คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : MY DADDY | INTRO
INTRO
แสงแดดยามเช้ากับสายลมที่พัดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาภายในตัวห้องสีขาวสะอาด อากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิกับเสียงใบไม้ปลิวไหวไปตามสายลมกำลังขับกล่อมคนบนเตียงให้จมดิ่งอยู่ในห้วงของการหลับใหล แม้แสงสว่างที่ลอดผ่านเข้ามายามที่ผ้าม่านปลิวตามทิศทางของสายลมจะเป็นสัญญาณบอกเวลาของวันใหม่ แต่ใครคนนั้นก็ยังขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาอยู่อย่างนั้น
คนบนเตียงขยับตัวเล็กน้อยตอนที่เสียงจากด้านนอกดังเล็ดลอดขึ้นมาถึงห้องนอนชั้นสอง ร่างโปร่งพลิกตัวนอนคว่ำหน้าลงกับหมอนใบโตเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านยังสงเสียงรบกวนเขาอย่างต่อเนื่อง
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
นี่เป็นครั้งแรกที่ ‘ลู่หาน’ อยากจะบอกให้ช่างมาถอดเจ้าเครื่องรบกวนที่ติดไว้หน้าบ้านออกซะให้รู้แล้วรู้รอด ตอนที่มันกำลังก่อกวนเวลานอนเขาอย่างหนัก หมอนใบโตที่ใช้ซุกหน้าในทีแรกถูกยกมากดทับหัวที่ยุ่งเหยิงเพื่อหลีกหนีเสียงที่ดังรบกวนจากด้านนอก เสียงครางเบาๆอย่างรำคาญดังออกมาจากคนที่นอนอยู่ ทั้งที่เขาเพิ่งจะได้นอนไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้แท้ๆกลับถูกรบกวนเวลานอนอันมีค่าตั้งแต่พระอาทิตย์เพิ่งจะโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าซะอย่างนั้น
เสียงกริ่งหน้าบ้านยังคงดังต่อไป คนที่นอนอยู่ก็ยังคงนอนต่อไป ก็ให้มันรู้ไปสิว่าฝ่ายไหนจะชนะ ลู่หานนึกหงุดหงิดอยู่ในใจ จนในที่สุดหมอนใบโตในมือก็ถูกขว้างไปอัดกับผนังห้อง ลู่หานเปิดเปลือกตาขึ้นพร้อมกับพลิกตัวนอนหงายก่อนจะดีดตัวขึ้นขยี้ผมที่ยุ่งเหยิงอย่างหงุดหงิด
“ให้ตายเถอะ” พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมาก่อนสะบัดผ้าห่มบนตักให้พ้นออกจากร่าง มือหนายกขึ้นเสยผมแล้วลุกขึ้นเดินไปกระชากประตูห้องก่อนจะเดินออกไป
จำได้ว่าเมื่อคืนเลี้ยงปิดกองจนดึกดื่นงานเลี้ยงถึงได้เวลาเลิกราและเขาเพิ่งจะหัวถึงหมอนตอนที่เกือบจะรุ่งสาง ตอนที่ลุกขึ้นจากเตียงและเหลือบมองนาฬิกาตรงโต๊ะข้างหัวเตียงมันเพิ่งจะแปดโมงเช้า รวมเวลาเสร็จสรรพแล้วเขาเพิ่งจะนอนไปได้แค่สามชั่วโมงเท่านั้น แม้แต่ตอนที่ย่ำเท้าลงบนบันไดลมหายใจฮึดฮัดจากร่างโปร่งก็ยังดังออกมาไม่ขาด
ก็ไม่รู้ว่าใครกันที่มารบกวนเขาตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้...
มือหนาเอื้อมไปจับลูกบิดก่อนจะหมุนมันอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอช้าอะไรไปมากกว่านี้บานประตูก็ถูกดึงเข้าหาตัว ทั้งที่กำลังเมาง่วงและหงุดหงิดมากแค่ไหนแต่ดวงตาคมก็จำต้องหรี่ตามองคนตรงหน้าที่เขาไม่คุ้นเอาซะเลย คิ้วขมวดมุ่นทันทีที่เด็กผู้ชายตัวเล็กตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมองเขาตาปริบๆก่อนจะอมลมจนแก้มป่องแล้วบุ้ยปากให้เขา สองมือกระชับสายสะพายของเป้ใบใหญ่ที่ติดอยู่กับตัว
“ผมกดกริ่งตั้งนานแล้วนะ” ลู่หานขมวดคิ้วมองเด็กตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ นี่ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งเจอกับเด็กนี่ครั้งแรกหรอกเหรอ?
“ขอเข้าไปหน่อย หิวน้ำอ่ะ” ไม่พูดเปล่าเด็กตรงหน้าใช้มือเล็กดันเขาที่ขวางประตูอยู่ให้หลบทางก่อนจะแทรกตัวเดินดุ่มๆเข้าไปด้านในหน้าตาเฉย
“นี่ เดี๋ยว” ลู่หานคว้าข้อมือเด็กแปลกหน้าที่ตีเนียนเข้าบ้านคนอื่นโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตไว้ได้ทัน เจ้าตัวเพียงแค่หยุดเดินก่อนจะหันกลับมาเลิกคิ้วขึ้นมอง
“นายเป็นใคร? แล้วเข้าบ้านคนอื่นก่อนที่เขาจะอนุญาตแบบนี้ได้ไง?” ลู่หานว่าพลางรั้งข้อมืออีกคนให้เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูอีกครั้ง
“แล้วนี่ใช่บ้านลู่หานเปล่าอ่ะ?” เด็กหัวกลมตีหน้ามึนก่อนจะชะเง้อคอสั้นๆนั่นมองเข้าไปในบ้าน
“ใช่”
“งั้นก็มาถูกแล้วนี่...” คนตัวเล็กกว่าบอกก่อนจะเบะปากเล็กน้อย นิ้วเล็กจิ้มมาที่ช่วงอกของคนที่ยืนทำหน้างงสุดชีวิตอยู่ “นี่คือลู่หาน”
“คริสให้ผมมาหา”
×
“เออ ไอ้คริสมันยังไงวะ?” ลู่หานกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ทันทีที่อีกคนรับสาย
[ใจเย็นดิ น้องไปถึงแล้วใช่ปะ?]
“ถ้าหมายถึงเด็กหัวกลมๆนั่น...ก็มาถึงแล้ว” ลู่หานปรายมองเด็กหนุ่มตัวเล็กที่นั่งเล่นเกมโทรศัพท์อยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขกหลังจากปะทะกันอยู่นานกว่าจะพากันเข้ามาในบ้าน ตอนที่แยกตัวออกมาคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิท
“อธิบายมา”
[เมื่อคืนกูก็บอกมึงแล้วนี่]
“บอก? ตอนไหน?”
[...สงสัยจะตอนมึงเมา]
“...”
[คืองี้นะเพื่อน...เดี๋ยวกูจะทวนให้อีกรอบ คือกูฝากเด็กหน่อย แล้วเพื่อนลู่ก็รับปากกูแล้วเรียบร้อยห้ามผิดคำพูด โอเค๊? ยังไงมึงก็ต้องโอเค]
“เดี๋ยวๆ แล้วทำไมต้องฝาก?”
[เรื่องยาวมาก มึงจะฟังมหากาพย์ชีวิตกูตอนนี้เลยมั้ย?]
“เออ”
สรุปแล้วลู่หานใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์นานกว่าสิบนาที จับใจความตามที่คริสเล่ามาก็ได้ความว่าเด็กหัวกลมที่บุกบ้านเขาเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้วคือลูกชายที่พัดพรากกับเพื่อนคริสไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ฟังแล้วมันก็ดูเหลือเชื่อราวกับซีรี่ย์ดราม่าที่หักมุมตอนจบยังไงยังงั้น เมื่อจุดพีคมันอยู่ที่ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆของคริสแต่ฝ่ายแม่หรือผู้หญิงที่คริสเคยมีซัมติงเมื่อตอนยังเป็นวัยรุ่นวัยอยากรู้อยากลองจนได้เรื่อง กลับมายัดเยียดความเป็นพ่อให้ตอนที่เด็กคนนั้นโตจนหย่านมแล้วนี่สิ ส่วนรายละเอียดยิบย่อยคริสไม่ได้บอกเขามากไปกว่านี้
“เฮ้อ...” แย่ไปกว่านั้นคือคนรับชะตากรรมคือเขา ลู่หานพ่นลมหายใจหน่ายออกมาตอนที่เพื่อนคริสวางสายไปแล้วเพราะเจ้าตัวบอกว่ามีงานต้องรีบไปทำ คริสคือนักแสดงที่กำลังโด่งดังและกำลังไปได้ดีในเส้นทางสายนี้ นี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คริสต้องปิดบังเรื่องเด็กคนนั้น
แต่เพื่อนคริสลืมไปหรือเปล่าว่าลู่หานก็เป็นดาราดังเหมือนกันน่ะ...
“...” กลับมานั่งจ้องเขม็งไปที่เด็กหัวกลมที่เอาแต่สนใจเกมส์ในมืออยู่ตรงข้ามกันแล้วก็ต้องยกมือขึ้นขยี้ผมอีกรอบ
“ชื่ออะไร?”
“หือ?” เด็กหัวกลมเพียงแค่เลิกคิ้วถามกลับ ทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือ
“ถามว่าชื่ออะไร?” ลู่หานพ่นลมหายใจหน่ายออกมาอีกระลอก เขาไม่ใช่คนใจเย็นแต่ก็ไม่ถึงกับใจร้อนแค่รู้จักคุมอารมณ์ได้เพราะไม่ใช่เด็กๆแล้วถึงต้องมานั่งตีฝีปากกับเด็กอย่าง...
เด็กตรงหน้านี่...
“ไว้ค่อยคุยตอนผมชนะเกมนี้ก่อน” ว่าแล้วเจ้าตัวก็กลับไปให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือในมือตัวเอง ลู่หานถึงกับใบ้รับประทานตอนที่ต้องมานั่งรับมือกับเด็กประเภทนี้
“เฮ้! มือถือผมนะ!” คนตัวเล็กโวยวายก่อนจะลุกพรวดขึ้นฉุดยื้อโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมืออีกคน ลู่หานชูมันขึ้นสุดแขนจนคนที่ตัวเล็กกว่าต้องเขย่งปลายเท้าขึ้นคว้าแต่ก็ไม่สำเร็จ
“บอกชื่อมา”
“เอามือถือคืนมาก่อนดิ”
“ไม่บอกก็ไม่คืน” ลู่หานว่าก่อนจะยัดมือถือของอีกคนใส่กระเป๋ากางเกงนอนซะอย่างนั้น
“…” คนตัวเล็กถึงกับอ้าปากค้างเมื่ออีกคนเดินหนีเขาไปนั่งโซฟาหน้าตาเฉย แถมยังยักคิ้วกวนส่งมาให้อีก จะประกาศสงครามกับเขาใช่มั้ย?
“มินซอก ชื่อคิมมินซอก” เจ้าของชื่อเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งอยู่ก่อนจะแบมือเล็กไปตรงหน้า “บอกแล้วขอมือถือคืนด้วย”
“ยัง”
“อะไรอีก?”
“อายุเท่าไหร่?”
“สิบหก” คนตัวเล็กตอบเสียงห้วน
“ครับด้วย”
“ไม่ครับ” มินซอกตีหน้ามึนใส่
“งั้นก็ไม่คืน” ลู่หานเงยหน้ามองอย่างท้าทาย ก็ให้มันรู้ไปสิว่าเด็กนี่จะตีหน้ามึนแล้วเอาชนะเขาได้
“...สิบหกครับ”
ลู่หานยกยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะหยิบมือถือออกมายื่นให้เด็กตรงหน้าที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ เด็กหัวกลมดึงมือถือมาไว้ในมือ แล้วก็ถูกอีกคนรั้งข้อมือให้นั่งลงข้างกันบนโซฟา มินซอกทำหน้าเหวอตอนที่ก้นกระแทกกับโซฟาอย่างแรงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“ทีนี้มาคุยกันได้แล้ว” ลู่หานเอ่ยขึ้นตอนที่หันไปมองหน้าอีกคน
“ไว้ก่อนได้มั้ย? ผมเพิ่งมาถึงนะ” มินซอกว่าก่อนจะยกมือถือขึ้นมาทำท่าจะสนใจมันอีกครั้ง แต่มือหนาก็คว้ามันไปอีกรอบ
“ต้องคุยตอนนี้” ลู่หานโยนเครื่องมือสื่อสารเจ้าปัญหาให้ไปหล่นอยู่ตรงมุมโซฟา โดยที่มีสายตาอาลัยอาวรณ์ของมินซอกมองตาม “รู้ใช่มั้ยว่าต่อจากนี้ไปนายต้องอยู่ในความดูแลของฉัน”
“อื้อ”
“อย่าสร้างปัญหา” เพราะดูท่าทางเด็กคนนี้จะแก่นเซี้ยวไม่เบา นี่แค่เพิ่งเจอกันแต่ก็โดนเด็กมินซอกนี่แผลงฤทธิ์ใส่เสียจนเขาแทบไปไม่เป็น
“เห็นผมเป็นเด็กยังไง” มินซอกเปรยออกมาเบาๆตอนที่หันมาบุ้ยปากใส่ก่อนจะเมินหน้าหนีหนึ่งที
“เด็กประหลาด” ลู่หานบอกก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟา ถึงตอนนี้ความง่วงก่อนหน้านี้ก็คงหายเป็นปลิดทิ้งแล้วหลังจากเจอกับเด็กคนนี้ ต่อจากนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อไปกับอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องรับมาดูแลอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ปะป๊า”
“?” ลู่หานเอียงหน้ามองอีกคนที่หันมามองเขาเช่นกัน
“ให้ผมอยู่ด้วยนะ” คนตัวเล็กมองมาด้วยแววตาที่ลู่หานอ่านไม่ออก ถึงจะต้องดูแลก็เถอะแต่มันจำเป็นที่เด็กนี่จะต้องเรียกเขาว่า ‘ปะป๊า’ ด้วยงั้นหรอ?
“เมื่อกี้เรียกว่าไงนะ?”
“ปะป๊าลู่หาน~”
×
“อี้ชิง สรุปวันนี้ไม่มีงานใช่มั้ย?” ลู่หานกรอกเสียงไปยังปลายสายขณะที่กำลังเดินลงบันไดหลังจากโดนน็อคโดยเด็กหัวกลมเมื่อช่วงเช้าแล้วเขาถึงได้รู้ตัวว่าควรไปอาบน้ำให้คลายความเครียดลงไปบ้าง คนในสายคือ จางอี้ชิง เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขา ลู่หานเป็นนักแสดงชาวจีนที่มาโด่งดังในเกาหลีใต้ ส่วนหนึ่งก็เป็นคริสที่ช่วยให้เขาได้เข้ามาเดินบนเส้นทางสายนี้คริสอายุมากกว่าเขาสามปี แต่เพราะสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วทั้งสองคนจึงไม่ถือสาหาความเป็นพี่น้องกันอย่างที่ควรจะเป็น เพราะงั้นถึงต้องช่วยเหลือคริสในยามที่เจ้าตัวตกที่นั่งลำบาก
“โอเค ไว้คุยกัน” ลู่หานกดตัดสายตอนที่คุยธุระกับอี้ชิงเรียบร้อยแล้ว เงยหน้าขึ้นแล้วสายตาก็พบกับหัวกลมๆที่โผล่พ้นพนักโซฟามาเล็กน้อยแค่นั้นลู่หานก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ปะป๊า ผมหิวแล้ว” มินซอกเงยหน้าทำปากงุ้มใส่ทันทีที่อีกคนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
“มีเงินมาหรือเปล่า?” ลู่หานถามตอนที่หย่อนกายลงไปนั่งข้างอีกคน
“มี แต่ใช้หมดแล้ว”
“งั้นก็อด”
“ใจร้าย...” มินซอกเบะปากใส่ก่อนจะชันขาขึ้นกอดเข่า ท่าทางแบบนั้นน่ะลู่หานไม่ได้หลงกลหรอกนะ เขาเพียงแค่หัวเราะในลำคอเบาๆกับท่าทางเอาแต่ใจของเด็กคนนี้
“นี่...” ลู่หานเลิกคิ้วขึ้นเมื่อมือเล็กเอื้อมมาดึงมือของเขา “จ่ายเป็นอย่างอื่นแทนได้เปล่า?”
“...” ตอนที่กำลังไม่เข้าใจกับประโยคประหลาดๆของเด็กมินซอก มือของเขาก็ถูกอีกคนจับเลื่อนไปวางตรงช่วงเอวบาง เด็กมินซอกก้มหน้านิ่งตอนที่ขยับเข้ามาใกล้เขาถึงตอนนี้ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าอีกคนตั้งใจจะสื่ออะไร
“จ่ายด้วยร่างกายแบบนี้เหรอ?” ลู่หานถามก่อนจะไล้มือไปตามช่วงเอวบาง อีกคนใส่เพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์สีเข้ม มือหนาไล้ไปตามขอบกางเกงก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อเพื่อสัมผัสผิวกายเนียนนุ่ม
“อือ” คนตัวเล็กตอบเสียงแผ่วทั้งที่ยังก้มหน้านิ่งอยู่แบบนั้น รู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นเล็กน้อยถึงเจ้าตัวจะเป็นคนเสนอแต่ก็ดันกลายเป็นว่าประหม่าไปเสียเอง ลู่หานยกยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้
“เดี๋ยว...” มือเล็กยกขึ้นดันไหล่อีกคนออก ตอนที่รู้สึกว่าเขาตัดสินใจผิดพลาด
ก็ไม่ได้คิดว่าอีกคนจะเล่นด้วยแบบนี้นี่....
“กลัวล่ะสิ” ลู่หานแค่นหัวเราะออกมาก่อนจะละมือออกมาจากร่างคนตัวเล็ก ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาแบบไหนถึงยอมกล้าเสี่ยงกับเรื่องพรรค์นี้ ลู่หานไม่ได้มีรสนิยมที่ชอบเพศเดียวกัน เขาไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายแต่ก็ไม่ได้นึกรังเกียจ วงการของนักแสดงมักจะมีเรื่องประเภทนี้อยู่ให้เห็นจนชิน เขาไม่ได้แปลกใจกับการกระทำของอีกฝ่ายนักหรอก
แค่อยากรู้ว่าเด็กคนนี้จะมีไม้ไหนมางัดกับเขาอีกก็เท่านั้น...
“ไม่ได้กลัว” มินซอกตอบก่อนจะขยับตัวออกห่าง
“นายนี่มันจริงๆเลย” ลู่หานว่าพลางเอื้อมมือไปหยิกแก้มกลมๆของอีกคน จนคนโดนกระทำแหวใส่ก่อนจะหันมาชักสีหน้าไม่พอใจ
“ห้ามจับแก้มนะ!” มินซอกโวยก่อนจะยกมือปิดแก้มสองข้าง
“ทำไม? เมื่อกี้ยังให้จับเอวเลย” ลู่หานบอกก่อนจะพยายามดึงมือเล็กที่กุมแก้มตัวเองไว้ออก
“ก็บอกว่าห้ามไง นี่!”
ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปจะต้องยื้อยุดฟาดฟันกับเด็กตัวแสบคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ลู่หานกำลังถือไพ่เหนือกว่า
ความลับหนึ่งอย่างของเด็กมินซอก...หวงแก้ม
TBC.
#ficlupapa
TALK:
กลับมาแล้ว แต่น้องมินซอกเปลี่ยนไป u . u
ขอบคุณที่หลายคนยังรอกันอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆเลย
ไม่รู้ว่าจะชอบแบบนี้กันมั้ย กลัวแบบชอบอันเดิมมากกว่าอะไรแบบนี้
ขอเปลี่ยนแฮชแท็กนะคะเพราะอันเดิมมันไปซ้ำกับอะไรก็ไม่ยู้วววว
ปกติก็ไม่ค่อยมีอะไรในแฮชแท็กอยู่แล้ว แง 5555555555555555
ขอให้สนุกกับเด็กแสบเนอะ หวังว่าจะชอบกันน้า T_T
ความคิดเห็น