คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตำแหน่ง ราชา ปราสาท(รีไรท์)
"อ้าว น้องๆสนใจพี่หน่อย"เจ้าชายโอเวน ผู้เป็นราชา ปราสาทของเราประกาศด้วยเสียง
กึกก้อง เรียกความสนใจจากเหล่ารุ่นน้องได้เป็นอย่างดี
"เอาละ พี่มีข่าวจะบอก คือพี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นข่าวดีหรือร้าย แต่ที่แน่ๆนี่เป็นสิ่งที่พี่บังคับ
สำหรับ เหล่า ชายหนุ่มทุกคน คือ ตอนนี้วาระของพี่ก็ใกล้จะหมดลงแล้ว ตำแหน่งที่ทรง
เกียรติ ราชา ปราสาทนั้น ต้องการผู้ที่ครอบครองคนใหม่ เราจะการประลองกับ สำหรับ
ชายหนุ่มทั้งหลายเราจะการประลองดาบกัน ซึ่งเหล่าสาวก็อย่าเพิ่งดีใจ เพราะ ตำแหน่ง
ราชินี ปราสาทก็รอคอยน้องอยู่เช่นเดียวก็" คำบอกเล่านี้ทำให้สมาชิก ปราสาทราชาทุก
หน้าซีดลงทันที ยกเว้นเจ้าชายผู้เย็นชา มาร์รอฟ กับคุณหนูตัวแสบ เรมีลดร้า
"สวัสดีค่ะ พี่ ซาเทลน่า ราชินีปราสาท การคัดเลือกราชินีเราจะแตกต่างกับการคัดเลือก
ราชาเพราะว่าจะให้สุภาพสตรีอย่างเราไปถือดาบมันคงจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นัก
ตำแหน่งราชินี ไม่ได้มีไว้ให้หญิงนักรบ เราทดสอบทุกอย่างควรจะเรียกว่า คุณสมบัติ
ของผู้หญิง แกร่ง แต่อ่อนโยน แต่ก็ไม่อ่อนแอ และที่สำคัญสิ่งที่ราชินีพึงมีคือ
เวทย์มนตร์ที่เหนือชั้น การทดสอบของเรา จะแบ่งเป้น 3 ช่วง ช่วงที่หนึ่ง พี่ขอบอกให้
น้องๆอ่านหนังสือไว้เลย เพราะเราจะมีการสอบข้อเขียนกับ ช่วงที่2 เราจะมีการประลอง
เวทย์ และช่วงสุดท้าย คะแนนของเราจะนำไปรวมกับราชาที่คะแนนเท่ากับ ด่านทดสอบ
สุดท้ายนี้ เราจะมีการทดสอบว่า ราชากับราชินีของเราจะทำงานร่วมกันได้ไหม นี่แหละ
คือหัวใจสำคัญของการทดสอบ" เจ้าหญิงซาเทลน่า กล่าวแล้วทอดสายตาอย่างเอ็นดูไป
ยังน้องๆที่เริ่มมีสีหน้ากังวลกัน
"วันนั้นถ้าฉันปวดท้องฝากบอกรุ่นพี่ด้วยนะ"เรมีลกระซิบกับเพื่อนๆ
"ได้ ฉันจะไปบอกพี่เค้า ว่าเธอฝากมาบอกว่าเธอไม่อยากทดสอบ"มีเดลพูด แกมขู่ให้เรมีลไปทำการทดสอบ
"โถ่ เธอก็จริงจังไปได้ ฉันล้อเล่นน่า"แล้วเรมีลก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"เฮ้อ ต้องอ่านหนังสืออีกแล้วสิเนี่ย"เซเทลบ่นออกมา
"เธอก็ไม่ต้องอ่านสิ เห็นเขาบอกกันว่าตำแหน่งราชินีอะไรเนี่ย งานหนักจะตาย"เรมีลพูด
"แหม แต่มันก็เป็นตำแหน่งที่เรียกได้ว่ามีเกียรติที่สุด ในปราสาทเลยนะ"พิลบอกมาท่า
ทางเพ้อฝัน
"เรมีลเธอต้องพยายามให้ถึงที่สุดนะ ตำแหน่งนี้น่ะเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยนะ ถ้าเธอได้
มันไป ความฝันที่เธอเคยบอกอาจจะเป็นจริงก็ได้นะ "เซเทลกระตุ่นเรมีลด้วยการนำความ
ฝันที่เรมีลตั้งใจมาล่อ เรมีลเคยบอกเธอว่า เรมีลอยากจะเป็นมหาเวทย์ เป็นอาชีพที่ใครๆ
ก็ใฝ่ฝันเพราะมันเป็นอาชีพที่ใครก็ใฝ่ฝันไว้ เป็นอาชีพอิสระ แต่มีเพียงน้อยคนนักที่จะ
เรียกตนเองได้เต็มปากว่ามหาเวทย์
"จริงสินะ"แววตาของเรมีลเปลี่ยนมาเป็นมุ่งมั่นทันที เธออยากเป็นมหาเวทย์ที่เก่งที่สุด
เพราะว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่เธออยากได้มาตลอดทั้งชีวิต มันหาไม่ได้ด้วยเงินทองที่เธอมี
แต่ต้องมาด้วยความพยายามและความสามารถล้วนๆ แล้วตำแหน่งนี้ก็เป็นใบเบิกทางที่ดี
ในการเป็นมหาเวทย์ที่แท้จริง
เมื่อเสียงในห้องประชุมเริ่มดัง เจ้าชายโอเวน ก็ประกาสขึ้นอีกครั้ง
"เงียบกันหน่อย การประลองของราชานั้น จะมีขึ้นอีก2อาทิตย์ ส่วนราชินีนั้น อีก 3
อาทิตย์ โอเคนะแยกย้ายกันไปเรียนได้แล้ว"แล้วเหล่านักเรียนปราสาทราชาก็พากันไป
เรียน
"เราต้องไปเรียนคาถากับสาสตราจารย์ฟิล"เซเทลบอก
"แล้วไอ้ห้องเรียนคาถาเนี่ย มันอยู่ไหนนะ"มีเดลหันว้ายหันขวา
"เห็นเขาบอกกันว่ามันอยู่ที่หอคอยทางทิศเหนือน่ะ"เพลบอก
"แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าทางไหนทิสเหนือ"เซเทลถาม
"ก็นี่ไง วาเกรซ"เรมีลพึมพำคถาเบๆ ไม่นานคทาที่เรมีลทำให้มันสามารถแขวนไว้ที่คอ
ได้ ก็หมุนชี้หัวคทาไปทางด้านซ้ายองทุกๆคน "แค่นี้ก็เรียบร้อย"
"เรมีลเธอไปเรียนมาจากไหนน่ะ"พิลเอ่ยถาม
"ป่าวหรอก ฉันเห็นในหนังสือแค่อยากทดลองดูน่ะ เดี๋ยววันหลังฉันจะสอนให้นะ"เรมีลยิ้ม
ให้พิลแล้วก็เดินนำทุกคนๆไป ส่วนเพื่อนๆที่อยู่ด้านหลังก็มองหน้ากัน เป็นเชิงชื่นชมใน
ตัวเรมีล
ทั้งหมดเดินมาเรื่อย ๆ จนมาถึงบันไดวนซึ่งทอดตัวยาวสูงขึ้นไปบนหอคอยที่สูดลิบ
"ตายแล้ว ต้องออกกำลังกายกันอีกแล้วหรอเนี่ย"เซเทลบ่นเมื่อเห็นบันได้วน
"แล้วเห็นเค้าบอกกันอีกว่าไอ้บันไดเนี่ย มันเป็นโรคจิตยังไงก็ไม่รู้"มีเดลว่า
"เถอะน่า ยังไงก็ต้องไปเรียนอยู่แล่วนี่"เรมีลก้าวเท่าขึ้นบันไดขั้นแรกให้เพื่อนๆดู
"อือ"ทุกคนพยักหน้ารับแล้วจึงค่อยๆก้าวขึ้นไป
ทั้งหมดก้าวมาเรื่อยๆจนอยู่ดีๆก็เหมือนเกิดแผ่นดินไหว บนไดขั้นที่เรมีลก้าวไปเกิด
เเตกขึ้นมา
"ว้าย"แต่มีมือมือหนึ่งคว้าข้อมือบางของเธอเอาไว้ได้
"ระวังหน่อยสิ เวลาเธอเดินขึ้นบันไดเนี่ยน โดยเฉพาะบันไดเวทย์เนี่ย ช่วยตั้งสมาธิหน่อย
นะไม่ใช่เอาแต่เดิน"มาร์รอฟพูด
"เอ้า ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าไอ้บันได้เนี่ย มันจะโรคจิตอยากบิดขี้เกียจขึ้นมา"เรมีลโยนความ
ผิดไปให้บันได
"เฮ้อ"มาร์รอฟถอนหายใจกับความดื้อของเรมีล ทำให้บารอนกับเหล่าสาวๆอมยิ้มกันยก
ใหญ่
เมื่อทั้งหมดมายืนหน้าประตูไม้บานใหญ่ที่ด้านหน้ามีไม้สีทองสลักคำว่า "ผู้วิเศษ จะไม่
ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าไม่อาศัยคาถาเวทย์ ตาสตารจารย์เอลเดอร์ นักคาถาวิทยา"
"เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง"เสียงหญิงสาวดังโดยหาต้นเสียงไม่เจอ
"วาเกรซ"เรมีล กับ มาร์รอฟพูดขึ้นพร้อมกัน ทำให้ทั้งสองต้องหันหน้ามามองกัน เรมี
ลทำท่าทางฮึดฮัด
"เยี่ยม คาถาง่ายๆแต่พามาที่นี่ได้"แล้วเมื่อเสียงนั้นจบลง บานประตูก็เปิดขึ้น
ในห้องนั้นเป็นโต๊ะคู่ ซึ่งตอนนี้ทั้งห้องก้ยังคงว่างเปล่ามีเพียงพวกเรมีลเท่านั้นที่เข้ามา
ทั้งหมดเดินสำรวจหาโต๊ะที่ต้องนั่งเพราะทุดโต๊ะนั้นมีชื่อของเจ้าองโต๊ะอยู่ เรมีลเดินหา
ไปเรื่อยๆจนมาเจอชื่อเธอบนโต๊ะกลางก้องซึ่งโต๊ะด้านข่างเธอก็คงหนีไม่พ้น นายมาร์รอ
ฟ แต่ท่าทางคนที่จะอารมณ์เสียมากกว่าเรมีลคงจะเป็นเซเทลที่ต้องนั่งข้างบารอน
"ซวยจริงๆเลยเรา"เรมีลทำท่าทางเซ็งๆ
"พวกเธอสองคนยังโชคดีนะที่ได้นั่งคู่กับสองคนนั้นฉันสิ นั่งกับใครก็ไม่รู้ไม่รู้จักเลย"มีเด
ลพูด
เมื่อเรมีลนั่งลงข้างๆกับมาร์รอฟ เหล่านักเรียนปราสาทราชาก็ทะยอยกันเข้ามานั่งที่
ของตนเอง บางคนท่าทางสะบักสะบอมมากันเลย เมื่อทุกคนนั่งที่ของตนแล้ว ก็มีเสียง
วิ้ง และศาสตราจารย์เอลเดอร์ก็ปรากฏกายขึ้ร สาสตราจารย์เป็นคนร่างเล็กมากๆ เหมือน
คนแคระทำให้สาสตราจารย์ต้องขึ้นไปยืนบนเก้าอี้
"ยินดีต้อนรับสู่ชั้นเรียน คาถาเวทย์ กระผม ศาสตราจารย์ เอลเดอร์ จะดำเนินการสอน
ครั้งนี้"ศาสตราจารย์พูดขึ้นมา "คาถาเป็นสิ่งมหัศจรรย์ บางที่เราอาจอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มี
คาถาก็ได้ เพราะพวกเราชาวDarktearsเกิดมาพร้อมเวทย์มนตร์ วันนี้เราจะเรียนกันเรื่อง
คาถา ละลาย มันเป็นคาถาง่ายๆ เพียงแค่เธอตั้งสมาธิอยู่กับสิ่ง สิ่งนั้น และโบกคทาแบบ
นี้"แล้วศาสตราจารย์ก็โบกคทาไปมาให้ดู "และที่ครูให้พวกเธอนั่งกันเป็นคู่เพื่อให้พวก
เธอช่วยกันในงานชิ้นต่างๆ เอาละ เริ่มได้" เมื่อศาสตราจารย์พูดจบ ก็มีแท่งยางลบสีชมพู
ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเรมีลและมาร์รอฟ ทั้งคู่เริ่มโบกคทา แล้วพึมพำคถาของ
ศาสตราจารย์ แต่ทำอย่างไรเรมีลก็ทำไม่สำเร็จเสียที ผิดกับมาร์รอฟที่ละลายไปเรียบ
ร้อยแล้ว
"เยี่ยมมาก คุณมาร์รอฟ"ศาสตราจารย์ชมมาร์รอฟ
"เฮ้อ"เรมีลถอนหายใจเบาๆเพื่อกันมาร์รอฟได้ยิน แต่มเขากลับได้ยินชัดเจน
"มานี่สิเดี๋ยวฉันสอนให้"แล้วมาร์รอฟก็เดินมาข้างๆเรมีล เรียกสายตาอิจฉาจากเหล่าสาวๆ
ได้อย่างดี
"ขอบใจย่ะ"เรมีลจำใจต้องให้มาร์รอฟสอนเพราะเธอคงทำไม่ได้แน่ มาร์รอฟจึงก้าวเข้า
มาจับมือเรมีล ทำให้เรมีลเขินเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามที่มาร์รอฟสอน
"นี่ เธอต้องโบกอย่างนี้"มาร์รอฟกระซิบข้างๆหู
"อือ รู้แล้วน่าไม่ต้องย้ำก็ได้"แล้วเรมีลก็โบกคทา แล้วพึมพำคาถาจนในที่สุดยางลบก้อย
ชมพูก็ละลาย ทำให้มาร์รอฟยิ้มนิดๆ ส่วนเรมีลก็ยิ้มแก้มแทบปริ
"ขอบใจนะ"เรมีลกระซิบเบาๆที่หูของมาร์รอฟ
"อือ"มาร์รอฟตอบรับแล้วกลับไปนั่งที่
ความคิดเห็น