ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { exo } Special Sf ` weekend ( luhan x minseok x sehun )

    ลำดับตอนที่ #1 : ` weekend - f i r s t.

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 57


    WEEKEND
    luhan x minseok x sehun

    RATE: NC-17

    -------------------



    - FIRST -



     

    เราเข้าไปเอาไม่ได้หรอก ตัดใจเถอะนะมินซอก
    ตะ...แต่ว่า ฮึก
    ฉันจะเข้าไปเอามาให้เอง...

     

     

     

     

     

    สุดสัปดาห์นี้...

     

     

     

    20130325.

     

     

                “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ...มินซอก

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับร่างผอมบางของผู้ชายตัวสูง ผิวขาวจัด สะพายกระเป๋าเป้เดินทางใบใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า มินซอกมองอีกคนด้วยความตื่นเต้น คนที่ไม่ได้เจอกันมากว่าสิบปี คนที่เขาคิดถึง..

     

     

                ลู่หาน...

     

                .
                .
                .
                .
                .

     

     

                “ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะเลยเนอะ

     


    คนที่เดินอยู่ข้างๆเขาเอ่ยขึ้นขณะที่มองสำรวจไปรอบๆบริเวณทางที่เดินผ่าน  จนมินซอกต้องเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้

     


                อื้อ ก็...ผ่านมาตั้งสิบปีแล้วนี่ ที่ลู่หานไม่ได้มาที่นี่เลย

     


    ซอยเล็กๆที่พวกเขากำลังเดินอยู่นี้เป็นถนนเล็กๆที่ขนาดความกว้างแค่สองเมตรปูพื้นด้วยอิฐบล็อกทรงหกเหลี่ยมตลอดเส้นทาง เพราะผ่านการใช้งานมานานหลายจึงมีที่ชำรุดไปบ้างและมีพืชอายุสั้นสีเขียวต้นเล็กๆขึ้นแซมเป็นหย่อมๆ บ้างก็มีตะไคร่น้ำเกาะอยู่ตามขอบอิฐ ข้างทางเป็นตึกบ้างบ้านทรงโบราณบ้างสลับกันไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

     


    เมื่อสิบปีก่อนลู่หานเคยอยู่ที่นี่ อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ สถานที่ที่เมื่อสิบปีที่แล้วมีแต่ความสงบ เพราะที่แห่งนี้เคยเป็นแค่หมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างมีชีวิตที่เรียบง่าย แต่ตอนนี้ที่นี่เปลี่ยนไปมากความเจริญแพร่ขยายเข้ามาสู่ที่แห่งนี้ ถึงจะไม่ได้มากมายเท่ากับตัวเมืองที่เขาอยู่ ก็ทำให้ที่แห่งนี้ดูแปลกตาไปมากสำหรับเขา

               

     


                 ถึงแล้ว

     



    ร่างของคนตัวเล็กเดินนำหน้าไปยืนอยู่หน้าประตูรั้วสีขาว ด้านหลังเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นสีขาวทั้งหลัง รอบๆบริเวณบ้านมีต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด มันทำให้บรรยากาศรอบๆบ้านหลังนี้อบอุ่นและสดชื่นไปพร้อมๆกัน

     


                อย่างเดียวที่ไม่เปลี่ยนไปเลย คงเป็นบ้านหลังนี้แหล่ะมั้ง...

     


                บ้านของมินซอก...

     



    คนตัวเล็กผลักประตูรั้วบ้านให้เปิดออกก่อนจะก้าวเข้าไปแล้วหันมาเชื้อเชิญอีกคนให้เดินตามเข้าไป ลู่หานละสายตาจากการมองสำรวจตัวบ้าน แล้วกระชับสายกระเป๋าเป้ก่อนจะเดินตามมินซอกเข้าไปในบ้าน

     


    มินซอกเดินนำอีกคนไปยังห้องนั่งเล่นแล้วหันกลับมาบอกให้เขานั่งรออยู่บริเวณโต๊ะตัวเตี้ย ที่มีเบาะรองนั่งวางอยู่รอบๆ ก่อนที่เจ้าของบ้านจะเดินหายเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเขาจำได้แม่นว่านั่นคือห้องครัวของบ้านมินซอก บ้านของมินซอกยังคงตกแต่งเหมือนเดิม ตั้งแต่เดินเข้ามาเขายังคงรู้สึกคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ อาจจะมีเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเข้ามาแต่ก็ไม่มากมายอะไรจนเขารู้สึกว่าบ้านหลังนี้เปลี่ยนไป

     


    เขาถอดกระเป๋าที่สะพายติดกับหลังออกและวางมันลงบนโต๊ะตัวเตี้ยที่ตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่น ก่อนจะนั่งลงบนเบาะรองนั่ง เขามองสำรวจไปรอบๆห้อง พลอยทำให้นึกถึงเมื่อก่อน ตอนเด็กๆพวกเขาทั้งสามคนมั่งจะมานั่งวาดรูปหรือไม่ก็เล่นตัวต่อกันที่ห้องนี้...

     



                รอนานมั้ย...ที่บ้านมีของกินอยู่แค่นี้อ่ะ

     


    คนตัวเล็กเดินกลับเข้าพร้อมถาดอาหารที่วางขวดน้ำและแก้วน้ำรวมถึงจานใบเล็กที่มีคุกกี้วางอยู่หกเจ็ดชิ้น มินซอกยิ้มเจื่อนส่งมาให้เขาก่อนจะวางถาดนั่นลงบนโต๊ะแล้วดันมาไว้ตรงหน้าลู่หาน

     


                ไม่เป็นไร ฉันยังไม่หิวเท่าไหร่

     


    เขาบอกพลางส่งยิ้มกลับไป มินซอกพยักหน้ารับรู้ก่อนหันมองไปทางอื่นราวกับทำตัวไม่ถูก

    เพราะไม่ได้เจอกันนานอีกทั้งการกลับมาของลู่หานคงจะปุบปับจนเกินไป จนมินซอกตั้งรับไม่ทันก็ได้มั้ง ถึงได้ทำให้มินซอกประหม่าเมื่ออีกคนมาอยู่ตรงหน้าแบบนี้

     

    ครอบครัวของมินซอกกับครอบครัวของลู่หานสนิทกันเพราะบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ติดกัน มินซอกจึงสนิทกับลู่หานมาตั้งแต่เด็กๆจนกระทั่งวันหนึ่งครอบครัวของลู่หานต้องย้ายไปอยู่ในตัวเมือง เพราะพ่อของลู่หานต้องย้ายตามที่ทำงานไป นั่นจึงทำให้พวกเขาต้องแยกกัน

     


    มินซอกยังจำได้ดีในวันที่ครอบครัวของลู่หานจะย้ายไป เขาร้องไห้ไม่ยอมหยุดแม้ว่าลู่หานจะปลอบเขายังไง เขาก็ยังส่งเสียงร้องจ้าเป็นเด็กสามขวบ แม้ว่าตอนนั้นจะอายุเก้าขวบแล้วก็ตามที

     


    หลังจากครอบครัวของลู่หานย้ายไป มินซอกเศร้าอยู่นาน ด้วยความเป็นเด็กเขาไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะขาดเพื่อนไป หรือเพราะความผูกพันที่ทำให้เขาคิดถึงแต่ลู่หาน จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปี เขาเติบโตขึ้นได้ติดต่อกับลู่หานอีกครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยกลับมาพบกัน

     


    จนปลายปีที่แล้ว ในช่วงฤดูหนาว ลู่หานสัญญากับเขาว่าวันเกิดของมินซอกในเดือนมีนาคมที่จะถึงลู่หานจะกลับมาหาเขา...

     

               


    วันเกิดมินซอก...ฉันจะกลับไปหานะ
    ลู่หาน
    sender 11:09 am



    - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

               

                “อันที่จริง...วันพรุ่งนี้ถึงจะเป็นวันเกิดฉันนี่ แล้วทำไม...

     


    มินซอกถามขึ้นหลังจากปล่อยให้ความเงียบปกคลุมห้องนั่งเล่นมาพักใหญ่ เขายังจำสัญญาของลู่หานได้ แล้วก็ดีใจมากที่ลู่หานเองก็ไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเขา แต่ลู่หานเล่นมาก่อนวันเกิดเขาหนึ่งวันแถมไม่ได้บอกล่วงหน้าอีกด้วย เขารู้ว่าลู่หานจะมาก็ตอนที่เจ้าตัวส่งข้อความมาบอกว่าให้ออกไปรับ เพราะมาถึงสถานีขนส่งที่หมู่บ้านของมินซอกแล้ว

     


                “...อยากมาเซอร์ไพรซ์ไง

     


    ลู่หานท้าวคางมองหน้าเขาก่อนจะตอบกลับมายิ้มๆ ทั้งคำพูดและสีหน้าท่าทางแบบนั้นของลู่หานทำให้มินซอกถึงกับหน้าขึ้นสี อาการร้อนๆบริเวณใบหน้าเกิดขึ้นกะทันหันจนต้องหันหน้าหลบสายตาอีกคนที่เอาแต่จ้องมาทางเขา

     


                “ไม่ดีใจหรอ?


                “ด...ดีใจสิ ดีใจมากด้วย

     


    เหมือนว่าเขาจะเงียบจนอีกคนรู้สึกไม่ดี ถึงได้ทำหน้าหงอยลงแบบนั้น มินซอกรีบหันกลับมาทำตาโตก่อนจะรัวคำพูดเสียงดังจนลู่หานหลุดขำ

     


                ขำอะไรของนายเล่า!”

     


    ถึงตอนนี้เขาก็พอจะดูออกว่าโดนแกล้งเข้าให้แล้วล่ะ มินซอกเบ้ปากก่อนจะหันหน้าหนีอีกคนที่เอามือป้องปากพลางโบกมือไปมาตรงหน้าเขาเป็นเชิงจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้หัวเราะมินซอก

     


                “ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะแบบนี้อีกคนพูดพลางกลั้นเสียงหัวเราะ

     


                แค่คิดว่าท่าทางของมินซอกแบบนั้นมัน...น่ารักดี

     


    ตอนนี้ลู่หานไม่ได้หัวเราะแล้ว ประโยคเมื่อครู่อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แถมยังจ้องมาที่เขาไม่วางตาอีกต่างหาก มินซอกมองอีกคนก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาอีกรอบ อันที่จริงเรียกว่าหลบหน้าอีกคนไม่ให้เห็นหน้าแดงๆของเขาตอนนี้น่าจะถูกกว่า

     



    - - - - - - - - - - - - - -



    กลุ่มควันลอยคลุ้งจากธูปที่ถูกจุดด้วยไฟก่อนจะถูกดับลง มินซอกนั่งมองแผ่นหลังอีกคนที่กำลังก้มหน้าพึมพำบางอย่างภายในห้องแคบๆห้องหนึ่งในตัวบ้านของเขา ด้านหน้าเหนือหัวของพวกเขามีกรอบรูปที่มีรูปของคนที่เขารักมากที่สุดสองคนตั้งอยู่...

     

     

                ขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาร่วมงานของท่าน

     


    หลังจากลู่หานปักธูปลงบนกระถางธูปเรียบร้อยแล้ว ก็พลิกตัวหันกลับมานั่งตรงหน้าเขา มินซอกยิ้มบางๆให้อีกคน

     


                ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้พวกท่านคงจะรับรู้แล้วล่ะว่าลู่หานกลับมา

     


    แม่ของมินซอกเสียไปเมื่อสองปีก่อน ส่วนพ่อของมินซอกเสียไปตั้งแต่เขายังเล็กๆ ตอนที่พ่อจากไปเขาจำไม่ได้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นเป็นยังไง เขาจำได้แค่ว่าเขาถามแม่ว่า พ่อไปไหน? แล้วน้ำตาของแม่ก็ไหลอาบสองแก้มก่อนที่ท่านจะย่อตัวลงมาลูบหัวเขาแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และบอกกับเขาว่า พ่อไปอยู่บนสวรรค์

     


    ในตอนนั้นเขาไม่รู้หรอกว่าดินแดนที่เรียกว่า สวรรค์ มันเป็นยังไงจนกระทั่งวันที่แม่จากเขาไป เขาถึงได้รู้ว่าดินแดนที่พ่ออยู่ตอนนี้แม่ได้ตามไปอยู่ด้วยแล้ว...

     


    หยดน้ำตาซึมออกมาบริเวณหางตา เขาตัดสินใจที่จะอยู่บ้านหลังนี้แม้จะต้องอยู่เพียงลำพัง ถึงแม้ญาติๆจะบอกให้เขาไปอยู่ด้วย แต่เขาก็ไม่ยอม เขาไม่อยากทิ้งที่นี่ บ้านหลังนี้ สถานที่ที่มีความทรงจำต่างๆมากมาย...

     


                นายไม่ได้อยู่คนเดียวนะมินซอก...

     

    สัมผัสบางเบาบริเวณหางตาทำให้เขาอบอุ่น ลู่หานเอื้อมมือมาเกลี่ยหยดน้ำสีใสที่กำลังจะร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วง มินซอกยิ้มให้อีกคน

     


                ใช่...ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - -

     

     

                “มินซอกนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ

     


    ลู่หานเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังหยิบข้าวของต่างๆที่พวกเขาไปซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตออกจากถุง วัตถุดิบที่จะทำอาหารเย็นในวันนี้ถูกเลือกสรรโดยมินซอกเป็นส่วนใหญ่เพราะเจ้าตัวบ่นว่าอยากกินสปาเก็ตตี้ อาหารจานโปรดที่มินซอกชอบมาตั้งแต่เด็กๆ เขาเองก็ไม่ได้ขัดอะไรกลับชอบใจเสียอีก

     


                “หืม?

     


    มินซอกเอียงหน้ามาก่อนจะส่งเสียงครางเบาๆในลำคอขณะที่เจ้าตัวกำลังง่วนอยู่กับการผูกเชือกผ้ากั้นเปื้อน

     


                “ก็เรื่องที่ชอบสปาเก็ตตี้เป็นชีวิตจิตใจนี่ไง


     

    อีกคนหันกลับมาตอบก่อนจะชูเจ้าถุงเส้นสปาเก็ตตี้ขึ้นมาตรงหน้าคนตัวเล็ก มินซอกอ้าปากร้องอ๋อก่อนจะทำปากยู่ใส่แล้วหันกลับมาจัดการกับผ้ากั้นเปื้อนที่ตัวเองกำลังใส่อยู่



                “อ้ะ!”



    จู่ๆอีกคนก็เดินเข้ามาจับไหล่เขาให้หมุนไปยืนตรงหน้า ลู่หานใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอว มือทั้งสองข้างยื่นไปด้านหลังเขา มินซอกเบิกตากว้าง ยืนตัวแข็งทื่อปล่อยให้อีกคนขยับมือยุกยิกอยู่บริเวณช่วงเอวด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆของอีกคนตกกระทบบริเวณไหล่ขวา ร่างทั้งร่างเหมือนตกอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนก็ไม่ปาน เพียงแต่มันเป็นสัมผัสบางเบาไม่ได้แนบแน่นเหมือนการกอดซะทีเดียว แต่ก็ทำให้หัวใจของเขาในตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ

     

     


                เห็นนายผูกมันอยู่ตั้งนานแล้ว อ้ะ เรียบร้อย

     


    ลู่หานเอ่ยขึ้นและผละออกมา มินซอกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังโดนอีกฝ่ายจ้องมองด้วยความสงสัย แน่สิ เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองจะยืนตัวแข็งกระพริบตาปริบๆมองอีกคนอยู่เป็นนาทีหลังจากอีกคนผละออกไป

     


                เป็นอะไรรึป่าว?

     


                ปะ..ป่าวๆ ไม่ได้เป็นไร

     


    มินซอกตอบออกไปอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะหันกลับมาสนใจวัตถุดิบมากมายตรงหน้า เขาไม่รู้หรอกว่าตอนนี้อีกฝ่ายเลิกมองเขารึยัง เขารู้แค่ตอนนี้ไม่กล้าจะสบตาอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว..

     

     










    19:30am

     

     



    นาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งหลังจากมินซอกยกถาดอาหารที่มีจานสปาเก็ตตี้สองจานมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร ลู่หานเดินถือเหยือกน้ำกับแก้วสองใบตามเข้ามา มื้อเย็นของวันนี้มีเพียงเมนูสปาเก็ตตี้เท่านั้น อันที่จริงมันควรจะมีมากกว่านี้ ถ้ามินซอกไม่ทำมันเละไปซะก่อน จนสุดท้ายเหลือที่พอกินได้อยู่แค่เมนูเดียว...

     


                            เอ่อ...ฉันไม่น่าทำหม้อซอสหกเลยอ่ะ มินซอกเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด ขณะที่มองจานสปาเก็ตตี้ตรงหน้า

     


                            ช่างมันเถอะ...ที่จริงเป็นความผิดของฉันเองแหล่ะ ที่ปล่อยให้นายเข้าครัวตั้งแต่แรก

     


    อีกคนพูดพลางจิ้มส้อมลงไปบนเส้นสปาเก็ตตี้แล้วม้วนมันเล่นโดยที่ไม่ได้สนใจมินซอกที่ตอนนี้อ้าปากค้างกับประโยคที่ลู่หานพ่นออกมาได้หน้าตาเฉย

     


                นี่นายว่าฉันหรอ ลู่หาน!”

     


                “โอ้ยๆ!!”

     


    มินซอกตะโกนเสียงดังก่อนจะฟาดมืออีกคนอย่างแรงจนลู่หานต้องปล่อยส้อม แล้วชักมือกลับมาลูบป้อยๆ

     


                “ขอโทษๆ ฉันพูดเล่น ฮ่าๆ

     


    ลู่หานเอ่ยขอโทษพลางส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังกับท่าทางของอีกคน มินซอกในตอนนี้จ้องเขาตาเขียว ราวกับโกรธเขาเอามากๆ ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ มินซอกของเขา เวลาโดนแหย่หรือโดนแกล้งมักจะแสดงท่าทางแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
               


                “นายติดเชื้อเซฮุนมารึไง...ถึงได้กลายเป็นคนขี้แกล้งแบบนี้เนี่ย

     



                “.........

     



                มินซอกพูดลอยๆออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก โอ เซฮุน คือน้องชายแท้ๆของลู่หาน ซึ่งอ่อนกว่าเขาและลู่หานสองปี ตอนเด็กๆพวกเราสามคนมักจะเล่นด้วยกันเสมอ แต่เซฮุนเป็นเด็กขี้แกล้ง โดยเฉพาะกับมินซอกจะชอบแกล้งจนมินซอกร้องไห้อยู่บ่อยๆ แต่ก็มีลู่หานนี่แหล่ะที่คอยปลอบเขาอยู่เสมอ



                ว่าแต่...เซฮุนตอนนี้เป็นไงบ้าง ไม่เห็นได้ข่าวเลย

     


                หมอนั่นน่ะหรอ...

     

     

               



              “ก็เรื่อยเปื่อยไปตามประสานั่นแหล่ะ

     



    - - - - - - - - - - - - -  -

     

        
            “มินซอกทำอะไรอยู่น่ะ?

     


                ลู่หานเอ่ยถามขึ้นหลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำ มินซอกเอี้ยวตัวหันมาหาอีกคนขณะที่เขากำลังเลื่อนปิดบานกระจกหน้าต่างแล้วจัดการดึงผ้าม่านให้ปิดลง



                ปิดหน้าต่างน่ะ ดูเหมือนคืนนี้ฝนจะตกหนัก

     


    หลังจากทานอาหารเย็นกันเรียบร้อยแล้วมินซอกก็ขอตัวไปอาบน้ำ พอเสร็จแล้วเขาก็ไล่อีกคนที่นอนเน่าอยู่บนเตียงของเขาให้ลุกไปอาบน้ำ ท้องฟ้ายามค่ำคืนแม้จะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนแต่กลุ่มก้อนเมฆครึ้มก้อนใหญ่ที่บดบังแสงจันทร์จนแทบจะมืดสนิท พร้อมทั้งลมพัดกระโชกที่เริ่มรุนแรงขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกได้อย่างแน่ชัดว่าคืนนี้ฝนคงตกหนัก

     


                “นายขึ้นไปนอนบนเตียงสิ ตรงนี้เดี๋ยวฉันนอนเอง

     


                หลังจากจัดการปิดหน้าตาทุกบานเรียบร้อยแล้ว มินซอกก็หันมาบอกอีกคนที่นั่งลงบนฟูกนอนที่เขาปูไว้ตรงพื้นห้องข้างๆเตียงเดี่ยวของเขา

     


                ไม่เป็นไรหรอก นายนอนบนเตียงนั่นแหล่ะ

     


                “ได้ไงล่ะ ก็นายเป็นแขก...

     

     

               



                เปรี้ยง!!


     

     


    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นแสงจากสายฟ้าสว่างวาบอยู่ ณ ขณะหนึ่งจนดูเหมือนว่ามันกลับกลายเป็นช่วงเวลากลางวันอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาสู่ภาวะความมืดปกคลุมสนิทอีกรอบ

     

     



               ไฟดับลงแล้ว

     

     



    เสียงฟ้าผ่าเมื่อครู่คงจะทำให้เสาไฟฟ้าบางต้นได้รับผลกระทบ จนทำให้ไฟฟ้าถูกตัด เวลานี้บ้านทั้งหลังตกอยู่ในความมืด เสียงสายฝนตกลงมาปรอยๆก่อนจะโหมกระหน่ำราวกับพายุ แรงลมจากด้านนอกกรรโชกแรงจนสายฝนสาดซัดตัวบ้านจนเกิดเสียงดัง

     



    อีกคนในอ้อมกอดเขาขยับตัวซุกเข้ามาในอก คนตัวเล็กพุ่งเข้ามาหาเขาตั้งแต่เสียงฟ้าผ่ารอบแรก มินซอกใช้มือปิดหูทั้งสองข้างพลางซุกตัวไปในอ้อมกอดของเขา ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท เขาจำได้ดีว่ามินซอกกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าเป็นที่สุด

     



    ตั้งแต่เด็กๆเวลาที่ฝนตกฟ้าร้องมินซอกจะซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาขดตัวอยู่อย่างนั้น จนกว่าฝนจะหยุด...

     


    พอเขานึกไปถึงเมื่อก่อน ก็อดยิ้มให้กับความเป็นเด็กของมินซอกไม่ได้ อีกคนไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว ร่างเล็กยังคงซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่อย่างนั้น ร่างที่สั่นสะท้านยามที่เกิดแสงและเสียงจากปรากฏการณ์ฟ้าแลบฟ้าร้อง เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่ามินซอกกำลังกลัวมากแค่ไหน เขากระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ยกร่างอีกขึ้นให้ขึ้นมานั่งบนตักพลางลูบหัวไปมาเป็นการปลอบโยน

     



                ฉันอยู่นี่...ไม่ต้องกลัวนะ

     



    ร่างเล็กกำเสื้อเขาไว้แน่น ฝังใบหน้าลงบนอกเขาราวกับต้องการจะมุดตัวแทรกเข้ามายังไงยังงั้น เขานึกไม่ออกเลยจริงๆว่าถ้าอีกคนอยู่คนเดียวในตอนนี้ จะเป็นยังไง...

     


    เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงกว่าฝนจะซาลง จนกระทั่งทุกอย่างสงบลง พายุฝนคงผ่านไปแล้ว เหลือเพียงเสียงหยดน้ำฝนที่กระทบลงบนหลังคาเพียงปรอยๆ



                ฝนหยุดแล้ว...

     


    ลู่หานก้มลงกระซิบข้างหูของคนตัวเล็กที่ตอนนี้กอดเขาไว้เต็มตัว แขนสองข้างพาดโอบรอบหลังเขาไว้ ใบหน้ายังซบอยู่ที่อกของเขา ส่วนเขาเองก็ใช้แขนโอบรอบเอวอีกคนไว้เช่นกัน มินซอกขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ใบหน้าขึ้นสีเลือดฝาดทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน

     



                “ขะ...ขอโทษ

     



    มินซอกละมือที่กอดอีกคนออกก่อนจะก้มหน้าลงต่ำแล้วแผ่วเสียงออกมาเบาหวิว มือเล็กดันอกอีกคนออกก่อนที่จะพยายามลุกออกจากตักของอีกคน แต่แล้วแรงจากแขนที่พันเกี่ยวอยู่ตรงช่วงเอวก็รั้งเขาให้กลับไปนั่งในท่าเดิม

     



                มินซอก...

     



    ลู่หานเชยคางคนตัวเล็กให้สบตากับเขาผ่านความมืด เมฆดำก้อนใหญ่ลอยผ่านไปแล้ว แสงจากดวงจันทร์สาดแสงผ่านผ้าม่านเข้ามาภายในห้องนอนของมินซอก แม้จะเป็นแสงเพียงน้อยนิดแต่ก็ทำให้เขาเห็นเสี้ยวหน้าอีกคนได้ชัดเจน ริมฝีปากตรงหน้า ช่างเย้ายวนให้เขาเคลื่อนใบหน้าลงไปหา

     





    - Weekend -

    .
    .
    .

     

     

    CUT 



     
    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×