ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาคิน..ปริศนาขนหัวลุก ♣

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ ๔ :: คฤหาสน์

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 60


    บทที่ ๔ :: คฤหาสน์

    วันนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะปกติดี อาจารย์ลัดดาสั่งให้ทุกคนไปทำงานกลุ่ม

    ซึ่งงานกลุ่มนี้เป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่ และยุ่งยากพอสมควร

    กลุ่มของภาคิน ได้แก่ ภาคิน ไพลิน คุณาธรรย์ สโรชา แต่ก็ยังไม่ครบคน อาจารย์ลัดดาสั่งให้มี 7 คน สลับปนชายหญิง ไพลินจึงเดินไปจูง ฬิภา เข้ามาร่วมกลุ่ม
    ฬิภาเป็นคนเข้าสังคมง่าย ใครได้ก็ถือว่าดีไป แต่ก็ยังขาดคนอีก

    คุณาธรรย์สังเกตเห็น หญิงผู้มีความเรียบร้อย และแลดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจากับใคร เขาจึงไปชักชวนทันที ริชญา คุณหนูผู้ไร้ความอิสระ

    ไม่เคยได้รับความอบอุ่มจากครอบครัว ถึงแม้ฐานะที่บ้านจะรวยก็ตาม

    “เหลืออีก 1 ล่ะทีนี้ เอาใครอีกดี” ขณะที่เพื่อนทั้งห้องกำลังวุ่นวายในการพาคนเข้ากลุ่มของตน ภาคินก็เห็น ทินพากร หน้าเศร้าหมอง ก้มหน้านั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง ภาคินรู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยว ทินพากรเองก็เป็นคนดี แต่ด้วยที่ปากมากไปหน่อย หลังจากที่ วรันกร ตายไป ทินพากรก็เก็บตัวอยู่คนเดียวตลอด ภาคินก็เดินตรงไปที่โต๊ะของทินพากร

    “นี่เอ็ง อยากจะเข้ากลุ่มกับพวกเราไหม พวกเราต้องการนายนะ” เขาถาม

    ใบหน้าที่ค่อยๆเงยหน้ามามองก็ถามไปด้วยความเย็นชา “อ..เอ็งต้องการข้าจริงๆหรอ แต่ข้าทำไม่ดีกับเอ็งไว้นะ” ทินพากรพูดจาดูสำนึกผิดและซาบซึ้งเล็กน้อย
    “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันก็ผ่านมาหมดล่ะ เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ”

    เมื่อทินพากรได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้เขามองภาคินในแง่ดี เขาตอบตกลงทันควัน

    อาจารย์ลัดดาบอกงานว่า ต้องไปทำคลิปวิดีโอของสถานที่ใดที่หนึ่งพร้อมเล่าประวัติความเป็นมาให้หมด ให้ระยะเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น

    ทุกคนในกลุ่มก็ปรึกษากันยกใหญ่ ต่างคนต่างเสนอไปถ่ายที่นั่นที่นี่ แต่ดูเหมือน

    ริชญา จะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เธอเอ่ยขึ้นสวนคำเสนอของทุกคน
    “ถ้าพวกเธอจะไปกันที่อื่น เราก็อยากไปนะ แต่เราคงไปไม่ได้แน่ๆ ทางบ้านของเราคงไม่อนุญาต ถ้าจะถ่ายเราว่า น่าจะเป็นบ้านของเรานี่แหละ” ทุกคนหันไปมองริชญาเป็นตาเดียว “แล้วบ้านของเธอเป็นสถานที่หรอ”ไพลินถาม ริชญาบอกไป

    “คฤหาสน์หลังใหญ่ของเรา ใหญ่จนเดินไม่ทั่วถึง ท่าทางจะมีประวัติเยอะมากเลยแหละ พอที่จะไปถ่ายได้ บรรพบุรุษของเราก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อน”

    ทุกคนเริ่มเห็นด้วยกับข้อเสนอของริชญา จึงได้ตกลงกันไว้ว่า วันเสาร์มานัดเจอกันที่โรงเรียนตอนเช้า รถตู้ของริชญาจะมารับให้ ดูท่าว่าจะต้องนอนค้าง1คืนเพื่อให้ คลิป เสร็จ ส่วนกล้องและอุปกรณ์เสริมคุณาธรรย์กับทินพากรเป็นคนเตรียม ฬิภาถือกล้อง ภาคินและคนอื่นๆออกหน้ากล้อง เมื่อแบ่งงานกันเสร็จแล้ว ก็ถึงวันที่กำหนด
    ทุกคนมารอที่โรงเรียนแต่เช้า รถตู้คันใหญ่ก็ขับมาจอดตรงหน้าของทุกคน
    ประตูรถเปิดเองอัตโนมัติ พร้อมร่างตัวเล็กของริชญานั่งอยู่

    ทุกคนขึ้นไปนั่งกันจนครบ พอถึงคฤหาสน์ทุกคนถึงกับอึ้งเลยทีเดียว มันใหญ่โตมาก คราวลงมาจากรถแต่ละคนก็ตระการตากับความสวยงาม คนรับใช้ส่วนตัวของริชญาก็เดินเข้ามาหาทุกคนพร้อมเอ่ยเชิญเข้าไปพักกันก่อน ดูท่าทางสโรชาจะชอบใจตั้งแต่ประตูทางเข้าแล้ว บอดี้การ์ดก็ยืนเรียงรายเต็มไปหมด

    “วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่ ไปทำธุระที่ต่างประเทศ คงจะกลับมาอีกสี่วัน”ริชญาบอกให้ทุกคนฟัง “แล้วเราจะเริ่มถ่ายกันตอนไหนล่ะ” ฬิภาถามทุกคน แต่ทุกคนก็ดูเฉยๆกับคำถาม “เฮ้อ เอาประมาณ6โมงเย็นไหมล่ะ น่าสนุกดีออก ฮ่าๆๆ”

    คุณาธรรย์ตอบ เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็นพอดี ทุกคนนัดกันจะไปที่สวนหน้าบ้าน

    ก็ถ่ายกันตามปกติ ครั้นถึงชั้นสามของคฤหาสน์ มีห้องขนาดใหญ่ติดป้ายหน้าประตูว่า ห้องพักอาจารย์ ภาคินอดสงสัยไม่ได้จึงถามริชญาว่านี่คือห้องอะไร

    เธอตอบว่าเป็นห้องของเพื่อนพ่อของเธอเมื่อ 5 ปีก่อน ไม่มีใครมาอยู่ห้องนี้

    ตั้งแต่เพื่อนของพ่อป่วยตาย พ่อของเธอคิดว่าจะดัดแปลงเป็นห้องพระ

    แต่แล้วก็ล้มเหลว เพราะมีเหตุผลบางอย่างที่เธอเองก็ยังไม่รู้ ทินพากรก็เอามือไปเปิดประตู ห้องดูสะอาด ว่างโล่ง ไม่มีอะไรนอกจากแอร์ 1 ตัว ทุกคนค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง
    พลางเล่าประวัติใส่กล้องตามที่ทราบมาคร่าวๆ

    เสียงฝีเท้าที่ดังออกมาจากด้านนอกก็ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสโรชายืนอยู่ใกล้ประตู จึงต้องเปิดออกไปดูเหตุการณ์ ไม่มีใครมาเดินบริเวณนั้นเลย

    จู่ๆแอร์ในห้องพักอาจารย์ก็เปิดขึ้น กลิ่นโชยของแอร์ก็ฟุ้งกระจายทั่วบริเวณห้อง

    ประตูมีเสียงคนเคาะรัวๆ แต่ก็เป็นเพียงคนรับใช้ส่วนตัวของริชญา

    “คุณหนูคะ นี่ก็ดึกแล้วนะคะ ได้เวลานอนแล้วล่ะค่ะ พอก่อนนะคะ”

    ริชญาส่ายหน้าแล้วบอกไม่ต้องมาตามให้ไปนอนแล้ว เธอสนใจงานของเธอมากกว่า จนกระทั่งเวลา 4 ทุ่ม คฤหาสน์หลังนี้ก็ยังเปิดไฟสว่างไสวไปทั่วบริเวณ

    “เอางี้ไหม ตอนเดินมาอะ ข้าเห็นมีสระว่ายน้ำอยู่หลังคฤหาสน์ด้วย ไปถ่ายตรงนั้นกัน” คุณาธรรย์ชวนทุกคน ไม่มีใครปฏิเสธ มีเพียงแค่ริชญาที่เอ่ยขอตัวไปนอน

    เพราะมันเลยเวลาที่เธอจะต้องไปนอน เธอฝากงานให้ทุกคนไปสำรวจกันเอง

    ขณะที่เดินลงไปชั้นล่าง บรรยากาศดูเงียบสงัดผิดปกติ เมื่อถึงบริเวณสระว่ายน้ำ
    ก็มืดมิดและแสงไฟสลัว เห็นเพียงคลื่นน้ำที่สั่นไหวไปตามลมพัดเบาๆ
    “เหมือนถ่ายรายการคนอวดผีเลยหวะ มาล่าท้าผีกันป่ะว่ะ บรรยากาศมันให้เลยอ่ะ”
    คุณาธรรย์เอ่ยขึ้น

    ไม่ค่อยมีใครจะเห็นด้วยเท่าไหร่แต่ก็มีเพียงภาคินและทินพากรเท่านั้นที่สนใจ

    ส่วนสาวๆก็ขอตัวกลับไปนอนก่อนค่อยมาถ่ายต่อวันพรุ่งนี้

    “เอาล่ะครับท่านผู้ชม วันนี้ผมได้โอกาสมาสำรวจบริเวณสระน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้

    ท่านผู้ชมจะสังเกตได้ว่ามีลมพัดพลางๆใช่ไหมล่ะครับ ฮ่าๆ” คุณาธรรย์ออกหน้ากล้องกับทินพากร  ภาคินเป็นคนถือกล้อง ทั้งสามต่างเฮฮาหัวเราะกัน

    “เอาล่ะค่ะ เจนรู้สึกได้ว่า เขายืนอยู่ตรงนั้นค่ะ ตรงมุมต้นกล้วยข้างริมสระค่ะ ฮ่าๆ”
    คุณาธรรย์แกล้งแหย่ไปเรื่อยๆ ทุกคนต่างล้อเลียนกันอย่างสนุกสนานจน

    ไม่ได้มองนาฬิกาว่านี่มันเที่ยงคืนแล้ว แต่ดูท่าทีว่าไม่มีใครจะง่วงเลย

    “ไอหนู.....ไอหนู...”ภาคินผู้ถือกล้องได้ยินเสียงกระซิบแว่วๆ....

    เขาหันไปอย่างทันที แต่กลับไม่เจอใครเลย

    “เอ็งเป็นอะไรรึเปล่า” ทินพากรถามภาคินด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

    “เปล่าหรอก ที่นี่เริ่มสนุกแล้วสิ ” ภาคินกล่าวพร้อมยิ้มมุมปาก คฤหาสน์หลังนี้

    ได้ถูกปิดไฟไปแล้วครึ่งหลัง เหลือเพียงแต่ส่วนหลังบ้าน  บริเวณรอบรั้ว

    และบนต้นไม้เป็นหย่อมๆ “คุณเจนคะ ดิฉันรู้สึกว่าบริเวณนี้มันหวิวๆนะคะ”

    คุณาธรรย์ยังคงสนุกกับการล้อเลียน แต่ทันทีที่พูดจบ ภาคินก็มองเห็นร่างบางๆ

    ของหญิงสาวคนนึงอยู่หลังต้นกล้วยเลยลองทดสอบโดยการให้คุณาธรรย์เดินไป

    ... “คุณคะ เจนอยากให้คุณลองเดินไปบริเวณต้นกล้วยหน่อยค่ะ”

    ด้วยความติดเล่นของคุณาธรรย์จึงเดินไปแบบไม่กลัวอะไร ขณะที่เดินไปถึง

    ต้นกล้วย เขากลับเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณเจนคะ ดิฉันกลัวจังเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” พร้อมกับหัวเราะยิ้มแบบท้องแข็ง “ขำเป็นบ้าเลย สนุกมากวะ”

    แต่ความสนุกนี้ได้หายไปจากทินพากร เพราะเขาเห็นร่างบางๆอยู่หลังต้นกล้วยจริงๆ เขาเริ่มก้าวขาออกห่างคุณาธรรย์ สายลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ คลื่นในสระว่ายน้ำเริ่มเห็นเป็น
    ระลอกใหญ่ๆ “สงสัยเป็นผีตานีนะคะคุณเจน ฮ่าๆๆ”

    เขายังไม่หยุด ภาคินก็เห็นร่างบางๆนั้นเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นเป็นหน้าตา

    “ไอทิน เอ็งเห็นแบบที่ข้าเห็นไหม” “ป..ป้าแก่ๆส..เสื้อสีครีมๆ..ช..ใช่ไหมวะ”

    ทินพากรตอบทันทีด้วยเสียงสั่นๆ ภาคินยิ้มมุมปาก “คุณเจนคะ...”
    คุณาธรรย์ยังไม่ทันพูดจบก็เกิดอาการสะดุ้งวิ่งปี๊ดออกมาทันที

    “ไอ--คิน ไอ--ทิน ข้าไม่เล่นแล้วนะเว่ย!!

    แล้วเขาก็วิ่งเตลิดเข้าคฤหาสน์ไป 

    ทินพากรยังคงอึ้งกับสถานการณ์นั้นแบบขาสั่นไม่กล้า

    เดินออกไปไหน “ไอ--คิน ข้าขยับขาไม่ได้วะ!!” ภาคินมองด้วยสายตาที่รู้ดี

    ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเขา พร้อมกับเอ่ยเบาๆว่า
    “โห่ ป้า พวกผมแค่มาเล่นเฉยๆ ถือว่ามาเยี่ยมเป็นน้ำจิ้มๆละกันนะครับ
    อันที่จริงพวกผมไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนป้าหรอกครับ
    ขอโทษด้วยครับผม” สิ้นสุดเสียงของภาคินสายลมก็เริ่ม

    เบาลงเรื่อยๆ จากนั้นทั้งสองก็รีบเข้าคฤหาสน์เพื่อจะไปนอน

    แน่นอนว่าทั้งสามคนนั้นเข็ดกันจนนอนไม่หลับเลยทีเดียว...

    ....หน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นสองของคฤหาสน์ มีไฟสลัวอยู่จางๆปรากฏให้เห็น
    สายตาของคนที่แอบมองเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่มาสักพัก เผยให้เห็นรอยยิ้ม
    ที่มุมปาก จากนั้นไฟสลัวของหน้าต่างก็ค่อยๆดับลง......


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×