คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : overnight : 8
8
(ปิดเพลงหน้าฟิคสิ)
อุ้ยตายละ…
ทายซิครับว่ามันเป็นเสื้ออะไรเอ่ย? คนไม่สวยมักจะทายไม่ถูกนะนี่บอกไว้ก่อน โอเคๆผมจะไม่เล่นละเอาล่ะบอกก็ได้ว่ามันเป็นเสื้ออะไร
ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ชานยอลหยิบถุงกระดาษมาไว้บนตักก่อนจะค่อยๆเปิดออกแล้วหยิบเสื้อข้างในออกมา มันเป็นเสื้อที่คาดว่าแขนเสื้อคงยาวประมาณเลยศอกมานิดหน่อย มันเป็นเสื้อสีขาวที่แขนทั้งสองข้างถูกพาดด้วยลายสีน้ำเงินสลับกับลายขวางสีขาว เมื่อสังเกตดีๆตรงกลางจะมีเลขหกหลักสีน้ำเงินถูกสกรีนไว้ตรงกลาง อ่า…มันไม่ได้มีตัวเดียวครับแต่มันมีสองตัว ถ้าสังเกตดีๆสองตัวนี้เลขจะไม่เหมือนกัน ตัวแรกเป็นเลข…
‘920506’
ทำไมเลขมันคุ้นๆ…อ่อ เลขปีเดือนวันเกิดผมเอง เห้ย! มันไปเอามาจากไหนวะ นี่รู้แม้กระทั่งปีเดือนวันเกิดเลยเหรอเนี่ย นึกว่าจะแค่รู้จักชื่อกันเฉยๆ ให้ตาย แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้วล่ะน้อง เด็กนี่มีอะไรปิดบังผมกันแน่
อีกตัวเป็นเลขเป็นเสื้อแบบเดียวกันเลยแต่ต่างกันตรงที่เลขเท่านั้น สรุปโดยรวมแล้วมันคือเสื้อคู่
’921127’
ปีเดือนวันเกิดของชานยอลน่ะเหรอ? เอ้าเกิดปีเดียวกันเลยนี่แต่แค่ต่างเดือนกันเท่านั้นเอง ทำไมถึงยอมเรียกผมว่าพี่กัน เออแต่ก็ดีแล้วแหละไม่ค่อยอยากเป็นเพื่อนกับไอเด็กกวนตีนเงียบแบบมันสักเท่าไรหรอก ให้มันรู้รุ่นบ้างว่ามันคนละรุ่นกัน 5555555555555555555555555555555555555555
“ว่าแต่ซื้อมาทำไม?”
“ไว้ใส่ไปเที่ยวกัน”
“ห้ะ? เที่ยว? เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย ข่นบ้า”ทำไมรู้สึกตอแหลนิดๆ
“แล้วน้องชายคนนี้จะไปเที่ยวกับพี่ชายแบบพี่ไม่ได้เหรอครับ”
“อะ…เอ่อ”เดี๋ยวนะนี่มันจีบหรืออะไรเนี่ย สรุปชานยอลจะให้ผมเป็นหมาของมันหรือเป็นพี่ชายมันกันแน่เนี่ย เอ้อเอาเข้าไป เข้าใจยากจริงๆงั้นผมก็เป็น หมาพี่ชายของมันเลยซะดีมั้ยเนี่ย -_-
“..นะครับ”สายตาที่ชานยอลใช้มองผมในตอนนี้มันอบอุ่นจนบอกไม่ถูกจริงๆ
“เออๆก็ได้ แต่นายเลี้ยงนะ”
“ครับ ตามนั้น”
กร้ากกกกกกก ผลาญเงินเด็กเล่นนี่มันสนุกจริงๆโว้ยย อย่ามองว่าผมนิสัยไม่ดีนา…ก็ชานยอลเป็นคนชวนนี่ ชานยอลเริ่มก่อนแบคไม่ผิด!
“งืม…พรุ่งนี้ฉันไม่มีเรียนอะ แล้วนาย…?”
“อ่า…พรุ่งนี้ผมมีเรียนตอนเก้าโมงเช้าครับพี่อยู่คนเดียวได้มั้ย? ถ้าไม่ได้ก็ชวนเพื่อนพี่มาแล้วกัน แต่อย่าทำห้องเละนะ…”
“ได้ๆๆๆๆๆ”หวานหมูล่ะงานนี้ เอาล่ะนายปาร์คชานยอล พรุ่งนี้สิ่งที่นายปิดบังฉันไว้ตลอด ฉันจะต้องได้รู้มัน โฮะๆๆๆๆๆๆ
เอ้าชิบหายละ มาหรี่ตามองผมทำไมกัน ผมแสดงออกว่าดีใจมากไปหน่อยเหรอ เห้ยผมก็ว่าผมไม่ได้ออกหน้าออกตาอะไรขนาดนั้นนา…ไม่ได้ๆทำตัวเรียบร้อยแป้บ
“อย่าคิดจะทำอะไรแผลงๆล่ะ.”
“ทำอะไร้ ไม่มี๊ แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะชวนไอลู่มาทำอะไรก็แค่นั้นแหละ ..คิดมากไปได้น่า..”
“เสียงสูง คนโกหก”โกหกอาร้ายยยยย ถ้าโกหกป่านนี้จมูกผมคงยาวทะลุกระจกห้องออกไปแล้วนู่น นั่นมันพินอคคิโอ อ้าวกำท่ด
“ก็ไม่ได้ทำอะรายงาย..”เออเมื่อกี้เสียงสูงไปใช่มั้ย คราวนี้จัดให้! ไงล่ะเสียงต่ำเหมือนน้องฆ้องมาเอง อ้าวไม่ใช่กำท่ด
“ถ้าจะทำก็อย่าให้จับได้แล้วกัน.. ”
“คิ้วนายเนี่ย คิดจะผูกไว้ทั้งวันเลยหรือไง ห้ะ!! หน้าด้วย ทำเป็นอยู่หน้าเดียวเรอะ!? หัดยิ้มซะบ้าง รู้จักมั้ย ยิ้มน่ะ ยิ้มน่ะ ”ผมพูดแล้วเอามือจับแก้มชานยอลทั้งสองข้างให้ยกยิ้มขึ้น ในทีแรกชานยอลก็ยังอยู่หน้าเดิม แต่เมื่อผมทำไปเรื่อยๆ ชานยอลก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่จน…
“5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555”
“ขำอะไรวะ มองเห็นหน้าตัวเองไง้!?”
“เปล่า หน้าพี่มัน…55555555555555555555555555555555555555555555555”
“หน้าฉันมันทำไม!! ไอเด็กบ้า ตบสักทีดีมั้ยเนี่ย”
“ถ้าพี่เป็นคนตบผมก็โอเคครับ”
..โดนแอทแทคเข้าอย่างจัง..
กำลังจะระเบิดตัวเองตายภายในอีกไม่กี่วิข้างหน้านี้ละโว้ย ไอเด็กบ้า ไอเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ เออคิดจะหยอดก็หยอดคิดจะขรึมก็ขรึม จนตอนนี้ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นคนยังไงเนี่ย -_-
ผมเดินหยิบเสื้อสองตัวนี้ขึ้นมาแล้วเดินมายังห้องที่ด้านนึงถูกแบ่งไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้า ข้างๆมีตระกร้าสำหรับใส่ผ้าที่ใส่แล้วสีดำวางอยู่ ผมโยนเสื้อสองตัวลงตระกร้าเพื่อรอซักในรอบต่อไป หมุนตัวเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเยลลี่ออกมาสองถ้วยที่แอบซื้อเมื่อตอนไปซุปเปอร์มาเก็ตครั้งก่อนออกมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม ผมวางถ้วยหนึ่งไว้บนโต๊ะและอีกถ้วยหนึ่งก็เปิดฝาออกเรียบร้อยพร้อมที่จะกินแล้ว ผมใช้ช้อนที่มันแถมมากับเยลลี่ตักใส่ปากอย่างสบายอารมณ์
“แหน่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ผมพูดแหน่ะรัวๆใส่ชานยอลไม่หยุด ในปากของผมก็เคี้ยวเยลลี่ไปด้วย จะไม่ให้แหน่ะได้ยังไงก็เมื่อกี้ชานยอลทำท่าจะหยิบเยลลี่ของผมไปกินอะ!
“อ้าว…ไม่ได้หยิบมาเผื่อผมเหรอครับ”
“เหอะ จะหยิบมาเผื่อนายทำไม ก็ต้องเอามากินเองดิ”
“..อ้วนแล้วยังขี้งกอีก”
อะไรนะ!เมื่อกี้เหมือนได้ยินชานยอลบ่นอะไรแว่วๆ มันด่าผมอ้วนเหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อ ผมอ้วนตรงไหนถามหน่อย
“ไอเด็กบ้า-_-”
สุดท้ายผมก็ตอบมันกลับไปด้วยหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรพร้อมกับฟาดแขนเข้าไปที่ต้นแขนขวาของชานยอลเข้าอย่างจัง
“โอ้ะ”
“สมน้ำหน้า”
“เดี๋ยวนี้กล้าทำร้ายร่างกาย…หักห้าพันวอน”
หักห้าพันวอนเรอะขอคำนวณแป้บนะ ปกติแล้วผมได้เงินจากชานยอลวันละสามหมื่นวอน อันนี้ไม่รวมของที่เขาซื้อให้อีก หักไปห้าพันวอนก็เหลือ…สองหมื่นห้าพันวอน เออ…มันก็น้อยลงนะแต่มันก็ไม่เท่าไร เอาไงดียอมรับผิดดีมั้ยจ้ะ
“ง่า เค้าขอโทษ.__.”
บอกผมทีว่าเมื่อกี้ผมทำอะไรลงไป!
“เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีนะ”
กร๊าซ ไอเด็กนี่มันหลอกด่าผม เอาล่ะผมจะด่ามัน! ผมคิดประโยคที่จะพูดได้แล้วล่ะ
----------->ไอบ้านี่กล้าดียังไงมาว่าฉัน
“แงงงงงงงงง ชานยอลอย่าว่าเค้าสิ”แต่นี่คือประโยคที่พูดออกไปจริงๆ…น่าสงสารจังเลยแบคฮยอนเอ้ย ทำไมเราต้องตกเป็นเบี้ยล่างเขาด้วยนะฮึก…*รู้สึกตอแหล*
“เอ่อ…”ทำไมชานยอลชะงักไปงั้นอ่าแง ผมทำไรผิดผมไม่ผิดนะสมองผมผิด เอ้าอันนี้พูดจริงนะ ชานยอลอย่าทำหน้าแบบนั้นดิ T^T
“โอเคไม่ว่าๆ ไปทำอะไรก็ไปทำไป”
“ครับๆๆ”เออรอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนแล้วกันพ่อจะรื้อทั้งห้องแล้วจุดไฟเผาเลยคอยดู!
“อยู่ห้องดีๆนะ อย่าดื้อ”
“ครับพ่อ”
“พ่อบ้าอะไร หักเงินนะ”
“ครับน้องชาน บลัยส์”พูดจบแล้วก็ปิดประตูใส่หน้าชานยอลทันทีหลังจากที่ก่อนหน้านี้ยืนร่ำรากันอยู่หน้าประตูห้องทั้งๆที่ยังเปิดค้างไว้อยู่แบบนั้น นี่ดีนะชาวบ้านต่างห้องเขาไม่เปิดประตูออกมาดูว่ายืนทำอะไรกันประหลาดๆแบบนี้
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนทีจะกดโทรหาลู่หาน
(โย่วมึง กูไปขึ้นไปได้ยัง กูอยู่ตรงล็อบบี้เนี่ย)ทันทีที่ลู่หานรับสายมันก็รีบกรอกเสียงมาหาผมอย่างเร็ว
“เออขึ้นมาให้ไวเลย อย่าให้ชานยอลเห็นนะเว้ย”
(เออๆ ระดับนี้ไม่มีพลาดหรอก)
“รีบขึ้นมานะกูรออยู่ แค่นี้แหละ บลัยส์”
พูดจบก็กดตัดสาย อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะว่าแอบนัดกันมาสมสู่หรืออะไร ไม่นิยมเล่นเพื่อนครับ เออวันนี้ได้รู้กันแหละ ก็เมื่อวานชานยอลบอกว่ามีเรียนจนถึงตอนเย็นเลยนี่ ตอนนี้ก็เพิ่งเก้าโมงนิดๆเอง โอ้ย มีเวลาอีกนานโข
ออด
ไม่นานนักก็มีเสียงกรดออดหน้าประตูดังขึ้น ผมรีบเดินไปเปิดประตูให้เพื่อนสนิทเข้ามาทันที ว่าแต่เสียงออดแบบนี้นี่เชยชะมัด วันหลังจะสั่งให้ชานยอลไปเปลี่ยน เอาเป็นอะไรดีล่ะ แก๊บซองดีมั้ย ไอออดมันเปลี่ยนเสียงได้เปล้าวะ
“มึงเรียกมาดูอะไรตั้งแต่เช้าเนี่ย”ไอลู่ทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วถามผม
“เช้าบ้านพ่งดิ นี่มันเก้าโมงกว่าแล้วโว้ย”
“เออๆ ไม่ต้องบ่น เข้าเรื่องดิ้”
“กูไม่รู้นะว่าเคยเล่าเรื่องนี้ให้มึงฟังยัง แต่มึงดูนั่นดิ…”ผมชี้ทางประตูที่ถูกทาเป็นสีเดียวกันกลับผนัง ราวกับว่าต้องการซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้”ชานยอลบอกว่าห้ามใครเข้าไปเว้ย กูเลยอยากรู้ว่ามันคือห้องอะไร”
“เขาบอกว่าห้ามเข้าไปก็อย่าเข้าไปดิวะ แล้วมันคิดว่าห้องที่มีความลับแบบนั้นเขาจะไม่ล็อคกุญแจไว้หรือไง ไอโง่”
“เออเนอะ…ลืมคิด…”สตั้นไปสิบสามวิกับคำด่าว่าโง่ของเพื่อนสนิท เออเนอะผมก็ลืมคิดข้อนี้ไปซะสนิท แต่ห้องในนี้กุญแจมันก็ต้องอยู่ในนี้แหละวะ
“เออ เพราะฉะนั้นหยุดคิดซะ”
“ทำไมมึงต้องห้ามกูด้วยอะ ปกติมึงจะสนับสนุนกูกับเรื่องเผือกๆแบบนี้ไม่ใช่ไง้?”
“เรื่องนี้กูไม่เห็นด้วยว่ะ หยุดเถอะ”
“ทำไมกูรู้สึกว่ามันเหมือนไม่ใช่มึงคนเดิมเลยวะ…มึงไม่สบายตรงไหนเปล้าเนี่ย”ผมเอามือปัดป่ายคลำๆไปบนหน้าไอลู่ มันกินยาผิดขนาดเปล้าวะ เป็นเอามากขนาดนี้
“กูกลับล่ะ มึงอย่าเลยเชื่อกูเถอะ”
“เออ…”
Special Luhan Talk
แบค…กูขอโทษนะ แต่มันมีเหตุผลที่กูไม่สามารถบอกมึงได้จริงๆว่ะ มึงอย่าอยากรู้มากไปกว่านี้เลย
End Special Luhan Talk
♥
เอาไงดี เผือก…ไม่เผือก…เผือก…ไม่เผือก…เผือก
ผมว่าไอลู่มันต้องรู้อะไรบางอย่างมาแน่ๆแต่มันไม่ยอมบอกผม ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปรู้มาได้ไงในเมื่อชานยอลเป็นคนบอกเองว่าในห้องนั้นมันยังไม่เคยไม่รู้ว่ามันเป็นห้องอะไร
ด้วยความอยากรู้มากผมเลยตัดสินใจเดินไปที่ลิ้นชักหัวเตียงในห้องนอนแล้วเปิดออกทีละชั้น ทั้งหมดมีสามชั้น ผมเปิดชั้นแรกไล่ลงมาชั้นที่สองแต่ยังไม่เขออะไรเลยนอกจากกระดาษโน้ตเล็กๆทั่วไปกับของกระจุกกระจิดนิดหน่อยรวมไปถึง เอ่อ…ถุงยาง ข้ามมันไปแล้วกัน แต่ผมก็ต้องชะงักเมื่อจะเปิดลิ้นชักที่สามแต่มันกลับเปิดไม่ออกซะงั้น ทันทีที่ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ทำให้ตั้งข้อสงสัยได้ในทันทีว่าในนี้มันต้องมีอะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่แน่นอน ผมสะบัดหัวทีนึงด้วยความหัวเสีย ให้มันได้แบบนี้สิวะ งั้นก็เท่ากับว่ามีกุญแจที่ต้องหาเพิ่มมาอีกหนึ่งดอก เอาล่ะ ต้องหากุญแจลิ้นชักก่อน
เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่ภายในมีลิ้นชักอยู่อีกสองชั้น แล้วเปิดลิ้นชักทั้งหมดนั้นดู แต่มันกลับไม่เจออะไรอยู่ดี เป็นแบบนั้นแล้วก็ปิดตู้เสื้อผ้ากลับเข้าอย่างเดิมแล้วเดินออกมาจากห้องนอนมายังโซฟาที่ตั้งไว้กลางห้อง หาในที่ๆสิ้นคิดอย่างใต้แจกัน ใต้ทีวีใต้เบาะ ใต้โต๊ะ ใต้โซฟา ลามไปถึงห้องครัวอย่างในตู้เย็น ช่องฟรีซ ในขวดน้ำ แล้วกลับมาที่ในดอกไม้ปลอมที่วางอยู่ข้างๆทีวี แต่ก็ยังไม่เจออยู่ดี
เหงื่อเริ่มออกเล็กน้อย นั่นทำให้คิดได้ว่ามีอีกที่นึงที่ยังไม่ได้หา ตัดสินใจเดินไปที่ห้องน้ำทันที ผลักประตูออกแล้วเดินเข้าไป เริ่มจากในกล่องที่ใส่แปรงสีฟัน กล่องไหมขัดฟัน ห่วงที่ใช้แขวนผ้าม่านกันน้ำสาดออกมาด้านนอก จนมาถึงกล่องชักโครกที่เป็นทางสำหรับเก็บน้ำเพื่อไว้ให้เรากด ก็ยังไม่เจออยู่ดี…แล้วมันไปอยู่ที่ไหนได้วะเนี่ย ที่นี่ก็ไม่มีที่ให้หาแล้วด้วย
เดินกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วลงมือหาในตู้เสื้อผ้าใหม่ คราวนี้ค้นผ้าที่พับไว้ออกมากองบนพื้นให้หมด แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับออกบางอย่าง บางอย่างนั้นคือกล่องสีดำไม่มีลวดลายใบขนาดเท่าฝ่ามือ ที่ถ้าไม่สังเกตให้ดีๆอาจจะมองไม่เห็นเลยก็ได้เพราะมันเป็นสีกลมกลืนไปกับตู้เสื้อผ้า ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยิบกล่องนั้นออกมาเปิดดู แล้วก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อในนั้นเป็นกุญแจที่ผมตามหาก็จริง…แต่มันถูกร้อยเข้ากับห่วงเหล็กใหญ่ๆนับร้อยดอก ถ้านึกภาพไม่ออกก็นึกภาพแม่บ้านตามโรงแรมที่ต้องมีกุญแจนี้ติดตัวไว้ตลอดเพื่อที่จะทำความสะอาดได้ทุกห้อง ใช่เลย…มันเป็นแบบนั้นแหละ ผมไม่แน่ใจว่าหนึ่งดอกในพวงนี้เป็นกุญแจที่ใช้เปิดลิ้นชักหรือว่าห้องๆนั้นกันแน่ เลยตัดสินใจลองไขกับลิ้นชักก่อนโดยเริ่มทีละดอก จากดอกแรก ยังไม่ออก… ดอกที่สองก็ยังไม่ออกอยู่ดี…
จนมาถึงดอกที่หกสิบกว่าก็ได้ยินเสียงแกรก นั่นเป็นเสียงที่บ่งบอกว่าลิ้นชักไขออกแล้ว แต่ปรากฎว่าในนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากกล่องสีเดียวกันแบบเดียวกันกับที่หาเจอในตู้เสื้อผ้าตอนแรก ไม่รอช้าหยิบกล่องนั้นออกมาเปิดดูทันทีแล้ว ก็แทบจะปากล่องทิ้งเมื่อในนั้นมีกุญแจที่ลักษณะคล้ายกับกุญซึ่งหาเจอในตอนแรกในตู้เสื้อผ้า แต่มันพิเศษกว่าหน่อยที่กุญแจที่หาเจอในลิ้นชักนี้มีมากกว่าร้อยดอก ประมาณด้วยสายตาแล้วอาจจะประมาณสองร้อยดอกเห็นจะได้ โอ้ย…ตายห่าละทีนี้ ผมต้องใช้เวลามากเท่าไรกว่าจะไขห้องนั้นออกวะเนี่ย!
ผมเอากุญแจที่หาเจอในตอนแรกใส่กล่องแล้วใส่ในตู้เสื้อผ้าตามเดิมทันที ก่อนที่จะหยิบกล่องใบที่สองพร้อมกับกุญแจออกมาเพื่อที่จะไขประตูที่ห้องนั้นทันที สูดหายใจเข้าลึกๆเป็นการเรียกขวัญกำลังใจกับการหาในครั้งนี้แล้วหยิบพวงกุญแจออกมาไขทีละดอก
Special Chanyeol Talk
วันนี้ผมมีเรียนแต่กลับไม่ได้เรียนเพราะพี่ลู่หานโทรมาตามตั้งแต่ตอนที่ผมเพิ่งมาถึงมหาลัย ยังไม่ได้จอดรถให้เข้าซองดีๆเลยด้วยซ้ำก็ต้องบึ่งกลับมาด้วยประโยคที่พี่ลู่หานบอกว่า’แบคฮยอนกำลังพยายามเปิดห้องนั้นนะ รีบมาล่ะ ฉันออกมาแล้วจัดการเองนะชานยอล’โดยที่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ลู่หานไม่เฝ้าเพื่อนตัวเองไว้ก่อน ความหวังเดียวที่มีตอนนี้คือหวังว่าที่ที่ผมเลือกซ่อนกุญแจไว้นั้นจะช่วยยืดเวลาในการหาออกไปได้ก่อนที่จะผมจะถึง
ทันทีที่มาถึงคอนโดผมรีบวิ่งไปกดลิฟท์ทันที ป็นโชคดีของผมที่ในตอนนี้ลิฟท์ไม่มีใครใช้งานพอดีนั่นทำให้ลดระยะเวลาในการไปห้องของผมได้มากในทีเดียว
เมื่อลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสิบสอง ผมรีบวิ่งไปหยุดที่หน้าห้องการที่จะหยิบคีย์การ์ดออกมาแตะเพื่อปลดล็อคประตูเข้าไปด้านใน ผมค่อยเปิดประตูเข้าไปช้าๆโดยไม่บุ่มบามมาก เพราะถ้าทำแบบนั้นจะเป็นการส่งสัญญาณให้คนด้านในรู้ตัว ผมได้ยินเสียงของพี่แบคฮยอนที่พูดกับตัวเองเบาๆในระหว่างที่กำลังพยายามจะใช้กุญแจหนึ่งในสองร้อยดอกนั่นไขประตู
“หกสิบ…มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี!”เสียงเล็กนั่นถูกเปล่งออกมาผสมกับอารมณ์ที่คาดว่ากำลังหงุดหงิดของเจ้าตัวเล็กน้อย
“หกสิบเอ็ด…อ๊ะ…ออกแล้ว!”เสียงที่ร้องออกมาด้วยความดีใจนั้นบ่งบอกว่าประตูถูกไขออกแล้ว นั่นทำเอาผมแทบวิ่งเข้าไปปิดประตูแล้วกดล็อคแทบไม่ทัน
“ไอลู่ไหนแกบอกกลับแล้วไง-ชานยอล!!”คนตรงหน้าร้องขึ้นด้วยความตกใจที่เห็นผม
“ผมเตือนแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับห้องนี้”
“ชานยอล…คือ…”
“คนไม่ซื่อสัตย์”ผมพูดไปพร้อมกับความผิดหวังทั้งหมดที่ก่อตัวขึ้นและแสดงออกอย่างชัดเจน ทั้งน้ำเสียงและสายตาเต็มไปด้วย‘ความผิดหวัง’
ผิดหวังที่พี่แบคฮยอนเชื่อใจไม่ได้ ทั้งๆที่ก็อยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว คิดยังไงก็น่าจะรู้กันอยู่แต่กลับมาทำให้ผิดหวังแบบนี้ ร่างเล็กตรงหน้าผมมองผมนึ่งอึ้ง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีแต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกสัมผัสของพี่แบคฮยอนสวมกอดจากด้านหลัง ผมตกใจไปนิดพอรู้สึกว่าเสื้อของตัวเองชื้นเพราะน้ำตาบวกกับเสียงสะอื้นและอ้อมกอดจากคนตัวสั่น แต่ถึงอย่างนั้นความผิดหวังก็ยังไม่หมดไปจากหัวใจซะทีเดียว
อยากจะไม่ถือสาพี่แบคฮยอนเพราะเจ้าตัวดื้อและอยากรู้อยากเห็นตามประสา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะ ความไว้ใจของผมนั้นให้พี่แบคฮยอนไปหมดแล้ว แล้วเขา.. ก็มาเหยียบย่ำมันแบบนี้ มันก็เจ็บเหมือนกันนะ
“ชานยอลอย่าโกรธฉันเลย…ฮึก”
เพียงเท่านั้นความคิดที่ว่าจะทำใจแข็งก็พังครื้น เพียงเสียงสั่นๆที่เต็มไปด้วยความเสียใจและความเจ็บปวดก็ทำให้ผมจับฝ่ามือทั้งสองข้างของพี่แบคฮยอนออกจากตัวผมแล้วหันหน้าเข้าหา สายตาเว้าวอนและรู้สึกผิดเต็มที่ทำผมหัวใจอ่อนเปลี้ย พอมองเข้าไปในตาของพี่แบคฮยอนลึกๆแล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมรู้แก่ใจดีว่าคนตรงหน้าทำไปก็แค่เพราะความดื้อซนและอยากรู้อยากเห็น ไม่มีเจตนาจะทำลายความไว้ใจของผมเลยสักนิด ก็แค่ดื้อแบบปกติ จนลืมคิดให้ลึกกว่านี้ ที่ทำไปก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นนี้ด้วยซ้ำ
แต่สายตารู้สึกผิดตอนนี้ก็ผมได้ดีว่าเจ้าตัวคงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และจำเป็นบทเรียนอีกนาน..
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจูบซับน้ำตาให้กับคนตรงหน้า
“ชานยอล…ชานยอลไม่โกรธฉันใช่มั้ย”สองมือเล็กเอื้อมมาประครองใบหน้าของผมไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ดวงตาเล็กๆที่คลอไปด้วยน้ำตานั่นทำเอาผมแทบรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนผิด
“อือ ไม่โกรธ”
“ฉันไม่เชื่อหรอก…”ผมสะดุ้งไปนิดนึงกับสัมผัสที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับจากคนตรงหน้า ตอนนี้ริมฝีปากของเราทั้งสองคนมันไม่มีช่องว่างห่างอยู่เลยสักนิด ความอุ่นจากสัมผัสของริมฝีปากคนตรงหน้ามันแทรกซึมลงไปในหัวใจ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พยายามห้ามใจแล้ว
ไม่รู้ว่าระยะเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วแต่ผมกลับอยากให้มันอยู่แบบนี้นานๆ
ผมไม่แน่ใจนักว่าอะไรทำให้พี่แบคฮยอนทำแบบนี้แต่คงเป็นเพราะเขาอยากให้ผมอยู่กับเขาตรงนี่จริงๆถึงเลือกจะรั้งผมด้วยวิธีที่ดีแสนดีอย่างวิธีนี้ มันช่างได้ผลเหลือเกินแม้ผมไม่คิดจะเดินหนีไปไหนตั้งแต่ประโยครู้สึกผิดนั้นแล้ว ซึ่งที่พี่แบคฮยอนทำแบบนี้ก็ทำผมอมยิ้มได้เลยเพราะมันทำให้ผมรู้ว่าเขาเองก็แคร์ผมไม่น้อย และผูกพันธ์กับผมอยู่เยอะมากจริงๆ ไม่งั้นคงไม่ใจเสียขนาดนี้และกลัวผมจะหนีไปขนาดที่ลืมไปว่าก่อนหน้านี้เขาเคยดื้อกับผมแค่ไหน
เวลาผ่านไปนานจริงๆแต่พี่แบคฮยอนยังคงกดจูบอยู่กับผมจนผมเริ่มรู้สึกอยากได้มากกว่านี้ ผมย้ายสองมือที่ตอนแรกปล่อยทิ้งไว้ข้างตัวเพราะนิ่งอึ้งมาโอบรั้งเอวบางก่อนจะเป็นฝ่ายกดริมฝีปากลงไปบ้างเพื่อให้คนตัวเล็กไม่ต้องเขย่ง แอบหวั่นใจนิดๆว่าพี่แบคฮยอนจะปฏิเสธสัมผัสของผมที่เริ่มรุกบ้างแต่กลับกลายเป็นว่าพี่แบคฮยอนปรือตาฉ่ำน้ำหลังจากร้องไห้เมื่อกี้ขึ้นมองผมราวกับเคลิบเคลิ้ม นั้นทำให้ความอดทนของผมเริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆก่อนจะลองทำมากกว่านี้เผื่อพี่แบคฮยอนจะได้สติและห้ามผมได้ทัน
ผมรั้งร่างเล็กเข้าหาตัวก่อนจะบดริมฝีปากลงไปอย่างช้าๆ จากสัมผัสกันเบาๆก็เบียดชิดกันมากขึ้น ปากบนและล่างของเราสลับซ้อนกันก่อนที่ผมจะดูดริมฝีปากล่างของพี่แบคฮยอนเบาๆ ความนิ่มของมันทำให้ผมเพิ่มแรงดูดมากขึ้นพร้อมกับกลืนกินพื้นที่ริมฝีปากล่างมากขึ้นเรื่อยๆ มือของพี่แบคฮยอนที่จับใบหน้าของผมก่อนหน้านี้เริ่มเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆก่อนจะค่อยเลื่อนไปคล้องคอของผมไว้ นั่นทำให้ความอดทนผมมาถึงขึ้นเกือบศูนย์เพราะนอกจากพี่แบคฮยอนจะไม่ได้สติแล้วยังเคลิ้มจนเผลอเชิญชวนผมมากขึ้น ผมพยายามประคองสติตัวเองไว้ยังไม่ให้ทำอะไรมากกว่านี้แต่ก็ตัดสินใจลองดูสักหน่อยเผื่อครั้งนี้พี่แบคฮยอนจะได้สติ
ผมใช้ริมฝีปากบนของผมดันริมฝีปากบนของพี่แบคฮยอนเองให้เปิดออกซึ่งพี่แบคฮยอนก็โอนอ่อนแต่โดยง่าย ทันทีที่มีช่องว่างเชื่อมสองริมฝีปากผมก็ส่งลิ้นของผมเข้าไปทันที ความอุ่นและฉ่ำไปด้วยน้ำภายในโพรงปากนั้นทำเอาผมแทบกดพี่แบคฮยอนลงพื้นแต่ก็อดทนไว้ก่อน ลิ้นของผมสัมผัสกับลิ้นลื่นเข้าอย่างจังก่อนจะเข้าไปเกี่ยวมันไว้ ลิ้นเล็กนั้นชะงักเล็กน้อยเมื่อผมเข้าไปสัมผัสแต่ก็เริ่มลองเกี่ยวตอบอย่างอยากรู้อยากเห็นตามนิสัยเจ้าตัว จนกระทั่งลิ้นของเราเกี่ยวกันเองอย่างหนักหน่วง ไหนจะอ้อมกอดของกันและกันที่แนบแน่น ริมฝีปากที่ประกบกันสนิท..
ผมตัดสินใจปรือตาเล็กน้อยก่อนที่สติจะหายไปมากกว่านี้แต่สิ่งที่ผมเจอทำเอาผมหยุดนิ่ง เปลือกตาสวยของคนตรงหน้าปิดแน่นสนิทอย่างดื่มด่ำกับสัมผัสภายในปาก เท่านั้นผมอาจจะยังยื้อสติของผมไว้ได้หน่อยแม่จะเป็นเพียงปลายนิ้วก้อยแต่กับอีกอย่างที่ตามมาหลังจากนั้นมันทำให้ผม..
“อ..อื้มมมมม”
ลาก่อน... ความอดทน..
---------------------------------------
Cut
ตามหาได้ที่ไบโอทวิต
---------------------------------------
Writer
กรี๊ดกร๊าดให้กับncกันหน่อยเร้ว
ขอขอบคุณความช่วยเหลือจากไรท์tonwanjaสำหรับncครั้งแรกในชีวิต
หวังว่าคนอ่านจะชอบกันนะ ฮึก…
คราวนี้แบคจะทิ้งน้องชานไปไหนไม่ได้แล้วนะเออ อย่าทิ้งน้องชานนะ
จะกลับมาอีกทีก็หลังปีใหม่เลยนู่นแต่ถ้าคอมเมนท์เยอะจะคิดดูอีก 5555555555
ไม่เม้นกันเลย...ไรท์จะร้องไห้แล้วนะ
ขอให้กำลังใจให้กันหน่อยสิ อยู่ไหนกันหมด .___.
ความคิดเห็น