คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [Stop it!!] 10 - กลัว......ถูกทิ้ง
ร่างสูงแบกวรกรที่อยู่บนหลังแล้วก็นึกแปลกใจตัวเอง อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยให้ผู้ชายขี้หลังละมั้ง ขนาดน้องชายฝาแฝดอย่างวายซียังไม่เคยเลย จะมีก็แต่ ‘บิว’ หญิงสาวที่เขาแอบรักมานานเท่านั้นแหละ หลายๆครั้งเขาก็ต้องใช้ความเนียนเข้าหาเหมือนกันนะ แต่จะทำอะไรก็ต้องมีขอบเขตเพราะบิวเองก็เป็นผู้หญิง แถมยังเป็น ‘เพื่อนสนิท’
“คุณ ทำไมถึงชอบบิวหรอ” วรกรเอ่ยถามเสียงแผ่ว เพราะความอยากรู้ ในขณะที่ยังปิดเปลือกตาอยู่
“ทำไมถึงถาม”
“ก็อยากรู้ไง”
“คงเพราะบิวสดใสดีมั้ง อยู่ด้วยแล้วยิ้มได้ตลอด ไม่อ่อนแอ แถมไม่ง่ายด้วย” ร่างสูงยิ้มเล็กยิ้มน้อยเมื่อได้นึกถึงเพื่อนสนิทอย่างบิว ทุกครั้งที่เขาได้นึกถึงบิว มันเหมือนมีอะไรบางอย่างมากระตุ้นเขา เพื่อให้เขามีกำลังใจที่จะทำอะไรหลายๆอย่าง
“หื้ม? อะไรคือไม่ง่าย” วรกรถึงกับเปิดเปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่เมื่อครู่ด้วยความสงสัยในประโยคคำพูดของร่างสูง
“ก็อะไรที่ได้มาง่ายๆ ผมจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ”
“…………..”
“ลองคิดง่ายๆนะคุณ ถ้ามีคนยอมเสียตัวให้คุณง่ายๆ คุณจะคิดว่ามันคือความรักมั้ย ”
“ผมไม่รู้....แต่บางทีก็ไม่เสมอไปหรือเปล่า บางคนก็อาจยอมเพราะรัก”
“โลกสวยจังนะ”
“ผมพูดในส่วนของคนที่ไม่เคยสัมผัสความรัก ผมไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังไง แต่ผมเชื่อว่าความรักสามารถทำให้เรายอมแลกทุกอย่างได้ แม้มันอาจเป็นแค่1วินาที หรือ1คืน ”
“ถ้ามีคนมาขอมีอะไรกับนายโดยที่เขาไม่คิดอะไรกับนาย จะรู้สึกยังไง”
“มันขึ้นอยู่ว่าเรารักเขาหรือเปล่า.....”
“…………”
“ถ้าเรารักเขา แน่นอนมันคงเจ็บมากทั้งๆที่เรายอมเสียตัวให้เขา แต่เขากลับไม่เห็นคุณค่าของเรา ”
“…………”
“แต่มันก็อาจมีความสุขอยู่นิดๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้หัวใจเขา แต่อย่างที่บอกแหละ..... ต่อให้มันเป็นเพียงคืนเดียว มันก็คงมีความสุขไม่น้อยถ้าเรารักเขา”
“พรุ่งนี้ซีจะไปไร่ ไปด้วยกันนะ” หนุ่มร่างสูงเบี่ยงประเด็นการพูด เพื่อที่จะไม่ทำให้บรรยากาศเสียไปมากกว่านี้ จริงๆพอลองคิดตามสิ่งที่วรกรพูดมันก็ถูกนะ ‘ต่อให้เป็นความสุขแค่เสี้ยววินาที’ เราก็พร้อมจะยอมแลกทุกอย่าง เพื่อคนที่เรารัก
“ไร่หรอ ซีดีมีไร่ด้วยหรอ”
“โห่ นายไม่รู้จักไร่ปิติธัญหรือไง ไร่ฉันมีชื่อเสียงระดับประเทศเชียวนะ”
“จริงสิเนอะ เห็นพี่ก้องพูดถึงอยู่บ่อยๆ”
“เดี๋ยวผมจะพาคุณเดินเที่ยวรอบไร่เลยเอาไหม”
“อ่า.............อืม!”วรกรถึงกับไปไม่ถูกกับคำเชื้อเชิญของคนร่างสูง ‘จะไปได้ไง ในเมื่อเขาแพ้แสงแดด....’ ร่างบางได้แต่คิดไม่ตกว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี เพราะถ้าหากปฏิเสธไปคงถูกซักถามเป็นเรื่องราวแน่ๆ หรือถ้าบอกความจริงไปว่า ‘แพ้แดด’ ก็กลัวถูกมองว่าเป็นคนอ่อนแอ เพราะร่างสูงพึ่งบอกไปเองแท้ๆว่าชอบบิวเพราะบิวไม่อ่อนแอ เขากลัว....กลัวจะต้องเสียเพื่อนคนแรกไป เพียงเพราะความอ่อนแอของตัวเขาเอง
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบไปละ เหนื่อยหรอ?” ร่างสูงเมื่อเห็นว่าวรกรมีท่าทีที่เงียบไปจากตอนแรกจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณ คุณไม่ชอบคนอ่อนแอหรอ” ร่างบางเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ไม่เชิง.....”
“ทำไมล่ะ”
“ก็.....ไม่รู้สิ อาจเพราะถ้าเขาเป็นอะไร ผมต้องห่วงเขาไปทุกอย่างมั้ง ผมกลัวการสูญเสียมากที่สุด”
“…………….”
“ผมชอบคนที่ดูแลตัวเองได้ สามารถปกป้องตัวเองได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าที่ผมพูดไปคือผมไม่อยากดูแลเขานะ ” ยิ่งกันต์ธีร์เอ่ยความในใจมากเท่าไร ร่างบางกลับยิ่งเจ็บปวดกับคำพูดเหล่านั้นของกันต์ธีร์ นัยน์ตาใสเริ่มมีมีหยาดน้ำคลอรอบดวงตา แต่ก็ต้องพยายามสกัดกั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ‘เกลียดความอ่อนแอของตัวเองชะมัด’ เขาเข้าใจความรู้สึกของคนร่างสูงดี เพราะตัวเขาเองก็ยังเกลียดตัวเองเลย ที่ค่อยทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา
“…………….”
“แต่ถ้าคนๆนั้นคือคนที่ผมรักจริงๆ ผมก็พร้อมจะดูแลเขา ผมจะไม่ยอมปล่อยให้เขาต้องเผชิญโลกที่แสนโหดร้ายไปเพียงคนเดียวหรอก”
“…………..”
“ถ้าวันนึงบิวเป็นอะไรไป ฉันก็จะไม่ทิ้งเขาไปไหนหรอก”
“…………..”
“อย่าพึ่งรีบหักคะแนนผมนะ ฮ่าๆๆๆ”
“ยังไงๆ ก็ยังยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนใจไปจากบิวเลยสินะ”
“บิวเป็นรักแรกของผม แล้วผมก็หวังว่าบิวจะเป็นรักสุดท้ายของผมเช่นกัน มันอาจจะยากหน่อยกับการที่จะทำให้บิวมารักผม แต่ผมรอได้ เพราะผมรักบิวไง J”
เช้าวันรุ่งขึ้นร่างสูงก็ตื่นแต่เช้าเพื่อมาเตรียมตัว รวมถึงเตรียมข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อที่จะพาวรกรเดินทางไปที่ไร่ของตน ทำไมไม่รู้วันนี้เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ที่จะได้พาวรกรไปเที่ยวไร่ของตัวเอง อาจเป็นเพราะเขารู้สึกเริ่มสนิทและชอบในทัศคติของเพื่อนใหม่อย่างวรกรละมั้ง ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆกับร่างบางที่ไร มันก็เหมือนว่าเขาได้อยู่กับ ‘บิว’ เหมือนจนคิดว่าใช่.....
“กั้ง พร้อมจะไปกันหรือยัง”
“อ่อ...อ่า....ไปสิ” ในระหว่างที่ร่างสูงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พาวรกรไปเที่ยวที่ไร่ของตน แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่าวันนี้วรกรดูไม่ร่าเริงดั่งเช่นทุกครั้ง เหมือนว่ามีความกังวล ลังเลอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
“นายเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมดูแปลกๆ เงียบๆไปละ”
“ปะ เปล่านิ” วรกรตอบไปอย่างตะกุตะกัก มือทั้งสองข้างกำแน่นเหมือนกลัวและซ้อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ แต่ทุกอากัปกิริยาทุกอย่างของวรกรถูกจ้องมองจากชายร่างสูงอยู่ตลอดเวลา
“ทำไมเหงื่อไหลเยอะขนาดนี้ละ แล้ววันนี้นึกยังไงถึงใส่แขนยาว ร้อนจะตาย” แม้ปากจะบ่น แต่ร่างสูงก็ช่วยปาดหยาดเหงื่อที่ไหลลงมาทางผิวหน้าของวรกรออก แล้วใช้มือลูบหัวของคนร่างบางเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ผมก็แค่ไม่อยากโดนแดด.....”
“หรอ แล้วร้อนไหมเนี่ย เสื้อก็บางขนาดนี้จะกันแดดให้นายได้สักแค่ไหนกันเชียว ฮ่าๆ”
“ก็ดีกว่าไม่ใส่แหละน่า.....” ร่างบางมีสีหน้าแววตาที่หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด มันอาจเป็นคำที่ดูเว่อร์ๆไปหน่อย แต่สำหรับวรกรแล้ว การที่เคยได้สัมผัสความทรมานแบบนั้นมา แม้มันอาจผ่านมานานมากแล้ว ผ่านมาเทียบเท่าอายุของเขา แต่เขาจำได้ไม่มีวันลืม ว่ามัน ‘ทรมาน’ และ ‘น่าเกียจ’ มากแค่ไหน
“ป่ะ ไปกันเถอะ” ร่างสูงเอือมมาจับมือของวรกรไว้ ก่อนจะจูงมือกันเดินออกจากห้องกันไปอย่างเงียบๆ
ตลอดระยะทางในการเดินทาง วรกรแทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ไม่แม้แต่อยากจะคุยกับกันต์ธีร์เลยด้วยซ้ำ มันมันระแวงไปหมดเสียทุกอย่าง ดีนะที่ร่างสูงให้แว่นกันแดดกับผ้าคลุมเพื่อกันแดดอีกชั้น ไม่อย่างนั้นวรกรคงเครียดกว่านี้แน่ อีกทั้งในใจก็ไม่เพียงกระวนกระวายใจแค่เรื่องแพ้แดดเท่านั้น ร่างบางยังคิดไปถึงว่ากันต์ธีร์จะมองเขายังไง จะมองว่าเขาคุณหนูเกินไปไหม กลัว...ว่าคนข้างๆจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาแล้ว
“นี่!! ทำหน้าเครียดอีกแล้ว เป็นอะไร หื้ม?”
“เปล่า~”
“ร้อนหรอ”
“อืม”
“ทนหน่อยนะ อีกสักชั่วโมงก็ถึงแล้วแหละ ทางแถวนี้มันแคบ อาจไปลำบากนิดนึง” ร่างสูงหันมองมองคนที่นั่งข้างๆด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ในใจก็นึกเห็นใจวรกรอยู่ไม่น้อย ‘สงสัยจะไม่ชอบแดดจริงๆ’ เขาได้แต่คิดเช่นนั่น “เบื่อไหม?”
“ก็นิดหน่อย” ร่างบางตอบแล้วก็หันไปคลี่ยิ้มให้คนข้างๆ
“หยิบกล้องในกระเป๋าฉันมาถ่ายเล่นก่อนก็ได้นะ” เพียงแค่ได้ยินชายร่างสูงอนุญาตให้นำกล้องถ่ายภาพส่วนตัวมาเล่นได้ วรกรก็ตาโต รีบหากระเป๋ากล้องทันที เพราะโดยปกติแล้วร่างบางไม่ค่อยมีโอกาสที่จะได้เล่นกล้องมากเท่าไร เคยอ่านแต่รีวิวกล้องถ่ายภาพตามหนังสือ หรืออินเตอร์เน็ตเท่านั้น
“ว้าวว คุณใช้
“ทำไม อยากได้หรอ ฮ่าๆ”
“อยากได้สิ ผมเคยอ่านรีวิว ภาพสวยดี” ร่างบางตอบไปอย่างอารมณ์ดี เรียวปากเผยยิ้มกว้างเหมือนเด็กเจอของเล่นชิ้นใหม่ วรกรส่องกล้องไป หมุนแลนส์เล่น ถ่ายภาพวิว บรรยากาศข้างทางด้วยความสนุก ไม่นึกไม่ฝันว่าในชีวิตจะได้มาถ่ายภาพวิวอะไรแบบนี้ ‘แชะ แชะ’
“หุยย มุมนี้สวยมากเลยคุณ” วรกรโชว์ภาพที่ตัวเองถ่ายให้ร่างสูงดู “เฮ้ย นี้แอบถ่ายฉันหรอ” ร่างสูงถึงกับตกใจที่ภาพบนหน้าจอ เป็นภาพของตนเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าวรกรก็มีฝีมือในการถ่ายภาพไม่น้อย
“น่ารักดีออก ผมชอบรูปนี้จัง ขอนะคุณ ว่างๆไปอัดภาพมาให้ผมด้วย” ร่างบางนึกชื่นชมในฝีมือการถ่ายภาพของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆกดเลื่อนภาพที่ถ่ายที่ละรูป ถ้ารูปไหนที่ไม่ชอบหรือมุมไม่ค่อยสวยนัก วรกรก็จะลบทิ้งเพราะเดี๋ยวจะเปลืองพื้นที่ข้อมูลเสียเปล่าๆ เลื่อนไปเลื่อนมาดันไปเจอกับรูปของบิว ที่ร่างสูงแอบถ่ายตอนทีเผลอ ราวกับว่าทุกอิริยาบถของหญิงสาว จะถูกจับจ้องโดยคนร่างสูงเสมอ “เฮ้ย!!” เสียงร้องของกันต์ธีร์เรียกสติให้กับร่างบาง ไม่เพียงเท่านั้นชายร่างสูงยังผลักจนวรกรหัวไปโขกกับกระจกข้างรถ
“ตุบ! โอ้ย~”
“นายทำไรห๊า! รูปฉัน” จะไม่ให้กันต์ธีร์โวยวายได้ไง ในเมื่อร่างบางเผลอกดลบภาพที่ร่างสูงอุตส่าห์ถ่ายเก็บไว้ ภาพของคนสำคัญอย่าง........บิว
“ผะ ผม ขอโทษ”
“…………”
“กั้งไม่ได้ตั้งใจนะ” วรกรถึงกับยกมือขอโทษ เพราะเขาทั้งรู้สึกผิด และไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่ดูเหมือนร่างสูงไม่มีทีท่าว่าจะมีอารมณ์เย็นขึ้นเลย กลับดูเหมือนจะโดธรมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ
“ทำไมทำแบบนี้ รู้ไหมว่ามันสำคัญกับฉันมากแค่ไหน!!” กันต์ธีร์ตะคอกใส่หน้าวรกรอย่างเหลืออด
“ผมไม่ได้ตั้งใจ....ผมขอโทษ”
“พูดคำอื่นเป็นไหม นายจะรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไปยังไง”
“………….”
“แต่นายคงรับผิดชอบอะไรใครไม่ได้หรอกใช่ไหม ลูกคุณหนูอย่างนายคงแก้ปัญหาโดยการใช้เงินฟาดหัวคนอื่นเป็นอย่างเดียวละมั้ง”
“ไม่ใช่นะ คุณกำลังดูถูกผมอยู่นะ!!” จากที่รู้สึกผิด ตอนนี้กลับรู้สึกโกธรคนร่างสูงแทน ที่ไม่ยอมฟังเหตุผลของเขาเลย อีกทั้งยังมาพูดจาดูถูกเขา ทำเหมือนว่าเขาไม่มีจิตใจอย่างนั้นแหละ หยาดน้ำตาเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวย แต่ในสายตาของร่างสูงตอนนี้มันก็คงไม่ใช่ภาพที่ดูน่าสงสารหรอกนะ
“ใช่! ฉันกำลังดูถูกนาย แล้วมันก็คงเป็นความจริงด้วยใช่มั้ย ไม่อย่างนั้น คงไม่โกธรจนตัวสั่นแบบนี้หรอก”
“ผมว่ารอให้คุณใจเย็นก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่า พูดไปตอนนี้ก็จวนจะทำให้ทะเลากันเปล่าๆ” ร่างบางได้แต่ข่มใจ ไม่ตอบโต้ร่างสูง เพราะไม่อยากให้อะไรๆมันแย่ไปกว่านี้
“หึ ไม่ต้องแล้วแหละ......”
“?”
“ลงไป” ร่างสูงพูดเสียงแข็ง
“ห๊ะ?”
“ฉันบอกให้ลงไป”
“ตะ แต่ ถ้าผมลง แล้วผมจะกลับยังไง แล้ว แดดมันก็....” ร่างบางยิ่งใจไม่ดีที่ถูกไล่ลงจากรถ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ร่างสูงยังดีๆอยู่ แค่เพียงเขาแค่เผลอลบรูปบิวในกล้องต้องโกธรกันถึงขนาดนี้เชียวหรอ แล้วมาทิ้งกันในสถานที่แบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะกลัวเลยหรือยังไง ทางก็เปลี่ยว ร้อนก็ร้อน ข้างทางมีแต่ป่า
“ฉันบอกให้ลงไปไงวะ!!”
เปิดการดราม่าอย่างเป็นทางการ
ใครที่ยังติดหวานไม่ต้องเป็นห่วง ตอนหน้ามีncนะจ๊ะ 5555
เเล้วก็คงดราม่าไม่หนักมากเท่าไรหรอก(มั้ง)
เม้นให้กำลังด้วยเน้อ ติชมกันได้จ๊ะ
ความคิดเห็น