ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใบไม้สีฟ้า กับ ทุ่งหญ้าแห่งความฝัน

    ลำดับตอนที่ #1 : ต้นตาลต้นเล็กกับเด็กหญิงตัวน้อย

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 51



     ท้องฟ้ายามเช้า... เปิดรับรุ่งอรุณของวันใหม่ ประกายทอแสงสีทองส่องลงสู่ทุ่งข้าวที่เขียวขจี่ รวงเข้าในท้องทุ่งพริ้วไหวโบกช้าๆตามแรงลมที่พัดเอื่อยๆทั่วทั้งบริเวณมีเสียงนกน้อยใหญ่ส่งเสียงสดใสเจี้อยแจ้ว แสงตะวันเริ่มสาดส่อง ชีวิตแห่งวันใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น ...
    วันนี้ แปลกว่าวันก่อนๆ มะนาวตื่นแต่เช้า โดยปกติแล้วถ้าไม่ไปเรียน มะนาวต้องได้ยินเสียงยายต้องปลุกให้ตื่น มะนาวเก็บที่นอน อาบน้ำและปฏิบัติภารกิจส่วนตัว เดินไปหลังบ้าน จัดสำรับอาหารสำหรับใส่บาตร ซึ่งอาหารหลากชนิดยายจัดไว้เรียบร้อย พร้อมให้มะนาวและยายใส่ด้วยกัน เมื่อใส่บาตร เสร็จแล้วเธอเดินมาที่ใต้ถุนบ้าน และหยิบขันรุ่นโบราณที่ทำด้วยอลูมิเนียมของยาย ตักน้ำในตุ่มใบใหญ่หน้าบ้านที่รองน้ำฝนไว้ใช้  รดน้ำต้นไม้ในกระถางที่ยายหามาปลูกจนไม่รู้ว่าต้นอะไรบ้าง ยายบอกอยู่เสมอๆว่า นอกจากน้ำในโอ่งจะดื่มได้ โดยไม่ต้อง
    ไปซื้อน้ำดื่มให้เสียเงิน มีรสชาติดี นอกจากสะอาดแล้วยังสารพัดประโยชน์ เพราะในชนบทไม่มีมลพิษ โดยเฉพาะในหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อรดน้ำต้นไม้เสร็จมะนาวเดินไปหาคุณตาซึ่งนั่งประจำอยู่ที่ร้านกาแฟของอาแปะ ซึ่งไม่ไกลจากบ้าน ระหว่างทาง มะนาวได้พบกับคนในหมู่บ้านที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย อากาศเย็นสบายทำให้มะนาวสดชื่น และหายง่วง เมื่อถึงร้าน ตาเห็นมะนาวจึงเกิดอาการแปลกใจ ทำหน้าสงสัย คิ้วขมวดตามแบบฉบับที่ไม่มีใครทำได้เหมือน และเอ่ยถามหลานสาวว่า '' มะนาว ทำไมวันนี้ตื่นเช้าหละลูก ปกติวันนี้ไม่เคยเห็นหลานมาที่นี่เลย ตื่นมาอีกทีก็กินข้าว แล้วก็ออกไปไหนก็ไม่รู้’’  ‘’มะนาวนอนไม่หลับค่ะคุณตา ช่วงนี้นอนดึกแล้วมะนาวก็มีเรื่องให้คิด
    นิดหน่อยค่ะ แล้ววันนี้กลิ่นกาแฟร้านอาแปะ ลอยไปถึงบ้านเลยค่ะมะนาวได้กลิ่นเลยตามมาที่นี่’’ มะนาวตอบตาด้วยสิหน้ากังวล และอมยิ้มเล็กน้อย  ตาชวนมะนาวนั่งด้วยกัน แต่มะนาวรู้สึกแปลกๆเพราะในวงมีแต่ผู้สูงวัย
    ถ้าเทียบอายุแล้ว มะนาวเป็นของแปลกในกลุ่มทันที เธอกวาดสายตาไปมารอบโต๊ะ ทำให้ทุกคนหัวเราะมะนาว
    ลุงเทิ้ม นักหาปลามือฉมังของหมู่บ้าน พูดออกมาว่า ‘’อย่าไปหัวเราะหลานกันสิ ดีซะอีก เพื่อนซี้ต่างวัย ตื่นมาจิบกาแฟ คุยข่าว เล่าความหลัง ฟังเด็กๆบ้างก็ดีนะเปลี่ยนบรรยากาศ ข้าว่านะ’’ มะนาวยิ้มน่ารักให้ลุงเทิ้ม และหยิบ
    เก้าอี้ไม้ มานั่งร่วมวง วงเสวนามีทั้ง 6 รวมมะนาวแล้ว เมื่อเริ่มการสนทนา มะนาวนั่งฟังทุกคนอย่างตั้งใจ และดำเนินไปด้วยความสนุกสนาน ประเด็นวันนี้จึงไม่ต่างจากวันอื่นๆ และมะนาวก็ไม่รู้สึกเบื่อ เพราะการเมืองเป็น
    เรื่องที่มะนาวชอบอยู่แล้ว ตาเป็นหัวหน้าวงที่ฮาที่สุด(จากการยอมรับของผู้ร่วมสนทนา) มักมีมุขตลกๆออกมาเสมอ แต่มะนาวไม่ค่อยขำเพราะรู้อยู่แล้วว่าตาจะพูด และตอบว่าอย่างไร จึงได้แต่เพียงยิ้มให้ตา
        7 โมงเช้าทุกคนเริ่มแยกย้ายกลับบ้าน โดยทุกคนชวนให้มะนาวมาแบบนี้ทุกๆวัน มะนาวได้แต่บอกว่าไม่รู้จะมาได้หรือเปล่าเพราะตื่นสายแต่สัญญาว่าถ้าสามารถตื่นได้จะมาร่วมวงด้วยทุกเช้า เมื่อล่ำลาเสร็จแล้ว จึงเดินกลับบ้านพร้อมกับตา ใกล้ถึงนอกชานหลังบ้าน บริเวณที่ยายชอบทั้งทำกับข้าว ตาแซวยายเสียงดัง ‘’กลิ่นอะไรหอมปานนี้ แถมเสียงครกดังสนั่นไปทั่วหมู่บ้าน’’ ยายตอบกลับตา ว่า  ‘’ดังขนาดนั้นวันนี้คงไม่มีข้าวเช้าเป็นแน่’’
    ตากับยายแซวกันเล่นทุกวันจนมะนาวแอบคิดในใจว่า ทั้ง2คนเหมือนวัยรุ่นไม่มีผิด... อาหารเช้าวันนี้ยังคงเป็นน้ำพริกแมงดาแสนอร่อยฝีมือยาย กับปลาช่อนปิ้งที่ตาหามาเองกับมือ แกล้มด้วยผักสดๆริมคลอง มีทั้งยอดฟักทอง ยอดโสน(อ่านว่า สะโหน) สายบัว แตงกวา แตงอ่อน มะเขือเปราะ และสารพัดผักปลอดสารพิษ
     มะนาวชมยายเสมอว่า ยายทำกับข้าวอร่อยที่สุด บ่อยครั้งถ้าวันไหนยายไม่ทำกับข้าว ต้องได้กินกับข้าวสำเร็จจากตลาดที่แม่ซื้อมาเป็นแน่ ยายบอกกับมะนาวเกือบทุกวันว่า เพราะมะนาวปากหวานถึงได้อ้วนแบบนี้...
     ทั้งครอบครัวล้อมวงทานข้าวเช้า เมื่อทานเสร็จเรียบร้อย ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง พ่อและแม่ไปทำงานที่เทศบาลใกล้ๆบ้าน..พ่อมะนาวทำงานฝ่ายทะเบียนส่วนแม่ ทำฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่บ้านจึงเหลือ ยาย ตา และมะนาว มะนาวยังปิดเทอมใหญ่จึงไม่ต้องไปเรียน แต่มะนาวคิดว่าซักช่วงหนึ่งมะนาวจะฝึกงาน ช่วงก่อนหน้านั้น มะนาวจะไปหาปลากับตา มะนาวเป็นคนกินเก่ง มะนาวอ้อนยายให้ทำขนมให้กินแทบทุกวัน มะนาวทำขนมเก่งเพราะเป็นลูกมือช่วยยายอยู่บ่อยๆ ตอนเย็นของวันนี้มะนาวอยากกินกล้วยบวชชี และแกงส้มปลาช่อน ซึ่งแกงส้มเป็นของโปรดของมะนาว มะนาวคิดเรื่องกินได้แล้วจึงชวนตาออกไปที่สวน มีผลไม้ และผักหลายชนิด ซึ่งเป็นฝีมือการปลูกของตา บริเวณนั้นมีคลองขนาดใหญ่ น้ำใสสะอาด เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของคนในหมู่บ้าน รวมไปถึงเป็นศูนย์รวมระบบนิเวศเล็กๆเมื่อถึงฤดูปลาวางไข่ ทุกคนจะไม่จับปลา โดยเฉพาะลูกปลาตัวเล็กๆที่ติดข่าย จะรีบแกะและปล่อยลงสู่แหล่งน้ำตามเดิม ... มะนาวเดินดูสวนของตา หากล้วยเครือที่ยังห่าม และนำมีดตัดเครือ มะนาวถือกล้วยด้วยมีข้างหนึ่ง และเดินตามตาไปที่ริมคลอง มะนาวไม่เคยจับปลาและจับปลาไม่เป็น ตาถึงบอกกับมะนาวว่าจะแสดงฝีมือการจับปลาให้มะนาวดู มะนาวลุ้นจนตัวโกร่ง นั่งรอปลาจากตาใต้ต้นมะม่วงริมคลองต้นใหญ่ แต่ตาต้องผิดหวัง เพราะทอดแหแล้วไม่ได้ปลาแม้แต่ตัวเดียว มะนาวหัวเราะ และนั่งปรบมือเชียร์ตาอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ยอมลุกไปไหน แต่ตาไม่ทำคิ้วขมวดเพราะไม่ได้ปลา จนมะนาวเห็นแล้วนึกกลัว ไม่นานเมื่อทอดแหอีกครั้งตาได้ปลาไหลตัวโต มะนาวหัวเราะตาว่าจับอย่างไรได้ปลาไหล แต่พูดไม่ทันขาดคำปลาไหลก็หลุดไปจากมือตา เมื่อดึงแหขึ้นมา มีปลาช่อนตัวโต ตาจึงรีบแกะออกจากแห พร้อมกับหยิบตะข้อง เอาปลาใส่และแช่ลงในน้ำเพื่อให้ปลาว่ายอยู่ในตะข้อง(อุปกรณ์ใส่ปลา สานจากไม้ใผ่ มีรูระบายน้ำล้อมรอบ) พร้อมกับเลือกไม้ไผ่ที่วางอยู่ใกล้ๆมาปักเป็นหลัก คล้องเชือกที่ติดอยู่กับตะข้องและปิดฝา จากนั้นตาชวนให้มะนาวลองลงมาจับปลาด้วยกัน มะนาวทำท่ากล้าๆกลัวๆแม้ว่าน้ำจะไม่ลึกมากนักแต่พื้นน้ำเต็มไปด้วยเลน มะนาวรู้สึกแปลกๆและทำท่ากล้าๆกลัวๆจนตาหัวเราะ 2 ตาหลานจับปลาด้วยกันด้วยความสนุกสนาน แต่ก็ไม่ได้ปลาซักตัวเพราะบริเวณน้ำตื้นที่ตาทอดแหอยู่นั้นมะนาวเดินเหยียบจนน้ำขุ่น และมะนาวเองก็หกล้ม จนเนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลน ตัวมะนาวเปียกไปหมด มะนาวรู้สึกสนุก ที่ได้จับปลาร่วมกับตา ได้ปลาทำอาหารแล้ว ตาถือทั้งตะข้องและกล้วยที่มะนาวตัดมา มะนาวอาสาจะช่วยแต่ตาบอกว่ายางกล้วยเปื้อนเสื้อผ้าจะซักไม่ออก เมื่อถึงบ้านทั้งสองวางของที่หามาเองให้ยาย ซึ่งยายนั่งเล่นอยู่ใต้ถุนบ้าน เมื่อเห็นหน้า2ตาหลานมีแต่โคลนจึงไล่ไปอาบอาบน้ำ ตาแหย่ยายว่า ’’ถ้าไม่อาบมีหวัง หูชาแน่ๆ’’ ยายทำท่าจะขว้างเครือกล้วยใส่ตา มะนาวหัวเราะอาบน้ำ ทั้ง2แยกย้ายกันไปอาบน้ำตามที่ยายสั่ง....
     ชีวิตในบ้านหลังน้อยดำเนินต่อไปเหมือนทุกๆวัน ย่างเข้าสู่เดือนเมษายน มะนาวมีความสุข แม้ว่าพ่อและแม่จะไม่ค่อยมีเวลาให้มะนาว เพราะต้องออกไปทำงานแต่เช้าทุกวัน และกลับดึก บางวันก็ไม่ได้กลับเพราะต้องอยู่เวร แต่ช่วงเวลาที่ว่าง มะนาวมีตาและยายที่น่ารัก คอยให้กำลังใจ ความอบอุ่น ตลอดเวลาที่มะนาวต้องการ ค่ำแล้วทุกคนล้อมวงทานข้าว คุยกันตามประสาครอบครัวใหญ่ ทานเสร็จมะนาวถือถ้วย จาน ชามไปล้างในครัว ล้างจานเสร็จมะนาวมองออกไปนอกชาน บริเวณทุ่งนาแถวนั้น มีแสงไฟสีม่วง ที่ชาวบ้านติดไว้กับหลักไม้สูงๆ เพื่อดักแมงดา (ไฟที่กล่าวถึงคือหลอดนีออนสีม่วง ซึ่งนำมาเป็นอุปกรณ์ดักแมงดา ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี ไฟดังกล่าวจะล่อให้แมงดาเข้ามาเล่นไฟ และจะร่วงลงสู่ตะแกงที่ชาวบ้านทำไว้ แต่ไฟสีน้ำเงินที่เห็นอยู่ตามไร่นา จะเป็นไฟดักแมลงตัวเล็กๆ เมื่อแมลงบินมาจะร่วงลงสู่บ่อน้ำ เป็นอาหารให้ปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้) วันนี้ดาวเต็มท้องฟ้า มะนาวเพลินกับการดูดาวและมองออกไปนอกชานที่มืดมิด ไม่นานตาเดินมานั่งกับมะนาว มะนาวหันหน้าไปมองตา และถามว่า... คุณตาคะ คุณตาไม่เบื่อ และไม่เหนื่อยเหรอคะที่ต้องออกไปทำสวนทุกวัน เพราะคุณตาก็อายุมากแล้ว มะนาวกลัวคุณตาเหนื่อย เพราะคุณตาไม่เคยหยุดเลยแม้แต่วันเดียว และทำแบบนี้มาตลอดตั้งแต่มะนาวจำความได้ ตาตอบหลานด้วยความเอ็นดู ‘’ตาไม่รู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่เป็นตัวตนของตา ตารักที่จะอยู่ที่นี่ รักที่จะทำงานเกษตรกรรม ซึ่งตายังพอมีแรงทำได้ ตารักที่จะอยู่กับคนในหมู่บ้านทุกคน หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยน้ำใจ ความเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ และความเมตตาอารีต่อกัน และ ชอบกับข้าวฝีมือยาย เหมือนกับมะนาว ตาบอกทิ้งท้าย’’  มะนาวบอกกับตาว่า ‘’มะนาวเองก็รู้สึกไม่ต่างจากคุณตา มะนาวมีความสุขที่สุด ถ้ามะนาวได้ทำในสิ่งที่รัก มะนาวอยากเห็นผู้คนได้ใช่สิทธิของตัวเองอย่างเท่าเทียมกัน แม้ว่าหมู่บ้าน จะมีความสุขแต่ก็มีผู้มีอำนาจบางส่วนที่ยังคงใช้เงิน มากกว่าความจริงใจที่จะทำเพื่อประชาชน’’ ตาย้ำกับมะนาวว่า ‘’ ตราบใดที่เงินยังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการดำรงชีวิต และบางครั้งทำให้เกิดความสุขในชั่วขณะ ไม่มีทางที่อำนาจต่างๆที่ไม่บริสุทธิ์เหล่านี้จะสูญหายไป แต่จะเพิ่มมากขึ้น ถ้าคนยัง
    มีความต้องการในวัตถุมากกว่าความมั่นคงในชีวิตของตนเอง การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือ การเกิดจิตสำนึกภายใน
    จิตใจว่า ความไม่บริสุทธิ์เหล่านั้น ไม่สามารถสร้างความสุขที่ยั่งยืนได้ การทุจริตจะค่อยๆลดความรุนแรงลงไป...
    มะนาวมองหน้าตาด้วยสายตาที่เชื่อมั่นในคำพูดของตา ทั้งสองคนเล่าความในใจของตัวเองจนเวลาผ่านไป ดึกมาก
    แล้ว จึงแยกย้ายกันไปนอน แต่ดูเหมือนตา และมะนาวจะลืมอะไรบางอย่างไป
     เช้าของอีกวัน เสียงตำน้ำพริกของยายดังกว่าปกติ มะนาวลุกจากที่นอนและทำเหมือนทุกๆวัน แต่นึกว่าไม่มีกิจกรรมอะไรต้องทำ จึงเดินไปปลุกตาในห้อง ตาไม่เคยนอนดึกวันนี้จึงเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น มะนาวเดินเข้าไป
    ในครัวและถามยายว่า ‘’วันนี้กับข้าวเยอะมากๆเลยค่ะยาย ทำไปไหนเหรอคะ’’ ยายเริ่มตำน้ำพริกแรงขึ้นกว่าเดิม
    จนมะนาวเริ่มสงสัย เดินไปดูปฏิทิน วันพระ! มะนาวอุทานด้วยความตกใจ และเริ่มทำหน้าเสีย เพราะถ้าตาตื่นขึ้นมา หลังจากยายกลับมาจากวัด มะนาวได้ยินยายด่าตาเป็นแน่ แต่ไม่ทันถึงหน้าประตูห้องของตา มะนาว เห็น
    ตาออกมานอกห้องพอดี และถือขันทองใบหนึ่งออกมาด้วย ลักษะดูเก่ามากแล้ว แต่มีการรักษาเป็นอย่างดี...
    ทั้ง 3 คนจัดแจงสิ่งของสำหรับไปทำบุญที่วัด มะนาวออกอาการหิวแต่ไม่แสดงออกมา เพราะรู้ว่า ถึงอย่างไร
    ยายก็ไม่ปล่อยให้มะนาวและตาอด...ทั้ง 3 คนลงมาจากบ้าน มะนาวจูงจักรยานคันเก่งออกมาจากโรงรถที่ตาเป็นคนทำ แต่มะนาวมักแอบคิดในใจว่าไม่เหมือนโรงรถเอาซะเลย เพราะตอกด้วยไม่ไม่กี่แผ่น เหมือนที่เก็บอุปกรณ์
    สารพัดอย่างของตามากกว่า ยายอุ้มขันใบนั้นที่ข้างในเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด ห่อด้วยใบบัวใบใหญ่ ถ้า
    เป็นกับข้าวที่เป็นน้ำ ยายจะใส่กล่องเล็กๆ ระหว่างทางมีผู้คนสัญจรไปมา และทักทายตาตลอดเส้นทาง จนมะนาว
    มีความรู้สึกว่า ทำไมตาดังขนาดนี้...ระหว่างทาง อากาศเย็นสบาย ผมเส้นเล็กๆ ยาวสลวยของมะนาวพริ้วไปตามแรงลมเอื่อยๆที่พัดมากระทบ มะนาวขี่จักรยานแซงหน้าตา และไม่นานก็ถึงวัด...มะนาวกวาดสายตาไปรอบๆ
    มีคนหลายวัย รวมถึงเด็กตัวเล็กๆที่มักตามพ่อแม่มา เพื่อมาเล่นกับเด็กคนอื่นๆ บริเวณวัดอากาศร่มรื่น มีกองทราย
    ไก่แจ้พันธุ์ต่างๆ มะนาวมองดูทั่วแล้ว ถอดรองเท้า ตามยายและตาขึ้นไปบนศาลา... ยายให้ตาไปเอาถ้วยชามในครัว จัดแจงข้าวปลาอาหาร ใส่สำรับ พร้อมถวายพระ เมื่อถึงเวลา มีศาสนพิธีมะนาวตั้งใจฟังเทศน์ และสวดมนต์ มะนาวสวดมนต์ได้เกือบทุกบท เพราะยาย สอนให้มะนาวสวดมนต์แต่เล็ก เมื่อถึงเวลาภัตราหารเช้า มะนาว ตา และยาย ร่วมกันถวาย และพระสงฆ์ฉันท์เสร็จแล้ว ยายบอกกับมะนาวว่า...รอยายก่อนนะมะนาว ยายกับตาขอไปคุณกับท่านกำนันซักพัก ที่ทำการอยู่ใกล้ๆวัดนี่เอง มะนาวจะไปด้วยไหม มะนาวจะไปไหนก็ได้ตามสบาย กินข้าวช้าวในครัวก็ได้ แล้วถึงเวลาค่อยกลับบ้านด้วยกัน..ยายฝากขันใบนี้ด้วยนะ ‘’ไม่ไปค่ะขอบคุณมากๆค่ะ มะนาวอยากอยู่ที่นี่ซักพัก’’ มะนาวบอกตาและยาย มะนาวเดินบนศาลาวัดด้วยความสบายใจ ไม่นาน มะนาวก็เจอลุงเทิ้มอยู่ในครัว ‘’อ้าว!สวัสดีค่ะลุงเทิ้ม เป็นอย่างไรบ้างคะ สบายดีไหมคะ ‘’ ลุงเทิ้มหันมามองตามเสียงเรียก ‘’อ้าว มะนาว มาไงจ้ะ แล้วยายกับตาหละ’’
    ‘’ยายกับตาไปหาท่านกำนันค่ะ บอกว่าเสร็จธุระจะมา’’ มะนาวบอกกับลุงเทิ้ม พร้อมยิ้มให้เป็นระยะๆ ‘’มานั่งตรงนี้สิ มะนาว กินข้าวเช้าด้วยกัน ไม่ต้องเกรงใจนะ ปกติ อาหารที่นำมาถวายพระ จะแบ่งไว้อีกส่วนหนึ่ง พระจำนวนน้อยกว่าคนมาทำบุญ มาทานเถอะจ่ะ อะ ลุงตักข้าวให้’’‘’ขอบคุณมากๆค่ะลุงเทิ้ม’’ มะนาวกินข้าวเช้ากับลุงเทิ้มด้วยความเอร็ดอร่อย ระหว่างการรับประทานอาหาร ลุงเทิ้มมองมะนาวด้วยสายตาแห่งความเอ็นดู เพราะมะนาวเป็นเด็กน่ารัก ชอบทำบุญ เข้ากับคนง่าย และเรียบร้อย จนลุงเทิ้มรู้สึกว่า มะนาวเป็นหลานของลุง
    เทิ้มด้วยอีกคน... หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ลุงเทิ้มขอตัวมะนาวกลับบ้าน รีบเก็บถ้วยชาม และเดินลงมาคว้าจักรยาน มะนาวสงสัยลุงเทิ้ม ตาที่อบอุ่นของคุณลุงใจดี เต็มไปด้วยน้ำตา มะนาวเริ่มรู้สึกใจไม่ดี ‘’ลุงเทิ้มคะ ลุงเทิ้มเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ลุงเทิ้มใจดี แต่ไม่น่าร่าเริง มะนาวรู้สึกไม่ดีเลย มะนาวไม่อยากเห็นลุงเทิ้มเศร้า’’ มะนาวส่งสายตาแห่งความเห็นใจให้ลุงเทิ้ม ‘’‘’ลุงรู้สึกคิดถึงลูกสาวของลุงขึ้นมา ถ้าตอนนี้เขายังอยู่ที่นี่ เขาคงอายุพอๆกับมะนาว พอลุงเห็นมะนาวใจดีกับลุง ลุงอดคิดถึงลูกสาวไม่ได้’’ ลุงเทิ้มพูดพรางถอนหายใจเป็นระยะ ‘’เอาเป็นว่าเรานั่งคุยกันก่อนนะ ลุงรู้สึกแบบนี้มาหลายวัน ขอคุณกับมะนาวเผื่อจะสบายใจขึ้นบ้าง’’ มะนาวพยักหน้า ‘’  ‘’เมื่อก่อน ก่อนที่ลุงจะทำประมงน้ำจืด ลุงทำอาชีพเกษตรกรรมมาก่อน ปลูกผัก และทำสวนคล้ายกับตาของมะนาว แต่พืชผลทางการเกษตร มีนายทุนมารับซื้อเนื่องจากผลผลิตดีตลอดปี... นานๆไป เริ่มมีศัตรูพืช ลุง
    พยายามทุกวิถีทางที่จะไล่พวกมันออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล จึงมีทางตัวแทนของนายทุนเหล่านี้มาเสนอให้ ลุงใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช...ลุงเห็นเป็นสารอันตราย ถึงไม่กล้าใช้ แต่นานๆไป แมลงต่างๆเริ่มกัดกินพืชไร่ของ
    ลุงจนหมด และขาดทุนเป็นจำนวนมาก จึงตัดสินใจพ้นยาฆ่าแมลงทุกวัน ตอนนั้นลูกสาวของลุงอายุได้ 2-3 ขวบ
    กำลังซน ชอบร้องไห้งองแงตามลุงมาที่สวนผักเสมอๆลุงกลัวลูกสาวได้รับสารพิษ จึงให้ภรรยาของลุงดูแลลูกอยู่ที่บ้าน ปกติเราทั้ง 3 จะทานพืชผักที่ปลูกเอง มีสุขภาพที่แข็งแรง ลูกสาวลุงชอบทานผักมาก โดยเฉพาะ แตงกวา และมะเขือเทศ กินดิบๆจะชอบมาก ลุงรู้ดีว่าตอนนี้ผักของลุงมีสารพิษ...และอาจเป็นผลเสียต่อคนในครอบครัว
    รวมถึงผู้บริโภคที่ซื้อผักไป จึงตัดสินใจเลิกใช้สารเคมี พืชผักของลุงแม้ว่าจะมีแมลง แต่ก็ปลอดสารพิษ ไม่นาย นายทุนกดราคาสินค้าทางการเกษตรของลุง บอกว่า มีแมลงบ้าง ผลไม่สวยบ้าง ทำให้ลุงขาดทุนเป็นจำนวนมากแต่ก็ต้องตัดสินใจขายไป..นานวัดสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีทำให้ผลผลิตของลุงน้อยลง เพราะไม่สามารถซื้อเมล็ดพันธุ์ดีมาเพาะปลูกได้เหมือนเก่า ผลที่ได้ก็เพียงพอต่อการบริโภคในครัวเรือนเท่านั้น พอลูกสาวลุงโตขึ้น จำเป็นต้องเรียน ภรรยาของลุงจึงพาลูกไปอยู่กับญาติในกรุงเทพ และส่งข่าวให้เป็นระยะๆ จนถึงตอนนี้...แต่ลุงก็อดคิดถึง
    ลูกสาวไม่ได้.. อยู่คนเดียวถึงสบาย แต่บางครั้งการที่กลับบ้านแล้วไม่พบหน้าคนในครอบครัว ก็รู้สึกเหงาขึ้นมา แม้หลายปีลุงจะชินแล้ว พอเห็นมะนาวลุงก็อดนึกเรื่องที่ผ่านๆ มาไม่ได้...’’ ลุงเทิ้มบอกกับมะนาว และยิ้มมุงปาก แต่หน้ายังเศร้า ‘’ไม่เป็นไรค่ะลุงเทิ้ม ว่างๆมะนาวจะไปหาลุงเทิ้มนะคะ เราใช้ชีวิตในหมู่บ้านนี้ด้วยความสุขกันดีกว่าค่ะ มะนาวจะเป็นลูกสาวอีกคนของลุงเทิ้มเอง’’ มะนาวยิ้มน่ารัก หลังจากสนทนาเสร็จไม่นาน ลุงเทิ้มรู้สึกสบายใจ มะนาวก็สบายใจเช่นกันที่เห็นลุงเทิ้มร่าเริงเหมือนเก่า ตาและยายเสร็จธุระพอดี แต่แอบเก็บเรื่องลุงเทิ้มไว้เป็นความลับ แต่ก็แอบนึกในใจว่า เรื่องนี้ตากับยาวคงจะรู้อยู่แล้ว... ‘’พอดีตากับยายไปคุยเรื่อง เทศกาลแสดงฝีมือของหมู่บ้านเราหนะจ่ะ ‘’ ยายบอกมะนาว ‘’ ‘’น่าสนใจจังค่ะ’’ มะนาวแสดงความสนใจ ‘’หลานก็ไปกับตาและยายละกัน ศึกษาไว้เป็นความรู้ ‘’ มะนาวรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมกิจกรรมที่สำคัญ... และจะได้รดน้ำดำหัวตาและยาย. ถ้าโชคดีอาจรวมพ่อกับแม่...ที่กลับมาที่บ้านช่วงเทศกาล.. ทั้ง 3 เตรียมกลับบ้านพร้อมกัน โดยที่มะนาว รีบขี่ให้ถึงบ้านก่อนตา... ตามักแซวมะนาวอยู่บ่อยๆว่า ไม่รู้จะรีบไปไหน กลัวมะนาวเสียหลักลงข้างทางจริงๆ...
     มะนาวยิ้มตลอดทาง และรู้สึกดีใจที่ได้ทำให้ลุงเทิ้มสบายใจขึ้น ระหว่างทางที่เต็มไปด้วยลูกรังสีแดง...ล้อจักรยานคันใหญ่เคลื่อนตัว ติดก้อนลูกรังกระเด็นเป็นระยะๆเกิดเป็นเสียงที่คุ้นเคย รวมถึงเสียงลากฝีเท้าของผู้คนในหมู่บ้าน เพราะคนจำนวนมากที่นี่ มีผู้สูงวัยและเด็กเป็นส่วนใหญ่ มะนาวขี่จักรยานด้วยความเร็ว ผมของเธอพัดไปตามแรงลมที่มากระทบ ฟรืด...................... เสียงล้อรถสีกับถนนลูกรัง มะนาวเบรกรถกะทันหัน... ‘’ปูนานี่นา ‘’มะนาวอุทานกับตัวเอง ‘’มีหลายตัวเลย แต่ทำไมมันถึงหนีออกมาจากในนาหละ ‘’มะนาวพูดไปพรางจับปูใส่กระแกรงหน้ารถ แต่เหมือนสุภาษิตที่ว่าจับปูใส่กระด้ง ปูที่มะนาวจับมาใส่แกรงหน้ารถ ปีนป่ายจะหนีจะได้อย่างสบายใจ... มะนาวจึงนึกขึ้นได้จับใส่ขันของ2ตายาย และรีบขี่รถกลับบ้านก่อนที่จะโดนดุ มะนาวเทปูใส่ในกะละมังเล็กๆ และตักน้ำมาราด... วางขันยายไว้บนแคร่ใต้ถุนบ้าน.. ไม่นานตาก็มาถึงบ้าน และยายเอาขันไปเก็บ ทำหน้าที่ตามปกติเหมือนทุกๆวัน ตาถามเรื่องของปู.. มะนาวยังสงสัยไม่หาย นึกถึงตอนที่ลุงเทิ้มเล่าเรื่องสารเคมีให้ฟัง...จึงคิดหาแนวทางในเรื่องนี้ และปรึกษากับตา..‘’ ปกติเท่าที่ตารู้หมู่บ้านของเรา ไม่ได้ใช้สารกำจัดศัตรูพืชมานานแล้ว...แต่ก็สงสัยเหตุผลที่ปูออกมาเดินเผล่นพล่านตามท้องถนนมากขนาดนี้...’’ ตาบอกมะนาว ‘’อาจจะเป็นที่สาเหตุอื่นก็ได้ค่ะ อากาศอาจจะร้อนและบริเวณพื้นผิวในท้องทุ่งแห้งแล้ง ไม่มีน้ำ อาจทำให้พวกมันหนีไปหาที่อยู่ใหม่ก็ได้นะคะ ‘’มะนาวบอกตา’’‘’นั่นสินะ ปีนี้อาจจะแล้งไวกว่าปีที่ผ่านๆมาๆก็เป็นได้ อากาศก็ร้อนกว่าเดิมขึ้นมาก มะนาวโยนปูพวกนี้ลงไปในแหล่งน้ำใกล้ๆนี่ก็ได้นะเดี๋ยวมันก็หาอาหาร และขึ้นมาอยู่แถวนี้เอง..’’ มะนาวเอาปูไปปล่อย... น้ำใส เย็น และสะอาด ทำให้มะนาวรู้สึกอยากเล่นน้ำ....แสงแดดยามเช้ากระทบกับผิวน้ำ..แรงลมเบาๆ พัดให้ผิวน้ำเคลื่อนตัวเล็กน้อย อากาศเย็นสบาย มะนาวนั่งเอาเท้าแช่น้ำ และชวนตามานั่งคุยกัน.... ‘’เป็นไงบ้างมะนาว อากาศแบบนี้กับในเมืองชอบแบบไหนกว่ากัน’’ ‘’มะนาวชอบที่นี่ค่ะ รู้สึกสบายใจดี’’ ตายิ้ม... ตาบอกมะนาวเรื่องเทศกาลแสดงฝีมือให้มะนาวฟัง เพราะมะนาวชอบดูงานทุกๆอย่าง ‘’มะนาวรู้ไหม ต้นตาล มีความหมายว่าอะไรบ้าง’’ ตาถามมะนาวพร้อมพยักคิ้วให้หลานตอบ ‘’ ก็...ลูกมันเวลางอมเต็มที่ จะร่วงลงสู่พื้นดิน แล้วชาวบ้านจะนำส่วนข้างในที่เป็นเนื้อเละๆ มาบดทำขนมตาลค่ะ จากนั้นที่มะนาวเคยเห็นก็..มีผลิตพันธุ์ค่ะเช่น ครก หรือทัพพี’’ มะนาวตอบด้วยความมั่นใจ ‘’อืม...นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ตามีเรื่องจะบอกมะนาวเกี่ยวกับเรื่องต้นตาลนิดหน่อย หลังจบงานเทศกาลแสดงฝีมือตาจะบอกนะ ถ้ามะนาวค้นหาได้ ก็เก่งมากๆเลย’’ มะนาวพยักหน้าและรู้สึกงงๆสิ่งที่ตาบอก... 3 วันต่อมา...เสียงผู้คนที่เดินทางไปร่วมงานบริเวณลานวัดเริ่มดังขึ้น มะนาวรีบตื่นแต่เช้ามืดเพราะกลัวจะไม่ทัน..ยายและตาทำธุระเสร็จพอดี เดินทางถึงบริเวณงาน มีเต้นท์ขนาดใหญ่อยู่หลายเต้นท์ แบ่งเป็นประเภทงานแต่ละชนิด มะนาวนึกว่าจะมีอะไรพิเศษ แต่เหมือนกับงานแสดงสินค้าทั่วไปๆ มะนาวเดินดูรอบงาน และพยายาม ค้นหาความหมายในสิ่งที่ตาพูด แต่ก็ไม่พบ..จึงกลับบ้าน และนั่งคิดอยู่บริเวณริมคลอง ที่มะนาวชอบไปนั่งคิดอะไรอยู่บริเวณนั้น ตาเดินมาถามคำตอบจากมะนาว แต่มะนาวก็บอกกับตาด้วยสายตาแห่งความสงสัย ใบหน้าที่ผิดหวังปรากฏขึ้น ตาเริ่มสงสาร มือที่หยาบกร้าน...จับท่าบ่าเล็กๆของมะนาว ‘’มะนาว...ชีวิตคนยาว มีเส้นทางยาวไกล ยาวกว่าต้นตาลที่สูงกว่าต้นไม้อื่นๆ ฉะนั้น เราสามารถใช้ชีวิตนั้นเพื่อทำ และสร้างสรรค์ดีๆได้มากมาย แต่หลายคน นอกจากไม่ทำประโยชน์ให้สังคม และตัวเองแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม ผิดกับต้นตาล ที่สูงใหญ่...สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมดตั้งแต่โคนต้น จนถึงยอด เป็นความคุ้มค่าเพราะว่าต้นตาลจะสูงได้เต็มที่ใช้ระยะเวลาหลายปี..แต่อย่างที่ตาว่า ชีวิตมนุษย์ยาวกว่านั้น บนเส้นทางของชีวิตจึงควรทำในสิ่งที่ มีความรู้สึกมีความสุข และเมื่อมีโอกาส ควรมอบรางวัลของชีวิต ให้กับตนเอง ในเท่าที่จะทำได้’’ ตายิ้มน่ารัก รอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยความอบอุ่นที่สะท้อนออกมาจากหัวใจ ทำให้มะนาวรับรู้ความรู้สึกที่ตามอบให้ และเข้าใจว่าตา ทำไมถึงยังคงทำงานที่มะนาวคิดว่าน่าเบื่อ และเหนื่อย นั่นก็คืองานเกษตรกรรม
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×