คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : The pirate determine(2) (Part6)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 6/20
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ เป็นเจ้าเองอย่างนั้นหรือ... ”
เอ๊ะ...?
เป็นลูฟี่ที่ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เมื่ออยู่ๆทั้งร่างก็ถูกคว้าเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายตรงหน้า
ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แต่เขาก็ทำอะไรแปลกๆเกินกว่าจะเข้าใจได้
ยิ่งไปกว่านั้น... อ้อมกอดที่ส่งผ่านความรู้สึกความห่วงใยอย่างชัดเจนจากคนๆนี้ยิ่งชวนให้ประหลาดใจ
“ อยู่ใกล้ๆข้าไว้ หากไม่อยากเจอกับอันตราย ...ข้าคงทำไม่ได้แล้ว ” เหมือนออกคำสั่งกลายๆ
ก่อนที่จะผละตัวออกไป
แต่ประโยคสุดท้ายที่แผ่วเบาลงนั้นก็ยากเกินกว่าที่คนฟังจะเข้าใจได้ มีเรื่องแปลกๆเกินความเข้าใจอีกมากมาย
แต่แวบแรกที่ลูฟี่หันไปเจอกับแขนข้างซ้ายของอีกฝ่ายก็อดทำให้ตกใจไม่ได้เหมือนกัน...
มันคือตะขอสีทองสว่าง... ทั้งๆที่มืออีกข้างสวมแหวนเอาไว้เกือบทุกนิ้ว
โจรสลัดที่มีมือข้างหนึ่งเป็นตะขอแบบนี้.... เขาเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ
เรือโจรสลัดลำใหญ่ออกเดินทางสู่ผืนทะเลอันกว้างใหญ่
หัวเรือมุ่งตรงไปยังเส้นทางใหม่ที่คนตัวเล็กไม่รู้จัก
ตั้งแต่หลุดเข้ามาในที่ที่เกินความคาดหมายแบบนี้ ลูฟี่ได้เห็นทั้งพระราชวัง
ทุ่งดอกไม้ หรือแม้กระทั่งทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตาภายในเวลาอันน้อยนิด
กลิ่นสาบของน้ำทะเลตีตื้นขึ้นมา ลมชื้นๆพัดผ่านใบหน้าและเส้นผม
เด็กหนุ่มถูกกำชับเอาไว้ให้อยู่ใกล้ชายผู้มีบาดแผลบนใบหน้าคนนี้ตลอดเวลา
แต่ดูเหมือนจะเป็นอีกฝ่ายที่ไม่ยอมอยู่ห่างเขาเองเสียมากกว่า
ในเวลาแบบนี้เขากำลังไม่เข้าใจตัวเองว่าแค่คิดไปเองหรือเปล่า ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน
ตั้งแต่หลุดมาที่นี่ก็ไม่มีผู้หญิงอยู่เลยแม้แต่คนเดียว... แต่ถ้าไม่มีผู้หญิงอยู่เลย แล้วกระโปรงที่เขาสวมอยู่นี่ไปเอามาจากไหนกันนะ...
เรือลำใหญ่ออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานพอสมควร
สมอจึงถูกทิ้งลงกับพื้นทราย เทียบท่าสู่เกาะใหม่ที่ไม่คุ้นตา
ต้นไม้ที่เติบโตบนพื้นดินนั้นดูสูงใหญ่เกินกว่าจะเรียกว่าปกติได้
อีกทั้งใบหลากสีสันที่ชวนให้รู้สึกสะดุดตานั่นด้วย
“ ที่นี่คือเกาะที่เวลาถูกหยุดนิ่ง
แม้แต่เกาะของเจ้าพวกอมตะนั่นก็เหมือนกัน ” รู้สึกตัวอีกที
คนที่เคยยืนอยู่ข้างๆก็ลงไปยืนอยู่บนพื้นของหาดทรายเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับสายตาคู่คมที่มองมายังใบหน้าของคนในชุดกระโปรง
“ ชื่อของเจ้า...? ”
ประโยคนั้นเหมือนจะเป็นคำถามที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมือข้างขวาที่ผายมาไว้ตรงหน้าลูฟี่
เขาวางมือบางของตัวเองลงบนฝ่ามือนั้นอย่างรู้หน้าที่
หากฝืนลงไปทั้งกระโปรงยาวๆแบบนี้ มีหวังได้สะดุดหน้าคะมำแน่ๆ
จะว่าไปก็ไม่อยากใส่เลยแฮะ...
“ ลูฟี่... แล้วนายล่ะ?
”
“ คร็อกโคไดล์... ” คนอายุมากกว่าตอบคำถาม
ในขณะที่ฝ่ามือนั้นยังครองมือเล็กของเด็กหนุ่มเอาไว้อยู่
ลูฟี่ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก …เกือบจะลืมเป้าหมายที่ตัวเองลอบขึ้นเรือลำนี้มาโดยสิ้นเชิง
จริงสิ... เขาเหมือนกับจะนึกอะไรออกอย่างหนึ่ง
ผู้ชายคนนี้
เป็นเจ้าของเรือโจรสลัดที่เข้าทำลายเมืองที่ช็อปเปอร์อาศัยอยู่!
แล้วเมื่อกี๊พูดว่าอะไรนะ... เกาะของเจ้าพวกอมตะงั้นหรอ
คิดอะไรของคนๆนี้อยู่กันนะ... เห็นๆอยู่ว่าทุกคนยังต้องการน้ำและอาหาร
คนๆนี้ก็ยังไปปล้นเสบียงทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอีก
“ อ้าจริงสิ! ฉันไม่ชอบนายเลยคร็อก!
”
รีบถือโอกาสผละตัวออกมาชี้หน้าอีกฝ่าย
แล้วยืนในท่าตั้งการ์ดเรียบร้อย ใบหน้ามนจ้องไปยังชายอีกคนด้วยสีหน้าเหมือนจะโมโห
เจ้าผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้านี่ควรจะได้รับบทเรียน ไม่อย่างนั้นเขาต้องกลับไประรานช็อปเปอร์อีกแน่ๆ
คนที่ยังจับใจความอะไรไม่ทันเผลอที่จะแสดงสีหน้าสับสนออกไปไม่ได้
ออกจะอึ้งนิดหน่อยกับคำพูดนั้น แต่ทำไมอยู่ๆริมฝีปากมันถึงได้หลุดยิ้มออกมาได้
ท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดนั่นมันอะไรกัน
มันทำให้ดูตลกมากกว่าการขู่ให้น่ากลัวเสียอีก
...ที่สำคัญยังน่ารักอีกต่างหาก
“ ที่หมู่บ้านนั่นมีแต่เด็กๆทั้งนั้น
เจ้าพวกนั้นไม่เคยเติบโต ...เป็นอมตะยังไงล่ะ ” ตั้งใจเอ่ยคำพูดที่ดูจะไปสะกิดอารมณ์รุกครุ่นของอีกฝ่าย
เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าที่โลกแห่งนี้
กาลเวลานั้นยังคงหมุนเวียนอยู่ที่เดิม ผู้คนเติบโตขึ้นมาจนถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม
หลังจากนั้นเวลาของพวกเขาก็ถูกหยุดอยู่ที่เดิม
กิจวัตรวนเวียนอยู่เพียงที่เดิมทุกๆวัน ...เพื่อรอคอยใครบางคนมาขับเคลื่อนเวลาให้โลกที่หยุดนิ่งนี่
แต่ถึงจะมีร่างกายที่เหมือนเดิม
แต่ก็เปลี่ยนแปลงความจริงไปไม่ได้ว่ามีการหมุนเวียนของเวลามานานแสนนาน
ผู้คนที่ไม่ได้แก่เฒ่าแต่ก็ไม่ได้เป็นอมตะ
และมีเพียงที่เมืองเมืองเดียวเท่านั้นที่เหล่าเด็กชายที่เติบโตขึ้นมาบนเกาะจะถูกหยุดการเจริญเติบโตเอาไว้
นั่นคือเนเวอร์แลนด์... หรือเกาะเบื้องหน้าที่พวกเขาทั้งสองเพิ่งขึ้นมาเหยียบ
“ อมตะงั้นหรอ... ช็อปเปอร์น่ะเป็นแผลได้
เขามีแผลอยู่ที่หัวนะ! ” เสียงเล็กรีบเอ่ยทับ
ถึงแม้จะไม่รู้ความจริงข้อนั้น
อย่างน้อยลูฟี่ก็เห็นบาดแผลของช็อปเปอร์หลังจากที่หัวของเขาไปโขกเข้ากับอะไรซักอย่าง
แย่จริงๆ... เขาชักจะไม่ชอบผู้ชายคนนี้ซะแล้วสิ
“ อย่างนั้นสินะ... ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ...ว่าข้าต้องการความเป็นอมตะไปเพื่ออะไรกันแน่ ”
หากความเป็นอมตะนั้นแลกมาด้วยสิ่งที่ที่รักที่สุด... ขอเลือกให้ชีวิตนั้นยังคงถูกกักขังอยู่ในวังวนของเวลาต่อไปเสียดีกว่า...
ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มบางๆ
มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้แสดงความดีใจหรือเหยียดหยาม
แต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับผสมความสุขและความเศร้าไปในคราวเดียวกัน
ลูฟี่มองตามใบหน้านั้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่กว่าจะรู้ตัว
ข้อมือข้างหนึ่งก็ถูกคนตัวสูงคว้าเอาไว้เสียแล้ว
“ เดี๋ยวสิ! ทำอะไรของนายเนี่ย! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ! ”
เสียงเล็กเริ่มโวยวาย พยายามสะบัดข้อมือของตัวเองออก
หรือแม้จะพยายามดึงแขนตัวเองอย่างไร
ก็ดูท่าว่าพันธนาการของชายคนนี้จะไม่ยอมหลุดออกง่ายๆ
จึงเริ่มเอามืออีกข้างที่ยังว่างอยู่เแงะมือที่ใหญ่กว่าของอีกฝ่ายออก
แต่ก็แทบไม่ขยับอยู่ดี
แรงของเด็กหนุ่มตัวผอมๆหรือจะสู้ผู้ชายตัวใหญ่ได้...
“ เจ้าบ้าคร็อก! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ! ฉันบอกว่าไม่ชอบนายไง โรคจิตหรือไง! ” เอ่ยเหมือนจะออกคำสั่งอีกฝ่าย
ใบหน้าหวานยู่เข้าหากันด้วยเริ่มจะโมโห
โมโหที่ตัวเองทำอะไรผู้ชายคนนี้ไม่ได้ซักอย่างด้วย... แถมยังไม่รู้จะทำยังไงอีกต่างหาก
อีกฝ่ายไม่ได้สนใจการประท้วงนั้น
ยังคงเดินตรงเข้าไปสู่ป่ารกทึบนั้นเรื่อยๆ แหวกใบไม้ที่ขวางทางเพื่อให้เห็นภาพเบื้องหน้า
และเพื่อกันไม่ให้ใบไม้เหล่านั้นสร้างบาดแผลให้แก่ผิวเนียนละเอียดของเด็กน้อยที่ยังคงส่งเสียงเอ็ดเขาไม่หยุด
ทิวทัศน์โดยรอบเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้เดินเข้ามาซักพักหนึ่ง
ภาพตรงหน้าที่ควรจะมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ในเวลานี้ กลับมีสิ่งปลูกสร้างที่คล้ายกับโบราณสถานอยู่เบื้องหน้า
โครงสร้างสลับซับซ้อนมีบันไดต้อนรับให้เข้าไป
ลวดลายแปลกประหลาดแต่ดูเก่าแก่ถูกสลักตามฝาผนัง
ส่งให้คนที่กำลังเสียงดังมาจนถึงเมื่อครู่เงียบลงด้วยติดจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
เคยมีตำนานมาตั้งแต่โบราณที่เชื่อมโยง 3 สิ่งเอาไว้ด้วยกัน หนึ่งคือพลอยสีเขียวมรกต
พลอยที่สามารถมอบพรที่วิเศษให้แก่ผู้ที่ถูกเลือก สองคือสถานที่สำหรับรองรับ
ซึ่งนั่นก็คือโบราณสถานเบื้องหน้า ...และสามคือวัตถุดิบสำหรับบูชายัญ
ตำนานที่จะนำไปสู่ความเป็นอมตะชั่วนิรันดร์...
สิ่งนั้นจะต้องแลกด้วยบางสิ่งที่มีราคาเทียมเท่ากัน
เมื่อเวลาแห่งโชคชะตามาถึง... บุคคลผู้นั้นจะปรากฏ
นั่นคือคำกล่าวสำหรับวัตถุดิบนั้น... ชีวิตของคนๆหนึ่ง
บุคคลแห่งโชคชะตาผู้มาพร้อมกับผกาพรรณที่มีเพียงหนึ่งเดียว
และเพื่อความเป็นอมตะของตนเอง
เซอร์คร็อกโคไดล์จึงได้เดินทางออกตามหาวัตถุดิบชิ้นที่สามมาโดยตลอด
จนในที่สุดเขาก็ได้พบ...
เด็กหนุ่มผู้มาพร้อมกับกุหลาบสีไพลิน... ผู้ที่ทำให้ไม่อาจละสายตาออกไปได้ตั้งแต่แรกพบ
สถานที่ตรงหน้าคือลานสำหรับบูชายัญ
คนตัวสูงเพียงแค่ยืนมองมันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
ในเวลานี้สิ่งนั้นมันกลับไม่ได้มีความจำเป็นอะไรกับเขาเอาเสียเลย... ทั้งๆที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ตามหามาโดยตลอดแท้ๆ
แต่ก็ไม่อาจเลือกที่จะทำมันได้ลง...
ถึงแม้จะมาถึงที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีความหมายใดๆเลย...
จงตัดสินใจ... เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง
หากสิ่งนั้นต้องแลกด้วยราคาที่มากมายอย่างชีวิตของคนที่เขารัก... สิ่งที่เขาเลือกไม่มีทางที่จะเป็นความเป็นอมตะได้เลย
จะไม่ยอมสูญเสียเด็กหนุ่มคนนี้ไปอย่างเด็ดขาด ถึงแม้จะเป็นเพียงการพบกันครั้งแรก
แต่ก็ไม่อาจหยุดหัวใจไม่ให้รักคนๆนี้ได้...
มนต์สะกดหรืออย่างไร เจ้าจึงมีอิทธิพลกับหัวใจของข้าถึงเพียงนี้...
“ ใช่แล้ว... แค่เพียงได้พบกันครั้งแรก
ก็รู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด ”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทรกเสียงป่าไม้ที่มีเพียงลมพัดผ่าน
มือของเซอร์คร็อกโคไดล์รีบคว้าเอาร่างของคนที่ถูกดึงให้ติดตามมาด้วยเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
ปลายจมูกรั้นชนเข้ากับแผงอกของอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ทันตั้งตัว
ส่งให้ลูฟี่รู้สึกตกใจไม่น้อย
“ นี่...ทำอะไรของนายเนี่ย!
” เสียงและแขนที่บอบบางเริ่มแสดงอาการประท้วง
มือเล็กปัดป่ายไปมาเหมือนต้องการจะเป็นอิสระ แต่เจ้าของดวงตาคู่คมหาได้สนใจไม่
เมื่อจุดหมายของสายตาคู่นั้นจ้องอยู่ที่ร่างของใครอีกคนหนึ่งที่ยืนกอดอกพิงอยู่กับผนังโบราณสถาน
ไม่ห่างออกไปนัก
“ เจ้า! ” เสียงทุ้มคำราม
คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่เป็นมิตร
ชายวัยกลางคนร่างกายสูงใหญ่ปรากฏตัวออกมาจากเงามืดของบริเวณอับแสง
เผยให้เห็นเจ้าของผิวกร้านแดดจนออกเป็นสีแทน ตัดด้วยผมสีทองอ่อนที่ถูกตัดสั้น
ใบหน้าคมสวมใส่แว่นปิดบังจนไม่อาจมองเห็นดวงตาได้ ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มกว้าง
เสื้อและกางเกงขายาวคนละสีถูกสวมทับด้วยผ้าคลุมขนนกสีหวานแหวว
แต่ก็ไม่อาจข่มความรู้สึกที่ว่าชายคนนี้ดูมีอำนาจมากมายได้เลย...
“ หึหึหึ ทักทายกันดีๆหน่อยสิ
ข้าเพียงมาเยี่ยมเยือนสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันนานก็เท่านั้น ” มือหนาทั้งสองข้างผายออกด้านข้าง
ใบหน้าแสดงรอยยิ้มที่ดูมากด้วยเล่ห์เหลี่ยม คนเป็นโจรสลัดเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบถอยออกห่างระวังท่าทาง
“ อย่ามาเล่นลิ้น บอกจุดประสงค์ของเจ้ามาซะ โดฟลามิงโก้ ”
“ หึหึหึหึ ” เสียงหัวเราะตอบกลับมา
ก่อนที่จะเบนใบหน้าไปมองคนในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
หาเจอแล้ว...
“ น่าเสียดาย... อำนาจนั่นอยู่ในมือเจ้าแล้วแท้ๆ
แต่ก็กลับไม่ใช้มัน... ” คนมาใหม่เอ่ยคำพูดนั้นพร้อมใบหน้าที่ยังคงรอยยิ้มเอาไว้
คนถูกกล่าวถึงแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
กระชับคนในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม
ไม่มีทาง... เขาจะไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่!
“ ข้ามาทวงเด็กคนนั้นกลับคืน เขาควรจะเป็นของๆข้า ” ใบหน้าเจ้าเล่ห์นั้นเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง
กายสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้กับเซอร์คร็อกโคไดล์มากขึ้นเพื่อหวังชิงร่างบอบบางของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนมาสู่ตัวเอง
แม้แต่เจ้าก็ด้วยหรือ... หวงเป็นหมาหวงก้างไปเสียได้
“ เจ้าไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของเขาตั้งแต่แรก!
”
ลูฟี่ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสับสน
มองหน้าโจรสลัดที่รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักกับชายผู้มาใหม่สลับกันไปมา
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าของแขนแกร่งหยุดนิ่งเนื่องจากชนเข้ากับเสาอะไรซักอย่างที่ความสูงไม่มากนัก
แต่ก็เกือบเท่าความสูงของเขา
“ ถูกกำหนดมาแล้วอะไรกัน... ข้านี่แหละจะเป็นผู้กำหนดทุกอย่างด้วยมือคู่นี้ ”
เสียงนั้นไม่ได้เข้าสู่โสตประสาทของคนทั้งสองที่ถูกไล่ต้อน
ร่างกายบอบบางถูกผลักออกไปยืนด้านหลังร่างสูงของเจ้าของมือตะขอ
มือข้างที่หลุดจากร่างของเด็กหนุ่มแล้วเอื้อมไปคว้าบางสิ่งที่กำลังส่องแสงจ้าอยู่ด้านหลัง
มันถูกจัดวางเอาไว้บนเสาต้นนั้นอย่างสวยงาม
เหตุผลที่ขึ้นมาบนเกาะนี้... ไม่ใช่เพราะต้องการความเป็นอมตะ
แต่มีจุดหมายอื่นนอกจากนั้น...
นั่นก็คืออัญมณีสีเขียวมรกตที่ถูกจัดวางอยู่ใกล้กับลานบูชายัญนี่ต่างหาก... ในที่สุดก็หาเจอ
“ หนีไปซะเจ้าหนู! ”
หนีไปจากข้า ...และไปจากเจ้าอสรพิษร้ายที่จ้องจะครอบครองเจ้าเสียเดี๋ยวนี้
พลอยน้ำดีขนาดเท่าฝ่ามือถูกโยนจากเซอร์ครอกโคไดล์เข้าสู่มือบอบบางโดยไม่มีพลาด
ลูฟี่แสดงสีหน้าเหวอออกมาด้วยความสับสน
เกือบจะเผลอทำสิ่งนั้นหลุดมือเมื่ออยู่ๆอัญมณีสีเขียวนั้นก็เกิดเรืองแสงสว่างจ้าขึ้นมามากกว่าเดิม
พลอยที่จะมอบพรวิเศษให้แก่ผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้น...
“ อ.. อะไร!
”
ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ
เมื่อแสงสีเขียวนั้นเข้ามาโอบทั้งร่างของเขาเอาไว้
ความสว่างที่มากขึ้นเรื่อยๆทำให้คนตัวเล็กต้องหรี่ตาอย่างช่วยไม่ได้
มองเห็นเพียงแค่ร่างของโจรสลัดที่ยืนอยู่ไม่ห่าง กับชายในชุดผ้าคลุมขนนกที่ทำท่าเหมือนอยากจะกระโจนเข้ามาเพียงภาพลางๆเท่านั้น
เกิดอะไรขึ้นกันแน่... ทำไมขยับร่างกายไม่ได้เลย
ทุกๆอย่างกลับค่อยๆเพียงสว่างขึ้นเรื่อยๆ
จนภาพเบื้องหน้ากลายเป็นสีขาวโพลน ความอบอุ่นเข้ามาโอบรอบร่างกาย
...และสติที่ค่อยๆดับวูบไป
ชายในชุดคลุมสีชมพูจิ๊ปากอย่างนึกขัดใจ
ฝ่ามือหนาคว้าได้เพียงอากาศที่ว่างเปล่าหลังจากตามมาจนถึงตัวเด็กหนุ่มแล้ว
แต่ร่างกายนั้นกลับหายไปต่อหน้าต่อตาพร้อมแสงสีเขียวสว่าง ...โจรสลัดหนุ่มยกยิ้มขึ้นมาอย่างผู้ชนะ แต่ถึงอย่างนั้น
รอยยิ้มนั้นก็ช่างเป็นรอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยความเศร้าอย่างปกปิดไม่ได้...
โหดร้ายเหลือเกิน... เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้
โชคชะตาเอย...
“ ไม่เลย...โดฟลามิงโก้
แม้จะเป็นเจ้าก็ไม่อาจควบคุมโชคชะตานั้นได้ ”
หากข้าเป็นโจรสลัด... คงเปรียบเจ้าเป็นเหมือนดั่งภูติตัวน้อย
ภูติที่ทำลายโจรสลัดเช่นข้าโดยย่อยยับ...
ภูติที่ขโมยหัวใจของข้าไปตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรก...
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับข้า... คือการเห็นเจ้ายังคงมีความสุขอยู่ได้
ณ ที่ใดก็ตาม
ข้าไม่อาจพรากสุรเสียง ร่างกายแสนบอบบาง
หรือจิตใจอันแสนอ่อนโยนนั้นให้หายไปได้
ข้าไม่อาจพรากสิ่งที่ข้ารักให้หายไปตลอดกาลได้เลย...
ความคิดเห็น