ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo] ราชินีบัลลังก์ทอง (KrisLay,HunHan)

    ลำดับตอนที่ #3 : ELISABETH 01 : พระคู่หมั้น (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 56





     








              หลังจากที่อี้ชิงโดนเจ้าของสถานที่อย่างอู๋อี้ฟานจับได้ ก็ถูกกักตัวไว้สอบสวนอยู่นาน คำถามว่าเป็นใคร? มาจากไหน? เข้ามาในเขตพระราชฐานของเจ้าชายได้อย่างไร? ถูกถามมาเป็นคำถามแรกๆ แต่อี้ชิงก็ยังไม่ยอมเปิดปากตอบจนอู๋อี้ฟานต้องขู่


              “หากเจ้าไม่ตอบ เช่นนั้นข้าคงต้องเรียกทหารวังแล้วส่งตัวเจ้าไปให้พระราชาเสด็จพ่อของข้า”


              คำขู่เพียงเท่านั้นทำให้จางอี้ชิงยอมที่จะเปิดปากพูดทุกเรื่อง ตอบคำถามให้ชนิดที่ไม่เว้นวรรคให้ได้หายใจกันเลยทีเดียว


              ไม่อยากติดคุก ... ไม่อยากโดนทำโทษ


              “เฮ้อ ... กว่าจะหลอกล่อให้เด็กปากแข็งอย่างเจ้าเปิดปากสารภาพได้!” อู๋ฟานถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ท่าทีที่อ่อนลงบ้างแล้วทำให้อี้ชิงเริ่มหายใจหายคอได้ทั่วท้อง


              “เรื่องของหม่อมฉันก็มีอยู่เพียงเท่านี้แหละเพคะ ... เอ่อ เจ้าชายเพคะ หากพระองค์คลายสงสัยในตัวหม่อมฉันแล้ว ได้โปรดลดดาบตรงหน้าหม่อมฉันลงได้หรือไม่เพคะ หากเกิดผีผลักขึ้นมาคงไม่ดี” อี้ชิงขอร้อง อู๋ฟานค่อยๆลดดาบในมือลงก่อนจะเก็บลงไปในฟักที่ข้างตัว


              “แต่ยังมีอีกเรื่องที่ข้าสงสัย” ว่าพลางยืนมือไปตรงหน้าอี้ชิงให้เจ้าตัวได้จับเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นมาและพาไปนั่งที่เก้าอี้ ทีแรกอี้ชิงไม่ยอมนั่งเพราะจะให้ตีเสมอยศกับเจ้าชายก็คงทำไม่ได้ แต่อู๋อี้ฟานไม่ยอมกดตัวอี้ชิงให้นั่งลงพร้อมทั้งขู่ว่าหากไม่ทำตามจะเรียกทหารมา

    ช่างเป็นเจ้าชายที่เผด็จการจริงๆ...


              “ทำไมเจ้านอนหลับอยู่ใต้ต้นโอ๊คตลอดแต่ไม่มีใครพบ ทั้งๆที่ทหารก็ไปตามหาแถวนั้นแล้วแท้ๆ” อู๋ฟานถามอย่างสงสัย


              “หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ ... หม่อมฉันเล่าให้พระองค์ฟังหมดแล้ว ว่าหม่อมฉันเผลอหลับไปตั้งแต่ฟ้าสว่าง ตื่นมาอีกทีก็ฟ้ามืดและวิ่งหนีทหารมาที่นี่แหละเพคะ”


              “ข้ารู้ ... แต่อย่างไรข้าก็สงสัยอยู่ดี ต้นโอ๊คนั่นไม่ใช่ต้นเล็กๆเลย แล้วเจ้าใส่เสื้อสีฉูดฉาดเช่นนี้ทำไมทหารถึงสังเกตไม่เห็น” อู๋ฟานนั่งพูดเรื่องราวเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาประมาณสามถึงสี่รอบได้ อี้ชิงที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มแสดงความเบื่อออกมาอย่างชัดเจน


              และแน่นอนนิสัยของจางอี้ชิง ...


              มักจะคิดไม่ค่อยทันคำพูดเสมอ!!!


              “คงเป็นเพราะทหารวังของพระองค์สายตาไม่ค่อยจะสู้ดีกระมัง หม่อมฉันที่นอนอยู่ใต้ต้นโอ๊คที่ดูจะสังเกตุง่ายก็ยังมองไม่เห็น” คำตอบที่ดูหงุดหงิดจากจางอี้ชิงทำให้อู๋อี้ฟานแย้มยิ้ม อี้ชิงมองเห็นสายตาเจ้าเล่ห์นั่นก็ฉงน


              “ยอมสนทนากับข้าแล้วหรือ?”


              “พระองค์...!” รอยยิ้มของอู๋ฟานเปลี่ยนเป็นยียวน “แกล้งหม่อมฉันหรือเพคะ!!!” อี้ชิงเผลอตวาดออกมาเสียงดัง ฟานต้องรีบเอื้อมมือไปปิดปากอีกฝ่ายทันที แต่อี้ชิงก็ดิ้นไม่ยอมหยุด


              “อ่อยอะ” เสียงหวานอู้อี้จนฟังแทบไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดดิ้น


              “ไม่! ข้าจะยอมปล่อยจนกว่าเจ้าจะอยู่เฉยๆ เจ้าจะโวยวายเสียดังทำไม เดี๋ยวทหารวังที่อยู่แถวนี้ก็ได้แห่กันมากหรอก เจ้าคงไม่อยากตกไปอยู่ในมือของพระราชาหรอกนักหรอกใช่หรือไม่!


              คำว่าพระราชาทำให้อี้ชิงนิ่งลงได้อีกครั้ง อู๋ฟานยอมลดมือลง อี้ชิงเดินหนีอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนกระแทกตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างไม่สนใจ


              เคยแต่แกล้งคนอื่น ไม่คิดว่าคนอื่นจะมาแกล้งตัวเองได้ ...

    คิดแล้วก็เจ็บใจ!!!


              “คืนนี้เจ้าคงต้องอยู่ที่ห้องของข้าไปก่อน ถ้าได้เวลาข้าจะพาเจ้าออกไปทางประตูหลังวัง ... ตอนนี้ทหารในวังได้รับคำสั่งให้ตามหาเจ้ากันให้ทั่ว”


              “ตามหาหม่อมฉัน?”


              “ใช่ ... ก็เพราะเจ้าหายตัวไป พ่อกับแม่ของเจ้าได้ขอร้องให้พระราชาตามหาให้ พ่อแม่ของเจ้าบอกว่าเจ้าน่าจะอยู่ในวังเพราะเจ้าวิ่งหนีไปตอนที่ถึงคิวพี่สาวของเจ้ามาดูตัว” อี้ชิงพยักหน้าตาม


              ท่านพ่อท่านแม่ ...

    ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย!!!


              “ถ้าเช่นนั้น ... พระองค์ก็ต้องรู้แต่แรกที่เห็นหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่ ว่าหม่อมฉันคือคนที่ถูกตามหา” สีหน้าอี้ชิงเริ่มที่จะเอาเรื่องขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากเจ้าชายรู้อยู่แล้วว่ามีการตามหาตัวเธอ

    แล้วเรื่องสอบสวนเมื่อสักครู่นี้ที่ทำให้เธอกลัวแทบตายนั้น

    เจ้าชายแกล้งเล่นอย่างนั้นหรือ!!!

    อู๋อี้ฟานแทบจะหลุดขำเมื่อรู้ว่าอี้ชิงอ่านเกมที่เขาแกล้งได้ออก แต่ก็ยังตีสีหน้าเคร่งขรึมเอาไว้ หากยอมรับออกไปตรงๆตอนนี้ คนตรงหน้าต้องเสียงดังเกินควบคุมได้อีกแน่ๆ


              “ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้า ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นใคร”


              “แต่พระองค์ก็น่าจะรู้แต่แรกว่าเป็นหม่อมฉัน!! ... พระองค์ไม่ได้เขลาไม่ใช่หรือเพคะ!!” นี่แหละจางอี้ชิงตัวจริง ถ้าเกิดอารมณ์โมโหขึ้นต่อให้เป็นใครหน้าตรงหน้า พ่อแม่ พี่น้อง หรือจะมียศเป็นเจ้าชาย


              จางอี้ชิงก็ไม่เคยสนใจ!!!


              อู๋อี้ฟานหน้าชาไปนิดกับคำต่อว่าเมื่อสักครู่ ไม่คิดว่าสาวสวยรูปร่างหน้าตาน่าชมเช่นนี้จะมีวาจาที่ร้ายกาจยิ่งกว่าแม่ค้าปากตลาดที่เขาเคยเคยได้พบเจอเมื่อหนีออกไปเที่ยวนอกวังเสียอีก!


              “ข้าไม่ได้เขลา ... เพียงแต่ข้าก็ต้องป้องกันตัวข้า อยู่ดีๆใครหน้าไหนก็ไม่รู้เข้ามาอยู่ในห้องข้า จะให้ข้าอยู่นิ่งๆเชิญมาดื่มน้ำชาเป็นเพื่อนกันหรืออย่างไร”


              “แต่เมื่อรู้ว่าเป็นหม่อมฉัน พระองค์ก็ไม่สมควรชักดาบมาจ่อคอหม่อมเพื่อสอบสวนไม่ใช่หรือเพคะ!!!


              “แล้วถ้าหากเจ้าโกหกเล่า!


              “พระองค์!!! ...”


              “ชู่ว์ ... เจ้าเสียงเบาๆหน่อยสิ จางอี้ชิง หากทหารผ่านไปผ่านมาตรงนี้ได้ยินเข้า เจ้าจะไม่ได้ออกไปจากวังเงียบๆอย่างที่เจ้าหวังไว้นะ!” คำบอกของอู๋ฟานทำให้อี้ชิงเงียบลง ใบหน้าหวานหันไปอีกทางไม่ยอมหันกลับมามอง อู๋ฟานมองปฏิกิริยานั้นของอี้ชิงอย่างขำๆ


              ขี้งอนเหมือนพวกเจ้าหญิงในวังเลย...


              บรรยากาศในห้องเงียบไปสักพักใหญ่ อี้ชิงที่คิดเคียดแค้นเจ้าชายเจ้าของห้องเริ่มรู้สึกที่จะง่วงขึ้นมาบ้างหากแต่ก็ฝืนเอาไว้ แต่ใช่ว่าอู๋ฟานจะไม่สังเกตเห็นแต่พยายามทำเป็นไม่สนใจต่างหาก


              รอไปอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ใกล้จะถึงเวลาที่ทหารประตูวังเปลี่ยนเวร ช่วงเวลานั้นถ้าจะพาจางอี้ชิงแอบออกไปนอกวังก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหา เพราะอู๋อี้ฟานมักจะใช้ประตูตรงนั้นและเวลานั้นในการแอบออกไปนอกวังเพื่อเที่ยวเล่นทุกที


              “อีกนานหรือไม่เพคะ ที่หม่อมฉันจะออกไปนอกวังได้”


              “ไม่นานหรอก ... ถ้ามองจากตรงนี้พระจันทร์ขึ้นถึงยอดต้นไม้นั่นเมื่อไหร่ ทหารทั้งวังก็จะเปลี่ยนเวร ช่วงเวลานั้นข้าจะพาเจ้าออกไป” อี้ชิงมองตามมืออู๋ฟานที่ชี้ให้ดูพระจันทร์


              นี่ยังไม่มีวี่แววว่าพระจันทร์จะขึ้นถึงยอดไม้เท่าไหร่เลย!


              “แต่จะดีหรือที่ ... ไม่ให้ข้าบอกทหารวัง ให้พวกนั้นไปส่งเจ้าที่บ้านข้าว่าจะดีกว่านะ อย่างน้อยเจ้าก็จะได้ไม่โดนพ่อและแม่ของเจ้าว่ามากนัก ... แต่หากเจ้าออกไปเองตอนนั้น กว่าจะเดินถึงบ้านก็คงมืดมาก ใกล้สว่างเต็มที” อู๋ฟานออกความเห็น แต่อี้ชิงส่ายหน้า


              “ไม่ดีกว่าแน่นอนเพคะ ... หม่อมฉันกลับบ้านดึกบ่อยจนพ่อกับแม่ของหม่อมฉันชินแล้วเพคะ ให้หม่อมฉันโดนว่าว่ากลับบ้านดึก ดีกว่าให้โดนว่าว่าหายตัวอยู่ในพระราชวัง”


              “ทำไม...?” อู๋อี้ฟานถามอย่างไม่เข้าใจ จะเป็นไปได้หรือหญิงโสดหน้าตาสะสวยอย่างจางอี้ชิง พ่อแม่จะยอมให้อยู่นอกบ้านจนค่ำคืน


              นี่มิใช่วิถีของหญิงโสดมิใช่หรือ!!


              “พระองค์คงไม่อยากรู้เหตุผลที่แท้จริงหรอกเพคะ ... เอาเป็นว่า หม่อมฉันจะรอให้ถึงเวลานั้นแล้วออกไปนอกวังกับพระองค์จะดีกว่า” อี้ชิงเอ่ยบอก อู๋อี้ฟานยิ้มเมื่อสังเกตได้ว่าท่าทางโกรธเคืองที่จับได้ว่าตนแกล้งเธอไปเมื่อกี้ค่อยๆมลายหายไปแล้ว


              อู๋ฟานค่อยๆเอนตัวพิงกับพนักพิงเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย อี้ชิงเห็นอย่างนั้นก็ทำตามบ้าง แต่ต่างกันอยู่นิดเดียวตรงที่อี้ชิงหลับตาแต่อู๋ฟานไม่ได้หลับตา


              “น่าแปลก ... ทำไมไม่มีชื่อเจ้าในบัตรเชิญงานดูตัว ทั้งๆที่เจ้าก็เป็นลูกสาว อายุก็เกิน 17 ปีแล้ว” อู๋ฟานพูดเปรยๆ อี้ชิงลืมตาขึ้นมามองคนพูดแทบจะในทันที


              “ไม่ดีหรือเพคะ? ... ตัวเลือกของพระองค์จะได้น้อยลงไปอีก 1 คน”


              “แล้วเจ้าไม่คิดจะเรียกร้องให้ตัวเองมีชื่อในบัตรเชิญบ้างหรืออย่างไร ... หญิงโสดคนใดก็อยากเข้ามาร่วมพิธีนี้” อู๋ฟานถาม สองตาสบกันอยู่นานกว่าอี้ชิงจะตอบออกมา


              “ไม่เพคะ ... หม่อมฉันไม่ชอบเป็นตัวเลือกของใคร ชีวิตของหม่อมฉันไม่ค่อยได้มีโอกาสเลือกมากนัก หม่อมฉันจึงขอเว้นเรื่องคู่ครองไว้เรื่องนึงว่าหม่อมฉันจะขอเป็นคนเลือกเอง และท่านพ่อท่านแม่ของหม่อมฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร”


              “แต่พี่สาวของเจ้า”


              “พี่สาวหม่อมฉันกับหม่อมฉันไม่ค่อยถูกกันหรอกเพคะ เมื่อคราก่อนที่หม่อมฉันจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราหม่อมฉันจำไม่ได้เลยว่าพวกเรารักกันหรือไม่ แต่เมื่อที่หม่อมฉันฟื้นขึ้นมา เราไม่ค่อยจะถูกกัน ไม่ค่อยรักกันเหมือนกับพี่น้องบ้านอื่นเขา”


              “หมายความว่า ... เจ้าไม่ค่อยชอบพี่สาวของเจ้าหรือ?”


              “ไม่ใช่ไม่ค่อยชอบนะเพคะ ... เรียกว่าไม่ชอบเลยดีกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับเกลียดหรอกนะเพคะเพราะอย่างไรก็เป็นพี่สาวร่วมสายเลือดกับหม่อมฉัน” อี้ชิงพูดไปก็ยิ้มเหยียดไป อู๋ฟานมองคนตรงหน้าดูก็รู้ว่ารอยยิ้มนั้นขมขื่นแค่ไหน


              “พระองค์จะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่พระองค์จะคิดนะเพคะ ... คนนิสัยดื้อซนกระโดกกระเดกไม่ฟังใครอย่างข้า กับเรียบร้อยซ่อนลายอย่างพวกพี่สาวข้า พวกเรานิสัยเข้ากันไม่ได้เลยสักนิด เลยอยู่ด้วยกันไม่ค่อยได้หนะเพคะ”


              “ใช่ ... พี่สาวของเจ้าดูเรียบร้อยน่ารัก คนโตดูพูดน้อย คนกลางพูดเก่งอัธยาศัยดี ทั้งสองต่างจากเจ้าอยู่มาก ... พ่อและแม่ของเจ้าสอนมาไม่เหมือนกันหรือ?” พอจบคำถามอู๋อี้ฟานก็อยากจะตบปากตัวเองแรงๆสักที


              ว่าแต่หญิงตรงหน้านี้ปากเสีย ตัวเขาเองก็ปากเสียไม่ต่างสักเท่าไหร่!!


              “พระองค์!!” อี้ชิงอารมณ์พุ่งพล่านขึ้นอย่างทันควัน คำถามของอู๋อี้ฟานเหมือนจะแอบด่ากันกลายๆ


              “เอ่อ ข้า ...”


              “แต่ก็คงเป็นอย่างที่พระองค์บอกกระมังเพคะ ท่านพ่อกับท่านแม่หม่อมฉันสอนมาไม่เหมือนกัน!!


              “เอ่อ อี้ชิง ข้าไม่ได้จะว่าเจ้านะ ข้าแค่ ...”


              “พระองค์ว่าหม่อมฉัน อย่าแก้ตัวเลยเพคะ!


              “ข้าไม่ได้ว่า”


              “พระองค์ว่า!


              “อย่าเถียงข้าสิอี้ชิง ข้าไม่ได้ว่า!


              “หม่อมฉันไม่ได้เถียงพระองค์ หม่อมฉันแค่พูดเรื่องจริง คำพูดของพระองค์เมื่อสักครู่พูดว่าหม่อมฉันเหมือนกับว่าท่านพ่อท่านแม่ของหม่อมฉันไม่ได้สั่งสอนหม่อมฉันมา!


              “ก็ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ว่า ข้าแค่ใช้คำถามผิด!


              “พระองค์ว่า ... พระองค์ว่าหม่อมฉัน คนที่ไม่ควรเถียงคือพระองค์นั่นแหละเพคะ!!


              ทั้งสองยังคงเถียงกันต่อไปด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีใครยอมใครเสียงดังเหล่านั้นดังทะลุออกไปจนถึงด้านนอกจนทหารที่เดินตรวจตราผ่านไปผ่านมามองเข้าไปในห้องของเจ้าชายด้วยความงุนงง

    เหตุใดหนอ ... ภายในห้องนอนของเจ้าชายโสดถึงได้มีเสียงดังเอะอะโวยวายของผู้เป็นหญิงสาวด้วย


              ไม่ได้การ! ต้องรีบไปกราบทูลพระราชาและพระราชินี!


     

     

     


              วันต่อมาอี้ชิงถูกส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัยในรุ่งเช้าโดยทหารวัง คนทั้งบ้านออกมาต้อนรับที่หน้าบ้านพร้อมหน้ากันทุกคนด้วยความเป็นห่วง เว้นแต่พี่สาวสองคนที่อี้ชิงมองแล้วก็รู้ว่ามันก็แค่ความเป็นห่วงจอมปลอมเท่านั้น!


              “กลับมาบ้านได้แล้วก็ดี ข้าคิดว่าเจ้าจะอยู่อ่อยเจ้าชายอีกหลายวันเสียอีก”


              “นั่นสิจางอี้ชิง ... เจ้านี่แผนสูงนักนะไปหลบอยู่ที่ใดมาทหารวังถึงได้หาไม่เจอ!!


              หลับหลังที่ท่านพ่อกับท่านแม่เดินออกไปพี่สาวทั้งสองก็ตั้งท่าเป็นศัตรูกับอี้ชิงขึ้นมาทันที ร่างบางได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย


              รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรท่านพี่ของเธอก็ต้องหาเรื่อง!!


              ไหนๆก็ไหนๆ จัดเรื่องให้อิจฉาจนอกแตกตายเสียหน่อยเป็นไร!!!

    พวกท่านพี่อยากรู้จริงหรือว่าข้าไปหลบอยู่ที่ใดมาอี้ชิงเริ่มเล่นหูเล่นตา เมื่อวานถึงข้าจะหนีออกไปก่อน ไม่ได้เข้าไปด้วยที่ห้องดูตัวกับพวกท่านพี่แต่ข้าก็มีโอกาสได้เห็นเจ้าชายอู๋อี้ฟานเหมือนกับท่านพี่ทั้งสองเลยนะ


              “จางอี้ชิง!หญิงสาวทั้งสองขบกรามแน่น แต่อี้ชิงก็ยังทำยิ้มลอยหน้าลอยตา


              “ต้องขอบคุณความขี้เซาของข้าแท้ๆ เจ้าชายเองก็ช่างน้ำใจงามเสียเหลือเกิน ข้าว่าท่านคงรู้แล้วใช่หรือไม่ว่าเรือนหลังเล็กโทรมๆหลังปราสาทเป็นห้องของเจ้าชายอี้ชิงแกล้งถามในสิ่งที่ตัวเองก็รู้อยู่แล้วว่าพี่สาวของตนต้องรู้ ซึ่งคำถามนั้นก็เรียกริ้วรอยสีแดงบนใบหน้าของพี่สาวทั้งสองได้เป็นอย่างดี


              “วันนี้ข้าได้เข้าไปที่นั่น ได้พูดคุยกับเจ้าชาย เจ้าชายแตะมือข้า แตะเอวข้า ซ้ำยังชมข้า ว่าข้าสวยกว่าพวกท่านเป็นร้อยเป็นพันเท่าประโยคหลังก็เติมแต่งขึ้นมาเองนิดหน่อย


              “อี้ชิง! อย่าโกหก!


              “อ้าว ข้าไม่ได้โกหก! ข้าพูดเรื่องจริง! ... นี่ถ้าพวกท่านพี่ไม่เชื่อก็ลองดมกลิ่นดูสิ ข้ายังไม่ได้อาบน้ำกลิ่นเจ้าชายน่าจะยังติดตัวข้าอยู่บ้างว่าพลางเดินเข้าไปใกล้พี่สาวทั้งสอง

    อี้ชิงโกหก!

    ที่จริงแล้วเธออาบน้ำมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เมื่อคืนหลังจากที่ถูกคนในวังจับได้ว่าตัวเองหลบทหารมาอยู่ในห้องของเจ้าชายอู๋อี้ฟาน อี้ชิงเลยได้รับอนุญาตให้ค้างคืนที่ในวังได้จากราชินีและพระราชา โดยรุ่งเข้าจะให้ทหารของวังไปส่ง

    อี้ชิงรู้ดีว่ากลับบ้านมาพี่สาวต้องมาคอยจิกกัดและถากถาง เพราะฉะนั้นในระหว่างที่จะอาบน้ำอี้ชิงจึงขอนำสบู่และน้ำหอมส่วนตัวของเจ้าชายมาฉีดและอาบเพื่อให้กลิ่นติดกับมาแกล้งพี่สาวทั้งสองของตนบ้าง

    และดูเหมือนจะแกล้งได้ผลดีเสียด้วย!


              “จะ เจ้า เจ้าไปเอาน้ำหอมนี้มาจากไหน จางอี้ชิง!!!!!!พอได้ดมดูพี่สาวทั้งสองก็รู้ทันทีว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมประจำกายของเจ้าชายอู๋อี้ฟานจริงๆ


              “แหม~ ข้าบอกท่านพี่ไปตั้งแต่ต้นแล้วนี่คะ เมื่อคืนข้าอยู่ในห้องนอนของเจ้าชาย สองต่อสอง เกือบทั้งคืนอันที่จริงอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่างหาก


              “จางอี้ชิง .... เจ้ามัน!!พี่สาวคนโตแทบจะถลาเข้ามาเพื่อหมายจะตบหน้าอี้ชิง แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงเข้ามาห้ามเสียก่อน


              “รี่อินหยุด ... อย่าตบน้อง!!! เสียงทุ้มดังกัมปนาทจากคนเป็นพ่อทำให้รี่อินหยุดมือที่กำลังจะฟาดลงบนหน้าอี้ชิงได้ทันควัน อี้ชิงที่ยืนลอยหน้าลอยตายิ้มสะใจเมื่อสักครู่ก็หุบยิ้มลงทันที


              รู้สึกเหมือนความซวยกำลังจะมาเยือน


              เพี๊ยะ!!!


                “ท่านพ่อ ... ท่านพี่” เสียงหลงจากปากของพี่สาวทั้งสองและแม่ดังขึ้นพร้อมกันเมื่อฝ่ามือหนาของพ่อตบลงบนใบหน้าหวานขาวของอี้ชิง


              บอกพ่อมาจางอี้ชิง! ... เจ้าทำในสิ่งที่น่าเกลียดอย่างที่เจ้าพูดเช่นนั้นจริงหรือไม่!!!!?” เสียงดังจากผู้เป็นพ่ออย่างจางซอกยอนถามขึ้นอีกครั้ง พี่สาวทั้งสองทำตัวลีบเดินไปอยู่ทางด้านหลังของพ่อ แม้จะตกใจว่าพ่อตบน้องแต่ก็อดจะสะใจส่งยิ้มเยาะเย้ยมาให้

    แต่อี้ชิงไม่สนใจ

    ตอนนี้เธอสนใจพ่อมากกว่าสิ่งใดในโลก!!


              ข้าทำจริง!อี้
    ชิงเลือกที่จะพูดคำนี้ออกมา กล้าทำก็กล้ารับ อีกอย่างเรื่องที่ทำเมื่อคืนก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย เพราะหลังจากที่พระราชาและพระราชินีเสด็จมาที่ห้องของเจ้าชาย ก็พาเธอไปพักที่ห้องนอนที่จัดไว้ต้อนรับแขก และไม่ได้เจอเจ้าชายอู๋อี้ฟานอีกเลยจนเวลาอาหารเช้า


              แทบไม่ได้มองหน้าสนทนากันด้วยซ้ำ!


              เจ้าทำมันได้อย่างไร! แต่เล็กจนโตพ่อและแม่ไม่เคยคอยสอนให้เจ้าทอดกายให้ชายก่อนได้แต่งงานไม่ใช่หรือ!” เสียงห้าวตวาดดังตามความโกรธ

    ความหวังในตัวลูกสาวคนเล็กที่มีอยู่น้อยนิดว่าคำพูดต่างๆที่อี้ชิงพูดมาตอนก่อนหน้ามันคงจะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น เพราะเขาซอกยอนรู้จักนิสัยของลูกสาวคนเล็กดี แต่ความหวังนั้นก็ต้องพังทลายเมื่ออี้ชิงกลับตอบว่ามันเป็นเรื่องจริง

    ทั้งเจ็บปวดทั้งผิดหวัง!

    ท่านพ่อ! ข้าไม่ได้ทอดกายให้ชาย ..... ท่านพ่อเข้าใจผิด!


              เข้าใจผิด? ... เจ้าไม่ได้ทอดกายให้ชายหรือ?ซอกยอนทวนคำ แล้วที่เจ้าเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าชายทั้งคืน ปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวเล่า เจ้าอธิบายมาสิว่าไม่ทอดกายให้ชายแล้วจะเรียกว่าอะไร!!!!!


              มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดระหว่างข้ากับเจ้าชาย แต่ท่านพ่อ ... ข้าไม่ได้ทอดกายให้เจ้าชายจริงๆ!อี้ชิงพยายามอธิบาย ซอกยอนเงียบไปสักพัก


              ตอนนี้เขาต้องใช้ความคิดอย่างหนักทั้งคิดในทางที่ดีและคิดในทางที่ไม่ดี ใจจริงเขาไม่เชื่อว่าลูกสาวคนเล็กของเขาจะเป็นคนอย่างนั้น แต่หากคิดในอีกแง่ ต่อให้ไม่เป็นอย่างนั้นแต่ข่าวลือที่มันต้องแพร่สะพัดออกไปแล้วโดยพวกบ่าวรับใช้ในบ้าน ลูกสาวของเขาคงเสียหายทางคำพูดไปแล้ว

    หากเป็นเช่นนั้น ...

    ต่อไปชายใดจะกล้ามาขอลูกสาวเขาแต่งงานอีกเล่า!!!!


              เหอะ! .... หรือเจ้าจะอิจฉาพวกพี่ๆอย่างที่พี่ๆของเจ้าว่ากันจริงๆ


              ท่านพ่อ!อี้ชิงครางออกมาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ... พ่อคิดว่าเธอเป็นคนอย่างนั้นเชียวหรือ?!


              ไม่ได้การละ ... ข้าต้องรีบเข้าวังด่วน เรื่องที่ทางการมาส่งเจ้าถึงที่บ้านนี่ ป่านนี้ชาวบ้านคงเอาเรื่องนี้ไปพูดกันให้สนุกปากแล้วคนเป็นพ่อพึมพำทั้งเสียงสั่น


              ต่อให้ฝ่ายนั้นจะเป็นถึงเจ้าชาย ..

    เขาก็ยอมไม่ได้จริงๆ ถ้าให้ลูกสาวต้องเสียหาย!


              เดี๋ยวท่านพ่อ .. ท่านจะเข้าวัง? เข้าไปทำไมกันรี่อินรีบยืนยืนขวางทางขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ


              ถอยไปรี่อิน เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พ่อคิดว่าคนฉลาดอย่างเจ้าน่าจะรู้ว่าพ่อกำลังจะทำอะไร ... เจ้าเลิกหวังลมๆแล้งๆที่จะได้แต่งงานกับเจ้าชายสักที!” ซอกยอนพูดกระแทกใส่หน้าของลูกสาวคนรองอย่างเต็มแรงจนรี่อินหน้าเสีย


              ทะ ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไร?” พี่สาวคนรองยังไม่เข้าใจ


              เจ้าก็เช่นกันนารา เลิกฝันได้แล้วว่าเจ้าชายจะต้องมาเป็นของเจ้า!ว่าพลางสะบัดแขนลูกสาวออกจากแขนของตน แต่รี่อินไม่ยอม


              ไม่ท่านพ่อ! ..... ขะ ข้า ข้าผ่านในพิธีดูตัวไม่ใช่หรือ! เหตุใดข้าจะฝันไม่ได้!รี่อินเอ่ยถามเสียงสั่น

    พ่อพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร?


              ซอกยอนมองใบหน้าสวยหวานของลูกสาวที่กำลังมีน้ำตาคลออย่างอดสงสารไม่ได้ เขารู้ดีลูกสาวคนโตและคนรองปรารถนาในตัวของเจ้าชายอู๋อี้ฟานมากแค่ไหน ทั้งสองอยากได้หน้าตา อยากได้อำนาจ อยากได้ตำแหน่งราชินีของเมืองมากแค่ไหนทำไมเขาจะไม่รู้ แถมเขานี่แหละที่เคยเป็นคนผลักดันตำแหน่งนั้นให้ลูกสาวทั้งสองมาโดยเสมอ


              แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันกลับตาลปัตรไปแล้ว!


              ในเมื่อลูกสาวคนเล็กอย่างจางอี้ชิงกล้าที่จะทำเรื่องใหญ่ได้มากถึงขนาดนี้ นอนค้างอ้างแรมในห้องผู้ชาย ยอมให้ผู้ชายได้แตะเนื้อต้องตัวโดยที่ตัวยังไม่ได้เป็นสามีภรรยาการกัน ทำแบบนี้หากคนทั่วไปรู้เข้า เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!!!!


              เพราะฉะนั้น ...

    เรื่องนี้เขาควรที่จะต้องทำให้มันถูกต้องเสีย!!!!


              จางอี้ชิง! เจ้าไปกับพ่ออย่ารีรอชักช้า พ่อจะไปรอเจ้าอยู่ที่หน้าบ้าน อาบน้ำแต่งตัว แล้วเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมในตัวเจ้าซะ!


              ท่านพ่อ!!จบคำพ่อสามพี่น้องก็ประสานเสียงกันอย่างสามัคคีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รี่อินกับนาราร้องออกมาด้วยความผิดหวัง แต่อี้ชิงร้องออกมาด้วยความตกใจ


              ท่านพ่อฟังข้าก่อน! ข้าไม่ได้เสียหายอะไร! เจ้าชายไม่ได้ทำอะไรข้า เขาเพียงแตะต้องตัวข้านิดเดียวเท่านั้น ... ท่านพ่อ ท่านพ่อฟังข้าสิ ฟังข้าก่อน!!


              อี้ชิงวิ่งตามหมายจะไปอธิบายและเปลี่ยนความคิดของพ่อให้ได้ ซอกยอนเห็นอย่างนั้นก็รีบสั่งให้สาวใช้ที่อยู่แถวนั้นทั้งหมดให้จัดการช่วยกันจับอี้ชิงไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพามาหาเขาที่รออยู่หน้าบ้าน!


              วันนี้หากเขาไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้จากคนในวัง อย่าหวังเลยว่าเขาจะยอม!!!!!

    ลูกเขาจะต้องไม่เสียหาย!!!!!!


     

             

     
     

    อีกฝากหนึ่งของพระราชวัง


              อู๋อี้ฟานเองก็กำลังโดนหนักไม่แพ้จางอี้ชิง ตั้งแต่พระราชาและพระราชินี บุกไปหาถึงในห้องเมื่อคืน ซ้ำร้ายตอนนั้นอี้ชิงก็กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ ครั้นจะให้แก้ตัวอะไรตอนนั้นก็แก้ไม่ออก ในเมื่อหลักฐานมันเห็นอยู่ตำตา!


              ทหารแถวนั้นก็หวังดีกับเขาเสียเหลือเกิน เอาความไปกราบทูลราชินีว่าเจ้าชายอู๋อี้ฟานพาผู้หญิงมานอนในห้อง!


              “ยังคิดจะแก้ตัวอีกหรือเจ้าชายอู๋อี้ฟาน! เจ้าเป็นถึงเจ้าชายกล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับสิ!


              “ก็ข้าไม่ได้ทำอะไรนี่ท่านพ่อ อาจจะมีแตะเนื้อต้องตัวกันไปบ้าง แต่ไม่ได้เสียหายเลยเถิดอย่างที่พวกท่านคิด!


              “แตะเนื้อต้องตัวกันบ้าง? ... เจ้าคิดว่าสิ่งนี้ไม่เป็นความเสียหายกับหญิงสาวโสดอย่างนั้นหรือ! หากพ่อแม่ของจางอี้ชิงจะมาเอาเลือดออกจากหัวของเจ้า พ่อจะไม่ช่วยเจ้าเลยแม้แต่สักนิดเดียว อู๋-อี้-ฟาน!พระราชาตรัสอย่างโมโห

    นึกย้อนไปเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องของลูกชายเมื่อคืนวาน ภาพแรกที่พระองค์ทอดพระเนตรเห็นก็แทบอยากจะเป็นลมล้มตึง ภาพหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของลูกชาย อีกทั้งริมฝีปากก็ใกล้กันราวกับจะต้องกันให้ได้


              ถึงหญิงผู้นั้นจะอยู่ในตระกูลที่พระองค์ต้องการให้มาเป็นสะใภ้ก็เถอะ พระองค์ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี!


              “ข้าบอกท่านพ่อแล้ว ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างที่พวกท่านคิด!


              “ไม่ผิดหรือ? จะจุมพิตลูกสาวเขาอยู่แล้วไม่ผิดหรอกหรือ!


              “ท่านพ่อ! จุมพิตหรือ? ... ข้าไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวสำหรับหญิงผู้นี้เลยสักนิด ฝีปากกล้าขนาดนั้นข้าจะจุมพิตลงได้อย่างไร สู้ข้าไปจุมพิตกับเจ้าตูบหน้าวังยังดีเสีย!


              ตั้งแต่เช้าอู๋ฟานพยายามอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พ่อของเขาฟังครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่มากกว่าร้อยแล้ว แต่ทำไมท่านพ่อก็ยังเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย ซ้ำยังบอกไม่ให้เขาไปไหนให้ยืนรออยู่ที่ตรงนี้ เพราะคิดว่าอย่างไร อีกฝ่ายคงต้องมาหาตนในวันนี้แน่!

    คิดแล้วอู๋ฟานก็ถอนหายใจ .....

    ในตอนนั้นที่เขาจับตัวจางอี้ชิงไว้ เพราะเขากำลังจะถูกตีต่างหาก ผู้หญิงอะไรนอกจากจะปากเก่งแล้วมือยังไวอีก หากเขาไม่จับเอาไว้ทัน ป่านนี้ก็คงได้เจ็บตัวกันบ้างแล้ว


              ชายใดได้เอาไปเป็นภรรยา ..... คงจะโชคร้ายน่าดู!

     

     

     

        


          “ท่านพ่อ! ฮึก ทำไมท่านไม่ฟังข้าบ้าง!อี้ชิงร้องไห้มาตลอดทาง

    เธอพยายามอธิบายให้พ่อฟังหลายรอบแล้วก็ไม่เป็นผล พ่อของเธอนั่งนิ่งไม่สนใจอะไรเลย แม้แต่เสียงของเธอก็เหมือนเป็นลมที่พัดผ่านไป


              ไม่นานรถม้าก็มาหยุดอยู่ที่หน้าพระราชวัง อี้ชิงก็ถูกลากให้เดินตามมาด้วยความไม่เต็มใจ ร่างบางสะบัดมือหนีหลายครั้งจนคนเป็นพ่อต้องสั่งให้คนใช้ที่ติดตามมาช่วยกันจับอี้ชิงไว้ให้แน่น


              “หากเจ้าไม่ได้แต่งกับเจ้าชาย อย่างหวังเลยว่าพ่อจะยอม!


              คำพูดของพ่อทำเอาอี้ชิงอึ้งและตกใจอย่างสุดขีด เธอคิดแต่เพียงว่าที่มาที่นี่พ่อคงจะพาเธอมาสะสางเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น หรือต่อว่าเจ้าชายบ้างเล็กๆน้อยๆ ซึ่งดูเหมือนเธอจะคิดผิดถนัด ความคิดของพ่อที่มาที่นี่ ดูเป็นความคิดที่ใหญ่มากพอสมควร

    แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่มากที่สุดสำหรับเธอ!!!


              “ท่านพ่อ! ข้าไม่แต่ง ต่อให้ท่านพ่อบังคับข้าให้ตาย ข้าก็ไม่แต่ง! ..... ปล่อยข้า ข้าจะกลับบ้าน!ร่างบางพยายามดิ้นหนีจากการจับกุมแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายเมื่อรู้ว่าเสียแรงเปล่า อี้ชิงก็ได้แต่ยอมอยู่นิ่งเฉยๆ ทำตามใจอย่างที่พ่อบอกให้เธอทำ แต่กระนั้นน้ำตาก็ยังไม่หยุดไหลริน

    เพราะความสนุกของตนเองแท้ๆ ที่เป็นต้นเหตุ

    โทษใครไม่ได้เลย จางอี้ชิง!!!


    !!!

              นานสองนานแล้วที่พ่อของอี้ชิงและพระราชาเข้าไปด้านในเพื่อที่จะหารือกัน ทั้งอู๋อี้ฟานและอี้ชิงต่างก็ถูกกันออกมาให้รออยู่แต่เพียงด้านนอก เพราะถ้าหากพูดหรือตกลงกันเรื่องนี้ต่อหน้าเด็กๆ ก็คงจะมีแต่ค้านกันเสียเปล่าๆ เพราะจะเอาแต่ปฏิเสธว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ


              ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ...

     ผู้ใหญ่ทั้งสองอยากให้มีงานอภิเสกสมรสขึ้นใจจะขาดอยู่แล้ว!


              ทางพระราชาอย่างไรแล้วก็ไม่มีทางปฏิเสธเรื่องการอภิเษกสมรสอยู่แล้ว เนื่องจากก็อยากดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับตระกูลจางที่กุมอำนาจเศรษฐกิจไว้ในมือแทบทั้งเมือง


              ทางด้านตระกูลจางก็เช่นเดียวกัน หากได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับพระราชวงศ์จะได้มีอำนาจไว้หนุนหลังในการทำการค้ามากขึ้น!


              ถ้าให้เด็กทั้งสองแต่งงานกัน ...


              ก็มีแต่เรื่องดีกับเรื่องดีทั้งนั้น!!

     

     

     



              “ข้าว่าเจ้าหยุดร้องไห้ก่อนจะดีหรือไม่


              อู๋ฟานที่ยืนมองร่างบางปาดน้ำตามานานเอ่ยถามขึ้น ... เขาทำตัวไม่ค่อยถูกเสียเท่าไรในตอนนี้ ไม่สิ ต้องบอกว่าเขานั้นไม่ค่อยคุ้นชินกับน้ำตาของผู้หญิงเสียเท่าไรถึงจะถูก

    อู๋ฟานแอบแปลกใจไม่น้อยกับการได้พบกับอี้ชิงอีกครั้งในแบบที่เป็นหญิงสาวผู้อ่อนแอและบอบบาง ขัดกับอี้ชิงคนเมื่อคืนอย่างลิบลับ ทั้งแสบ ทั้งซน ปากดี น่าตี และไม่กลัวตาย!


              ปรับอารมณ์ตามไม่ทันจริงๆ


              “เอ่อ ... ข้างในดูอุดอู้อยู่บ้าง เจ้าอยากลองออกไปเดินสูดอากาศข้างนอกบ้างหรือไม่อู๋ฟานเอ่ยถามอีกครั้ง แต่อี้ชิงไม่ตอบ ซ้ำยังเหมือนจะร้องไห้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

    อู๋ฟานได้แต่ครางงึมงำอยู่ในลำคออย่างทำอะไรไม่ได้ ไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกไปอีก  ฝ่ายอี้ชิงเองก็เอาแต่ยืนร้องไห้ ซ้ำยังทำเหมือนกับว่าอู๋ฟานนั้นเป็นธาตุอากาศ มองไม่เห็นกันเสียอย่างนั้น


              “ขอโทษนะ!” สุดท้ายอู๋ฟานตัดสินใจพูดคำนี้ออกมาก่อนจะจับมือลากอี้ชิงให้เดินตามตัวเองไป ร่างบางขัดขืนอยู่ไม่น้อย พวกคนใช้ที่ติดตามมาตั้งใจจะวิ่งเข้าไปช่วยเจ้านายของตนแต่เพราะสายตาและคำสั่งของอู๋ฟานที่สั่งทหารของวังกันคนเหล่านั้นไว้เพื่อไม่ให้ตามพวกเขามา ถึงได้หยุดและยอมนิ่งมองเจ้านายของตนถูกลากไปต่อหน้าต่อตาอย่างไม่เต็มใจ


              ร่างบางขัดขืนไปตลอดทางแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถแกะมือของอู๋ฟานที่จับที่ข้อมือของตนแน่นไว้ได้ .... จนถึงที่หมายอู๋ฟานจึงยอมปล่อยมืออี้ชิงให้เป็นอิสระ ร่างบางทำท่าหันหลังจะเดินกลับไป อู๋ฟานเลยรีบวิ่งไปขวางเอาไว้ ทำให้ร่างบางชนกับอกแกร่งเข้าอย่างจังจนแทบจะเซล้มไป


              แตะเนื้อต้องตัวกันอีกแล้ว......


              ทหารที่เดินผ่านไปผ่านมาตรวจตราบริเวณสวนพระราชฐานพอเห็นเจ้าชายอู๋อี้ฟานใช้มือโอบรอบเอวคุณหนูจางอี้ชิงคนที่มีคดีความด้วยกันเมื่อวานถึงกับต้องหันหลังหลบหน้าปิดตาตามมารยาทของคนในวัง

    การมองพระราชวงศ์พลอดรักกันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลยสักนิด!


              “เจ้าเกือบจะล้มไปแล้ว ดีที่ข้า.......


              “จะเป็นพระกรุณายิ่ง ถ้าหากพระองค์ปล่อยให้หม่อมฉันล้มลงไปเลยอี้ชิงเอ่ยขัดขึ้นพลางผลักตัวของเจ้าชายออกไปไกลๆ คดีเก่าก็กำลังเคลียร์อยู่ จะเอาคดีใหม่มาให้ดิ้นหนีหาข้อแก้ตัวไม่ได้เพิ่มขึ้นอีกหรือ!


              “เอ่อ ..... ข้าขอโทษ ข้าเพียงแต่เห็นเจ้าร้องไห้ เลยอยากพาออกมาเปลี่ยนบรรยากาศใหม่บ้างอู๋ฟานพูดตอบตามความจริง อี้ชิงเงยหน้าขึ้นมอง


              “ขอบพระทัยเพคะที่เป็นห่วง ..... แต่หม่อมฉันยังไม่ได้ขออี้ชิงว่า ถ้าหากพระองค์ทำตามพระประสงค์ที่พาหม่อมฉันออกมาเปลี่ยนบรรยากาศได้แล้ว .... หากเป็นเช่นนั้นพระองค์ก็เสด็จกลับไปที่ท้องพระโรงเถอะเพคะ การที่จะให้มีคนอื่นเห็นว่าเราอยู่ด้วยกันอีก คงจะไม่ใช่เรื่องดีอี้ชิงพูดยืดยาว อู๋ฟานเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ 

    พูดเหมือนไล่ให้ไปไกลๆ?


              “ข้าไม่อยากกลับ .... บรรยากาศตรงนั้นมันอึดอัดเกินไป


              “ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันกลับเองก็ได้!ว่าแล้วอี้ชิงก็หันหลังหนีเดินไปไม่ฟังคำคัดค้านใดๆทั้งสิ้น หากแต่คราวนี้เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวร่างบางก็ต้องหยุดชะงักและล้มลง อู๋ฟานที่กำลังเดินตามมารีบเข้าไปพยุงตัวช่วยทันที


              เร็วเสียกว่าทหารแถวนั้นที่อยู่ใกล้ๆเสียอีก ......


              “เจ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บตรงไหนหรือไม่?” อู๋ฟานเอ่ยถามอย่างตกใจ อี้ชิงทำหน้าเจ็บเสียเต็มประดา แต่เธอเจ็บจริงๆ เมื่อสักครู่เธอกำลังเดินอยู่แต่เหมือนกับว่าส้นรองเท้าแหลมคงจะปักลงไปในดินและดึงไม่ขึ้น ทำให้เธอเสียการทรงตัวและล้มลง


              “รองเท้าหม่อมฉัน .... โอ๊ย เจ็บข้อเท้าด้วยเพคะอี้ชิงร้องโอดโอย


              “ไหน ข้าขอดูหน่อยอู๋ฟานมองไปตามที่ที่อี้ชิงบอกว่าเจ็บ แต่ก็ยังไม่เห็นเท้าของอี้ชิงเพราะถูกกระโปรงบานยาวปกคลุมเอาไว้ ร่างสูงทำท่าจะเปิดมันออกแต่ร่างบางก็ตะครุบจับมือห้ามไว้ทัน


              “อย่านะเพคะ!” อี้ชิงร้องห้ามอย่างตกใจ “พระองค์เป็นชายจะมาจับเปิดกระโปรงมองเท้าคุณหนูสูงศักดิ์อย่างข้าได้อย่างไร!อี้ชิงร้องห้ามเสียงดัง อู๋ฟานชะงักมือทันที

    นั่นสิเขาลืมไปได้อย่างไร ประเพณีของเมืองเป็นอย่างไร?

    เจ้าชายอย่างเขาลืมไปแล้วหรือ!


              สำหรับเท้าของผู้หญิงสูงศักดิ์ในเมือง ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากยังเป็นโสดต้องใส่กระโปรงยาวคลุมเอาไว้ไม่ให้ชายใดเห็นได้ .... หรือถ้าหากให้เห็นชายผู้นั้นต้องเป็นหมอ พ่อแม่ญาติพี่น้อง หรือคู่หมั้นของตนได้เท่านั้น!!


              “แต่เจ้าเจ็บ


              “ท่านไม่ได้เป็นหมอท่านมองไม่ได้!


              “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร?” อู๋ฟานถาม เห็นๆกันอยู่ว่าอี้ชิงทำท่าเจ็บอยู่มากมาย หากเขาจะช่วยเหลือเพียงแค่ถอดรองเท้าให้ คงจะไม่เป็นไรกระมัง ตรงนี้ก็มีเพียงแค่เขากับอี้ชิง และทหารที่หันหลังให้เพียงเท่านั้นเอง


              “คะ แค่ ... แค่พยุงหม่อมฉันขึ้นก็พออี้ชิงพูดเสียงเบา ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนบอกเองแท้ๆว่าไม่อยากอยู่ใกล้ ให้คนอื่นเห็น แต่ตอนนี้ต้องมาขอความช่วยเหลือให้อีกคนพยุง

    น่าอายชะมัด!


              “จะพอแน่หรือ เจ้าดูเจ็บเกินกว่าจะเดินไหวนะอู๋ฟานว่า


              “ไหวแน่เพคะ ... พระองค์เป็นหม่อมฉันหรือเพคะถึงได้รู้ว่าหม่อมฉันเจ็บมากเพียงใด แล้วรู้ว่าจะเดินต่อไปอีกได้หรือไม่ ทำไมชอบคิดแทนหม่อมฉันจังอี้ชิงบ่นปอดแปด


              “ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าว่าแล้วกันอู๋ฟานไม่อยากจะเถียงอะไร ค่อยๆพยุงตัวอี้ชิงให้ลุกขึ้นยืนช้าๆ ร่างบางพยายามทรงตัวขึ้นมาแม้ว่าจะยากลำบาก ความรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง อู๋ฟานค่อยๆปล่อยมือออกพร้อมๆกับที่อี้ชิงล้มลงไปอีกครั้ง


              “ข้าว่าเจ้าถอดรองเท้าออกเสียก่อนดีหรือไม่ อย่างน้อยก็จะได้สะดวกสบายขึ้นมาบ้างอู๋ฟานเสนอความเห็น อี้ชิงพยักหน้าแล้วทำตาม แต่เพียงแค่ขยับเท้าเล็กน้อยร่างบางก็ร้องโอดโอยออกมาเสียแล้ว


              “เฮ้อ ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดีนะ ... ข้าอยากจะช่วย


              “ช่วยยืนอยู่นิ่งๆดีกว่าเพคะ โอ้ยอี้ชิงพยายามฝืนดึงเท้าขึ้นมาเต็มแรง ในที่สุดก็ถอดรองเท้าออกมาได้ ร่างบางก้มดูรองเท้าที่ถอดออกมา เป็นตามที่คาดส้นแหลมนั่นปักลงไปในดินเกือบทั้งส้น แถมดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก


              “เจ้าชาย อยากช่วยใช่หรือไม่เพคะ” เมื่อคิดอะไรดีๆออกเลยเงยหน้ามองเจ้าชายที่ยืนมองนิ่งตามอย่างที่ตัวเองสั่งเมื่อครู่ อู๋ฟานมองมาอย่างไม่เข้าใจ

    “หากเจ้าชายอยากช่วย ก็ดึงมันออกให้หม่อมฉันหน่อยสิเพคะ หม่อมฉันเป็นหญิง แรงน้อยดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก ... ฮึ้บ! นี่ไงเพคะดึงไม่ออกเลยว่าพลางสาธิตการดึงให้อู๋ฟานดู

    หญิงคนนี้เห็นเขาเป็นใครกัน เขาเป็นเจ้าชายผู้สูงส่งนะ! จะให้มาช่วยดึงรองเท้าที่เป็นของต่ำได้อย่างไร!


              หากแต่พอหันไปสบตาหวานเชื่อมที่ฉายแววออดอ้อน อู๋ฟานก็อดไม่ได้ที่จะค่อยๆย่อตัวลงมาแล้วดึงรองเท้าออกให้


              โดนแกล้ง!!!


              ไม่น่าแพ้มารยาหญิงผู้แสบซนผู้นี้เลย อู๋อี้ฟาน!!!


              “เจ้าแกล้งข้าหรือ!เมื่อรองเท้าที่อี้ชิงว่ามันติดนักติดหนา หลุดออกมาได้อย่างง่ายดายอู๋ฟานก็รู้ตัวทันทีว่าโดนแกล้ง เช่นเดียวกับอี้ชิงที่ยิ้มกริ่มลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนั้น 

    ช่วยไม่ได้เจ้าชายทำตัวให้หม่อมฉันนึกหมั่นไส้เอง ... อ๊ะ เอารองเท้าของหม่อมฉันคืนมานะเพคะอี้ชิงร้องโวยวายยังไม่ทันได้สะใจมากเท่าไหร่เลย อู๋อี้ฟานก็เดินถือรองเท้าของตนหนีไป อี้ชิงพยายามลุกตามแต่เพราะแรงเจ็บที่ข้อเท้าทำให้ต้องอี้ชิงต้องล้มลงไปอีกครั้งนึง


              “โอ๊ย!!!!ก่อนจะร้องด้วยความเจ็บปวด อู๋ฟานหันมามองแต่ยังไม่เชื่อใจ


              “มารยาเล็กๆน้อยๆของเจ้า .... ข้าไม่หลงกลหรอกนะ!


              “มารยาอะไรกันเพคะ?! ..... หม่อมฉันเจ็บจริงๆต่างหาก!


              “เจ้ามันคนเชื่อได้ยาก!


              “แต่หม่อมฉันพูดจริงๆ ..... เจ้าชาย หากพระองค์ไม่คืนรองเท้าหม่อมฉันก็ย่อมได้ แต่อย่างน้อยช่วยพยุงหม่อมฉันให้กลับไปที่เดิมได้หรือไม่ หม่อมฉันเดินไม่ไหวจริงๆอี้ชิงขอร้อง แต่อู๋ฟานยังมองอย่างช่างใจ 

    หญิงผู้นี้ความแซบซนไม่เป็นรองใคร เมื่อสักครู่เขาก็หลงผิดไปคิดเชื่อเสียสนิท จนช่วยดึงรองเท้าออกมาให้ คราวนี้พอจะแกล้งเอารองเท้าไปวางไกลๆ ร่างบางก็ดันมาขาเจ็บแถมยังเหมือนจะแอบอ้อนให้เขาเข้าไปช่วยอีกด้วย


              หลอกกันอีกหรือเปล่านะ!


              “หากเจ้าแกล้งข้าอีก .... ข้าจะอุ้มเจ้าไปโยนทิ้งที่สระบัวตรงนั้นเลยจริง!อู๋ฟานขู่ก่อนจะช่วยพยุงอี้ชิงขึ้นมาอีกครั้ง


              !!!


              เรื่องราวทั้งหมดดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่ในสายตาของผู้เป็นพ่อของคนทั้งสองกลับมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย การแตะเนื้อต้องตัวต่างๆ รวมทั้งการที่อู๋อี้ฟานเข้าไปยุ่งกับเท้าที่เป็นของรักของหวงของหญิงโสดอย่างจางอี้ชิงแล้วด้วย!


              คดีเก่ายังไม่เท่าไหร่ แต่คดีใหม่ยอมไม่ได้แล้ว!


              “ข้าว่านะซอกยอน เรื่องที่เจ้ามาหารือกับข้า ท่าทางคงจะไม่ต้องไปถามเจ้าตัวกันแล้วกระมังพระราชาตรัสว่าออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ซอกยอนที่ยืนอยู่ข้างๆได้แต่กำมือแน่น มองภาพลูกสาวที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ


              แม้จะถูกใจว่าได้แต่งกับเจ้าชาย แต่ก็ไม่ได้พอใจที่ลูกสาวได้มีเรื่องเสียหายก่อนจะแต่งงาน!!


              “จางซอกยอน ลำบากเจ้าหน่อยแล้ว ภายในอาทิตย์หน้าจางอี้ชิงต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ ... ข้าจะจัดงานเลี้ยงเต้นรำเพื่อเปิดตัวพระชายาของอู๋อี้ฟานในอีกหนึ่งเดือนถัดไป”


              ดิ้นไม่หลุดเสียแล้ว สาวน้อยอี้ชิง! ^^;




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×