คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] LOVE IS |01|
Chapter:01
...ถ้าไม่พูดหมายถึง โกหก ผมคงมีชีวิตอยู่กับการโกหก...
.
เสียงดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งบริเวณทางเดินของอาคารเรียนชั้นบนสุด ห้องเรียนทั้งหมดของชั้นนี้ถูกจัดไว้สำหรับนักเรียนปี 3 แผนกบัญชี และเกือบ 80% ของนักเรียนที่นี่เป็นผู้หญิง ช่วงเวลาพักเที่ยงเช่นนี้เสียงพูดคุย หยอกล้อคือเรื่องปกติ แต่วันนี้ความธรรมดาถูกทำให้พิเศษขึ้นมาอีกนิด เมื่อแว่วเสียงฮือฮาปะปนด้วยความตื่นเต้นมาจากคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินใกล้เข้ามา...
นายน้อยคนที่สองของ ‘แกงค์มังกร’ น้องชายคนเดียวของทายาทแกงค์มังกรรุ่นที่ 3 เด็กหนุ่มตัวเล็ก ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตเข้มจัด เส้นผมสีดำขลับระต้นคอ เดินผ่านมาท่ามกลางผู้คุ้มกันในชุดสูทสีดำล้วน ผู้ชายร่างยักษ์สามคนนับว่ามากเกินไปสำหรับวิทยาลัยชื่อดังทางด้านบริหารธุรกิจ นอกจากผู้คุ้มกัน(ที่เกินความจำเป็น) รอบตัวของลีซองมินยังเต็มไปด้วยกลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่ดูยังไงก็ไม่ต่างจากคณะผู้ติดตาม ขอแค่ได้เดินไปในกลุ่มเดียวกันกับนายน้อยก็รู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่บนพรมแดงชั้นดี
คนพวกนี้จะมัวมาเสียเวลาอยู่ในสถานศึกษาแห่งนี้ทำไม..โจคยูฮยอนทอดสายตามองและคิดแค่ในใจ เขาไม่อยากให้ความสนใจกับคนเหล่านี้มากนัก สิ่งที่คนน่าเบื่อพวกนี้ทำล้วนเต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระ คิดถึงแต่เรื่องแกงค์และความเป็นใหญ่ คนพวกนี้ไม่รู้หรอกว่าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมมากแค่ไหน คยูฮยอนคิดพร้อมกับเหยียดปากด้วยความรู้สึกเอือมระอา ทั้งที่คิดไว้ว่าจะมานอนหลับช่วงพักเที่ยงสักครึ่งชั่วโมงหลังกลับมาจากโรงอาหาร แต่ความสงบสุขยามเที่ยงวันกลับมีอายุสั้นนัก เด็กหนุ่มร่างสูงถอดถอนลมหายใจพร้อมกับก้าวยาวๆ ไปทางประตูห้องเรียน แล้วก็ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ลูกเจ้าพ่อเขาก็เดินมาถึงบริเวณนั้นเช่นกัน ช่วงขายาวกับช่วงก้าวที่สั้นกว่าเดินมาทันกันที่กรอบประตูพอดิบพอดี บานประตูถูกเปิดไว้เพียงแค่บานเดียว ทำให้ต้องมีใครสักคนยอมหยุดเพื่อให้อีกคนเดินล่วงเข้าไปก่อน และคนสองคนก็หยุดพร้อมกัน ต่างมองหน้ากันอย่างลองเชิง
“ให้คุณหนูเข้าไปก่อน!” หนึ่งในชายร่างยักษ์พูดขึ้นพร้อมกับดึงคอเสื้อเชิ้ตสีขาวของคยูฮยอนไว้ ในขณะที่คนถูกดึงหันกลับมาประสานสายตากับชายคนนั้นอย่างไม่นึกกลัว
“เอามือคุณออกไปจากตัวผมเดี๋ยวนี้!” คยูฮยอนพูดพร้อมกับทอดสายตามองด้วยความเย็นชา ถึงจะเสียเปรียบทางด้านรูปร่าง แต่กลับไม่มีประกายของความกลัวผ่านดวงตาดำคมกริบคู่นั้นเลย
“ไม่เป็นไร...ให้คยูฮยอนนี่เข้าไปก่อน ฉันรอได้” กังวานเสียงหวานใส แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจบอกอย่างยินดี ความหงุดหงิดถูกฉาบเคลือบไว้ภายใต้รอยยิ้มอ่อนโยน ทั้งที่อารมณ์กำลังคุกรุ่น ซองมินโมโหคนตรงหน้านัก ทำไมคยูฮยอนชอบทำอะไรขัดใจเขาอยู่เรื่อย
“นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูง แต่กรุณาอย่าเรียกผมว่าคยูฮยอนนี่อีก...ชื่อนั้นมีไว้สำหรับคนสนิท” โจคยูฮยอนตอบรับความใจดีด้วยสีหน้าเรียบเฉย เด็กหนุ่มตัวสูงผิวขาวจัดไม่รอฟังผลลัพธ์ในคำพูดของตัวเอง ขายาวก้าวเร็วๆ ผ่านกรอบประตูเข้าห้องไปทันที ริมฝีปากได้รูปเหยียดตรงด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงกำลังหัวเสียอย่างที่สุด ถ้ากระทืบเท้าเร่าๆ ได้เหมือนที่เคยทำตอนเด็กลีซองมินคงไม่รีรอ หรือไม่ก็คงอยากจะชกเขาสักหมัดสองหมัดให้หายแค้นเคือง เสียแต่...ในที่สาธารณะและเวลาเช่นตอนนี้ทำให้คุณหนูตัวเล็กไม่สามารถทำอย่างที่ต้องการได้ ลีซองมินต้องสร้างภาพตัวเองให้ดูดี ต้องทำให้ทุกคนเชื่อถือในฐานะน้องชายของทายาทรุ่นที่ 3 ซองมินอาจจะหลอกทุกคนได้อย่างแนบเนียน แต่ไม่ใช่กับผู้ชายอย่างโจคยูฮยอน คนที่เรียนหนังสือกับนายน้อยคนเล็กมาตั้งแต่อนุบาล
ตลอด 15 ปี คยูฮยอนเห็นซองมินมาแล้วในทุกรูปแบบ ลูกชายคนโตของแกงค์ดังฮันคยองเคยเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันในช่วงชีวิตนักเรียนมัธยมต้น ทั้งสองคนเริ่มห่างกันไปตั้งแต่ว่าที่หัวหน้าแกงค์มังกรจบการศึกษา ฮันคยองถูกส่งไปเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ในขณะที่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการเรียนบริหารฯ ในวิทยาลัยแห่งนี้ แต่น้องชายของเพื่อนกลับถูกส่งมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคยูฮยอนอีกครั้ง คุณหนูจอมเอาแต่ใจ ดื้อรั้น หัวแข็ง และคิดว่าเงินจะสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง เทวดาตัวน้อยผู้เก่งกาจในการสร้างภาพ
โจคยูฮยอนรู้จักลีซองมินดีเกินไป....
“เป็นไง หน้าบูดมาเชียวอาหารไม่ย่อยหรอ..” คิมรยออุคเพื่อนสนิทจอมห้าว หนึ่งในจำนวนผู้ชายเพียงไม่กี่คนของห้องร้องถามอย่างคนอารมณ์ดี หมอนี่คงไม่เคยอารมณ์เสียเลยสินะ...
“เปล่าหรอก...แค่...รำคาญนิดหน่อย” คยูฮยอนพูดพร้อมกับมองไปทางต้นเหตุของความรำคาญ
“แปลกวะ...ปกตินายไม่ค่อยสนใจใคร แล้วทำไม...” รยออุคเอียงคอมองเพื่อนพร้อมกับจับสังเกตสีหน้า ปกติคยูฮยอนไม่ค่อยสนใจใคร เจ้าของดวงตาสีดำสนิทมักจะมองผ่านเรื่องทุกเรื่อง คนทุกคนด้วยความเงียบขรึม น่าแปลกตรงที่...พอเป็นลีซองมิน คุณหนูตัวน้อยคนนี้กลับทำให้เพื่อนของเขามีปฏิกิริยารุนแรงด้วยเสมอ
“ไม่ว่านายจะกำลังคิดอะไรอยู่ ขอบอกว่าเลิกคิดไปได้เลย!” โจคยูฮยอนมองเพื่อนเต็มตาพร้อมกับร้องเตือนด้วยน้ำเสียงเข้มจัด หากรยออุคหรือจะกลัว เด็กหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความร่าเริงกลับยิ้มเจ้าเล่ห์
“บอกหน่อยได้ไหม ทำไมนายถึงไม่ค่อยชอบ..นักละ” รยออุคไม่ยอมเรียกชื่อซองมินออกมาตรงๆ แต่ทำอาการผงกหัวไปทางใคร...คนนั้นแทน
“เด็กเอาแต่ใจ นิสัยเสีย ใช้เงินเหมือนกระดาษชำระ ชอบใช้กำลัง ปากจัด แถมยังทั้งดื้อทั้งรั้นแบบนั้น มีส่วนไหนให้ควรชอบพองั้นหรือ” คยูฮยอนตอบคำถามของเพื่อนด้วยประโยคถามกลับ ใบหน้าคมเข้มยังเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดให้จับสังเกต
“เฮ้ย แต่เท่าที่ฉันเห็น ซองมินเค้าก็น่ารักดีนะ” (ตัวกลมๆ ผิวขาวๆ ตาแป๋วๆ) รยออุคยังคงไม่เลิกตอแย ยิ่งเห็นเพื่อนมีสีหน้านิ่งเรียบขึงตึงมากเท่าไร รยออุคก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นต่อ
“สร้างภาพไงละ” คยูฮยอนพูดสั้นๆ น้ำเสียงยังคงบ่งบอกถึงความขุ่นเคืองใจอย่างไม่ปิดบัง
จะโกรธจะขุ่นเคืองใจอะไรซองมินนักเล่า โจคยูฮยอน รยออุคมีคำถามแต่ก็เลือกที่จะคิดแค่ในใจ เริ่มหมดอารมณ์สนุกเมื่อเห็นว่าเพื่อนเริ่มพื้นเสียมากขึ้นทุกที
คยูฮยอนคงไม่รู้ตัวว่ามักจะมีอารมณ์และความรู้สึกกับลีซองมินมากกว่ามนุษย์ใดในโลกใบนี้ คนเฉยชา เงียบขรึมอย่างนายกลับพูดได้อย่างตรงไปตรงมา และพูดมากกว่าปกติกับคุณหนูคนนี้เพียงคนเดียว ลีซองมินทำให้นายแสดงอารมณ์ที่เก็บกดออกมาได้อย่างง่ายดาย นั่นเป็นเพราะความเกลียดชัง ความรำคาญ หรือเป็นเพราะว่าเหตุผลอื่นกันแน่โจคยูฮยอน....
~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~
หิมะสีขาวร่วงหล่นกระทบกับร่างสูงแข็งแรงของชายหนุ่มในชุดรัดกุม โจคยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน ส่งผลให้เกล็ดหิมะตกลงบนสันจมูกโด่ง คิ้วเข้มขมวดฉับ ก่อนจะใช้หลังมือเช็ดความเย็นและเปียกชื้นบริเวณจมูก ขยับดึงฮูดของเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ขึ้นป้องกันความหนาวเย็น หิมะแรกของฤดูกาลอาจจะทำให้เปียกได้ง่ายๆ ขายาวซอยถี่ขึ้นเพื่อเร่งฝีเท้า ผ่านสวนสาธารณะข้างหน้าไปก็จะถึงบ้านแล้ว
โจคยูฮยอนก้มหน้าก้มตาให้ความสนใจแค่ระยะทางที่เหลือน้อยลง ชายหนุ่มคงจะผ่านบริเวณนั้นไปได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเหล็กที่เสียดสีกันของชิงช้านั่งเล่นในสวนแว่วผ่านความมืดมาให้ได้ยิน
สองเท้าหยุดอยู่กับที่ก่อนจะหันไปมองยังที่มาของเสียง...ใครมานั่งเล่นชิงช้าในเวลาที่หิมะกำลังตกแบบนี้
ร่างเล็กในชุดสูทสากลอย่างเป็นทางการกำลังนั่งห้อยขาแกว่งชิงช้าเบาๆ สองตาเหม่อมองออกไปในความมืด วงหน้าที่ดูคุ้นตาทำให้เจ้าของคิ้วเข้มเผลอจ้องมองอย่างลืมตัว เสื้อผ้าสุดหรูดูไกลๆ ก็รู้ว่าราคาแพงลิบ ท่านั่งหลังตรง หน้าเชิด จมูกรั้นนิดๆ และสองมือกำแน่น แต่....สองเท้าเปลือยเปล่า
ทำไม ลีซองมิน ถึงมานั่งอยู่ในสถานที่แห่งนี่ ในเวลาเช่นนี้....
มันก็เรื่องของเค้าไม่ใช่หรือ คยูฮยอนคิดพร้อมกับยกไหล่ปัดความคิดแรกของตัวเองทิ้งไปอย่างไม่เสียดาย สองเท้ามุ่งตรงสู่เส้นทางเดิมอีกครั้ง น้องชายคนเดียวคงจะกลับมาถึงบ้านนานแล้ว เสียงท้องที่ร้องประท้วงทำให้คยูฮยอนสามารถสลัดความคิดถึงคนอีกคนที่คงจะนั่งหนาวอยู่ในสวนสาธารณะออกไปได้..
“ฮัดชิ้ว...” เสียงจามดังอยู่ในความมืดเป็นเครื่องยืนยันว่าลีซองมินคงจะหนาวมากจริงๆ คราวนี้คยูฮยอนเริ่มสงสัย ‘นายน้อยของแกงค์มังกร’ มานั่งตากหิมะเล่น...ทำไม ทั้งที่พยายามบอกกับตัวเองว่า มันเรื่องของเค้า ลีซองมินอาจจะอยากนั่งตากหิมะเล่นเพื่อเรียกร้องความสนใจตามประสาคนที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ใครจะไปเข้าใจจิตใจของเด็กคนนี้ เด็กนิสัยเสียที่แสนจะเย่อหยิ่ง และเอาแต่ใจตัวเองที่สุด แต่ภาพเท้าเล็กที่ปราศจากรองเท้าของลีซองมินกลับไม่ยอมเลือนหายไปจากความคิด และยิ่งแปลกนักเมื่อคยูฮยอนสำนึกได้ว่าลีซองมินกำลังนั่งอยู่เพียงลำพัง ผู้คุ้มกันและคนดูแลหายไปไหน... แปลกอย่างที่สุด
“คุณมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้!” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความมืดและเงียบสงบทำให้เจ้าของร่างเล็กสะดุ้งสุดตัว ลีซองมินกำลังหวาดกลัว
“อ๊ะ!!...” ซองมินเด้งตัวเองออกจากชิงช้า สองเท้าเหยียบลงบนพื้นเย็นเฉียบ ใบหน้าขาวซีดหันมามองเจ้าของเสียงทุ้มห้วนจัดที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วมองหน้าเขาด้วยความเฉยชา
“เอ่อ คยูฮยอน...” ซองมินเกือบจะหลุดปากเรียกชื่อ “คยูฮยอนนี่” หากความทรงจำครั้งล่าสุดที่เขาเผลอเรียกคนตรงหน้าด้วยชื่อนั้นหยุดซองมินไว้ นายน้อยตัวเล็กยกสองมือขึ้นกอดอก เชิดหน้าเม้มปากแน่น และมันเป็นภาพที่ทำให้คยูฮยอนหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็น ท่าทางของคนตัวเล็กกว่าทำให้นึกโมโหตัวเองอยู่ในใจ ไม่ควรเลย โจคยูฮยอนไม่ควรเข้ามายุ่งวุ่นวายกับลี ซองมินตั้งแต่แรก สุดท้ายลีซองมินก็ยังเป็นนายน้อยซองมินจอมเอาแต่ใจตัวเองอยู่ดี
“ว่าไง...ผมถามว่าคุณมานั่งทำอะไรตรงนี้” ในเมื่อเข้ามายุ่งแล้ว คยูฮยอนก็ไม่สามารถเดินจากไปทั้งๆ ที่ยังมีคำถามคาใจได้เช่นกัน
“นายสนด้วยหรอ!” ท่าทางของเด็กตรงหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิด ที่เพิ่มขึ้นก็คือสายตาที่เหลือบมองมาอย่างอวดดี
“ไม่ได้อยากจะสนใจนักหรอก แค่ไม่อยากเห็นเพื่อนร่วมชั้นต้องตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ตอนเช้าก็เท่านั้นเอง แต่...คิดดูอีกที คุณเป็นถึง ‘นายน้อยของแกงค์มังกร’ คงไม่มีใครที่ไหนกล้าทำอะไรหรอก” พูดจบคยูฮยอนก็หันหลังให้ด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยมที่จะเดินจากมา หากยังไม่ทันที่เจ้าของร่างสูงจะได้ออกเดินอย่างที่ใจคิดร่างเล็กที่กำลังสั่นสะท้านก็พุ่งเข้าใส่แผ่นหลังกว้าง ซองมินออกแรงผลักเต็มกำลัง ส่งผลให้คยูฮยอนเสียหลักจนเกือบลงไปวัดพื้นหญ้าที่เริ่มปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว คนถูกทำร้ายตั้งสติได้ก็หันมามองหน้าคนร้ายทันที
ซองมินตั้งใจกับการประทุษร้าย นายน้อยของแกงค์ดังหวังให้คยูฮยอนล้มลงไปตามแรงผลัก ไม่ได้สนใจที่จะเช็ดหยาดน้ำใสที่ร่วงลงมาทันทีที่ได้ยินประโยคสุดท้ายของคนตัวสูง สิ่งที่คยูฮยอนเห็นในตอนที่หันหน้ามาจึงกลายเป็นภาพของเด็กตัวร้ายที่ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา คยูฮยอนสะดุดลมหายในเก็บกลืนคำพูดรุนแรงที่มาจ่อรอไว้ได้ทัน มือหนาจับข้อมือเล็กกำแน่น
“ทำอะไรของคุณ! คิดว่าตัวเองรวยมีอำนาจล้นฟ้าแล้วจะทำอะไรใครก็ได้งั้นหรือ”
ไม่มีเสียงตอบกลับเป็นคำพูด ลี ซองมินพยายามยับยั้งน้ำตาที่กำลังไหลเป็นทางยาว ไหล่เล็กสะท้านไหว เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมาแผ่วเบานัก คยูฮยอนทอดสายตามองพร้อมกับถอนหายใจยาว มือหนาปล่อยมือน้อยที่เผลอกำไว้แน่น ซองมินยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ พร้อมกับสูดจมูกเบาๆ เด็กหนุ่มหันหลังให้ร่างสูงตลอดเวลาที่ทำอย่างนั้น โจคยูฮยอนจึงพลาดการมองเห็นใบหน้าขาวซีดที่เริ่มเป็นสีจัดขึ้น และซองมินก็ยินดีที่เป็นเช่นนั้น เขารู้ว่าถ้าคยูฮยอนเห็นก็คงตีความอาการหน้าแดงของเขาไปในทางอื่นอย่างแน่นอน
“ตกลงคุณจะบอกไหมว่ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้” ในเมื่อความเงียบไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ โจคยูฮยอนก็จำต้องเอ่ยปากย้ำคำถามอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แค่...แค่นั่งเล่น”
“แล้วทำไมถึงมานั่งเล่นแถวนี้”
“ไม่ได้หรือไง เราจะนั่งตรงไหนมันก็เรื่องของเรา!”
“แล้วรองเท้าคุณหายไปไหน” คยูฮยอนไม่ยอมหมดคำถามง่ายๆ ซองมินก้มลงมองเท้าเล็กของตัวเองก่อนจะเบะปากอย่างไม่พอใจ
“ไม่ได้ใส่มา...ก็เห็นอยู่”
“ทำไมไม่ใส่”
“นี่...จะถามอะไรนักละ นายจะกลับบ้านก็รีบๆ กลับไปสิ ไม่ต้องมายุ่งกับเรา” คนพูดจบประโยคด้วยการหันหลังหนี
“พี่ชายคุณรู้ไหมว่าคุณอยู่ที่นี่...” คยูฮยอนจี้ได้ถูกจุดที่สุด เพียงแค่ได้ยินคำว่าพี่ชายคนตัวเล็กก็สะดุ้งสุดตัว
“ฮะ..ฮันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”
“ตกลงมีเรื่องจริงๆ เรื่องอะไร” คยูฮยอนไม่เข้าใจ แต่พยายามบอกกับตัวเองว่าที่ต้องให้ความสนใจลีซองมิน ก็เพราะครั้งหนึ่งเคยสนิทสนมกันดีกับฮันคยอง เพื่อนรุ่นพี่คนนี้เป็นคนรักครอบครัวซ้ำยังมีภาระหน้าที่มากมายต้องรับผิดชอบ ฮันคยองไม่ควรต้องมากังวลกับความเอาแต่ใจของน้องชายตัวเอง
“นายไม่เกี่ยว ไม่ต้องมายุ่ง” ความอดทนของคยูฮยอนใกล้จะสิ้นสุดลงทุกที เท่าที่ต้องเสียเวลายืนตากหิมะซักถามอยู่นี่ก็มากเกินไปแล้ว เจ้าตัวไม่ยอมให้ความร่วมมือไม่พอยังกวนโมโหได้เก่งที่สุด โจคยูฮยอนสูดลมหายใจเอาความหนาวเย็นเข้าปอดเพื่อช่วยในการข่มอารมณ์ต่างๆ ที่กำลังพลุ่งพล่าน
“ผมไม่อยากให้ฮยองต้องมาเดือดร้อนเพราะความงี่เง่าของคุณ อย่าคิดว่าผมอยากจะยุ่งวุ่นวายกับคุณนักเลย เด็กร้ายกาจอย่างคุณควรจะปล่อยให้นอนหนาวอยู่ในสวนนี่แหละดีที่สุด” คยูฮยอนพูดจบก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง มือหนาควานหาโทรศัพท์เครื่องเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอกพร้อมกับกรอกเสียงผ่านสายแผ่วเบา ในขณะที่ลีซองมินยังคงยืนหันหลังให้อีกฝ่ายพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่สนใจว่าโจคยูฮยอนพูดโทรศัพท์กับใคร
เวลาผ่านไปแค่ 10 นาที แต่มันช่างดูยาวนานที่สุดสำหรับคนทั้งคู่ เสียงฝีเท้าของบุคคลที่สามช่วยให้ความเงียบที่แสนอึดอัดคลายลงเล็กน้อย การปรากฏตัวของเด็กชายตัวกลมแก้มป่อง เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลสดใสแตกต่างกับคนอีกคนที่ยืนนิ่งเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์
“ผมเอาคู่ของพี่มานะครับ” เสียงใสของเด็กวัยไม่น่าจะเกิน 10 ขวบทักทายกับพี่ชายเป็นประโยคแรกเรียกความสนใจของคนที่ยืนกอดอกได้ดีนัก
“อืม...ขอบใจนายมากนะเรียว” สิ้นเสียงของคยูฮยอน คนตัวขาวที่ผิวเริ่มซีดเพราะความหนาวเย็นก็หันมามองสองพี่น้องตรงหน้าอย่างเต็มตา ซองมินเขม่นมองเด็กตัวกลมที่เพิ่งยื่นอะไรบางอย่างให้คนตัวสูง ก่อนจะเดินแกมวิ่งเข้าหาด้วยความยินดี
“เรียว...นี่เรียวเหรอ โตขึ้นเยอะเลยนะ จำพี่ได้ไหม พี่ซองมินไง” เด็กน้อยขมวดคิ้วนิดนึงก่อนจะคลายออกพร้อมรอยยิ้มกว้างจนดวงตาเล็กปิดสนิท
“จำได้ครับ พี่ซองมินน่ารัก....และก็ใจดีด้วย” ปากกระจับสีแดงสดพูดได้แค่นั้นร่างทั้งร่างก็ถูกสวมกอดอย่างรักใคร่ ลีซองมินรัดแขนเข้ากับร่างอวบกลมอย่างไม่กลัวว่าจะทำให้เรียวอึดอัด การได้กอดใครสักคนช่วยลดความหนาวเย็นในใจและบรรเทาอาการสั่นสะท้านของร่างกายลงไปได้บ้าง
“เรียว นายกลับไปก่อน เดี๋ยวไม่สบาย” ซองมินได้ฟังคำสั่งห้วนห้าวแล้วก็จำต้องปล่อยร่างอุ่นอย่างเสียดาย
“พี่ซองมินจะไปที่บ้านเราเหรอครับพี่ชาย”
“ไม่/ใช่” สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกันแต่เป็นคนละคำตอบโดยสิ้นเชิง เด็กน้อยมองหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมาก่อนจะส่งสายตาเป็นคำถามไปยังพี่ชายตัวเอง
“นายกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะพา..เอ่อ..พี่ซองมินกลับไปด้วยกัน” คยูฮยอนคุกเข่าลงตรงหน้าน้องชายก่อนจะดันร่างเล็กหันหลังเป็นการบังคับให้น้องชายปฏิบัติตามคำสั่งในทันที
“เจอกันที่บ้านนะครับพี่ซองมิน” คนตัวกลมไม่วายหันมาส่งยิ้มกว้างให้พี่ซองมินก่อนจะเดินจากไป
เมื่อร่างเล็กลับหายไปทุกสิ่งทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ซองมินเริ่มรู้สึกถึงความหนาวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มขยับร่างหยุกหยิกเหลือบมองไปยังคนอีกคนก่อนจะนึกข่อนคอดในใจ
น่าจะแบ่งเสื้อกันใส่บ้าง หนาวจะตายอยู่แล้ว รู้งี้หยิบเสื้อโค้ทมาด้วยก็ดี ....เสื้อโค้ทงั้นหรือ แม้แต่เวลาจะใส่รองเท้ายังไม่มี แล้วจะเอาเวลาที่ไหนหยิบเสื้อละ ลีซองมิน
คยูฮยอนไม่พูดว่าอะไรแต่ยื่นของที่อยู่ในมือให้คนตัวเล็ก ซองมินขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจจนต้องเอ่ยปากถาม
“อะไร!”
“รองเท้าไง ถามโง่ๆ”
“เรารู้แล้วว่ารองเท้า แต่เอามาให้เราทำไม!” ซองมินเริ่มรู้สึกอยากร้องเอะอะโวยวายมากกว่าพูดดีๆ
“รองเท้าเขาเอาไว้ทำอะไรละ”
“เราไม่ใส่!” ซองมินมองรองเท้าผ้าใบตรงหน้าก่อนจะบอกปฏิเสธเสียงแข็ง
“อย่าเรื่องมาก ใส่ซะ!” คราวนี้คนตรงหน้าทำสีหน้าจริงจังบ่งบอกว่าความอดทนสุดท้ายได้หมดลงแล้ว ซองมินลอบมองคยูฮยอนอย่างนึกหวาดระแวงขึ้นมานิดๆ
...ชอบทำหน้านิ่งตาดุ นึกว่ากลัวหรือไง…
“ก็แค่นั้น” เสียงทุ้มที่ลอยมาเข้าหูทำให้สองมือที่เพิ่งจะรับรองเท้าผ้าใบคู่เก่าไม่บ่งบอกสีเกือบจะขว้างมันทิ้งข้างทางซะมากกว่าเอามาใส่
ลีซองมินนั่งลงบนชิงช้าตัวเดิม สอดเท้าเข้าไปในรองเท้าคู่เก่าที่คำนวณแล้วอายุการใช้งานคงเนิ่นนานหลายปี ขนาดของมันเกือบจะพอดีกับเท้าเขา คุณหนูของแกงค์ดังเหลือบตามองคนที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ พร้อมกับพยายามแก้เชือกผูกรองเท้าที่พันกันยุ่งเหยิง แต่เพราะมือที่เริ่มแข็งชา และจิตใจที่ไม่คงที่ทำให้ความพยายามของเขาไม่ประสบความสำเร็จอย่างสิ้นเชิง
...แย่ละ ยิ่งพยายามแก้มัดมันก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น ทำยังไงละทีนี้…
คยูฮยอนยืนทอดสายตามองด้วยความเอือมระอา แม้แต่เชือกรองเท้าลีซองมินก็ยังแก้มัดได้ไม่สำเร็จ ระดับมันสมองและความสามารถของคุณหนูดูเหมือนจะอยู่ในระดับเดียวกับเรียวอย่างไม่ต้องสงสัย
...หรืออันที่จริงอาจจะต่ำกว่าเพราะว่าเรียวคงใช้เวลาไม่นานนักในการแก้ปมเชือกรองเท้าผ้าใบ…
ภาพชายกางเกงสีดำตรงหน้าทำให้ซองมินชะงักมือที่กำลังวุ่นวายกับการแกะปมเชือกรองเท้าผ้าใบ เด็กหนุ่มเงยหน้ามองด้วยความขัดเคืองใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการปากอ้าตาค้าง โจคยูฮยอนย่อตัววางเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ดึงข้อเท้าเล็กให้ขยับมาข้างหน้าก่อนจะลงมือแกะปมที่พันเป็นก้อนกลมด้วยเวลาน้อยนิด จากนั้นเจ้าของรองเท้าก็จัดการผูกเชือกให้ด้วยความชำนาญ ซองมินพยายามจะดึงเท้าออกจากมือหนาแต่ไม่สำเร็จ ซ้ำยังได้สายตาดุปนความเบื่อหน่ายกลับมาเป็นของแถม ภาพของคนตรงหน้าทำให้ซองมินรู้สึกชาวาบในหน้า จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นร้อนวูบ แก้มเนียนเป็นสีจัด
โจคยูฮยอนกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา...เป็นไปได้อย่างไร
“เอาละ...ไปกันได้แล้ว” คยูฮยอนทำงานที่ซองมินใช่เวลานานหลายนาทีด้วยเวลาเพียงแค่นาทีเศษ คนตัวสูงออกคำสั่งแล้วก็ก้าวนำไม่สนใจว่าซองมินจะเดินตามมาหรือไม่ ดูคยูฮยอนช่างมั่นใจเหลือเกินว่าเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตาม ซองมินนึกค่อนอยู่ในใจ แล้วจู่ๆ ร่างสูงที่กำลังเดินนำไปข้างหน้าก็หยุดกึก ผู้ชายตรงหน้าใช้เวลาในการครุ่นคิดแค่อึดใจก่อนจะโยนเสื้อโค้ทตัวใหญ่ของตัวเองลงบนร่างเล็ก เสื้อตัวนั้นใหญ่จนสามารถคลุมตั้งแต่หัวของลีซองมินจนเกือบถึงเข่า คุณหนูที่กำลังตัวชาเพราะความหนาวสะดุ้งน้อยๆ ใช้มือปัดส่วนที่คลุมหัวให้ตกลงมาอยู่เพียงแค่ไหล่เล็กเหยียดตรง
“นายไม่หนาวหรอ...” ความหนาวทำให้ปากบางเป็นสีคล้ำและสั่นนิดๆ คยูฮยอนโทษความช่างสังเกตของตัวเอง เพราะเหตุนั้นถึงตัดสินใจสละเสื้อให้ แม้จะไม่นึกอยากยุ่งเกี่ยว แต่ในใจลึกๆ โจคยูฮยอนก็ไม่ใช่คนโหดร้าย ให้ยังไงคนตรงหน้าก็เป็นเพื่อนร่วมชั้น และลีซองมินยังเป็นน้องของพี่ชายที่เคารพนับถือ
ลีซองมินเดินตามโจคยูฮยอนไปบนเส้นทางที่ครั้งหนึ่งเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เส้นทางที่เคยคุ้นกับคนที่นานมาแล้วเคยมีแต่รอยยิ้มมอบให้กับทุกคน ทว่าโจคยูฮยอนในวันนี้ช่างเงียบขรึม เฉยชาและไร้ความรู้สึก โจคยูฮยอนไม่ได้ปฏิบัติเช่นนั้นกับทุกคน หลายๆ ครั้งพี่ชายของเรียวจงใจแสดงออกให้รู้อย่างโจ่งแจ้งว่าสิ่งเหล่านั้นมีแค่ซองมินที่ได้รับ
เหตุการณ์ระหว่างเขากับคยูฮยอนมันเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ซองมินก็จำไม่ได้เสียแล้ว เขางุนงงและแสนจะสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสมัยเด็กคนนี้ แต่คนอย่างซองมินมีศักดิ์ศรีมากพอ ในเมื่อรู้ตัวดีว่าไม่ได้บกพร่องหรือทำผิดอันใด มันก็ไม่มีเหตุผลที่ซองมินต้องเอ่ยปากถามมิใช่หรือ...
TBC…
:: Shortfic คั่นเวลาระหว่างที่รอฟิกยาวเรื่องหลักค่ะ บางคนอาจจะเคยอ่านเรื่องนี้มาก่อนแต่เป็นคู่อื่นก็อย่าได้ตกใจไปค่ะ คนแต่งคนเดียวกัน ไม่ได้เอาของใครมาปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด เพียงแต่ที่มาเป็นคู่คยูมินได้เพราะมีคนบอกไว้ว่า..คาแรกเตอร์แบบนี้ เป็นคยูมินนั่นแหละ เป๊ะที่สุดแล้ว (ฮาาาาา) อ้อ ไอ้คนบอกมันก็สาวกเดนตายของคยูมินนั่นแล ^^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ถ้าใจดีทิ้งคอมเม้นท์ไว้ให้ด้วยก็จะดีใจมาก ~
ความคิดเห็น