คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #65 : ◣Fanfic◥ [LawxLuffy] Labyrinth (Special: Thank you for 1000 Favorites ♥ )
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 1/1
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงว่าสวรรค์และนรกถูกกำหนดมาให้เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน...
สวรรค์ที่ใครต่างก็จินตนาการว่าเป็นสถานที่ที่สุขสงบและงดงาม ความจริงแล้วกลับมีกฎเกณฑ์มากมาย หน้าที่หลักของเหล่าทูตสวรรค์คือการชี้นำแนวทางแก่มนุษย์
และนรกก็คือสถานที่แห่งความชั่วร้าย แหล่งรวมกิเลส และความดำมืดของจิตใจ
ครั้งหนึ่งเคยมีปีศาจตกหลุมรักทูตสวรรค์แม้เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก ปีศาจตนนั้นรู้ดีว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวฝืนกฎธรรมชาติ แม้จะไม่มีทางเป็นไปได้แต่เขาก็ไม่สน ทูตสวรรค์ผู้นั้นได้รับมอบหมายให้ลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อปฏิบัติภารกิจชี้นำลูกแกะที่หลงผิดสู่ทางสว่าง เขาจึงไม่รอช้าที่จะตามติดคนที่ถวิลหาไปยังโลกมนุษย์เช่นเดียวกัน
สถานที่ที่ใกล้เคียงกับพระผู้เป็นเจ้าอย่างโบสถ์ในแถบชานเมืองห่างไกลเป็นสถานที่ที่ทูตสวรรค์ตั้งใจเลือก เขามีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนเดิมทุกอย่าง ซุกซ่อนเอาไว้เพียงปีกสีขาวเพื่อกลมกลืนกับมนุษย์ ปีศาจที่เห็นเช่นนั้นก็เลือกแปลงกายเป็นมนุษย์บ้าง แต่เพราะเป็นปฏิปักษ์ต่อสวรรค์จึงไม่อาจย่างกรายเข้าไปในโบสถ์นั้นได้
เขาหาโอกาสให้ได้พบเจอกับทูตสวรรค์ผู้นั้นอยู่หลายครั้ง แม้ดวงตาจะมองออกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แต่ทูตสวรรค์ที่ถูกปลูกฝังให้มีความรักและเมตตาก็ไม่ได้รังเกียจปีศาจตนนั้น จากคนไม่รู้จักเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความคุ้นเคย ความคุ้นเคยนั้นสานต่อเป็นความหวั่นไหว พวกเขาสนิทสนมกันเกินกว่าข้อห้ามระหว่างสวรรค์และนรกได้ขีดเส้นไว้
‘นายไม่ใช่ทูตสวรรค์เหมือนกับฉัน แล้วนายเป็นใคร’ ผู้มาจากโลกเบื้องบนเอ่ยถาม
ณ ตอนนั้นปีศาจหนุ่มรู้ตัวแล้วว่าเขาหลงรักคนตรงหน้าจนไม่อาจถอนตัว ร่างที่สูงใหญ่กว่าตัดสินใจคว้าคนตรงหน้ามาจุมพิตบนริมฝีปากอย่างแผ่วเบา คนโดนจู่โจมรีบอาศัยจังหวะนั้นผลักออก พลังที่ต่อต้านกันทำให้ทูตสวรรค์รับรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
พลังงานบางอย่างกำลังไหลเวียนเข้าสู่กายของเขาอย่างไม่อาจต้าน แม้จะรู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นปีศาจ แต่ก็ไม่อาจห้ามใจตนเองให้หยุดรักคนตรงหน้าได้
ภายหลังความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ได้ถึงหูสวรรค์ พวกเขาก่อพันธะสัญญาที่ไม่ควรเกิดขึ้น สุดท้ายแล้วทูตสวรรค์ผู้นั้นก็ถูกลงโทษโดยการพรากปีกทั้งสองข้างออกไปตลอดกาล ร่องรอยของปีกคู่นั้นยังคงทิ้งไว้กลางแผ่นหลังผอมบาง
แม้จะเสียปีกไปแล้ว แต่ทูตสวรรค์ก็ไม่อาจแก่ชรา เขาไม่มีความรู้สึกหิวเหมือนมนุษย์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าตัวจะถูกสังหารไม่ได้ นั่นคือบทลงโทษให้โดนทอดทิ้งไว้บนโลกมนุษย์ตลอดกาล
สุดท้ายแล้วแม้แต่ปีศาจตนนั้นก็หายสาบสูญไปหลังเรื่องราวทุกอย่างจบสิ้น ทิ้งไว้เพียงบาดแผลฉกรรจ์ที่กลางหลังที่ไม่มีวันจางหาย
ริมฝีปากสีกุหลาบยกยิ้มบางๆ หลังเล่านิทานก่อนนอนให้แก่เด็กน้อยคนหนึ่ง เจ้าตัวที่กำลังนอนห่มผ้าขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนใช้ดวงตาสีเหลืองทองทอดมองใบหน้าของคนข้างตัว
“ลูฟี่เล่าเรื่องตัวเองอยู่หรือเปล่า” ประโยคที่เด็กชายวัยหกขวบเอ่ยขึ้นทำให้เจ้าของชื่อต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ ครั้นพอเห็นดวงตากลมๆ ที่จ้องเขม็งด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็อดหัวเราะแห้งออกมาไม่ได้
“จะเป็นฉันได้ยังไงกันล่ะ” เขาลูบกลุ่มผมสีดำนั้นอย่างเอ็นดู
“เพราะลูฟี่น่ารักเหมือนทูตสวรรค์เลย!”
คนอายุมากกว่ายกมือขึ้นมาลูบบริเวณหลังคอที่มีสัญลักษณ์บางอย่างสลักอยู่ของตน มันดูเหมือนกับพันธะสัญญาบางอย่าง
“นอนได้แล้วนะ เป็นเด็กเป็นเล็กเที่ยวมาพูดจาแบบนี้ได้ไง”
ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กน้อยหัวเราะร่า แต่เขาก็ยอมหลับตาและเข้านอนอย่างที่คนข้างตัวว่าโดยไม่ขัดข้อง
เด็กคนนี้พูดถูกทุกอย่าง… เป็นความจริงว่าทูตสวรรค์คนนั้นก็คือเขา
พันธะสัญญาที่เกิดจากรอยจูบครั้งนั้นฝังอยู่บนร่างกาย และมันยังไม่จางหายไป นั่นหมายความว่าเจ้าของของมันยังมีชีวิตอยู่ แต่เจ้าตัวกลับไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้เห็นอีกเลยหลังเกิดเรื่องวุ่นวายคราวนั้น
หลังเคว้งคว้างจนไม่เป็นทำอะไรอยู่นาน ทางเลือกของเขาก็มีเพียงการกลับมาอยู่ที่โบสถ์เดิมอีกครั้ง และมีเพียงบาทหลวงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ความลับทั้งหมด แต่ก็ยังให้การต้อนรับอย่างดี เขาใช้ชีวิตอยู่ในนามลูกชายของบาทหลวง ชาวบ้านในชนบทเองก็เข้าใจเช่นนั้น
โชคชะตากลับเล่นตลกอีกครั้ง เมื่อคืนคริสมาสต์ของปีหนึ่งที่หิมะตกหนักจนท่วมหนา สีขาวโพลนปกคลุมพื้นที่ชานเมืองทั้งหมด วันนั้นลูฟี่เจอเด็กชายวัยประมาณห้าหกขวบกำลังนอนจมกองหิมะด้วยสีหน้าซีดเซียว เขากำลังนอนรอความตายหากไม่มีใครช่วยเหลือเสียก่อน
ทูตสวรรค์ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มวัยยังไม่ถึงยี่สิบปีจึงมีหน้าที่เป็นเหมือนพี่ชายก็ไม่เชิง จะว่าเป็นพ่อก็ไม่ใช่เพราะเขาเองก็เด็กเกินไปที่จะเป็นแบบนั้น จะว่าเป็นผู้ปกครองก็คงไม่ผิดไปจากคำนิยามนั้นเท่าไรนัก
และชื่อ ‘ทราฟาลก้า ลอว์’ คือชื่อที่บาทหลวงตั้งให้แก่เด็กชายคนนั้น
เช้าวันใหม่ของทูตสวรรค์ถูกรบกวนด้วยแรงเขย่าและเสียงเรียกเล็กๆ ของเด็กคนหนึ่ง ร่างบางถูกดันหลังให้อยู่ในท่านั่งทั้งใบหน้างัวเงีย เด็กชายคนนั้นวิ่งไปหยิบเสื้อแขนยาวตัวหนึ่งมาสวมให้ ยัดแขนทีละข้างเข้าไป และออกแรงดึงคนตัวสูงกว่าให้เดินตามออกไปนอกประตู
“ทำไมทำตัวเหมือนเด็กไม่โตซักทีอย่างนี้นะ วันนี้ต้องไปเป็นผู้ปกครองให้ฉันแท้ๆ” คนโดนว่าที่เพิ่งจะตื่นดีกระพริบตาปริบๆ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังวิ่งออกไปตามท้องถนน
“ทั้งที่รับปากกันไว้แล้วยังตื่นสายอีก”
“นี่โทราโอะ… นายยังไม่ได้กินข้าวนี่” แต่ประโยคแรกที่เจ้าตัวพูดออกมาดันเป็นเรื่องกินเสียอย่างนั้น เจ้าของชื่อเพียงขมวดคิ้วยุ่งในขณะที่มือยังจูงคนอายุมากกว่าวิ่งไปด้วยกัน
“ไว้ไปหาเอาหน้างานก็ได้น่า”
ดวงตากลมโตของลูฟี่จ้องมองเด็กตรงหน้าด้วยความงุนงง เขากำลังโดนเด็กสิบขวบด่าว่าเป็นเด็กไม่โตหรอ…
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะตั้งแต่เรื่องครั้งนั้น… ปกติแล้วลูกมนุษย์คนหนึ่งโตเร็วแบบนี้หรือเปล่า
เขามองแขนขาของเจ้าตัวที่ยาวกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่โทราโอะโตขึ้นมากขนาดนี้ แม้ใบหน้านั้นดูกำลังรำคาญและเอาแต่บ่นเขาไม่หยุด แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกไป
คิดมากไปเองล่ะมั้ง… พฤติกรรมของเจ้าตัวก็ดูสมวัยดี
“ตัวนายจะสูงเท่าฉันอยู่แล้วนะ” ลูฟี่ว่าขณะเดินมาถึงหน้าโรงเรียนประถม พร้อมทำมือวัดส่วนสูงของคนทั้งคู่ที่ต่างกันเพียงช่วงหัว คนถูกพูดถึงทำหน้าสงสัยเล็กน้อย
“ลูฟี่นั่นแหละตัวเล็กเกินไปแล้ว กินเยอะขนาดนั้นทำไมยังตัวแค่นี้” ว่าพร้อมยกแขนข้างหนึ่งของคนอายุมากกว่าขึ้น แขนของลูฟี่ผอมบางเสียจนกลัวว่าเผลอจับแรงแล้วจะหักเหมือนกิ่งไม้
ก็เพราะว่าไม่เคยหิว และไม่มีวันเติบโตไปกว่านี้… เลยแสร้งกินเพื่อให้ดูเหมือนมนุษย์ทั่วไปอย่างไรล่ะ
“อะไรของนายเนี่ย ฉันจับนายยกทั้งตัวด้วยมือเดียวยังได้เลยนะ” ตอบกลับไปพร้อมคิ้วเรียวที่ขมวดพันกันยุ่งเหมือนคนหงุดหงิด
เพราะว่าเขามีร่างกายเพียงหนึ่งตั้งแต่แรก… แต่เรื่องที่พละกำลังมากกว่ามนุษย์ปกติก็ยังไม่เปลี่ยนไป
หลังจากคนทั้งคู่เข้ามายังห้องโถงกลางของโรงเรียนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้พักหนึ่ง เบื้องหน้ากำลังจัดแสดงละครของเด็กประถมและลูฟี่ก็ดูจะเพลิดเพลินไปกับมัน ทราฟาลก้าก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าของคนข้างตัวพร้อมคำถามมากมายในหัว
“นี่ลูฟี่ ทั้งที่ฉันโตขนาดนี้ ทำไมลูฟี่ถึงไม่เปลี่ยนไปเลยล่ะ” ดวงตากลมโตหันไปสบเข้ากับดวงตาสีทองของอีกฝ่าย เด็กน้อยเอาแต่จ้องนิ่งอย่างไม่รู้ความหมายจนคนอายุมากกว่าเป็นฝ่ายยอมแพ้หลบสายตาไปก่อน เขายกมือข้างหนึ่งมาดันหัวเด็กน้อยขี้สงสัยเบาๆ
“เพราะอยู่ด้วยกันตลอด นายถึงไม่สังเกตว่าฉันเปลี่ยนไปต่างหากล่ะ” ใบหน้าหวานระบายยิ้มแห้ง
“จะมาคิดอะไรเยอะแยะทำไม”
แต่การเติบโตของทราฟาลก้า ลอว์กลับเร็วกว่าที่เขาคิด จนแม้แต่ลูฟี่ก็เริ่มรู้สึกแปลกใจ หลายครั้งที่เด็กน้อยต้องทรมานกลางดึกเพราะสรีระร่างกายที่โตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้น เสื้อผ้าชุดที่เจ้าตัวใส่นอนกลายเป็นชุดเล็กคับภายในชั่วข้ามคืน
ทูตสวรรค์ในร่างเด็กหนุ่มเริ่มแน่ใจแล้วว่าโทราโอะที่เขารู้จักอาจไม่ใช่มนุษย์…
สิ่งแรกที่อดนึกถึงไม่ได้คือปีศาจที่เป็นสาเหตุของเรื่องราวทุกอย่าง เพราะไม่ว่าเด็กคนนี้จะเติบโตขึ้นมากเท่าไร ใบหน้าของเจ้าตัวก็เหมือนกับเขาคนนั้นมากเสียจนช่วงหลังๆ เริ่มปฏิบัติตัวด้วยลำบาก
แต่พอลองคิดทบทวนอีกครั้ง เด็กนี่ก็เข้าออกโบสถ์ได้ไม่เหมือนกับปีศาจที่รู้จัก และพันธะสัญญาที่สลักไว้ที่หลังคอของเขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใด …มันคงจะเป็นความบังเอิญ
ลอว์คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษบางอย่างที่แม้แต่ลูฟี่ก็ยังไม่รู้จัก… เพราะโลกใบนี้กว้างขวางเกินกว่าที่เขาจะรู้
การเติบโตของลอว์เป็นไปอย่างก้าวกระโดด จากเด็กตัวน้อยวันนั้นกลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ดูภายนอกอายุอานามก็เหมือนจะปาไปยี่สิบกว่าปีแล้ว ทูตสวรรค์ที่ไม่มีวันเติบโตสูงเพียงบ่าของเขาเท่านั้น
ในเวลานี้ลูฟี่จึงดูเหมือนเป็นน้องของทราฟาลก้ามากกว่า… และเจ้าตัวก็มีความรู้ความสามารถจนกลายเป็นหมอประจำโบสถ์ไปเสียแล้ว
นานเท่าไรไม่รู้ที่ลงมาอยู่ในโลกมนุษย์ ทูตสวรรค์อย่างเขาก็จำไม่ได้
แม้ตราพันธะสัญญาจะยังไม่หายไป… แต่ภาพของปีศาจตนนั้นกำลังค่อยๆ ถูกลบไปอย่างช้าๆ
จนกระทั่งวันคริสมาสต์ของปีนี้วนมาถึง โบสถ์แห่งนี้ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของผู้คนได้จัดงานเหมือนกับทุกปี โถงกว้างประดับไปด้วยต้นไม้ที่มีชาวบ้านเอากล่องของขวัญและของเล็กๆ น้อยๆ มาประดับตกแต่ง อาหารและขนมถูกกะเกณฑ์มารวมกันเพิ่งแบ่งปันกันอย่างทั่วถึง
ลูฟี่ยังคงเป็นศูนย์กลางของผู้คนเช่นทุกปี เขาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเด็กๆ ที่มักจะเข้ามาฟังเรื่องเล่าสนุกๆ จากเจ้าตัว
เพราะทูตสวรรค์มีหน้าที่มอบความสุขและชี้นำทางสว่างให้แก่ลูกแกะผู้หลงทาง และเด็กหนุ่มก็ยังทำเช่นนั้นตลอดมา
แต่แล้วความรู้สึกหนึ่งก็เข้าโจมตีคนที่กำลังยิ้มแย้มให้อ่อนแอลงอย่างกะทันหัน เด็กหนุ่มรู้สึกออกร้อนไปทั่วตัวอย่างไม่มีสาเหตุ ก้อนเนื้อที่อยู่ใต้อกกำลังบีบรัดอย่างรุนแรงราวกับจะฆ่าเขาให้ตายเสียตรงนี้
กายบอบบางทรุดลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว สร้างความตกใจให้แก่ชาวบ้านไม่น้อย ลมหายใจของเจ้าตัวหอบเหนื่อยทั้งใบหน้าทรมาน เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามกรอบหน้าหวาน และอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้นราวกับไฟ
มีเพียงหมอประจำโบสถ์เท่านั้นที่วิ่งเข้ามาคนแรก และอุ้มร่างผอมบางนั้นตรงไปยังห้องพยาบาล…
ลูฟี่ใช้เวลาทั้งวันอยู่บนเตียงของห้องพยาบาล ความรู้สึกออกร้อนไปทั้งตัวเล่นงานตลอดเวลาจนทำให้ไม่อาจข่มตานอนได้ ทั้งอย่างนั้นสติของเขาก็เลือนรางเกินกว่าจะจดจำรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ เห็นเพียงภาพของหมอหนุ่มที่วนเข้ามาเช็ดตัวให้เขาหลายครั้ง จนอุณหภูมิของร่างกายเริ่มกลับสู่ปกติ
เปลือกตาบางเปิดขึ้นกลางดึกอย่างเชื่องช้า เขาชันแผ่นหลังบอบบางขึ้นนั่งด้วยความอ่อนแรง ดวงตาสีดำทอดมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปลี่ยนเป็นความมืดมิดไปแล้วอย่างไม่มีความหมาย มองเห็นทั้งดาวทั้งดวงจันทร์ที่เด่นหลาท่ามกลางท้องฟ้ากว้าง
มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาบีบนวดขมับที่เริ่มปวดตุบๆ พร้อมคิ้วเรียวที่ขมวดยุ่ง
นี่มันเรื่องอะไรกันนะ… ไหนว่าทูตสวรรค์ ต่อให้ถูกขับไล่ลงมาก็ไม่มีวันเจ็บป่วยไม่ใช่หรือ
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อตอนกลางวันมันราวกับวันนั้นที่โดนพรากปีกทั้งสองข้างไป… ทรมานเหมือนจะตาย แต่สวรรค์ก็ไม่ได้ให้โอกาสตายกับเขา
“ตื่นแล้วหรอลูฟี่…”
เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งที่เอ่ยทักทายทำให้ไหล่เล็กทั้งสองข้างสะดุ้งขึ้น เพราะมัวแต่คิดวุ่นวายอยู่ในหัว จึงไม่ได้ทันรู้ตัวเลยว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงเขาแค่คนเดียว
“โทราโอะ… นายอยู่ด้วยตั้งแต่แรกหรอ” ทันทีที่ได้ยินเสียงเล็กตอบกลับ เจ้าของชื่อก็สาวขายาวๆ เข้ามาใกล้
“ขอโทษทีนะที่วันนี้ฉันอ่อนแอชะมัด ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป―”
เสียงเล็กของทูตสวรรค์เป็นอันต้องขาดห้วงไปเท่านั้น เมื่อร่างของคนตัวสูงกว่าที่เข้ามาใกล้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินลงง่ายๆ เขาโน้มตัวลงมาใกล้กับร่างบางที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง แขนแกร่งทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาค้ำกับเตียงเอาไว้
ใบหน้าคมคายแบบนี้ ดวงตาสีทองที่กำลังเปล่งประกายในยามค่ำคืนแบบนี้ ทั้งที่คิดว่าเคยลืมไปได้แล้ว ทำไมลอว์จึงเติบโตขึ้นมาหน้าเหมือนกับปีศาจตนนั้นได้มากขนาดนี้นะ…
“ลูฟี่… นายมีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่า” เจ้าของชื่อไม่เข้าใจคำถามนั้น เขาเอนตัวหลบอีกฝ่ายที่ทำท่าจะเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“นายหมายถึงอะไร”
แต่ยิ่งหนีก็ยิ่งหลบไม่พ้น ร่างที่สูงใหญ่โน้มตัวเข้ามาใกล้ขึ้นมากกว่าเดิมจนใบหน้าแทบจะชนกัน สภาพแบบนี้มันอะไรกันเนี่ย…
“ฉันเติบโตมาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ นายอยู่ข้างฉันมาตลอด” ดวงตาสีทองของอีกฝ่ายจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขา นิ่งเสียจนคนถูกมองแสดงสีหน้ากลับไปไม่ถูก
“…แต่ทำไมนายถึงไม่แก่ลงเลย”
แขนข้างหนึ่งโดนฝ่ามือใหญ่กอบกุมเอาไว้แบบไม่ให้ทันตั้งตัว ลูฟี่สะดุ้งจนตัวโยน ดูเหมือนการสลัดให้หลุดออกจากพันธนาการนั้นจะไม่ประสบผลสำเร็จ
“ทำอะไรของนายเนี่ยโทราโอะ”
“นายไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม”
ม่านตาสีดำของคนถูกกดดันขยายกว้าง บรรยากาศส่งให้เจ้าตัวไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนตรงหน้าที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
“พูดอะไรของนาย… ฉันยังกินข้าว ฉันเหนื่อยได้ ไม่สบายได้ นายก็เห็นนี่” แม้คำพูดเหล่านั้นจะเอ่ยขึ้นทันทีเหมือนคนกำลังแก้ตัว แต่สิ่งที่ร่างบางกำลังเอ่ยก็เป็นความจริงทั้งหมด
คนเป็นหมอจ้องนิ่ง ใบหน้าคมคายไม่ได้แสดงสีหน้าใด ในขณะที่เด็กหนุ่มตรงหน้าดูมีพิรุจอย่างเห็นได้ชัด
“ลูฟี่ แต่นายไม่มีชีพจร… แม้แต่ตอนนี้ที่ฉันจับแขนนายอยู่ก็ไม่มีชีพจรเลยซักนิด”
“….”
“นายเป็นใครกันแน่”
ดวงตาสีทองคู่นั้นดูกำลังเต็มไปด้วยคำถาม เขาไม่มีชีพจรอยู่แล้วตั้งแต่แรก ทั้งแบบนั้นแต่ก็แสร้งใช้ชีวิตเป็นมนุษย์มาโดยตลอดจนเวลาผ่านมานานขนาดนี้
โทราโอะไม่ใช่เด็กน้อยในวันนั้นแล้วสินะ… ในช่วงชีวิตที่เจ้าตัวเริ่มเติบโตตามกาลเวลา เขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าซักวันคงเก็บความลับเรื่องที่ตัวเองไม่มีวันแก่ลงไว้ไม่ได้
“รู้แล้วนายห้ามไปบอกใครนะ…” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยสีหน้ากังวล
“ฉันไม่ใช่มนุษย์จริงๆ อย่างที่นายคิด”
ไม่คิดว่าเวลาที่เคยกังวลจะมาถึงเร็วกว่าที่คิด…
แต่รอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูปของชายตรงหน้าทำให้ทูตสวรรค์ต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่แปลกประหลาดเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
“ฉันรู้มาตั้งนานแล้ว กว่านายจะยอมบอกกันได้ก็ป่านนี้เลยนะ” ลอว์ไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว เขาเป็นชายหนุ่มที่เฉลียวฉลาด และรับรู้มาตั้งนานแล้วว่าคนข้างตัวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคงไม่ใช่มนุษย์
“นายแกล้งฉันนี่!” มือบางรีบดันใบหน้าคมคายที่ระบายยิ้มแปลกๆ ให้ห่างออกไป
“หยุดเอาหน้ามาใกล้ซักที ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน” เรื่องที่เหนื่อยแล้วน่ะจริง… แต่ก็นอนมาเยอะจนไม่ได้อยากนอนอีกแล้วแหละ
ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่การพูดคุยกับคนตรงหน้าช่างทำได้อย่างยากลำบาก
เพราะช่องว่างของช่วงอายุที่ต่างกันหรือเปล่านะ… เด็กน้อยที่เคยเรียกเขาว่า ‘ลูฟี่’ ทุกคำพูดก็ยังเปลี่ยนสรรพนามไปแล้ว
รูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าตัวทำให้เขากลายเป็นเด็กกะโปโลแทน ยิ่งทำให้ปฏิบัติตัวด้วยลำบากขึ้นไปอีก
“ถ้าไม่ใช่มนุษย์ แล้วนายเป็นอะไร”
“ทูตสวรรค์โดนยึดปีกแบบที่เคยเล่าให้ฟังตอนเด็กๆ หรือเปล่า” ลูฟี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเกาหลังคอตัวเองด้วยสายตาเลิ่กลั่ก ยังอุตส่าห์จะจำได้อีกนะ
“ใช่… แล้วนั่นก็เป็นเรื่องของฉันด้วย”
พอความลับมาแตกแบบนี้ก็อายเหมือนกันแฮะ… เล่นเอาไม่กล้ามองหน้าเจ้าเด็กนี่เลย
แต่ครั้นตวัดดวงตามองแค่แวบเดียว คนตัวสูงกลับยังไม่ยอมหุบยิ้มประหลาดๆ นั่น ซ้ำยังส่งเสียงหัวเราะในลำคอด้วยอีก มือหนาเลื่อนมาวางบนกลุ่มผมนุ่มของทูตสวรรค์ตรงหน้า ก่อนออกแรงขยี้จนคนตัวเล็กกว่าต้องมองค้อนกลับไปด้วยสายตา ‘เจ้าเด็กนี่!’ อย่างไม่ยอมแพ้
“นายยังไม่หายดี ยังไงคืนนี้ก็พักผ่อนก่อนเถอะนะ” มือข้างเดิมที่เคยขยี้หัวย้ายมาวางบนไหล่เล็ก ก่อนออกแรงดันให้เด็กหนุ่มตรงหน้าล้มตัวลงนอนอย่างแผ่วเบา แม้แผ่นหลังบางจะนอนราบไปกับเตียงแล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมผละฝ่ามือออกไป
ใบหน้าคมคายจ้องลูฟี่มาจากด้านบน… มองกันด้วยดวงตาสีทองคู่นั้นอีกแล้ว
“ฉันจะอยู่ข้างๆ นายทั้งคืนเอง”
ยิ่งเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนจากอีกฝ่าย ยิ่งกระตุ้นให้คนหน้าหวานรีบหลับตาแน่น
“ฉันจะนอนแล้ว!” เจ้าเด็กนี่ต้องกำลังตั้งใจแกล้งเขาแน่ๆ
ทราฟาลก้าทำอย่างที่ปากของเขาว่าไว้ ร่างสูงโปร่งเพียงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ทูตสวรรค์ตัวน้อยจนเจ้าตัวผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนเพลียจริงๆ คิ้วเรียวทั้งสองข้างคลายออกจากกันเพราะร่างกายที่เข้าสู่นิทรา
นิ้วยาวของคนเป็นหมอปัดไรผมที่ร่วงลงมาปกคลุมใบหน้าหวานออก ก่อนพิจารณารายละเอียดบนนั้นให้ชัดเจนอย่างตั้งใจ เขาไล้ปลายนิ้วไปตามปลายจมูกรั้นก่อนที่รอยยิ้มบางๆ จะปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากได้รูปอีกครั้ง
ทอดมองตราพันธะสัญญาที่สลักอยู่บริเวณหลังคอของร่างเล็กด้วยดวงตาสีทองคู่เดิมที่ในเวลานี้กำลังเปล่งประกายท่ามกลางความมืดมิด พร้อมๆ กับรายละเอียดบนผิวเรียบเนียนที่ค่อยๆ เรืองแสงขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
ทุกอย่างมันเป็นไปตามความตั้งใจของเขาตั้งแต่แรก…
ลูฟี่เป็นของเขาคนเดียว …และเป็นของเขาตลอดไป
ความคิดเห็น