คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : overnight : 9
9
(อย่าลืมปิดเพลงหน้าฟิคกันก่อนนะตัวเอง)
เหนื่อย...เป็นบ้า...
แอบลอบมองร่างเปลือยเปล่าที่นอนหายใจข้างๆ แล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ ใครจะไปรู้ว่าครั้งแรกจะเหนื่อยขนาดนี้ เอ้ะ หรือจะต้องเหนื่อยแบบนี้ทุกครั้งถ้ามีครั้งต่อไป...
จะบ้าเหรอ! สะบัดไล่ความคิดในหัวเป็นพัลวันเมื่อความคิดน่าเกลียดๆผุดขึ้นมาเป็นทอดๆ ...ลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวหน่อยดีกว่า...
หมับ
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อคนที่นอนอยู่บนเตียงคว้าข้อมือผมไว้ในขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ การลุกที่ผิดท่าไปหน่อยทำเอาผมต้องเอามืออีกข้างที่เขาไม่ได้จับไว้กุมสะโพก ฮึก...จบจนน้ำตาแทบจะเล็ดอยู่รอมร่อ
"เดี๋ยวอาบให้"
"จะบ้าหรือไง! นายนอนไปเลยนะ ฉันจัดการเองได้!"ผมขึ้นเสียงใส่เขาด้วยความเขินเต็มๆ ใครใช้ให้พูดอะไรบ้าๆแบบนี้ออกมากันนะ
"ขนาดจะลุกยังไม่ไหว...แล้วแบบนี้จะมีแรงอาบน้ำ?"ชานยอลเลิกคิ้วข้างหนึ่งแล้วส่งคำถามมาให้ผม
"หวะ...ไหวสิ"ผมตอบออกไปเสียงสั่น เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองมีแรงมากพอที่จะลุกไปอาบน้ำไป ก็เมื่อคืนชานยอลเล่นร้อนแรง…ขนาดนั้นนี่...
กร๊าซซซซ ร้อนแรงบ้าอะไรเล่า ..เออแต่มันก็จริงอยู่นะ กรี๊ดดดพอเถอะหยุดคิดเรื่องนี้สักทีแบคฮยอน!!
"เดี๋ยวเช็ดตัวให้ นอนเฉยๆไป ไอลูกหมา"ชานยอลเรียกผมว่าไอลูกหมา...ว่าไงนะ!ไอลูกหมางั้นเหรอ คอยดูนะไอลูกหมาตัวนี้จะกัดนายให้ตานคาที่เลยปาร์คชานยอล!
ผมถดตัวเอาหลังพิงกับหัวเตียงแล้วหยิบนิตยสารแถวๆนั้นมาอ่าน พลิกไปพลิกมาหลายหน้าก็ไม่เจอหน้าที่น่าสนใจสักที นี่มันอะไรเนี่ย...มีแต่สอนแต่งหน้า เสื้อผ้า สอนทำผม บอกผมทีว่านิตยสารแบบนี้มาอยู่ในห้องชานยอลได้ยังไง เขาอ่านอะไรแบบนี้ด้วยเรอะ! หรือว่าจะเป็นของสาวในสต็อก?
นั่นไง...ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินเข้ามาพร้อมกับกะละมังใบใสและผ้าขนหนูผืนเล็ก ถามเลยแล้วกันรออะไรล่ะจ้ะ ชักช้าเดี๋ยวก็อดกินหอยทอดหรอก(เกี่ยวมั้ย-_-)
"ชานยอล นี่ของใคร!"อุ้ยตายละ ด้วยอารมณ์ของผมที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำโหนิดๆทำให้เผลอขึ้นเสียงใส่เขาอย่างลืมตัว ขอโทษแล้วกัน มีอันแฮนะชานยอล(ในใจเท่านั้นแหละแบร่)
"ของพี่สาว"เขาตอบเสียงเรียบ แล้ววางกะละมังลงบนพื้นข้างๆตัวผม
“อ๊ะ ชะ ชะ ชานยอล!!”ผมสะดุ้งเมื่อชานยอลลากผ้าขนหนูผ่านสะดือขึ้นมาถึงคอ เช็ดดีๆเป็นมั้ยเนี่ย ไม่เอาอีกรอบแล้วนะโว้ยย หันไปจิกตาใส่คนที่กำลังเช็ดตัวให้ผม เห้ยเดี๋ยว! ข้างล่างไม่ต้องง
“…?”ผมเอื้อมมือไปจับมือชานยอลไว้ไม่ให้เช็ดอะไรไปมากกว่านั้น แต่เจ้าตัวกลับเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเลิกคิ้วข้างนึงเป็นเชิงคำถามว่า’อะไร?’
“เดี๋ยวเช็ดเอง ไปอาบน้ำเลย…ปะ ไป!”ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อคราวนี้ชานยอลจงใจแกล้งลากวนรอบสะดือซ้ำๆ ไอเด็กบ้า! ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะ
เมื่ออยู่คนเดียวความเงียบก็โรยตัวลงมาปกคลุม หัวสมองก็คิดถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามาก่อนหน้านี้จนถึงเรื่องปัจจุบัน คิดแล้วคิดอีก
สรุปแล้วผมกับเด็กนี่เป็นอะไรกัน?
แฟน? รุ่นพี่?
ชานยอลเองก็ไม่ได้บอกให้แน่ชัดว่าเป็นอะไรกันทำเอาผมนี่กุมขมับเครียดเลย นี่เราเพิ่งมีอะไรกับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันหรือนี่ ฮึก รู้ถึงไหนอายไปถึงไหน
แล้วให้ทำยังไงได้ล่ะเจ๊ เอ้อ สมัยนี้เขาไม่ถือเรื่องแบบนี้กันแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกก็เถอะ…กรี๊ดดดดดดดดดด ไม่ได้ๆ คิดแบบนั้นมันเลวเกินไป เอาใหม่ ผมต้องวางตัวเรียบร้อยแล้วรอให้ชานยอลเป็นฝ่ายพูดเอง … งั้นเหรอ ไม่เอาอะ ถ้าชานยอลไม่รับผิดชอบขึ้นมาจะทำยังไง หรือว่าจะรุกเลย …ไม่ดิผมรับนะ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
โขกหัวลงกับหมอนหลายๆทีกับความคิดงี่เง่าของตัวเอง เจ็บชิบหาย(เหรอ?)
“ทำอะไรน่ะ -_-”ชานยอลเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วถามผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก็จะอะไรอีกล่ะคนกำลังเครียดไม่เห็นหรือไง!
“ชานยอล เค้าเจ็บ”เจอประโยคนี้เข้าไปชานยอลถึงกับสตั้นไปเลยทีเดียว วะฮะฮ่า
“ระบมหรือเปล่า นอนพักไปก่อนนะ เดี๋ยวเอาชุดมาเปลี่ยนให้”ชานยอลรีบถามผมทันทีที่ประโยคเมื่อกี้หลุดออกไป
“…เค้าเจ็บหัว”ผมพูดต่อจากประโยคเมื่อกี้พร้อมกับยิ้มแฉ่งใส่ทันที ฮะฮ่าไงล่ะ ไอเด็กลามกว้ายๆ ผมไม่ได้ต้องการจะสื่ออะไรแบบนั้นสักหน่อย คิดไปเองทั้งนั้น อุ้บส์
“…”
“^_^”(ยังคงยิ้ม)
“…อีกรอบมั้ย”
“มะ…ไม่!”ผมปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“เดี๋ยวเอาข้าวเข้ามาให้กิน นอนอยู่เฉยๆไปซะ วันนี้ผมมีเรียนตอนสิบโมง เข้าใจมั้ย?”ชานยอลทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็หันหลังกลับมา”อ้อ แล้วอย่าเล่นซนอีกล่ะ ไม่อย่างนั้นคราวนี้ผมโกรธจริงๆด้วย”
“ครับพ่อ”
“พ่อทูนหัวหรือเปล่า”
“คนบ้า!!!!!”ผมขว้างหมอนไล่ตามหลังชานยอลไปทันที นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ็บนะลุกขึ้นไปขาคู่ที่ยอดหน้าตั้งนานแล้วจ้ะนายจ๋า
Special Luhan Talk
แบคมันเป็นอะไรหรือเปล่าวะ วันนี้มีเรียนทำไมไม่เห็นมันจะมาเลย หรือว่ามันจะงอนเรื่องที่ผมไม่ยอมบอกมันเมื่อวันนั้น บ้าน่า…มันไม่ได้น่าไร้สาระขนาดนั้นหรอก เอ…แต่ความจริงมันก็เป็นคนไร้สาระอยู่นะ เอาไงดีล่ะ หรือว่ามันจะแค่มาสายเท่านั้น …แต่นี่มันเลทมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วนะ แล้วปกติเพื่อนผมก็เป็นคนที่ตรงเวลาเอาซะมากๆด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้มันคงไม่มาหรอก
“มึงเห็นไอแบคบ้างป้ะวะ…ไอลู่”ไอโด้ถามผมเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่นั่งเหม่อมาตั้งแต่เช้าแล้ว
“กะ ก็…”ผมขาดตอนไปสักพักเพราะคิดอยู่ว่าควรจะบอกดีมั้ย ไอโด้มันไม่รู้เรื่องที่แบคฮยอนย้ายไปอยู่กับชานยอลเหรอ? สุดท้ายผมเลยเลือกที่จะไม่บอกไปดีกว่า
“ก็…?”
“ก็…ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นมันเลยว่ะ สงสัยติดผู้ชายแหงมๆ”
“บ้า อย่างไอแบคเนี่ยนะจะติดผู้ชาย มีคนมาจีบแต่มันก็ไม่เคยเอาสักคนไม่ใช่แง้ะ”อ้าวชิบหายละ แบบนี้จะเนียนมั้ยเนี่ย งั้นเอาใหม่
“หรือว่าจะไปหางานพาร์ทไทม์ทำ?”เป็นความคิดที่ตอแหลสุดๆไปเลยจ้า อย่าได้บอกใครเชียว
“…อืม”
ผมเหลือบมองเพื่อนตรงหน้าที่เงียบไปบ่งบอกได้ชัดเลยว่ามันกำลังใช้ความคิดอยู่ คยองซูจ้องหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว อ้าว…แบบนี้คิดอะไรอยู่ล่ะครับเนี่ย หรือว่ามันจะรู้ว่าแบคฮยอนอยู่ที่ไหน?
“เข้าเรียนเหอะ สายแล้ว”สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ลากมันเข้าไปในห้องบรรยาย
End Special Luhan Talk
“เอ้าเร่เข้ามาเร่เข้ามา”ทายซิเสียงอะไรเลย…
เอาล่ะทุกคนคงทายไม่ถูกหรอกจะบอกให้ว่ามันเป็นเสียงแม่ค้าขายหอย หอยแบบหอยสดๆเลยอะแกร ตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ตลาดสด ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก ตลาดสด ถามว่ามาทำไม ก็มาซื้อของน่ะสิ ไอผมเองก็ไม่ค่อยจะได้เดินตลาดบ่อยนักเท่าไร อาจเป็นเพราะละแวกคอนโดนั้นไม่มีตลาดที่อยู่ใกล้ๆเลยน่ะสิ ไม่ใช่ว่าติดหรูอะไรหรอกนะ
แล้วถ้าถามว่าทำไมไม่นอนอยู่ห้องเฉยๆตามที่ชานยอลกำชับไว้ในทีแรก ไม่ใช่เพราะว่าลืมหรอกครับแค่อยากหาอะไรทำมากกว่า ไอเจ็บมันก็เจ็บอยู่นะแต่ความเบื่อมันมีมากกว่าไงประเด็น ที่ไม่ไปเดินห้างเพราะว่าเบื่อ มันซ้ำซาก จำเจ แล้วที่สำคัญของแพงโดยไม่ใช่เหตุเล้ยยยย สมัยนี้คนเรานี่คิดอะไรกันอยู่น้อที่ว่า’เบื่อๆก็ไปเดินห้าง’น่าเบื่อจะตายชัก มีแต่ของเดิมๆ ต้องตลาดสดนี่…ซื้อของกินไปตุนไว้ดีฝ่า
ของชอบนี่ต้องยกให้กระจู๋ทะเลเลย ออกหนึบๆ บางคนอาจจะมองว่ามันน่าตาน่าเกลียดแต่จริงๆแล้วมันอร่อยนะจะบอกให้ อืม…แล้วอีกอยากเอาอะไรดี…ปูดองซีอิ๊วล่ะเป็นไง อร่อยฝุดๆแบคคอนเฟิร์มฮะ
เดินมาเกือบชั่วโมง สุดท้ายก็ได้กับข้าวมาเยอะแยะกับอมยิ้มหลากสีที่คาบอยู่ในปาก ผมจำได้ว่าตอนเด็กแม่ชอบบอกว่า‘ห้ามกินอมยิ้มเด็ดขาดเลยแบคฮยอน! แกอยากฝันผุเหรอ หา!’ตอนแรกไอผมก็ร้องแหกปากอยากแดกแทบตาย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้กินอีกเลย จนวันนี้ แต่ก็รู้สึกอยากขอบคุณแม่มากที่ทำให้ผมฟันสวยมาจนถึงทุกวันนี้(หรอม?) จะว่าไปก็คิดถึงแม่อยู่เหมือนกันนะ…ตอนนี้ผมตัวคนเดียวซะด้วย แต่ผมก็ไม่เหงาหรอกนะ! ผมยังมีชานยอลอยู่!
เดินน่องปูดมายืนรอรถโดยสารประจำทาง ถึงเงินที่ชานยอลให้มามันจะเหลือเยอะก็ตามทีเถอะแต่เรื่องอะไรจะยอมเสียเงินไปกับการจ่ายค่าแท็กซี่แพงๆด้วยล่ะ
รถโดยสารประจำทางสายที่ผ่านหน้าคอนโดผ่านมาพอดี ผมกำเศษเหรียญในมือที่เตรียมไว้ให้พอดีกับค่ารถตั้งแต่แรกแล้วโบก ก่อนจะเดินขึ้นรถไปหยอดเหรียญแล้วหาที่นั่ง
ผมเลือกที่จะนั่งริมหน้าต่างฝั่งขวา เพื่อรับลมและง่ายต่อการสังเกตว่าใกล้ถึงจุดหมายปลายทางที่จะไปนั้นหรือยัง ผมนั่งหัวสั่นหงึกๆมาตลอดทาง อากาศเย็นสบายแบบนี้ทำเอาผมแทบหลับ
ไม่นานนักผมก็มาถึงคอนโด เดินหิ้วของมายืนรอลิฟท์ ตอนที่เดินเข้ามาพนักงานต้อนรับมองผมด้วยสายตาแปลกๆ แล้วไง แคร์ป้ะละ พวกชะนีนี่ไม่เคยซื้อของที่ตลาดกันหรือไง ถึงแม้มันจะมีกลิ่นโชยออกมานิดๆก็ตามทีเถอะ
อันที่จริงผมไม่ค่อยอยากจะมายืนตรงที่โจ่งแจ้งแบบนี้สักเท่าไร เพราะตอนนี้ไคยังไม่รู้เลยว่าผมย้ายมาอยู่ห้องชานยอล ถ้ารู้มีหวังฆ่าชานยอลตายแน่ๆ เรื่องวันนั้นมันก็ผ่านมาได้หลายวันแล้วเหมือนกัน เอาเป็นว่าผมจะทำใจและพยายามลืมๆมันไปซะนะ ตอนนี้ผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ก็ชานยอลไงล่ะ
แล้วนี่ผมคิดไปเองป้ะเนี่ยว่าชานยอลกับผมเป็นแฟนกันอะ ไอเด็กนั่นคงไม่เลวถึงขนาดฟันแล้วทิ้งหรอกใช่มั้ย? ถึงจะทิ้งก็ไปไหนไม่ได้หรอก อยู่ห้องเดียวกันนี่นาต้องเจอกันทุกวันอยู่แล้ว
มาถึงหน้าห้องแล้วหยิบคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงออกมาอย่างทุลักทุเล มือทั้งสองข้างถือถุงกับข้าว ส่วนปากก็คาบอมยิ้มอยู่ บางทีผมก็ควรจะวางถุงลงก่อนใช่มั้ย…แต่ขี้เกียจอะ เปิดมันทั้งแบบนี้แหละ
เข้ามาในห้องพร้อมภาระอันหนักอึ้งที่จะต้องจัดของที่ซื้อมาให้เข้าที่ ค่อยๆทำทีละอย่างด้วยความว่าง แต่ก็ต้องตบหัวตัวเองไปหนึ่งทีเมื่อเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้มีเรียน ขาดวันเดียวไม่เป็นไรหรอกมั้ง…วันนี้มีเลกเชอร์เกี่ยวกับการเขียนด้วยมั้งถ้าจะไม่ผิดนะ ถึงผมจะเรียนนิเทศก็ไม่ได้แปลว่าผมจะไม่เป็นงานเป็นการนะ ผมเรียนภาควิชาวารสารสนเทศเชียวนะ ไม่ใช่งานกล้วยๆที่จะใช้แค่หน้าตาอย่างเดียวนะจะบอกให้
แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงออดดังขึ้น เอ…หรือว่าผมหูฝาดไปคนเดียวหว่า แต่ความสงสัยนั่นก็ผลักดันให้ผมเดินไปส่องตาแมวดู ไอชิบหาย…จะปิดทำไมวะ ทำตัวแบบนี้น่าสงสัยนะรู้เปล่า อย่าหวังเลยว่าจะเปิดให้อะ หรือว่าตาแมวมันเสีย? สุดท้ายผมก็ตัดสินใจตะโกนถามออกไป
“ใครครับ!?”
ไม่มีเสียงตอบกลับมาแม้แต่นิดเดียว แต่ผมจึงตัดสินใจหันหลังให้แล้วปล่อยๆมันไปซะ มาหาแล้วไม่บอกว่าใครแล้วจะให้เปิดให้ได้ยังไงเล่า เอ้อ ใช้ตูดคิดหรือไงวะ
แต่ผมก็ต้องตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ไอชิบหาย…มันเข้ามาได้ยังไงวะ มันเป็นผู้ประสงค์ร้ายหรือเปล่า เท่านั้นเองสายตาผมก็เหลือบไปเห็นไม้เบสบอลที่วางอยู่แถวๆนั้นก่อนจะคว้ามาถือมือแล้วหันหลังกลับมาเตรียมฟาดผู้บุกรุก
“เห้ย ผมเอง!”
เคราะห์ดีที่ชานยอลหลบทัน ไม่อย่างนั้นได้ไปนอนห้อยสายน้ำเกลือในโรงพยาบาลไปแล้ว แล้วทำไมไอเด็กนี่ต้องเล่นพิเรณแบบนี้ด้วยวะ -_-
“ทำไมต้องทำตัวลับๆล่อๆด้วยล่ะ ใครจะไปรู้ว่าเป็นนาย”ผมเบ้ปากแล้วมองคนตัวสูงตรงหน้า
“แกล้งนิดเดียวเอง พี่นี่แรงใช้ได้เหมือนกันนะ”
“เพิ่งรู้อ่อ ไม่ใช่แค่นี้นะ ถ้ากลับบ้านดึกพ่อจะฟาดให้หัวแตกเลยคอยดู”
“ครับๆๆๆ”ชานยอลรับปากผม แต่ดูเหมือนว่าจะรับปากส่งๆไปอย่างนั้นแหละ เออช่างมันเถอะแต่ผมพูดจริงทำจริงนะจะบอกให้
“แล้วมีเรียนตอนสิบโมงไม่ใช่เหรอ แล้วกลับมาได้ยังไงละนี่…?”ผมถามด้วยความสงสัย ก็เมื่อเช้าชานยอลเป็นคนบอกผมเองนี่นา…แล้วนี่กลับมาเพื่อ?
“หันหลังดิ”
“จะทำอะไร?”ไอเด็กนี่ชอบทำตัวมีลับลมคมในขึ้นทุกวัน แต่ถึงยังไงผมก็ยอมทำตามที่ชานยอลบอกอยู่ดี
ชานยอลเอื้อมมือทั้งสองมาข้างหน้าของผม เท่านั้นเองผมก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบจากสร้อยที่ถูกสวมบนคอผม ชานยอลยึกๆอยู่หลังขอผมเกือบนาทีคาดว่ากำลังติดตะขออยู่ ผมจับจี้ขึ้นมาดู พบว่ามันเป็นรูปพระอาทิตย์ ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่…
“พี่คือแสงสว่างของผม…คบกันนะ”ชานยอลหมุนตัวผมให้หันหน้ามามองเขา ผมอึ้งไปนิดนึงด้วยความที่ไม่ได้ทันตั้งตัว"ในฤดูเหมันต์ พี่ทำให้ผมอบอุ่น"
“ไม่…”ชานยอลมีสีหน้าแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด”…ไม่ปฎิเสธ”ผมดีใจจนน้ำตาแทบไหล อันที่จริงผมรอให้เข้าพูดคำนี้ออกมาตั้งนานแล้วแหละ ปล่อยให้รอตั้งเกือบวัน(นาน?)
เท่านั้นเองชานยอลก็รั้งตัวผมเข้ามากอด ด้วยความที่ผมตัวเล็กกว่าชานยอลในระดับหนึ่ง ทำให้หน้าของผมจมหายลงไปกับแผ่นอกชานยอล อ่อก ไอเด็กบ้าหายใจไม่ออกโว้ย จะทำซึ้งก็ทำให้มันดีๆหน่อย
“อานออลอ่อย(ชานยอลปล่อย)”
“ผมไม่ได้อ่อยพี่นะ”
“ไออ้า ออกไอ้อ่อย(ไอบ้า บอกให้ปล่อย)”
“คราวนี้ด่าไอ้อ่อยเลยเหรอ…ผมบอกว่าผมไม่ได้อ่อยไง”
จะเลิกกับมันก็คราวนี้แหละวะไอเด็กประหลาด บอกให้ปล่อยก็อ่อยอยู่นั่นแหละ โว้ยยย แป้บนะขอตายสามวิ ที่ตายนี่ไม่ได้เพราะเขินนะ เพราะหายใจไม่ออกต่างหาก สุดท้ายผมก็รวบรวมพลังจากภายในทั้งหมดผลักชานยอลออก
“หายใจไม่ออกโว้ยยย ไอเด็กโข่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”หลุดจากการเกาะกุมมาได้ก็ด่ามันกลบเกลื่อนความเขินที่มีนิดนึงตอนโดนมันกอด(ย้ำว่านิด)
“ผมไปเรียนล่ะ เมื่อกี้โดดออกมา”ชานยอลยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา ก่อนจะรีบออกไป
“เออ โชคเลือด เอ้ย โชคดีนะเว้ย บลัยส์”
“เดี๋ยว”ชานยอลหันหลังขวับแล้วเดินกลับมา เอ้ะ ลืมของเหรอ?
“ห้ะ ลืมอะไรหรือเปล่า?”
ฟอด
“อืม หอม ไปล่ะ”ตะ ตะ ตะ ตัวแข็งทื่อเลยทีนี้
“ไอเด็กบ้า! ไปเรียนไปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป”ผมไล่เตะมันด้วยความเขินอาย(นี่คือเคะจ้ะสาบานได้)ที่เมื่อกี้ชานยอลบังอาจขโมยหอมแก้มผมไปหนึ่งฟอด
กว่าห้องจะกลับมาเงียบงันเหมือนเดิมก็ตอนที่ชานยอลออกไปเรียนแล้วนั่นแหละ ขยันเนอะอุตส่าห์โดดออกมาแล้วกลับเรียน สู้ผมก็ไม่ได้ นึกได้แล้วว่าวันนี้มีเรียนแต่ก็ไม่ไป น่ารักมั้ยล่ะ
สงบสักที…ทีนี้ก็นอนได้
ผมหย่อนกายลงบนโซฟาแล้วนอนแผ่หลาทันที มือเอื้อมขึ้นมาลูบสิ่งใหม่ที่มาอยู่บนตัวผม นึกถึงประโยคเมื่อกี้เลยแฮะ
‘พี่คือแสงสว่างของผม…คบกันนะ’
เขินโว้ย! นอนดีกว่า!
Writer
เอ้าปรบมือ อัพเนื่องในวันเกิดไรท์100%รวดไปทีเดียวเยย
จงเม้นท์ จงเม้นท์ จงเม้นท์
ชี้แจ้งติ้ดนะ
เนื่องจากว่าในวันที่15-17 ม.ค.58 ไรท์จะต้องไปเข้าค่าย
ถ้าหายไปก็ไม่ต้องสงสัยเลย ฮ่าๆ จะรีบกลับมาอัพให้เด้อ
ดูเหมือนว่าช่วงนี้รีดทิ้งไรท์กันไปทั้งนั้นเลย หายหมด ไรท์เสียใจนะจะบอก
ไม่เม้นท์จะกัดนะ แง่มม
ใสเจียเสียใจนะจิบอกกกกกกกกกกกกกกกกก
ความคิดเห็น