ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo)overnight chanbaek

    ลำดับตอนที่ #10 : overnight : 8

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 58




    8


    (ปิดเพลงหน้าฟิคสิ)

     

         อุ้ยตายละ

     

        ทายซิครับว่ามันเป็นเสื้ออะไรเอ่ย? คนไม่สวยมักจะทายไม่ถูกนะนี่บอกไว้ก่อน โอเคๆผมจะไม่เล่นละเอาล่ะบอกก็ได้ว่ามันเป็นเสื้ออะไร

     

         ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ชานยอลหยิบถุงกระดาษมาไว้บนตักก่อนจะค่อยๆเปิดออกแล้วหยิบเสื้อข้างในออกมา มันเป็นเสื้อที่คาดว่าแขนเสื้อคงยาวประมาณเลยศอกมานิดหน่อย มันเป็นเสื้อสีขาวที่แขนทั้งสองข้างถูกพาดด้วยลายสีน้ำเงินสลับกับลายขวางสีขาว เมื่อสังเกตดีๆตรงกลางจะมีเลขหกหลักสีน้ำเงินถูกสกรีนไว้ตรงกลาง อ่ามันไม่ได้มีตัวเดียวครับแต่มันมีสองตัว ถ้าสังเกตดีๆสองตัวนี้เลขจะไม่เหมือนกัน ตัวแรกเป็นเลข

     

         ‘920506’

     

         ทำไมเลขมันคุ้นๆอ่อ เลขปีเดือนวันเกิดผมเอง เห้ย! มันไปเอามาจากไหนวะ นี่รู้แม้กระทั่งปีเดือนวันเกิดเลยเหรอเนี่ย นึกว่าจะแค่รู้จักชื่อกันเฉยๆ ให้ตาย แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้วล่ะน้อง เด็กนี่มีอะไรปิดบังผมกันแน่

     

         อีกตัวเป็นเลขเป็นเสื้อแบบเดียวกันเลยแต่ต่างกันตรงที่เลขเท่านั้น สรุปโดยรวมแล้วมันคือเสื้อคู่

         ’921127’

     

         ปีเดือนวันเกิดของชานยอลน่ะเหรอ? เอ้าเกิดปีเดียวกันเลยนี่แต่แค่ต่างเดือนกันเท่านั้นเอง ทำไมถึงยอมเรียกผมว่าพี่กัน เออแต่ก็ดีแล้วแหละไม่ค่อยอยากเป็นเพื่อนกับไอเด็กกวนตีนเงียบแบบมันสักเท่าไรหรอก ให้มันรู้รุ่นบ้างว่ามันคนละรุ่นกัน 5555555555555555555555555555555555555555

     

         “ว่าแต่ซื้อมาทำไม?

     

         “ไว้ใส่ไปเที่ยวกัน

     

         “ห้ะ? เที่ยว? เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย ข่นบ้าทำไมรู้สึกตอแหลนิดๆ

     

         “แล้วน้องชายคนนี้จะไปเที่ยวกับพี่ชายแบบพี่ไม่ได้เหรอครับ

     

         อะเอ่อเดี๋ยวนะนี่มันจีบหรืออะไรเนี่ย สรุปชานยอลจะให้ผมเป็นหมาของมันหรือเป็นพี่ชายมันกันแน่เนี่ย เอ้อเอาเข้าไป เข้าใจยากจริงๆงั้นผมก็เป็น หมาพี่ชายของมันเลยซะดีมั้ยเนี่ย -_-

     

         “..นะครับสายตาที่ชานยอลใช้มองผมในตอนนี้มันอบอุ่นจนบอกไม่ถูกจริงๆ

     

         เออๆก็ได้ แต่นายเลี้ยงนะ

     

         “ครับ ตามนั้น

     

         กร้ากกกกกกก ผลาญเงินเด็กเล่นนี่มันสนุกจริงๆโว้ยย อย่ามองว่าผมนิสัยไม่ดีนาก็ชานยอลเป็นคนชวนนี่ ชานยอลเริ่มก่อนแบคไม่ผิด!

     

         งืมพรุ่งนี้ฉันไม่มีเรียนอะ แล้วนาย?

     

         “อ่าพรุ่งนี้ผมมีเรียนตอนเก้าโมงเช้าครับพี่อยู่คนเดียวได้มั้ย? ถ้าไม่ได้ก็ชวนเพื่อนพี่มาแล้วกัน แต่อย่าทำห้องเละนะ…”

     

         ได้ๆๆๆๆๆหวานหมูล่ะงานนี้ เอาล่ะนายปาร์คชานยอล พรุ่งนี้สิ่งที่นายปิดบังฉันไว้ตลอด ฉันจะต้องได้รู้มัน โฮะๆๆๆๆๆๆ

     

         เอ้าชิบหายละ มาหรี่ตามองผมทำไมกัน ผมแสดงออกว่าดีใจมากไปหน่อยเหรอ เห้ยผมก็ว่าผมไม่ได้ออกหน้าออกตาอะไรขนาดนั้นนาไม่ได้ๆทำตัวเรียบร้อยแป้บ

     

          อย่าคิดจะทำอะไรแผลงๆล่ะ.”

     

          “ทำอะไร้ ไม่มี๊ แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะชวนไอลู่มาทำอะไรก็แค่นั้นแหละ ..คิดมากไปได้น่า..”

     

        “เสียงสูง คนโกหกโกหกอาร้ายยยยย ถ้าโกหกป่านนี้จมูกผมคงยาวทะลุกระจกห้องออกไปแล้วนู่น นั่นมันพินอคคิโอ อ้าวกำท่ด

     

        ก็ไม่ได้ทำอะรายงาย..”เออเมื่อกี้เสียงสูงไปใช่มั้ย คราวนี้จัดให้! ไงล่ะเสียงต่ำเหมือนน้องฆ้องมาเอง อ้าวไม่ใช่กำท่ด

     

        ถ้าจะทำก็อย่าให้จับได้แล้วกัน..

     

        “คิ้วนายเนี่ย คิดจะผูกไว้ทั้งวันเลยหรือไง ห้ะ!! หน้าด้วย ทำเป็นอยู่หน้าเดียวเรอะ!? หัดยิ้มซะบ้าง รู้จักมั้ย ยิ้มน่ะ ยิ้มน่ะ ผมพูดแล้วเอามือจับแก้มชานยอลทั้งสองข้างให้ยกยิ้มขึ้น ในทีแรกชานยอลก็ยังอยู่หน้าเดิม แต่เมื่อผมทำไปเรื่อยๆ ชานยอลก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่จน

     

        “5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555”

     

         ขำอะไรวะ มองเห็นหน้าตัวเองไง้!?

     

        เปล่า หน้าพี่มัน…55555555555555555555555555555555555555555555555”

     

         “หน้าฉันมันทำไม!! ไอเด็กบ้า ตบสักทีดีมั้ยเนี่ย

     

        “ถ้าพี่เป็นคนตบผมก็โอเคครับ

     

         ..โดนแอทแทคเข้าอย่างจัง..

     

         กำลังจะระเบิดตัวเองตายภายในอีกไม่กี่วิข้างหน้านี้ละโว้ย ไอเด็กบ้า ไอเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ เออคิดจะหยอดก็หยอดคิดจะขรึมก็ขรึม จนตอนนี้ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นคนยังไงเนี่ย -_-

     

         ผมเดินหยิบเสื้อสองตัวนี้ขึ้นมาแล้วเดินมายังห้องที่ด้านนึงถูกแบ่งไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้า ข้างๆมีตระกร้าสำหรับใส่ผ้าที่ใส่แล้วสีดำวางอยู่ ผมโยนเสื้อสองตัวลงตระกร้าเพื่อรอซักในรอบต่อไป หมุนตัวเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเยลลี่ออกมาสองถ้วยที่แอบซื้อเมื่อตอนไปซุปเปอร์มาเก็ตครั้งก่อนออกมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม ผมวางถ้วยหนึ่งไว้บนโต๊ะและอีกถ้วยหนึ่งก็เปิดฝาออกเรียบร้อยพร้อมที่จะกินแล้ว ผมใช้ช้อนที่มันแถมมากับเยลลี่ตักใส่ปากอย่างสบายอารมณ์

     

         แหน่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆผมพูดแหน่ะรัวๆใส่ชานยอลไม่หยุด ในปากของผมก็เคี้ยวเยลลี่ไปด้วย จะไม่ให้แหน่ะได้ยังไงก็เมื่อกี้ชานยอลทำท่าจะหยิบเยลลี่ของผมไปกินอะ!

     

         อ้าวไม่ได้หยิบมาเผื่อผมเหรอครับ

     

         “เหอะ จะหยิบมาเผื่อนายทำไม ก็ต้องเอามากินเองดิ

     

         “..อ้วนแล้วยังขี้งกอีก

     

         อะไรนะ!เมื่อกี้เหมือนได้ยินชานยอลบ่นอะไรแว่วๆ มันด่าผมอ้วนเหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อ ผมอ้วนตรงไหนถามหน่อย

     

         ไอเด็กบ้า-_-”

     

         สุดท้ายผมก็ตอบมันกลับไปด้วยหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรพร้อมกับฟาดแขนเข้าไปที่ต้นแขนขวาของชานยอลเข้าอย่างจัง

     

         โอ้ะ

     

         สมน้ำหน้า

     

         “เดี๋ยวนี้กล้าทำร้ายร่างกายหักห้าพันวอน

     

         หักห้าพันวอนเรอะขอคำนวณแป้บนะ ปกติแล้วผมได้เงินจากชานยอลวันละสามหมื่นวอน อันนี้ไม่รวมของที่เขาซื้อให้อีก หักไปห้าพันวอนก็เหลือสองหมื่นห้าพันวอน เออมันก็น้อยลงนะแต่มันก็ไม่เท่าไร เอาไงดียอมรับผิดดีมั้ยจ้ะ

     

         ง่า เค้าขอโทษ.__.”

     

         บอกผมทีว่าเมื่อกี้ผมทำอะไรลงไป!

     

         “เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีนะ

     

         กร๊าซ ไอเด็กนี่มันหลอกด่าผม เอาล่ะผมจะด่ามัน! ผมคิดประโยคที่จะพูดได้แล้วล่ะ

     

         ----------->ไอบ้านี่กล้าดียังไงมาว่าฉัน

     

         “แงงงงงงงงง ชานยอลอย่าว่าเค้าสิแต่นี่คือประโยคที่พูดออกไปจริงๆน่าสงสารจังเลยแบคฮยอนเอ้ย ทำไมเราต้องตกเป็นเบี้ยล่างเขาด้วยนะฮึก…*รู้สึกตอแหล*

     

         เอ่อ…”ทำไมชานยอลชะงักไปงั้นอ่าแง ผมทำไรผิดผมไม่ผิดนะสมองผมผิด เอ้าอันนี้พูดจริงนะ ชานยอลอย่าทำหน้าแบบนั้นดิ T^T

     

         “โอเคไม่ว่าๆ ไปทำอะไรก็ไปทำไป

     

         ครับๆๆเออรอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนแล้วกันพ่อจะรื้อทั้งห้องแล้วจุดไฟเผาเลยคอยดู!

     

     

     

         “อยู่ห้องดีๆนะ อย่าดื้อ

     

         “ครับพ่อ

     

         “พ่อบ้าอะไร หักเงินนะ

     

         “ครับน้องชาน บลัยส์พูดจบแล้วก็ปิดประตูใส่หน้าชานยอลทันทีหลังจากที่ก่อนหน้านี้ยืนร่ำรากันอยู่หน้าประตูห้องทั้งๆที่ยังเปิดค้างไว้อยู่แบบนั้น นี่ดีนะชาวบ้านต่างห้องเขาไม่เปิดประตูออกมาดูว่ายืนทำอะไรกันประหลาดๆแบบนี้

     

         ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนทีจะกดโทรหาลู่หาน

     

         (โย่วมึง กูไปขึ้นไปได้ยัง กูอยู่ตรงล็อบบี้เนี่ย)ทันทีที่ลู่หานรับสายมันก็รีบกรอกเสียงมาหาผมอย่างเร็ว

     

        เออขึ้นมาให้ไวเลย อย่าให้ชานยอลเห็นนะเว้ย

     

         (เออๆ ระดับนี้ไม่มีพลาดหรอก)

     

         รีบขึ้นมานะกูรออยู่ แค่นี้แหละ บลัยส์

     

        พูดจบก็กดตัดสาย อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะว่าแอบนัดกันมาสมสู่หรืออะไร ไม่นิยมเล่นเพื่อนครับ เออวันนี้ได้รู้กันแหละ ก็เมื่อวานชานยอลบอกว่ามีเรียนจนถึงตอนเย็นเลยนี่ ตอนนี้ก็เพิ่งเก้าโมงนิดๆเอง โอ้ย มีเวลาอีกนานโข

     

         ออด

     

        ไม่นานนักก็มีเสียงกรดออดหน้าประตูดังขึ้น ผมรีบเดินไปเปิดประตูให้เพื่อนสนิทเข้ามาทันที ว่าแต่เสียงออดแบบนี้นี่เชยชะมัด วันหลังจะสั่งให้ชานยอลไปเปลี่ยน เอาเป็นอะไรดีล่ะ แก๊บซองดีมั้ย ไอออดมันเปลี่ยนเสียงได้เปล้าวะ

     

         มึงเรียกมาดูอะไรตั้งแต่เช้าเนี่ยไอลู่ทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วถามผม

     

         เช้าบ้านพ่งดิ นี่มันเก้าโมงกว่าแล้วโว้ย

     

         “เออๆ ไม่ต้องบ่น เข้าเรื่องดิ้

     

         “กูไม่รู้นะว่าเคยเล่าเรื่องนี้ให้มึงฟังยัง แต่มึงดูนั่นดิ…”ผมชี้ทางประตูที่ถูกทาเป็นสีเดียวกันกลับผนัง ราวกับว่าต้องการซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ชานยอลบอกว่าห้ามใครเข้าไปเว้ย กูเลยอยากรู้ว่ามันคือห้องอะไร

     

         “เขาบอกว่าห้ามเข้าไปก็อย่าเข้าไปดิวะ แล้วมันคิดว่าห้องที่มีความลับแบบนั้นเขาจะไม่ล็อคกุญแจไว้หรือไง ไอโง่

     

         “เออเนอะลืมคิด…”สตั้นไปสิบสามวิกับคำด่าว่าโง่ของเพื่อนสนิท เออเนอะผมก็ลืมคิดข้อนี้ไปซะสนิท แต่ห้องในนี้กุญแจมันก็ต้องอยู่ในนี้แหละวะ

     

         เออ เพราะฉะนั้นหยุดคิดซะ

     

         “ทำไมมึงต้องห้ามกูด้วยอะ ปกติมึงจะสนับสนุนกูกับเรื่องเผือกๆแบบนี้ไม่ใช่ไง้?

     

         “เรื่องนี้กูไม่เห็นด้วยว่ะ หยุดเถอะ

     

         “ทำไมกูรู้สึกว่ามันเหมือนไม่ใช่มึงคนเดิมเลยวะมึงไม่สบายตรงไหนเปล้าเนี่ยผมเอามือปัดป่ายคลำๆไปบนหน้าไอลู่ มันกินยาผิดขนาดเปล้าวะ เป็นเอามากขนาดนี้

     

         กูกลับล่ะ มึงอย่าเลยเชื่อกูเถอะ

     

         “เออ…”


     

         Special Luhan Talk

     

         แบคกูขอโทษนะ แต่มันมีเหตุผลที่กูไม่สามารถบอกมึงได้จริงๆว่ะ มึงอย่าอยากรู้มากไปกว่านี้เลย

     

         End Special Luhan Talk

     

     

     








     

         เอาไงดี เผือกไม่เผือกเผือกไม่เผือกเผือก

     

        ผมว่าไอลู่มันต้องรู้อะไรบางอย่างมาแน่ๆแต่มันไม่ยอมบอกผม ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปรู้มาได้ไงในเมื่อชานยอลเป็นคนบอกเองว่าในห้องนั้นมันยังไม่เคยไม่รู้ว่ามันเป็นห้องอะไร

     

        ด้วยความอยากรู้มากผมเลยตัดสินใจเดินไปที่ลิ้นชักหัวเตียงในห้องนอนแล้วเปิดออกทีละชั้น ทั้งหมดมีสามชั้น ผมเปิดชั้นแรกไล่ลงมาชั้นที่สองแต่ยังไม่เขออะไรเลยนอกจากกระดาษโน้ตเล็กๆทั่วไปกับของกระจุกกระจิดนิดหน่อยรวมไปถึง เอ่อถุงยาง ข้ามมันไปแล้วกัน แต่ผมก็ต้องชะงักเมื่อจะเปิดลิ้นชักที่สามแต่มันกลับเปิดไม่ออกซะงั้น ทันทีที่ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ทำให้ตั้งข้อสงสัยได้ในทันทีว่าในนี้มันต้องมีอะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่แน่นอน ผมสะบัดหัวทีนึงด้วยความหัวเสีย ให้มันได้แบบนี้สิวะ งั้นก็เท่ากับว่ามีกุญแจที่ต้องหาเพิ่มมาอีกหนึ่งดอก เอาล่ะ ต้องหากุญแจลิ้นชักก่อน

     

         เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่ภายในมีลิ้นชักอยู่อีกสองชั้น แล้วเปิดลิ้นชักทั้งหมดนั้นดู แต่มันกลับไม่เจออะไรอยู่ดี เป็นแบบนั้นแล้วก็ปิดตู้เสื้อผ้ากลับเข้าอย่างเดิมแล้วเดินออกมาจากห้องนอนมายังโซฟาที่ตั้งไว้กลางห้อง หาในที่ๆสิ้นคิดอย่างใต้แจกัน ใต้ทีวีใต้เบาะ ใต้โต๊ะ ใต้โซฟา ลามไปถึงห้องครัวอย่างในตู้เย็น ช่องฟรีซ ในขวดน้ำ แล้วกลับมาที่ในดอกไม้ปลอมที่วางอยู่ข้างๆทีวี แต่ก็ยังไม่เจออยู่ดี

     

         เหงื่อเริ่มออกเล็กน้อย นั่นทำให้คิดได้ว่ามีอีกที่นึงที่ยังไม่ได้หา ตัดสินใจเดินไปที่ห้องน้ำทันที ผลักประตูออกแล้วเดินเข้าไป เริ่มจากในกล่องที่ใส่แปรงสีฟัน กล่องไหมขัดฟัน ห่วงที่ใช้แขวนผ้าม่านกันน้ำสาดออกมาด้านนอก จนมาถึงกล่องชักโครกที่เป็นทางสำหรับเก็บน้ำเพื่อไว้ให้เรากด ก็ยังไม่เจออยู่ดีแล้วมันไปอยู่ที่ไหนได้วะเนี่ย ที่นี่ก็ไม่มีที่ให้หาแล้วด้วย

     

         เดินกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วลงมือหาในตู้เสื้อผ้าใหม่ คราวนี้ค้นผ้าที่พับไว้ออกมากองบนพื้นให้หมด แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับออกบางอย่าง บางอย่างนั้นคือกล่องสีดำไม่มีลวดลายใบขนาดเท่าฝ่ามือ ที่ถ้าไม่สังเกตให้ดีๆอาจจะมองไม่เห็นเลยก็ได้เพราะมันเป็นสีกลมกลืนไปกับตู้เสื้อผ้า ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยิบกล่องนั้นออกมาเปิดดู แล้วก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อในนั้นเป็นกุญแจที่ผมตามหาก็จริงแต่มันถูกร้อยเข้ากับห่วงเหล็กใหญ่ๆนับร้อยดอก ถ้านึกภาพไม่ออกก็นึกภาพแม่บ้านตามโรงแรมที่ต้องมีกุญแจนี้ติดตัวไว้ตลอดเพื่อที่จะทำความสะอาดได้ทุกห้อง ใช่เลยมันเป็นแบบนั้นแหละ ผมไม่แน่ใจว่าหนึ่งดอกในพวงนี้เป็นกุญแจที่ใช้เปิดลิ้นชักหรือว่าห้องๆนั้นกันแน่ เลยตัดสินใจลองไขกับลิ้นชักก่อนโดยเริ่มทีละดอก จากดอกแรก ยังไม่ออก ดอกที่สองก็ยังไม่ออกอยู่ดี

     

         จนมาถึงดอกที่หกสิบกว่าก็ได้ยินเสียงแกรก นั่นเป็นเสียงที่บ่งบอกว่าลิ้นชักไขออกแล้ว แต่ปรากฎว่าในนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากกล่องสีเดียวกันแบบเดียวกันกับที่หาเจอในตู้เสื้อผ้าตอนแรก ไม่รอช้าหยิบกล่องนั้นออกมาเปิดดูทันทีแล้ว ก็แทบจะปากล่องทิ้งเมื่อในนั้นมีกุญแจที่ลักษณะคล้ายกับกุญซึ่งหาเจอในตอนแรกในตู้เสื้อผ้า แต่มันพิเศษกว่าหน่อยที่กุญแจที่หาเจอในลิ้นชักนี้มีมากกว่าร้อยดอก ประมาณด้วยสายตาแล้วอาจจะประมาณสองร้อยดอกเห็นจะได้ โอ้ยตายห่าละทีนี้ ผมต้องใช้เวลามากเท่าไรกว่าจะไขห้องนั้นออกวะเนี่ย!

     

          ผมเอากุญแจที่หาเจอในตอนแรกใส่กล่องแล้วใส่ในตู้เสื้อผ้าตามเดิมทันที ก่อนที่จะหยิบกล่องใบที่สองพร้อมกับกุญแจออกมาเพื่อที่จะไขประตูที่ห้องนั้นทันที สูดหายใจเข้าลึกๆเป็นการเรียกขวัญกำลังใจกับการหาในครั้งนี้แล้วหยิบพวงกุญแจออกมาไขทีละดอก

     

        

     

         Special Chanyeol Talk

     

           วันนี้ผมมีเรียนแต่กลับไม่ได้เรียนเพราะพี่ลู่หานโทรมาตามตั้งแต่ตอนที่ผมเพิ่งมาถึงมหาลัย ยังไม่ได้จอดรถให้เข้าซองดีๆเลยด้วยซ้ำก็ต้องบึ่งกลับมาด้วยประโยคที่พี่ลู่หานบอกว่าแบคฮยอนกำลังพยายามเปิดห้องนั้นนะ รีบมาล่ะ ฉันออกมาแล้วจัดการเองนะชานยอลโดยที่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ลู่หานไม่เฝ้าเพื่อนตัวเองไว้ก่อน ความหวังเดียวที่มีตอนนี้คือหวังว่าที่ที่ผมเลือกซ่อนกุญแจไว้นั้นจะช่วยยืดเวลาในการหาออกไปได้ก่อนที่จะผมจะถึง

     

         ทันทีที่มาถึงคอนโดผมรีบวิ่งไปกดลิฟท์ทันที ป็นโชคดีของผมที่ในตอนนี้ลิฟท์ไม่มีใครใช้งานพอดีนั่นทำให้ลดระยะเวลาในการไปห้องของผมได้มากในทีเดียว

     

     

         เมื่อลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสิบสอง ผมรีบวิ่งไปหยุดที่หน้าห้องการที่จะหยิบคีย์การ์ดออกมาแตะเพื่อปลดล็อคประตูเข้าไปด้านใน ผมค่อยเปิดประตูเข้าไปช้าๆโดยไม่บุ่มบามมาก เพราะถ้าทำแบบนั้นจะเป็นการส่งสัญญาณให้คนด้านในรู้ตัว ผมได้ยินเสียงของพี่แบคฮยอนที่พูดกับตัวเองเบาๆในระหว่างที่กำลังพยายามจะใช้กุญแจหนึ่งในสองร้อยดอกนั่นไขประตู

     

         “หกสิบมันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี!เสียงเล็กนั่นถูกเปล่งออกมาผสมกับอารมณ์ที่คาดว่ากำลังหงุดหงิดของเจ้าตัวเล็กน้อย

     

         “หกสิบเอ็ดอ๊ะออกแล้ว!เสียงที่ร้องออกมาด้วยความดีใจนั้นบ่งบอกว่าประตูถูกไขออกแล้ว นั่นทำเอาผมแทบวิ่งเข้าไปปิดประตูแล้วกดล็อคแทบไม่ทัน

     

         “ไอลู่ไหนแกบอกกลับแล้วไง-ชานยอล!!คนตรงหน้าร้องขึ้นด้วยความตกใจที่เห็นผม

     

         “ผมเตือนแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับห้องนี้

     

         “ชานยอลคือ…”

     

         “คนไม่ซื่อสัตย์ผมพูดไปพร้อมกับความผิดหวังทั้งหมดที่ก่อตัวขึ้นและแสดงออกอย่างชัดเจน ทั้งน้ำเสียงและสายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

     

     

     

         ผิดหวังที่พี่แบคฮยอนเชื่อใจไม่ได้ ทั้งๆที่ก็อยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว คิดยังไงก็น่าจะรู้กันอยู่แต่กลับมาทำให้ผิดหวังแบบนี้ ร่างเล็กตรงหน้าผมมองผมนึ่งอึ้ง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีแต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกสัมผัสของพี่แบคฮยอนสวมกอดจากด้านหลัง ผมตกใจไปนิดพอรู้สึกว่าเสื้อของตัวเองชื้นเพราะน้ำตาบวกกับเสียงสะอื้นและอ้อมกอดจากคนตัวสั่น แต่ถึงอย่างนั้นความผิดหวังก็ยังไม่หมดไปจากหัวใจซะทีเดียว

     

         อยากจะไม่ถือสาพี่แบคฮยอนเพราะเจ้าตัวดื้อและอยากรู้อยากเห็นตามประสา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะ ความไว้ใจของผมนั้นให้พี่แบคฮยอนไปหมดแล้ว แล้วเขา.. ก็มาเหยียบย่ำมันแบบนี้ มันก็เจ็บเหมือนกันนะ

     

         “ชานยอลอย่าโกรธฉันเลยฮึก

     

         เพียงเท่านั้นความคิดที่ว่าจะทำใจแข็งก็พังครื้น เพียงเสียงสั่นๆที่เต็มไปด้วยความเสียใจและความเจ็บปวดก็ทำให้ผมจับฝ่ามือทั้งสองข้างของพี่แบคฮยอนออกจากตัวผมแล้วหันหน้าเข้าหา สายตาเว้าวอนและรู้สึกผิดเต็มที่ทำผมหัวใจอ่อนเปลี้ย พอมองเข้าไปในตาของพี่แบคฮยอนลึกๆแล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมรู้แก่ใจดีว่าคนตรงหน้าทำไปก็แค่เพราะความดื้อซนและอยากรู้อยากเห็น ไม่มีเจตนาจะทำลายความไว้ใจของผมเลยสักนิด ก็แค่ดื้อแบบปกติ จนลืมคิดให้ลึกกว่านี้ ที่ทำไปก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นนี้ด้วยซ้ำ

     

     

         แต่สายตารู้สึกผิดตอนนี้ก็ผมได้ดีว่าเจ้าตัวคงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และจำเป็นบทเรียนอีกนาน..

     

         สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจูบซับน้ำตาให้กับคนตรงหน้า

     

         “ชานยอลชานยอลไม่โกรธฉันใช่มั้ยสองมือเล็กเอื้อมมาประครองใบหน้าของผมไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ดวงตาเล็กๆที่คลอไปด้วยน้ำตานั่นทำเอาผมแทบรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนผิด

     

         “อือ ไม่โกรธ

     

         “ฉันไม่เชื่อหรอก…”ผมสะดุ้งไปนิดนึงกับสัมผัสที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับจากคนตรงหน้า ตอนนี้ริมฝีปากของเราทั้งสองคนมันไม่มีช่องว่างห่างอยู่เลยสักนิด ความอุ่นจากสัมผัสของริมฝีปากคนตรงหน้ามันแทรกซึมลงไปในหัวใจ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พยายามห้ามใจแล้ว

     

         ไม่รู้ว่าระยะเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วแต่ผมกลับอยากให้มันอยู่แบบนี้นานๆ

     

         ผมไม่แน่ใจนักว่าอะไรทำให้พี่แบคฮยอนทำแบบนี้แต่คงเป็นเพราะเขาอยากให้ผมอยู่กับเขาตรงนี่จริงๆถึงเลือกจะรั้งผมด้วยวิธีที่ดีแสนดีอย่างวิธีนี้ มันช่างได้ผลเหลือเกินแม้ผมไม่คิดจะเดินหนีไปไหนตั้งแต่ประโยครู้สึกผิดนั้นแล้ว ซึ่งที่พี่แบคฮยอนทำแบบนี้ก็ทำผมอมยิ้มได้เลยเพราะมันทำให้ผมรู้ว่าเขาเองก็แคร์ผมไม่น้อย และผูกพันธ์กับผมอยู่เยอะมากจริงๆ ไม่งั้นคงไม่ใจเสียขนาดนี้และกลัวผมจะหนีไปขนาดที่ลืมไปว่าก่อนหน้านี้เขาเคยดื้อกับผมแค่ไหน

     

     

         เวลาผ่านไปนานจริงๆแต่พี่แบคฮยอนยังคงกดจูบอยู่กับผมจนผมเริ่มรู้สึกอยากได้มากกว่านี้ ผมย้ายสองมือที่ตอนแรกปล่อยทิ้งไว้ข้างตัวเพราะนิ่งอึ้งมาโอบรั้งเอวบางก่อนจะเป็นฝ่ายกดริมฝีปากลงไปบ้างเพื่อให้คนตัวเล็กไม่ต้องเขย่ง แอบหวั่นใจนิดๆว่าพี่แบคฮยอนจะปฏิเสธสัมผัสของผมที่เริ่มรุกบ้างแต่กลับกลายเป็นว่าพี่แบคฮยอนปรือตาฉ่ำน้ำหลังจากร้องไห้เมื่อกี้ขึ้นมองผมราวกับเคลิบเคลิ้ม นั้นทำให้ความอดทนของผมเริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆก่อนจะลองทำมากกว่านี้เผื่อพี่แบคฮยอนจะได้สติและห้ามผมได้ทัน

     

     

     

         ผมรั้งร่างเล็กเข้าหาตัวก่อนจะบดริมฝีปากลงไปอย่างช้าๆ จากสัมผัสกันเบาๆก็เบียดชิดกันมากขึ้น ปากบนและล่างของเราสลับซ้อนกันก่อนที่ผมจะดูดริมฝีปากล่างของพี่แบคฮยอนเบาๆ ความนิ่มของมันทำให้ผมเพิ่มแรงดูดมากขึ้นพร้อมกับกลืนกินพื้นที่ริมฝีปากล่างมากขึ้นเรื่อยๆ มือของพี่แบคฮยอนที่จับใบหน้าของผมก่อนหน้านี้เริ่มเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆก่อนจะค่อยเลื่อนไปคล้องคอของผมไว้ นั่นทำให้ความอดทนผมมาถึงขึ้นเกือบศูนย์เพราะนอกจากพี่แบคฮยอนจะไม่ได้สติแล้วยังเคลิ้มจนเผลอเชิญชวนผมมากขึ้น ผมพยายามประคองสติตัวเองไว้ยังไม่ให้ทำอะไรมากกว่านี้แต่ก็ตัดสินใจลองดูสักหน่อยเผื่อครั้งนี้พี่แบคฮยอนจะได้สติ

     

     

     

         ผมใช้ริมฝีปากบนของผมดันริมฝีปากบนของพี่แบคฮยอนเองให้เปิดออกซึ่งพี่แบคฮยอนก็โอนอ่อนแต่โดยง่าย ทันทีที่มีช่องว่างเชื่อมสองริมฝีปากผมก็ส่งลิ้นของผมเข้าไปทันที ความอุ่นและฉ่ำไปด้วยน้ำภายในโพรงปากนั้นทำเอาผมแทบกดพี่แบคฮยอนลงพื้นแต่ก็อดทนไว้ก่อน ลิ้นของผมสัมผัสกับลิ้นลื่นเข้าอย่างจังก่อนจะเข้าไปเกี่ยวมันไว้ ลิ้นเล็กนั้นชะงักเล็กน้อยเมื่อผมเข้าไปสัมผัสแต่ก็เริ่มลองเกี่ยวตอบอย่างอยากรู้อยากเห็นตามนิสัยเจ้าตัว จนกระทั่งลิ้นของเราเกี่ยวกันเองอย่างหนักหน่วง ไหนจะอ้อมกอดของกันและกันที่แนบแน่น ริมฝีปากที่ประกบกันสนิท..


         ผมตัดสินใจปรือตาเล็กน้อยก่อนที่สติจะหายไปมากกว่านี้แต่สิ่งที่ผมเจอทำเอาผมหยุดนิ่ง เปลือกตาสวยของคนตรงหน้าปิดแน่นสนิทอย่างดื่มด่ำกับสัมผัสภายในปาก เท่านั้นผมอาจจะยังยื้อสติของผมไว้ได้หน่อยแม่จะเป็นเพียงปลายนิ้วก้อยแต่กับอีกอย่างที่ตามมาหลังจากนั้นมันทำให้ผม..

     

         “อ..อื้มมมมม

     

         ลาก่อน... ความอดทน..



     

    ---------------------------------------

    Cut

    ตามหาได้ที่ไบโอทวิต

    ---------------------------------------




     

     

    Writer

    กรี๊ดกร๊าดให้กับncกันหน่อยเร้ว

    ขอขอบคุณความช่วยเหลือจากไรท์tonwanjaสำหรับncครั้งแรกในชีวิต

    หวังว่าคนอ่านจะชอบกันนะ ฮึก

    คราวนี้แบคจะทิ้งน้องชานไปไหนไม่ได้แล้วนะเออ อย่าทิ้งน้องชานนะ

    จะกลับมาอีกทีก็หลังปีใหม่เลยนู่นแต่ถ้าคอมเมนท์เยอะจะคิดดูอีก 5555555555

    ไม่เม้นกันเลย...ไรท์จะร้องไห้แล้วนะ 

    ขอให้กำลังใจให้กันหน่อยสิ อยู่ไหนกันหมด .___.







     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×