คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ...intro...
...InTro...
ณ โรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง
มีนักเรียนสองสองคนกำลังช่วยกันยกสมุดไปไว้ที่ห้องพักครู เยงแต่ทางที่ทั้งคนคนใช้เดินไปนั้นตอนนี้ต้นไม้บริเวณนั้นกำลังผลิดอกสวยงาม ยามที่กลีบดอกไม้เหล่านั้นร่วงโรยช่างเหมาะกับเป็นสถานที่ที่ใช้สาระภาพรักซะเหลือเกิน
“ผมชอบคุณครับ ช่วยเป็นแฟนกับผมได้ไหมครับ!!!!” ชายหนุ่มผู้ที่ไม่อาจเก็บความรักเอาไว้ได้อีกต่อไป ในที่สุดก็ได้พูดความรู้สึกออกไป ส่วนคนที่เป็นฝ่ายถูกบอกรักเมื่อได้ยินเสียงมาจากด้านหลังก็หันกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าหวาน ริมฝีปากที่อวบอิ่มได้รูป ดวงตากลมโต และเส้นผมที่พริ้วไหวไปกับสายลม ในที่สุดความงามที่ควรคู่แก่ความรักได้หันมาประจันหน้ากับเขาแล้ว ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าถามหาคำตอบอีกครั้ง “ได้ไหมครับ!!!!”
เด็กหนุ่มได้แต่ทำหน้านิ่งกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ซักพักเขาก็ได้วางกองสมุดลงกับพื้น และเดินผ่านชายหนุ่มไป ฝ่ายชายหนุ่มเองก็รู้สึกงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่เขากำลังจะหันไปถามนั้นเอง เด็กหนุ่มก็หันกลับมาให้คำตอบเขาซะก่อน
“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงดังฟังชัดจนผู้ที่ได้รับคำตอบถึงกับแน่นิ่งด้วยความผิดหวัง เด็กหนุ่มไม่สนใจแล้วหันหน้ากลับเดินหน้าต่อไป ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนผิดหวังอยู่กับกองหนังสือที่ตัวเองวางทิ้งไว้...
.
.
.
“แหม่... เนื้อหอมจังเลยน่ะ” ยัยสลิ่มเป็นฝ่ายชิงพูดเรื่องที่กวนใจก่อน ทำให้ผมได้แต่หันไปส่งสายตาอาฆาตใส่ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้หมอนี่สำนึกเลยแม้แต่น้อย แถมยังกลายเป็นว่าพวกมาตอกย้ำซ้ำเติมผมซะอีก “น่าอิจฉาจังเลยน้า”
“ใช่ๆ คนนั้นน่ะติดท็อปสิบผู้ชายหน้าตาดีของฉันเลยน่ะ” ต่อไปก็เป็นตาของยัยแมวดาวที่เข้าวงสนทนาผมเป็นคนที่สอง คราวนี้เปลี่ยนจากการแววผมไปเป็นประเด็นหน้าตาของผุ้ชายที่มาจีบผมแทน แต่ฟังแล้วมันรู้สึกขนลุกแปลกๆ “นี่ๆไหนแกก็ไม่เอาแล้ว ทำไมถึงไม่แนะนำเพื่อนแกแทนล่ะห๊า!!”
“แต่ก็น่าสงสารอยู่นะ เขาอุตส่าห์รวบรวมบอกชอบทั้งที”ส่วนคนสุดท้ายที่ได้เข้าสู้วงสนทนาก็คือส้มเช้ง คราวนี้บทสนทนาเหมือนจะสงสารนายคนนั้น แต่ไม่นานคำพูดของหมอนี่ก็ทำให้ผมวีนแตก “รู้ไหมว่าคนที่ไปบอกชอบนายโดยไม่ผ่านคำปรึกษาพวกฉันเนี่ยไม่ค่อยมีหรอกน่ะ”
“หมายความว่าที่ไอ้พวกนั้นมันมาหาฉันก็ฝีมือพวกแกสิ!!!!” ผมตะโกนออกเสียงดัง ถึงว่าสิว่าทำไมช่วงนี้ถึงมาถี่กันจริง ที่แท้ก็ฝีมือไอ้พวกนี้นี่เอง พวกคุณไม่ต้องสงสัยว่าทำไมในโรงเรียนชายล้วนถึงมีกลุ่มผู้หญิงมานั่งเม้าท์กันไฟแลบขนาดนี้ นั้นก็เพราะพวกนี่เป็นผู้ชายพวกที่คิดว่าตัวเองคือเหล่าดอกไม้ที่เบ่งบานในทุ่งที่เหม็นกลิ่นเหงื่อนี่ยังไงล่ะ บางทีพวกนี่อาจจะเข้าใจว่าการเป็นกะเทยนั้นต้องหน้าหนาเป็นพิเศษแน่ๆ เพราะขนาดผมวีนแล้วยังทำท่าทางสบายที่เป็นผมโกรธอีก ผมล่ะปวดกระบาลจริงๆ
“ถ้าไม่อยากโดนบอกรัก งั้นทำไมนายถึงไม่รีบหาแฟนซะทีล่ะ อย่างคนนั้นเป็นไง!!” แมวดาวพูดออกมาเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปทางด้านหลังของผม เมื่อผมหันตามไปก็พบกับ ‘เซน’ หนุ่มหล่อผู้เป็นที่หมายตาของเหล่าเก้งกลางทั้งหลาย เซนเป็นคนหน้าตาดี อัธยาศัยก็ดี และที่สำคัญหมอนี่ออกตัวเลยว่าไม่ได้ชอบผู้หญิง แถมยังไม่มีแฟนอีกทำให้สาวๆทั้งหลายในโรงเรียนต่างดับเครื่องชนกันมากมาย ไม่ใช่เพียงแค่เหล่าสาวๆแต่ผู้ชายหลายเองก็หมายปองไว้เช่นกัน และนั่นก็อาจจะรวมถึง... “หั่นแน่... มองใหญ่เชียวน่ะ รึว่าคนอย่างความรักจะเข้าใจความหมายของชื่อขึ้นมาแล้วล่ะจ้า”
“บ้า...”
“หุหุ ปากแข็งจริงเชียว... แต่ให้ชอบขึ้นมาจริงๆนายก็อาจจะต้องผิดหวังน่ะ” สลิ่มพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปทางเซนอีกครั้ง แต่คราวนี้เบนนิ้วไปทางข้างๆเซนหรือก็คือคนที่อยู่ข้างๆนั่นเอง นาย ’คิง’ เพื่อนของเซนที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ด้วยกันตลอกเวลา คิงนั้นดูต่างจากเซนโดยสิ้นเชิงถึงจะหน้าตาดีพอๆกับเซน แต่กลับทำตาขวางตลอดเวลา แถมยังชอบทำตัวเหมือนกับเป็นนักเลงอีกด้วยเหมือนกับว่าทำตัวเป็นไม้กันหมาให้เซนซะอย่างงั้น “หรือควาจริงแล้วสองคนนั้นเป็นแฟนกันแน่น่ะ...”
คำพูดของสลิ่มทำเอาทุกคนหันมามองหน้ากันแล้วก็ขำกันคิกคักเป็นอันรู้ว่าประเด็นนี้ผ่านเหมาะแก่การสอดส่อง และติดตาม แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอกที่จะคิดกันแบบนั้น เพราะว่าสองคนนั้นอยู่ด้วยกันตลอดเวลาขนาดนั้นการจะคิดแบบนั้นก็คงไม่แปลก และก็เป็นเพราะแบบนั้นผมถึงไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเขาได้เลย...
แต่ช่างเถอะ เพราะยังไงซะผมก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ปรารถนามันจะสมหวังอยู่แล้วล่ะ...
.
.
.
ณ สวรรค์
“น่าเบื่อ.........!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงดังแผลไปทั่วเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากพระเจ้าองค์ปัจจุบัน เพราะปกติเป็นพวกชอบการสังสรรค์ และความสำราญ หลังจากขึ้นตำแหน่งพระเจ้าคนล่าสุดเขาก็ต้องถูกกักตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน แถมก็ไม่สามารถทำตัวเสเพลแบบเมื่อก่อนได้ จนในที่สุดความอัดอั่นทั้งหมดก็ระเบิดออกมา ทำเอาเลขาคนเก่งถึงกับต้องรีบวิ่งเข้ามาดู ก่อนที่พระเจ้าจะระเบิดโทสะเผาเอกสารงานให้ราบเหมือนครั้งก่อน
“ทนนิดทนหน่อยไม่ได้รึยังไงครับ ตอนนี้คุณเป็นถึงพระเจ้าแล้วน่ะ” เลขาคนเก่งพูดขึ้นก่อนที่จะยกกองเอกสารขนาดใหญ่มาวางไว้อีกตั้งหนึ่ง ทำเอาพระเจ้าถลึงตาใส่เลขาจนตาแถบถลนออกมา ส่วนคุณเลขาก็ได้เพียงหลบสายตาอาฆาตแล้วเป็นไม่สนใจเท่านั้นเอง “อย่าบ่นมากเลยน่ะครับ เป็นพระเจ้าก็แค่คอยสอดส่องความสงบสุขของโลกมนุษย์แค่นั้นเอง... ไม่ได้ลำบากเหมือนมนุษย์บางคนซะหน่อย”
เลขาพูดออกมาพร้อมกับหยิบเอกสารชิ้นหนึ่งขึ้นมา พลันสายตาของพระเจ้าก็เหลือบไปเห็นคำที่แปะไว้หน้าเอกสารนั้นเข้า... ‘กลุ่มพิเศษ’ ทำให้พระเจ้าเกิดความสงสัยขึ้น(เนื่องจากไม่เคยคิดจะหยิบขึ้นมาอ่าน) พระเจ้าจึงได้ตะโกนถาม “อาเรจนั้นมันเอกสารอะไรน่ะ!!!!”
ทางด้าน ’อาเรจ’ เมื่อถูกถามก็ก้มมองเอกสารในมือครั้ง ก่อนจะหันไปมองที่อาเซลหนึ่งครั้งอาเรจรู้ได้ทันทีเลยว่าถ้าเกิดบอกอออกไปล่ะก็จะต้องเกิดเรื่องวุ่นขึ้นแน่นอน แต่ครั้นจะปิดเงียบก็คงมีหวังวีนแตกพังข้าวของอีกเป็นแน่แท้ ทำให้อาเรจหมดทางเลือกต้องอธิบายให้ฟัง “เป็นข้อมูลของมนุษย์ที่พิเศษกว่าคนอื่นๆน่ะ”
“แล้วมันเป็นยังไงล่ะ!!” ไม่พูดป่าวคราวนี้พระเจ้าใช้ความรวดเร็วกระโจนเข้าไปแย่งเอกสารในมืออาเรจมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดแบบสุ่มดูก็พบกับหน้าที่มีรูปใบเด็กคนหนึ่งอยู่ แต่พระเจ้ากลับไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ พระเจ้าจึงลองอ่านประวัติของเด็กคนนี้ดู แต่หลังจากที่อ่านแบบคราวๆเสร็จพระเจ้าก็ต้องเงยหน้าขึ้นถามอาเรจ “มนุษย์นิมีแบบนี้ด้วยเหรอ... แบบนี้ก็คล้ายๆพวกเทพเลยน่ะสิ”
อาเรจฟังที่พระเจ้าพูดพร้อมกับพยัคหน้าเบาๆ แต่การพยัคหน้าเบาๆนี้กลับทำให้แววตาของพระเจ้าเป็นประกายวิ้งๆทำเอาอาเรจถึงกับต้องเอามือกุมขมับเพราะมันหมายถึงว่าเรื่องซวยกำลังจะตามมานั้นเอง... “นี่ท่านคิดจะทำอะไรเนี่ย”
“ก็หน้าที่ของพระเจ้าคือการสอดส่องดูแลโลกมนุษย์ใช้ไหมล่ะ ข้าก็เลยคิดเรื่องสนุก... เอ้ย!!!! เรื่องที่จะช่วยเหลือมนุษย์คนนี้ยังไงล่ะ แถมเจ้ามนุษย์คนนี้ยังมีปัญหาเรื่องความรักอีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยไง!!” อาเรจฟังสิ่งพระเจ้าพูดดูยังไงๆก็คงแค่จะหาข้ออ้างอู้งานแค่นั้นเองน่ะแหละ แต่จะให้ขัดก็คงยากมีแต่คงต้องปล่อยเลยตามเลยซะแล้ว “เงียบ... งั้นข้าไม่สนใจเจ้าแล้วน้า!!!!”
พูดจบพระเจ้าก็รีบกระโจนออกไปจากห้อง เหลือไว้เพียงอาเรจที่ต้องคอยเก็บกวาดเอกสารที่ปลิวว่อนไปทั่วห้อง ความจริงเขาควรจะรีบวิ่งไปหยุดพระเจ้าไว้ แต่ลองเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็วิ่งเดียวที่จะพอทำได้คงจะเป็น...
“ต้องรอรับเรื่องวุ่นๆอีกแล้วสิน่ะ...”
ความคิดเห็น