ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 -- เกมไม่ใช่เกย์
บทที่หนึ่ง
' เกมไม่ใช่เกย์ '
' เกมไม่ใช่เกย์ '
วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าสดใส ปุยเมฆสีขาวดุจคอนตอนแคนดี้สีขาวที่น่าแดก แดดที่ไม่ร้อนนรกระดับมีเดียมที่หาได้ยากในทุกวันนี้ สายลมอ่อนๆกับเสียงต้นไม้เสียดสีที่ชวนให้ง่วงเหงาหาวนอน บรรยากาศอันเงียบสงบของคนโชคดีที่ถูกปล่อยก่อนขณะที่คนอื่นยังไม่เลิกคลาส เพื่อฆ่าเวลาในการรอคอยใครบางคน เขาเลือกจะฟุบหน้าลงกับกระเป๋าสะพายข้างสีดำของตน
ช่างเป็นวันที่ดีเหมาะกับสุขภาพและจินตภาพสิบแปดบวกที่กำลังโลดแล่นบนหัวสนุกสนานเหลือเกิน
ถ้าไม่นับยัยผู้หญิงสองคนตรงหน้า...
"ลิลลี่ นี่ตกลงแกจับพี่ปาล์มได้รึยังเนี่ย"
ยัยผู้หญิงตัดผมบ๊อบย้อมแดงไม่แคร์รูปหน้าตัวเองยกมือขึ้นเป่าลมใส่เล็บสีแดงเพิ่งทาเสร็จสดๆร้อนๆของหล่อนพลางเอ่ยถามเพื่อนผมบลอนด์จอมปลอมตรงข้ามเธอที่กำลังตบแป้งโบ๊ะหน้าตัวเองจนแทบจะหนาออกมาเป็นเมตรๆ บาร์บี้ยี่สิบบาทขมวดคิ้วใส่กระจกพกพาแล้วเอ่ยเสียงหงุดหงิด
"ยังน่ะสิแก พูดไปก็หงุดหงิด ไอ้ชั้นน่ะอุตส่าห์พยายามอ่อยแบบไปได้สวยเลย แต่จู่ๆไอ้พี่วาก็พังประตูเข้ามา แกรู้ไหมว่าเขาทำอะไรกับฉัน"
เขาอยากตอบออกไปเหลือเกินว่าใครจะไปรู้กับหล่อนวะแล้วช่วยหุบปากไปซักทีได้ไหม แต่ก็เลือกจะไม่ทำเพราะขี้เกียจเกินกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ ส่วนแม่ผมแดงก็ส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นเพื่อนหล่อนเต็มที่ ยัยบาร์บี้นั่นจึงพล่ามวีรกรรมน่าภาคภูมิของเธอออกมา
"พี่วามันเก็บเสื้อฉันกลับมาใส่คืน แถมไล่ชั้นออกมาพร้อมยัดค่าแท็กซี่กลับบ้านน่ะสิ! แถมพี่ไอ้พี่ปาล์มมันก็ไม่พูดอะไรซักคำ เจออีกทีก็อยู่ด้วยกันกับไอ้วานั่นแถมเจอหน้าฉันมันก็หลบหนีด้วย! โอ๊ย พูดแล้วหงุดหงิดจริงๆ"
"แย่จังเนอะผู้ชายสมัยนี้"
ผู้หญิงสองคนปลอบกันอยู่ในทีก่อนจะย้ายไปหัวข้อไร้สาระอื่นๆ ขณะที่คนฟังอีกคนได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อ วันนี้พระเจ้าดูจะไม่ค่อยเข้าข้างเขาเท่าไหร่กระมังเลยส่งแม่พวกนี้มารบกวนประสาทหู ถามว่าทำไมเขาถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้น่ะเหรอ? เรื่องมันง่ายนิดเดียว
อันดับแรก เขาเลือกที่จะนั่งรอเพื่อนตรงม้านั่งหินอ่อนนี่เพราะมันร่มเย็นสบายดี อันดับสองยัยบาร์บี้ยี่สิบบาทและสหายก็นวยนาดย้ายก้นใหญ่ๆของพวกหล่อนเข้ามานั่งโดยไม่เอ่ยขอพร้อมกับเติมหน้าจนฝุ่นคลุ้งไปหมด และอันดับสามเขาขี้เกียจเกินว่าจะบอกพวกเธอว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้
และถ้าอยากรู้เหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงกล้าพูดเรื่องน่าละอายแบบนั้นทั้งๆที่มีผมอยู่ใกล้ๆล่ะก็ คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวครับ...
เพราะนายเกศรินทร์ หรือ 'เกม' คนนี้....เป็นผู้ชายจืดจางเกินกว่าที่ใครๆจะสังเกตเห็น
ถามว่าทำไมถึงจืดจางน่ะเหรอ
ไอ้เรื่องพรรค์นี้นี่ต้องมีเหตุผลด้วยรึไงวะครับ?
หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้และน่าสังเวช แต่สำหรับเกมมันเป็นดุจพรสวรรค์ที่สรวงสวรรค์มอบให้ตั้งแต่เกิด เพราะมันทำให้เขาได้ใช้ชีวิตแบบสงบสุข สบายกาย สบายใจอย่างเต็มที่ตั้งแต่เด็กจนทุกวันนี้
เรื่องเสือกก็เช่นกัน...
"อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"
เสียงนุ่มดังขึ้นด้านหลัง เกมเหลือบตาไปยังผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังเดินตรงเข้ามา ด้านหลังเป็นเพื่อนร่วมสาขาของอีกฝ่ายที่คงเพิ่งบอกลากันไป ดวงตานิลจ้องเรื่อยขึ้นไปถึงรอยยิ้มหวานบนใบหน้าสวยๆที่ไม่ว่าจะมองเมื่อไหร่ก็สามารถเยียวยาหัวใจของผู้ชายตายซากอย่างเขาได้เสมอ เอ่อ ไม่ใช่ในด้านนั้นหรอก แค่หมายถึงว่ารอยยิ้มของมันทำให้โลกดูสดใสขึ้นแค่นั้นเอง
สองสาวที่เข้ามาร่วมโต๊ะแบบไม่ได้ตั้งใจมองหน้าคนมาใหม่แบบอ้ำๆอึ้งๆ เกมคิดว่าพวกหล่อนยังไม่เหลือบตาเห็นเขาแน่นอนปฏิกิริยาถึงยังอ่อนแบบนี้ คำถามที่ไร้ซึ่งคนตอบเมื่อครู่ของอีกฝ่ายทำเอาพวกเธอมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พอเห็นไม่มีใครอยู่บริเวณนี้นอกจากพวกเธอ ยัยบาร์บี้ยี่สิบบาทเลยตอบกลับเสียงเบา
"พะ พักนึงแล้วค่ะ"
"วันนี้เรานัดกันไว้ ลุกเร็วๆเลย"
ไอ้หนุ่มหน้าสวยพูดเสียงเข้มก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋ายีนส์ขาดของตัวเอง ทว่านายเกมยังคงแน่นิ่งเหมือนแพนด้าแห้งเฉา อันที่จริงเขาไม่ใช่คนชักช้าอิดออดอะไรนักหรอก แค่อยากรอดูคนหน้าแตกมากกว่า
อ่อ ไม่ใช่ รุ่นนี้โปะมาหนา คงไม่หลุดง่ายๆหรอก...
"เอ๋ พูดอะไรน่ะ เรารู้จักกันเหรอคะ เอ่อ แต่ไม่เป็นไรฉันว่างนะคะ"
แม่ผมบลอนด์ย้อมเอ่ยขึ้นโดยมียัยหัวแดงพยักหน้าเสริมเป็นลูกคู่ แม้สีหน้าจะเหนียมอายแต่สาบานเถอะว่าใจหล่อนคงจะวิ่งเต้นอยู่บนดาวอังคารเสียแล้วเป็นแน่ที่จู่ๆก็ถูกผู้ชายหน้าตาดีน่ารักน่าเคลมแบบนี้มาชวนไปด้วย หารู้ไม่ว่าปากแดงๆของหล่อนกำลังสั่นริกๆเหมือนเก็บอารมณ์เต็มที่เนี่ยมันตลกจนไอ้เกมแทบจะหัวเราะออกมา
"พูดกับผมเหรอครับ?"
ชายผิวขาวทำหน้าเหลอหลาพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เขาเองก็เพิ่งสังเกตเห็นหญิงสาวทั้งสองแบบตั้งใจก็เมื่อกี้นี้
"เอ๋ เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดกับพวกฉันเหรอคะ?"
"ขอโทษครับคุณทั้งสอง แต่ผมทักเพื่อนผมเฉยๆครับ"
ชายหนุ่มยิ้มจางๆ ขณะที่พวกหล่อนเริ่มมีหน้าที่ปั้นยาก ทั้งสองเริ่มส่งสายตาหากันอ่านได้ว่า 'ใครวะ' และอาจจะลามไปถึงเรื่องพลังงานลึกลับก็เป็นได้
"เพื่อนไหนคะ ก็ตรงนี้มีแค่..."
"เก็บของเสร็จแล้ว ไปเหอะ"
เกมโพล่งเสียงดังพร้อมลุกขึ้นเป็นการตัดบทสนทนาของทั้งสองฝ่าย ถึงหน้าโง่ๆครั้นพวกเธอเงิบนั่นจะตลกมากแค่ไหนแต่เห็นมากๆแล้วมันน่ารำคาญ ทันทีที่เขาประกาศตัวแม่สาวทั้งสองก็เบิกตากว้างจนไอ้แผ่นตาสองชั้นแทบกระเด็นหลุด
"ว้าย! นาย! มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!! นี่ นี่ อย่าบอกนะว่า....แอบฟังงั้นเหรอ! ทุเรศ!!"
"....ก็พูดเองไม่ใช่รึไง น่ารำคาญ"
"อะไรนะยะ!!"
"บางทีผู้ชายสองคนก็เพียงพอไม่ต้องการมือที่สามแบบเธอหรอกครับ ไม่ดิ ผู้หญิงแบบเธอน่ะผู้ชายเค้าไม่แลหรอก"
"เฮ้อออ เกมไปเหอะ"
หนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนดึงแขนพร้อมลากออกไปเพราะแม่สาวทั้งสองเริ่มจะแสดงอาการไม่พอใจเนืองๆ แต่ไอ้คนหน้าตายกลับพูดไม่ยอมหยุด ไอ้เขาอยากจะตบปากมันให้ตาย แต่ก็ห้ามมันไม่ได้ยิ่งเฉพาะตอนนี้
"อ้อ เผื่อจะไม่รู้นะแม่บาร์บี้ยี่สิบบาท สมัยนี้หนุ่มๆของเธอเค้ากินกันเองแล้ว"
ตอนที่มันจะเรียกร้องหาสิทธิให้เหล่าคุณผู้ชายทั้งหลาย....
"นี่แกอย่ามาพูดเลอะเทอะนะยะ ประสาทไปแล้วรึไง! ผู้ชายเกิดมาคู่กับผู้หญิงเท่านั้นย่ะ!"
"เชยสัด นี่เกิดมาตั้งแต่พศ.ไหนครับเนี่ย ตรรกะพรรคนั้นไม่มีคนเชื่อแล้วครับ ผู้ชายเองก็มีรูครับทั้งปากและ....."
นิ้วยาวจุดไว้ที่ปาก และลำดับถัดมาเกมไม่ได้ขยับมันไปหาอวัยวะที่เขาพูดในใจถึงที่จริงถึงไม่พูดใครๆก็รู้ก็เถอะ ริมฝีปากบางยกยิ้มเยาะขึ้นมาช้า
"สองรูผลัดกันเสียบได้ไม่ลำบากขนาดสามรุมหนึ่งยังไหวแถมฟิตได้ใจกว่าด้วย ...เพราะงั้นไม่มโนนะครับชะนี"
"อี๋....."
"ไอ้ ไอ้ทุเรศ ไอ้เกย์ทุเรศ!!"
ปึก!
ฝ่ามือกว้างฟาดลงบนโต๊ะม้าหินอ่อน ดวงตาสีนิลแข็งกร้าวเหลือบขึ้นมองหน้าจอมปลอมทั้งสองอย่างหงุดหงิดจนแม่ผมบลอนด์หน้าเสียหน่อยๆ เกมเป็นคนที่ไม่โกรธง่ายแต่ไม่ได้โกรธไม่เป็น โดยเฉพาะกับคนที่ดูหมิ่นเขา มีหลายคำที่เขาไม่ชอบและรำคาญทุกครั้งเวลาได้ยินมัน โดยเฉพาะไอ้คำที่ว่าเขาเป็นเกย์แบบนี้
"ผมไม่ใช่เกย์ครับ"
"..."
"แค่มีรสนิยมชอบให้ผู้ชายได้กันเฉยๆ"
เพราะเวลาได้ยินแบบนี้ที่ไรต้องเอ่ยปากแก้ข่าวไปเสียทุกทีเลยแบบนี้ไงมันเลยน่ารำคาญ
ก็ตามนั้นแหละ ผมไม่ใช่เกย์หรอกครับ
ตราบใดที่ฟูดันชิไม่ได้แปลว่าเกย์...
ไอ้เกมก็ยังแค่เป็นหนุ่มวายที่สนับสนุนให้ผู้ชายได้กันเฉยๆเท่านั้นเอง
( 50% )
"วี วันนี้มึงว่างเปล่า"
"ไม่ว่าง มีนัดแดกข้าว กำลังจะไปด้วย"
วีรภัทรตอบขณะที่มือยังสาละวนอยู่กับการตอบข้อความในโทรศัพท์มือถือ ฝ่ามือกว้างสีแทนยกเป้ลายกราฟิตี้พาดบ่าพร้อมเดินทางตามที่บอก ดวงตาน้ำตาลเข้มเช่นกันกับสีผมหันมามองเพื่อนสนิทที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ ด้านหลังมันเป็นเพื่อนอีกคนของเขากำลังนั่งซึมถือแผ่นกระดาษเล็กๆมองไม่ละสายตา
"กับสาว?"
"เพื่อน"
"กูว่าแล้วอย่างมึงไม่น่ามีสาวไหนติด เอาไอ้เชี่ยคีย์นี่ไปด้วยดิ มันไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่กลางวันและ หน้าก็เหี้ยยังกับคนโดนของ"
ไอ้คิวว่าพร้อมบุ๊ยปากไปทางตัวต้นเหตุข้างหลัง มันเงยหน้าขึ้นมามองเหมือนจะรู้ว่าถูกนินทาแต่ไม่ได้ว่าอะไร วีเริ่มไล่ตาสังเกต ดวงตาใต้กรอบแว่นของมันช้ำเหมือนคนไม่ได้นอนแถมยังคล้ำดันให้ลูกตาดูลึกลงไป ใบหน้าที่ว่าขาวแล้วก็ซีดเซียวลงเหมือนคนติดยา ไม่เหลือมาดของหนูอัคคี องค์ชายน้อยของเหล่าผองเพื่อนซักนิด
"แล้วไอ้เหี้ยคีย์เป็นอะไร ทำไมพวกมึงไม่เอามันไปเองวะ มันไม่รู้จักเพื่อนกูนะเอาไปมันจะไม่เซ็งเหรอ"
"งานเข้าพร้อมกันเลยว่ะเหลือแค่มึงนี่แหละ แค่พามันไปแดกข้าวกันตายแล้วเอาเข้านอนพอ มันถูกสาวปฏิเสธมาทั้งๆที่ตามจีบมาหลายเดือน คนนี้มันจริงใจมั้ง นิดๆหน่อยๆสำออยจะเป็นจะตาย"
"เอาอีกแล้ว พวกมึงนี่ไม่มีประเด็นอื่นจะเสียใจกันแล้วรึไงวะ"
วีถอนหายใจ ไอ้เพื่อนส่วนใหญ่ของเขาก็ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายในหัวข้อนี้บ่อยๆซึ่งวีไม่เข้าใจซักนิดว่าไอ้คนพวกนั้นที่เขาไม่เห็นหัวเรามันมีคุณค่าหรืออิทธิพลต่อชีวิตของเราอย่างไร แต่จะพูดแบบนั้นออกไปก็แลดูไร้หัวใจนัก อีกทั้งเขาเองไม่เคยได้พบเจอกับตัวถึงพูดไปก็ไร้น้ำหนักความน่าเชื่อถือ
"อันที่จริงตอนแรกมันก็ดูโอเคอยู่ แต่ทีหลังแม่มันไลน์มาบอกว่าไอ้ทูน่าแมวที่บ้านตายแล้ว ไอ้เชี่ยคีย์เลยซึมเศร้าแบบที่มึงเป็น"
"ตกลงที่เป็นแบบนี้เพราะแมว"
คิวพยักหน้าเหนื่อยๆ สาเหตุนี่มันทำให้เขาอยากจะตบหัวตัวเองแรงๆ โอเค แมวตายเลยเศร้ามากกว่าหญิงปฏิเสธ เมกเซนซ์ เมกเซนซ์จนเขาไม่รู้จะว่ายังไงเลยล่ะ
วีปรายตาไปมองอีกครั้งแล้วถอนใจ ใจนึงรู้สึกรำคาญแต่อีกใจก็รู้สึกเป็นห่วง เห็นหน้ามันทีไรหัวใจอ่อนยวบยาบทุกที แน่นอน คีย์มันเป็นคนหล่อ ....แล้วดันสวยด้วย ตัวสูงแต่ไม่เท่าเพื่อน ผิวขาวออกซีดๆ ชอบใส่แว่นกรอบใหญ่ๆเพราะมันอยากดูเนิร์ด(อยากจะด่าเหลือเกินว่าไม่ได้ส่องกระจกเลยรึไงว่ามันทำให้มึงดูฮอตกว่าเดิมซะอีก) เพราะรูปหน้าและรูปร่างแบบนั้นมันทำให้คีย์กลายเป็นเจ้าชายน้อยที่ถูกคนในกลุ่มประคบประหงมโดยไม่รู้ตัว มันเหมือนน้องคนสุดท้องของพวกเราในขณะที่เขาเป็นพี่ลำดับกลางๆที่ชอบทำตัวอันธพาลหน้าโหด
"เออๆๆ เดี๋ยวกูดูมันเอง พวกมึงไปเถอะ"
"เออขอบใจมาก แล้วเพื่อนมึงโอเคใช่ไหม"
"ต่อให้กูเอาพวกมึงไปทั้งแก๊ง พวกแม่งก็ว่าอะไรหรอก"
"อ่อ เพื่อนมึงนี่ใจกว้างดีเนอะ"
วีฟังแล้วก็เบ้ปากกรอกตาไปมา สำหรับทอยน่ะอาจจะใช่ แต่อีกคนน่ะมันตรงข้ามกับที่มึงพูดเลยว่ะ เขาหวนนึกถึงไอ้ใบหน้ากวนตีนๆตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนทุกวันนี้มันก็ยังเหมือนเดิม โดยเฉพาะไอ้ดวงตาปลาตายชวนให้ยั้งตีนไม่อยู่นั่น ไม่รู้นรกชั้นไหนบันดาลให้รู้จักกันจนถึงวันนี้
"ใจกว้างเหี้ยไรล่ะ เชี่ยเกมแม่งไม่เคยสนใจใครนอกจากตัวเองต่างหาก"
"...."
"..."
"เออ โชคดีล่ะกัน"
การนัดกินข้าวเย็นพร้อมกันจะเกิดขึ้นอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการยืดเยื้อความสัมพันธ์อันเนิ่นนานของเกศรินทร์และวีรภัทรโดยมีธีรธรหรือทอยเป็นสักขีพยาน พูดไปก็ว่าเว่อร์เปล่าๆเพราะที่จริงพวกเขาเองก็เช่าหออยู่ที่เดียวกันต่างก็แค่เลขห้อง แค่เรียนคนละคณะ แต่ยังไงการได้เจอกันทำกิจกรรมร่วมกันแบบสม่ำเสมอถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันของครอบครัวอย่างนึง
โอเคๆเริ่มออกทะเลอีกละ ตอนนี้ผมเกมกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ในร้านขายรองเท้าแบรนด์ที่วัยรุ่นชอบใส่กัน ถามว่าผมมาทำเชี่ยไรที่ร้านรองเท้าแต่ไม่ซื้อรองเท้าเหรอ? มาเอาWifiมั้งครับ นั่งรอคุณชายธีรธรลองรองเท้าอยู่หรอก แล้วก็รอคุณชายวีรภัทรเสด็จด้วย ท้องผมเองก็เริ่มแกร่วๆออกมาแล้วซ้ำผมไม่ค่อยชอบรอใครนานแต่ครั้งนี้มันพิเศษนิดหน่อย ก็พี่วีเค้าอาสาจะเลี้ยงสุกี้ในห้างอ่ะครับ พอดีมีมารยาทบวกกับความอยากแดกเลยต้องทนรอเจ้ามือ
หงืดดดด
วัตถุสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือสั่นระริกระรี้เหมือนเห็นผู้ชายหน้าตาดีเดินผ่าน หน้าจอแสดงแอพไลน์ว่ามีข้อความส่งมาใหม่ ไม่ทันจะได้ทำอะไรข้อความก็เด้งขึ้นมาอีกหลายข้อความจากคนอีกคนด้วย เกมเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชีวิตว่างพวกพี่ขนาดนั่งเฝ้ามือถือกันเลยรึไงครับ พอบ่นเสร็จนิ้วโป้งขวาของผมก็เลื่อนจอเข้าไปเป็นคนว่างงานด้วยอีกคน
ชมรมคนสยองขวัญ (3)
Mr. J : หนังสือมีมี่ตันออกใหม่เห็นยัง
Mr. J sent a photo
Mr. J : อยากได้อะดิ 555555555
Lawrenze : เร็วตลอด
Lawrenze : ส่งลิ้งมาให้ผมหน่อย
Lawrenze : คนขายแถวบ้านเป็น ผญ
Lawrenze : ไม่อยากออกไปซื้อ
Lawrenze sent sticker
9 game : อ๊ากกกกก อยากด้ายยยยยย!!! พนผมออกไปซื้อแน่!
9 game : เรื่องนี้รอรวมเล่มมานานมาก
9 game sent sticker
9 game sent sticker
9 game : พนนี้เจอกันแน่ไทโซของพี่
9 game : //เลียจอ
Lawrenze : เป็นเอามาก /ทำหน้าเพลีย
Mr. J : ทุเรศสัด 5555555
พนักงานสาวตามองลูกค้าของเธอกำลังดีดดิ้นอยู่คนเดียวกับโทรศัพท์มือถืออย่างหวาดระแวง แต่คนอย่างไอ้เกมหรือจะต้องแคร์ ตอนนี้ใจของผมลอยไปที่ชั้นหนังสือร้านเพอร์เพิลแคนดี้เจ้าประจำเรียบร้อยแล้ว พอจิ้มจึ้กไปในรูปที่พี่เจหรือMr. Jส่งมา ภาพหน้าปกแสนงดงามของมังงะวายที่เฝ้ารอมาเนิ่นนานกว่าจะรวมเล่มเสร็จทำเอาผมแทบจะละลายไปกองกับพื้น อ๊ากกก ไทโซของพี่เกม ไทโซหล่อมากกกกกก
โอ๊ย หัวใจ อย่าเต้นเร็วนักสิ เกมจะไม่ไหวแล้ววววว ///q/// *เช็ดน้ำลาย*
"เกม วีโทรมาบอกว่ารออยู่ร้านแล้วไปกัน"
เพื่อนหน้าสวยเข้ามาได้จังหวะที่เขาสงบสติอารมณ์ได้พอดี มือไม้เปล่าเปลือยของมันทำให้เขาแอบชมในใจไปนิดหน่อยว่า 'จริงๆมึงแอบมาลองรองเท้าเค้าฟรีใช่ไหมทอย' แต่เราก็รู้กันของห้างมันแพงหูลากขนาดไหน เพราะงั้นถ้าเพื่อนอยากลองรองเท้าฟรีผมก็จะสนับสนุนให้เขาทำต่อไป เฮ้ๆ
"เออๆ แป๊ป"
เกมตอบกลับสั้นๆพร้อมรัวนิ้วลงจอมือถือ
9 game : พี่ ผมไปแดกข้าวแป๊ป
9 game : นัดเพื่อนไว้ ไปละ
Mr. J : ฝากความคิดถึงให้น้องทอยของกูด้วย ว่าจุ๊บๆ
Lawrenze : เผื่อพี่ด้วยเกม วันๆแดกแต่มาม่า เมื่อไหร่เค้าจะทำรสลาบเป็ดวะ
9 game : ไปหาข้าวแดกบ้างเถอะพี่
Mr. J : ไปหาข้าวแดกบ้างเหอะลอว์
9 game : กำ
Lawrenze : กำ
Mr. J : กำ
9 game : ...
9 game : ไปละ
นิ้วยาวกดปุ่มล็อคแล้วหย่อนลงกระเป๋ากางเกง เกมเป็นคนติดโซเชี่ยลแต่เขาก็ใส่ใจกับโลกความจริง เอ๊ะ แต่จริงๆเขาก็ไม่ได้ติดขนาดนั้นป่ะ แค่ชอบเข้าเว็บไซต์พิลึกๆเพื่อไปหาเรื่องคุยกับคนแปลกๆเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็ตกมาได้สองคนที่สนิทกันแล้วด้วย ทั้งคู่อายุมากกว่าเขา คนนึงชื่อพี่ลอว์ส่วนอีกคนชื่อพี่เจ
เราเคยนัดเจอกันครั้งนึง พี่ลอว์เป็นคนขี้กลัวเพราะมีแผลใจเกี่ยวกับผู้หญิง แต่ถึงแบบนั้นพี่เขากลับหน้าตาดีแถมรูปร่างสูงยาวมากจากเชื้อลูกครึ่งทางฝั่งตะวันตก เส้นผมสีดำยาวเลยอกรับกรอบรูปหน้า ดวงตาเศร้าสร้อยสีน้ำเงินหม่นธรรมชาติที่ฉายแววหวาดหวั่นตลอดเวลาสามารถกระชากใจผมออกจากอกทันทีที่ได้สบตา ว่าง่ายๆคือผมได้ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น รวมทั้งได้มอบตำแหน่งเซเมะ(Seme)ในอุดมคติให้เขาไปเสียแล้วด้วย อ่า พูดแล้วก็เขิน พี่ลอว์นี่หล่อจริงๆแหละครับ ....ชักเริ่มเข้าใจหัวอกผู้หญิงพวกนั้นแล้วว่าทำไมต้องรุมแย่งพี่ลอว์ขนาดนั้น
ส่วนพี่เจคนนี้ผมขอข้ามยาวๆครับ ตอนนัดเจอกันตานี่เล่นตื่นเที่ยง แถมมีหน้ามาพิมพ์ 5555555 ใส่อีกนะ == อยากกดบล็อกมากแต่เขาเป็นแหล่งข่าวใหญ่ของผม เพราะฉะนั้นทำใจคบต่อครับ
ปั่บ!
ร่างผมเอนไปตามแรงดึงแทนที่จะชนเข้ากับใครบางคนที่เดินสวนทางกันเพราะผมเองที่เดินไม่ดูทาง เกมมองมือที่วางบนไหล่ผมแบบไม่ขออนุญาตก่อนจะเบนสายตาไปมองเจ้าของมัน รอยยิ้มสว่างไสวแต้มออกมาดั่งเช่นทุกทีจนเผลอแสบตา
"เดินดูทางหน่อย"
ส่วนคนนี้ทอย... เป็นคนสำคัญในชีวิตจริงของผม
....
เอ่อ หมายถึงเพื่อนนะครับ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั่น ผมเป็นหนุ่มวาย ชีวิตสบาย ยังไม่ต้องการผู้ชาย ไม่มีก็ไม่ตาย ยูโน้ว? จริงสิ ผมมีบางอย่างที่ต้องบอกเขาอยู่นี่นา
"ทอย"
"หือ"
"พี่เจฝากบอกว่า จุ๊บๆ"
"..."
ทอยไม่ตอบอะไรผม เอาแต่ยิ้มเหมือนเดิมแล้วก็ก้าวเท้าเดินนำไป....
โอ๊ะ แต่เมื่อกี้เหมือนเห็นคิ้วมันกระตุกนิดนึงนะ
"มึง.... ไม่เป็นไรแน่ใช่ไหมเนี่ย"
วีรภัทรเอ่ยถามชายตรงข้ามตนที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก คีย์ส่ายหน้าเบาๆพลางยกรูปถ่ายเจ้าทูน่าแมวรักไว้ไม่ห่างมือ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะตีตั๋วเครื่องบินกลับบ้านไปกอดมันก่อนจะจากกันแล้วฝังศพให้มันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ เขายังจำได้แมวสามสีขนนุ่มนิ่มหางขดม้วนที่เคยออดอ้อนเขาตั้งแต่ลูกแมวยันโตขึ้นเป็นแมวตัวผู้แสนสง่าจนกระทั่งเป็นเจ้าเฒ่าสามสีที่เขารัก จนวันนี้อายุขัยของมันสิ้นลงเหมือนกับหัวใจของไอ้คีย์จะหมดลงตามไปด้วย
ฝ่ามือกว้างยกขึ้นลูบหน้าเวลาหวนกลับไปนึกถึงจนเกือบเผลอปล่อยความเสียใจลงมา วีได้แต่ลอบมองอย่างเป็นห่วงไม่กล้าว่าอะไร กลัวว่าจะพูดอะไรกระทบใจมันเปล่าๆ รู้อยู่ว่าเพื่อนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนแอ แต่สำหรับไอ้คีย์ ทูน่าลูกชายมันมันรักมากจริงๆ
แต่ความเป็นความตาย มันก็ใช่จะหยุดยั้งกันได้ ก็ต้องปล่อยมันไปอย่างเดียว
"พรุ่งนี้หยุดมึงก็ตื่นไปทำบุญให้ทูน่ามัน วันพระพอดีด้วย มันจะได้รู้ว่ามึงคิดถึงมัน เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน"
"ขอบใจ เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนะ"
คีย์ขอตัวก่อนลุกออกไปช้าๆ เขาโล่งใจเมื่อสีหน้าที่ดีขึ้น พลันหางตาบังเอิญไปเห็นคนหน้าคุ้นสองคนเดินผ่านกระจกใสหน้าร้านจึงย้ายตัวเองไปนั่งข้างเพื่อนร่วมคณะที่ตอนนี้หนีไปเข้าห้องน้ำแล้ว ทอยเดินเข้ามาคนแรกโดยมีเกมอยู่ด้านหลัง พอได้สบตากันจู่ๆนายวีรภัทรมีความรู้สึกอยากเอาหม้อสุกี้สาดหน้าเกศรินทร์แปลกๆก่อนมันจะหายไปในห้าวินาที เกมมากับคอนเซปต์หวัดแดกทุกฤดูเหมือนเดิมคือจะมีหน้ากากอนามัยคาดไว้ มันยกมือทักเขาก่อนจะไถลตัวเข้าไปนั่งด้านใน
"สั่งอะไรไปรึยัง"
ทอยวางกระเป๋าพร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานอันสว่างจ้าจนวีรภัทรเผลอหรี่ตา
"เลือกไม่เป็นว่ะเลยสั่งแค่ของกินเล่นไปนิดเดียว รอมึงมานี่แหละ"
"ก็แค่จิ้มเลือกเอาสักชุดดิว้า โอเคๆ เดี๋ยวกูสั่งเอง ขอโทษนะครับ"
"ค่า"
พนักงานสาวขานรับด้วยรอยยิ้มหวานแต่สำหรับวีของทอยยังหวานกว่าเยอะ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเฝ้ามองการกระทำของคนตรงข้ามตั้งแต่เปิดเมนูไปถึงคุยกับพนักงานสาวน้อยคนนั้นอย่างเป็นกันเอง ตั้งแต่พบกันครั้งแรกทอยยังคงเป็นทอย ผู้ชายสบายๆที่มากับบรรยากาศง่ายๆและเป็นมิตร ไม่ว่าใครอยู่ด้วยก็รู้สึกสงบแบบไม่มีสาเหตุ
...ผิดกับไอ้เหี้ยข้างๆที่ชอบทำหน้าขวางโลก
"เออ วันนี้กูพาเพื่อนมาด้วยคนนึง พอดีวันนี้มันเฮิร์ทแมวที่บ้านตายแถมโดนผู้หญิงปฏิเสธ"
"อ้อ ไหนล่ะ"
"ไปเยี่ยว นั่นน่ะ"
หนุ่มหน้าหวานหันกลับไปมองผู้ชายร่างสูงที่เดินเซๆเข้ามาทางพวกเขา คีย์เลิกคิ้วเมื่อเห็นหน้าคนมาใหม่ทั้งสองที่เขาไม่รู้จัก ด้วยความอัธยาศัยดีทอยจึงถือโอกาสแนะนำตัวเพื่อลดความไม่คุ้นเคยระหว่างคนแปลกหน้า
"หวัดดี เราเพื่อนวีนะ ชื่อทอย"
"หวัดดี คีย์...ครับ"
หนุ่มวิศวะผงกหัวแอบเขินนิดหน่อยที่จู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายฉีกยิ้มหวานหยดใส่ ผู้ชายคนนั้นคงไม่รู้ว่าตัวเองมียิ้มอิมแพ็คต่อคนอื่นขนาดไหนถึงได้ปล่อยเรี่ยปล่อยราดเสียของ ขนาดเขาที่เพิ่งเคยเจอยังรู้สึกดีด้วยไม่ต้องถามถึงสาวๆรับรองว่าติดโดยไม่ต้องจีบด้วยซ้ำไปมั้งนั่น
วีรภัทรยกยิ้มพึงพอใจ อีกฝ่ายไม่เคยทำให้เขาผิดหวังจริงๆด้านการสานสัมพันธไมตรี แต่ยิ้มไปยิ้มมาได้ไม่ได้นาน ตาคมสีเปลือกไม้เหลือบไปด้านซ้ายตัวเองก็พบหลุมดำที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองว่าใครเพิ่มมาหรือเปล่าด้วยซ้ำ เกศรินทร์เด็กเหี้ยกำลังนั่งกดpspในมือแบบเมามันมากถึงมากที่สุด คิ้วบางขมวดแทบจะเลื้อยเข้ากันเป็นไส้เดือนสองตัวขณะที่ดวงตานิลจ้องจอจนแทบจะเข้าสิง
มันใส่เวลามาเล่นเกมจีบหนุ่มที่มึงรักนักรักหนาตอนนี้ไหมตอบ!
"เกม มึงช่วยเงยหน้าขึ้นแป๊ปนึงได้ไหม"
"แป๊ป กำลังจะจีบฮิโรเซะซังติด"
"เกม"
"เกมมม"
"กูกราบตีนขอร้องล่ะ"
คนผิวเข้มออกปากขอร้องแม้มือจะขยับไปเขย่าไอ้เครื่องpspจนมันแทบกระเด็นลงหม้อสุกี้ คนโดนเขย่าจ้องจอเล็กนั่นก่อนจะตวัดมาถลึงตาใส่เขาเขียวปั๊ด ร่างผอมลุกพรวดขึ้นชี้หน้าเพื่อนสนิทพร้อมเปลวไฟนรกสีดำเป็นแบล็คกราวด์
"เว้ย! พลาดเลยสัด เพราะมึงไอ้เหี้...!"
และจู่ๆคำด่านั่นก็ถูกกลืนเมื่อดวงตาสีนิลกาฬเผลอเลื่อนมาสบกับลูกแก้วสีดำอีกคู่หนึ่งใต้กรอบแว่น เสียงเขาย้อนกลับลงคอเหมือนถูกเครื่องดูดน้ำลายดูดลงไป นิ้วยาวเลื่อนจากชายผิวแทนมาที่คนผิวขาวช้าๆขณะที่เจ้าตัวเริ่มจะเกิดอาการงง
"นาย"
"ครับ?"
คีย์ขมวดคิ้วใส่คนแปลกหน้าไม่รู้จักชื่อที่เริ่มจะทำตัวแปลกขึ้นมากทุกที(แม้มันจะเป็นเรื่องปกติของอีกฝ่ายก็ตาม) สองคนที่ถูกลืมอย่างวีและทอยเองก็ไม่อาจทราบว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อจากนี้ เขารู้ว่าเกมมันแปลก เพราะงั้นการอยู่เฉยๆแล้วรอดูต่อไปอาจจะได้ศึกษาทำความเข้าใจไอ้ตัวนอกโลกขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งก็ได้
"สวย..."
"ฮะ?"
พรวด!
โชคดีที่ธีรธรสำลักน้ำชาใส่แก้วคาปากมันจึงไม่ได้ถูกพ่นใส่หน้าใคร ปกติเขาจะต้องหารกระดาษทิชชู่มาเช็ดมาแต่เวลานี้ทอยไม่อาจละสายตาจากคนด้านข้างได้เลย เขาเหมือนกำลังฝันหรืออาจเผลอกระโดดลงโพรงวันเดอร์แลนด์ถึงได้เห็นดวงตาสีดำของเกมเป็นประกายทั้งๆที่ไม่เคยได้เห็นมานานตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายกลับมาจากการนัดบอร์ด ดวงตาเหลือบน้ำตาลอ่อนหันไปสบกับตาไข่ห่านของคนผิวแทนที่แทบลื่นลงไปกองกับพื้น เหมือนสื่อกันทางสายตา เขาทั้งคู่ต่างก็รู้สึกเหมือนๆกันพร้อมคำถามที่ผุดขึ้นมาอย่างเร็ว
เชี่ยเกมมันเป็นบ้าอะไร!?
"อยากได้"
"เดี๋ยว เฮ้ย!"
หนุ่มวิศวะเกือบหลุดโวยวายออกมาเพราะจู่ๆอีกฝ่ายโน้มกายโฉบหน้าลงมาใกล้จนเข้าต้องถดหนี มือสองข้างของเขาถูกกอบกุม ไม่ ต้องเรียกว่าถูกกำมากกว่า หน้ากากอนามัยสีขาวถูกปลดออกโดยเจ้าของมัน ให้ปลายจมูกโด่งลาดและกลีบปากติดชมพูเผยออกมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนตรงหน้าเขาไม่ขี้เหร่เลย ...ไม่สิ ต้องเรียกว่าเป็นลูกรักของเทพเจ้าเลยด้วยซ้ำ
"คีย์"
เกมหยุดคำพูดไว้ขณะที่คีย์เผลอหายใจผิดจังหวะเมื่อเผลอถูกดูดลงไปในห้วงอวกาศสองดวงตรงหน้า เขาว่ากันว่าดวงตาเป็นสื่อของหัวใจ แต่วันนี้คีย์ไม่เข้าใจเลยว่ามันจะสื่อสารอะไรกับเขา ลมหายใจอ่อนถูกพ่นใส่เขาแบบไม่ได้ตั้งใจก่อนกลีบปากบางคู่นั้นจะเอ่ยเอื้อนบางคำออกมา
คำที่จะเป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่าง....
"ช่วยมาเป็นนายเอกโดจินเรื่องใหม่ให้ผมหน่อยนะ!!"
ของความวุ่นวายในชีวิตธรรมดาๆนี้....
( 100% )
ตอนแรกจบแล้ว แฮ่กๆๆ =q=;;; พอไหวไหมคะเนี่ย 555555555 ตอนพิมพ์ไปตาก็ซึมๆ นึกถึงตอนแมวตายเหมือนกันพี่คีย์แล้วมันเศร้าค่ะ เฮ้อ
เรื่องนี้คือไปเรื่อยๆค่ะ ชีวิตปกติที่ไม่ปกติของนายเกมผู้จะเป็นหนุ่มวายที่แข็งแรง
ถ้าถามว่าเกมสติดีไหม บอกเลยว่าดีค่ะแค่เก็บไว้ใช้ในบางเวลา
## ตอบที่ถามว่าเกมเป็นรุกรึรับนะคะ พี่เกมไม่ใช่เกย์ค่ะ รุกรับอะไรกัน คนพบ้า~ ///w/// /ตีแขน ##
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น