ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic DGM(d.gray-man)::No Title

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 57


    Chapter 1

     

     

    ในห้วงลึกแห่งความฝันอันไร้ที่สิ้นสุด ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นเพียงความมืดและความหนาวเหน็บเท่านั้น

    กลัว คือความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นจากภายในหลังจากคดคู้อยู่ในความมืดเป็นเวลานานจนไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก  ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนออกจากที่แห่งนี้ยังไงก็เปล่าประโยชน์

    “………………………

    ความเงียบรอบด้านราวกับกำลังดูดกลืนตัวตนของเขาให้ดิ่งลึกลงไปในความมืด  ความมืด..กำลังกัดกินตัวเขา

     “เดวี่นายอยู่ไหน” น้ำเสียงแหบพร่าก้องกังวานไปทั่วความฝัน เปล่งสะท้อนซับไปซับมาให้ได้ยินราวกับที่แห่งนี้เป็นกรงมืดอันไร้จุดสิ้นสุด

    “เดวี่..เดวี่”  ขอบตากลับมาร้อนผ่าวอีกครั้งก่อนน้ำเสียงจะจุกอยู่ที่อกและเป็นอีกครั้งที่เสียงสะอื้นได้หลุดออกจากริมฝีปากสีซีดที่ขาดเลือดนั่น

    ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ที

    ..จัส..

    !” คล้ายกับได้ยินเสียงกระซิบเรียกของใครบางคนทำให้ร่างบางเงยหน้าขึ้นด้วยความหวัง

    “เดวี่!?” จัสเดโรหลุดร้องออกมาอย่างดีใจ  สองมือไขว้คว้าไปทั่วความมืดมิด หวังให้สัมผัสได้ถึงตัวของอีกฝ่าย “นายอยู่ที่ไหน! เดวี่!!

    …………………

    “เดวี่?” ความเงียบที่ตอบกลับมาเริ่มทำให้ร่างบางรู้สึกใจไม่ดี “เดวี่!นายอยู่ตรงไหน!ตอบกลับมาหน่อยสิ!เดวี่!!เดวี่!!!” ร่างบางร้องตะโกนสุดเสียงด้วยกับน้ำตาที่เอ่อนองใบหน้า

    “ฮึกฮืออออออออ”เสียงร้องไห้โฮดังก้องไปยังรอบด้าน เมื่อคิดว่าตัวเองกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง เจ้าของเสียงร้องไห้จึงยิ่งร้องหนักโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น “...ฮึก..เดวี่

    ..ฮืออออออ….อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว

    หมับ!

    สัมผัสเย็นที่เอื้อมแตะบ่าทำเอาร่างเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ  เผลอเงยหน้าขึ้นมองทั้งๆที่ไม่อาจจมองเห็น

    “อยู่นี่เอง..

    เฮือก!!!

    ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกลุกพรวดออกจากเตียงนอนด้วยกับใบหน้าตื่นตระหนกที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ  ดวงตาสีทองหวานเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

    เอ๋?

    แต่ไม่นานสติก็กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง  มือเรียวเอื้อมแตะหยาดน้ำอุ่นด้วยความงงงวยก่อนยกชายเสื้อยาวเช็ดน้ำตาที่น่าอับอายออกไป

    นี่เราร้องไห้?

    โครม!

    เสียงบางอย่างกระแทกพื้นเรียกร่างเล็กให้หันไปมองด้วยความตกใจเช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่ใบหน้าซีดเผือกราวกับเจอภูตผีปีศาจอยู่ตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น

    “อะ..อะ..ฟะ..ฟื้นแล้ว!!!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง ขาสั่นผับกองอยู่กับพื้นไม่กล้าขยับ  จัสเดโรเองก็เกิดอาการหวาดกลัวอีกฝ่ายไม่แพ้กัน

    “ว้ากกกกกกกกก!!!!” และชายหนุ่มก็วิ่งหนีหายไปจากห้องอย่างไม่คิดชีวิตทิ้งเด็กหนุ่มให้นั่งมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง

    อะไร?

    ดวงตาสีทองฉายแววสับสน กวาดมองรอบด้านอย่างขลาดกลัวภายในห้องพักสีขาวไร้การประดับตกแต่งใดๆนอกจากเตียงที่ตนนั่งอยู่ ถุงน้ำบางอย่างที่เต็มไปด้วยสีดำทมิฬที่โยงติดกับตัว เก้าอี้ที่ล้มกองกับพื้นตัวนั้นแล้วก็ผ่าม่านสีขาวที่ปลิวเพราะแรงลมนั่น

    สีขาว!สีขาว!สีขาว!

    เหมือนร่างเล็กจะเกิดอาการรังเกียจสีขาวบริสุทธิ์ขึ้นมาจึงโยนผ้าห่มที่คลุมตนออกไปให้ห่างตัว กระโดดลงจากเตียงสีขาวที่นั่งอยู่และฉีกเสื้อที่ตนสวมโยนมันลงไปกองกับพื้นอย่างรังเกียจ

    สีขาวสี..บริสุทธิ์!!!

    ร่างเล็กใช้มือขยุ้มสีที่น่ารังเกียจแทนการระบายความโกรธที่พลุกพล่านนี่  ไม่รู้เพราะอะไรแต่สีนี้มันกลับกระตุ้นความรู้สึกเกลียดโดยสันชาติญาติ

    “หายไปซะ..หายไปซะ..หายไปซะ!!!

    แคว่ก!

    ห้องที่เคยสะอาดเรียบร้อยบัดนี้กลับเละเทะไปด้วยเศษชิ้นส่วนของสีขาวที่เกลื่อนกระจายไปทั่วพื้นห้อง  ผู้ทำลายเพียงหนึ่งเดียวนั่งหอบหายใจแผ่วเบาก่อนโยนเศษผ้าในมือทิ้งไปให้ไกลหูไกลตา

    สกปรก

    “ท่านเอ็กโซซิทส์ทางนี้ครับ!!” เสียงที่ดังจากนอกห้องเรียกสติจัสเดโรให้กลับคืนมา  เด็กหนุ่มเผยสีหน้าตื่นตระหนกก่อนสำนึกตัวได้ว่าตนเองเผลอทำเรื่องผิดพลาดออกไปซะแล้ว

    ทำยังไงดี..

    ความรู้สึกอึดอัดรวมกระจุกอยู่ที่ลำคอ ความหวาดกลัวแทรกซึมเข้าในจิตใจ  ไม่รู้ทำไมแต่หากได้ทำผิดลงไปเขาถึงต้องกลัวสิ่งที่จะเกิดตามมา

    “เด็กไม่ดีต้องถูกทำโทษนะขอรับกระผม”

    การลงโทษ

    “ไม่เอา!!

    ปัง!!

    ประตูถูกกระแทกเปิดด้วยแรงมหาศาลของใครบางคน  เจ้าของเงานั้นพุ่งเข้าจู่โจมร่างเล็กอย่างไม่รอช้า ซึ่งตามสัญชาติญาณการเอาตัวรอด คนถูกมุ่งทำร้ายกระโดดหลบข้ามเหนือศีรษะอีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ตัว

    ต้องหนี!!!  เป็นเพียงความรู้สึกเดียวที่ร่างกายร้องบอก จิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวอีกฝ่ายนั้นบ่งชัดว่าจะเอาให้ถึงตาย!!

    “แก” เจ้าของร่างบางอรชรหันกลับมาด้วยกับจิตสังหารที่เพิ่มทวีคูณทำเอาคนตัวเล็กหน้าซีดลงถนัดตา  และในทันทีที่อีกฝ่ายขยับ สองเท้าเล็กรีบออกตัววิ่งในทันใด

    แต่

    โครม!!

    ร่างกายที่ยังไม่สมานดีล้มกระแทกพื้นเสียงดัง  แรงหนักที่กดลงบนลำตัวแทบทำให้จัสเดโรไม่มีแรงขยับ สัมผัสเย็นที่เข้าแนบจุดตายที่ลำคอสร้างความตื่นตระหนกให้กับเจ้าตัว

    เสียงหัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัวกับความตายที่มาเยือนในเวลาอันใกล้  ร่างกายเย็นเหยียบขึ้นมาราวกับพร้อมต้อนรับความตายนี่ทุกเมื่อ

    นี่เรา..กำลังจะตาย..อย่างงั้นเหรอ?

    “เดี๋ยว!นี่คุณจะทำอะไรน่ะ!!” เสียงตะโกนแว้ดดังมาจากหน้าห้องเรียกความสนใจจากทั้งสองได้อย่างดีเยี่ยม

    “เจ้าถั่วงอก..” ร่างบางพึมพำ จากเส้นปูดที่เห็นบนใบหน้างามแล้วดูก็รู้ว่ากำลังโกรธ

    “คุณคุโมอิมีคำสั่งให้จับตัวนะครับไม่ใช่ฆ่า!” อเลนว่าใส่พลางดึงร่างเล็กออกมาจากอีกฝ่าย  สัมผัสตามตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตรงไหนบาดเจ็บ “ไม่เป็นไรนะครับจัสเดโร?”

    “อะ..อือ..

    “เอาล่ะ งั้นเราไปหาคุณโคมุอิกันเถอะ” อเลนยิ้มอย่างอ่อนโยนตามฉบับ

    ..อึดอัดจัง..

    จัสเดโรคิดขณะเดินอยู่กึ่งกลางระหว่างอเลนและคันดะ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักแอะ แค่บรรยากาศทะมึนที่แผ่ออกมาจากร่างสูงโปร่งก็ทำกระอักกระอวนจะตายอยู่แล้ว ยังต้องทนสายตาเคลือบแคลงที่มองมาจากบริเวณรอบๆนั่นอีก

    “อะ เอ่อ”ร่างเล็กเปล่งเสียงเรียกเบาๆ แล้วต้องแปลกใจที่มันแห้งผากจนน่าขนลุก

    “คอแห้งเหรอครับ?”อเลนเลิกคิ้ว “รอเดี๋ยวนะครับ ถึงห้องคุณโคมุอิแล้วคงมีอะไรให้ดื่ม”

    จริงๆจัสไม่ได้จะบอกว่าตัวเองคอแห้ง แต่พอโดนท้วงมาแบบนั้นก็รู้สึกอยากดื่มอะไรขึ้นมาจริงๆนั่นแหละ  มือบางยกลูบคลำบริเวณลำคอ  ดวงตาสีทองเหลือบเห็นกำไลบางอย่างที่สวมใส่ข้อมือ

    ไอ้นี่มันอะไร?

    “ถึงแล้วครับ”

    เป็นเวลาเดียวกับที่ทั้งสามหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง  อเลนเคาะประตูสองสามครั้งและเอ่ยปากขออนุญาตก่อนเปิดประตูเข้าไป  ภายในห้องเต็มไปด้วยเอกสารกองเป็นตั้งๆทั้งบนโต๊ะและบนพื้น  จัสเดโรชะเง้อหน้าดูก่อนถูกผลักเข้าไปโดยฝีมือจอมโหดหน้าสวยที่อยู่ด้านหลัง

    “มาแล้วเหรอ

    ร่างหนึ่งในชุดกาวน์สีขาวของนักวิทยาศาสตร์เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาใต้แว่นเหลี่ยมไร้กรอบฉายแววยิ้มเช่นกัน

    “ยินดีต้อนรับสู่ศาสนจักรจัสเดโรคุง  นั่งสิ”

    จัสเดโรนั่งลงอย่างว่าง่ายบนโซฟาที่เต็มไปด้วยกระดาษและหนังสือต่างๆ  ร่างเล็กเงยหน้าสำรวจรอบๆห้องอย่างสนอกสนใจพลางแกว่งเท้าเล่นเหมือนเด็กๆ

    “ขอบใจมากนะทั้งสองคน คันดะคุงกลับไปพักได้แล้วล่ะ”โคมุอิเอ่ยด้วยแววยิ้ม

    “ชิ”คันดะส่งเสียงขัดใจ แต่ก็ยอมจากไปแต่โดยดีภายในห้องจึงเหลือแค่โคมุอิ อเลนและจัสเดโรเท่านั้น

    ก๊อก ก๊อก

    “พี่คะ กาแฟได้แล้วค่ะ”รินารี่เอ่ยเสียงใส และเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำสามใบอย่างรู้หน้าที่

    “อเลนคุงนี่จ้ะ”เธอยื่นน้ำเปล่าให้แล้วหันไปหาร่างเล็กที่นั่งบนโซฟา

    “อึก..

    จัสเดโรจ้องเธอเขม็ง  รินารี่อึกอักเล็กน้อยก่อนยื่นแก้วน้ำให้ด้วยรอยยิ้มฝืนๆ “เชิญจ้ะ” ไม่รอช้าจัสเดโรรับแก้วน้ำมาดื่มอึกๆอย่างรวดเร็วก่อนถอนหายใจออกมายาวๆอย่างสดชื่น

    “รู้สึกดีชะมัด ขอบใจนะคุณผู้หญิง”จัสฉีกยิ้มกว้าง ท่าทางเป็นมิตรกว่าในจัตุรัสนาวาเยอะจนรินารี่เบาใจและออกจากห้องไปเงียบๆ

    ………………….

    ในห้องที่เหลือคนเพียงสามคนกลับมาเงียบอีกครั้ง  สำหรับอเลนและโคมุอิเป็นบรรยากาศกดดันที่นั่งอึ้งประหลาดๆส่วนคนต้นเหตุที่ทำให้ทั้งสองหวาดระแวงกลับนั่งแกว่งเท้าสะบายอารมณ์บนโซฟา

    “อเลนคุง”

    โคมุอิเอ่ยเรียกเสียงนิ่งหลังจากรอดูปฏิกิริยาร่างตรงหน้าอยู่นาน แต่อีกฝ่ายดูจะไม่แสดงอาการอาละวาด โกรธ โมโหหรืออะไรที่ย่ำแย่เลยสักนิด เอาแต่จดๆจ้องๆห้องที่รกไปด้วยเอกสารนี่อยู่นั่นแหละ

    “ไหนลองเล่ารายละเอียดตอนที่ตื่นซิ”โคมุอิกระซิบ ปรับระดับเสียงให้เบาเพื่อไม่ให้ร่างเล็กผมทองได้ยิน

    “ก็ไม่มีอะไรนะครับ เขาแค่ตกใจที่โดนคันดะโจมตีและยังไม่แสดงอาการอาละวาดอะไรด้วยก็เลยไม่ได้คุมตัวอะไรมาก”อเลนกระซิบกลับ ดวงตาสีขี้เถ้าเหลือบมองจัสเดโรเล็กน้อย “แล้วดูเหมือนจะจำผมไม่ได้ด้วยนะครับ”

    ทั้งที่ตอนนั้นเล่นงานเราซะปางตายเพราะหนี้ของอาจารย์แท้ๆ  อเลนลอบคิดต่อในใจ

    “เธอต้องการจะบอกอะไรอเลนคุง

    “อันนี้ผมแค่คิดนะครับ แต่เป็นไปได้ไหมที่ฝ่ายนั้นจะสูญเสียความทรงจำ?”

    เปรี๊ยะ!

    แว่นโคมุอิร้าวขึ้นมาทันใด  บรรยากาศในห้องเย็นตัวลงติดลบยี่สิบองศาเหมือนเห็นพายุหิมะโหมกระหน่ำอยู่เป็นฉากหลัง โคมุอิกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

    “ตะ แต่ว่าผมแค่คาดการเฉยๆนะครับ..  บางทีฝ่ายนั้นอาจจะแกล้งแสดงละครก็ได้”อเลนรีบขัดขึ้นแต่ในใจรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้เพราะจากการต่อสู้กันในจัตุรัสนาวา เขาพอรู้ว่าจัสเดโรเป็นพวกนิสัยยังไง..ละมั้ง?

    “เอ่อจัสเดโรคุง  ฉันมีคำถามจะถามเธอ”

    “อื๋อ?”ร่างเล็กหันสบตาอย่างซื่อๆตามนิสัย ทำโคมุอินึกเชื่อคำคาดการของอเลนไปมากกว่าครึ่ง

    “เธอจำอะไรได้รึเปล่า”

    “จำอะไรล่ะ”จัสสวนกลับทันที

    “เอ่อ..อย่างสาเหตุที่เธออยู่ที่นี่หรือไม่ก็สาเหตุของผ้าพันแผลบนตัวเธอ” พูดถึงตรงนี้จัสเดโรก้มลงมองร่างกายตัวเองพบผ้าพันแผลที่พันรอบอกของตัวเองแต่ไร้ซึ่งความเจ็บปวด  มือบางยกลูบๆคลำๆอย่างสนใจ

    “ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่?แล้วอีกอย่างที่ฉันมาอยู่ที่นี่เพราะนายเรียกไม่ใช่เหรอ เพี้ยนรึเปล่านายน่ะ”พูดจบจัสเดโรก็หัวเราะคิกคักขำๆตามแบบฉบับเจ้าตัว แต่โคมุอิกลับขำไม่ออก

    “อเลนคุง

    “ครับ?”

    “ฝากดูแลเขาทีนะ” ไม่รอฟังเสียงตอบรับโคมุอิลุกพรวดจากที่นั่ง เดินฝ่ากองเอกสารบนพื้นและปิดประตูเสียงดังปัง ทิ้งอเลนกับจัสเดโรให้มองตาปริบๆ

    “เขาไปไหน?”จัสเดโรเอ่ยปากถามก่อน

    “คงไปหาผู้บัญชาการ..ละมั้งครับ”

     

     

     

     

     

    ==========================================================================

    เราคิดว่าโนอาคงไม่ชอบสิ่งที่บริสุทธิ์อย่างสีขาว แต่ก็ลืมนึกไปว่าในตอนที่ไวสลี่ได้ความทรงจำโนอากลับคืนมาและโนอาทุกคนออกไปต้อนรับพวกโนอาใส่สีขาวหมดเลยนี่หว่า=[]=!!

    มันเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตแต่เราไม่คิดจะแก้หรอกนะ(ฮะๆ)
     

    เจอกันตอนหน้า!
    อย่าลืมคอมเม้นต์กันล่ะทุกคน

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×