คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : การเปลี่ยนแปลง(100%)รีไรท์แย๊วน๊า
การเรียนวันแรกเริ่มขึ้นอย่างสนุกสนานทีเดียว เพราะวิชาแรกเป็นวิชาฟันดาบ มันไม่ใช่อะไรที่เรมีลถนัดมากนักแต่ก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งดาบของเธอเป็นดาบประดับเพชรและเพทายที่ด้ามจับ มันเป็นดาบที่บางเเละเบามือสำหรับสตรี การเคลื่อนไหวของเธอจึงรวดเร็ดและคล่องแคล่ว แม้เรมีลจะลงความเห็นว่าการฟันดาบเป็นแค่การเล่นสนุกๆเธอไม่ได้จริงจังอะไรหนักหนา แต่เพื่อนของเธอกลับชื่มชมการฟันดาบที่รวดเร็วนี้ สิ่งที่พวกเธอไม่ชอบมากที่สุดคือการที่ต้องมาเรียนร่วมกัน ปราสาทดาร์ค เรมีลก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสองปราสาทถึงไม่ถูกกัน แต่เมื่อได้พบกับพวกนั้น ทุกๆอย่างก็กระจ่าง พวกผู้ชายหน้าตาเจ้าเล่ห็กับทั้งนั้น แถมยังมองเธอด้วยสายตากรุ่มกริ่มส่วนพวกผู้หญิงท่าทางจะคุณหนูกันมาก โดยเฉพาะยัย ลอเลน อะไรสักอย่าง แถมท่าทางจะรู้จักกับอีตามาร์รอฟด้วย
"เอาละ ทั้งสองปราสาทอย่าเพิ่งทำตาเขม่นกันอย่างน้าน"ศาสตราจารย์รอล ท่าทางแกจะมีอายุพอสมควรดูจากสีผมที่เริ่มมีสีขาวเเซมขึ้นมากับการแต่งตัวที่มีแต่พวกผู้อวุโสเท่านั้นที่จะแต่งกันแต่ฝีมือดาบของแก ขั้นปรมจารย์
"วันนี้เราจะมีการประลองกันสองคู่ดีไหม เอ๋ และคู่ไหนจะเริ่มก่อนดีล่ะ"ศาตราจารย์ทำท่าหันซ้ายหันขวา แล้วสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นเรมีล
"ครูได้แล้วล่ะ เรมีลมานี่สิ อ๋อ ลอเลนด้วย"เรมีลจำใจต้องเดินออกไปตามคำสั่งของศาตราจารย์
"เอาละเรามีกติกาแค่ว่า ถ้าใครคนใดคนหนึ่งทนไม่ไหนก็ให้ยกมือขึ้นแค่นั้นแหละ ส่วนการต่อสู้ครูขอแค่ให้พวกเธอเต็มที่นะ เอ้า เริ่มได้"
เมื่อเสียงศาตราจารย์จบลง ลอเลนรีบพุ่งตัวใส่เรมีลแต่ด้วยความว่องไวของเรมีลเธอรีบกระโดดหลบแล้วม้วนตัวเอาดาบมาฟันที่หลังของลอเลน แต่ด้วยความที่เรมีลเกลียดการทำร้ายใครเธอจึงชะงักดาบก่อนที่จะถึงตัวลอเลนทำให้ลอเลนมีเวลาตั้วตัวและหันกลับมาฟันเรมีลที่หน้าท้อง ทำให้เรมีลจุกและเลือดก็ค่อยๆซึมออกมา สิ่งที่เรมีลจำฝังใจคือ ชาร์ลเทล จะไม่อ่อนแอต่อหน้าผูอื่น ทำให้เธอรวบรวมกำลังยันตัวขึ้นและใช้สันดาบฟาดไปที่หัวของลอเลนจบลอเลนสลบไป ที่เรมีลต้องทำอย่างนี้เพราะว่า ถ้าเกิดเธอใช้ด้านที่คมอาจจะมีอันตรายต่อลอเลนได้ และไม่นานเรมีลก็ล้มลง เธอรู้สึกเหมือนมีใครมารับร่างเธอไว้แต่เปลือกตาก็หนักเกินจะต้าน
"เอ้า รีบพาเรมีลไปห้องพยาบาลหน่อยเร็ว เท่าที่ครูเห็นบาดแผล แสดงว่าที่ดาบของลอเลนอาบยาพิษไว้ด้วย"คนที่วิ่งมารับเรมีลและพาไปห้องพยาบาลคือ มาร์รอฟ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับเหล่าหนุ่มๆและสร้างความเดือดดาลแกเหล่าสาวๆแม้พวกเซเทล อยากตามไปแค่ไหนก็ไม่สามารถเพราะว่านี่เป็นเวลาเรียนและการไปดูแลเรมีลเยอะๆอาจสร้างความวุ่นวายให้กับศาสตราจารย์ที่ห้องพยาบาล
มาร์รอฟ อุ้มร่างเรมีลมาที่ห้องพยาบาล เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกเป็นห่วงเรมีลขึ้นมา เขาบรรจงวางร่างของเรมีลบนเตียงช้าๆ และก็ไปบอกศาตราจารย์ซาร่า ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ประจำห้องพยาบาล
ไม่นานศาสตราจารย์ก็เข้ามาและเริ่มทำแผลให้เรมีล
"มาร์รอฟ เธอมาช่วยครูหน่อยได้ไหม"ศาสตราจารย์เรียกมาร์รอฟที่ยืนอยู่ห่างๆ
"ครับ"แล้วเขาก็ค่อยๆเดินเข้าไป แผลที่หน้าท้องมันยดูหน้ากลัวมากเมื่อมาอยู่ที่หน้าท้องขาวเนียนของเรมีล แผลนี้ค่อนข้างลึก และเวทย์ที่ บารองก้าทุกคนทำได้ดีที่สุดคือการ รักษา มาร์รอฟค่อยๆหลับตายกมือข้างขวาเหนือหน้าท้องและจึงมีแสงสีดำสว่างออกมาบาดแผลค่อยสมานแต่ก้ยังคงเหลือร่องรอยเล็กน้อย แต่แม้ภายนอกจะเกือบกลับมาเป็นอย่างเดิมแต่ภายในก็บอบช้ำเอาการ มันอาจจะสร้างความลำบากให้กับเรมีลไม่น้อย
"เป็นไงบ้างยัยตัวแสบ"มาร์รอฟทักอย่างกวนๆเมื่อเรมีลลืมตาขึ้นมา
"ตาบ้า วิธีบำบัดบ้านไหนเขาพูดให้กำลังใจผู้ป่วยอย่างนี้นะ"เรมีลเริ่มโวยวายแต่พอขยับตัว"โอ๊ย"
"ซ่าส์ดีนัก"แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่มาร์รอฟก็ช่วยพยุงเรมีลให้นั่ง
"ขอบใจย่ะ"เรมีลบอกอย่างไม่เต็มใจนัก "แล้วพวกเซเทลไปไหนแล้วล่ะ"
"ก็เธอเล่นหลับเป็นชั่วโมงพวกนั้นก็ไปกินข้าวกันแล้ว"
"เฮ้อ ไม่น่าพลาดเลยเรา"เรมีลทำบากเบ้ ทำให้มาร์รอฟยิ้มนิดๆและก็ขยี้หัวเธอ
"ก็ใครใช้ให้เธอใจอ่อนล่ะ รู้ไหมการฟันดาบไม่มีเวลาพอให้สงสารหรอกนะ"มาร์รอฟพูด
"แหม ใครจะไปรู้ล่ะยะว่าแม่ลอเลนสุดสวยของนายน่ะ จะเอาจริง"
"ลอเลนเป็นแค่เพื่อนฉันเฉยๆ"มาร์รอฟแย้ง
"ก็ใครว่าอะไรล่ะ"เรมีลสะบัดหน้าไปอีกทาง
ทั้งสองเถียงกันอยู่นานโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอีก 5คู่กำลังมองมาทางนี้
"พวกเขาเหมาะกันจังนะ"พิลว่า
"อือ ฉันก็เห็นด้วย"บารอนพยักหน้า
เมื่อเวลาอาหารเย็นมาถึง เรมีลก็ไม่ยอมนั่งเซงอยู่ในห้องพยาบาล รีบลากมาร์รอฟที่ไม่ยอมให้เธอลงมากินอาหารที่ห้องอาหาร
"โอ๊ย"เรมีลร้องขึ้นมาเมื่อขยับตัวและจึงล้มลงแต่มาร์รอฟรับได้ทัน
"เป็นไง เธอควรจะรู้นะว่าแผลยังไม่หาย"มาร์รอฟปรามเบาๆ
"ก็ฉันไม่ชอบทานอาหารคนป่วยนี่ นะๆพาฉันไปห้องอาหารนะ"เรมีลทำท่าอ้อน
"ก็ได้ๆจับแขนฉันไว้นะ แล้วระวังๆด้วย"
"อือๆ"เรมีลรีบยิ้มอย่างดีใจ เธอเบื่ออาหารที่ห้องพยาบาลมากแล้วเพราะมีแต่ข้าวต้มทานแล้วไม่ไห้ทำให้เธออิ่มขึ้นเลย
มาร์รอฟพยุงยัยตัวแสบที่ยังดื้อดึงให้เขาพามาทานอาหารที่ห้องอาหาร เมื่อทั้งคู้เดินเข้ามาในห้องอาหารทุกคนต่างก็มองมาทางทั้งสองเพราะทุกคนต่างคิดว่าทั้งคู่เหมาะสมกันนักคนหนึ่งก็หล่อปานเทพบุตร อีกคนก็สวยใสน่ารัก
"ทำไมเค้ามองกันจังอ่ะ รีบๆเดินเถอะ"เรมีลกระตุกแขนเสื้อมาร์รอฟเบาๆ
"อือ แต่เดินระวังๆล่ะ"มาร์รอฟเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อไปที่โต๊ะของปราสาทราชา นี่เป็นมื้อที่สองที่พวกเขาได้มานั่งกินร่วมกันทำให้เรมีลติดใจอาหารมากรวมทั้งทุกๆอย่าง เพราะรุ่นพี่ต่างพากันเข้ามาคุยกับเธอ
"อ้าว เรมีลทำไมไม่นอนที่ห้องพยาบาลล่ะลงมาทำไม"มีเดลรีบบอกเมื่อเห็นเรมีลกำลังจะนั่งลง
"ก็ฉันไม่ชอบอาหารคนป่วยนี่"เรมีลทำหน้าเบ้ซึ่งสร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้าง"รีบกินกันเถอะเดี๋ยวโดนรุ่นพี่แย่งหมด"
เรมีลลงนั่งและคุยกับทุกๆคนอย่างมีความสุขจนใครไม่อยากเชื่อว่าเธอเป็นคนป่วย
วันนี้เป็นวันแรกก็มีพวกรุ่นพี่มาจีบเธอแล้ว
"เออ น้องครับพี่ของนั่งด้วยได้ไหมคะ"รุ่นพี่ผู้ชายผมทองมาของนั่งข้างๆเธอ
"ขอโทษทีนะคะ เรมีลอยากนั่งกับเพื่อนอ่ะคะ"เรมีลปฏิเสธอย่างสุภาพทำให้รุ่นพี่ยิ้มเจื่อนๆและเดินจากไป
"แหมยัยคนสวย วันแรกก็มีรุ่นพี่มาม่อสะแล้ว"เพลแซวเรมีลอย่างขำๆ ซึ่งเรมีลก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
"นี่ เรมีลแผลเป็นไงมั่ง"เซเทลถามอย่างเป็นห่วง
"แค่นี้สบายมาก ไกลหัวใจตั้งเยอะ"เรมีลบอกพลางลูบท้องเบาๆ
"แล้วใครกัน ที่เป็นลม"มาร์รอฟพูดขึ้นมาลอยๆแต่ทำให้เรมีลทั้งเดือดทั้งอายขึ้นมา
"ตาบ้า ตอนนั้นมันเจ็บมากนี่น่า นายไม่ลองมาเป็นฉันดูบ้างล่ะ"เรมีลสะบัดหน้าใส่
"พอแล้วทั้งสองคนเลย"บาราอนปราม"เจอหน้ากันเป็นกัดกันทุกที"เหล่าเพื่อนๆต่างส่ายหัวเป็นเชิงหน่ายๆ
ตกดึกเรมีลก็ไม่ยอมมานอนที่ห้องพยาบาลและขอศาสตราจารย์กลับไปพักที่ห้อง แต่คนที่จัดการกับเรมีลไม่ยอมให้กลับไปที่ห้อง คือ มาร์รอฟ ทำให้เซเทลขอศาสตราจารย์มานอนเป็นเพื่อน
"เฮ้อ แล้วยัยลอเลนเป็นไงมั่งอ่า"เรมีลพูดยานคางเพราะตอนนี้เธอง่วงมากแล้ว
"ต้อนนี้ยังสลบไปแล้วมั้ง ที่จริงฉันว่านะเธอน่าจะฟันยัยนั่นหลังหักไปเลยดีกว่า"เซเทลทำหน้าจริงจัง
"งั้นฉันก็บาปอะดิ"เรมีลทำหน้าอย่างช่วยไม่ได้"โอ๊ย"อยู่ดีๆอาการปวดหัวที่หายไปหลายวันก็หลับมาโจมตีเธออีกแล้ว เรมีลจับหัวแล้วก็ทรุดฮวบลงไปทำให้เซเทลตกใจมากเราะอยู่ดีๆร่างกายเรมีลก็เริ่มมีแสงสีส้มเรืองรองแล้วร่างของเธอก็กลายเป็นนกเพลิง แต่เปลวเพลิงรอบตัวเรมีลนั้นเป็นสีฟ้ากับส้มเซเทลรีบวิ่งไปบอกศาสตราจารย์
"ถึงเวลาแล้วสินะ ที่พลังมหาศาลของเด็กคนนั้นเริ่มแสดงออกมาแล้ว"เสียงชายปริศนาดังขึ้นที่ปลายโต๊ะประชุม
"มันไม่น่าจะเร็วอย่างนี้นะในเมื่อคริสตัลที่ติดตัวเด็กคนนั้นก็ยังไม่...หรือว่า"ทุกคนในที่นั้นพยังหน้าเบาๆ
"อืมคริสตัลแตกแล้ว และทุกๆวันพระจันทร์เต็มดวง เรมีลดร้าก็จะกลายเป็นนกเพลิง"
"งั้นสงครามก็คงใกล้แล้วสินะ"สีหน้าทุกๆคนสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
"ใช่ มันคงต้องเป็นอย่างนั้น แต่หน้าที่ตอนนี้คือพยายามใช้สันติกับทาง Rurius"
ความคิดเห็น