ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Darktears...อาณาจักรนักเวทย์

    ลำดับตอนที่ #4 : มหานครกราเซล(100%)รีไรท์แล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 51


    "เรียบร้อยแล้วค่ะ"แม่นมตะโกนเสียงดังมาจากหน้าบ้าน

    "ค่ะๆไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ"เสียงใสของเรมีลดร้าตอบรับ

       วันนี้เป็นวันที่เธอจะต้องเดินทางไปทดสอบที่บราทีสซึ่งบราทีสก็ไม่ได้อยู่ใกล้เลย บราทีสอยู่ในมหานครกราเซลเรียกได้ว่าเป็นที่ที่อยู่ใจกลางของdarktearsเลยก็ว่าได้ ใครๆก็เรียกมันว่ามหานครแห่งเวทย์มนตร์เป็นที่ที่รวบรวมมหาเวทย์ไว้มากมาย และเป็นนครที่เจริญมากมายในทุกๆด้านและมันก็อยู่ไกล ทำให้เธอต้องออกเดินทางล่วงหน้าถึง3วัน

    "ขอให้คุณหนูโชคดีนะคะแล้วนมจะส่งทริคไปหา"แม่นมพูดไปพร้อมน้ำตาคลอ ทริคคือการส่งจดหมายหรือการสื่อสารที่นิยมที่สุดเพราะมันรวดเร็วทริคมีลักษณะคล้ายกล่องแหวน เวลามีข้อความมามันจะร้องเตือนมันทำหน้าที่คล้ายโทรศัพท์เพียงแต่ว่ามันสามารถเห็นหน้าฝ่ายตรงข้ามได้

    "ค่ะหนูไปนะคะ"คราวนี้แม่นมน้ำตาไหลเป็นสาย ทำให้เรมีลต้องเดินไปกอดเธอ

          เรมีลขึ้นไปนั่งบนเกวียนทองซึ่งเป็นเป็นการเดินที่ไกลที่สุดเท่าที่เธอเคยเดินทางมาเพราะส่วนมากเธอก็ไปแค่งานเลี้ยงใกล้ๆ เกวียนที่บังคับโดยทรอคที่มีลักษณะคล้ายม้า แต่มีขนฟูเหมือนแกะ และที่สำคัญมันมีปีก ทรอคเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้

    (ทรอค เราต้องเดินทางกี่ชั่วโมง)เรมีลเป็นสาวน้อยที่มีสิ่งที่คนอื่นไม่มีอย่างแรกเธอสามารถร่ายเวทย์คุยกับสัตว์ได้

    (ประมาณ5ชั่วโมงครับ)ทรอคตอบเสียงสบายๆ ในไม่ช้าความรู้สึกโหวงๆก็เกิดขึ้นกับเรมีลมันทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลัง มันเป็นอย่างงนี้ทุกครั้งที่เกวียนทะยานขึ้นสู้ห้วงนภา

         การเดินทางราบรื่น จนมาถึงทางด่านก่อนที่จะเข้ากราเซล ทรอคต้องค่อยๆลดระดับความสูงจนมาจอดที่หน้าด่าน เรมีลค่อยๆก้าวลงจากเกวียนมีพ่อมดท่าทางเหมือนผู้ดูแลยืนคุมประตูอยู่สองนายดูจากการแต่งตัว หมวกทรงสูง เสื้อคลุมตัวยาว บอกได้เลยว่าเป็นพ่อมดที่ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในการดูแลของแม่แน่นอน

    "สวัสดีครับ คุณหนูเรมีลดร้า"พ่อมดหนึ่งในสองคนนั้นทักทายเธอด้วยใบหน้าที่ขึงขัง แต่มันไม่ได้ทำให้เธอหวั่นเลยสักนิด เธอถูกสอนมาให้เข้ากับสังคมทุกๆประเภท คนทุกๆประเภท แม่สอนเสมอว่า ชาร์ลเทล จะไม่อ่อนแอและอับอายต่อหน้าบุคคลอื่น

    "ค่ะ"เรมีลคอยๆย่อกายลงอย่างสง่างามสมกับเป็นคุณหนูของตระกูลที่โด่งดัง

    "คุณเรนอลแจ้งกับทางเรามาแล้วว่าคุณหนูจะมาถึงเวลาประมาณนี้"ชายอีกคนตอบกลับ เขามีใบหน้าที่ดูหนุ่มกว่าเล็กน้อยและดูใจดีกว่า

    "เอ่อคุณ..."เรมีลกำลังจะถามเรื่องที่อยู่

    "อ๋อ กระผมขออภัยที่ลืมบอกชื่อ เสียมารยาทจริงๆ"ชายคนที่หน้าตาอ่อนเยาว์ตำหนิตนเองเล็กน้อย"เรียกกระผมสั้นๆว่า ทอม"

    "ส่วนกระผม ทิล"ชายที่หน้าตาแก่กว่าพูด

    "อ๋อ ค่ะ"เรมีลตอบพร้อมทั้งยิ้มน้อยๆ

    "ตามกระผมทางนี้ เดี๋ยวกระผมจะพาไปตรวจสอบก่อนเข้านคร"ทิลผายมือเป็นเชิงเชิญให้เธอเดิน

        เรมีลเดินตรงไปที่กระโจมที่เป็นสีทองมีทหารหน้าตาหน้ากลัวยืนอยู่สองฝั่งของกระโจม เมื่อเธอเดินมาทางหน้าประตูก็มีบาเรียใสขึ้นโอบรอบกายจากบาเรียใสก็กลับดำมืดแล้วร่างทั้งร่างก็เหมือนหมุนเคว้งอยู่กลางอากาศไม่นานเธอก็กลับมาอยู่ในท่าปกติเหมือนเดิม บาเรียก็หายไป ประตูทองก็ค่อยๆแง้มเปิดอออกด้านในมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่

    "สวัสดีค่ะ"หญิงคนนั้นทักทายด้วยใบหน้าเรียบเฉย

    "เอ่อ..ค่ะ สวัสดีค่ะ"สีหน้าของหญิงคนนั้นมันทำให้เธอรู้สึกประหม่า

    "เชิญเดินตรงไปทางขวานะคะ"หญิงสาวชี้มือไปทางด้านขวาของเรมีลดร้า

        เรมีลทำตามโดยการก้าวเท้าไปทางด้านขวาและเหมือนมีบางอย่างมาฉุดเธอไว้ ทำให้ร่างทั้งร่างร่วงลงไปทางด้านล่างซึ่งเป็นโพรงมืดสนิท

    "กรี๊ด"เรมีลร้องออกมาด้วยความตกใจ

       ไม่นานร่างของเธอก็หยุดอยู่กับที่ และเหมือนมีบางอย่างมาครอบหัวของเธอ พร้อมทั้งเสียงตี๊ดเบาๆ และเหมือนทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝันเธอกลับมายืนอยู่ทางด้านหน้ากระโจมเรียบร้อยแล้ว

    "เรียบร้อยแล้วครับ"ทิลพูด

    "เอ๋"เรมีลทำท่าทางสงสัย

    "ก็การตรวจและประทับตราเรียบร้อยแล้วไงครับ"ทิลบอก

    "เรายังรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำไรเลยนะ"เรมีลพูด ยังคงงงงวย

    "ก็นี่แหละครับเวทย์มนตร์ รีบหน่อยเถอะครับเราต้องไปถึงคฤหาสน์ตรงเวลานะครับ"คราวนี้ทิลท่าทางจริงจังขึ้นทำให้เรมีลต้องทำตามแต่โดยดี

         เมื่อเกวียนทะยานขึ้นสู้ห้วงนภาที่ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า น่าจะเป็นเวลาใกล้สองทุ่มแล้ว นี่เรียกได้ว่าครั้งเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอมาที่กราเซลทำให้เรมีลไม่สามารถเก็บงำความตื่นเต้นได้ เธอค่อยๆยื่นหน้าออกไปทางนอกหน้าต่างเกวียน

    "โอโห อะไรจะงามขนาดนี้"เรมีลตาโตกับความงามเบื้องล่าง ทุกๆอย่างดูสวยงามไปหมดทั้งแสงไฟหลากสีที่บ่งบอกถึงความเจริญ
    ยิ่งมันทอประกายยามค่ำคืนยิ่งทำให้ทุกๆอย่างสวยงาม น่ามอง

    "คุณหนูครับ ไม่ควรยื่นหน้ามาอย่างนั้นนะครับมันอันตรายเกิดเกวียนอื่นสวนมา อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้นะครับ"ทิลที่นั่งอยู่ทางด้านหน้าเกวียนปรามคุณหนูที่ตอนนี้ทำตัวไม่สมกับเป็นคุณหนูของชาร์ลเทล

             เรมีลเมื่อโดนปรามเช่นนั้นจึงรีบหดหัวเข้ามาภายในเกวียน ทำให้เธอเริ่มนึกได้ พอคุณแม่ไม่อยู่คอยว่าเรื่องมารยาทเธอก็อยากจะทำอะไรที่คนอื่นเขาทำกันบ้างนี่น่า

              เมื่อเกวียนมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังงามมันเป็นที่ที่ใหญ่โตมากๆ จนทำให้เธออยากรู้ว่าในเมื่อคุณพ่อมีคฤหาสน์ใหญโตขนาดนี้อยู่ในมหานครที่เจริญขนาดนี้แล้วทำไมพวกท่านถึงไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่

    "เชิญครับ"ทิลเปิดประตูแล้วผายมือเป็นเชิงให้เรมีลลงมาทางด้านล่างได้แล้ว

       เมื่อเรมีลก้าวลงก็มีคนรับใช้นับสิบยืนคอยต้อนรับเธออยู่แล้ว ทุกๆคนใส่เครื่องแบบเหมือนกับคฤหาสน์ที่เธอเพิ่งจากมา และตอนนี้ทุกคนกำลังก้มหัวให้เธออยู่

    "ไม่ต้องก้มหัวให้เราหรอกนะ"เรมีลพูดอย่างอ่อนโยน พร้อมส่งยิ้มน้อยๆให้ทุกๆคน

         เมือทุกคนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเรมีลดร้า ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลชาร์ลเทล ทำให้ทุกคนยิ้มรับอย่างจริงใจ เมื่อพวกเธอเห็นรอยยิ้มน้อยๆที่สดใสประดับบนใบหน้างามมันอ่อนโยน มีอำนาจ และเด็ดเดี่ยว

    "ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์มาร์ลเดอร์"เหล่าแม่บ้านประสานเสียงกัน

    "ขอบคุณทุกคนมากนะ"คราวนี้จากรอยยิ้มนอยๆกับเป็นรอยยิ้มกว้าง

    แม่บ้านคนหนึ่งที่เธอแนะนำตัวว่าชื่อ เบลล่า เดินนำเรมีลไปชมคฤหาสน์ที่บอกได้คำเดียวว่าวิจิตรงดงามนัก ทุกๆย่างก้าวมันทำให้เธอดูราวกับเจ้าหญิง ซึ่งเหล่าแม้บ้านก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง

    "คุณหนูจะมาอยู่ที่นี่นานไหมคะ"เบลล่าเอ่ยคำถามระหว่างที่พวกเธอกำลังจะเดินไปห้องสมุด

    "ไม่ทราบสิคะ ถ้าหนูทดสอบที่บราทีสไม่ผ่านก็คงกลับไปอยู่กับแม่แหล่ะค่ะ"เรมีลเริ่มเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกตนเองเพราะเริ่มคุ้นกับแม่บ้านคนนี้มากขึ้น

    "อ่ะค่ะ นี่ถึงห้องสมุดแล้วค่ะ"ประตุห้องสมุดที่เรียกได้ว่าใหญ่พอๆกับประตูด้านหน้าบ้าน ค่อยๆแง้มเปิดขึ้นเพราะเรมีลพึมพำคถาง่ายๆบทหนึ่ง ส่วนมากเธอมักจะใช้เวทย์มนตร์ทำเกือบทุกๆอย่างที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องอาศัยคทา เพราะมันยังไม่ถึงวัยที่เธอต้องอาศัยมัน

    "โห ทำไมมันใหญ่จังคะเนี่ย"เรมีลอุทานอย่างทึ่งๆกับความมโหฬารของห้องสมุด

    "เป็นที่รวบรวมหนังสือทุกๆสำนักพิมพ์เลยไงคะ"แม่บ้านอธิบาย

        เรมีลค่อยๆเดินสำรวจรอบๆคฤหาสน์มันมีสองสามห้องที่เรียกได้ว่าถูกใจเธออย่างมาก ห้องหนึ่งคงต้องเป็นห้องดนตรี ต่อมาก็ห้องครัว เพราะการทำอาหารเป็นสิ่งที่ทำให้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอเสมอและห้องสุดท้ายคงเป็นห้องที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆ และเมื่อพละกำลังหมดลงเธอจึงต้องไปนั่งทานอาหาร

    "คุณเบลขา ทำไมในเมื่อคฤหาสน์ไม่มีคนอยู่แล้วทำไมต้องมีแม่บ้านมาอยู่ดูแลกันเยอะแยะขนาดนี้คะ"เรมีลเริ่มบทสนทนาเมื่ออาหารทั่งหมดถูกกักเก็บไว้ในกระเพาะเรียบร้อยแล้ว

    "เอ่อ คือเรื่องนั้นดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันแหละค่ะ"เบลล่าตอบตามความจริงเพราะเธอก็ไม่เคยรู้เหตุผลเรื่องนี้เช่นกัน

    "แล้วพอจะรู้ไหมคะว่าที่บราทีสเขาทดสอบกันยากขนาดไหน"เรนีลเริ่มเข้าประเด็นที่เธอสงสัยที่สุด

    "เท่าที่รู้ เห็นเขาบอกกันว่า จะมีการสอบข้อเขียนแล้วก็การที่ต้องออกไปแสดงอะไรซักอย่างมั้งคะ"คราวนี้มันทำให้เรมีลถึงกับสำลัก
    ข้อเขียนเธอมั่นในว่าพอทำได้แต่ไอ้การแสดงนี่สิเธอจะไปแสดงอะไรดี คือปัญหา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×