คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ข้อวินิจฉัยหลังคลอด วันที่1 และ 2
Day I
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1
ผู้คลอดมีโอกาสเกิดภาวะตกเลือด เนื่องจากมีฝีเย็บและแผลในโพรงมดลูก
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective data : -
Objective data : - ผู้คลอดมีแผลในโพรงมดลูก จากการลอกตัวของรก
- ผู้คลอดมีแผลฝีเย็บแบบ Right medio-lateral episiotomy
- แผลฝีเย็บฉีกขาดระดับ 2
วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
เพื่อเฝ้าระวังภาวะตกเลือดของผู้คลอด
เกณฑ์การประเมินผล
- สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
§ ความดันโลหิต 90/60 – 140/90 mmHg
§ ชีพจร 60 – 100 bpm
§ อุณหภูมิร่างกาย 36.5 – 37.5 ๐c
§ อัตราการหายใจ 16 – 20 bpm
- ผู้คลอดไม่มีอาการแสดงของภาวะตกเลือด เช่น หน้ามือ ใจสั่น มือเย็น ซีด วิงเวียนศีรษะ
- ระดับการลอยตัวของมดลูกเหนือหัวเหน่า(Symphysis Pubic) น้อยกว่า 5 นิ้ว
- มดลูกมีลักษณะ กลม แข็ง
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินสัญญาณชีพและบันทึก ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการของภาวะตกเลือดหลังคลอด โดยเฉพาะความดันโลหิต ชีพจร และอัตราการหายใจ เพราะการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพจะทำให้ทราบว่าสภาพร่างกายของผู้คลอดอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบรายงานแพทย์และให้การช่วยเหลือตามอาการ
2. ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะตกเลือด เช่น หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น มือเย็น ซีด
3. ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก เช่น เป็นก้อนกลมแข็ง มีการเคลื่อนต่ำลง โดยปกติมดลูกจะเคลื่อนต่ำลงเฉลี่ยวันละ 0.5 – 1 นิ้ว
4. ประเมินเลือดบนผ้าอนามัยว่าเป็นเลือดที่ออกจากทางช่องคลอดหรือแผลฝีเย็บ โดยดูลักษณะ สี ปริมาณของเลือด
5. ให้แนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันภาวะตกเลือด ดังนี้
- คลึงมดลูกบ่อยครั้ง เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะจะคัดขวางการเคลื่อนต่ำลง และทำให้มดลูกหดรัดตัวได้ไม่เต็มที่
- ให้ทารกได้ดูดนมบ่อยๆ เพราะจะทำให้ร่างกายของผู้คลอดหลั่งฮอร์โมน oxytocin ออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยในเรื่องการหดรัดตัวของมดลูกได้
- ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่เป็น high protein เช่น เนื้อ นม ไข่ หรือผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยซ่อมแซมแผลให้หายได้เร็วขึ้น
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ เปลี่ยนผ้าอนามัยมากกว่า2ชิ้น ภายใน 1ชั่วโมง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ
ประเมินผลทางการพยาบาล
- สัญญาณชีพ ปกติ
§ ความดันโลหิต 110/80 mmHg
§ ชีพจร 84 bpm
§ อุณหภูมิร่างกาย 37.1 ๐c
§ อัตราการหายใจ 22 bpm
- มดลูกลมแข็ง วัดระดับยอดมดลูกได้ 4 นิ้ว เหนือระดับของsymphysis pubic
- ผู้คลอดไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะตกเลือด เช่น หน้ามืด ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ
- ผู้คลอดมีน้ำคาวปลาสีแดงสด เปลี่ยนผ้าอนามัย 3 ชิ้น/วัน ไม่ชุ่ม
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2
ผู้คลอดมีโอกาสเกิดภาวะติดเชื้อหลังคลอด เนื่องจากมีฝีเย็บและแผลในโพรงมดลูก
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective data : -
Objective data : - ผู้คลอดมีแผลในโพรงมดลูก จากการลอกตัวของรก
- ผู้คลอดมีแผลฝีเย็บแบบ Right medio-lateral episiotomy
- แผลฝีเย็บฉีกขาดระดับ 2
วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
เพื่อเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อหลังคลอด
เกณฑ์การประเมินผล
- สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
§ ความดันโลหิต 90/60 – 140/90 mmHg
§ ชีพจร 60 – 100 bpm
§ อุณหภูมิร่างกาย 36.5 – 37.5 ๐c
§ อัตราการหายใจ 16 – 20 bpm
- ผู้คลอดไม่มีอาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผลฝีเย็บ น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
- น้ำคาวปลามีลักษณะสีจางลง ปริมาณลดลง ไม่มีกลิ่นเหม็น
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินสัญญาณชีพและบันทึก ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการของภาวะติดเชื้อหลังคลอด โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย เพราะการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพจะทำให้ทราบว่าสภาพร่างกายของผู้คลอดอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบรายงานแพทย์และให้การช่วยเหลือตามอาการ
2. ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผลฝีเย็บ น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
3. ประเมินลักษณะน้ำคาวปลาที่ออกมาจากทางช่องคลอด เช่น สีของน้ำคาวปลา ปริมาณ กลิ่น
4. ดูแลทำความสะอาดแบบ Universal precaution และก่อน/หลัง ทำการพยาบาลให้ผู้ป่วยทุกครั้งควรล้างมือทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคสู่ผู้คลอด
5. ให้แนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อหลังคลอด ดังนี้
- ควรทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ทุกครั้งหลังการขับถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะทุกครั้ง โดยวิธีการทำความสะอาดที่เหมาะสมคือ ควรเช็ดจากบริเวณด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ควรเช็ดย้อนขึ้นมา เพราะจะเป็นการพาเชื้อโรคบริเวณรูทวารมาสู่แผลฝีเย็บหรือเข้าสู่ทางช่องคลอดได้
- ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 ชั่วโมง หรือเมื่อผ้าอนามัยชุ่ม ไม่ควรใส่ผ้าอนามัยนานเกินไปเพราะเชื้อโรคจะเพิ่มจำนวนได้มากในบริเวณที่อุ่นเชื้อ
- ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่เป็น high protein เช่น เนื้อ นม ไข่ หรือผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยซ่อมแซมแผลให้หายได้เร็วขึ้น
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดบริเวณแผลฝีเย็บ น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ
ประเมินผลทางการพยาบาล
- สัญญาณชีพ ปกติ
§ ความดันโลหิต 110/80 mmHg
§ ชีพจร 84 bpm
§ อุณหภูมิร่างกาย 37.1 ๐c
§ อัตราการหายใจ 22 bpm
- ผู้คลอดไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผลฝีเย็บ คันภายในช่องคลอด
- ผู้คลอดมีน้ำคาวปลาสีแดงสด ไม่มีกลิ่นเหม็น
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 3
ผู้คลอดมีภาวะไม่สุขสบาย เนื่องจากมีแผลฝีเย็บและปวดบริเวณมดลูก
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective data : -
Objective data : - ผู้คลอดมีแผลในโพรงมดลูก จากการลอกตัวของรก
- ผู้คลอดมีแผลฝีเย็บแบบ Right medio-lateral episiotomy
- แผลฝีเย็บฉีกขาดระดับ 2
- pain score 2 คะแนน
วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
เพื่อบรรเทาอาการปวด ให้ผู้คลอดสุขสบาย
เกณฑ์การประเมินผล
- Pain score น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 คะแนน
- ผู้คลอดไม่มีอาการหน้านิ่ว คิ้วขมวด
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินคะแนนความเจ็บปวด (pain score) เพื่อวางแผนการพยาบาลบรรเทาอาการปวดให้ผู้คลอด
2. สังเกตอาการปวดของผู้คลอด เช่น อาการหน้านิ่ว คิ้วขมวด ขณะที่ผู้คลอดนอนนิ่งหรือขยับตัว
3. ประเมินภาวะเครียดทางด้านจิตใจและการตอบสนองทางอารมณ์ของมารดา และความเครียด เพราะจะทำให้เกิดความเจ็บปวดตามวงจรของความวิตกกังวล ความตึงเครียดและความเจ็บปวด
4. แนะนำวิธีบรรเทาอาการปวดของแผลฝีเย็บและมดลูก โดยใช้เทคนิคผ่อนคลายโดยการเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น การอ่านหนังสือ การฟังเพลง การนั่งสมาธิ เพื่อลดความวิตกกังวล ความกดดันทางจิตใจ
5. ช่วยเหลือผู้คลอดในการทำกิจกรรมบางอย่าง ที่ผู้คลอดไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
6. ดูแลให้ได้รับยาบรรเทาอาการปวดตามแผนการรักษาของแพทย์ พร้อมทั้งสังเกตอาการข้างเคียงจากการใช้ยา
- Paracetamol 500 mg 1 tab oral prn.
ประเมินผลทางการพยาบาล
- Pain score 2 คะแนน
- ขณะที่ผู้คลอดขยับตัว ไม่แสดงอาการหน้านิ่ว คิ้วขมวด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 4
ผู้คลอดมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม เนื่องเสียพลังงานจากการคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective data : - ผู้คลอดบอกว่า “รู้สึกอ่อนเพลียค่ะ”
Objective data : - ผู้คลอดมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
: - คลอดบุตรด้วยวิธี Normal labor
วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม
เกณฑ์การประเมินผล
- ผู้คลอดไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม
- ผู้คลอดไม่มีแผลหรือรอยฟกช้ำจากการพลัดตกหกล้ม
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินอาการอ่อนเพลีย ระดับความรู้สึกตัว และ การพลัดตกหกล้ม(Fall score) เพื่อวางแผนการพยาบาลป้องกันภาวะพลัดตกหกล้ม
2. จัดวางสิ่งของภายในตึกให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีแสงสว่างเพียงพอ และจัดของใช้ให้ผู้คลอดสามารถหยิบใช้งานได้สะดวก
3. ยกไม้กั้นเตียงทั้ง 2 ข้างขึ้นทุกครั้งหลังให้การพยาบาลเสร็จ เพื่อป้องกันผู้คลอดพลัดตกเตียง
4. แนะนำสถานที่ภายในอาคาร ห้องน้ำ ห้องพยาบาล กริ่งที่เตียงนอนและห้องน้ำ เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในขณะที่ผู้อยู่ตามลำพัง
5. แนะนำให้ผู้คลอดรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายมีแรง ป้องกันการพลัดตกหกล้ม
ประเมินผลทางการพยาบาล
- Fall score 23 คะแนน
- ผู้คลอดไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม
- ผู้คลอดไม่มีแผลหรือรอยฟกช้ำจากการพลัดตกหกล้ม
Day II
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1
ผู้คลอดมีโอกาสเกิดภาวะติดเชื้อหลังคลอด เนื่องจากมีฝีเย็บและแผลในโพรงมดลูก
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective data : -
Objective data : - ผู้คลอดมีแผลในโพรงมดลูก จากการลอกตัวของรก
- ผู้คลอดมีแผลฝีเย็บแบบ Right medio-lateral episiotomy
- แผลฝีเย็บฉีกขาดระดับ 2
วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
เพื่อเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อหลังคลอด
เกณฑ์การประเมินผล
- สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
§ ความดันโลหิต 90/60 – 140/90 mmHg
§ ชีพจร 60 – 100 bpm
§ อุณหภูมิร่างกาย 36.5 – 37.5 ๐c
§ อัตราการหายใจ 16 – 20 bpm
- ผู้คลอดไม่มีอาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผลฝีเย็บ น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
- น้ำคาวปลามีลักษณะสีจางลง ปริมาณลดลง ไม่มีกลิ่นเหม็น
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินสัญญาณชีพและบันทึก ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการของภาวะติดเชื้อหลังคลอด โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย เพราะการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพจะทำให้ทราบว่าสภาพร่างกายของผู้คลอดอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบรายงานแพทย์และให้การช่วยเหลือตามอาการ
2. ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผลฝีเย็บ น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
3. ประเมินลักษณะน้ำคาวปลาที่ออกมาจากทางช่องคลอด เช่น สีของน้ำคาวปลา ปริมาณ กลิ่น
4. ดูแลทำความสะอาดแบบ Universal precaution และก่อน/หลัง ทำการพยาบาลให้ผู้ป่วยทุกครั้งควรล้างมือทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคสู่ผู้คลอด
5. ให้แนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อหลังคลอด ดังนี้
- ควรทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ทุกครั้งหลังการขับถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะทุกครั้ง โดยวิธีการทำความสะอาดที่เหมาะสมคือ ควรเช็ดจากบริเวณด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ควรเช็ดย้อนขึ้นมา เพราะจะเป็นการพาเชื้อโรคบริเวณรูทวารมาสู่แผลฝีเย็บหรือเข้าสู่ทางช่องคลอดได้
- ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 ชั่วโมง หรือเมื่อผ้าอนามัยชุ่ม ไม่ควรใส่ผ้าอนามัยนานเกินไปเพราะเชื้อโรคจะเพิ่มจำนวนได้มากในบริเวณที่อุ่นเชื้อ
- ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่เป็น high protein เช่น เนื้อ นม ไข่ หรือผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยซ่อมแซมแผลให้หายได้เร็วขึ้น
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดบริเวณแผลฝีเย็บ น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ
ประเมินผลทางการพยาบาล
- สัญญาณชีพ ปกติ
§ ความดันโลหิต 110/80 mmHg
§ ชีพจร 64 bpm
§ อุณหภูมิร่างกาย 36.4 ๐c
§ อัตราการหายใจ 18 bpm
- ผู้คลอดไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้ ปวดบริเวณแผลฝีเย็บ คันภายในช่องคลอด
- ผู้คลอดมีน้ำคาวปลาสีแดงสด ไม่มีกลิ่นเหม็น
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2
ผู้คลอดมีโอกาสเกิดภาวะตกเลือด เนื่องจากมีฝีเย็บและแผลในโพรงมดลูก
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective data : -
Objective data : - ผู้คลอดมีแผลในโพรงมดลูก จากการลอกตัวของรก
- ผู้คลอดมีแผลฝีเย็บแบบ Right medio-lateral episiotomy
- แผลฝีเย็บฉีกขาดระดับ 2
วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
เพื่อเฝ้าระวังภาวะตกเลือดของผู้คลอด
เกณฑ์การประเมินผล
- สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
§ ความดันโลหิต 90/60 – 140/90 mmHg
§ ชีพจร 60 – 100 bpm
§ อุณหภูมิร่างกาย 36.5 – 37.5 ๐c
§ อัตราการหายใจ 16 – 20 bpm
- ผู้คลอดไม่มีอาการแสดงของภาวะตกเลือด เช่น หน้ามือ ใจสั่น มือเย็น ซีด วิงเวียนศีรษะ
- ระดับการลอยตัวของมดลูกเหนือหัวเหน่า(Symphysis Pubic) น้อยกว่า 4 นิ้ว
- มดลูกมีลักษณะ กลม แข็ง
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินสัญญาณชีพและบันทึก ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการของภาวะตกเลือดหลังคลอด โดยเฉพาะความดันโลหิต ชีพจร และอัตราการหายใจ เพราะการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพจะทำให้ทราบว่าสภาพร่างกายของผู้คลอดอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบรายงานแพทย์และให้การช่วยเหลือตามอาการ
2. ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะตกเลือด เช่น หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น มือเย็น ซีด
3. ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก เช่น เป็นก้อนกลมแข็ง มีการเคลื่อนต่ำลง โดยปกติมดลูกจะเคลื่อนต่ำลงเฉลี่ยวันละ 0.5 – 1 นิ้ว
4. ประเมินเลือดบนผ้าอนามัยว่าเป็นเลือดที่ออกจากทางช่องคลอดหรือแผลฝีเย็บ โดยดูลักษณะ สี ปริมาณของเลือด
5. ให้แนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันภาวะตกเลือด ดังนี้
- คลึงมดลูกบ่อยครั้ง เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะจะคัดขวางการเคลื่อนต่ำลง และทำให้มดลูกหดรัดตัวได้ไม่เต็มที่
- ให้ทารกได้ดูดนมบ่อยๆ เพราะจะทำให้ร่างกายของผู้คลอดหลั่งฮอร์โมน oxytocin ออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยในเรื่องการหดรัดตัวของมดลูกได้
- ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่เป็น high protein เช่น เนื้อ นม ไข่ หรือผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยซ่อมแซมแผลให้หายได้เร็วขึ้น
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ เปลี่ยนผ้าอนามัยมากกว่า2ชิ้น ภายใน 1ชั่วโมง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ
ประเมินผลทางการพยาบาล
- สัญญาณชีพ ปกติ
§ ความดันโลหิต 110/80 mmHg
§ ชีพจร 64 bpm
§ อุณหภูมิร่างกาย 36.4 ๐c
§ อัตราการหายใจ 18 bpm
- มดลูกลมแข็ง วัดระดับยอดมดลูกได้ 3 นิ้ว เหนือระดับของsymphysis pubic
- ผู้คลอดไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะตกเลือด เช่น หน้ามืด ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ
- ผู้คลอดมีน้ำคาวปลาสีแดงสด เปลี่ยนผ้าอนามัย 2 ชิ้น/วัน ไม่ชุ่ม
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 3
ผู้คลอดมีโอกาสเกิดภาวะไม่สุขสบาย เนื่องจากคัดตึงเต้านม
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective data : -
Objective data : - ทารกอยู่ที่ high risk
- ผู้คลอดบอกว่า “เริ่มคัดตึงเต้านมแล้วค่ะ”
- pain score 2 คะแนน
- LATCH score 10 คะแนน
- น้ำนมไหลระดับ 2 คะแนน
วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
เพื่อบรรเทาอาการปวด ให้ผู้คลอดสุขสบายจากอาการคัดตึงเต้านม
เกณฑ์การประเมินผล
- Pain score น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 คะแนน
- เต้านมนุ่ม ไม่คัดตึง หัวนมไม่แตก ไม่เจ็บหัวนม
- LATCH score 10 คะแนน
- น้ำนมไหลระดับ 2 คะแนน
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินอาการคัดตึงเต้านม การไหลของเต้านม วิธีการให้นมบุตร เพื่อวางแผนให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับผู้คลอด
2. จัดสถานที่ภายในอาคารให้ปลอดโปร่ง เงียบสงบ เพื่อลดความเครียดหรือความวิตกกังวลของผู้คลอด ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน oxytocin กระตุ้นให้น้ำนมไหลดี
3. สาธิตวิธีการให้นมทารกที่ถูกต้องทั้งท่านั่งหรือท่านอน และจัดท่าให้ผู้คลอดสุขสบาย ไม่เกรง
4. นวดบรรเทาอาการปวดคัดตึงเต้านม โดยใช้ผ้าชุบน้ำร้อนที่ไม่ทำให้ผิวหนังของผู้คลอดไหม้ จากนั้นนำมาประคบที่เต้านมพร้อมกับคลึงเต้านม เพื่อให้เต้านมนิ่ม หากเต้านมไม่นิ่มขึ้นอาจต้องบีบน้ำนมจากเต้าออกมา เพื่อลดปริมาณน้ำนมที่กักเก็บในเต้านม ช่วยลดอาการคัดตึงเต้านมได้
5. ให้แนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันภาวะตกเลือด ดังนี้
- การให้ทารกดูดนมที่ดูดวิธีมีทั้งหมด 4ด. คือ
ด1 (ดูดเร็ว) : ควรรีบให้นมทารกทันทีที่คลอดหรือทันทีที่ได้พบทารก
ด2 (ดูดบ่อย) : ในช่วง1-2เดือนแรก ทารกจะดูดนมทุก 2-3 ชั่วโมง
ด3 (ดูดถูกวิธี) : ทารกจะต้องอมหัวนมให้ได้มากที่สุดอาจถึงลานนมได้ คางแนบเต้านม ใช้ลิ้นให้การรีบน้ำนมออกมา
ด4 (ดูดเกลี้ยงเต้า) : เต้านมจะมีการผลิตน้ำนมออกมาทดแทนน้ำนมที่ถูกทารกดูดออกไป หากทารกดูดไม่เกลี้ยงเต้า น้ำนมให้ที่สร้างออกมาจะมีปริมาณลดลง ทำให้เกิดปัญหาน้ำนมน้อยได้
- ให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และกระตุ้นการสร้างน้ำนม เช่น ผักใบเขียวต่างๆ
- ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำเปล่า อย่างน้อยวันละ 2500 -3000 ml หรืออย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน ดื่มบ่อยๆและดื่มหลังในนมบุตรทุกครั้ง เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบหลักในน้ำนม
6. ดูแลให้ได้รับยาบรรเทาอาการปวดตามแผนการรักษาของแพทย์ พร้อมทั้งสังเกตอาการข้างเคียงจากการใช้ยา
- Paracetamol 500 mg 1 tab oral prn.
ประเมินผลทางการพยาบาล
- Pain score 0 คะแนน
- เต้านมนุ่ม ไม่คัดตึง หัวนมไม่แตก ไม่เจ็บหัวนม
- LATCH score 10 คะแนน
- น้ำนมไหลระดับ 2 คะแนน
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 4
ผู้คลอดขาดความรู้ในการปฏิบัติตนหลังคลอดเมื่อกลับบ้าน
ข้อมูลสนับสนุน
Subjective data : - ผู้คลอดถามว่า “กลับบ้านต้องทำตัวยังไงคะ”
Objective data : - G1P0000
- ผู้คลอดอายุ 20 ปี
วัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
ผู้คลอดสามารถปฏิบัติตนหลังคลอดเมื่อกลับบ้านได้
เกณฑ์การประเมินผล
- สามารถบอกอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ได้ อย่างน้อย 4 ข้อ
- สามารถบอกวิธีการดูแลตนเองได้อย่างน้อย 4 ข้อ
กิจกรรมการพยาบาล
1. ประเมินระดับความรู้ ความเข้าใจของผู้คลอด เพื่อวางแผนให้คำแนะที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับผู้คลอดให้มากที่สุด
2. แนะนำการปฏิบัติตนหลังคลอดเมื่อกลับบ้าน ดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงในช่วงกลางคืน
- รับประทานยาตามแผนการรักษาของแพทย์
- งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของหมักดอง ชา กาแฟ หรืออาหารรสเผ็ด
- ดูแลความสะอาดของร่างกาย ไม่ควรแช่ในอ่าง เพราะอาจทำให้มีการติดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกได้
- รักษาความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ ให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ควรเช็ดย้อน เพราะจะเป็นการพาเชื้อโรคบริเวณทวารเข้าสู่โพรงมดลูกได้
- เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 ชั่วโมง หรือ เมื่อผ้าอนามัยชุ่ม เพราะการใส่นานจะเกิดการสะสมของเชื้อโรคได้
- ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ ประมาณ 6 สัปดาห์หลังคลอด เพราะอาจทำให้แผลฝีเย็บฉีกขาดหรือเกิดการติดเชื้อได้ หากไม่ได้รับการป้องกัน
- การเลี้ยงลูกด้วยนม ควรเลี้ยงลูกด้วยนมบุตรนานอย่างน้อย 6 เดือน
- น้ำคาวปลาจะหายไปเองภายใน 21 วันหลังคลอด โดยจะมีปริมาณลดลง สีจางลง
- ควรบริหารร่างกายหลังคลอด ไม่ควรหักโหม ซึ่งออกแบบที่ไม่ต้องใช้แรงมากเกินไป
- หลีกเลี่ยงการขึ้น-ลง บันได เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และกระตุ้นการสร้างน้ำนม เช่น ผักใบเขียว แกงเลียง
- ทำความสะอาดเต้านม โดยใช้น้ำต้มสุขหรือน้ำเปล่า ไม่ควรใช้สบู่ล้างทำความสะอาด เพราะอาจมีสารตกค้างบริเวณเต้านมได้
3. แนะนำอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ ดังนี้
- มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส นานเกิน 24 ชั่วโมง
- ปวด บวม บริเวณแผลฝีเย็บ
- มีเลือด/หนอง ออกมาจากช่องคลอดหรือแผลฝีเย็บ
- น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น สีไม่จางลงหรือสีเข้มมากขึ้น
- มีเลือดสดๆออกมาจากทางช่องคลอด
- ปัสสาวะแสบขัด ไม่สุด
- คลำพบก้อนที่บริเวณหน้าท้องหลังคลอด 2 สัปดาห์
- เต้านมอักเสบ เป็นก้อนแดงช้ำ
ประเมินผลทางการพยาบาล
- ผู้คลอดสามารถบอกวิธีการปฏิบัติตัวหลังกลับบ้านได้
§ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
§ รับประทานยาตามหมอสั่ง
§ งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของหมักดอง ชา กาแฟ หรืออาหารรสเผ็ด
§ ดูแลความสะอาดของร่างกาย ไม่ควรแช่ในอ่าง
§ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 6 เดือน
§ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
§ ทำความสะอาดเต้านม โดยใช้น้ำต้มสุข
- ผู้คลอดสามารถบอกอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ได้
§ มีไข้ นาน 24 ชั่วโมง
§ ปวด บวม บริเวณแผลฝีเย็บ
§ มีเลือด/หนอง ที่อวัยวะสืบพันธุ์
§ น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น สีไม่จางลงหรือสีเข้มมากขึ้น
§ มีเลือดสดๆออกมาจากทางช่องคลอด
§ ปัสสาวะแสบขัด ไม่สุด
§ คลำพบก้อนที่บริเวณหน้าท้องหลังคลอด 2 สัปดาห์
§ เต้านมอักเสบ เป็นก้อนแดงช้ำ
ความคิดเห็น