ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #75 : ◣Fanfic◥ [DoflamingoxLuffy] Akaito (Part4)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.46K
      49
      9 พ.ย. 66

    Title: Akaito
    Pairing: Doflamingo x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 4/??

    แนะนำเปิดเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ:)

    **มีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงในตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


     

     

     

     









    ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ลูฟี่ยอมทำตามคำขอของผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้น และตามเขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยไม่คิด คนตัวสูงพาเดินออกจากคฤหาสน์ทรงญี่ปุ่น เข้าไปในป่าซากุระที่กว้างขวางและล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบ บรรยากาศโดยรอบให้ความรู้สึกผ่อนคลายและงดงามเกินกว่าจะเคยพบเห็นที่ไหน

     

    ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

     

           โดฟลามิงโก้ปล่อยให้เขาเดินชมความงดงาม โดยที่ตัวเองทำเพียงเอนหลังพิงซากุระต้นใหญ่เท่านั้น เด็กหนุ่มยืนมองซากุระต้นหนึ่งที่มีขนาดลำต้นใหญ่กว่าต้นอื่นใดทั้งหมด ศาลเจ้าเก่าแก่ที่ว่างเปล่าหลังนั้นดึงดูดดวงตาคู่โตให้จ้องมองเข้าไปอย่างไม่ทราบเหตุผล นานจนแม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัว

     

    คนตัวสูงเพียงจ้องมองภาพเหล่านั้นพร้อมรอยยิ้ม เขาไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้ควรเป็นความรู้สึกแบบใด

     

    “บางทีฉันก็ไม่รู้นะว่าโชคชะตากำลังทำอะไร” เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นทำให้ไหล่ลาดของคนอายุน้อยกว่าสะดุ้งขึ้น ดวงหน้าหวานหันมามองด้วยความงุนงง เมื่ออยู่ๆ คนที่มาด้วยกันก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

     

    แต่เธอเหมือนคนๆ นั้นมากจริงๆ”

     

    ทั้งกิริยาท่าทาง น้ำเสียง รอยยิ้ม ร่างกาย หรือแม้แต่รอยแผลเป็นใต้ดวงตาข้างซ้ายนั่น

     

    เหมือนคนที่ฉันรักแค่คนเดียวเท่านั้น

     

     

     

     

     

     

    วันนี้ในช่วงเวลาเดิมของทุกๆ ปี ครอบครัวของลูฟี่และเอสจะมาอยู่ที่นี่ สุสานของคนสำคัญคนหนึ่ง

     

           เด็กหนุ่มเคยเจอพ่อของเอสตั้งแต่ยังแบเบาะ แต่นั่นก็นานเกินกว่าที่เขาจะรู้ความและสามารถจดจำรายละเอียดต่างๆ ของชายคนนั้นได้ ปู่และพ่อของเอสทำงานร่วมกันในฐานะคู่หูมาหลายสิบปี จนกระทั่งจุดจบของเขาเกิดขึ้นในวัยสามสิบแปดปีที่ลูกชายคนเดียวยังอายุได้เพียงสิบปีเท่านั้น ด้วยการลอบสังหารอย่างไม่เป็นธรรมของผู้ก่อการร้าย

     

    นั่นคือเรื่องราวของโกลด์ โรเจอร์ที่ลูฟี่ได้ยินมาโดยตลอด และวันนี้เป็นวันครบรอบวันแห่งการสูญเสียนั้น

     

    เอสยืนมองหลุมศพของบิดาด้วยสีหน้านิ่งสนิท ในเวลานี้เด็กหนุ่มไม่อาจรู้ได้ว่าพี่ชายต่างสายเลือดของเขาคิดอะไรอยู่ในใจ ปู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเพียงวางฝ่ามือลงบนบ่าของเขาอย่างแผ่วเบา ราวกับความในใจของพวกเขากำลังสื่อสารกันในความเงียบสงบ

     

    “ปีนี้เจ้านั่นมาหานายด้วยหรือเปล่า อีกไม่นานทุกอย่างก็จะคลี่คลายแล้วล่ะ”  คนสูงอายุว่าขณะวางดอกไม้ลงหน้าป้ายหลุมศพ ลูฟี่เพียงมองตามภาพเหล่านั้นอย่างไม่เข้าใจ เขาเองก็เดินไปวางดอกไม้บ้างตามธรรมเนียม

     

    บางครั้งปู่ก็เป็นคนที่เดาความคิดได้ยากเหมือนกัน ในหลายๆ ความหมาย

     

    โรเจอร์คือเพื่อนคนสำคัญของเขา การโดนพรากชีวิตไปคงสร้างบาดแผลในใจให้ไม่น้อย

     

           แต่แล้วความรู้สึกถูกจ้องมองจากสายตาคู่หนึ่งก็ส่งให้ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ เด็กหนุ่มรีบหันมองรอบตัวด้วยความสงสัย เขาไม่ได้คิดไปเอง แต่มีใครบางคนอยู่ใกล้ๆ นี้ไม่ผิดแน่ พลันสายตาก็ดันกวาดไปเห็นร่างของใครคนหนึ่งที่สวมสูทสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า สิ่งที่ดึงดูดสายตาคงเป็นผมสีสว่างของเจ้าตัว

     

    คงไม่ใช่เขาคนนั้นหรอกใช่ไหม

     

    “เดี๋ยวฉันมาแป๊บหนึ่งนะ ปู่กับเอสกลับไปก่อนเลยก็ได้” ปลายเท้าทั้งคู่ของลูฟี่พลันพาร่างผอมบางนั้นวิ่งไปอีกด้านของสุสานโดยไม่ให้คนที่เคยยืนอยู่ด้วยกันได้ทันตั้งตัว การ์ปทำท่าจะหยุดหลานชายตัวเล็กเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันจังหวะที่เจ้าตัวห่างออกไปไกลเสียแล้ว

     

    เพราะว่าช่วงนี้พบกันบ่อยเกินไปจนน่าแปลกใจ

     

    ลูฟี่จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าชายคนนั้นกำลังตั้งใจทำอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า และเขามีธุระอะไรจึงต้องมาปรากฏตัวที่สุสานแห่งนี้ แม้จะเป็นชั่ววูบเดียวที่ดวงตาสังเกตเห็นก็เถอะ

     

    คราวที่แล้วคนตัวสูงดันมาทิ้งประโยคชวนกระอักกระอ่วนเอาไว้จนเขาต้องเป็นฝ่ายขอตัวกลับก่อน เพราะปู่เคยเตือนว่าเขาเป็นคนไม่ดี ถึงได้ไม่ชอบใจพฤติกรรมหลายๆ อย่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจสลัดเรื่องของเขาออกไปจากหัวได้

     

    มิงโก้ นายมาทำอะไรที่นี่”

     

    อาจเพราะชื่อที่ใช้เรียกแปลกประหลาดเกินไป ส่งให้คนที่กำลังเดินไปตามทางหันกลับมามองเจ้าของเสียงเล็กพร้อมสีหน้างุนงง เป็นอย่างที่เด็กหนุ่มคิดไว้ไม่มีผิด คนตัวสูงๆ ที่เขาเห็นไกลๆ นั่นคือดองกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้จริงๆ ด้วย

     

           เจ้าของชื่อดูประหลาดใจที่เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาหาเขาก่อนเสียอย่างนั้น โดฟลามิงโก้ระบายยิ้มให้กับใบหน้าหวานที่ติดจะหอบเหนื่อยเล็กน้อย หากไม่ใช่เด็กคนนี้แต่เป็นคนอื่นเรียกด้วยชื่อ มิงโก้ เขาคงจะโมโหเลือดขึ้นหน้าไปแล้ว

     

    “ว่ายังไงหลานการ์ป ฉันจะมีหลุมศพญาติอยู่ที่นี่บ้างไม่ได้หรือไง”

     

    “ไม่ใช่หลานการ์ป ลูฟี่ต่างหาก!” เพราะอะไรนะการแกล้งเด็กคนนี้มันถึงได้น่าสนุกอยู่ทุกที ได้เห็นสีหน้าบูดบึ้งที่แสดงให้เขาเห็นแค่คนเดียวเท่านั้นมันก็ดูน่าตลกดี

     

    “ฉันเห็นนายตามปู่มา มีธุระอะไร”

     

    รถยนต์โบราณที่ราคาสูงลิบของเจ้าตัว มันไม่ได้มีหลายคันนักในชนบทแห่งนี้ คันเดียวกันกับคันที่ขับตามรถของปู่มาจนถึงที่นี่ แต่เอาไปจอดไว้ให้ห่างกันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

     

    “ไม่ใช่ซักหน่อย เธอคิดไปเอง” 


             แต่พลันเสียงทุ้มก็ขาดลงเท่านั้น เจ้าตัวที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เขาอาศัยจังหวะเพียงเสี้ยววินาทีคว้าเอาร่างบอบบางตรงหน้ามาไว้ในอ้อมแขน ก่อนเสียงกระสุนเจาะเข้ากับลำต้นของต้นไม้ใหญ่จะเป็นตัวดึงความสนใจของคนทั้งหมด

     

    เกิดอะไรขึ้น!

     

    ลูฟี่ที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์นักดันตัวออกมาจากแผ่นอกของอีกฝ่ายด้วยความงุนงง แต่แรงแขนที่มากกว่าก็รั้งร่างของเขาไว้ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนตัวสูงกว่า ก็พบใบหน้าด้านข้างของเจ้าตัวที่มีแผลแฉลบตรงแก้มจนเลือดซิบ

     

    “มิงโก้ นาย!

     

    “อยู่ใกล้ๆ ฉันไว้ แล้วเธอจะปลอดภัย”

     

           เคยเห็นแต่ฉากแบบนี้ในละคร เด็กหนุ่มไม่คิดว่าเรื่องคอขาดบาดตายจะมาเกิดขึ้นกับเขาเสียเอง ใครบางคนกำลังหวังทำร้ายไม่เขาก็ชายคนนี้ให้บาดเจ็บ และหนึ่งในนั้นก็ดันมีอาวุธปืนที่เขาไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสเลยด้วยซ้ำ

     

           ฝ่ามือที่ใหญ่กว่าคว้าข้อมือเด็กหนุ่มก่อนออกแรงดึงให้วิ่งตาม เสียงฝีเท้าของคนจำนวนไม่น้อยดังไล่หลังมาไม่ห่าง กลุ่มชายในชุดสีดำพกอาวุธวิ่งไล่เขากับโดฟลามิงโก้ราวกับตำรวจไล่จับผู้ร้าย เพียงแต่ฝ่ายนั้นไม่ใช่ตำรวจ เสียงกระสุนสาดกระหน่ำจนหูอื้อไปหมด

     

    “หมายความว่ายังไง ทำไมพวกมันต้องตามล่าฉันด้วยเนี่ย” ใบหน้าหวานแสดงความตื่นตระหนก เขามองคนชุดดำสลับกับชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ โดฟลามิงโก้เพียงหัวเราะขำให้กับความเป็นจริง

     

    “ไม่ใช่เธอ ที่พวกมันตามล่าคือฉันต่างหาก”

     

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มโดนตามล่าหมายเอาชีวิต มันเป็นแบบนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ผู้นำตระกูลคนก่อนสิ้นไป

     

    และเขาเป็นเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ในตอนนี้

     

           พวกเขาลัดเลาะไปตามสุสานจนทะลุออกมาย่านโกดังเก็บของของชาวบ้าน ชายหนุ่มยึดข้อมือของเด็กน้อยเอาไว้แน่นขึ้นราวกับกลัวจะทำหลุดหาย เขาพักหายใจอยู่ที่มุมหนึ่งก่อนมองให้แน่ใจว่ากลุ่มคนดังกล่าวน่าจะตามมาไม่ทันแล้ว

     

    กี่ครั้งแล้วที่ต้องเอาชีวิตรอดแบบนี้ พวกมันอาศัยจังหวะตอนที่อยู่คนเดียวเพื่อลอบสังหารทุกครั้ง แต่เพราะคราวนี้ดันมีคนอื่นมาอยู่ด้วยโดยไม่ตั้งใจ ไม่นานคนของดองกิโฮเต้ที่ได้ยินเสียงปืนคงจะมาถึง มีก็แค่ต้องถ่วงเวลาให้ถึงตอนนั้นก็เท่านั้น

     

    “ถามจริง นายมีศัตรูเยอะแค่ไหนเนี่ย” เสียงเล็กกระซิบ นับเขารวมไปด้วยแล้วจะเป็นคนที่เท่าไร ถ้าด้วยบุคลิกแบบนี้คนจะไม่ชอบเยอะก็ไม่แปลกใจเลย

     

    “เธอไม่เคยได้ยินเรื่องของฉันมาก่อนหรือไง” เป็นอีกครั้งที่ทั้งร่างถูกคนตัวสูงกว่าคว้าเข้ามาและพลิกตัวออกไปอีกด้าน มือข้างที่ว่างอยู่อาศัยจังหวะคว้าเอาปืนกระบอกหนึ่งที่เหน็บไว้ที่เอวของตัวเองขึ้นมาลั่นไกใส่ฝีเท้าปริศนา

     

    เสียง ปังดังลั่นไปทั่วพื้นที่จนพื้นสั่น ได้ยินเสียงเพียงน้ำหนักของใครบางคนที่ทิ้งตัวลงกับพื้น

     

    “ใครๆ ก็มองว่าฉันเลวร้ายทั้งนั้น”

     

           โดฟลามิงโก้เพิ่งจะลั่นไกยิงใครบางคนล้มลงที่พื้น แม้ลูฟี่จะเคยติดตามไปดูการทำงานของปู่และพ่อบ้างบางครั้ง แต่น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นการวิสามัญอย่างโหดร้าย ลมหายใจของร่างที่เคยโอบกอดเขาไว้หอบเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตั้งสติกับเรื่องราวทั้งหมดได้ ร่างสูงของชายหนุ่มก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงไปนอนกับพื้นอย่างหมดท่า

     

    “มิงโก้!

     

           ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่เจ้าตัวพลาดโดนกระสุนฝังเข้าที่สีข้างอย่างจัง กลิ่นคาวของเหล็กตีคลุ้งเข้ามาในจมูกของคนตัวเล็ก เขารีบทรุดตัวลงนั่งข้างกับคนอายุมากกว่าทั้งสีหน้าซีดเผือด

     

     

     

     

     

     

    วันนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้ามืดหม่นและเมฆฝนครึ้มคล้ายกับจะมีพายุเข้ามาในไม่ช้า

     

           ทั้งสารวัตรและเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยพยายามติดต่อกับเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่ชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจนัก ทั้งอย่างนั้นแต่คนทั้งคู่กลับส่งข่าวว่าจะกวาดล้างอิทธิพลของไคโดให้หมด ทั้งที่เขาเป็นหนึ่งในคนของไคโดเช่นกัน

     

           ตั้งแต่เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานขนมหวานจนเสียผู้นำรุ่นก่อนก็ผ่านมาเจ็ดปี ดองกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้ก็ได้รับการช่วยเหลืออีกครั้งจากไคโดที่มีอิทธิพลแพร่หลายในพื้นที่ คนๆ นั้นทำให้ดองกิโฮเต้กลับมาเป็นบริษัทขนมต่างประเทศที่โด่งดังได้อีกครั้ง ต่อให้หัวหน้าตระกูลจะแบกชื่อเสียงว่าสังหารทั้งครอบครัวอยู่ก็ตาม

     

    และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่โดฟลามิงโก้เริ่มจับธุรกิจค้าอาวุธ

     

           เขาใช้ชีวิตอยู่โดยไร้ความไว้วางใจต่อผู้อื่น หลายครั้งที่ชายหนุ่มโดนหมายเอาชีวิต แต่ก็รอดกลับมาได้ทุกครั้ง ด้วยประสบการณ์ส่งให้เจ้าตัวมีทักษะการต่อสู้ค่อนข้างสูง กล้าจับอาวุธเพื่อปลิดชีพคนที่หวังเอาชีวิตเขาได้เช่นกัน

     

    เธอไม่ต้องเชื่อฉันตอนนี้ก็ได้ แต่ฉันแค่จะบอกให้รู้เอาไว้ก่อน

     

    เหตุการณ์ไฟไหม้ที่บ้านของเธอเมื่อเจ็ดปีที่แล้วไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นความตั้งใจของคนๆ นั้น

     

    นั่นคือสิ่งที่สารวัตรผู้นั้นกล่าวเอาไว้ ก่อนโศกนาฏกรรมครั้งใหม่จะเกิดขึ้น

     

           วันนั้นโกลด์ โรเจอร์ที่ท้าชนกับไคโดถูกสังหารโดยอำพลางว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ร่างของสารวัตรผู้นั้นที่ถูกย้ายมาไว้บนรถที่ถูกตัดสายเบรก และปล่อยให้ไหลลงสู่ปากเหวลึก ทั้งโดฟลามิงโก้และการ์ปเห็นภาพสุดท้ายที่สายเกินไปคือรถยนต์ที่ลุกไหม้บริเวณตีนเขาเท่านั้น

     

    เพราะเพลิงที่ลุกไหม้ทำให้หาหลักฐานที่จะสาวถึงตัวผู้กระทำผิดได้ยากนัก


    บวกกับอิทธิพลของไคโดที่ติดสินบนตำรวจบางส่วน จนทำให้เรื่องดังกล่าวกลายเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น

     

    โดฟลามิงโก้ไม่ได้เชื่อใจใครทั้งนั้น เขายังไม่ปักใจเชื่อสิ่งที่สารวัตรคนนั้นเคยบอกเอาไว้ หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เลือกที่จะแยกตัวเป็นเอกเทศจากกลุ่มของไคโด และเลือกที่จะไม่ร่วมมือกับการ์ปเช่นกัน

     

    ธุรกิจค้าอาวุธของเขาเริ่มเป็นรูปร่างและทำให้ตระกูลดองกิโฮเต้สามารถยืนหยัดต่อไปได้

     

    มีก็เพียงไม่กี่ครั้งที่ได้วนเวียนมาพบกับเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยนั้นอีกครั้ง วันนั้นชายสูงอายุจูงมือเด็กตัวน้อยมายังเทศกาลอาหารประจำปีของเมือง ทันทีที่เจ้าของผมสีไม้มะเกลือมองเห็นร่างของเขาที่เดินสวนมาจากด้านหน้า เจ้าตัวเล็กก็วิ่งไปหลบด้านหลังปู่ตัวเองทันที

     

    เขาและการ์ปทักทายกันสั้นๆ ตามประสาคนบังเอิญพบกัน

     

    และใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กชายวัยห้าหกขวบที่หวาดกลัวและค่อยๆ ชะโงกออกมาจากขาของคนเป็นปู่ก็ทำให้ชายหนุ่มต้องตกใจ

     

     

     

     

     

     

    “เธอคือเด็กคนนั้นนี่เอง

     

    “ขนาดตอนนั้นว่าเหมือนเขามากแล้วนะ” เสียงทุ้มของโดฟลามิงโก้พูดขึ้นอย่างอ่อนแรงขณะนอนหายใจหอบอยู่ในโกดัง เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างตัวเมื่อเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วยุ่ง

     

    นายเห็นฉันเป็นตัวแทนของใครกันแน่  มือไม้ก็พาลพันกันเพราะไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหนดี คนตรงหน้าเล่นชุ่มเลือดไปเสียขนาดนี้ แถมพูดเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้เรื่องด้วยอีก

     

    “หยุดพูดได้แล้ว เดี๋ยวเลือดก็ไหลหมดตัวหรอก!

     

    เสียงเล็กมันก็พาลสั่นเครือไปโดยไม่รู้ตัว น้ำตามันเหมือนจะร่วงเผาะออกมาตอนนี้ ใครมันจะไปคิดว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้าดันเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงเพื่อปกป้องเขา จะไปหน้าเหมือนใครก็ไม่รู้แหละ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ถูกแล้ว

     

    “ฉันไม่รู้หรอกว่านายจะเลวร้าย นิสัยไม่ดีแค่ไหน”

     

    “ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ข้างในนี้มันบอกฉันตลอดเลยว่าไม่ต้องไปเชื่อ” ใบหน้าน่ารักแสดงสีหน้ายุ่งเหยิงราวกับกำลังสับสนในความคิดตัวเอง มือก็พาลกำอกเสื้อเชิ้ตของตนแน่น

     

    เพราะความรู้สึกแบบนี้มันคอยรบกวนอยู่ในหัวตั้งแต่พบกันครั้งแรก ถึงได้รู้สึกหงุดหงิดตลอดมา

     

    เสียงในหัวมันกำลังบอกว่าเรื่องร้ายแรงบางอย่างไม่ใช่ฝีมือชายคนนี้

     

    และมันเป็นความเชื่ออย่างสุดหัวใจ

     

    “ไม่รู้หรอกมันเป็นเรื่องอะไร แต่ฉันเชื่อว่านายไม่ได้ทำนะ”

     

    อาจเพราะคำพูดนั้นกล่าวโดยคนที่มีใบหน้าและน้ำเสียงเหมือนกับคนในอดีตราวกับแกะ โดฟลามิงโก้ดูจะชะงักค้างไปกับภาพตรงหน้าไปพักหนึ่ง ยิ่งนานวันเด็กคนนี้ก็ยิ่งทำตัวเหมือนเทพผู้ถูกทอดทิ้งผู้นั้นมากขึ้นทุกวัน จนเผลอคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความบังเอิญไปเสียแล้ว

     

    ถ้าหากมันเป็นแบบนั้นจริง ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่มีทางเสียไปอีกเด็ดขาด

     

    จะไม่ปล่อยให้หายไปไหนอีกแล้ว

     

           คนตัวเล็กยืนกรานที่จะอยู่ข้างๆ เขาจนกว่าจะมีใครมาช่วยเหลือ เด็กหนุ่มดูเชื่อมั่นว่าปู่และพี่ชายของเขาที่ได้ยินเสียงปืนจะต้องตามมาเจอได้ไม่ยาก และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด

     

    เพียงแต่คนที่มาถึงก่อนกลับเป็นผู้ชายตัวสูงที่มีเคราล้อมกรอบหน้าที่เคยเจอกันในวันเทศกาลอาหาร เจ้าตัวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเครียด ก่อนยืนประเมินสถานการณ์และบอกว่าตัวเองเป็นหมอ ไม่นานนักแผลเปิดของโดฟลามิงโก้ก็ถูกห้ามเลือดไว้ได้ทันและส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และเอสกับปู่ก็ตามหลังมาด้วยท่าทางร้อนรนไม่ต่างกัน

     

    โชคดีที่เด็กหนุ่มแห่งตระกูลมังกี้ไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายเท่าไรนัก

     

     

    แต่หัวหน้าตระกูลดองกิโฮเต้กลับต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเดือน 

     







     



               

    เนื้อหาตอนนี้สั้นนิดนึงนะคะ แต่ใจความอัดแน่นมาก
    ไรเตอร์กลัวว่าข้อมูลมันจะเยอะเกินไป เลยตัดบทตรงนี้เลยดีกว่า
    ยิ่งหลายตอนก็ยิ่งซับซ้อน นี่มันพล็อตอะไรเนี่ย555555
    ปมก็เยอะเหลือเกิน ค่อยๆ มาแกะทีละปมไปด้วยกันนะคะ

    ปล.จะบอกว่าพอรีไรท์แล้วเซฟ เนื้อหาไม่แจ้งเตือนเลยค่ะ แงๆ
    ตอนที่แล้วก็ไม่ขึ้นแจ้งเตือนให้เลย เป็นเศร้าเหลือเกินค่ะ
    ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกันTT

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ :)

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×