราก็บรรลุนิติภาวะแล้ววว จะกลัวอะไรโอเซฮุน!


    พอคิดได้ดังนั้นแล้วร่างสูงก็ออกจากห้องพักส่วนตัวมุ่งหน้าไปที่หัวเรือโดยไม่ ได้บอกใคร โชคดีที่ไม่ได้เหมือนซีรี่ย์ที่มีคนเฝ้าหน้าห้อง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงกว่า หวังว่าจะมีลม ทะเลเย็นๆสดชื่นๆ แล้วก็วิวทิวทัศน์สวยๆให้สงบจิตสงบได้บ้างนะ


    แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ววว ว้าววว....




    ...



    ใช่ เจ้าไก่น้อยที่หลบอยู่ใต้ปีกมาตลอดกำลังตกอยู่ในห้องความคิดของตน ความคิดที่เเสนหวาน....



    'กึง!'



    แต่เซฮุนเองก็คงไม่รู้หรอกว่า....



    "หือ?"


    ...




    'ผัวะ....!!'


    "....!!"


    "ราตรีสวัสดิ์ คุณชายโอ..."


    ...



    เขาไม่ควรจะออกมาจากห้องพักแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ...










    สายเย็นๆลูบไล้ไปตามโครงหน้าหล่อและดวงตาหวาน ดวงอาทิตย์ใกล้ โพล้เพล้ทอแสงสีส้มทองให้เป็นภาพวิวที่งดงามเช่นทุกวัน คิมจุนมยอนยืนอยู่ตรงระเบียงปราสาทหลัง เล็กของตนเช่นทุกๆวันจนกลายเป็นภาพชินตา ท้องน้ำสีส้มเวิ้งว้างกับเวลาหลายปีมันทำให้เขาเริ่ม รู้สึกสมเพชตัวเองน้อยๆ


    นี่เขาทำอะไรอยู่กันนะ....


    "นั่นไงพี่เจ้าชายยยย"


    "...หวัดดี"


    จุนมยอนโบกมือให้เด็กๆที่ชอบมาเดินเล่นตามชายหาดเวลาเย็นๆ เด็กพวกนี้ เป็นลูกหลานของชาวบ้านในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ค่อนข้างห่างจากบ้านของเขาไปไกลอยู่ ทุกคนสมกับ เป็นลูกทะเล กล้าหาญและร่าเริงเสมอ...

    เด็กๆชอบเรียกเขาว่าเจ้าชาย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน


    "มาเล่นด้วยกันไหมคะ"


    "ไม่ล่ะ พี่รู้สึกเหนื่อยๆ อีกอย่าง วันนี้คลื่นลมแรง พวกเธอเล่นกันแค่ ริมหาดก็แล้วกันนะ"


    "คร้าบบบบ"


    "พี่จะนั่งอยู่ตรงนี้ จำได้ใช่ไหม เกิดอะไรขึ้นให้ตะโกนดังๆ"


    "ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ!!"


    จุนมยอนได้แต่ยิ้มให้กับเด็กซนๆ เขาเหมือนคนดูแลชายหาดเลยเนอะ แต่ขืน ให้เด็กๆเล่นกันโดยไม่ดูก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น บางวันเบื่อๆก็จะลงไปเล่นด้วยอยู่ แต่พอดีวันนี้ไม่ค่อย มีอารมณ์เท่าไหร่

    พอนั่งลงตรงม้านั่งยาวบนระเบียง ดวงตาก็พาลจะปิดเอา จุนมยอนค่อยๆปิด ตาลงช้าๆ และรับฟังเสียงคลื่นทะเลปนกับเสียงหัวเราะของเด็กๆที่ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ


    วันนี้รู้สึกเหนื่อยๆพิกลยังไงก็ไม่รู้ .....รู้สึกยังกับว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น แหละ



    ....ขออย่าให้เป็นอะไรไม่ดีเลย






    ซ่า....



    "กรี๊ดดด!!!!!!!!"


    "!!"


    ดวงตาสีนิลลืมตื่นขึ้นเต็มลูกหลังจากได้ยินเสียงร้องจากด้านล่าง จุนมยอน ผุดขึ้นจากเก้าอี้แล้วมองไปด้านล่าง มีเพียงทรายเปล่าๆ.... คนตัวเล็กร้อนใจรีบวิ่งลงไปด้านล่าง เขา มองซ้ายขวาแต่ก็ยังไร้วี่แว่วของเด็กๆ


    "เด็กๆ อยู่ไหน!!!"


    "ช่วยด้วย พี่ชาย!"


    เด็กผู้หญิงคนนึงโผล่มาจากแถวโขดหิน สีหน้าตื่นกลัวมากของอีกฝ่ายเร่งให้ จุนมยอนต้องรีบวิ่งไปหา ทั้งคู่พากันเลาะโขดหินไปครู่หนึ่งก็พบกับพวกคนที่เหลือ เด็กๆกำลังมุง บางอย่างอยู่ซึ่งเขามองไม่เห็น


    ใกล้เข้าไป เขาก็ได้พบผู้ชายร่างสูงที่นอนหมดสติอยู่บนชายฝั่ง เด็กผู้หญิงที่ คล้ายจะโตที่สุดกำลังทำให้ผู้ชายคนนั้นคายน้ำทะเลออกมาด้วยน้ำตานองหน้า ข้างเธอเป็นเด็ก ผู้ชายสองคนที่ตัวเปียกโชก เธอหันมามองจุนมยอนจากนั้นบ่อน้ำตาเธอก็ไหลออกมา


    "พี่ชาย ช่วยเขาทีค่ะ ฮือออ"


    "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว อย่าร้องไห้นะ นี่เกิดอะไรขึ้น"


    "เรากำลังเล่นอยู่...แล้วก็ แล้ว ฮืออ..."


    "เราเจอคนกลุ่มนึงพาพี่ชายคนนี้มาโยนทิ้งทะเลครับพี่ พวกผมกลัว เลยรอจนพวกนั้นไป ผมกับมันเลยลงไปช่วยกันงมขึ้นมา เขาน่าจะกินน้ำทะเลไปพอ สมควร"


    เพราะเพื่อนเอาแต่พูดไปร้องไห้ไปจนพี่ชายทำหน้างงกว่าเดิม เด็กผู้ชายหนึ่ง ในสองคนจึงเปิดปากพูด เมื่อได้ฟังดังนั้น คิมจุนมยอนทรุดลงที่ชายเคราะห์ร้ายนอนอยู่ เขาคงต้อง ทำการผายปอดก่อน


    แต่ยังไงล่ะ? เคยเห็นแค่ในหนังสือกับทีวีแค่นั้นเอง เขาไม่ได้เก่งขนาดหมอนะ ถ้าพลาดไปแล้วคนๆนี้ตายนี้ซวยสุด


    "พี่ชายคะ ช่วยเขาที...."


    ...


    เอาวะ! ทำก็ทำ


    จุนมยอนงัดตัวอีกฝ่ายให้นอนคว่ำแล้วยกแถวชายโครงขึ้นเพื่อเอาน้ำออก จากปอด จากนั้นเขาพลิกอีกฝ่ายขึ้นท่าเดิม มือขาวข้างหนึ่งงัดศีรษะของผู้บาดเจ็บขึ้น อีกข้างหนึ่ง บีบจมูกไว้ตามที่เรียนมาในหนังสือ ใบหน้าหวานเลื่อนลงไปแนบชิดกับหน้าคมของอีกฝ่ายๆ นั่นทำให้ เขาได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆด้วยสติเต็มเปี่ยมเป็นครั้งแรก


    ผู้ชายคนนี้....หล่อมาก


    ...


    ใช่เรื่องที่จะมาคิดตอนนี้ไหมเนี่ยคิมจุนมยอน?



    ...


    ริมฝีปากของเราแตะกันแน่น ลมหายใจของผมกำลังเข้าสู่ร่างกายของเขา อย่างรวดเร็ว หลายครั้ง....และหลายครั้ง โอเค ตอนนี้เราไม่มีอารมณ์มานั่งฟินดีฟค้มดีฟคิสอะไรกันทั้ง นั้น เลิกบิ๊วได้แล้ว...

    เมื่ออีกฝ่ายเริ่มหายใจได้มากขึ้น จุนมยอนวางมือลงกลางอกกว้างในท่า เตรียมพร้อมสำหรับการปั๊มหัวใจ เขากดมันลงไปพลางนึกดีใจที่เคยอ่านหนังสือมา การปั๊มหัวใจเป็น เรื่งอันตรายหากทำไม่ถูก


    เขากดมันลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าท่ามกลางการเอาใจช่วยของเด็กๆ จนในที่สุด ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพ้นอันตรายเสียที ชายหนุ่มร่างสูงสำลักออกมาระหว่างการผายปอด คิมจุนม ยอนถอยออกมาแทบไม่ทัน เขาสำลักทั้งน้ำและอากาศก่อนที่ดวงตาคมจะค่อยๆปรือขึ้นมาช้าๆ


    "...."


    คนบาดเจ็บเหลือบมองซ้ายขวาช้าๆ เขามองเห็นแต่คนแปลกหน้า เด็กที่น่า จะอายุไปเกินสิบสองขวบประมาณห้าหกคน แล้วก็....


    สายตาพร่าหลุดลงที่คนตัวโตที่สุดในกลุ่ม ใบหน้าหวานราวสตรีแต่ก็ยังคง ความหล่อชวนฝันเช่นบุรุษกำลังจ้องมาทางเขา ไร้ซึ่งคำบรรยายในหัวตอนนี้ เขานึกออกเพียงคำ เดียว


    สวย....


    แม้พยายามจะขยับมือไปหาแต่เหมือนร่างกายจะไม่ฟังเท่าไหร่ อา...เหนื่อยจัง ร่างสูงได้แต่ยิ้มจางๆก่อนจะหลับตาลงสู่ความมืดมิดอีกครั้งหนึ่ง... เพียงแต่ว่าครั้งนี้


    เขากำลังจะฝันดี.....






    "เฮ้อออออ"


    จุนมยอนกับเด็กๆถอนหายใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เป็นไรแล้ว เล่นเอาซะใจ หายใจคว่ำหมด ไม่รู้ไปทำเวรทำกรรมที่ไหนของเขามากันนะถึงโดนเอามาถ่วงทะเลแบบนี้


    "แล้ว....เราจะทำยังไงกับเขาดีล่ะครับ"


    คนตัวเล็กคิดตามคำพูดของเด็กหนุ่ม นั่นสิ เขาควรจะทำยังไงก็คนๆนี้ต่อไปดี จะให้เด็กๆพากลับหมู่บ้านก็ลำบากเกิน แถมนี่ก็เย็นมากแล้ว มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ.... ทั้งๆที่ขอให้ไม่เกิด เรื่องไม่ดีอะไรขึ้นแล้วแท้ๆ


    เฮ้อออออออ~~



    "คงต้องให้เขาอยู่บ้านพี่ไปก่อน....แล้วกัน"














    โอเซฮุนลืมตาขึ้นมาในห้องสีขาวไม่คุ้นตา พอมองออกไปด้านข้างด็เจอ หน้าต่างบานโตถูกล้อมกรอบด้วยม่านสีขาวสะอาดที่มีแสงสว่างส่องลอดมาราวกับห้องนอนใน เทพนิยาย เขาเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วก็ยิ่งต้องสงสัย บนตัวมีเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นแบบ...สั้น

    นั่งงงอยู่ครู่ก็รู้สึกปวดหัวปวดตัวขึ้นมาอย่างประหลาด เซฮุนจับไปจับมาทั่ว ร่างกายตัวเองด้วยสีหน้าตื่นๆ พยายามจะนึกถึงก่อนที่เขาจะหลับไป แต่แล้วก็นึกไม่ออก....


    หรือว่า....


    "นี่กู...โดนเล่นหลังเเล้วเหรอเนี่ย!"


    พูดเล่นน่ะ...


    อันที่จริงก็พอนึกออกรางๆนะ รู้สึกว่าจะเดินออกจากห้องพักในเรือ จากนั้น โดนใครซักคนทุบจากด้านหลัง... โหยแบบโคตรเจ็บอ่ะ ทุบมาได้ไงวะ บอกกันดีๆว่าจะลักพาตัวก็ยอม แล้ว แล้วจากนั้นเป็นไงอีก... อืมมมมมมมมมม


    สวย...


    แอ๊ด...


    "อ้าวคุณ ในที่สุดก็ตื่นซะที"


    คิมจุนมยอนที่โผล่หน้ามาพร้อมถ้วยไอติมในมือยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายลุก ขึ้นมาคุยกับเขาได้ซักที ทีนี้จะได้ไม่ต้องคอยวิตกแล้วว่าจะมาเป็นอะไรที่บ้านเขารึเปล่า


    โอเซฮุนเมื่อได้เห็นหน้า 'สวยๆ' พร้อมรอยยิ้มกว้างของอีกฝ่ายก็ สตั้นนิ่งไป เขาลุกออกจากเตียงแล้วค่อยๆเดินเข้าไปหาคนตรงประตู จุนมยอนมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า แล้วถอยหลังตามอัตโนมัติ


    "อะ อะไรครับ"


    "นางฟ้า"


    "หะ?"


    ควับ!


    เซฮุนตวัดเเขนคว้าอีกฝ่ายมากอดจนร่างเล็กๆนั้นแทบจมหายไปกับตัวเขา คิมจุนมยอนขนลุกไปทั้งตัวแล้วก็ดันตัวออกแรงๆ แต่ก็ออกมาได้แค่หน่อยเดียว


    "เฮ้ยๆๆ คุณทำอะไร..."


    "ผมชื่อโอเซฮุน"


    โอเซฮุนคลายอ้อมกอดออก โดยใช้มือหนึ่งโอบเอวไว้ไม่ให้หนีไปไกล แล้วอีก มือก็เชยคางเรียวขึ้นมาจนดวงตาสองคู่สอดประสานกัน จุนมยอนไม่ได้เป็นไบ แต่ก็ไม่ได้เคยใกล้ใคร ขนาดนางเอกในการ์ตูนตาหวานมาก่อน แถมอีกคนยังหล่อมากๆอีกต่างหาก ตาคมขนาดแทงทะลุ โลกได้ จมูกโด่งถึงดาวอังคาร ปากชมพูบางน่ากิน เขาควรทำยังไงให้มันเข้ากับสถานการณ์นี้ดี? หน้าแดง ใจเต้น โอเคๆ

    เขินตุง /////


    "อะ...อือ"


    "ชื่ออะไร"


    "คิม จุนมยอน....ปล่อยก่อนได้ไหม....ครับ"


    คนตัวเล็กปัดมือตรงคางตัวเองเบาๆ ที่ทำเนี่ยจะเเสดงความขัดขืนไง เออ เดี๋ยวก็หาว่าอ่อยไม่ยอมขัดขืนอีก.....


    "จุนมยอน...ผมขออะไรหน่อยได้ไหม"


    "ฮะ?"


    เซฮุนโน้มหน้าเข้าใกล้จนทั้งคู่แทบจะได้ผายปอดกันอีกครั้ง จุนมยอนใช้มือ บังหน้าหล่อไว้แต่ก็กันได้แค่ส่วนตา แม้จะเบือนหน้าหนีแต่ฝ่ามือหนาก็ดันหน้าเขาไว้ โอ๊ย บังคับ ขนาดนี้ ปล้ำกูเลยก็ได้มาจะได้จบๆไป

    คนตัวเล็กหลับตาเกร็งอยู่ร่วมนาทีก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นโอเซฮุนกำลัง เงยหน้ามองเพดานแล้วก็กรอกตาไปมา ร่างสูงคลายวงแขนออกจากเอวเล็กก่อนจะเอื้อมไปจับมือ ขาวๆแทน


    เซฮุนมองหน้าจุนมยอนที่กำลังเอ๋อๆเบลอๆแล้วเผยรอยยิ้มบาง.....



    "ผม...จู่ๆก็รู้สึกหิวข้าว ...........เอาไว้เราค่อยจูบกันต่อหลังกินข้าวแล้ว กันนะครับ"


    "...."



    .....wtf ??




    ครั้งที่ 2









    จุนมยอนมองผู้ชายหน้าตาดีแต่ไม่น่าไว้ใจตักข้าวเข้าปากทีละคำช้าๆ ทั้งๆที่ เขาคิดว่าจะพาคนหลงทางนี่ไปส่งในหมู่บ้านตั้งแต่เช้าเพื่อให้คนอื่นช่วยติดต่อหาทางกลับบ้านให้ แต่ อีกฝ่ายกลับนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมสั่งเขาให้ทำข้าวเช้าให้ทานซะอย่างนี้


    ครั้นพอเขาจะลากไปอีกฝ่ายก็ชอบทำจับมือถือแขน พอถามว่าไม่อยากกลับ บ้านรึไง! หมอนั่นตอบว่าไงคุณรู้ไหม


    "ผมอยากอยู่กับคุณ"


    ....ถามความเห็นกูบ้างก็ได้ /กุมขมับแรง


    สุดท้ายก็ต้องทำยอมทำข้าวเช้าให้กินเป็นข้าวผัดกิมจิธรรมดา แต่เซฮุนก ลับทำหน้าอัศจรรย์ใจยังกับไม่เคยเห็นมันมานาน สงสัยเหลือเกินว่าหมอนี่มันโตมาในวงจรชีวิตแบบ ไหนกันเนี่ย...


    แต่ถึงโอเซฮุนอาจจะดูไม่มีพิษภัยอะไรมากแค่พุ่งเข้ามาจะผายปอดเขาเมื่อเช้า นี้จนถ้วยไอติมเขาร่วงตกพื้น(อดกิน...)แต่จุนมยอนก็ต้องระวังตัว อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ตัวเขาเสีย ราคาไปมากกว่านี้


    พ่อเลี้ยงบอกว่าไม่ชอบให้เขามายุ่งวุ่นวายกับเขา เพราะว่าเขาคือสมบัติล้ำค่า ของพ่อเลี้ยง...


    อันที่จริงจุนมยอนก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าพ่อเลี้ยงสั่งกำชับไว้ เขาก็จะทำเพื่อ ความสบายใจของพ่อเลี้ยง


    "นี่คุณ ถ้าทานเสร็จแล้วผมจะพาคุณเข้าหมู่บ้านไปติดต่อครอบครัว คุณนะ"


    "......ทำไมต้องเข้าหมู่บ้านด้วย ที่นี่ไม่มีโทรศัพท์ เหรอ"


    "บ้านนี้ไม่มี พอดีคนแถวนี้เขาก็ทำงานอยู่แถวนี้ เลยไม่รู้จะโทรหา กันทำไมให้เปลือง อีกอย่างนี่เกาะเล็กๆกลางทะเล คลื่นไม่ดี..."


    "เหรอ....งั้นก็เข้าท่าเลยสิเนี่ย"


    จุนมยอนมองหน้าเซฮุนงงๆ เขาไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย ไม่เข้าใจ มากๆด้วย ยิ่งอีกฝ่ายเอื้อมมือมาจับมือเขาอีก ไม่เข้าใจเลย.....


    เดี๋ยวนะ จับมือเหรอ



    "คุณจะทำอะไรอีก!"


    "จุนมยอน"


    "อะไร!"


    คุณตัวเล็กกระหน่ำฟาดมือใหญ่ที่เล่นกุมมือเขาไว้ซะแน่น โอเซฮุนหาได้ สำเหนียกถึงความรังเกียจที่เขามีไม่ อีกคนลุกขึ้นพร้อมกับชะโงกตัวมาทางเขา แล้วลากมือเขาไปวาง ไว้ที่หน้าอกกว้างของตัวเอง


    อาร๊ายยยย นี่จะทำอะไรอีก!!


    "เพียงแค่ได้เจอคุณ ผมก็รู้แล้วว่าผมจะอยู่ที่นี่ ต่อให้คุณผลักไสผมให้ กลับบ้าน...แต่คุณก็ไล่หัวใจผมกลับไปไม่ได้"


    "......"


    ใจเย็นๆนะโอเซฮุน...


    "ให้ผมได้อยู่ที่นี่กับคุณ แล้วเราจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นของเราดีไหม ผมกับคุณ เราจะจูบกันตรงชายหาดตอนเย็นทุกวัน มันต้องสวยมากแน่ๆ งานแต่งของเราก็จัดแค่ เล็กๆก็พอ อันที่จริง เราจะแต่งกันเลยก็ได้"


    "......."


    ผมว่าคุณควรกินยา หรือไม่คุณก็ควรตั้งสติ...


    "แล้วเราจะมีลูกด้วยกันซักสองคน ไม่ได้อยากอวดนะแต่ว่ารับรอง คุณต้องชอบเวลานั้นของเรา คุณชอบเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายผมก็ทำให้คุณนะ หรือถ้าอยากได้ลูก แฝดคุณก็บอกผมได้"


    "......."


    แต่กูท้องไม่ได้นะครับ....


    "ว่าไงจุนมยอน"


    "...."


    "คุณยินดีรับผมแล้วใช่ไหม"



    "โอเซฮุน....."


    ...



    ..



    ".......ช่วยออกไปจากบ้านผมเถอะครับ"















    "คุณโอเซฮุน คุณช่วยไปนั่งดูโทรทัศน์เฉยๆได้ไหมครับ ตรงนี้ผมทำ เองได้...."


    "ผมกลัวคุณเหนื่อย"


    "ไอ้การที่คุณเอาแต่กอดเอวผมแล้วปล่อยให้ผมล้างจานคนเดียวเนี่ย มันเหนื่อยน้อยลงตรงไหนฮะ!"


    คิมจุนมยอนกัดฟันแล้วกลืนความโมโหลงท้องไปอย่างสุดความสามารถ เขา ได้แต่กำจานพลาสติกจนมันแทบแหลกระบายความหงุดหงิดที่สุมเต็มอก ขณะที่ตัวต้นเหตุยังคงทำ หน้าระรื่น


    เขาไล่ไอ้หน้าหล่อนี่ออกไปตั้งแต่เช้า จนกลางวันก็ยังยืนยันว่าจะสิงอยู่ที่นี้ เขา เองก็ทำอะไรไม่ได้จริง.... ตอนแรกมันก็ทำตัวดีอยู่หรอก แต่ไปๆมาๆไฉนเราถึงมาอยู่โพสิชั่นนี้กัน ได้....


    "ผมอยากช่วยคุณ แต่ผมล้างจานไม่เป็น...."


    คนตัวเล็กวางจานใบสุดท้ายลงบนตะแกรงอย่างปลอดภัยแล้วก็สะบัดน้ำออก จากมือ เขาแอบเช็ดมือเข้ากับแขนเสื้อของเซฮุน แต่จริงๆนั่นมันเสื้อเขาเอง....


    "ขอโทษนะ แต่คุณรู้ไหม พอดีผมเป็นคนจำพวกลูกคุณหนูน่ะ แต่ไม่ อยากให้คุณเรียกผมว่าคุณหนูหรือคุณชายนะ เรียกผมว่าเซฮุนได้ยิ่งดีเลย อันที่จริงผมอยากจะทำ เหมือนที่คนทั่วไปเขาทำกัน แต่พ่อผมเขาไม่เข้าใจผมเลย...เฮ้อ"


    จุนมยอนยืนเงียบๆฟังอีกฝ่ายพล่ามไปเรื่อยๆก็พอจะจับใจความได้ว่าโอเซฮุน มันพวกทำอะไรไม่เป็น จู่ๆผมสีดำนุ่มๆก็เทลงมากองตรงหัวไหล่มนจนจุนมยอนเผลอสะดุ้ง


    "คุณเป็นอะไร..."


    เซฮุนเงยหน้าขึ้น ปลายจมูกใกล้จนถึงแก้มขาวของอีกคน ตาทั้งสองสบกัน อีกครั้งของวัน อ้อมกอดเริ่มรัดแน่นขึ้นขณะที่ปากหยักขยับอยู่ข้างหูของจุนมยอน


    "ผมอยากเรียนรู้จากคุณ....ช่วยสอนทุกอย่างให้ผมด้วยความรักของ คุณหน่อยสิ"


    อี๋ย์!!!!!!


    "เอามือออกไปเลยโรคจิต!"


    ร่างเล็กผลักอีกฝ่ายออกห่างแล้วฟาดมือลงไปสองสามทีก่อนจะหันหลังทำที เป็นลูบแขนตัวเอง โอเซฮุนผู้เเข็งแกร่งหาได้สะเทือนไม่ กลับหัวเราะยิ้มร่าที่โดนตี ร่างสูงเดินไปนั่งลงที่ โซฟาหน้าโทรทัศน์


    "จุนมยอนคุณอยากรู้อะไรไหม"


    "อะไร"



    ...




    จุนมยอนเดินปึงปังออกมาจากห้องรับแขกเล็กๆมาที่ห้องน้ำ เขามองตัวเอง ผ่านในกระจกแล้วก็ต้องยกมือปิดหน้าตัวเองทันควัน ปากชมพูที่รอดจากฝ่ามือเม้มเข้าหากันแน่น ในหัวกลมๆกำลังเต็มไปด้วยความคิดวุ่นวายใจเมื่อนึกถึงใบหน้า คำพูด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนที่เขา เพิ่งจะจากมา

    ผู้ชายคนนั้น กล้าพูดออกมาได้ยังไง...


    "คุณกำลังหน้าแดงนะ...."




    ไม่รู้รึไงว่ามันน่าอาย!













    "แล้ว....จะให้ผมนอนตรงไหน"


    เด็กชายโอเซฮุนถือหมอนใบหนึ่งหาผู้ปกครองที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก จุนม ยอนเงยหน้าขึ้นมองคนยืนค้ำหัวแล้วคิดตาม นั่นสิ จะให้นอนตรงไหน....

    บ้านของพ่อเลี้ยงไม่ได้ใหญ่มากให้อยู่ได้กันสองสามคนก็พอแล้วถึงแม้มันมี ห้องเยอะเเยะจนดูใหญ่ก็เถอะ มันเหมือนถูกสร้างมาเพื่อให้จุนมยอนอยู่เท่านั้น เวลาพ่อเลี้ยงมาหาจะ มาแค่เช้ากลับเย็นไม่เคยมาอยู่ค้างด้วย อันที่จริงมันมีห้องว่างอยู่แต่เป็นห้องเปล่าๆ เปล่าแบบเปล่าอ่ะ คือไม่มีอะไรเลย แถมไม่ได้ทำความสะอาด สาบานได้เลยว่าคุณชายอย่าหมอนี่อยู่ไม่ได้แหงๆ


    "คงต้อง....นอนโซฟา"


    โทษทีนะ แต่มันเป็นทางออกสุดท้ายแล้ว.............อีกอย่างมันผิดที่แกนั่นแหละ ถ้ากลับบ้านกลับช่องไปซะตั้งแต่แรกก็จบปัญหา!


    เซฮุนทำหน้ากระอักกระอ่วนแต่ก็ยอมพยักหน้ารับว่าง่าย จุนมยอนกระเถิบให้ เซฮุนได้นั่งทำใจบนที่นอนใหม่ของตัวเอง เขาเองก็เห็นใจ อีกฝ่ายสูงชะลูดแต่โซฟาบ้านเขามันตัวนิด นึง ยืดขาก็เท้าแทบหลุด


    "ง่วงรึยัง"


    "อือ...."


    จุนมยอนลอบมองใบหน้าหงอยๆปนความอ่อนเพลียของอีกฝ่ายเขาจึงตัดใจ เลิกดูภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เพื่อให้อีกฝ่ายได้นอน นี่มันก็ดึกมากแล้ว เขาเองก็ควรเข้านอนเช่นกัน เซฮุนตบๆหมอนแล้วเอนตัวไปกับโซฟา ผ้าห่มเป็นเพียงผ้าขนหนูผืนยาวบางๆเพราะว่าไม่มีผ้าห่ม สำรองให้ แต่จุนมยอนคิดว่าพรุ่งนี้จะขอร้องเด็กๆที่มาเล่นที่นี่ช่วยซื้อผ้าห่มจากหมู่บ้านมาให้


    จุนมยอนได้แต่บอกขอโทษและกล่าวราตรีสวัสดิ์ในใจก่อนจะปิดไฟให้โอเซฮุน ได้นอน ส่วนตัวเขาก็ขึ้นห้องนอนชั้นสองไป


    ....


    ..




    หลังจากการได้อาบน้ำอุ่น จุนมยอนก็อารมณ์ดีเหมือนได้เกิดใหม่ นี่มันสวรรค์ ชัดๆ~~~~ นั่งเช็ดผมอยู่ซักพักแล้วก็มุดเข้าผ้านวมผืนโตที่เขารักนักรักหนา เขาขอให้วันนีได้ฝันดี เช่นกับ....


    โครม!


    ทุกวัน...


    "โอ๊ยยยย..."


    เสียงครวญครางลอดผ่านแผ่นไม้จากข้างล่างขึ้นมาข้างบน ถ้าให้เดาก็คง เป็นคุณชายตกที่นอนนั่นแหละ อดทนหน่อยน่าเดี๋ยวก็ชิน ก็ถ้ากลับบ้านไปก็สบายเหมือนเก่าแล้วแท้ๆ ดื้อด้านน่ารำคาญ

    เมื่อโทษอีกคนเสร็จ เขาก็ข่มตาหลับสุดความสามารถ ใช่...มันไม่ใช่เรื่องที่เขา ต้องสนใจเลย


    กับอิแค่ผู้ชายคนเดียวที่เพิ่งเจอกันวันเดียว....วันกว่าก็ได้

    ก็แค่ผู้ชายที่จูบกันเพราะต้องต้องช่วยชีวิต

    ก็แค่ผู้ชายที่เอาแต่พูดคำเลี่ยนๆเหมือนพวกไม่มีสติ

    ก็แค่คนที่บอกว่าอยากสร้างครอบครัวกับเขา....


    ...



    'ผมอยากอยู่กับคุณ'



    คิมจุนมยอนลุกพรวดพราดจนผ้าห่มกระจาย มือขาวตบตีศีรษะตัวเองข้อหา ไม่รักดีคิดบ้าคิดบออะไรไม่เข้าท่า มันใช่เรื่องไหมจู่ๆก็มีหน้าหล่อของไอ้หมอนั่นขึ้นมา แถมเป็นตอนที่ ลวนลามเขาอีก


    อี๋ย์!! คิดบ้าอะไรของแกเนี่ย คิมจุนมยอน!











    หลังจากนอนพลิกไปพลิกมาอยู่ร่วมชั่วโมงก็ยังนอนไม่หลับ ไม่ใช่อะไรเลย ตอนแรกก็ฟุ้งๆอยู่ พอใกล้จะเคลิ้มๆอีข้างล่างก็ส่งเสียงดังให้สะดุ้งตื่นอีก โอ๊ย จะอะไรนักหนา ตกอยู่ ได้กะอีแค่โซฟาเนี่ย นอนดีๆไม่เป็นรึไง!


    ...


    แต่ถึงปากจะบ่น แต่เขาก็กลับลงมายืนอยู่ชั้นล่างซะอย่างนั้น...

    จุนมยอนพยายามเดินให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนอีกฝ่าย อันที่จริงเขาเดาว่า น่าจะยังไม่หลับทั้งคู่ และก็จริง เซฮุนเอาผ้าคลุมหน้าคลุมตัวจนเหมือนศพโดนมัด นอนนิ่งๆไปซักพัก ก็พลิกตัวไปมา ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมตกบ่อยจัง


    เซฮุนดึงผ้าลงมาจากส่วนหน้ามากองตรงอก คิ้วเข้มขมวดหากันแต่ดวงตา ยังคงปิดอยู่ราวกับคนฝันร้าย


    "เซฮุน"


    "หืออออ...อ้าว ยังไม่นอนอีกเหรอ"


    ตาคมปรือขึ้นมาน้อยๆ นั่นไม่ได้ทำเพื่อให้ดูเซ็กซี่ โอเซฮุนแค่ง่วงจริงๆ จะนอน แล้วแต่โดนปลุกอ่ะเข้าใจป่ะ แถมตื่นมาเจอนางฟ้าตีหน้าจริงจังใส่อีก ผิดอะไร แค่นอนโซฟาไม่ เป็น!?


    "คุณไม่ควรมานอนที่นี่เลย จริงๆนะ"


    "ฮะๆ... เอาน่าๆ ผมนอนได้ แค่อาจต้องฝึกอีกหน่อย ....หรืออาจจะอีก เยอะ"


    "พอเถอะ"


    "ไม่เอาน่า ถ้ามันเสียงดังรบกวน ผมจะนอนพื้นก็ได้"


    แล้วก็ทำตามที่พูด เซฮุนโยนหมอนลงไปข้างล่างแล้วกลิ้งตามลงไปจนหน้า เกือบได้กระแทกโต๊ะ เจ้าบ้านตัวเล็กส่ายหัวก่อนจะเข้าไปฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นตาม แต่เซฮุนก็ซุกหน้า ลงหมอนเป็นการตัดความสัมพันธ์


    "ลุกขึ้นมา"


    "ไม่ไป ...ใจร้ายจังนี่คิดจะส่งผมกลับบ้านตอนเที่ยงคืนกว่าเนี่ย นะ"


    "ไม่ใช่ จะบอกให้ไปนอนห้องผม!"


    "หะ..."


    "ก็บอกให้ไปนอนด้วยกันก็ได้ แต่ถ้าจะนอนอยู่นี่ก็แล้วแต่แล้ว กัน!"


    จุนมยอนกอดอกหน้าตึงมองโอเซฮุนที่ค่อยหยิบหมอนกับผ้าเช็ดตัวลุกขึ้นมา มือเรียวเอื้อมไปจับมือนุ่มๆตามฉบับคุณหนูของอีกคนแล้วออกแรงดึงให้เดินตามมา ร่างสูงเดิน ตามอย่างว่าง่ายราวกับลูกเป็ดที่เพิ่งกระเทาะออกมาจากเปลือกไข่


    พอถึงห้องนอนก็ปล่อยมืออีกฝ่ายแล้วเดินอ้อมไปอีกฝ่ายของเตียงทันที จุนม ยอนหันหลังให้เซฮุนพร้อมซุกหน้าเข้ากับหมอน ไม่รู้เหตุผลคืออะไรแต่เขารู้สึกแค่ว่าไม่อยากมองหน้า อีกคนตอนนี้

    แสงไฟนีออนดับลง ความมืดเข้าปกคลุมห้องยกเว้นบริเวณหน้าต่างบานใหญ่ เตียงข้างๆเขายวบลงตามน้ำหนักของอีกคน


    สิบนาทีผ่านไป ทุกๆทิศทางเงียบสงัดยกเว้นแต่เสียงเข็มนาฬิกาจากหัวนอน และหัวสมองของเขาเวลานี้ มันค่อนข้างวุ่นวายแต่ก็หวังแค่มันจะหายเร็วๆนี้ เซฮุนคงหลับไปแล้ว เพราะงั้นเขาก็ควรจะหลับ เกิดพรุ่งนี้มันตื่นก่อนแล้วทำอะไรพิเรณท์เขาคงตื่นมาด่าไม่ทัน


    หลับเถอะจุนมยอน...


    ...


    "!"


    มือเรียวกำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อสัมผัสอุ่นๆแตะเข้าที่เอวของเขา เสียงยวบยาบ จากผ้าห่มบอกได้ว่าคนอีกข้างเกิดการขยับ จุนมยอนตัดสินใจว่าจะอดทนต่อมือปลาหมึกที่เอวแล้ว แกล้งหลับ เขาก็อยากรู้ว่ามันจะทำยังไงต่อแต่ก็คาดโทษไว้แล้วว่าถ้ามันมีต่อ...คงเกิดการนองเลือด แน่ๆโอเซฮุน


    "จุนมยอน หลับไปแล้ว...เย็นชาจังเลยย"


    เงียบ...


    "คุณคงไม่สะดวกใจที่จะนอนมองหน้ากัน แต่ผมอยากมองหน้าคุณจัง เลย ว่ามันจะน่ารักขนาดไหน"


    หันกลับไปก็โง่แล้ว ชาติหน้าก็ไม่ให้ดูหรอก


    "....ซักวันผมจะทำให้คุณมองตาผมทั้งคืนเลย คอยดู สิ"


    เดี๋ยวนะ........................./แดกจุด


    "ราตรีสวัสดิ์นะครับนางฟ้า"



    ....


    ..




    แล้ว....คืนนี้ คิมจุนมยอนจะได้นอนไหมเนี่ยยยยย!!!






    ครั้งที่ 3







    เขาว่ากันว่า.... อาหารจำเป็นสำหรับมนุษย์....

    โดยเฉพาะมนุษย์ที่ชื่อโอเซฮุน


    ผ่านมาได้สัปดาห์กว่าแล้วที่โอเซฮุนทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้จุนมยอนได้เข้า ไปอาศัยซุกหัวในชายคาเดียวกัน(?) เขาว่าไปอยู่บ้านคนอื่นอย่าทำตัวไร้ประโยชน์ เขาเลยจัดการ ฝึกหัดจากคุณชายที่ไม่ได้เรื่องก็พอจะได้เรื่องมาบ้าง อันที่จริงงานบ้านก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่ยากคือไม่ เข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้มันทำไม่ได้...

    ตอนนี้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเซฮุนหลายๆข้อ โดยเฉพาะข้อที่มันมือไวแถม รุ่มร่าม และอีกข้อนึงคือ มันกินเก่งมากกกกกก


    ทั้งที่คิดว่าจะเข้าหมู่บ้านไปซื้อของสักเดือนละสองสามครั้งก็พอ แต่ตอนนี้ ของกินที่เก็บไว้ก็ค่อยๆหมดลงเพราะจำนวนคนคูณสองแถมอีกคนกินเยอะ (มันอ้างว่ามันกำลัง โต...)ทำให้จุนมยอนต้องเข้าหมู่บ้านเร็วกว่าปกติ เขาไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินแต่ถ้ามันหมดไปเยอะพ่อ เลี้ยงอาจจะสงสัยได้

    ว่ากันตามตรง พ่อเลี้ยงไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามกับจุนมยอนตั้งแต่เด็กเล็กแล้ว โดยเฉพาะพวกผู้ชายขี้แกล้ง พ่อเลี้ยงบอกว่าที่นี่จะปกป้องให้เขาปลอดภัยได้ ที่จริงเขาก็แอบสงสัยอยู่ ในเมื่อพ่อเลี้ยงยังอาศัยอยู่ในเมืองแล้วทำไมถึงต้องมาสร้างบ้านพร้อมตกแต่งห้องไว้ซะเรียบร้อย


    ตอนเด็กๆเขาเคยได้อยู่กับพ่อเลี้ยง พวกคุณป้าๆแม่บ้านก็ชอบบอกว่าดีใจที่ พ่อเลี้ยงยังมีจุนมยอนอยู่ ระหว่างทานอาหารเย็นด้วยกัน บางครั้งพ่อเลี้ยงก็มองมาทางจุนมยอนด้วย สายตาเศร้าๆ แต่เขาไม่เข้าใจความหมายนั้นหรอก แต่เขาก็ไม่อยากเห็นพ่อเลี้ยงไม่สบายใจ


    ระหว่างที่มาอยู่ที่นี่ ...เขาได้แต่หวังให้พ่อเลี้ยงจะมีความสุขดี


    "จุนมยอน เหม่ออยู่เหรอ ....เป็นอะไรรึเปล่า"


    "ฮะ? ฮะ?"


    โอเซฮุนสะกิดไหล่คนข้างหน้าแม้ว่าจะมีแต่ข้าวของเต็มไม้เต็มมือ รายรอบพวก เขาคือชาวบ้านและร้านขายของข้างทางของชาวบ้านบนเกาะ ทุกคนส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มทังสองคน ตลอดทาง แม่ค้าสาวน้อยตรงนั้นก็แอบซุบซิบกันเมื่อเซฮุนเดินไปใกล้ จะด้วยความแปลกหน้าหรือ ความหล่อก็ตามแต่โอเซฮุนก็รู้สึกยินดีกับมันไม่น้อย


    แต่ก็ขอเข้าข้างตัวเองหน่อยละกันว่าโดนมองเพราะหล่อ.... ช่วยไม่ได้อ่ะนะ พ่อ ให้มาดีเกิน

    เฮาะ

    เฮาะ

    เฮาะ!


    "คุณเหม่อ แล้วจะซื้ออะไรต่อ"


    "อือ สับปะรดตรงนั้นสวยจัง คุณอยากทานผลไม้ไหม"


    "อ่า ก็ดีนะ"


    เซฮุนยิ้มกริ่มเมื่อซุ้มที่จุนมยอนกำลังจะเดินไปคือร้านของแม่ค้าสาวน้อยสอง คนนั้นที่หน้าขึ้นสีระเรื่อและยกยิ้มหวานหยาดเยิ้ม พวกเธอแย่งกันทักทายลูกค้าคนใหม่จนแทบจะจิก หัวกันเลย

    เกิดเป็นคนหล่อนี่บาปกรรมจริง...


    "สวัสดีค่ะพี่ อุ๊ย!"


    "ถอยไปยัยบ๊อง... พี่เจ้าชายสวัสดีค่ะ พี่ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ คะ"


    หญิงสาวทั้งสองยิ้มทักเมื่อจุนมยอนและเซฮุนไปหยุดที่ร้านขายของๆเธอ คน ตัวเล็กยิ้มหวานให้ทั้งคู่แล้วเอ่ยทัก ขณะที่คนตัวสูงแม้แต่หุบปากยังไม่ลง ...คือไม่ได้มองกู แต่มองคน เตี้ยๆหน้ากู?

    สูญเสียความมั่นใจ -100แต้ม



    "เเฮะๆ ขอบคุณครับ สับปะรดร้านเรายังสวยเหมือนเดิม เลย"


    "ขอบคุณค่ะพี่ แต่ถ้าให้เลือกมันกับพี่ว่าอันไหนสวยกว่า ฉันเลือกพี่ เจ้าชายนะคะ!"


    "ฉันก็เลือกพี่ค่ะ!"


    จุนมยอนยิ้มแห้งๆ ที่ไม่ค่อยอยากเข้าหมู่บ้านก็เพราะเงี้ยแหละ ชอบโดนผู้หญิง เต๊าะทุกที คนละนิดๆหน่อยๆ แต่คนอื่นเขาก็เขินเป็นนะเว้ย!


    ร่างเล็กจู่ๆก็เซกลับไปด้านหลังเพราะแรงดึงจากบางอย่าง ท่อนแขนยาวล็อค เข้าตรงช่วงระหว่างอกกับคอของจุนมยอนและดึงกลับมา โอเซฮุนมองหญิงสาวที่ยืนอึ้งทั้งสองคนแล้ว ก็ยกยิ้มตาปิดให้


    "อ่ะแฮ่ม ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะนะครับคนสวยทั้งสอง"


    "จะทำอะไร...ปล่อยก่อนๆ"


    จุนมยอนเงยหน้าไปทำตาเขียวใส่เซฮุนแต่อีกคนก็หาได้มองลงมาสนใจไม่ กลับเอาแต่แสยะยิ้มใส่น้องสองคนนั้นอยู่นั่นแหละ ไม่รู้รึไงขวดซีอิ๊วมันทิ่มหลังเขาอยู่ เจ็บเว้ย T T


    "พี่เสียใจที่ต้องตัดความหวังพวกน้องนะ"

    ..



    "แต่พอดีพี่เจ้าชายของพวกน้องน่ะ พี่เลือกไว้ก่อนใครแล้วอ่ะ ครับ"










    "จุนมยอน จะเดินหนีผมทำไมล่ะ"


    "นี่มันคิดผิดจริงๆ ผมไม่น่าพาคุณมาด้วยเลยยยยย~"


    คิมจุนมยอนแบกถุงผลไม้ร้อยตาแล้วเดินเร็วจนแทบวิ่งออกห่างจากโอเซฮุน ร่างสูงพยายามวิ่งตามแต่ด้วยแบกของไว้มากกว่าเลยวิ่งเร็วไม่ได้จึงอาศัยก้าวขายาวๆเอา จุนมยอน นึกคาดโทษว่าวันนี้เขาจะไม่ให้เซฮุนเเตะผลไม้ มันใช่เรื่องที่ไหนไปพูดแบบนั้นใส่น้องพวกนั้น แถมพอ พูดเสร็จก็บอกให้เขาเลือกผลไม้ต่อ แล้วมันจะมีสมาธิเลือกไหม! จุนมยอนได้แต่มองมึนๆแล้วจิ้มๆเลือก เอาลูกสองลูกแล้วก็วิ่งหนีมาเลย


    ไม่อยากจะจินตนาการถึงวันข้างหน้าเลยยย คนอื่นๆจะมองเขายังไงล่ะทีนี้


    แล้วถ้า....พ่อเลี้ยงรู้เรื่องล่ะก็....



    "ผมพูดผิดอะไร ก็ผมจองคุณก่อนคนอื่น"


    "เงียบน่ะ! ก่อนจะพูดอะไรคุณควรจะนึกถึงสิ่งที่ตามมาด้วย มันไม่ใช่ เรื่องแค่พูดแล้วจบๆไป คุณควรจะนึกถึงความรู้สึกคนอื่นด้วย"


    คิมจุนมยอนวางถุงของกินลงบนพื้นแล้วกอดอกเบือนหน้าหนีร่างสูงของเซฮุน ไม่ใช่อะไรหรอก ขืนมองหน้ามันตรงๆแล้วเห็นแววตาสลด มันก็อดที่จะสงสารไม่ได้ แต่วันนี้จะเอาจริง ไง


    "..."


    "ที่นี่ไม่มีคนคอยเอาใจคุณตลอดเวลา... ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของคุณนะ คุณหนูโอเซฮุน"


    "อย่าเรียกผมว่า...."


    "อะอะอ้าววว~ คิมจุน!! ไหงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ"


    เซฮุนชะงักปากทันทีเมื่อถูกเสียงบางอย่างทำให้ชะงักกลางอากาศ เมื่อมอง หาต้นตอก็พบร่างสูงชะมัดที่มีหมวกปีกกว้างปิดใบหน้าขี้เล่นไว้ เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกเองก็หันไปหาผู้ มาใหม่พร้อมใบหน้าที่ยิ้มกว้าง

    กว้างจนเซฮุนเผลออิจฉา...


    "อ่ะ อ้าว ชานยอล นายนั่นแหละทำไมมาที่นี่ล่ะ"


    "ก็แค่เบื่อๆเลยมาเดินเล่น ร้านเองก็ให้เด็กดูให้แล้ว"


    คนตัวสูงปลดหมวกปีกว้างออกแล้วควงมันเล่นบนนิ้ว พร้อมทั้งยกยิ้มสุดเท่ เมื่อมองดูดีๆผู้ชายคนนี้ดูดีและมีเสน่ห์ผิดกับคนทั่วไป ร่างสูงชะลูด ใบหน้าหล่อแต่ก็แอบสวยซ่อนอยู่ ใต้เเว่นกันแดดอันใหญ่ เสื้อผ้าแนวฮิปฮอปตัดกับเสื้อคลุมลายแตงโม ที่เด่นที่สุดคงเป็นหูที่...ใหญ่ ดี

    ดูไกลๆนี่นายแบบชัดๆ


    "แล้วนั่นใครล่ะ แหน่ะ นอกใจฉันเหรอตัวเล็ก"


    เซฮุนแอบเขม่นอีกฝ่ายทางสายตา เมื่อหมอนั่นโอบไหล่จุนมยอนพลางพูด หยกล้อยังกับสนิทมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพื่อนเล่นเหรอวะ เดี๋ยวก็ต่อยหูหลุด แถมจุนมยอนยังไม่คิดจะ ปัดป้องอะไรอีกต่างหาก ทีกับเขาที่แตะนิดแตะหน่อยก็ฟาดมือแทบหลุด

    ......อะไรเนี่ย


    "เสียสติไปแล้วรึไง... นั่นคุณชายโอเซฮุน เขา..."


    "อย่าเรียกผมว่าคุณหนู!"


    จุนมยอนปิดปากฉับเมื่อเซฮุนตะคอกใส่ คุณชายร่างสูงดูจะแอบอึ้งกับสิ่งที่ตัว เองทำลงไปเหมือนกัน เซฮุนอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูด เขาทำเพียงสั่นหัวไปมารัวๆแล้วก็ สบถกับตัวเอง


    "เวรเอ๊ย..."


    โอเซฮุนก้าวยาวเดินไปทางอื่นโดยไม่เอ่ยคำใดๆ เขาปล่อยจุนมยอนที่ทำหน้า งงๆไว้ด้านหลัง ชานยอลลดแว่นตัวเองลง สายตามองตามแผ่นหลังกว้างไปพลางเอ่ยแซวคนข้างๆ ด้วย


    "โอ้ล่า งอนไปโน่นแล้วสิ ใจร้ายจังคิมจุน นายอย่าเรียกผู้ชายแมนๆว่า คุณหนูสิ มันเหยียบศักดิ์ศรีกันชัดๆเลยน้าาา"


    "เอ๊ะ เอ๊ะ จริงดิ"


    "แล้วจะไม่ตามเขาไปหน่อยรึไง"


    "ไม่เป็นไรหรอก ให้เขาได้เรียนรู้ในความรู้สึกแย่ๆบ้างก็ดี จะได้รับรู้ถึง ความรู้สึกเสียหน้าซะบ้าง...ไม่เป็นไรหรอก .....มั้งนะ"


    จุนมยอนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใจนึงก็อยากตามไป แต่อีกใจก็อยาก จะให้รู้ว่าเขาไม่ได้ใจง่ายที่จะต้องเอาใจอีกคนตลอดเวลา แต่เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่เลยไม่ทัน เห็นร่างสูงที่เดินกลับมา

    เซฮุนฟังแล้วก็นิ่วหน้า มือใหญ่เอื้อมไปหยิบถุงสับปะรดที่โดนทิ้งไว้บนพื้นมาถือ ไว้พร้อมข้าวของที่กอดไว้แนบอก เขาดูเหมือนบ้าหอบฟางอย่างมากในตอนนี้ แต่แล้วไง มั่นใจว่า หล่อ


    ".......ขอโทษ"


    ".........."


    เซฮุนส่งสายตาสำนึกผิดพลางตีหน้ายุ่งไปให้ พอสิ้นคำพูดก็เดินหนีกลับไป อีกครั้งระหว่างที่จุนมยอนกำลังอึ้งอยู่ ชานยอลคนไร้บทยืนเงียบๆรอ เผื่อว่าพระเอกจะเปลี่ยนใจกลับมา เอาของอะไรอีก แต่พอยืนรอไปรอมา อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่กลับมาแล้ว


    "บรรยากาศไม่ดีเลยน้าาา ถ้ายังไง ไปเที่ยวร้านฉันหน่อยไหมล่ะ เผื่อ อารมณ์จะได้ดีขึ้นบ้าง"


    จุนมยอนยังคงมองไปทางที่เซฮุนเดินไป หน้าสวยบูดลงอีกชัดเจนจนกลัวว่า อีกไม่นานจะระเบิดลง ชานยอลตบบ่าเล็กๆเป็นการให้กำลังใจ


    "น่าๆ เดี๋ยวเขากลับมาแล้วไม่เจอนาย เขาก็ตามหาเองและ อีกอย่าง คนที่นี่เขารู้กันทั้งนั้นแหละ ว่าถ้าอยากอารมณ์ดีก็ต้องมาร้านปาร์คชานยอล"


    "แต่หมอนั่น..."


    "แคร์รึไง?"


    มันก็แค่คำถามหนึ่งที่ชานยอลจะถามเวลากวนประสาทใครเท่านั้น แต่เหมือน จุนมยอนจะเป็นจริงจังเกินกว่าจะเข้าใจ ร่างเล็กหน้าบูดลงแถมยังมีแววตาจริงจังขึ้นอีก


    "เปล่า...ไม่ได้แคร์ ไม่ได้สนใจด้วย!"


    "จ้าๆ เข้าใจแล้ววว อย่าทำหน้าตาน่ากลัวสิ"


    สงสัยว่าปาร์คชานยอลจะต้องรีบพาอีกฝ่ายเข้าไปหาเครื่องดื่มเย็นดับ อารมณ์ก่อนล่ะน้าาาา~~~












    "แฮ่กๆๆๆ โอ๊ยยยย น....เหนื่อย"


    คิมจุนมยอนกำลังหอบเเฮ่กเหมือนคนกำลังใกล้จะขาดอากาศตาย มือขาวกด เข่าไว้เป็นที่พึ่งไม่ให้ร่างเล็กนั่นทรุดลงไปกองกับพื้นเสียก่อน เขาเช็ดเหงื่อแล้วทุบๆต้นขาตัวเองสอง สามทีเเล้วออกวิ่งต่อ เป้าหมายตอนนี้อยู่ไม่ไกลมากก็จริง แต่ก็อยากจะไปถึงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะต้องวิ่งเต็มที่โดยไม่หยุดมาเกือบห้านาทีแล้วก็ตาม


    ไม่เคยนึกเลยว่ากลับบ้านตัวเองจะต้องเหนื่อยขนาดนี้...


    จะโทษก็ต้องโทษปาร์คชานยอล ใช่เรื่องที่ไหนไม่ยอมเตือนเขาเรื่องเวลาซัก แอะหนึ่ง หันกลับมาอีกทีจากเลข3กลายเป็นเลข6ไปซะงั้น.... อันที่จริงเขาก็ผิดนั่นแหละ แต่เรื่องอะไร จะต้องโทษตัวเอง?


    ขอเล่าเรื่องปาร์คชานยอลหน่อย หมอนั่นเป็นหลานชายของคุณยายปาร์ค หญิงชราที่มาใช้ชีวิตปลายที่นี่ แต่ก่อนเธอบอกว่าเธอเป็นนักผจญภัย งานเธอเป็นเจ้าพวกต้องไปมา หลายที่ก็เลยมีเรื่องเล่าเยอะแยะ ชานยอลก็มีนิสัยเหมือนคุณยาย ยีราฟนั่นตอนเด็กไปเรียนในโซล โต มาก็ได้ไปเมืองนอก ทำงานบ้าง เรียนบ้าง เที่ยวบ้างจนอิ่มหนำ และสุดท้ายก็กลับมาที่นี่ ลงทุนเปิด ร้านกาแฟตามฝันร้านหนึ่งอยู่กับคุณยายของตัวเอง ถึงจะได้กำไรไม่ดีมากแต่ชานยอลก็ไม่ได้สนใจ เรื่องนั้น

    เวลาเข้ามาหาของในหมู่บ้าน เขาชอบไปที่ร้านชานยอลก็เพราะว่าหญิงชรา มักจะนำเรื่องราวของเธอมาเล่า เช่นเดียวกับหลานชายเธอที่ชอบเข้ามาผสมโรง พวกเราจะคุยกัน นานจนแทบไม่ได้ดูนาฬิกา มันก็เป็นอย่างนี้ทุกทีนั่นแหละ เพราะงั้นมันก็เลยทำให้...


    จุนมยอนลืมโอเซฮุนไปซะสนิท!



    "ฮ...แฮ่... เหนื่อย...ชะมัด"


    พอเห็นหลังคาบ้านตัวเองที่มีแสงไฟสลัวๆ เขาก็ค่อยลดความเร็วลงแล้วสูดอากาศให้ปอดหายใจได้คล่องขึ้น ในหัวก็คิดไปว่าจะทำหน้าเข้าไปยังไงดี ก็จริงอยู่ว่านี่มันบ้านเขา แต่การปล่อยให้ใครซักคนรอตั้งสามชั่วโมงนี่มันไม่เจ๋งเลย แถมสามชั่วโมงนั้นเป็นเวลาที่เรารู้สึกไม่ดีต่อกันอีกต่างหาก

    จะโดนโกรธมากไหมนะ....


    จุนมยอนคิดเเล้วก็ถอนหายใจ เดินโซซัดโซเซไปตามทางเพราะสังขารเริ่มไม่เอื้ออำนวย แต่พอเข้าไปใกล้ขึ้นจุนมยอนก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแปลกใจ ของที่ซื้อมาถูกวางไว้บนม้านั่งหน้าบ้านอย่างดี แต่ว่าคนที่แบกมันมากลับหายไปซะแล้ว


    โอเซฮุนหายไปแล้ว....ไร้ร่องรอยด้วย...


    "รึว่า........มีกุญแจสำรองเหรอ"


    คิดไปคิดมา มันจะไปมีได้ยังไง เขาไม่ได้ทำกุญแจไว้หลายชุดซะหน่อย มากสุดก็แค่กุญแจประตูบ้านเล็กๆที่ติดอยู่ที่กำไรข้อมือเท่านั้น แต่มันก็ยังอยู่กับเขา เพราะงั้นตัดไปละกัน


    "รึว่าจะปีนเข้าทางหน้าต่าง"


    จุนมยอนเงยหน้ามองระเบียงที่ยื่นออกมา มันก็อาจจะเป็นไปได้นะ ยิ่งนิสัยมุทะลุแบบนั้นอีก หน้าต่างข้างบนเปิดอยู่ ปกติเขาไม่ปิดมันหรอกแถวนี้โจรอะไรไม่มีหรอก แถมปีนยากอีกเสียเวลาเปล่าๆ


    สงสัยจะเข้าทางนั้นล่ะมั้ง....


    แกร๊ก


    จุนมยอนผลักประตูเข้าไปด้วยความเงียบ ด้านในบ้านมืดลงตามเวลาเย็นย่ำ มือขาวแตะสวิตช์ไฟจนเเสงสว่างจ้าไปทั่วแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่ตามหา จุนมยอนเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง เขาตามหาทุกห้องแต่ก็ยังไม่พบเจอใคร


    "โอเซฮุน อยู่รึเปล่า"


    ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากสิ่งใดๆทั้งปวง เจ้าของบ้านขมวดคิ้วแล้วเดินลงไปชั้นล่าง เปิดประตูออกไปข้างนอก ดวงตาสวยกวาดไปรอบๆเพื่อมองหาร่างสูง แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับเพียงเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งโขดหิน


    "หรือว่า......"


    เสียงหวูดเรือก้องกังวานพร้อมแสงไฟค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากเกาะแห่งนี้ไป คล้ายจะย้ำความคิดของเขาให้เป็นจริงยิ่งขึ้น จุนมยอนค่อยทรุดตัวเอนหลังลงบนม้านั่งหน้าบ้าน นัยน์ตาคู่งามปิดลงช้าๆพลางลอบถอนหายใจ


    ....โอเซฮุนคงหนีกลับปราสาทไปแล้วละมั้ง


    นั่นสิ ที่นี่มันไม่มีอะไรน่าสนใจซักหน่อย ทำไงดี รู้สึกโหวงๆซะแล้ว แต่ที่หมอนั่นมาอยู่ที่นี่ ก็แค่เผลอหน้ามืดตามัวมาชอบเปลือกนอกของเขา สงสัยจะตาสว่างแล้วกลับไปหาสาวชาวกรุงที่หน้าตาดีกว่า...


    "อ้าว คุณมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ"


    จุนมยอนลืมตาโพลงเมื่อเสียงคุ้นๆดังขึ้นตรงหน้า ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงเมื่อหน้าท้องขาวๆประกอบด้วยกล้ามเนื้อเด่นๆหกก้อนกระแทกตาเข้าอย่างจัง รู้สึกได้ว่าหน้าสั่นไปหมดตอนเงยสูงขึ้นไป เป็นโอเซฮุนที่เนื้อตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก ในมือมีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเปียกๆอยู่ จำได้ว่ามันเป็นตัวที่เขายื่นให้อีกฝ่ายเองกับมือ


    "ไม่เข้าบ้านล่ะ เดี๋ยวยุงก็หามไปกินหรอก"


    "นาย.....ยังไม่ไปอีกเหรอ"


    "ไป? ไปไหน นี่จะไล่ผมอีกแล้วเหรอ ใจร้ายจังน้าาา...."


    "ไม่ใช่ๆๆๆ ไม่ใช่นะ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น...."


    เพราะหน้าเหวอหวาของจุนมยอนทำให้โอเซฮุนเผลอหัวเราะน้อยๆ แล้วถือวิสาสะนั่งลงข้างๆแม้ตัวยังเปียกโชก


    "ว่าแต่หายไปไหนมา เเถมเปียกขนาดนั้น"


    "ก็นั่งรอแล้วมันเบื่อๆ พอดีเห็นเด็กมาเล่นกันที่ชายหาด เลยเผลอตัวลงไปเล่นน้ำด้วยน่ะ ฮ่ะๆๆๆ จะว่าไปผมก็คิดถึงตอนเด็กเหมือนกันนะ ไม่ได้เล่นน้ำมานานแล้วด้วย ทีนี้เลยเพลิน..."


    "งะ งั้นเหรอ"


    "ขอโทษด้วย เพราะงี้เสื้อคุณเลยเปียกหมดเลย"


    เซฮุนบิดน้ำเกลือออกจากเสื้อให้ดูว่าเขาเปียกขนาดไหน ทว่าทั้งคู่ก็เงียบลงจนเหลือแค่เสียงคลื่น เซฮุนเกาหัวตัวเองที่จู่ๆอีกฝ่ายก็เงียบ เขาเองก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่ก่อนที่จะเอ่ยปากชวนเข้าบ้าน จุนมยอนก็พูดอะไรออกมาเสียก่อน


    "ไม่ใช่หรอก ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่พูดกับคุณแบบนั้น แถมยังทำให้คุณรออีกตั้งสามชั่วโมง....."


    คนตัวเล็กหันหน้าไปทางอีกคนขณะที่เอื้อมมือสั่นๆไปกุมมือของเซฮุนไว้ จุนมยอนสูดหายใจลึกๆ


    "ผมนี่แหละที่เอาแต่ใจ ขอโทษนะเซฮุน!"


    พอพูดจบจุนมยอนก็หลับตาปี๋ ไม่อยากลืมตาไปมองหน้าหมอนั่นเลย ตอนนี้จะทำหน้ายังไงอยู่นะ จะโกรธรึเปล่าก็ไม่รู้....


    "ดีใจจัง ที่คุณเรียกผมว่าเซฮุน...."


    "หะ?"


    "เราดีกันแล้ว เกี่ยวก้อยกันนะ"


    สัมผัสอบอุ่นตรงนิ้วก้อยทำให้จุนมยอนลืมตา เป็นนิ้วก้อยของเราทั้งคู่เกี่ยวกันอยู่เหมือนตอนเวลาเด็กคืนดีกัน การกระทำแบบเด็กๆของอีกคนทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา


    "คุณยิ้มแล้วดูดีมากนะ...."


    ใบหน้าหล่อระบายยิ้มอ่อน ดวงตาที่จ้องมาทำเอาจุนมยอนขยับตัวไม่ได้ ตวงตาคมสีนิลสะท้อนแสงไฟ... สวยงามดั่งดวงดาวบนท้องฟ้ากลางคืน ราวกับจะถูกดูดไปด้วยตาคู่นั้นได้เลยด้วยซ้ำ

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน หมอนี่...จู่ๆก็ดูดีขึ้นนิดหน่อยรึเปล่า....


    ร่างสูงลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้าจุนมยอนเพื่อให้อีกฝ่ายได้ลุกขึ้นตาม รอยยิ้มหล่อผุดขึ้นมุมปากก่อนจะเอ่ยเพียงคำสั้นๆที่เรียกรอยยิ้มของจุนมยอนได้เช่นกัน....



    "ทีนี้ก็เข้าบ้านกันเถอะนะ...."
















    "ฟู่....ลมแรงจังเลย แถมฟ้ายังมืดยังกับว่าพายุจะมายังงั้นแหละ"


    ในกลางคืนของอีกวันหนึ่ง จุนมยอนยืนอยู่ตรงระเบียงไม้กว้างชั้นสองที่เป็นที่ตากผ้าของบ้านพร้อมกับตะกร้าผ้าสีเขียวที่มีกองผ้าแห้งอุ่นแดดใส่ไว้บางส่วน ท้องฟ้าเวลากลางคืนมืดลงกว่าปกติแถมแรงกลางคืนที่กำลังโหมกระหน่ำจนผมเผ้าเข้าตา คนตัวเล็กเลยรีบเก็บผ้าให้เสร็จๆก่อนที่ฝนจะตกตามที่เขาคาดการณ์ไว้ แต่เพราะอาจจะรีบมากไปหน่อย ทันทีที่ยกไม้หนีบออก ผ้าขนหนูลายหมีพูห์ผ้ากว้างก็พุ่งทะยานออกจากราวลวดไปตามแรงลม


    "โอ๊ะๆๆๆ เฮ้! อย่าดื้อสิ ปั๊ดโธ่เอ๊ย นึกจะมาอยากบินอะไรตอนเนี้ยไอ้บ้า"


    เจ้าตัวปัญหากำลังติดอยู่อย่างหมิ่นเหม่นตรงราวระเบียง เขาพยายามไล่ตามไปเก็บแต่เหมือนสวรรค์จะไม่เข้าข้าง ผ้าผืนนั้นเริ่มออกเดินทางอีกครั้งและคราวนี้เหมือนว่ามันจะลงไปตกอยู่บริเวณโขดหินตรงทะเลใกล้ชายฝั่ง

    จุนมยอนชั่งใจว่าควรลงไปเก็บไหม ท้องฟ้าเริ่มทำท่าเหมือนฝนจะตก ทะเลเองก็คลื่นแรงผิดทุกวัน แต่ผ้าขนหนูผืนนั้นก็ไม่ได้ตกไปไกลมาก ที่สำคัญที่สุด มันเป็นผ้าขนหนูที่เซฮุนชอบ


    มันก็แค่ผ้าผืนเดียว แต่ว่า....


    ...



    "ลองไปดูก่อนแล้วกัน"








    ซ่า!


    แสงไฟจากไฟฉายกระบอกใหญ่ฉายฉวัดเฉวียนไปมาจากโขดหิน จุนมยอนเดินลัดเลาะชายฝั่งไปตามทางที่เขาเห็นเจ้าผ้าหมีพูห์ตัวปัญหาเป็นครั้งสุดท้าย จนถึงจดหนึ่งเขาก็พบกับวัตถุประหลาดที่ติดอยู่กับหิน มันนั่นแหละที่เขากำลังตามหา กำลังเริงร่ากับคลื่นทะเลอย่างมีความสุขเชียวนะ


    "ฮ้า นั่นไง โชคดีที่ไปติดอยู่ตรงนั้น รออยู่ก่อนนะเดี๋ยวกลับมา"


    ไฟฉายสีดำถูกวางไว้ตรงหาดทรายคู่กับรองเท้าเเตะเพราะกลัวว่าจะเปียกน้ำพังเสียเปล่าๆ แสงไฟส่องตรงไปที่ๆจุนมยอนกำลังจะเดินไป ร่างเล็กค่อยๆเดินไปตามโขดหินอย่างระมัดระวัง ขณะที่คลื่นทะเลที่ปะทะเข้าฝั่งหินรุนแรงขึ้น จุนมยอนเอื้อมเเขนไปหยิบผ้าผืนนั้น ขณะที่มืออีกข้างก็จับโขดหินไว้เป็นที่พึ่งพิงแน่น

    มือสั่นที่เอื้อมไปจับผ้ากำลังสั่นอย่างช่วยไม่ได้ เขาต้องเกร็งไม่ให้ตัวเองตกลงไป หินแถวนี้ไม่ค่อยจะเป็นมิตรด้วย จุนมยอนกำลังปลอบใจตัวเอง อีกไม่กี่เซ็นฯนิ้วของเขาก็จะถึงผ้าอยู่แล้ว....



    ซ่า!



    ทันใดนั้นเองผ้าหมีพูห์ก็หลุดออกจากโขดหินไปอย่างเฉียดฉิว.... เช่นกันกับคนตัวเล็กที่เผลอกระโจนตามมันไป จุนมยอนคว้ามันไว้ก่อนจะร่วงไปตามขอบโขดหิน เนื้อตัวถูกกระแทกกับขอบจนเขารู้สึกเจ็บแสบซ้ำยังลงไปสำลักน้ำทะเลอีกด้วย เขาโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำแล้วไอค่อกแค่ก มือขาวควานหาที่เกาะเพราะกลัวจะถูกคลื่นซัด


    จุนมยอนพยายามปีนกลับไปทางโขดหินที่เข้ามาทว่าต้องหน้าเสียเพราะมันทำไม่ได้ มีทางเดียวคือต้องฝ่าทะเลคลั่งออกไปแถมมันต้องใช้แรงมากด้วยเพราะตัวเขาก็ออกจากฝั่งมาพอสมควร ....แต่ถึงยังไงมันก็ต้องทำ


    เมื่อผูกผ้าหมีพูห์ตัวปัญญาไว้กับลำคอเสร็จก็หายใจลึกๆเป็นการประโลมตัวเอง เอาน่าจุนมยอน มันไม่ได้ไกลอะไรเลย แค่จ้วงน้ำนิดๆหน่อยๆก็ไปได้แล้ว ว่าแล้วก็ถอยออกมาให้พ้นแนวขอบหิน


    ซ่า!


    "แฮ่...แฮ่ก..."


    จุนมยอนพยายามว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง มันยากตรงที่ทั้งลมทั้งคลื่นแต่เขาก็กลั้นใจมาได้จนค่อนทาง ร่างกายที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานานหัวใจก็เลยทำงานหนักเอาดื้อๆ ตอนอ้าปากหายใจไม่ทันได้ตั้งสติน้ำเกลือเค็มๆเลยซัดเข้าเต็มปาก จุนมยอนไอโคลกเคลก น้ำตาก็พาลจะไหลอีก เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องฝืนใจไปก่อน เมื่อมองเห็นแสงไฟอันเป็นเป้าหมายใบหน้าสวยที่เดิมแทบจะจมทะเลอยู่รอมร่อก็ตัดสินใจมุดลงไปใต้ผิวน้ำ จุนมยอนเลือกที่จะไม่มองทางแล้วใช้ท่าฟรีสไตล์กลับเข้าฝั่งเพื่อจะได้เร็วขึ้น ท่อนแขนทะเเทกคลื่นก็ใกล้จะหมดแรงเต็มที

    ณ จังหวะหนึ่งของลมหายใจสิ้นสุด เขาก็เผลอสำลักน้ำออกมาเพราะผ้าที่มัดไว้ตรงลำคอมันจะไหลไปตามคลื่นแรง จุนมยอนรีบเเกะมันออกก่อนที่มันจะพาเขาไปตาย มือเขากำลังสั่นอย่างแรง หัวสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก รึว่าเขาจะต้องมาตายเพราะทะเลที่อยู่ด้วยกันมาตลอด... ไม่ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ออกไปเลย...


    ทั้งๆที่ชีวิตของเขายังไม่ได้เริ่มเลยแท้....



    ...



    'จะไม่มีใครทำร้ายลูกของพ่อได้.... พ่อจะปกป้องลูก'










    "อ่อ...แค่กๆๆๆ!"


    มือขาวรีบตะกายน้ำขึ้นมาสูดหายใจพร้อมกับสำลักน้ำไปด้วย สายตาเริ่มพร่าเลือนเพราะเผลอลืมตาในน้ำ หูตาน้ำตาไหลไปหมด จุนมยอนมองหมีพูห์จกน้ำฝึ้งในมือตัวเองด้วยแววตาคาดโทษ นึกจะเกลียดทะเลกับหมีพูห์เอาก็วันนี้แหละ ไม่ต้องถามนะว่าทำไมไม่ทิ้งอีผ้ากาลกิณีนี่ไปซะที ก็ลงทุนไปขนาดนี้แล้วนะเว้ย จะทิ้งก็ไม่ใช่เรื่อง


    โชคดีที่เขาเข้าใกล้ชายฝั่งมากแล้ว จากตรงนี้ไปแค่ลองหย่อนเท้าลงไปก็สัมผัสไปถึงพื้นทรายแน่นๆถึงแม้น้ำทะเลจะสูงแทบถึงปลายจมูก จุนมยอนค่อยๆลากตัวเองขึ้นมา ขาเขามันอ่อนไปหมดจากเหตุการณ์เมื่อครู่แถมยังโดนคลื่นทะเลดันอีก เพราะงั้นเลยเดินได้ทีละนิดหน่อย แต่ก็ไม่คิดจะมาจมน้ำตรงนี้หรอก มันทุเรศเกินไป


    น้ำทะเลลดไปจนถึงบั้นเอวแล้ว จุนมยอนเผยยิ้มอ่อนเพลีย ทว่าทันทีที่วางเท้าขวาลงไป เขาก็รู้สึกแสบแปร๊บบาดลึกลงที่ฝ่าเท้า


    "โอ๊ย!!"


    เหมือนคนตาบอด เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรในเมื่อเขายังอยู่ในน้ำ แต่จากความแสบนี้มันคงจะสาหัสพอควร ไหนจะยังเกลือที่ช่วยทำให้แสบกว่าเดิมอีก จุนมยอนได้แต่กัดฟันแล้วเดินเลี่ยงมันไป แต่แล้วเขาก็ล้มลงเพราะทนเจ็บไม่ได้ ใช้มือขาวทั้งคู่ต่างเท้าขวาที่บาดเจ็บล้มลุกคลุกคลานไปตามพื้นทรายบนขึ้นมาบนฝั่งได้สำเร็จ


    ความทรมานไล่หลังมาแบบไม่ทันได้พักหายใจ น้ำตาไหลออกจากดวงตาคู่สวยเมื่อยกเท้าขึ้นมอง ความปวดหนึบของบาดแผลเริ่มแผลงฤทธิ์เมื่อได้เห็นสาเหตุเต็มตา เลือดสีแดงฉานเต็มฝ่าเท้าและเศษแก้วที่ปักลึกลงไป


    นิ้วยาวสั่นไหวรุนแรงเลื่อนไปตรงเศษแก้วที่ปักเท้าตน จุนมยอนหอบจนตัวสั่นเมื่อเผลอนึกถึงความเจ็บที่จะตามมา กลั้นใจครู่หนึ่งแล้วจึงดึงมันออกอย่างรวดเร็ว


    "อ๊า!! อ่ะ....ฮ่า...."


    ทันทีที่เศษแก้วหลุดออกมา โลหิตสีสดไหลล้นออกมาจากปากแผลเช่นกันกับน้ำใสที่ไหลจากดวงตา ความเจ็บไล่ขึ้นถึงแกนสมองและมันสั่งให้เขาหยุดไว้แค่นี้ ทำเอาจุนมยอนไม่กล้าแม้จะเเตะมันอีก


    แปะ...แปะ!


    หยาดน้ำฝนร่วงลงมาตามคาดการณ์ไว้ แต่เหมือนมันจะตกลงมาไม่ถูกจังหวะเอาเสียเลย เขาขดตัวจนเล็กลง มือขาวคว้ากระบอกไฟฉายมาไว้ในอ้อมกอดแล้วใช้ผ้าหมีพูห์ขึ้นมาคลุมแผลตัวเองไว้ เขาอยากจะวิ่งกลับบ้านแทบตาย แต่ตอนนี้แม้แต่ยืนขึ้นยังไม่กล้าทำด้วยซ้ำ ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าทรายมหาศาลนี่โดนแผลเข้าไปล่ะก็...

    อีกไม่นาน น้ำทะเลจะขึ้นมามากกว่านี้ แถมแผลเองก็เปิดมากขึ้นอีก ถ้าปล่อยไว้มีหวังติดเชื้อแน่ๆ

    จะทำยังไงดี....



    "เมื่อไหร่จะมาช่วยสักที....เซฮุน!!"


    "จุนมยอน!!!! คิมจุนมยอน!!!!"


    เสียงตะโกนจากที่ไกลทำให้หัวใจแห้งเหี่ยวเฉากลับเต้นแรงขึ้นมาทันที จุนมยอนเผลอลุกขึ้นตามความเคยชินแต่เขาก็ต้องล้มลงไปกองกับพื้นทราย ปากชมพูบัดนี้ซีดเผือดตะโกนออกไปจนสุดเสียง


    "อยู่นี่ ....อยู่ตรงนี้ โอเซฮุน!!"


    "จุนมยอน มาทำอะไรที่นี่!! คุณทำผมเป็นห่วง! แล้วนั่น....เท้าคุณ"


    "ช่วยด้วย......."


    โอเซฮุนมาพร้อมกับแสงไฟช่วยชีวิต ร่างสูงรีบวิ่งไปหานางฟ้าของเขาอย่างเร็ว ของเหลวสีแดงที่เด่นชัดบนเท้าบางทำให้เขาจะกลายเป็นบ้า จุนมยอนไม่ยอมตอบคำถามอะไร อีกฝ่ายเอาแต่ร้องไห้ราวกับเด็กๆ เซฮุนลูบใบหน้าหวานที่เปียกไปด้วยน้ำฝนก่อนจะเข้าไปอุ้มไว้แนบอก


    "อย่าร้องไห้นะ ผมจะช่วยคุณ ถือไฟฉายไว้"


    หน้าหวานพยักขึ้นลงรัวๆ มือหนึ่งถือไฟฉายไว้นำทางอีกมือหนึ่งเกาะเสื้อเชิ้ตของอีกคนไว้แน่น เซฮุนเอาแต่พูดคำว่าไม่เป็นไรไปตลอดทาง และหวังว่ามันจะช่วยให้จุนมยอนดีขึ้น

    ทั้งคู่มาถึงหน้าบ้านโดยจุนมยอนเป็นคนเปิดประตูให้ เขาถูกวางไว้ที่โซฟาเดี่ยวไม้สานเพราะกลัวโซฟาผ้าจะเปียก เซฮุนหายไปทางห้องครัวกลับมาพร้อมนำอ่างใส่น้ำมาวางไว้ตรงเท้าเขาแล้วยกเท้าขวาที่โดนแก้วปักไว้ขึ้นมา


    "ช่วยด้วย....มันเจ็บ"


    บหน้าหล่อเริ่มเเสดงความเครียด เท่าที่ดูบาดแผลลึกน่าดูแต่โชคดีที่เป็นชิ้นส่วนใหญ่ จะเข้าไปหาหมอตอนนี้ก็เหมือนจะไม่ได้ เพราะก่อนที่เขาจะออกไปตามหาจุนมยอนก็ได้ยินวิทยุบอกว่าวันนี้จะมีพายุเข้ากะทันหันแถมดึกขนาดนี้ คลีนิคก็คงปิดไปหมดแล้ว

    เท่าที่ลองเดามา เหมือนว่าเขาคงต้องทำความสะอาดแผล ใส่ยาแล้วพันผ้าไว้ คงต้องให้ทานยาแก้ปวดด้วย น่าจะเดินลำบากไปอีกหลายวัน ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยตามหมอมาอีกที

    แต่ก่อนหน้านั้นแหละที่มันยากที่สุด....


    "ผมต้องดึงแก้วออกจากเท้าคุณ เพราะฉะนั้น อดทนหน่อยนะ"


    "อย่าดึง!!! มันเจ็บ เซฮุน มันเจ็บ!"


    เซฮุนแทบจะล้มลงไปชนโต๊ะวางของหน้าโซฟาอีกครั้ง เพราะถูกถีบด้วยเท้าซ้ายเข้าท้องมิดเท้าเลยทีเดียว ก็เข้าใจนะว่ากลัว แต่รู้สึกเหมือนข้าวเย็นที่กินเข้าไปจะไหลออกมาเลย แอ่ะๆๆ.../ไอแรง

    ไม่ได้ๆ เสียมาดพระเอกหมด ใจเย็นๆนะเซฮุน อย่าเพิ่งอ้วก โอ๊ย แต่จุกจัง T T


    "อดทนหน่อยนะ แค่นิดเดียว"


    "ไม่เอา! ถ้าแตะมัน ฉันจะฆ่านาย!!"


    จุนมยอนถลึงตาแดงๆใส่หน้าอีกฝ่ายพร้อมคำพูดตะคอก เซฮุนเผลอถอยไปหนึ่งจังหวะ เรียกกำลังใจให้ตัวเองสักหน่อยแล้วถึงตัดสินใจทำบางสิ่งลงไป เซฮุนประคองหน้าหวานทำเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขายื่นหน้าตัวเองเข้าไปใกล้จนหน้าผากชนกัน จากนั้นริมฝีปากของโอเซฮุนก็ถือวิสาสะประกบเข้ากับของจุนมยอน ราวกับกุญแจและแม่กุญแจที่เกิดมาคู่กัน เป็นเพียงจูบหวานๆไม่ได้เร่าร้อนหรือดูดดื่ม


    "ไม่เป็นไรจุนมยอน คุณทำได้....ไม่เป็นไรนะคนเก่งของผม"


    "ฮึ ....อือออ"


    ร่างสูงอาศัยตอนที่อีกฝ่ายเผลอไผลกับจูบของเขาไล่ดึงเศษแก้วออกจากแผล เพราะความเจ็บที่บริเวณเท้าทำเอาจุนมยอนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆแต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเขาพยายามอ้าปากเท่าไหร่เซฮุนก็จะรุกล้ำเข้ามาอีก ทำได้เพียงใช้มือขาวระบายมันออกด้วยการลงแรงกระชากกลุ่มผมสีดำชื้นๆ เซฮุนขืนตัวไว้แม้จะจุนมยอนจะขยำผมเขาจนหนังผมแทบหลุด


    "ฮึ อึก ฮือ...."


    เข้าใจดีว่ามันเจ็บแค่ไหน ยิ่งเขาที่มองไม่เห็นใช้มือจับไปทั่วอีก แต่มันก็เป็นทางเดียวโง่ๆทางเดียวทีเซฮุนคั้นออกมาตอนนี้ ไหล่กว้างถูกทุบสองสามทีเขาจึงถอนจูบออกมา


    "ตอนนั้นผมเกือบจะจมน้ำทะเลตาย ...แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเกือบจะตายเพราะจูบของคุณ"


    จุนมยอนหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างหนักราวกับคนแบกโลกไว้ทั้งใบ เซฮุนขำกับท่าทางนั้น รู้สึกเซอร์ไพรส์นิดหน่อยที่อีกฝ่ายไม่ได้ประทุษร้ายอะไรเขา ตาคมมองที่ฝ่าเท้าขาว...ค่อนข้างจะแดงที่ไม่เหลือเศษแก้วชิ้นใหญ่ๆอยู่แล้ว แต่เขาก็คงต้องระวังพวกชิ้นเล็กๆด้วย


    "เห็นมั้ย คุณเก่งมาก...โอเค ทีนี้เราจะมาทำแผลกันนะ"


    เซฮุนจับเท้าขาวลงในอ่างน้ำแล้วค่อยๆล้างแผลให้เลือดกับเศษแก้วเศษทรายมันออกไป เขาส่องดูพวกเศษเล็กๆแล้วใช้ที่คีบหยิบออกจนค่อนข้างแน่ใจแล้วว่ามันไม่เหลือจึงน้ำสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดรอบบาดแผลแล้วใส่ยาตามปกติ


    "คุณทำแผลเป็นด้วยเหรอ"


    ร่างสูงพยักหน้าขณะที่แปะผ้าก๊อซลงบนแผลเบาๆ มือเรียวหยิบผ้าพันแผลออกมาจากกล่องพยาบาลแล้ววางไว้ข้างตัว เงยหน้าขึ้นมามองจุนมยอนด้วยสายตาประหลาด จ้องนานมากจนเขาเริ่มจะทนไม่ได้


    "อะ อะไร?"


    พอเขาถามอีกฝ่ายก็ขำออกมาซะอย่างนั้น จุนมยอนไม่แต่หน้าบึ้งแล้วเบ้ปาก ไม่ชอบรอยยิ้มกับสายตาแบบนั้นของเซฮุน ไม่ชอบจูบของเซฮุนด้วย เพราะรู้สึกเหมือนว่ามันล้างสมองเขาไปซะหมดเลย ไม่ชอบเวลาที่ตัวเองไม่เป็นตัวของตัวเอง

    ที่เลวที่สุดคือมันทำเขาหน้าแดงเหมือนตัวตลก!


    "รู้ไหมทำไมผมถึงทำแผลเป็น..."


    "ไม่รู้หรอก ใครจะไปรู้ล่ะ...."


    ตอบไปตามความจริง ก็เพิ่งอยู่ด้วยกันมาแค่เกือบสามสัปดาห์เองแท้ๆ เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายลูกเต้าเหล่าใครมาจากไหนแล้วทำไมถึงโดนเอามาถ่วงน้ำ

    จะว่าไป....พวกเรายังไม่รู้อะไรของกันและกันเลยซักนิด....


    "งั้นคุณก็น่าจะรู้เอาไว้นะ"


    จุนมยอนดึงตัวเองกลับมาสู่โลกความจริง เซฮุนพันผ้าพันแผลให้เขาได้เสร็จพอดี เท้าของจุนมยอนวางอยู่บนหน้าขาของเซฮุน เขารีบเอามันลงมาเพราะกลัวเสียมารยาทแต่อีกฝ่ายกลับยื้อเอาไว้ก่อน เซฮุนยกเท้าที่ถูกพันเหมือนมัมมี่ไว้ขึ้นมาระดับอก จากนั้นใบหน้าคมคายก็ก้มลงมาจนชิดหน้าเท้านั้น โดยเจ้าของเท้าเหมือนจะช็อคไปที่เรียบร้อย


    "ผมไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร....ยกเว้นก็แต่คุณ"


    เซฮุน....จูบเท้าเขา.....


    ...


    ทำไงดี รู้สึกเหมือนหัวใจจะทะลุเลย หน้าก็คงแดงไปแล้วด้วย แผลที่เท้าก็เจ็บ ไม่ได้ห้ามยิ้มนะ จะร้องไห้ก็ไม่ได้ ฮืออออ นี่มันอะไรกันเนี่ยยยย!!



    ...สงสัยจุนมยอนจะตายจริงๆก็วันนี้แหละ T////T












    "ยอมเจ็บตัวขนาดนี้ แลกกับอิแค่ผ้าขนหนูลายหมีพูห์ผืนเดียวเนี่ยนะ! เชื่อเขาเลยให้ตายสิ ฮ่าๆๆๆๆ"


    จุนมยอนที่นอนแบ็บอยู่บนเตียงรู้สึกอยากจะถีบคนเข้าไข้ข้างเตียงเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าเป็นปกติเขาคงจะตีให้ปากแตกหรือไม่ก็เดินหนีไปแล้ว แต่มันก็ติดอยู่อย่างเดียวแหละ

    เท้าผมตอนนี้มันเดี้ยงไปแล้ว...


    "เหอะ! ก็เห็นบอกว่าชอบลายนี้ไม่ใช่รึไง! อุตส่าห์เสี่ยงตายไปเอาคืนมาให้ มีอย่างที่ไหนมาหัวเราะฮะ!"


    "นี่ทำเพื่อผมขนาดนี้เลยเหรอ....น่ารักจังเลยนางฟ้า~"


    เซฮุนหยิกแก้มขาวๆอย่างหมั่นเขี้ยวจนอีกฝ่ายแทบจะกัดมือขาด แหม่ะ จากหมั่นเขี้ยวเกือบกลายเป็นจมเขี้ยวแล้วไหมล่ะ พอสำนึกได้แบบนั้นจึงเปลี่ยนจากหยิกเป็นลูบไล้ใบหน้าหวานนั่นแบบที่พระเอกซีรี่ย์ชอบทำกัน จุนมยอนเหลือบตาขึ้นมามองเขาเลยส่งยิ้มแอคแทคพร้อมคำพูดหยอดไปหนึ่งที


    "แต่คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ คุณรู้ไหมว่าผมเป็นห่วงขนาดไหน หมีพูห์โง่ๆกับคุณมันเทียบกันไม่ได้หรอกนะจุนมยอน"


    "อ่ะ อือๆ เข้าใจแล้ว"


    พอเห็นว่าได้ผลเกินคาดจนอีกฝ่ายหน้าแดงๆก็พอใจ เซฮุนเลื่อนมือไปลูบผมนิ่มๆอย่างเบามือ เออนี่เว้ย ไม่อยากอวด วันนี้ได้สระผมให้จุนมยอนด้วยแหละ อิอิ หอมมม


    "ดีมาก ทานยาแก้ปวดแล้วใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะตามหมอมาดูคุณอีกที"


    คนตัวเล็กพยักหน้าให้คนที่อยู่ข้างเตียง เซฮุนยิ้มก่อนจะขึ้นไปปิดไฟ เมื่อแสงไฟหายไปก็เหลือเพียงแสงไฟอ่อนๆจากโคมไฟดวงน้อยบนโต๊ะข้างหัวเตียงและแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่ปิดสนิท วันนี้ค่อนข้างจะมืดเพราะมีพายุเข้า ร่างสูงค่อยมุดเข้าผ้าห่มมานอนข้างๆเขา


    "นี่เซฮุน"


    พอจุนมยอนหันไปหาคนตัวสูงก็พบว่าอีกฝ่ายนอนเท้าแขนจ้องเขาอยู่ซะอย่างนั้น เซฮุนเลิกคิ้วน้อยๆเป็นเชิงถามว่ามีอะไร พอเห็นหน้าชัดๆผ่านแสงไฟแบบนั้น จุนมยอนก็เริ่มรู้สึกกระดากปากกับคำถามตัวเองนิดหน่อย


    "ทำไมตอนนั้นต้องจูบด้วยล่ะ"


    "อืมมมมม ก็ตอนเด็กๆเวลาผมได้แผล แม่ผมจุ๊บแล้วมันจะหายเจ็บนี่นา ......ถามทำไมล่ะ ติดใจล่ะสิ"


    "ทะลึ่ง..."


    จุ๊บบ้าจุ๊บบออะไรล่ะ เล่นเอาแทบขาดใจตาย....


    ถลึงตาใส่ไปอีกที แต่ก็ไม่ได้สลดลงแต่อย่างใด เซฮุนหัวเราะน้อยๆ มือหนาเอื้อมมาจับปอยผมที่ปรกหน้าจุนมยอนขึ้นไปทัดเก็บบนใบหูขาว เซฮุนทำมันเงียบพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้าหล่อ จุนมยอนเผลอมองตาคมที่สะท้อนแสงไฟอย่างหลงใหล ทั้งคู่มองกันไปมาอยู่นาน จนโอเซฮุนดึงผ้าห่มให้ขึ้นมาคลุมไหล่บางของเจ้าของบ้านตัวเล็ก


    "เอาล่ะๆ เลิกคิดถึงผมแล้วนอนได้แล้วครับองค์ชาย ตืนเช้ามาแผลจะได้หายไง"


    องค์ชายที่ว่ายู่ปากใส่ไปทีนึง พอหลับตาไปได้แป๊ปนึงก็ลืมตาขึ้นมาอีก เซฮุนหลับตาไปแล้ว แต่น่าจะยังไม่หลับหรอก ลิ้นเล็กเลียรอบปากบางหนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเรียกเบาๆ


    "เซฮุน...."


    "หือ?"


    ตาคมเปิดขึ้นปรือๆอีกครั้งตามคำเรียกร้อง อันที่จริงเกือบหลับไปแล้วนะ ถ้าเรียกช้ากว่านี้ซักนิดนี่ไม่ต้องหวังให้ตื่นเลย ยาก ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮิ้ว....


    "กะ กะ กะ กะ กะ..."


    "กะ?"


    จุนมยอนเหมือนคนสำลักน้ำอีกครั้งทั้งที่อยู่บนบก จู่ๆลิ้นก็เเข็งไปเฉยๆ สงสัยบาดแผลที่เท้ามันทำพิษT T โอเคไม่เกี่ยว เขาก็แค่ขี้ขลาดเฉยๆเอ๊ง จะไม่พูดตอนนี้มีหวังได้รอถึงวันพรุ่งนี้แหง ตาเซฮุนใกล้จะลิมิตแล้วด้วย


    "กะ กอดหน่อยได้ไหม"


    ....


    "เฮ้ออ......"


    หลังจากติดสตั้นไปเกือบสิบวิฯ ร่างสูงถอนหายใจดังจนคนขอหน้าเสีย อะไรวะ แค่กอดทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวรึไง!


    เซฮุนอมยิ้มก่อนจะเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วตบเตียงข้างตัว จุนมยอนขยับเข้าไปอย่างว่าง่าย พอเข้าที่เข้าทาง แขนยาวๆก็พาดเข้ากับเอวบางของเขาทันที ใบหน้าหวานอยู่แทบชิดกับอกกว้างจนได้กลิ่นหอมๆตามธรรมชาติของอีกฝ่าย จุนมยอนปิดตาลงพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ การนอนวันนี้เหมือนจะอบอุ่นกว่าทุกวัน


    แล้วก็เหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงแปลกๆด้วยนะ มันดังประมาณว่า.....



    ตึกตัก....


    ตึกตัก...<3



    ครั้งที่ 4





    'All those days watching from the windows  
    All those years outside looking in
    All that time never even knowing
    Just how blind I've been'



    "เฮ้อ..."


    จุนมยอนถอนลมหายใจยืดยาวออกมาเสียงดังพอๆกับเสียงเพลงที่ดังจากเเผ่นเสียงนั้น เขาวางหนังสือที่อ่านไปเล่มล่าสุดไว้เหนือกองหนังสือหลายเล่มที่เฝ้าอ่านมาทั้งวัน เข้าวันที่สามของการนอนเดี้ยงอยู่บนเตียงแล้ว เพราะว่าขาเจ็บทำให้เดินเหินไม่สะดวก จะไปที่ไหนก็ไม่ได้ นอกจากห้องนอนกับโซฟาข้างล่างเพราะอยากดูทีวี จนถึงขนาดว่าเซฮุนต้องยกโทรทัศน์ขึ้นมาไว้ข้างบนให้แทน ขนมาทั้งแผ่นสียงมาเล่นกับเครื่องเล่นเพลงแล้วก็กองหนังสือไว้อ่านเวลาว่างๆ

    เพราะว่าเขาทำอะไรไม่ได้ เพราะงั้นเซฮุนจึงต้องรับหน้าที่งานบ้านทั้งหมด.... ที่จริงมันก็ยากนะที่จะให้วางใจคุณชายแบบนั้น แต่เพราะอีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นนั่นแหละว่าจะรับผิดชอบให้ จุนมยอนก็เลยทำอะไรไม่ได้

    วันแรกๆ เขาก็ได้ยินเสียงโครมครามแถมกลิ่นไหม้มาจากข้างล่างจนต้องกุมขมับ อยากจะลงไปดูแทบตายแต่มันก็เจ็บเท้าจุนมยอนไม่อยากเสี่ยงหรอก มันเจ็บ...

    ต่อให้บ้านไฟไหม้เขาก็ไม่อยากเอาเท้าสัมผัสพื้นด้วยซ้ำ มันเจ็บ....


    "โอ่ยยยย เหนื่อยที่สุดเลย..."


    เซฮุนถือตะกร้าผ้าเดินผ่านหน้าประตูห้องไปอย่างคนหมดแรง ปากก็พึมพำว่าเหนื่อยๆ จุนมยอนลดหนังสือที่อ่านอยู่แล้วมองตามไป คนตัวเล็กลงจากเตียงด้วยการเขย่งขาเดียว ถือโอกาสตามไปดูว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรมากรึเปล่า


    เห็นหลังกว้างๆนั่งพักอยู่ตรงหัวบันได้แล้วก็อดสงสารไม่ได้ เซฮุนบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเองแล้วก็นวดไหล่ให้ตัวเองพักหนึ่งแล้วร่างสูงก็ลงบันไดไป จากนั้นจุนมยอนจะตามไปไม่ได้แล้ว ฝืนสังขารตามไปก็รังแต่จะหาเรื่องเจ็บตัว เดี๋ยวล้มหัวแตกอีกทีนี่เซฮุนได้หนีกลับบ้านจริงๆแน่

    ถ้าเป็นห่วงออกนอกหน้าแล้วเป็นเรื่องอย่างนั้น จุนมยอนขอเห็นแก่ตัวเก็บโอเซฮุนไว้ต่อดีกว่า...



    ตัวเล็กค่อยๆพาตัวเองกลับห้องไปนอนเล่นต่อ เขาค้นๆกล่องหนังสือที่เซฮุนเอามาให้แล้วก็พบกับนิทานสมัยเด็กเรื่องหนึ่งที่พ่อเลี้ยงเคยอ่านให้ฟัง เรื่องราวของเจ้าหญิงผมยาวที่อาศัยอยู่บนหอคอย จนวันหนึ่งหล่อนได้พบรักกับเจ้าชาย... มันค่อนข้างจะดูไร้สาระเนอะ


    "ฮะๆ จะว่าไปตอนเด็กๆเราก็เชื่อเรื่องแบบนี้เหมือนกันนี่"


    จุนมยอนนึกขำตัวเอง เขาจำได้ตอนพ่อเลี้ยงอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง มันจะเหมือนมีภูติในนิทานมาลอยๆอยู่รอบตัวเพื่อกล่อมให้หลับ ทุกอย่างเหมือนสิ่งที่เป็นไปได้ ...เมื่อไหร่กันนะที่เขาเลิกเชื่อในนิทานพวกนี้

    มือขาวที่วางอยู่บนปกสีสวยเริ่มพลิกหน้ากระดาษไป หนึ่งหน้า สองหน้า สามหน้า....แล้วเขาก็หลุดไปในโลกวัยเด็กอีกครั้ง


    ...และความรู้สึกนี้มันก็ไม่เลวเลย







    "เสร็จงานซักที อือ...."


    โอเซฮุนเดินโซซัดโซเซขึ้นมาตามบันได เหมือนคนไร้เรี่ยวแรงที่พร้อมจะลงไปกองกับพื้น ตั้งแต่เจ้าของบ้านป่วยเขาก็ต้องทำทุกอย่างเองหมดเลย เหนื่อยก็เหนื่อย ยากก็ยาก ปวดตัวจนแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว ฮืออออ เสียงเพลงจากเครื่องเล่นเสียงในห้องนอนดังแผ่วมาตามทาง เซฮุนนึกสงสัยว่าจุนมยอนกำลังจะทำอะไรอยู่ คงอึดอัดน่าดูที่ต้องอยู่ในห้องอยู่เฉยๆ เขาเองก็เสร็จธุระแล้ว เพราะงั้นเข้าไปเล่นกับนางฟ้าดีกว่า~


    "จุนมยอนนี่~~ ....อ้าว"


    เซฮุนเดินเข้าไป ก็พบว่านางฟ้าของเขากำลังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง มีหนังสือปกเก่าๆสีสดใสวางบนอก คงหลับไปกลางคันตอนอ่านหนังสือนิทานแหละ จะว่าไปโตป่านนี้แล้วยังจะอ่านนิทานหลอกเด็กอีกเหรอเนี่ย น่ารักชะมัด


    เซฮุนดึงหนังสือออกจากมือขาวแล้วจัดท่าทางให้อีกฝ่ายได้นอนสบายๆ ร่างสูงนั่งลงข้างคนขี้เซา ข้อนิ้วยาวเกลี่ยเส้นผมที่ติดหน้าออก หน้าหล่อคมก้มลงไปมองดวงหน้าหวาน จุนมยอนกำลังยิ้มกระทั่งตอนหลับ สงสัยว่ากำลังฝันดี.... ริมฝีปากสีชมพูมุกของอีกฝ่ายกำลังยั่วยวนเขาแม้เจ้าของมันจะไม่ได้สติ เขากลืนน้ำลายฝืดลงคอก่อนจะก้มหน้าลงไปแนบชิด

    จุ๊บ...


    "อือ...."


    เซฮุนทำเพียงประจับจูบอ่อนโยนบนหน้าผากมนแล้วถอยออกมา เขาไม่กล้าจะทำอะไรไม่ดีให้อีกฝ่ายลำบากใจหรอกถ้าไม่ได้รับการยินยอม คนๆนี้เหมือนคริสตัลที่แตกได้ ดั่งความบริสุทธิ์ที่ถูกซ่อนไว้ในกล่องสมบัติล้ำค่า ....สวยงามทว่าบอบบาง เซฮุนปรารถนาจะรักษาไว้....ไม่ต้องการให้ใครแตะต้อง แม้แต่ตัวเองด้วยซ้ำ


    "ฝันดีนะ....นางฟ้า"


    ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าตอนแรกเขาก็แค่หลงรักอีกฝ่ายที่ภายนอก แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ยิ่งเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกันผ่านไปนานเท่าไหร่ ความรู้สึกที่เรียกว่าหลงใหลถดถอยไปแล้วถูกแทนที่ด้วยสิ่งอื่นแทน... สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีได้เพียงแค่อยู่ใกล้ สิ่งที่ทำให้หัวใจเต้นแรงทุกทีที่ได้สบตา สิ่งที่ให้เผลอยิ้มออกมาเวลาที่อีกฝ่ายยิ้มให้


    เซฮุนก็แค่คิดว่า....เขาคงเผลอรักคิมจุนมยอนคนนี้เข้าเสียแล้ว


    ' Now she's here shining in the starlight
    Now she's here, suddenly I know
    If she's here it's crystal clear
    I'm where I'm meant to go '











    "คำสุดท้ายแล้ว อ้าปาก"


    ปากชมพูมุกอ้าออกเมื่อมีข้าวสวยร้อนๆมาจ่ออยู่ด้านหน้า จุนมยอนรับมันเข้าไปแล้วเคี้ยวๆๆก่อนจะกลืนลงไป มือขาวแตะตรงหน้าท้องบอกว่าอิ่มแล้ว ร่างสูงข้างเตียงยิ้มกว้างเพราะคนไข้ของตนไม่ดื้อ ก่อนจะส่งแก้วน้ำกับยาไปให้

    คนป่วยทำหน้าแหยแต่ก็รับมาถือไว้ เซฮุนลุกจากเก้าอี้ไม้สานข้างเตียง ในมือมีถาดข้าวเย็นของเขาทั้งคู่ เพราะอีกคนป่วยเลยถือโอกาสเอาใจ จุนมยอนอยากกินเองแต่เขาดึงดันจะป้อน ก็ทำไมอ่ะ อยากมีโมเม้นต์สวีทบ้างอะไรบ้างนี่หว่า ไม่เอา อย่าอิจฉาๆ

    อ๊ะๆ แต่อย่าได้คิดว่ากับข้าวพวกนี้เขาทำเองเชียวล่ะ คุณชายอย่างเขาทำได้ดีสุดด็แค่คิมบับหน้าห้อยๆกับรามยอนรสสำเร็จรูป เนี่ยวิ่งไปซื้อมาจากในหมู่บ้านเว้ย ขืนให้ทำเองกลัวว่าจะป่วยหนักกว่าเดิมเนี่ยสิ ฮ่าๆๆๆ


    "เดี๋ยวผมจะเอาชามไปเก็บก่อน ตอนขึ้นมาต้องกินยาให้เสร็จนะเข้าใจไหม"


    พยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วก็มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกห้องไป จุนมยอนกลั้นใจกินยาที่เกลียดแล้วเบ้ปากแรง เขาวางแก้วน้ำคู่กับเหยือกน้ำบนโต๊ะข้างหัวนอน ก่อนจะใช้เท้าซ้ายที่ไม่เจ็บถีบเจ้าเก้าอี้ไม้ออกไปติดกับกองหนังสือแล้วก็แกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พออีกคนเดินเข้ามาในห้อง มองเก้าอี้ที่จู่ๆก็เคลื่อนที่ได้แล้วก็เกาหัว


    "อ้าว เก้าอี้ เป็นคนป่วยก็อย่าซนสิครับ"


    "เปิดเพลงให้หน่อย แล้วมานั่งตรงนี้ๆๆ"


    จุนมยอนเมินคำดุแล้วชี้ไปที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงข้างโทรทัศน์ จากนั้นก็ตบเตียงข้างๆตัว เซฮุนยืนมึนซักพักก็เดินไปเปิดให้ตามคำขอแล้วก็หย่อนตัวไปนั่งบนตำแหน่งนั้น พอเขานั่งลงศีรษะเล็กก็โถมลงตรงตัก เซฮุนค่อนข้างเซอร์ไพรส์ มาดูกันว่าวันนี้นางฟ้าจะเล่นอะไรกับเขาอีก


    "เซฮุน"


    "ครับ"


    "ชอบผมไหม"


    คนโดนถามถึงกับชะงักค้างกับด้านตรงไปตรงมาของอีกคน เล่นตรงจนเขาสะดุ้งเลยทีเดียว เซฮุนนึกขำนิดหน่อย เขาไม่ได้ตอบแต่ว่าย้อนถามกลับไป


    "ทำไมถึงถามแบบนั้นหล่ะ"


    "ก่อนหน้านี้ ผมฝันนะ..."


    จุนมยอนเองก็ไม่ได้ตอบคำถามเซฮุน คนตัวเล็กทำเพียงพลิกหน้าขึ้นมามองเขาแล้วก็ยิ้ม


    "ฝันว่าตัวเองเป็นเด็กทารก มีใครบางคนกอดผมอยู่...มันอุ่นมากเลย พวกเขายิ้มให้ผม แล้วก็ให้พรผมเหมือนนางฟ้าในเรื่องเจ้าหญิงนิทรา แต่พอผมหลับตาลง ทุกอย่างก็เปลี่ยน ผมตื่นขึ้นมาในห้องๆมืดไม่มีใครเลย แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกเหงา ความรู้สึกเศร้ามากๆมันจุกอยู่ในอก ผมพยายามจะไม่ร้องไห้แต่ก็ทำไม่ได้ รอบๆผมมีแต่เสียงกระซิบที่ดังว่า 'ไม่มีใครต้องการผมอีกแล้ว' .....แต่แล้วจากนั้น ประตูห้องก็เปิดออก."


    มือขาวยกขึ้นมาลูบใบหน้าคมอ้อยอิ่ง จากนั้นจุนมยอนก็ยิ้ม พร้อมกับสายตาดึงดูดให้เขาต้องจ้องลึกลงไป ดวงตาที่แสดงออกถึงครามหนักแน่น ไม่มีการสั่นไหว


    "แล้วคุณก็เดินเข้ามา พร้อมกับแสงสว่าง.."


    "....พนันได้เลยว่าตอนนั้นผมต้องหล่อมากเลย"


    "ถ้าผมบอกว่าผมรู้สึกแปลกๆเวลาที่คุณจ้องตาหรือว่าหยอดมุกจีบสาวใร้สาระมาให้ มันฟังดูแปลกๆไหม ผมรู้สึกไม่เป็นตัวเองแถมใจก็เต้นแรงยังกับระเบิด บางทีพอนึกถึงคุณก็หยุดยิ้มเหมือนคนบ้าไม่ได้ ทำไมล่ะ? ทั้งๆที่เราเจอกันไม่ถึงเดือนเลยแท้ๆ"


    "หึ....มันแปลกสิ"


    เซฮุนซ้อนมือตัวเองไว้หลังมือขาวเนียนแล้วทาบทั้งสองมือไว้ที่แก้มตัวเอง


    "คุณรู้ไหม มันแปลกมากทั้งที่ผมไม่เคยเลยที่ทำอะไรเพื่อใคร มันทั้งยากทั้งเหนื่อย บางครั้งผมก็คิดว่าผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่ แล้วทำไมผมไม่กลับบ้านไปมีชีวิตสุขสบายแบบเก่าซักที ....แต่ผมก็ยังอยากจะทำมันเพื่อคุณ เพื่อว่าคุณจะได้ยิ้มหรือดีใจ เพื่อคุณจะได้ชื่นชมว่าผมไว้วางใจได้"


    "เพื่อว่าวันหนึ่ง....คุณจะหลงผิดมาพร้อมฝากชีวิตให้คุณชายไม่ได้เรื่องคนนี้ดูแล"


    ใบหน้าหวานบนตักเขารับฟังเงียบๆจากนั้นก็หลับตาลง ปากบางยกยิ้มผ่อนคลาย ก่อนจุนมยอนจะค่อยๆดันตัวขึ้นมาเปลี่ยนเป็นนั่งตักเซฮุนแทน ศรีษะเล็กเอนลงมาซบไหล่กว้าง


    "ถ้าผมเผลอไปแล้ว คุณจะดูแลให้ไหม"


    "อือ...แน่นอน"


    เซฮุนก้มลงไปสูดดมกลิ่นแชมพูวนิลาจากเส้นผมดำขลับที่มันกำลังปั่นหัวเขาให้กลายเป็นบ้า ใครสั่งใครสอนให้ซื้อกลิ่นนี้มาใช้กัน ขี้โกงจัง ขนาดเขาเองก็ใช้เหมือนกันยังไม่เห็นหอมขนาดนี้เลย


    "ว่าไงเซฮุน ชอบผมไหม"


    "อือ...."


    "อือนี่คืออะไร ชอบหรือไม่ชอบ....ถ้ามีความหมายอื่นก็พูดออกมาตรงๆสิ"


    "มากกว่าชอบซะอีก ...ผมอยากจะขังเราทั้งคู่ไว้ด้วยกันที่นี่ตลอดไป ไม่ต้องมีใครอีกนอกจากเรา อยากทำให้คุณเป็นของผม ...ผมอยากจะจูบคุณทั้งวัน ทั้งตัว ....ทั้งตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็จากตรงนี้"


    มือขวาผละออกจากเอวบางแล้วใช้นิ้วชี้แตะที่แก้มของจุนมยอน จากนั้นก็แตะที่ปากบาง


    "ไล่ไปถึงตรงนี้... "


    และก็มือแตะที่ซอกคอขาวก่อนจะลากฝ่ามือช้าๆลงตามแนวกลางตัวไปหยุดอยู่ที่หน้าท้องน้อย ร่างเล็กตะปบเอาไว้ก่อนที่มันจะไหลเข้าชายเสื้อเขาไป แล้วใช้ดวงตาสวยหันมาดุใส่หนึ่งที น่าเสียดายที่จุนมยอนคงไม่รู้ว่าดวงตาตัวเองหวั่นไหวแค่ไหน


    "ไม่คิดว่าคำพูดตัวเองมันอีโรติคไปหน่อยรึไง...โอเซฮุน"


    "พอดีผมเป็นคนตรงๆ ชอบก็บอกว่าชอบ รักก็บอก...รัก"


    เซฮุนเชยคางจุนมยอนขึ้นมาแล้วประทับจูบลงไปบนปากสีชมพู จากคำว่าอ่อนโยนในวันก่อนเริ่มกลายเป็นรุ่มร้อนในวันนี้ มือเขาที่เคยนิ่งสนิทก็ออกอาการซนไปเรื่อย เซฮุนพลิกตัวคนที่นั่งตักเขาให้ลงไปนอนราบบนเตียง มอบจูบนุ่มๆพร้อมกับลิ้นเข้าไปรุกล้ำหาความหวาน เพราะอีกฝ่ายจูบไม่เป็นเขาเลยได้ประโยชน์เต็มๆ เมื่อถอนจูบเซฮุนก็ต้องตาพร่าให้นางฟ้าที่นอนหอบอยู่ใต้ร่างตัวเอง

    สวยงาม....ยังกับฝันไป

    ไม่อยากจะยอมรับเลยว่ากางเกงขาสั้นสีน้ำตาลโง่ๆกับเสื้อยืดว่างๆบนตัวอีกคนมันเซ็กซี่ยิ่งกว่าสาวยุโรปในชุดบิกินี่เส้นเชือกอีก

    ก้มหน้าลงไปตรงซอกคอขาวก็ได้กลิ่นหอมหวานอีกครั้งจนเผลอเลียปาก นี่เขาเป็นแวมไพร์เพราะคนๆนี้ไปแล้วรึไง? แต่ช่างเถอะ จะถูกหาว่าเป็นโรคจิตตอนนี้ก็ช่างมันแล้ว


    "เดี๋ยวๆๆ จะทำอะไร"


    จุนมยอนกระชากหัวจนเซฮุนเกือบกรี๊ด เขาจำต้องผละออกเพื่อมองภาพคนตัวขาวที่ลุกขึ้นมานั่งตรงหน้า เสื้อยืดขาวเลิกขึ้นเห็นหน้าท้องกับกางเกงที่หัวกระดุมถูกปลด

    ...แบบนี้ก็ดีนะ //v//


    ".....ถามแปลกๆ เซ็กซ์ไง ไม่อยากทำเหรอ"


    "ฮะ? ฮ่าๆๆๆ ตลกแล้วเซฮุน เรื่องพรรค์นั้นมีไว้เพื่อผู้ชายกับผู้หญิงต่างหาก ไม่เห็นหนังสือเล่มไหนจะบอกว่าผู้ชายสองคนจะทำได้"


    "ฮะ?? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ! ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"


    เพราะจุนมยอนพูดด้วยสีหน้าที่มั่นใจสุดๆ จนเซฮุนฟังแล้วก็อึ้งสตั้นท์ไปนานนนนนนนน.... และแล้วเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ อะไรของเขาวะ ทำไม่ได้? หนังสือบอก?

    โอ๊ยยยย จะน่ารักไปแล้วววว~~


    "ขำอะไร!"


    เท้าเล็กข้างที่ไม่เจ็บยื่นมาถีบเข้าหน้าท้องแน่นๆแล้วถลึงตาใส่ทีหนึ่ง คนอุตส่าห์พูดจริงจังดันมาขำ ใช่เรื่องไหมตอบ!? หน้าแตกไหมตอบบบบ!!


    "โอ๊ยฮา ฮ่ะๆ .....ของแบบนั้นมันทำได้อยู่แล้ว ไม่รู้เหรอ?"


    หลังจากขำไปเต็มอิ่ม ร่างสูงก็เช็ดน้ำตาป้อยๆ หน้าหล่อยิ้มแหยเหมือนคนกำลังรู้สึกโง่ๆ เซฮุนผลักอีกฝ่ายลงไปบนเตียงตามเตรียมแล้วลุกขึ้นไปคร่อม จุนมยอนจะยกมือขึ้นไปฟาดตามแบบนางเอกละครข้อหาทำอะไรอุกอาจแต่ก็โดนรวบขึ้นไปไว้เหนือหัว เซฮุนให้มืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองก่อนจะเหวี่ยงมันทิ้งลงพื้น ลิ้นร้อนเลียล่างปากก่อนจะก้มลงมาข้างหูขาวที่ตอนนี้แดงเถือก จุนมยอนหายใจไม่สะดวกเมื่อข้างหูเขามีเสียงนุ่มๆวนเวียนอยู่เหมือนคนประสาทหลอน


    "งั้น.....เดี๋ยวผมจะสอนให้"


    นี่เขากลายเป็นเด็กใจแตกไปแล้วรึเปล่า....?



    "อือ....มาสิ"



    แต่ก็ช่างมันเถอะ...



    - cut scene -






    ร่างสูงผุดลุกขึ้นมาจากเตียงกว้าง สะบัดหัวไปมาแล้วมองไปรอบๆ เซฮุนเผยยิ้มแล้ววางมือบนผมนุ่มของอีกคนพลางลูบมัน จากนั้นก็จูบบนบ่าไหล่ขาวที่โผล่พ่นผ้าห่มออกมา จุนมยอนส่งเสียงเชิงรำคาญแล้วพลิกตัวนิดหน่อย คนมองก็หัวเราะเบาๆจากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียง เก็บเสื้อตัวเดิมที่นอนอยู่บนพื้นห้องมาใส่ เก็บเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นไปใส่ตะกร้าซักแล้วนำชุดใหม่มาวางไว้บนเตียง เผื่ออีกคนตื่นแล้วจะได้ใส่เลย

    ถ้าให้เขาเดา อีกคนน่าจะเขินแม้แต่ลมฟ้าอากาศจนไม่กล้าลุกตัวเปล่าแหงๆ คงจะพันตัวด้วยผ้าห่มแล้วลงมาเก็บชุดเหรอ ก็น่ารักดี แต่มันทำให้เขาต้องซักผ้านวมน่ะสิ หนาขนาดนี้แค่คิดยังขยาดเลย.... แต่ก็นะ ยังไงก็ต้องซักผ้าปูที่นอนอยู่ดี~


    ...........หรือจะเก็บไว้วันนี้ต่อ?


    "กำ ทะลึ่งละไอ้เซฮุน"


    พอทะเลาะกับตัวเองเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว อ๊ะๆ ห้ามแอบดูนะ เซฮุนออกมาด้วยสภาพรีเฟรชสุดๆ ร่างสูงเดินลงข้างล่างพร้อมรอยยิ้ม ในมือมีกุญแจบ้านกับกระเป๋าสตางค์ดั่งเช่นทุกวันที่เขาต้องออกไปซื้อข้าวง่ายๆมาทานตั้งแต่มื้อเช้ายันเย็น


    "ข้าวเช้าวันนี้กินอะไรดี ขี้เกียจไปข้างนอกจริงๆเลย"


    แอ๊ด~~


    บ่นกับตัวเองนิดหน่อยแล้วเปิดประตูหน้าออก .....กระเป๋าตังร่วงลงจากมือหนาไปกองอยู่ที่พื้น ร่างสูงนิ่งค้างอยู่ท่านั้นพร้อมม่านตาขยายกว้างพร้อมเหงื่อกาฬที่ผุดมาตามโครงหน้า เซฮุนตกใจกับความกระทันหันจนแทบจะพยุงขาสองข้างของตัวเองไว้ไม่ถูก

    แขกไม่ได้รับเชิญหน้าประตูกระตุกยิ้มมุมปากที่คาบบุหรี่ไว้ ร่างสูงถุยมันออกไปจากปากแล้วใช้เท้าเหยียบให้ไฟมอด ท่าทีสบายๆผิดกับอีกคนที่ประจันหน้ากัน


    "หาตัวเจอจนได้นะ เซฮุน"











    ปังๆ!


    จุนมยอนผงกหัวขึ้นมาสะลึมสะลือเพราะถูกรบกวนจากคนข้างนอกประตูห้องนอน มือเล็กขยี้ตาแล้วหาว เขาก็สงสัยว่าทำไมต้องเคาะห้องนอนด้วย  เมื่อพบว่าตัวเองยังคงเปลือยเปล่าอยู่ก็อดเขินอายขึ้นมาแม้รอบกายจะมีแต่สิ่งไม่มีชีวิต

    ที่เคาะก่อนก็เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง...


    "รอแป๊ปนึง!"


    ยังไม่ทันได้เริ่มใส่เสื้อผ้าก็รู้สึกเนื้อตัวเหนียวเหนอะผิดปกติ พอหวนคิดถึงตัวต้นเหตุแล้วก็หน้าร้อนผ่าว จุนมยอนวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วชำระล้างตัวเองแบบลวกๆ พอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยดีก็ออกมาพร้อมกับอมแปรงสีฟันไปด้วย


    "อาแอ้วๆ อ่ะ...."


    มือขาวเอื้อมไปที่ลูกบิดแล้วออกแรงบิดให้มันเปิดออก ทันใดภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาแทบช็อกอยู่ตรงนั้น คนตัวขาวเผลอปล่อยแปรงสีฟันร่วงและเผลอเดินถอยหลังโดยไม่รู้สึกตัว ถ้าส่องกระจกตอนนี้พนันได้ว่าหน้าเขาคงขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษไปแล้ว


    "พะ พ่อเลี้ยง"


    ภาพผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังยิ้มตรงหน้าเขาทำให้ความรู้สึกทั้งดีใจ หวาดกลัว และวิตกกังวลตีขึ้นหากันจนมั่วซั่วไปหมด


    "เป็นอะไรไปจุนมยอน ลืมไปรึไงว่าพ่อจะมาหา"


    จุนมยอนพยักหน้าเลื่อนลอย ใช่ เขาผิดเอง เพราะมัวแต่ให้ความสนใจเรื่องโอเซฮุนจนลืมนับเดือนนับวัน แล้วก็ลืมไปเลยว่าช่วงนี้ทุกๆเดือนพ่อเลี้ยงมักจะมาเยี่ยมเยียนเขา ไม่ดีเลย....ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เรื่องเข้าล่ะก็


    "สภาพยังงี้เพิ่งตื่นล่ะสิ ไม่ไหวเลยนะเรา เดี๋ยวพ่อจะลงไปรอข้างล่างแล้วกันนะ"


    คุณคิมเอื้อมมือมาลูบศีรษะลูกเลี้ยงด้วยความอ่อนโยน มันทำให้จุนมยอนเกือบน้ำตาไหล ร่างเล็กกล้ำกลืนความรู้สึกผิดไว้แล้วพยักหน้า มองคนเป็นพ่อที่ออกจากห้องไปพร้อมคนสนิท แต่แล้วพ่อเขาก็หันกลับมาพร้อมกับสิ่งของบางอย่าง


    "เอ้านี่ พ่อเจอกระเป๋าลูกอยู่ที่หน้าบ้าน คราวหน้าอย่าขี้ลืมอีกนะ"


    จุนมยอนรับมาแล้วยืนมองนิ่ง หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้จับกระเป๋าเงินเพราะบาดแผลตรงเท้าเลยไม่ได้เดินไปไหน แล้วใครที่จะทำกระเป๋าเขาหล่นหน้าบ้านได้ ถ้าไม่ใช่คนอีกคนที่อยู่ด้วยกัน...

    ทิ้งไว้หน้าบ้านเหรอ...

    หมายความว่ายังไง....



    "พ่อเลี้ยง จะ....เจอใครข้างล่างรึเปล่าครับ"


    ".....คน? ไม่เจอนะ"



    ....โอเซฮุน

    ...........หมอนั่นหายไปไหน?







    หลังจากอาบน้ำแบบปกติเสร็จ จุนมยอนค่อยเดินลงมาตามบันไดอย่างระมัดระวัง เท้าเขาหายเจ็บแล้วแต่ถ้าโดนมากๆเขาก็ไม่โอเค พ่อเลี้ยงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนเก้าอี้เอนตรงพื้นที่ด้านนอกที่หันหน้าเข้าหาทะเล ดั่งเช่นทุกทีที่เขามาที่นี่พ่อเลี้ยงมักจะนั่งอยู่ตรงนั้น....นานมากๆจนบางทีอาจจะทั้งวัน


    "พ่อเลี้ยง...ทานอะไรมารึยังครับ"


    "....ยังเลย"


    "งั้นเดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานก่อนนะครับ"


    "จุนมยอน นั่งนี่ซิ"


    เจ้าของชื่อชะงักไปแล้วทำตามคำสั่งแต่โดยดี เขานั่งลงตรงเก้าอี้เอนอีกตัวข้างๆพ่อเลี้ยง นั่งนิ่งๆรออีกฝ่ายเอ่ยปากพูด...


    "รู้ไหมว่าทำไมพ่อถึงให้ลูกมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก"


    "....ไม่รู้ครับ"


    "ลูกเป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้ามอบให้พ่อ กับโลกที่สกปรกแบบนี้...พ่อไม่ต้องให้ใครมาทำให้ลูกต้องแปดเปื้อนทั้งนั้น ขังลูกไว้ที่นี่ ลูกจะได้ไม่ต้องเจอกับใคร...ลูกจะได้ไม่เปลี่ยนไป"


    จุนมยอนเผลอกำมือจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงรักเขามากแค่ไหน แต่กลับมาบางอย่างที่ทำให้คิดว่าพ่อเลี้ยงที่พ่อเลี้ยงต้องเอาเขามาขังไว้ที่นี่ มันมีเหตุผลมากกว่าคำว่ารัก

    เหมือนมันคือคำว่ากลัว...


    "....แล้วถ้าวันนึงผมเปลี่ยนไปล่ะครับ"


    "ถ้าลูกเลือกที่จะทรยศพ่อ....พ่อก็จะไม่เอาไว้ทั้งมัน....และลูก"


    บทสนทนาหยุดลงแค่นั้นเมื่อทั้งคู่เลือกที่จะเงียบใส่กัน จุนมยอนได้แต่ชั่งใจกับคำพูดของตัวเอง กับเขาที่เป็นลูกเลี้ยงพ่ออาจจะเอาไว้อยู่ แต่กลับอีกฝ่ายที่ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตา

    .....พ่อเลี้ยงเอาตายตามที่พูดแน่ๆ

    เขาคงต้องพยายามซ่อนเซฮุนเอาไว้ให้ได้ ....จนกว่าพ่อเลี้ยงจะกลับ


    "งั้นเดี๋ยวผมไปทำคิมบับให้พ่อเลี้ยงทานก่อนนะครับ"


    "เดือนนี้ลูกแปลกๆนะจุนมยอน...."


    "....ครับ"


    "ลูกซื้อของมาเก็บไว้เต็มตู้เย็น เงินลุกก็ใช้เยอะขึ้น แถมเสื้อผ้าลูกก็ตากเยอะผิดปกติ ....ยังกับว่าบ้านนี้มีลูกสองคนแน่ะ"


    "พ่อคิดมากไปรึเปล่าครับ ฮ่ะๆ...ฮ่ะ"


    "ฮ่ะๆๆ พ่อก็ว่ายังงั้นแหละ"


    จุนมยอนยิ้มกว้างแม้ทั้งปากและมือเขากำลังสั่น ร่างเล็กจ้ำอ้าวผ่านผู้ติดตามของพ่อเลี้ยงที่นั่งอยู่บนโซฟาไปเข้าครัวอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาเต้นดังจนแทบทะลัก ความรู้สึกเหมือนเด็กกำลังจะโดนจับได้ว่าโกหกมันตันเข้ามาในใจ แต่เขาก็ไม่พร้อมจะพูดความจริง

    เขายังอยากอยู่ที่นี่ ...อยากเป็นลูกที่แสนดีของพ่อเลี้ยง แต่เวลาเดียวกัน เขาก็อยากอยู่กับโอเซฮุน ยังอยากจะให้พ่อเลี้ยงยอมรับในความรักของเราทั้งคู่

    แต่ว่าเขาแปดเปื้อนไปแล้ว ไม่ได้บริสุทธิ์เหมือนก่อน ......พ่อเลี้ยงไม่มีวันให้อภัยคนทรยศ


    จุนมยอนจะทำยังไงดี....











    "อะไรวะ คนเขาอุตส่าห์มาหา แกไม่ดีใจหน่อยรึไง เนี่ยมาๆๆ ลุกมากอดป๊าเหมือนตอนแกเป็นเด็กๆสิ อ้าแขนรอแล้วเนี่ย"


    "จะบ้ารึไงป๊า โตๆกันแล้วอายคนบ้างดิ"


    "ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว ใช่สิ ป๊าแก่แล้วนี่ จะไปสู้อะไรกับ'แฟน'แกได้"


    เซฮุนขยับปกเสื้อปิดรอยกัดตรงคอ เขาไม่ใช่คนขี้อาย แต่นี่พ่ออ่ะถึงจะไม่ใช่พ่อจริงๆก็เถอะ จะอวดไปก็ไม่ใช่เรื่องป่ะ อ่ะป๊าดูดิ สะใภ้ป๊ามันกัดคอผมเป็นรอยเลย ฟันเรียงกันส๊วยสวยเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ

    แล้วมันใช่เวลาหัวเราะไหม ซีเรียสอยู่!


    นอกเรื่องหน่อย เนี่ยป๊าผมชื่อคริส อันที่จริงโดนบังคับให้เรียกป๊ามากกว่า อันที่จริงก็แค่ลูกพี่ลูกน้องต่างประเทศที่มาอาศัยที่เกาหลี ตอนแรกเรียกเฮียคริสแต่เพราะเฮียดูแลผมเหมือนผมแล้วก็ชอบมีคนเข้าใจเราผิด วันไหนซักวันนึงเราก็เลยกลายเป็นป๊ากับลูกกันซะอย่างงั้น

    เออง่ายดีว่ะ 5555555555555


    "....แล้วป๊ามาทำอะไรที่นี่ ทำไมต้องลากมาคุยที่นี่ด้วย เดี๋ยวจุนมยอนตื่นมาแล้วไม่เจอผมจะทำไงอ่ะ ผมไม่ใช่พวกฟันแล้วทิ้งนะเว้ยยย"


    "มาตามแกกลับบ้านไงไอ้ตี๋ เสียแรงอุตส่าห์เป็นห่วงชิบหาย ที่ไหนได้มาติดสาวอยู่นี่ๆเอง"


    "ไม่ใช่ผู้หญิง...."


    "ห๊ะ"


    "เค้าชื่อคิมจุนมยอน แต่อีกหน่อยคงใช้สกุลโอ แต่ว่าเค้าไม่ใช่ผู้หญิงอ่ะป๊า"


    เซฮุนคนแมนพูดไปก็บิดไปเสียอย่างนั้น มือเรียวยกขึ้นมาปิดแก้มตอบๆของตัวเองแล้วยิ้มออกมาแบบปริ่มใจสุดๆ ผิดกับคริสที่สำลักเครื่องดื่มที่กำลังดื่มอยู่เต็มที่จนเศษกระเด็นไปโดนหน้าลูกรักฝั่งตรงข้าม


    "...............ไปเลิกซะ"


    "ห๊ะ ป๊าว่าไงนะ"


    "ฉันบอกให้แกไปเลิกกับมันซะ!"


    "ป๊า....มันไม่ตลกนะเว้ย ล้อเล่นอะไรเนี่ย"


    "ป๊าก็ไม่ตลก ป๊าก็เคยมีความรักกับผู้ชายคนนึง แต่สุดท้ายเราก็ไปด้วยกันไม่ได้ ทั้งสังคมกดดัน ทั้งครอบครัวไม่ยอมรับแต่ป๊าก็ทน จนสุดท้ายก็ได้รู้ว่าคนๆนั้นก็แค่หลอกป๊าเอาเงิน เอาความสุขไปวันๆแล้วก็ไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ฮึ ฮือออ"


    พูดแล้วน้ำตาก็จะไหล คริสสั่งสอนลูกชายไปขณะที่หัวคิ้วขดลงเรื่อยๆตามความรู้สึก เซฮุนมองพ่อตัวเองแล้วหยิบทิชชู่ส่งให้เป็นเชิงว่า เช็ดน้ำตานะป๊า


    "แต่จุนมยอนไม่ใช่แบบนั้นนะป๊า เค้าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่12ขวบไม่รู้จักเล่ห์เหลี่ยมอะไรแบบนั้นหรอก"


    "แล้วแกรู้ได้ไงว่าเขาไม่ได้แกล้งทำ ยิ่งหวงลูกขนาดนั้นดีไม่ดีพ่อเขาจะเอาปืนยิงแกตาย เชื่อสิเซฮุน มันไม่คุ้มกันหรอก"


    "แต่.....แต่เรารักกันจริงๆนะป๊า"


    "มั่นใจได้ยังไง แกหายจากบ้านไปไม่ถึงเดือน กลับมาอีกทีบอกว่ามีความรัก ทั้งๆที่เมื่อก่อนคบกับคนอื่นร้อยพันชาติแกก็ทิ้งเขาไปหมด"


    คริสผละจากการเช็ดน้ำตาแล้วทำหน้าจริงจังอีกครั้งราวกับสับสวิตช์ ร่างสูงเข้าสู่โหมดอารมณ์มาเฟียจนคนมองแอบขนลุก


    "แล้วกับคนนี้ แกแน่ใจเหรอว่าจะไม่ทิ้งเขา..."


    เซฮุนเงียบ มันเป็นคำถามที่เขาเองก็ถามตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะเขาเป็นพวกขี้เบื่อง่าย อะไรนิดหน่อยก็เลิก เขากลัวว่าซักวันนึงความมักง่ายของตัวเองจะทำให้จุนมยอนเสียใจได้ แต่ว่านะ.....

    เขาก็อยากจะเชื่อในตัวเอง ว่าจะไม่มีวันปล่อยมือนั้นไป....


    "....แน่สิ ก็สัญญากันไว้แล้ว"


    คริสได้แต่ถอนหายใจให้ความดื้อรั้นของลูกชาย เขาก็ใช่ว่าจะใจร้ายขนาดย่ำยีหัวใจลูกแบบไม่มีเหตุผล แต่เขาก็ไม่ได้ใจดีพอขนาดที่ว่าจะเอาใครที่ไหนก็ได้มาเป็นสะใภ้

    อยากเป็นสะใภ้ตระกูลโอ ก็ต้องทดสอบกันหน่อยยยย~


    "งั้น...ไปเอาตัวมา ไม่ว่ายังไงวันนี้ฉันจะพาแกกลับบ้านภายในสามทุ่มนี้ และถ้าพวกแกรักกันจริงคนรักของแกต้องกลับไปกับเรา....ถ้าเขาตกลง ป๊าจะยอมรับ แต่ถ้าเขาบอกว่าไม่ ...แกก็ต้องกลับไปคนเดียว"


    ".......ป๊าจะท้าผมเหรอ"


    "แล้วกล้าเดิมพันกับป๊าไหมล่ะ?"


    เซฮุนยืนขึ้นทุบโต๊ะแล้วจ้องหน้าคนเป็นพ่อด้วยรอยยิ้ม เช่นกันกับคริส เขาก็ยิ้มกวนประสาทให้ลูกชายที่รักเช่นกัน


    "ได้!! ผมมั่นใจพอเว้ย!"












    ไม่มั่นใจเลย........


    "เฮ้อ...."


    จุนมยอนถอนหายใจรอบที่สิบของวัน เอาแต่ชะโงกหน้าไปมองหน้าต่างในครัวที่ตั้งอยู่ทิศเดียวกับประตูบ้านเพียงดูว่าโอเซฮุนจะกลับมาเมื่อไหร่ เขายังไม่พร้อมให้เซฮุนเจอพ่อเลี้ยง เขายังไม่อยากเป็นม่ายขันหมาก....

    ทำคิมบับไปก็ใช้เวลาเป็นสองเท่า ตอนทำอยู่มีดก็แทบจะบาดมือขาดตายเอา จิตใจจุนมยอนทำด้วยอะไร.... โชคดีเหลือเกินที่เขาทำมันออกมาได้โดยไม่มีอันไหนมีนิ้วติดไป พอเตรียมเสร็จ จุนมยอนก็ออกไปทางด้านนอกที่พ่อเขาเคยอยู่ แต่ตอนนี้หายตัวไปแล้ว


    "ฮยอง พ่อเลี้ยงไปไหนแล้วครับ"


    ถามคนติดตามที่มาพร้อมกันก็ได้ความว่าเขาขึ้นไปข้างบน น่าจะเป็นห้องสมุดที่ชอบไปเป็นปกติ จุนมยอนกล่าวขอบคุณแล้วตามขึ้นไป เขาเปิดประตูห้องสมุดออกก็ยังไม่เห็นวี่แวว สงสัยอาจจะหาหนังสืออยู่


    "พ่อเลี้ยงครับ"


    ...


    ไม่มีเสียงตอบกลับมา จุนมยอนแปลกใจว่าอีกฝ่ายหายไปไหน เขาจึงเดินกลับไปข้างล่าง แต่สิ่งหนึ่งได้แวบเข้ามาจนเขาหายใจไม่ทั่วปอด เสียงดนตรีทำนองคุ้นเคยดังเเว่วมา มันไพเราะเช่นเดิมแต่เวลานี้มันกลับทำให้เขารู้สึกจะตาย

    ประตูห้องนอน...เปิดอยู่


    เพล้ง!


    จานคิมบับที่เตรียมมาให้ร่วงลงพื้นเพราะคนถือปล่อยมัน จุนมยอนถอยหลังจนชิดกำแพงแล้วล้มลงไปนั่งกองที่พื้น ใบหน้าหวานขาวซีดและมีเหงื่อผุดพลาย น้ำใสๆไหลลงอาบข้างแก้มเมื่อร่างของคนเป็นพ่อยืนอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาผิดหวัง ในมือมีผ้าห่มที่ใช้เวลานอนอยู่....มันเป็นความผิดเขาเองที่ประมาท

    พ่อคงเห็นแล้ว....ผ้าปูที่นอนเขาที่ยังเหลือรอยกระทำเมื่อคืนนั้นไว้

    ...การกระทำเลวๆของคนที่ไม่รักดี


    "....นึกไว้แล้วไม่มีผิด"


    "พ่อ...."


    "มีอะไรจะพูดไหม"


    "ผมขอโทษ....พ่อเลี้ยง ผมขอโทษ..."


    จุนมยอนได้แต่ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลทะลักพลางพร่ำขอโทษอยู่อย่างนั้น แต่ชายวัยกลางที่เคยใจดีกลับปล่อยของในมือทิ้งแล้วยืนมองเขา แม้จุนมยอนจะไม่ได้มองตอบแต่เขาก็รู้ว่าสายตานั้นมีความหมายอย่างไร


    เสียใจ โกรธแค้น แต่ที่มากที่สุดคง...ผิดหวัง


    "ฮึก พ่อ ผมขอโทษ ขอโทษ..."


    "นี่ใช่ไหมที่เธอจะพูด...."


    "พ่อ...."


    "ถ้าพูดจบแล้ว ....ก็ช่วยออกไปจากบ้านของฉัน นับแต่วันนี้ เธอไม่ใช่ลูกของฉัน....อีกต่อไป"


    "ไม่นะ พ่อ! พ่ออย่าทิ้งผม.....ผมขอโทษ ผมขอโทษ...."


    สิ้นคำเหมือนคิมจุนมยอนแทบจะตายลงให้ได้ ร่างเล็กเบิกตาโพลงก่อนจะกระเสือกกระสนเข้าไปกอดขาพ่อเลี้ยงที่เป็นดั่งผู้ให้ชีวิต แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับดึงขาหลบแล้วเดินหนีไป คิมบับที่คนตัวเล็กตั้งใจทำโดนเหยียบจนเละเทะแต่จุนมยอนไม่ได้สนใจเรื่องนั้น จุนมยอนจะคลานตามไปแต่ไม่ทันได้มองทางจนฝ่ามือโดนเศษจานบาด


    "พ่อ ฮืออ พ่ออย่าโกรธผมนะ พ่ออย่าทิ้งผมไป ฮึก ฮือ...ผมเจ็บ....."


    จุนมยอนได้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่เดิมราวกับเด็กเล็กๆที่ทะเลาะกับพ่อแม่ แต่กับเขามันไม่ใช่แค่ทะเลาะ พ่อเลี้ยงเกลียดคนทรยศ และตอนนี้เขาเป็นแค่ลูกเลวๆที่พ่อไม่ต้องการ จุนมยอนกรีดร้องปานใจจะขาด เลือดจากแผลบนฝ่ามือไหลย้อยลงแต่มันก็สู้หัวใจที่แตกร้าวนี่ไม่ได้เลยสักนิด

    ยังร้องไห้ได้ไม่สาแก่ใจ ร่างเล็กก็โดนบังคับให้ยืนขึ้นมาแม้ขาจะอ่อนแรงเหลือเกิน ก่อนจะโดนลากให้เดินตามแม้จะขัดขืนไว้แต่จุนมยอนก็ไม่อาจสู้แรงของทั้งคู่ได้


    "ฮยอง ฮยองจะพาผมไปไหน... ผมไม่ไปนะ ที่นี่เป็นของผม ที่นี่เป็นของผม!!!!"


    "ขอโทษนะคุณจุนมยอน แต่มันเป็นคำสั่งของคุณคิม"


    ชายร่างสูงสองคนที่เป็นคนของคุณคิมเห็นอดีตคุณหนูของตนร้องไห้แล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่เพราะคำสั่งของเจ้านาย มันบังคับเขาให้ทำ ทั้งสองลากจุนมยอนไปทิ้งไว้ที่หน้าบ้านก่อนจะโยนกระเป๋าเงินพร้อมกรอบรูปที่เขาตอนเด็กๆถ่ายคู่กับพ่อเลี้ยงออกมา ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง


    "พ่อ ผมขอโทษ!!!!! ผมผิดไปแล้ว....ฮือ...."


    ปัง! ปัง!


    "อย่าทิ้งผมเลย...."


    จุนมยอนทรุดตัวลงหน้าประตูหลังจากทุบประตูจนมือชา เขารู้สึกตัวเองกำลังจะเป็นลมเพราะร้องไห้แถมยังเป็นแผลที่มือ ร่างเล็กหันไปหยิบกรอบรูปที่ถูกโยนออกมา กระจกมันแตกเพราะแรงกระแทกเป็นการกับการบอกว่าความทรงจำเก่าๆมันแตกไปแล้ว ได้แต่หยิบภาพด้านในออกมามองดูความหลังที่เพิ่งสูญเสียไป

    ตัวเขาได้แต่กล้ำกลืนหยิบไปแนบไว้กับอกแล้วเดินหนีออกมาจากบริเวณนั้น  มือขาวยกขึ้นเช็ดน้ำตาถึงแม้ว่ามันจะยังไหลไม่หยุด หากว่าพ่อเลี้ยงไม่ต้องคนทรยศอย่างเขา สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่ไปไกลๆหูตาเพื่อพ่อเลี้ยงจะได้ไม่ต้องรำคาญ


    "เซฮุน....ฮือออ คุณอยู่ไหน...."


    เขาโดนพ่อเกลียดแล้ว....

    คนที่เป็นคนรักก็ไม่อยู่....

    ตัวเขาในตอนนี้ไม่เหลือที่พึ่งที่ไหนอีกแล้ว.....




    เขาไม่เข้าใจ.... ว่าทำไมเขาจึงมีความรักไม่ได้ ทำไมเขาต้องแลกหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ของเขาเพื่อสิ่งที่เขาอยากจะเป็น


    คิมจุนมยอนได้แต่เอ่ยถามพระเจ้า....













    ' ต้องพาเด็กคนนั้นกลับบ้านไปกับเรา ภายในเวลาสามทุ่มตรงคืนนี้... '


    คำพูดของป๊าหรือคริสลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง นี่คือชาเเลนจ์ที่เซฮุนต้องทำให้ได้ มิฉะนั้น รักของเขาก็ไม่ต้องหวังจะเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย... แต่กับอีแค่ขอร้องให้กลับไปด้วยกันเอง แล้วสักวันสองวันค่อยกลับมาที่นี่ก็ได้ คนรักกันอ่ะเนอะ แค่นี้ก็ทำได้อยู่แล้วววว~


    ....


    พูดน่ะมันง่าย แต่จริงๆมันโคตรยาก


    โอเซฮุนกำลังยืนวิตกจริตอยู่หน้าบ้านจุนมยอน ทั้งเรื่องข้อเสนอของพ่อ แถมยังออกบ้านไปแต่เช้าแต่เพิ่งจะไสหัวกลับมาตอนบ่ายแถมไม่มีอะไรติดมือกลับมาอีกต่างหาก ทำไงได้ ไม่ได้เอาเป๋าตังไปอ่ะ...


    "เอาวะไอ้ฮุน อยากได้เมียก็ต้องใจกล้าๆ แถมน่ารักขนาดนั้นป๊าไม่ใจร้ายหรอก!"


    เรียกกำลังใจให้ตัวเองเสร็จก็บิดลูกบิดประตูจะเข้าบ้าน ทว่ามันกลับล็อคอย่างปริศนา เซฮุนขมวดคิ้ว บ้านล็อคเฉ๊ย...นี่หมายความว่าไงวะ


    ปังๆๆ


    ยืนรออยู่นานกว่าประตูจะเปิดออกมา แต่พอเห็นหน้าคนเปิดประตูเขาก็ต้องขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก พนันว่าเขาไม่เคยรู้จักผู้ชายตัวสูงสองคนนี้ หรือว่าเขาเดินมาผิดบ้าน เฮ้ย แต่ที่นี่มันก็มีอยู่หลังเดียว


    "มาหาใครครับ..."


    "พวกคุณเป็นใคร"


    เซฮุนจ้องสองคนนั้น สองคนนั้นก็จ้องเขากลับ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปพยักหน้าให้กัน แล้วอีกคนหนึ่งก็ตะโกนให้คนในบ้านได้ยิน


    "พ่อเลี้ยงครับ เหมือนคนๆนั้นจะมาแล้วล่ะครับ"


    "ฮะ?"


    "............มาหาจุนมยอนเหรอ"


    ร่างของชายวัยกลางคนนึงที่มีใบหน้ายิ้มแย้มค่อยๆเดินออกมาตรงหน้าเขา จากคำสรรพนามที่หนึ่งนสองคนนั้นใช้เรียกเซฮุนก็นึกออกว่าจุนมยอนเคยบอกว่าว่าทุกๆเดือนพ่อเลี้ยงจะมาหา และมันคงเป็นวันนี้พอดี ร่างสูงโค้งทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างเร็ว


    "สวัสดีครับ! ผมโอเซฮุนครับ ยินดีที่ได้พบคุณครับ"


    "เช่นกันนะคุณโอ ฉันก็ดีใจที่ได้พบคุณ..... เหมือนจะเคยเห็นหน้าคุณนะ"


    "น่าจะเคยเห็นจากพวกงานเลี้ยงน่ะครับ"


    "งั้นเหรอๆ..."


    เซฮุนเผลอโล่งใจเมื่อปฏิกิริยาตอบรับอีกฝ่ายดีเกินคาด คุณคิมดูใจดีมาก เขานึกว่าจะต้องเจอพ่อตาหวงลูกซะจนเอาปืนไล่ยิงเขาซะอีก....


    "แต่เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉัน และไม่มีวันที่จะยกให้ผู้ชายแบบคุณหรอก"


    "ครับ?"


    "ต้องให้พูดอีกรึไง ออกไปจากบ้านนี้ซะ!! อย่ามาทำให้จุนมยอนต้องสกปรกเหมือนพวกคนอย่างคุณ..."


    คุณคิมที่แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเขาพร้อมตวาดเสียงดัง ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน เซฮุนเอื้อมมือไปจะคว้าอีกฝ่ายไว้หวังจะคุยก็ชะงักอยู่แค่ประตูบ้านเพื่อนกระบอกสีดำเลื่อมที่ตั้งอยู่กลางกระหม่อมเขา


    "อย่าหวังจะแตะต้องพ่อเลี้ยงด้วยมือสกปรกของแก"


    "....แต่ผมรักเขาจริงๆ ผมเลือกจะหยุดอยู่ที่เขา ผมสัญญาว่าจะดูแลจุนมยอนจนกว่าผมจะตาย ไม่สิ ถึงผมตายไป วิญญาณของผมก็จะปกป้องเขาครับ!"


    ร่างสูงยอมหยุดระยะอยู่แค่นั้น แต่เขายังคงหวังว่าจะส่งความรู้สึกผ่านคำพูดไปให้อีกคนรับรู้ได้ถึงความรักของเขากับคิมจุนมยอน เซฮุนมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าแล้วคุกเข่าที่พื้นหน้าบ้านเพื่อร้องขอ


    "ได้โปรด ให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองเถอะครับ!!"


    "....ถ้าเธอยืนยันอย่างนั้น"


    ชายวัยกลางยืนนิ่งอยู่นานก่อนจะหันมาทางเขาแล้วส่งยิ้ม เซฮุนใจชื้นขึ้นมาหน่อยแต่แล้วเขาก็ต้องรู้สึกเหมือนโดนผลักตกเหวไปอีกครั้ง


    ".....พวกเธอก็คงไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว ไม่-มี-วัน"


    "ได้ยินที่พ่อเลี้ยงพูดแล้วก็ไสหัวไปซะ คุณจุนมยอนมีค่าเกินกว่าที่เเกจะเเตะต้อง...ไอ้ลูกหมา"


    ปัง!


    สิ้นคำคุณคิม หนึ่งในสองคนติดตามก็ปิดประตูใส่หน้าเขาดังลั่น เซฮุนทำได้เพียงนั่งหน้าชาอยู่คนเดียวด้านนอก แขนขาเขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงจะยืน ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่คาดหวังไว้จะห่างจากความเป็นจริงขนาดนี้


    ความเป็นจริงที่ขื่นขน ที่ว่าเราทำได้เพียงแค่รักกัน...





    จะให้คิดแบบนั้นเหรอ ไม่มีวันหรอก!



    "คิมจุนมยอน!!! คุณไม่เป็นไรใช่ไหม!!! ผมอยู่ตรงนี้ ผมจะดูแลคุณเอง"


    นางฟ้าของเขาจะเป็นยังไง....ต้องร้องไห้อยู่แน่ๆเลย....นั่นสิ มันยากนะถ้าจะให้เลือกระหว่างความรักกับครอบครัว...

    อยากกอด อยากจะปลอบ อยากจะเช็ดน้ำตาให้หายเศร้า....



    "ผมไม่มีวันตัดใจแน่.... ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้!! จนกว่าเราจะได้พบกัน!!"


    ...เขาเป็นห่วงจุนมยอนยิ่งกว่าห่วงตัวเองไปแล้ว

    แล้วจะให้ตัดใจง่ายๆได้ยังไง?


    "เพราะฉะนั้น คุณห้ามร้องไห้นะ!!!"



    น่าเสียดาย.....ที่ไม่ว่าเซฮุนจะตะโกนดังเท่าไหร่

    คิมจุนมยอนก็ไม่มีวันได้ยิน....











    "เซฮุน ...โอเซฮุน.....ฮึก"


    จุนมยอนเดินไปตามทางอย่างเชื่องช้าพร้อมเช็ดน้ำตาไปตลอดทาง คนรอบข้างมองเขาราวตัวประหลาดแต่หาได้สนใจไม่ สิ่งเดียวที่เขาสนใจต้องนี้คือเซฮุน เท้าเปล่าก้าวเดินไปตามทางร้อนๆจนแดง เขายอมเดินมาตลอดเกือบชั่วโมงเพราะหาคนๆเดียวแต่ก็ยังไม่เจอแม้แต่เงา หลายครั้งที่คิดไปต่างๆนานาว่าอีกฝ่ายอาจทิ้งเขาไปแล้ว แต่ในใจลึก จุนมยอนก็เชื่อมั่นในตัวเซฮุน


    หรือมันอาจจะเป็นเพียงการคิดไปเองก็ตาม...


    ใบหน้าหวานเงยขึ้นท้องฟ้าที่มีแดดจ้าสาดส่องลงมา ท้องฟ้าเริ่มมีเมฆสีเทาปกคลุมบางส่วน น่ากลัวว่าอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมา ...ได้ดั่งใจจริงๆ แค่นี้ชีวิตก็น่าจะเศร้าพอแล้วแท้ๆ


    จุนมยอนนั่งลงบนพื้นใต้ร่มไม้อ่อน ภาพที่มองก็เริ่มจะเบลอๆ เขารู้สึกเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูก ถึงแผลที่มือจะเลือดหยุดไหลไปแล้วแต่มันก็รู้สึกปวดหนึบๆอยู่ ขาเขาเองก็หมดแรง ได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมต้องเกิดมาอ่อนแอขนาดนี้


    เหนื่อยจัง...


    "....เซฮุน? เซฮุน!!"


    จุนมยอนลุกพรวดเมื่อเห็นโอเซฮุนไกลๆ อาการปวดหัววิ๊งขึ้นทันทีเพราะลุกเร็วเกินไปแต่เขาก็ยังประคองตัวเองไปถึงคนๆนั้นจนได้ จุนมยอนคว้าเสื้อไว้แน่นแล้วดึงจนอีกฝ่ายหันกลับมา


    "ครับ?"


    "คุณไม่ใช่......"


    รอยยิ้มค้างกลางอากาศเมื่ออีกฝ่ายหันมาแล้วไม่ใช่คนที่เขาหวังไว้ ความอ่อนล้าและความผิดหวังทำให้หวนคิดถึงเมื่อคืนที่อีกฝ่ายให้คำสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเขาไป น้ำในตาที่เพิ่งหยุดไปก็ไหลลงมาเหมือนคนโง่

    พอเห็นแบบนั้นร่างสูงตรงหน้าก็แสดงอาการเลิ่กลั่ก อะไรเนี่ย เขาก็แค่เดินอยู่เฉยๆแล้วอีกฝ่ายก็เข้ามา


    "เฮ้ยคุณ คุณครับ! ร้องไห้ทำไม! แล้ว แล้ว...โอ่ยย ทำไงดีวะจงอินเอ๊ย ซวยชิบหาย"


    "ฮือออออ ทำไมคุณถึงไม่ใช่เขา แล้วเขาไปไหน..... ทำไมคุณถึงไม่ใช่เขา"


    แล้วกูจะรู้ไหมล่ะ?


    จงอินได้แต่ตอบตัวเองในใจแล้วกอดปลอบคนตรงหน้าไว้ เขาไม่ใจร้ายพอจะพูดเลวๆแบบนี้ใส่ผู้ชายน่าทะนุถนอมแบบนี้หรอก อันที่จริงโคตรอยากจะเฟดตัวออกจากตรงนี้ แต่อีกฝ่ายเล่นกำเสื้อเขาไว้แน่นจนเส้นเลือดแทบปูด แถมเอาแต่ร้องไห้ พูดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง....

    หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นบ้าเลยยยย


    "เซฮุน คุณอยู่ไหน...."


    พอยืนนิ่งร้องไห้จนสาแก่ใจ คนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาก็ผละตัวออกไป คิมจงอินยืนมองอยู่ที่เดิมด้วยความเป็นห่วงปนช็อค กลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไปกลางทางเหลือเกิน

    แต่เหมือนจงอินจะกลัวมากไปหน่อย


    พลั่ก!


    "เฮ้ย!! คุณ!"


    ร่างขาวจู่ๆก็ล้มลงไปจูบพื้นอย่างแรงจนเขาตกใจ จงอินคุกเข่าลงไปจับตัวอีกฝ่ายไว้ก็เห็นว่าหลับตาไปแล้ว น่าจะเป็นลมแดด ถึงจะไม่ค่อยน่าไว้ใจแต่จงอินก็ช้อนร่างเล็กขึ้นมา เขามองไปรอบๆเพื่อหาที่ปฐมพยาบาล เห็นผู้ชายร่างสูงที่อยู่ใกล้สุดเลยเดินทุลักทุเลเข้าไปถามทาง


    "ขอโทษนะครับ ไม่ทราบที่นี่มีคลินิคใกล้บ้างไหมครับ"


    "คลีนิค? อ๋อ ก็..........."


    คนร่างสูงท่าทางเหมือนนักท่องเที่ยวมากกว่าคนพื้นเมืองที่ถือของพะรุงพะรังหันมามองหน้าเขาก่อนจะก้มมองคนในแขนเขาด้วยสีหน้าตกใจ


    "คิมจุนมยอน??"












    หน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาสองทุ่มตรง...


    โอเซฮุนลุกขึ้นจากพื้นทรายที่นอนราบอยู่ ขึ้นมามองบ้านหลังกลางปิดไฟมืดสนิทที่ตัวเขานั่งเฝ้าอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนโง่ พ่อเลี้ยงคนนั้นออกจากบ้านไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วพร้อมกับคำปลอบใจโง่ๆที่ทำให้เขาหมดแรง


    .....คิมจุนมยอน ไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว


    ต่อให้พยายามเท่าไหร่ สิ่งที่เขาทำไปทุกอย่างส่งไม่เคยถึง มันหมดหวังที่จะได้เจอตั้งแต่แรกแล้ว...ทำไมถึงไม่เคยเอะใจนะ เขาก็แค่คนโง่ที่เอาแต่เดินตามเกมของคนอื่น เซฮุนยกมือปิดครึ่งหน้าบนไว้แล้วปล่อยน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ


    ระฆังใกล้จะตีหมดเวลาของเราแล้ว เขาต้องกลับบ้าน... และจะไม่มีเจ้าชายตามเขาเหมือนในนิทาน แต่เซฮุนไม่ได้เสียใจเรื่องนั้น สิ่งที่เขาเสียใจคือไม่ได้แม้จะเจอหน้าคนรักก่อนจาก ไม่ได้เอ่ยลา ไม่ได้เห็นหน้า และก็ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกรึไม่...

    โอเซฮุนทำได้เพียงจำเรื่องราวไว้ จากเด็กไม่ได้เรื่องคนนึง... เขาได้เรียนรู้คำว่ารักในเวลาสั้นๆ


    แต่สุดท้ายเขาก็ต้องปล่อยมันไปโดยไม่มีโอกาสแม้จะโต้แย้ง....




    "เซฮุน....ถึงเวลาตามสัญญาแล้ว...."



    "ได้เวลาต้องไปแล้ว"



    เจ็บปวดเหลือเกิน....















    "จุนมยอน ตื่นได้แล้วลูก...."


    เจ้าของชื่อสัมผัสได้ถึงแรงเขย่าเบาๆที่ต้นแขน ดวงตาบวมจึงค่อยๆเปิดขึ้นมา จุนมยอนดันตัวขึ้นด้วยอาการปวดหัวจี๊ด นั่งปรับสภาพอยู่สักครู่จึงเงยหน้ามองคนที่เข้ามาปลุก เป็นคุณยายปาร์คของชานยอล ซ้ำที่นี่ยังเป็นห้องพักในร้านของชานยอลด้วย พอคิดไปถึงตอนก่อนจะหมดสติก็จำได้เพียงหน้าหล่อคมของผู้ชายผิวแทนคนนึงที่รูปร่างคล้ายเซฮุน


    เดี๋ยวนะ เซฮุน.....


    "....!!"


    "เป็นอะไรไปลูก ปวดหัวรึเปล่า"


    "ผมเป็นอะไรไปเหรอครับ แล้วนี่กี่โมงแล้ว คุณยายเห็นผู้ชายตัวสูงๆผิวขาวๆมาถามหาผมบ้างไหม"


    "ตอนนี้เกือบสองทุ่มแล้ว หนูเป็นลมแล้วเจ้าชานยอลกับพ่อหนุ่มตัวสูงๆเลยพาหนูมาพักที่นี่ แต่ยายยังไม่เจอใครถามหาหนูเลยนะลูก"


    "เหรอครับ..."


    จุนมยอนสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาพราวหม่นแสงลงตามรอบดวงตาที่บวมเป่งเพราะการร้องไห้ หญิงชราเห็นดังนั้นจึงลากเก้าอี้มาใกล้ๆพร้อมกับกล่องไม้ใบหนึ่ง


    "ยายไม่รู้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่นี่เจ้าคิมจองซา พ่อหนูเค้าฝากมาให้"


    ได้ยินชื่อพ่อเลี้ยงจุนมยอนก็เลยรับมันมาด้วยความรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ความรู้สึกผิดมันตีตื้นขึ้นมาเมื่อเปิดฝากล่องออกแล้วเห็นชุดสูทสีขาวกับก้านดอกไม้แห้งที่เขาเคยเห็นในหนังสือดอกซากุระจากญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีขวดน้ำหอมจากฝรั่งเศสที่ตอนเด็กๆเขาเคยบอกพ่อว่าชอบกลิ่นนี้ ทั้งหมดล้วนมาจากที่ๆเขาเคยบอกกับพ่อว่าอยากไป.... จุนมยอนหยิบตั๋วเรือที่จะออกเวลา3ทุ่ม ระบุสถานที่ไป-กลับคือเกาะนี้และท่าเรือแถบเมืองในแผ่นดินเกาหลีใต้ ที่ถูกแนบไว้กับแผ่นกระดาษฉีกมีเส้นที่ถูกเขียนด้วยข้อความสั้นๆ


    ' 22 พฤษภาคม 20xx
    สุขสันต์วันเกิดปีที่25 เทวดาตัวน้อยของพ่อ
    ขอบคุณที่ลูกเกิดมา '


    มือเรียวหยิบขึ้นมาลูบเบาๆพร้อมความตื้นตันที่ตีขึ้นจนล้นอก น้ำตาคลออยู่ตรงเบ้าจุนมยอนเช็ดมันออกเพื่อไม่ให้มันหยดมาโดนของสำคัญที่เขาได้รับ ถึงแม้จะเป็นลูกนอกสายเลือดที่ไม่ดี ไม่เคยได้มีโอกาสดูแลพ่อเลย แต่พ่อเลี้ยงยังคงรักและดูแลเขาเสมอแม้แต่เวลาทะเลาะ

    พ่อไม่เคยเกลียดจุนมยอน....



    "จองซาฝากบอกว่าเค้าขอโทษที่ทำไม่ดีใส่หนูนะจุนมยอน หนูเองก็อย่าโกรธพ่อเขาเลย เด็กคนนั้นแสดงออกไม่เก่งตั้งแต่เด็กจนโต"


    "ผมต่างหากที่ทำไม่ดีใส่เขา ผมทำให้พ่อผิดหวัง"


    หญิงชราจับไหล่ให้กำลังใจเด็กน้อยตรงหน้าเงียบๆ เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อลูกคู่นี้ อาจจะเป็นความผิดน้อยๆหรือใหญ่แค่ไหนแต่เธอก็รู้ดีอยู่ว่าคิมจองซารักเด็กคนนี้มากแค่ไหน


    "จุนมยอน หนูรู้ไหมทำไมจองซาถึงพาหนูมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไมเขาถึงรับหนูมาเลี้ยง"


    จุนมยอนส่ายหน้าทั้งน้ำตาที่รินไหลช้าๆ มือขาวยังคงจับกระดาษโน๊ตและตั๋วเรือไว้มั่น


    "เด็กคนนั้น เมื่อก่อนเป็นแค่เด็กจนๆที่แทบไม่มีอะไรเลย เขาเคยตัดสินใจรักกับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วก็ร่วมใช้ชีวิตทุกข์สุขมาด้วยกันเสมอ แม้ว่าวันเวลาในการตั้งตัวจะยากเย็น แต่จองซาก็กัดฟันผ่านมาได้ จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจสร้างบ้านหลังนี้ไว้เพื่อจะได้สร้างครอบครัวอบอุ่นกับผู้หญิงที่เขารัก เป็นบ้านเล็กๆริมทะเลเพราะผู้หญิงคนนั้นชอบทะเล สร้างห้องสมุดไว้ด้วยเพราะเธอชอบอ่านหนังสือ"


    "ทั้งๆที่สัญญากันไว้ว่าจะแต่งงานกันและย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่ว่าสุดท้ายก็ต้องฝันสลาย....เพราะผู้หญิงคนนั้นทิ้งคิมจองซาไป ตอนนั้นเด็กคนนั้นไม่เป็นผู้เป็นคนเลย มีครั้งหนึ่งเคยคิดจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ แต่แล้วเขาก็เจอเธอ....จุนมยอน พ่อแม่แท้ของเธอเป็นลูกหนี้สามีภรรยาวัยเด็กที่ยังไม่พร้อมจะมีลูกด้วยซ้ำ พวกเขาถูกไล่ออกจากบ้านเพราะท้อง ความลำบากยากแค้นก็มาเยือน เขาอยากจะเก็บเธอไว้แต่ว่าฐานะที่ยังไม่พร้อมทำให้พวกเขายกเธอให้จองซาดูแลเพราะไม่อยากให้เธอลำบาก ....อย่าโกรธพ่อแม่นะจุนมยอน เขาเลือกทางที่ดีที่สุดให้กับเธอแล้ว"


    "ใบหน้าเธอคล้ายกับผู้หญิงคนนั้นมาก...จนเขากลัวว่าจะต้องเสียเธอไปเหมือนคนรักเก่าอีกครั้ง พอเธออายุสิบสองสามารถเลี้ยงตัวเองได้ เขาเลยพาเธอมาอยู่ที่นี่ ฝากฝังฉันไว้ให้ดูแลเธอ เพราะกลัวว่าของขวัญจากพระเจ้าของเขาจะถูกพรากไปอีกครั้ง กันเธอไม่ให้อยู่เมืองหลวงที่น่ากลัว ฝากบ้านที่เขารักมากไว้ให้เธอดูแล"


    "......ผมเข้าใจแล้วครับ"


    จุนมยอนเผยรอยยิ้มจางๆแล้วสวมกอดหญิงชราไว้ ตอนมาที่นี่ใหม่ๆสำหรับเด็กสิบสองการอยู่คนเดียวมันน่ากลัวเหลือเกิน มีเพียงคุณยายปาร์คที่ดูแลเขาไว้ไม่แพ้ชานยอล จุนมยอนรักเธอและสัญญาว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง คุณยายปาร์คเอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กอย่างเบามือ


    "ใกล้จะได้เวลาเรือออกแล้วนะลูก รีบไปเตรียมตัวเถอะนะ"













    จุนมยอนซุกมือลงกับกระเป๋าโค๊ทยาวที่สวมทับเสื้อสูทสีขาวที่เขาเพิ่งได้รับเป็นของขวัญมา หลังจากร่ำลาคุณยายปาร์คแล้ว ชานยอลก็มาส่งจุนมยอนขึ้นเรือเฟอร์รี่ยักษ์ บรรยากาศห้องโถงด้านในเหมือนพวกโถงวังในเทพนิยายจนเขาไม่อยากนึกถึงค่าตั๋วแต่จุนมยอนเลือกที่จะไม่สนใจ คนตัวเล็กเลือกจะถือกล่องไม้ออกมาตากลมด้านนอก

    เรือค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากท่า จุนมยอนชะโงกหน้าลงไปเจอปาร์คชานยอลที่ยืนสั่นรอส่งเขาด้วยรอยยิ้มแหยๆแล้วก็หัวเราะน้อยๆพลางนึกขอบคุณในใจ ปาร์คชานยอลเป็นเพื่อนคนเดียวของเขาแต่นั่นก็โชคดีมากแล้วจริงๆ

    ภาพชานยอลกลายเป็นจุดเล็กๆไกลสายตา ทิวทัศน์รอบตัวเขามีแต่ผืนทะเลสีดำมืด จุนมยอนทิ้งตัวลงตรงด้านนอกตัวเรือ ที่ตรงนี้ค่อนข้างสงบไม่มีคนเดินผ่านมาก ที่จริงคือไม่มีใครประสาทเสียขนาดจะมานั่งหนาวอยู่ด้านนอกแบบนี้ ลมทะเลพัดโกรกจนเรื่อนผมสีดำปลิวไม่เป็นทรง มือขาวเปิดกล่องไม้ออกแล้วหยิบกล่องเพลงสี่เหลี่ยมเล็กๆขึ้นมา หมุนแกนให้มันเริ่มทำงงานจากนั้นก็กุมมันไปข้างหู


    เป็นท่วงทำนองคุ้นเคยที่เขามักได้ยินตอนที่เท้าเจ็บ ทำให้หวนนึกถึงคนเฝ้าไข้หน้าหล่อของตัวเองอีกครั้ง...เซฮุน


    เราจากกันมา ...โดยไม่ได้เอ่ยแม้กระทั่งคำร่ำลา

    ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะขอโทษ... ขอโทษที่ใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้ ขอโทษที่เป็นคนรักของคุณไม่ได้ ขอโทษที่ไม่ยอมพยายามทำอะไรเลย

    ถ้าได้เจอกันอีกครั้งเราจะยังจำกันได้ไหม... หรือเราจะเป็นได้เพียงแค่คนแปลกหน้ากัน


    ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองท้องทะเลดวงดาวส่องสว่างพลางปล่อยไอหนาวสีขาวออกมาจากปากชมพู จุนมยอนหลับตาลงแล้วยกมือที่ถือกล่องเพลงขึ้นกุมไว้แนบอก เขาหวังจะให้คำขอสั้นๆของเขาส่งไปถึงพระเจ้า หากเมตตาเขาสักนิด ช่วยส่งคำนี้ไปให้อีกฝ่ายได้ยิน...

    คำสุดท้ายที่คนอย่างผม....อยากจะบอกให้โอเซฮุนได้ยิน


    "ผม....รักคุณ"












    จุนมยอนลืมตาขึ้นมาอีกทีเมื่อลมหนาวกว่าเข้าพัดเข้ามาหน้า คนตัวเล็กส่ายศีรษะน้อย เขาเผลอหลับไปทั้งๆที่อยู่ด้านนอกตัวเรือเนี่ยนะ โชคดีที่ยังไม่เเข็งตาย อีกอย่างนี่จุนมยอนจะหลับบ่อยไปหน่อยไหมเนี่ย เริ่มรู้สึกตัวเองเป็นเจ้าชายนิทรา ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็พบว่าตอนนี้เวลาสี่ทุ่มครึ่งกว่าๆ กว่าเรือจะถึงฝั่งก็คงประมาณตีหนึ่งตีสอง จุนมยอนควรจะไปนอนเอาแรงไว้ดีกว่า ตัวเขาเองข้างหน้ายังไม่รู้จะเจออะไรต่อ โทรศัพท์ยี่ห้อแอปเปิ้ลเเหว่งอะไรนี่เขาก็ใช้ไม่เป็นเคยใช้แต่แบบที่หมุนๆ

    ว่าแล้วก็ลุกเข้าไปผ่านห้องโถงที่ตอนนี้ผู้คนหนาแน่นกว่าปกติ อย่างกับว่าจะเป็นงานเต้นรำพักผ่อนที่ทางเรือมีจัดไว้ให้ จุนมยอนเบ้ปากพลางคิดว่าดึกดื่นขนาดนี้ยังจะมาร้องเล่นเต้นรำอะไรกันนักหนาเชียว ครั้นเดินผ่านโต๊ะอาหารเขาก็แอบชะงัก เพราะมันมีแต่อาหารดีๆที่เขาไม่เคยเห็น


    น่ากินจัง..../เช็ดน้ำลาย


    พลั่ก!


    ยังไม่ทันจะได้เช็ดน้ำลายไหล่เขาก็ถูกชนโดยใครสักคน อีกฝ่ายขอโทษขอโพยก่อนจะเดินหนีไปด้วยท่าทางรีบร้อน ครั้นจุนมยอนเงยหน้าขึ้นมอง แม้ว่าคนๆนั้นจะเดินออกห่างไปไกลแล้ว แต่ภาพไกลตรงหน้าก็ทำให้หัวใจเขาก็กระตุก

    โอเซฮุน...



    "เซฮุน!"


    จุนมยอนไม่รู้ว่าเซฮุนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่เขาก็วิ่งตามแผ่นหลังนั้นไปเป็นอันว่าเรียบร้อย มือเรียวยื่นสุดแขนไปคว้าเสื้ออีกฝ่ายจนจนเขาหันมา


    "คุณ....อีกแล้วเหรอ?"


    เป็นผู้ชายเมื่อตอนกลางวันที่เขาเบลอๆไปทักผิด คำพูดตอนเจอหน้าทำเอาจุนมยอนถึงกับเงิบ รู้สึกอายมากๆก็ตอนนี้แหละ จำไม่ค่อยได้ด้วยว่าไปทำอะไรไว้ เขินเลย T////T


    "ขอโทษครับๆ ข้างหลังคุณเหมือนคนที่ผมตามหาอยู่มากๆเลย"


    ".......แล้วคุณตามหาใครอยู่ล่ะครับ เผื่อผมจะได้หาให้คุณ"


    "เซฮุน..."


    "เซฮุน? หมายถึงโอเซฮุน ลูกชายคุณคริสน่ะเหรอครับ"


    จุนมยอนพยักหน้าถึงจะไม่รู้หรอกว่าพ่อเซฮุนชื่ออะไร จงอินหรี่ตาลงครู่นึงก่อนจะชี้ไปทางด้านหลังของเขา จุนมยอนมองตามเห็นร่างสูงโปร่งยืนถือแก้วเครื่องดื่มอย่างเดียวดายอยู่กลางห้องโถง


    "โน่น....เห็นใช่ไหม"


    "เห็น....ชัดเลย ฝากหน่อย"


    จงอินถูกกล่องไม้ยัดใส่มือแรงก่อนที่เจ้าของมันจะวิ่งออกไปหาลูกชายเจ้านายเขาเต็มฝีเท้า ภาพของคนตัวเล็กที่วิ่งเบียดเสียดคนเพื่อไปหาคุณชายของเขาทำเอารอยยิ้มอ่อนผุดขึ้นตรงมุมปาก แต่ไม่นาน คิมจงอินก็ต้องหุบยิ้มกระทันหันเมื่อภาพตรงหน้าของเขากำลังเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย



    ปัง!!


    คนด้านบนหยิบปืนขึ้นมายิงเข้าที่โคมไฟชานเดอเลียจนมันร่วงลงมาอย่างไม่มีใครคาดคิด เป้าหมายของมันคือโอเซฮุน ลูกชายมาเฟียที่ยืนนิ่งอยู่ด้านล่าง แต่แล้วคุณชายร่างสูงก็ถูกมือขาวผลักออกมาจนพ้นรัศมี


    ภาพของชานเดอเลียแก้วด้านบนกลางห้องโถงแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆร่วงลงสู่ข้างล่างที่มีร่างเล็กของผู้ชายตัวเล็กวิ่งเข้าไปแทนที่ของโอเซฮุนที่ล้มไปกับพื้นเพราะแรงผลัก แขนเล็กยกขึ้นบังเศษแก้วแหลมตามสัญชาตญาณแต่ก็ช้ากว่าแรงโน้มถ่วง ซ้ำโครงหนักของชานเดอเลียยังร่วงลงมากระแทกคนตัวเล็กอย่างแรง


    ...


    ปึง!!


    ...


    "จุนมยอน!!!!!"


    เสียงร้องของเซฮุนทำให้จงอินรีบวิ่งไปที่ตรงนั้นเต็มฝีเท้า เสียงกรีดร้องระคนตกใจของผู้คนรอบข้างดังระงมแต่ไม่มีใครคิดจะทำอะไรนอกจากเซฮุนที่ถลาเข้าไปดู


    "ใครก็ได้!! ไปตามหมอมาที!!!!!!"


    ร่างสูงพยุงตัวเล็กของคนรักขึ้นมาแนบอก ใบหน้าขาวสวยที่น่าหลงใหลถูกของเหลวหนืดสีแดงและเศษแก้วคมแต่งแต้มอย่างน่ากลัว ดวงตาที่เซฮุนหลงใหลเปิดออกเพียงเสี้ยวเท่าที่มันจะเปิดได้ซ้ำยังมีเศษเเหลมแทงอยู่ที่เปลือกตาและอาจจะด้านใน


    จุนมยอนพยายามประคองสติไว้เพื่อมองหน้าคนรักให้นานเท่าที่ทำได้ เขาอยากจะยกมือไปลูบหน้าเซฮุนแบบที่พระเอกนางเอกหนังชอบทำแต่ความปวดหนึบที่หัวมันดึงดูดเขาไปมากกว่า เหมือนว่าเซฮุนจะพูดอะไรบางอย่างแต่จุนมยอนก็ฟังไม่ออก หน้าคมคายที่เขาหลงรักกำลังชุ่มไปด้วยน้ำตา จุนมยอนไม่ชอบเลยแต่ก็ปรามเซฮุนไม่ได้ เพียงแค่ใช้สายตามองเขาก็รู้สึกแสบไปหมด

    เขาอยากจะหลับตาลงแล้วแต่ว่ายังมีบางอย่างที่ทำให้เขาหลับไม่ลง.... คำขอพรจากดวงดาวที่เขาเคยเว้าวอน หวังว่าจะให้อีกคนได้ยินมัน...แต่ในเมื่ออีกคนอยู่ตรงหน้า จุนมยอนก็จะบอกด้วยปากของตัวเอง


    "....."


    "ผม........"


    "ไม่ต้องพูดแล้ว มันไม่เป็นไร คุณจะไม่เป็นไร เชื่อใจผมนะที่รัก เราจะอยู่ด้วยกัน....เราจะ.... ฮึก จุนมยอน ผมรักคุณ... ได้โปรด อยู่กับผมเถอะ"


    เซฮุนกลืนก้อนสะอื้นลงก่อนพูดพร่ำเหมือนคนบ้า เขาเกลียดตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียใจและร้องไห้ เซฮุนได้แต่ภาวนาให้เขาได้เจอจุนมยอน แต่เขาไม่คิดเลยว่าโชคชะตาจะใจร้ายให้เราได้เจอกันอีกครั้งแบบนี้

    คนตัวขาวเหมือนพยายามจะพูดบางคำออกมาแม้ตาตาสวยจะปิดลงไปแล้ว เซฮุนก้มหน้าลงไปฟัง ตอนนี้มีเพียงเสียงลมหายใจหอบหนักแต่เซฮุนก็ยังคงตั้งใจฟังคำพูดของจุนมยอน


    "ผม........."



    ".......รัก.........."



    ..........














    'ตอนนี้บาดแผลจากด้านร่างกายจะหายดีแล้วก็จริง แต่เพราะเศษแก้วที่กระเด็นเข้าไปในดวงตา ทำให้คนไข้ได้รับการกระเทือนทางประสาทตามาก'

    'เกรงว่าโอกาสที่จะกลับไปมองเห็น....มีเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นนะครับ'

    '.......'









    /หลายเดือนต่อมา/



    "จะพาผมไปไหนกันแน่เนี่ยโอเซฮุน"


    "เอาเถอะน่า ค่อยๆเดินนะครับ"


    เซฮุนส่งมือไปให้คนตัวเล็กได้จับไว้แล้วเดินตามเขา เพราะมันเป็นขั้นบันไดหินเขาเลยต้องให้อีกฝ่ายระวังเป็นพิเศษ จุนมยอนที่มีผ้าก๊อซพันแผลพันไว้รอบดวงตาค่อยๆก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง แต่มันก็ช้าจนเซฮุนอยากจะอุ้มขึ้นมากอดไว้ซะเองเลย แต่ว่าเขาอยากให้จุนมยอนได้ลองฝึกเดินไว้ก่อน ภายหลังไปจะได้ชินกับทุกสภาพ


    ร่างเล็กเดินลงขั้นสุดท้าย เท้าบางก็ได้สัมผัสกับผืนทรายนิ่มๆ จุนมยอนยกยิ้มจางๆเมื่อหูได้ยินเสียงคลื่นอีกครั้งที่โหยหา เขาเดินย่ำทรายไร้ทิศทางด้วยความสนุกจนเซฮุนต้องไปคล้ายไว้เพราะกลัวจะเดินลงทะเลไปซะก่อน ร่างสูงก้มลงไปใส่รองเท้าแตะคีบให้เท้าบางเพราะกลัวจะเหยียบอะไรไปซ้ำรอยเดิม


    หลังจากต้องพักรักษาตัวอยู่ร่วมสองสามเดือน จุนมยอนต้องนอนอึดอัดอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด เขาเกลียดโลกสีดำที่ต้องเผชิญหน้า แต่อย่างน้อยก็มีเซฮุนที่มักจะคอยอยู่เคียงข้างเสมอ ทุกเวลาจนเขาสงสัยว่าหมอนี่ไม่มีงานการทำหรือไง

    แต่เขาก็ชอบนะ....



    "เดินตามผมมานะ"

    เซฮุนกุมมือจุนมยอนไว้แน่นก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด เพราะได้กุมมือกันไว้แบบนี้ทำให้เขานึกถึงวันนั้นที่เราทำสัญญาเอาไว้ว่าดูแลกัน จุนมยอนลูบหลังกว้างเป็นการปลอบถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนรักเศร้าใจเรื่องอะไร

    คนรักเหรอ.......เขินจัง /////


    "พร้อมรึยัง"


    พอกอดกันเสร็จเซฮุนก็ลากเขามาอีกหน่อย ร่างสูงเดินเข้ามาซ้อนหลังแล้วเอื้อมมือมาลูบเรือนผมนุ่ม นิ้วยาวค่อยๆปลดตัวล็อคผ้าพันแผลให้เขา จุนมยอนรู้สึกถึงลมเย็นที่พัดเข้าหน้าโดยไม่มีอะไรกัน ก่อนที่ดวงตาสวยจะค่อยๆลืมขึ้นมา เขาเห็นภาพของทะเลสีครามกับบรรยากาศที่คุ้นตา... จุนมยอนหันกลับไปแล้วเขาก็ต้องตะลึง

    ภาพของโอเซฮุนในชุดทักซิโด้สีดำกำลังยืนส่งยิ้มกว้าง ข้างหลังเป็นภาพบรรยากาศงานเลี้ยงสีขาวที่ถูกจัดไว้ด้วยดอกไม้และลูกโป่งหลากสีสันสวยงามและสะอาดตา ร่างสูงล้วงเข้าไปในกระเป๋าจากนั้นก็หยิบแหวนสีเทาเกลี้ยงขึ้นมา


    "อ่ะแฮ่ม คือว่ามีอะไรจะบอก คืออยากบอกนานแล้วแต่ว่า.."


    "แต่งงาน...กันได้ไหม"


    เซฮุนเหลือบตามองคนตัวเล็กที่ยังยืนนิ่งมองแหวนเขา นี่ก็เงียบจัง รีแอคชั่นไปไหน โอเซฮุนค่อนข้างเสียเซลฟ์แปลกๆอ่ะครับทำไงดี T T จุนมยอนยิ้มจางๆก่อนจะยื่นมือขาวไปตรงหน้าหล่อ


    "......แต่งก็ได้ ใส่แหวนให้ด้วยนะ"



    ปุ้ง!


    "เซอร์ไพรส์~!!"

    กระดาษสีพุ่งออกมาจากพลุกระดาษเล็กๆในมือพร้อมกับเสียงร้องยินดีและเสียงปรบมือ เป็นปาร์คชานยอลที่โผล่ออกมาจากแถวเก้าอี้พร้อมรอยยิ้มฉีกไปถึงหู ก่อนที่คนอื่นๆจะทยอยออกมาจากที่ซ่อน และมันทำให้จุนมยอนค่อนข้างประหลาดใจ

    ที่มากกว่าคือเขาดีใจ...


    "ป๊า!"


    หันไปตามเสียงที่เซฮุนเรียกก็พบกับคุณคริสที่เดินคู่มากับพ่อเลี้ยง ในมือของชายวัยกลางมีกล่องไม้ที่เขาเคยฝากใครบางคนก่อนจะเกิดเรื่อง จุนมยอนวิ่งเข้าไปหยุดตรงหน้าคิมจองซา


    "พ่อ...."


    "ลืมของนะจุนมยอน .....พ่อมีของจะให้ลูกด้วย นี่เป็นสร้อยข้อมือที่พ่อกับแม่แท้ๆของลูกฝากเอาไว้ให้ เด็กคนนั้นบอกให้พ่อมอบให้ลูกซักวันนึง"


    สร้อยข้อมือเก่าๆที่มีจี้รูปหยดน้ำถูกสวมเข้ากับข้อมือบาง จุนมยอนลูบมันเบาๆพลางหวนนึกขอบคุณผู้ให้กำเนิดที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้า ก่อนจะสวมกอดให้แก่พ่อที่เลี้ยงดูตนเองมาตลอดชีวิต ใบหน้าหวานซุกกับบ่าที่แคบลงจากเมื่อก่อน น้ำใสๆไหลลงจากดวงตาแม้จะพยายามห้ามไว้


    "พ่อ ผมขอโทษ...."


    "ขอโทษอะไร ลูกควรจะพูดว่าขอบคุณสิ"


    "ผมขอบคุณ....ขอบคุณมากครับ..."


    คิมจองซาลูบศีรษะของบุตรตนเองแล้วระบายยิ้ม เรียกเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ใกล้ๆให้เข้ามาหา แล้วจับมือให้ทั้งคู่มากุมคู่กันไว้


    "ถึงพ่อจะไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตกับคนรักที่นี่ แต่พ่อก็ทำสำเร็จที่ให้ลูกได้มีโอกาส... พ่อยกบ้านนี้ให้เราแล้วนะจุนมยอน จากนี้ไปก็คอยดูแลมันด้วย เข้าใจไหมโอเซฮุน"


    "ครับ ....พ่อ แฮะๆๆ"


    เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเมื่อพ่อตาฝากฝังลูกชายตัวเองไว้ให้เขาอย่างเป็นมิตรสุดๆ เขาทำได้เพียงแต่ยิ้มแห้งๆกลับไป พอเห็นท่าทีลูกชายเป็นแบบนั้นคริสจึงหัวเราะร่วน


    "ถ้าแกทำอะไรไม่ดีให้สะใภ้ป๊ารู้สึกแย่นะ เตรียมตัวโดนถ่วงทะเลอีกรอบได้เลย!"


    "โหยป๊า! ผมไม่ทำหรอก อีกอย่างต่อให้ป๊าโยนผมทิ้งน้ำ เดี๋ยวนางฟ้าของผมก็ลงไปช่วยผมอยู่ดีแหละ"


    "ไม่ช่วยหรอก อีกอย่างคราวนั้นพวกเด็กๆช่วยไว้ต่างหาก..."


    สิ้นคำเจ้าบ่าวก็แทบก้มลงไปเก็บเศษหน้าไม่ทันท่ามกลางเสียงหัวเราะ(เยาะ)ของทุกคน เซฮุนถลึงตาใส่จุนมยอนเหมือนจะบอกจำไว้ คนโดนคาดโทษเลยขอลดโทษด้วยการจูบเข้าที่แก้มอีกฝ่าย


    เซฮุนกับจุนมยอนผละออกจากครอบครัวเพราะเข้าร่วมพิธีทางศาสนาที่จัดอย่างง่ายๆเช่นการสาบานและการแลกแหวน โดยปาร์คชานยอลอาสาผันตัวเป็นบาทหลวงให้ และเเน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้ย่อมเป็นการโยนดอกไม้ที่เด็กๆและสาวๆชื่นชอบเป็นพิเศษ เซฮุนยื่นช่อดอกคามิเลียให้จุนมยอนก็หันหลังพร้อมเรียบร้อย

    มาลุ้นว่าใครจะได้แต่งงานต่อไป!


    ฟิ้ว~


    "โอ๊ย!"


    ช่อดอกไม้ตกลงกระแทกเรือนผมสีน้ำตาลเข้มของใครซักคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้แล้วกลิ้งลงไปข้างล่าง ร่างสูงเก็บช่อดอกไม้ก่อนจะโผล่หน้าขึ้นมาแบบงงๆ เป็นคนที่ใครก็คาดไม่ถึงขนาดที่ว่าเซฮุนกับจุนมยอนยังขำ

    เป็นคุณแปลกหน้ารูปร่างคล้ายโอเซฮุนอย่างคุณคิมจงอินผู้ถือช่อดอกไม้ไม่เหมาะกับหน้าด้วยหน้าตามึนๆเหมือนคนเพิ่งตื่น ให้เซฮุนเดานะฮยองคนนี้คงแอบหลับกลางงานนั่นแหละ นิ่งหลับ ขยับก็หลับอีก


    "ฮยองจะแต่งงานแล้วเหรอ มีคนเอาด้วยรึไง!"


    "เดี๋ยวเถอะไอ้คุณชาย ปากอย่างเนี้ยระวังไว้..."


    จงอินชี้หน้าเจ้าบ่าวของงานก่อนจะเดินหลบฉากไปอีกทาง เขาจ้องช่อดอกไม้เหมือนหมีหิวไม่ยอมดูทางจนไปชนเข้ากับใครบางชน จงอินขอโทษไปตามมารยาท และพบว่าอีกฝ่ายคือบาทหลวงตัวสูงนั่นเอง


    "อ้าวคุณ....ได้ดอกไม้เหรอ ดวงดีจัง"


    "ดวงดีเหรอ ก็ไม่นะ..... คุณอยากได้เหรอ เอาไปสิผมให้"


    "เฮ้ยไม่ใช่แบบนั้น แต่ให้ดอกไม้แต่งงานผมแบบเนี้ย คิดอะไรรึเปล่าเนี่ย~~"


    "ฮ่าๆๆๆๆ เอ้อ ผู้หญิงบนโลกยังมีอีกเยอะ ปล่อยผมไปเถอะ"


    จงอินตีบ่าเพื่อน(?)ตัวสูงก่อนจะละสายตาไปที่เวทีที่คู่แต่งงานยืนคุยกันอยู่ โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าสายตาของคนข้างๆกำลังมองแบบไหน ชานยอลยิ้มกริ่มกับตัวเองพลางคิดในใจ


    ยายจ๋า หลานโดนจีบแหละ เขาหล่อด้วย เขินนนน ><












    จุนมยอนกำลังนั่งเหม่อมองแสงอาทิตย์สีส้มยามเย็นอยู่คนเดียวตรงระเบียงห้องนอนที่เดิม นัยน์ตาสวยสะท้อนภาพก้อนกลมสีส้มที่ลอยปริ่มอยู่บนน้ำทะเล ไม่ได้มองภาพนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ.... ทั้งๆที่เพิ่งผ่านไปไม่นานแต่ก็คิดถึงมากเลย


    "จุนมยอนอยู่นี่เอง ทำอะไรอยู่ครับที่รัก"


    หน้าหวานมองตามเสียงก็พบกับสามีหมาดๆของตัวเองเปลือยท่อนบนอยู่ ผมเผ้าของเซฮุนเปียกเหมือนลูกหมาโดนฝน จุนมยอนกวักมือเรียกให้มานั่งข้างๆกันเดี๋ยวจะเช็ดผมให้ เซฮุนทำตามอย่างว่าง่ายปล่อยให้ภรรยาได้ทำตามใจชอบ จุนมยอนเช็ดผมไปเรื่อยจนถึงระยะหนึ่ง แขนเรียวเอื้อมไปโอบรอบคอร่างสูงและเอนหน้าเข้าซบกับไหล่กว้าง


    "เป็นอะไรไป"


    เซฮุนยื่นมือมาขยี้เรือนผมสีนิลด้วยความหมั่นเขี้ยว จุนมยอนไม่ได้ว่าอะไรเพียงอมยิ้มตอบ


    "อยากขอบคุณ...."


    "ขอบคุณอะไร"


    "ขอบคุณ...เพราะว่าอยากขอบคุณ...แค่นี้แหละ"


    "ฮะๆๆ อะไรล่ะน่ะ พิลึกคนจังเลย~"


    เซฮุนบีบจมูกจุนมยอนเหมือนเด็กๆก่อนจะโดนตบเข้าที่มือจนแทบร้อง ร่างสูงหัวเราะร่วนก่อนจะดึงให้อีกฝ่ายนั่งลงตรงข้างๆตัวเอง จุนมยอนเอนลงไปพิงที่ไหล่กว้างก่อนที่เขาทั้งคู่จะนั่งมองพระอาทิตย์ตกทะเลด้วยกันอย่างไร้เหตุผล


    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องมานั่งอยู่ตรงนี้....

    แต่โอเซฮุนรู้แค่ว่า ขอแค่มีคิมจุนมยอนอยู่ด้วยกัน ....ไม่ว่าจะที่ไหน เขาก็มีความสุขมากพออยู่แล้วล่ะ




    "เซฮุน... รักคุณนะ"

    "เหมือนกันเลย ผมก็รักจุนมยอน...."

    "ผมอยากไปยุโรปมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไว้เราไปเที่ยวด้วยกันได้ไหม"

    "......เอาสิ ไว้เดี๋ยวไปด้วยกันนะครับ ที่รัก"




    ขอบคุณพระเจ้า ที่สร้างให้เราได้เจอ....จากนี้ไป ต่อให้ต้องหลงทางในความมืดก็ไม่ต้องกลัว เพราะเขาแสงไฟแสงไฟนำทางอยู่แล้ว...




    แสงไฟที่ชื่อว่าคิมจุนมยอน....





    And at last I see the light
    And it's like the fog is lifted
    And at last I see the light
    And it's like the sky is new

    And it's warm and real and bright
    And the world has somehow shifted
    All at once, everything is different
    Now that I see you...








    The End
     

    ____________________________________________________________
     


    ตรงคัทซีนมันไม่มีอะไรนะคะ 55555555555555555555555 ขี้เกียจอยู่

    พูดได้คำเดียวว่า อิดอกกก จบซะที 5555555555555555555 ตัดจบห้วนไปไหม? แต่ช่างแม่งเถอะ ;w;
    ดูยาวอ่ะ เวิ่นเว้ออ่ะ ยาวเกินจนขี้เกียจจะอ่านอ่ะทำไงดี T T สมควรแบ่งพาทไหม รู้สึกเพลียตัวเอง....



    btw ขอบคุณทุกกำลังและทุกคอมเม้นต์เช่นเดิมค่ะ

    ps. sry change pairing :3



    #92 K.ANuch TH ---> โหย ขอบคุณนะคะที่ย่อเรื่องให้ฟัง ขนาดเศษน้ำแข็งยังยอมใจน้องเคย์ นังผู้ชายมุ้งมิ้ง แล้วก็ขอบคุณนะคะที่เม้นให้ยาวขนาดนี้ถือเป็นเรื่องดีงามค่ะ เราชอบไล่อ่านเม้นเหมือนอิบ้าอ่ะค่ะ TvT








    "> SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×