ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ranking up
The Planet ;OFFLINE
| Ranking Up |
- เมืองท่าอัสโทรอยด์ -
ตึก ตึก ตึก
รองเท้าบู๊ตหนังสีน้ำตาลเข้มก้าวไปตามทางเดินปูอิฐบล็อกสีเบจที่สองข้างทางรุมล้อมด้วยร้านค้าและพ่อค้าเร่พเนจร มีทั้งร้านบ้านเรือนและพวกรถเข็นขายของ สินค้าหลายอย่างแลดูอัศจรรย์แปลกหน้าแปลกตาไปบ้างเนื่องจากพ่อค้าเร่พวกนี้มักเป็นพวกเดินเรือสำเภาไปรอบโลกเพื่อแสวงหาสินค้าใหม่ เมืองอัสโทรอยด์จึงเฟื่องฟูทั้งด้านอารยธรรมทั้งด้านการค้าและเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่งของอาณาจักร เป็นทั้งที่ขนส่งออกและนำเข้า การแลกเปลี่ยนสินค้าวัฒนธรรม แต่ขณะเดียวกันที่แห่งนี้ก็เป็นที่ๆโหดร้ายที่สุด เมื่อมีการค้าขายถูกกฎหมาย ก็ย่อมมีพวกนอกรีตที่ผิดกฎหมาย อย่างเช่น การค้ามนุษย์และสารเสพติด
ตราบใดที่ยังมีตัณหา ความต้องการจะยิ่งใหญ่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น
"นี่ๆพี่ชาย สนใจสินค้าข้าหน่อยไหมล่ะ นี่ของดีจากแดนไกลเลยนะ"
"ไม่ล่ะขอบใจ ข้ามีธุระด่วน"
"แล้วแวะมาบ้างนะ รับรองไม่ผิดหวังแน่"
เซฮุนปาดรอยยิ้มบางให้แก่พ่อค้าหนุ่มวัยเยาว์ ความกระตือรือร้นและภาคภูมิล้นปรี่แผ่ซ่านจากวาทะการค้าขาย สินค้าบนรถเข็นช่างแปลกตาน่าสนใจตามคำโอ้อวดแต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาดูอะไรตามทางเพราะเหตุผลด้านบน
...อันที่จริง ถึงจะไม่มีธุระอะไร เซฮุนก็ขี้เกียจเกินจะมาเงยหน้าท้าแดดเล็งสินค้าที่เขาไม่ได้ใช้อยู่ดีนั่นแหละ เขาคิดแบบนั้นก่อนจะอวยพรให้เด็กหนุ่มเป็นการตอบแทน
ร่างสูงในชุดคลุมสีตุ่นเดินเลี้ยวเข้ามาในตรอกอาคาร เดินไปได้ซักพักหนึ่งดวงตาคมก็เงยขึ้นสบเข้ากับป้ายชื่อร้านเด่นหราที่บ่งบอกถึงธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ถุงมือสีดำผลักประตูร้านสไตล์คาวบอยเข้าไป บรรยากาศโดยรอบมีทั้งกลิ่นเหล้า บุหรี่ แต่บางครั้งก็มีกลิ่นดินปืนติดจมูกมา มีลูกค้าที่เข้ามาทานอาหารมื้อกลางวันอยู่เพียงประปรายเท่านั้น ตอนนี้ร้านยังไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่เนื่องจากเป็นเวลากลางวัน
เซฮุนก้าวยาวไปที่เคาน์เตอร์ไม้เก่าที่มีคนคล้ายเจ้าของร้านนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ผู้ชายผิวขาวติดแทนอ่อนๆกับเสื้อกล้ามสีดำ ทรงผมไถข้างดูเถื่อนสมเป็นร้านเหล้าเกรดต่ำ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเงยขึ้นมองผ่านม่านควันอ่อนจากมวนซิการ์ที่คาบอยู่ในปาก
"ว่าไง คุณลูกค้า"
"ข้ามาพบลูกทะเล"
".......อืมมมมมม โทษทีนะ ดูเหมือนวันนี้เจ้านั่นไม่อยากพบลูกค้าเท่าไหร่"
"งั้นบอกมันไปว่า 'จอมเวทย์ดำ' มาหา มันอยากโดนฆ่าหรือโผล่หัวมาดีๆ"
"......"
ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนเหลือบขึ้นจ้องกันโดยไม่มีใครพูดอะไร ตาคู่นึงฉายแววขุ่นข้องปนเหนื่อยหน่ายส่วนตาคู่หนึ่งไร้ความรู้สึก ก่อนอีกฝ่ายจะถอนหายใจและวางลูกกุญแจสีทองลงบนเคาน์เตอร์ไม้
".....เข้าใจแล้วๆ มันอยู่ห้องด้านบนทางซ้าย ห้ามทำอะไรอันตรายเด็ดขาด"
"ขอบใจ แต่ข้าไม่เคยคิดพิศวาสคนอย่างเจ้านั่นอยู่แล้วล่ะ"
เซฮุนว่าสั้นๆแล้วตวัดขาขึ้นขั้นบันไดไม้เก่าๆ เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังทุกๆก้าวที่เขาลงแรง บนสุดปลายบันได้มีเพียงหน้าต่างและโต๊ะตั้งตรงกลางและโถงทางแยกแคบๆ นักเวทย์เดินบิดไปทางซ้ายที่ได้รับข้อมูลมา ดอกกุญแจทองเสียบเข้าและบิดวนจนมันเปิดออก
เตียงนอนสีขาวค่อนไปทางด่างๆปรากฏร่างของผู้ชายตัวเล็กผิวแทนนอนหลับตาพริ้มอย่างสุขสมอยู่ด้านบน แขนสั้นพาดบนอกทั้งสองด้านซ้ำท่อนขากางออกจนเห็นกางเกงสีน้ำตาลตัวเล็กใต้เสื้อตัวยาว ท่าทางแม้ไม่รู้สึกตัวแต่กลับยั่นยวนจนหลายคนคงได้ประสาทเสีย แต่ไม่ใช่กับนักเวทย์คนด้านชาผู้นี้แต่อย่างใด
"ตื่น"
เซฮุนเริ่มการปลุกด้วยการกระชากหมอนนุ่มๆออกจนศีรษะสีน้ำตาลเข้มสวยกระแทกเข้ากับฟูกนอน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วขัดใจแต่ว่ายังไม่ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาถอนหายใจพลางนึกวิธีปลุกให้ไม่เอิกเกริกจนเกินไปขั้นต่อไป ถึงจะเคยมาหามันบ่อยๆแต่ไอ้นิสัยขี้เกียจสันดานเสียแบบนี้ทำใจยังไงเมื่อไหร่ก็ยังไม่ชิน เซฮุนเงื้อหมอนขึ้นแต่ฟาดลงตามตัวโดยเฉพาะเล็งหนักๆตรงใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นแบบไม่ปราณี
"เฮ้ย! ตื่นดิวะ!"
ผัวะ ผัวะ
"โอ๊ย!! อะไรวะ!! ปลุกกูทำไมเนี่ย!! ก็ไหนบอกว่าวันนี้จะให้นอน!!!....ไง....วะ"
ผู้ชายตัวเล็กกระชากตัวขึ้นมากำปกเสื้อคลุมอีกฝ่ายพร้อมดวงตาสีตะไคร่วาวแสงโรจน์แสดงความไม่เป็นมิตร แต่เมื่อใดเพ่งพินิจใบหน้าคนที่เข้ามารบกวนเวลานอนแสนสงบของตนกลับยอมคลายแรงบีบในมือลง เส้นเลือดเขียวปูดบนหลังมือและใบหน้าลดตัวลงเป็นผิวเรียวลื่น แก้วตาดำที่เคยหดเป็นทรงรีแหลมเองค่อยๆคลายออกกลับเป็นวงกลมดังเดิม แต่ไอบรรยากาศที่ปล่อยออกมายังฉายแววระวังตัวไม่ลดละ
"เจ้ามาอยู่นี่ได้ยังไง?"
"ผัวเจ้าให้ขึ้นมา ไม่ต้องไปโวยใครเลยนะไอ้ลูกทะเล ข้าขู่เขาเองแหละว่าถ้าไม่ให้ขึ้นมาข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งแล้วโยนลงทะเล"
นักเวทย์หนุ่มพูดดักคอ มือหยาบวางลงบนขอบเก้าอี้ไม้ข้างหน้าต่างและทิ้งตัวลงไปไม่ยินดีร้ายต่อไอจิตสังหารจากตัวอีกฝ่าย เด็กหนุ่มพอได้ยินเช่นนั้นจึ่งได้คลายมันลง เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดาแบบไหนเลยมิอาจปลดเกราะคุ้มภัยตัวออกได้ แต่ในเมื่อเจ้าชีวิตที่ตีหน้าซื่ออยู่ด้านล่างอนญาตให้มันขึ้นมาเช่นนั้นเขาก็คงต้องคุยกับมัน
"บ้าชิบเอ๊ย แล้วนี่เจ้ามาทำไม"
"มาหาข่าว"
"ข่าวใครอะไรทำไม ช่วงนี้ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ ข้ากกอยู่แต่กับเจ้านาย"
เด็กหนุ่มมุ่ยหน้าอย่างหงุดหงิด เขาอยากจะหยุดบทสนทนาน่าอึดอัดนี่ลงแล้วลงไปตั๊นหน้าไอ้เจ้านายหน้าโง่ที่ปล่อยตัวอันตรายแบบนี้ขึ้นมาคุกคามชีวิตสัตว์เลี้ยงตัวเองแบบนี้ สาบานต่อหน้าจิตวิญญาณแห่งท้องสมุทร ลูกของท่านมิเคยเจอผู้ใดที่หล่อเหลาทว่าสันดานสวนทางกันเช่นนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต
"เจ้ารู้แน่ซานาส เพราะข้าจะถามเกี่ยวกับไอ้ไพเรทนั่น"
"ทำไม"
"หลังจากเรื่องคราวนั้นมาห้าปี ....มันกลับเลือกที่จะกางใบเรืออีกครั้งตั้งแต่เมื่อคืนแล้วมิใช่หรือไร"
ดวงตาสีนิลเคร่งขรึมเช่นกับรูปคิ้วที่กดลงเอ่ยประเด็นที่ดันให้เขามาในวันนี้ ซานาสแห่งท้องทะเลกัดริมฝีปากและแสร้งทำรำคาญใจทั้งๆที่ในหัวมีแต่คำถามที่ว่าทำไมถึงจมูกคนผู้นี้ตามกลิ่นสาปคาวได้รวดเร็วเช่นนี้ ทั้งๆที่เขาพยายามจะอยู่เงียบลำพังกับนายหัวแล้วปล่อยให้เรื่องซาไปแท้ๆ โชคไม่ดีจริงๆ
ส่วนหนึ่งอาจเพราะเจ้าโจรชั้นต่ำนั่น เรื่องฉาวโฉ่ของมันคงแล่นลามไปทั่วอัสโทรอยด์ได้เร็วเสียยิ่งกว่าเปลวเพลิง แต่ถึงกระนั้น มันเกี่ยวพันสิ่งใดเสียจนเจ้าร่างสูงนี่ต้องเป็นฝ่ายยื่นมือเข้ามาสอดกัน
"มันไม่เกี่ยวกับข้า! ไปงัดปากถามมันเองเถอะ รึการต้องทนอยู่แบบนี้มันทำให้พลังตกต่ำลงงั้นหรือ"
"ไอ้ลู่หานไม่ใช่คนกระจอกระดับเอสของมันไม่ใช่ความบังเอิญ และข้าได้ยินมาว่า.....มันเจอคนถูกใจ"
"..."
"และคนๆนั้นเป็นคนสำคัญของ 'สหาย' ข้า"
ใบหน้างดงามของผู้ชายร่างเล็กในชุดสีขาวบริสุทธิ์ฉายแวบเข้ามาในหัว สีขาวบริสุทธิ์ที่เขาเผลอแตะต้องจนทำให้มันหม่นหมองด้วยหยาดโลหิต ซานาสจิกเล็บเข้ากับแขนตัวเองที่ออกอาการสั่นเล็กๆ ถ้อยคำหนักแน่นจากปากอีกฝ่ายยิ่งกดทับแผลด้านในของเด็กหนุ่มให้เหวอะออก
ลูกทะเลยังคงนิ่งแต่ยกเข่าขึ้นมาปิดกั้นบางอย่างที่เต้นระรัวอยู่ภายใน เซฮุนได้แต่หรี่ตามอง แต่แม้เวลาจะเดินต่อไปเรื่อยอีกฝ่ายกลับยังนิ่งสงบจนเขาไม่อาจอดรนทนได้
"ง้างปากเจ้าออกมาซะทีซานาส!"
"ทำบ้าอะไรวะ!!"
มือหยาบกระชากคอเสื้อหลวมโพลกให้ร่างสีแทนตามติดขึ้นมา ซานาสเริ่มโวยวายทว่าเมื่อสบตากับดวงดาวสีดำเหมือนหลุมเวิ้งว้างเขาเหมือนถูกบังคับให้ทำได้เพียงหายใจสั้นๆ จ้าวมนตราเหยียมมุมปากออกช้าๆ
"....พนันกันได้เลยว่าอาร์โธนี่คงไม่ชอบแน่ที่เจ้าทำอย่างนี้"
"อย่าบอกเขา!!"
ดวงตาสีตะไคร่คู่สวยสั่นระริกคล้ายจะพังทลายลงได้ในพริบตา ซานาสสะบัดออกตัวออกจากกำมืออีกฝ่ายและยกมือขยี้ผมสีเปลือกไม้ของตนจนฟูฟ่องไปหมด มือเรียวเช็ดปาดขอบตาล่างแรงๆก่อนจะคว้าเอาแจ็กเก็ตหนังมีขนฟูบริเวณคอมาคลุมตัว
"ให้ตายสิ"
สะโพกบางกระแทกลงกับเก้าอี้ไม้ตัวเดียวในห้องเสียงดังพร้อมเสียงฟึดฟัดออกจมูก เท้าข้างขวาถูกวาดขึ้นมายันไว้กับขอบเก้าอี้ ขอบขาตั้งชันทำให้ชายเสื้อตัวใหญ่ร่นลงจนแทบเห็นวิวด้านในชวนมอง ใบหน้าคมติดสวยเงยขึ้นมาเผชิญนักเวทย์ชุดดำที่ยืนจ้องกลับมาอย่างพึงพอใจ ปลายเล็บที่นิ้วชี้ข้างขวาถูกสอดด้วยแหวนเงินแท้สะท้อนแสงจุดไว้ที่มุมปากบาง
กลีบปากบางเผยออกพร้อมดวงตาสีตะไคร่ดุจท้องสมุทรวาวโรจน์ดุจนางพญา
"แลกกับข่าว .......เอาเงินมา"
( ~ 50 % )
เอี๊ยด..... อ๊าด.....
ซ่า.....
คิมจงอินนั่งฟังเสียงการทำงานของไม้พายด้วยฝีมือของเจ้าของเรือและเสียงคลื่นทะเลที่ธรรมชาติรังสรรค์ ร่างในชุดผ้าคลุมสีดำขาดๆวิ่นๆเผยเพียงดวงตาลูกกลมสว่างถูกล้อมด้วยใบหน้าดำๆคล้ายไอควันคล้ายพวกยมทูตกริมส์ รีปเปอร์ในเกมทั่วไป ดวงตาสีนิลกวาดตาไปรอบด้านไม่พบสิ่งใดนอกจากท้องน้ำสีน้ำเงินและเรือไม้ลำเล็กโดยสารได้เพียงสองคนตือฝีพายปากใบ้และลูกเรือที่ใบ้ตามกันไป
"นี่คุณยมทูต เมื่อไหร่จะถึงซักทีล่ะ ไอ้เกาะร้างที่ใช้ทำการทดสอบอะไรที่ว่าน่ะ"
"...."
เอี๊ยด..... อ๊าด.....
"...."
"โอเค เข้าใจแล้ว"
ว่าที่นักดาบผิวแทนได้แต่คิ้วตกและเม้มปากแน่นเมื่อได้รับคำตอบกลับมาเพียงเสียงไม้พาย เป็นความล้มเหลวหลังจากเปิดบทสนทนามาสิบรอบเศษพร้อมได้ข้อคิดอีกหนึ่งว่าควรจะอยู่เงียบๆนั้นดีที่สุด เป็นเวลาเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เขาถูกลอยแพด้วยฝีมือคนที่ไว้ใจที่สุด ใช่ ไอ้นักเวทย์หน้าหล่อนามเซฮุนมันไม่พูดไม่บอก ไม่แม้แต่ทิ้งคู่มือการใช้อะไรให้ก่อนจะถีบให้เขาขึ้นเรือบ้านี่ เพื่อได้แต่มองมันยืนโบกมือลาอยู่บนท่าอย่างสบายใจ
ทราม!
จงอินคิดว่าหากนี่เป็นเกมที่เขากำลังเล่นสัญญาณอินเทอร์เน็ตของเขามันคงกากเข้าขั้นหอยทากขนาดว่าโหลดไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ซักที ไม่เช่นนั้นคงเป็นเพราะระบบเกมที่กำลังทำให้เขาเสียเวลาเปล่าๆ และเขากำลังจะแจ้งบริษัทให้ลบอีเวนต์ห่วยแบบนี้ซะ...รวมทั้งแจ้งแบนไอ้ห่านั่นด้วย
แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันไม่ใช่
....
เฮ้อ!
"เดินเข้าประตูตรงนั้นไป เสร็จภารกิจเมื่อใดให้กลับมา"
ระบบตอบรับสนองคำถามทุกอย่างของผมไว้ด้วยรูปประโยคเดียว คิมจงอินถอนหายใจก่อนจะพาดสายกระเป๋าสัมภาระไปห้อยไว้ด้านหลัง ดวงตาคมจ้องกวาดทั่วสถานที่ใหม่เขาไม่เคยมา เป็นเกาะร้างที่ร้างสมชื่อจริงๆเพราะด้านหน้าเขานั้นมันมีแต่ป่ารก!!
น้ำเหนียวๆถูกกลืนเข้าลำคอ ตบหน้าเรียกสติตัวเองหน่อย นักผจญภัยจึ่งได้ตัดสินใจจะเดินเข้าไปตรงเส้นทางที่ถูกเลือกให้เดิน และในก้าวที่เหยียบที่ชายขอบผืนป่านั้นเอง เขาไม่พบไอ้สิ่งที่เรียกว่าประตูตามที่ยมทูตนักพายเรือว่าไว้ แต่กลับได้เห็นบางสิ่งแทน
วงเวทย์?
วงกลมสีม่วงอ่อนแผ่รังสีเป็นละอองตามสีนั้นๆรอบวงตามแบบฉบับวงเวทย์ตามเกมหรืออนิเมะทั่วไป ด้านในถูกวาดไว้เป็นรูปดาวหกเหลี่ยมไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก นักผจญภัยคิดในใจไว้ว่าหากไม่มีของรูปร่างเหมือนประตูแล้ว งั้นไอ้วงนี่ก็คงเป็นทางผ่านที่อีกฝ่ายว่า
ตามทฤษฎีไอ้นี่มันน่าจะถูกเรียกว่า 'จุดวาร์ป' สินะ
' ปิ๊งป่อง ถูกต้องแล้วจ้า~ '
"...!!"
จงอินหันขวับกลับไปด้านหลังพร้อมกำชับดาบในมือแน่น เขายังคงพบแค่ยมทูตนักพายเรือยืนอยู่ที่เดิม ดวงตานิลกวาดรอบทิศทางแต่ไม่พบอะไรมากไปกว่าเขากับnpcตัวนั้น สมองน้อยๆของเขากำลังประมวลผลทว่าไม่นานเสียงไร้ที่มาที่ไปก็ดังขึ้นอีก
' ฮ่ะๆๆๆ เข้ามาสิ ยืนอยู่แบบนั้นเจ้าก็ไม่ได้ทำการทดสอบหรอกนา~ '
คล้ายกับเสียงพูดออกไมค์ตอนประชาสัมพันธ์แต่กลับก้องอยู่ทั่วทิศทาง อีกฝ่ายเริ่มต้นออกมาด้วยเสียงหัวเราะอันเป็นมิตรแต่ไม่อาจลดความระแวงไปจากผู้ฟังได้ จงอินเปิดใช้สกิล sensitivity เพื่อเพิ่มการตอบสนองจากรอบด้านให้มากขึ้น
' มีคำถามอยู่ใช่ไหมล่ะ! เดี๋ยวข้าจะตอบให้เจ้ารู้ทุกอย่างเองแหละ! '
"..."
' ทำไมไม่ขยับเลยล่ะหือ เอ๊ะๆๆ รึว่าจะปอดแหก.....ขึ้นมาแล้วหรือไรกัน? '
"ไม่!"
ผู้พูดผ่อนลมคล้ายจะเยาะเย้ยกลายออกมาผ่านทางเสียง นักดาบหนุ่มผู้แทบจะกลืนกินอีโก้เป็นอาหารว่างกระชากเสียงตอบกลับไปแม้ไม่รู้ว่ากำลังพูดกับใครด้วยซ้ำ
' ฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆ .......ดี ดี งั้นก็อย่าให้รอนานนักซิ ก้าวเข้ามา '
ปลายสายถูกตัดไปเหมือนจะพอใจระดับหนึ่ง ทิ้งให้เขาได้แต่หัวเสียอยู่คนเดียว ไอ้ชิบหาย ยังไม่ทันไรก็โดนกวนตีนซะแล้วดิครับ แล้วนี่จะรอดกลับไปเจอหน้าพี่ชายไหมวะเนี่ย
จงอินผ่อนลมหายใจ ก่อนยกฝ่ามือตบซีกหน้าตัวเองเรียกความมั่นใจกลับมา เอาน่า มาถึงจุดๆนี้แล้วยังมีอะไรต้องกลัวอีกรึไงวะ จู๋ก็มีดาบก็พร้อมขนาดนี้แล้ว ชีวิตแบบนี้ไม่หาง่ายๆนะเว้ย!
สู้!!! เฮ้ๆๆๆๆ
นักดาบแรงค์ดีพอได้กำลังใจแล้วก็ก้าวเขาไปในวงเวทย์เคลื่อนย้ายนั้นก่อนร่างทั้งร่างของเขาจะถูกห่อหุ้มด้วยเวทมนตร์ แยกสลายกลายเป็นฝุ่นละออง จงอินลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสัมผัสจากเวทหายไป ตรงหน้าเขายังคงเป็นป่า ใช่ ป่าแบบที่มีต้นไม้ ดอกไม้ ลำธาร แล้วก็....แฟร์รี่
เหมือนตะกี้จะเห็นยูนิคอร์นแอบอยู่ตรงต้นไม้ดอกคริสตัลด้วย *ขยี้ตา*
...
นี่กูหลุดมาที่ไหนวะเนี่ย!!!!
"สวัสดี คุณนักผจญภัย~"
"ว้าก! อะไรวะเนี่ย! โผล่มาไม่ให้สุ้มเสียง"
จงอินแทบจะยกมือขึ้นตบหน้าอีกฝ่ายรัวหากไม่ยั้งใจไว้เสียก่อน นักดาบหนุ่มถอยหลังกลับไปตั้งหลักเมื่อถูกจู่โจมแบบไร้วี่แวว ดวงตาสองเบิกกว้างจากความตกใจมองทอดไปยังร่างที่กำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
ผู้ชายผมสีเปลือกไม้ยาวเลยบ่าถูกมัดไว้ลวกๆในชุดคล้ายเทพกรีกโบราญเพียงแต่ช่วงแขนยาวไปถึงข้อมือ ปลายหูแหลมยาวประดับด้วยอัญมณีประกายทั้งสองข้างแต่มีสายสร้อยจี้รูปสายฟ้าประดับอยู่ตรงหูข้างขวา บนศีรษะล้อมกรอบด้วยช่อใบมะกอกสีเขียวสดเช่นกันกับดวงตา ราวกับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผืนผ้าแห่งนี้ไม่มีผิดเพี้ยนจากกัน
"อ่อ เผลอเสียมารยาทไปแล้วสิ สวัสดี ข้าชื่อเฉิน เป็นเอลฟ์ที่ดูแลดินแดนแห่งนี้ แล้วก็เป็นผู้คุมการทดสอบการวัดระดับด้วยนะ ประหลาดใจล่ะสิว่าที่นี่ดูแปลกกว่าที่อื่น ก็แหงอยู่แล้ว ก็ที่นี่เป็นสถานที่ๆพิเศษนี่นา"
รอยยิ้มกว้างค่อยๆฉีกออกขณะที่น้ำเสียงดุจท่วงทำนองจากธรรมชาติเอ่ยออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนหู ขณะที่ร่างกายแสนซุกซนไหลวนไปมาบนอากาศธาตุราวกับผู้ซึ่งไม่รู้จักแรงโน้มถ่วง นักผจญภัยกวาดตามองสถานที่พิเศษที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างอีกครั้งเขาก็ยังทำใจคุ้นชินไม่ได้อยู่ดี
นี่มันเกมอลิซอินวันเดอร์แลนด์รึไงนะ?
"คุณนี่พูดเก่งดีนะ"
"ก็ข้าเป็นบุคคลสาธารณะนี่นา บางทีก็ต้องอธิบายกฎหน้าใหม่ บางทีก็ต้องปลอบใจพวกหน้าเก่าที่ไม่พ้นแรงค์เดิมซะที เฮ้อ ยุ่งยากซะจริง"
ว่าแล้วก็พ่นพรูลมหายใจออกมา ก่อนหันไปเล่นกับนกประหลาดที่บินโฉบเข้ามาใกล้ จงอินได้แต่ฟังแล้วก็หน้าแหย
"แบบทดสอบมันยากมากเลยเหรอ"
"ก็แล้วแต่ระดับนั่นแหละ เอาเป็นว่าก่อนอื่น ขอข้าตรวจสอบเหรียญนักผจญภัยหน่อยสิ"
เพียงผายมือออกเขาก็เผลอล้วงเหรียญอำนวยความสะดวกให้อีกฝ่ายหน้าตาเฉยจนเผลอลืมไปว่ามันไม่ใช่ของตนเอง จงอินที่เพิ่งฟื้นคืนสติจะเอ่ยปากขอคืนนั่นก็คงสายไปเสียแล้ว เจ้าภูติผู้ดูแลเอาเหรียญตราที่เขาได้มาไปเปิดดูขอมูลเสียเรียบร้อย
ใบหน้าที่เคยสนุกสนานเริ่มคร่ำเคร่งลงขณะที่หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมใหญ่ๆ นักดาบได้แต่กลืนน้ำลายแล้วใช้สมองน้อยๆของตนคิดคำตอบสำหรับคำถามไว้ล่วงหน้าทั้งๆที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ว่าอะไร
จงอินกลืนน้ำลายลงคอแบบฝืดๆ ไม่นานนัก ดวงตาสีเขียวสดก็เงยขึ้นมาสบตาเขาโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
..
ก่อนอีกฝ่ายจะระบายยิ้มออกมา
"อืม ระดับเลเวลดีทีเดียวแต่แรงค์นี่.....อืมมมม เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกงั้นสิ"
ผู้ดูแลโยนเหรียญตราคืนเจ้าของราวจับวางได้ ร่างผอมไหลจากสายลมมาจากด้านซ้ายไปยังด้านขวาของเขาพร้อมวางฝ่ามือไว้บนหัวไหล่ของนักดาบหนุ่ม
"งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย วัดแรงค์น่ะง่ายนิดเดียว จะเริ่มกันเลยไหมล่ะ จะอธิบายง่ายๆให้นะ สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเอาชีวิตให้รอดก็พอ"
อีกฝ่ายว่าแล้วหัวเราะ แต่เขากลับรู้สึกตัวซีดลง เอาชีวิตให้รอดเรอะ!? ไอ้พูดน่ะมันก็ง่ายอยู่หรอก แต่พอคิดว่าต้องทำแล้วมันก็คงไม่ง่ายเท่าไหร่...
"แล้วผมต้องเตรียมตัวอะไรไหม"
"ตัวเจ้าน่ะจะเตรียมยังไงก็แล้วแต่ ทว่าสิ่งที่ข้าต้องการเห็นมากที่สุดคือตรงนี้"
นิ้วยาวจิ้มลงตรงอกข้างซ้าย ใช่ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการรับการทดสอบนอกจากความพร้อมร่างกายก็คือใจ
"ถ้าใจไม่สู้ก็กลับบ้านไปนอน ยังไม่สายนะ"
"พร้อมจนใจแทบทะลักออกมาอยู่แล้ว"
จงอินแสยะยิ้มตัดหน้าคนตรงหน้า ผู้ดูแลจ้องกลับมาก่อนผุดยิ้มสนุกขึ้นที่มุมปากแต่ดวงตารีคู่นั้นกลับแสดงความรู้สึกแตกต่าง รู้สึกว่าอีกฝ่ายเองก็คงไม่ใช่คุณภูติแสนดีในนวนิยายกล่อมเด็กเท่าไหร่นัก
"หลับตาลงแล้วข้าจะนับถึงสาม จากนั้นให้ลืมตาขึ้นมา"
นิ้วยาวทั้งห้าของเอลฟ์เลื่อนมาวางไว้ตรงหน้าเขาเกือบชิดลูกตา จงอินทำตามคำสั่ง เสียงนุ่มค่อยๆเอ่ยออกมาคล้ายคำกระซิบจากผืนป่าและท้องฟ้า เขารู้สึกได้ถึงพลังมนตราที่ล้อมกรอบรอบกายของตน
"หนึ่ง..."
"สอง..."
จงอินกลืนน้ำลายลงคำเมื่ออีกคำนึงจะเป็นเวลาสุดท้ายให้เขาได้เตรียมใจ ท่องไว้ ใจ...ใจ
"สาม"
ปั่ก!!
สายลมเกรี้ยวกราดเฉียดผ่านใบหูเขาไปเพียงเสี้ยววินาทีในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมา ดวงตานิลเหลือบมองด้านข้างตนเพื่อพบลูกธนูอันใหญ่ปักอยู่ตรงลำต้นไม้ เพียงเบนสายตากลับไปตามวิถีเขาก็ต้องเปิดโหมดป้องกันตัวเอง โครงกระดูกตัวสูงเลยคนทั่วไปค่อยๆดึงลูกธนูเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ไอควันสีดำทะมึนถูกพ่นออกจากปากขณะทีเบ้าตากลวงฉายแสงสีเหลืองสว่างดุจลูกแก้วส่องแสงในความมืด
"ด่านแรก คู่ต่อสู้คือ Skeleton King (archer)"
"เริ่มมาก็เอาบอสมาเลยเหรอวะ หึ ไม่มีปรานีกันจริงๆนะผู้ดูแล"
เสียงผู้ดูแลกระซิบอยู่ข้างหูเขาแต่ไม่ปรากฏกาย เอาเป็นว่ามันคงเป็นระบบเทเลพาธี และตอนนี้คนเดียวที่เขาต้องสนใจคงเป็นอมนุษย์ที่กำลังเกรี้ยวกราดนั่นมากกว่า จงอินสำรวจศัตรูตรงหน้า นักธนูงั้นเหรอ? คงจะตึงมือนิดหน่อย เขาไม่ค่อยชอบพวกโจมตีระยะไกลนักตั้งแต่คราวไอ้นักเวทย์เซฮุนและพี่ซิ่วหมิ น... เอ๊ะ ไม่ดิ ตอนพี่ชายไอ้เขาก็โดนต่อยหมัดลุ่นๆเลยนี่หว่า
กร๊าซ!!!
"อูย ขู่กันขนาดนี้ ขนแขนนี่ลุกชันไปหมดเลยครับ"
โครงกระดูกง้างคันศรขึ้นไปบนฟ้า วงเวทย์สีเขียวถูกร่ายขึ้นมาให้รู้ว่ามันเปิดใช้สกิลบางอย่างเพื่อเพิ่มดาเมต(damage)ในการโจมตีเป็นแน่ สัตว์ประหลาดคำรามขู่อีกครั้งก่อนปล่อยธนูทะยานไปบนฟ้า ก่อนมันจะแตกออกเป็นเสี่ยงและตกลงมาด้วยปลายคมแหลมที่พร้อมจะเฉือนทุกอย่างให้ขาด
นี่มันจะอัศจรรย์ไปหน่อยละ
"แต่ว่า...ช้าไปหน่อยนะ"
วู้ม...
"เรียกใช้สกิลบัฟ"
สิ้นคำพลังเวทย์โอบอุ้มร่างกายของเขาไว้แล้วก่อนดวงตาคมจะเปิดขึ้นอีกครั้งราวกับได้เกิดใหม่
[เรียกใช้สกิล Thunder Walk - เพิ่มความเร็วและอัตราการหลบหลีก]
[เรียกใช้สกิล Angel's Blesses - เพิ่มอัตราการโจมตี10% ความแม่นยำ5% และอัตราการรีโหลดเลือด 10%]
[เรียกใช้สกิล Protected ฺBody - เพิ่มอัตราป้องกัน10% และลดโอกาสการติดสถานะปกติ]
ธนูฝนค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ขณะลมหายใจถูกเป่าออกทางปากหนึ่งครั้งก่อนล็อคเป้าหมายให้แน่ใจ ร่างสูงของนักดาบพุ่งเข้าหามอนสเตอร์ดุจสายฟ้าแลบหลบห่าฝนคมไปได้เพียงฝ่าเท้า
ฝ่ามือภายใต้ถุงมือหนังกระชากอาวุธขึ้นมาตวัดฟาดลงตรงกระดูกข้อมือโครงกระดูก คันธนูหลุดร่วงไปพร้อมกัน อมนุษย์หวีดร้องคำรามเสียงดังก้องก่อนจะพ่นไอพิษสีดำออกมา
"กร๊าซ!!!"
"โว้ย! ไอ้ทุเรศ"
จงอินสะบัดหน้าออกจากไอพิษ โชคดีที่สกิลส่วนตัวช่วยลดอาการติดพิษให้ ร่างสูงกัดฟันแล้วฟาดท่อนขาไปเต็มกระดูกซี่โครงช่วงท้องจนอีกฝ่ายเซ
"ย๊า!!!!"
เขากุมด้ามดาบแน่นก่อนจะเงื้อสุดแขนขึ้นปักกลางกระโหลกศีรษะเต็มแรงจนถลาไปกับพื้นทั้งคู่ จงอินดึงดาบออกจากกระโหลกนั่นก่อนบิดมันให้พอตั้งฉากกับรอยเดิมและปักลงเต็มแรงอีกรอบมันมันแตกออกเป็นรอยลามไปทั่ว เสียงคำรามสุดท้ายดังโหยหวนก่อนร่างกระดูกจะค่อยๆสลายหายไป
นักผจญภัยถอนหายใจพร้อมลุกขึ้นยืน ด้ามดาบสีดำทมิฬสลักลายเถาวัลย์นูนต่ำถูกกระชากขึ้นจากผืนดินให้เห็นคมสะท้อนแสงทั่วเล่ม อาวุธหนาถูกกวัดแกว่งเป็นการวอร์มอัพร่างกายระยะสั้นด้วยมือเดียวราวกับเป็นชิ้นส่วนหนึ่งเดียวกับร่างกาย
' ด่านที่สอง คู่ต่อสู้คือกริฟฟอน '
เสียงเดิมจากผู้ดูแลดังขึ้นรอบทิศทางพร้อมกับการปรากฏตัวของคู่ต่อสู้คนใหม่อีกครั้ง โครงสร้างงองุ้มและปีกสีน้ำตาลงดงามกับเท้าทั้งสี่ที่เหยียบพื้นและเสียงคำรามของสัตว์ป่าที่เยื้องย่างเข้ามาอย่างเชื่องช้า
"กรรซ์..."
จงอินกำชับด้ามดาบพร้อมกับแสยะยิ้มเมื่อทั่วร่างกายเขาสั่นเทิ้มไปด้วยความสนุกที่ท่วมท้น นิ้วโป้งคว่ำถูกยกขึ้นไว้ตรงลำคอตนแล้วปาดมันออกเป็นสัญญาณให้เริ่มความหรรษานี้เสียที เสียงทุ้มต่ำไหลออกจากปากอิ่มคู่สวยช้าๆทว่าชัดเจน
"Let's ....Rock !"
"ซานาส ทำอะไรอยู่"
เสียงเคาะประตูห้องจากด้านนอกเรียกให้ดวงตาสีตะไคร่คู่สวยหันไปมอง ซานาสปลดเข่าลงจากวงแขนที่โอบอ้อมไว้ขณะที่ประตูถูกเปิดเข้ามา อาร์โธนี่คาบบุหรี่ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมหนังสือเล่มหนึ่ง
"ข้าเอาหนังสือที่เจ้าอยากได้มาให้แล้วนี่ไง จะวางไว้ตรงนี้นะ"
เจ้าของร้านวางหนังสือเล่มหนาบนยอดกองหนังสือที่ซานาสชอบอ่านพร้อมเอ่ยเสียงเรียบเช่นทุกที ทว่าในคราวนี้น้ำเสียงเดิมๆกับใบหน้าเดิมๆที่เขาได้พบเจอทุกวันกลับทำให้ตาสวยเอ่อชื้นขึ้นอีกหน เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาหวิวราวกับสายลมทะเล
"อาร์โธนี่..."
"เป็นอะไรไปหรือซานาส หือ มาหาข้าซิ"
ร่างบอบบางก้าวขาลงจากเตียงนอนไปหาอีกฝ่ายแต่โดยดี ซานาสจับชายเสื้อกล้ามสีดำไว้แน่นก่อนฝังใบหน้าลงบนกล้ามเนื้อสวยพร้อมรัดอ้อมกอดแน่น อาร์โธนี่ปลอบประโลมแผ่นหลังบางโดยการลูบมันเบาๆก่อนเชยคางสวยขึ้นมาเชยชมหน้าสวยซึ่งถูกชะโลมด้วยหยดน้ำตาเม็ดเล็ก
"ร้องไห้คร่ำครวญด้วยเหตุผลใดกัน ไหนเล่าให้ข้าฟังสิคนดี"
ริมฝีปากแห้งหยาบบรรจงซับหยดน้ำตาอย่างนุ่มนวล อาร์โธนี่รู้ดีว่าซานาสชอบให้เขาลูบผมคราวร้องไห้หรือเสียใจ แต่คราวนี้สัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับมันกลับทำให้ซานาสยิ่งคร่ำครวญหนัก
"ข้าเป็นคนไม่ดี ข้าทำให้เจ้าต้องผิดหวัง"
"เอ่ยเท่านี้แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าไปอะไรมาน่ะหือเจ้าพรายน้ำ"
"...ขอโทษอาร์โธนี่......ข้าขอโทษ....."
"ไม่เป็นไรซานาส"
ร่างสูงเพียงปลอบประโลมเสียงเบาและโอบกอดอีกฝ่ายไว้โดยไม่คิดจะปล่อย เสียงทะเลคลั่งและพายุถาโถมในยามค่ำคืนกู่ร้องราวตอบรับความรู้สึกกับคนในอ้อมกอด เขาเลือกจะให้ซานาสได้ปลดปล่อยความรู้สึกออกมาทั้งหมดโดยไม่ทักท้วง อาร์โธนี่ไม่ต้องการคาดคั้นหาความจริงใดๆ เขาเพียงแค่ปรารถนาให้ซานาสได้รู้สึกสบายใจเท่านั้น
ต่อให้มือคู่นั้นจะแปดเปื้อนมาแม้ซักเท่าไหร่ ต่อให้ผู้คนจะก่นด่าเราสองแค่ไหน หรือต่อให้ความจริงจะเลวร้ายสักเพียงใด...เขาก็จะปิดตาตัวเองไว้และเลือกจะเข้าข้างคนๆเดียว
เปลวเทียนที่ให้ความสว่างในห้องสั่นไหวคล้ายดวงตาคู่นั้นที่อาร์โธนี่หลงรัก ซานาสในตอนนี้อ่อนแอเสียยิ่งกว่าเทียนไข อ่อนแอเสียจนเขากลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะหักล้างไปต่อหน้าต่อตา
"เจ้าจะไม่เป็นไร ที่รัก"
ฝ่ามือหนาประคองรับใบหน้าหวานพร้อมเกลี่ยหยดน้ำตาที่เริ่มแข็งและขุ่นผิดจากธรรมชาติ ไข่มุกเม็ดแล้วเม็ดเล่ากระแทกลงกับพื้นไม้และถูกเมินเฉยๆ ซานาสรับรอยจูบแสนหวานจากอีกฝ่ายก่อนหลับตาพริ้มเพื่อเป็นรางวัลจากการทำบาปของเขา รางวัลแสนหวานที่เขาไม่อาจต้านทานซ้ำยังกลับเสพติดจนแทบคลั่ง
แต่ถึงอย่างนั้น รสจูบกลับขมขื่นอยู่ในลำคอจนแสบไปหมด
...
ซานาสจำต้องทำร้ายคนๆนึง เพียงเพื่ออยากจะปกป้องคนที่รัก
จนทำให้อัญมณีเม็ดงามชิ้นนั้น....ต้องเปื้อนรอยมลทินหยาบไปตลอดกาล
##ระบบตอนกลับ by GM white candle##
คุณ(BabyKai) : เช่นกันค่ะ ขอบคุณที่คิดถึง <3 นี่เป็นกลยุทธ์เพิ่มยอดวิวค่ะ ลืมเนื้อก็อ่านใหม่กันนะคะ! >_o
คุณ(poppoka) : สวัสดีค่า!และยินดีต้อนรับบบบ ขอบคุณที่เม้นให้นะคะ <3
ตอนนี้น้องจงอินและพวกพ้องตกกระป๋องไปค่ะ ปล่อยนางไป คู่รักพรายน้ำกำลังมา! แต่ตอนหน้าจะเปลี่ยนเป็นอีกคู่ละค่า ซึ่งไม่รู้จะเรียกว่าคู่รักดีไหม 555555555555 ออกทะเลกันเถอะทุกคลลลลล
เอ้อ น้องซานาสนี่ค่อนข้างมีความหมายกับเราเลยล่ะค่ะ นางเป็นตัวละครที่เราเอามาจากคนที่ชอบมากกกกับสามีนางก็เช่นกัน ฮอล ลูกทะเลแซ่บขนาดนี้ ชิปเปอร์จะไม่ทนค่ะ /ทำท่าเอียงอาย+ชูป้าย #uksp
ps. เปลี่ยนชื่อตอนนาจาาาาาา
### ปิดระบบอัพเดตแพทอีก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น