ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #47 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : The pirate determine(2) (Part6)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      44
      14 มิ.ย. 65

    Title: Candied dream : The pirate determine (2)
    Pairing: All x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 6/20

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



















    “ เป็นเจ้าเองอย่างนั้นหรือ... ”

      

    เอ๊ะ...? 

     

    เป็นลูฟี่ที่ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆทั้งร่างก็ถูกคว้าเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายตรงหน้า ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แต่เขาก็ทำอะไรแปลกๆเกินกว่าจะเข้าใจได้ 

     

    ยิ่งไปกว่านั้น... อ้อมกอดที่ส่งผ่านความรู้สึกความห่วงใยอย่างชัดเจนจากคนๆนี้ยิ่งชวนให้ประหลาดใจ 

     

    “ อยู่ใกล้ๆข้าไว้ หากไม่อยากเจอกับอันตราย ...ข้าคงทำไม่ได้แล้ว ” เหมือนออกคำสั่งกลายๆ ก่อนที่จะผละตัวออกไป แต่ประโยคสุดท้ายที่แผ่วเบาลงนั้นก็ยากเกินกว่าที่คนฟังจะเข้าใจได้ มีเรื่องแปลกๆเกินความเข้าใจอีกมากมาย แต่แวบแรกที่ลูฟี่หันไปเจอกับแขนข้างซ้ายของอีกฝ่ายก็อดทำให้ตกใจไม่ได้เหมือนกัน... 

     

    มันคือตะขอสีทองสว่าง... ทั้งๆที่มืออีกข้างสวมแหวนเอาไว้เกือบทุกนิ้ว 

     

    โจรสลัดที่มีมือข้างหนึ่งเป็นตะขอแบบนี้.... เขาเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ 

     

    เรือโจรสลัดลำใหญ่ออกเดินทางสู่ผืนทะเลอันกว้างใหญ่ หัวเรือมุ่งตรงไปยังเส้นทางใหม่ที่คนตัวเล็กไม่รู้จัก ตั้งแต่หลุดเข้ามาในที่ที่เกินความคาดหมายแบบนี้ ลูฟี่ได้เห็นทั้งพระราชวัง ทุ่งดอกไม้ หรือแม้กระทั่งทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตาภายในเวลาอันน้อยนิด กลิ่นสาบของน้ำทะเลตีตื้นขึ้นมา ลมชื้นๆพัดผ่านใบหน้าและเส้นผม 

     

    เด็กหนุ่มถูกกำชับเอาไว้ให้อยู่ใกล้ชายผู้มีบาดแผลบนใบหน้าคนนี้ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนจะเป็นอีกฝ่ายที่ไม่ยอมอยู่ห่างเขาเองเสียมากกว่า ในเวลาแบบนี้เขากำลังไม่เข้าใจตัวเองว่าแค่คิดไปเองหรือเปล่า ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ตั้งแต่หลุดมาที่นี่ก็ไม่มีผู้หญิงอยู่เลยแม้แต่คนเดียว... แต่ถ้าไม่มีผู้หญิงอยู่เลย แล้วกระโปรงที่เขาสวมอยู่นี่ไปเอามาจากไหนกันนะ... 

     

    เรือลำใหญ่ออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานพอสมควร สมอจึงถูกทิ้งลงกับพื้นทราย เทียบท่าสู่เกาะใหม่ที่ไม่คุ้นตา ต้นไม้ที่เติบโตบนพื้นดินนั้นดูสูงใหญ่เกินกว่าจะเรียกว่าปกติได้ อีกทั้งใบหลากสีสันที่ชวนให้รู้สึกสะดุดตานั่นด้วย 

     

    “ ที่นี่คือเกาะที่เวลาถูกหยุดนิ่ง แม้แต่เกาะของเจ้าพวกอมตะนั่นก็เหมือนกัน ” รู้สึกตัวอีกที คนที่เคยยืนอยู่ข้างๆก็ลงไปยืนอยู่บนพื้นของหาดทรายเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับสายตาคู่คมที่มองมายังใบหน้าของคนในชุดกระโปรง 

     

    “ ชื่อของเจ้า...? ” 

     

    ประโยคนั้นเหมือนจะเป็นคำถามที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมือข้างขวาที่ผายมาไว้ตรงหน้าลูฟี่ เขาวางมือบางของตัวเองลงบนฝ่ามือนั้นอย่างรู้หน้าที่ หากฝืนลงไปทั้งกระโปรงยาวๆแบบนี้ มีหวังได้สะดุดหน้าคะมำแน่ๆ จะว่าไปก็ไม่อยากใส่เลยแฮะ... 

     

    “ ลูฟี่... แล้วนายล่ะ? ” 

     

    “ คร็อกโคไดล์... ” คนอายุมากกว่าตอบคำถาม ในขณะที่ฝ่ามือนั้นยังครองมือเล็กของเด็กหนุ่มเอาไว้อยู่ ลูฟี่ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก …เกือบจะลืมเป้าหมายที่ตัวเองลอบขึ้นเรือลำนี้มาโดยสิ้นเชิง 

     

    จริงสิ... เขาเหมือนกับจะนึกอะไรออกอย่างหนึ่ง 

     

    ผู้ชายคนนี้ เป็นเจ้าของเรือโจรสลัดที่เข้าทำลายเมืองที่ช็อปเปอร์อาศัยอยู่

     

    แล้วเมื่อกี๊พูดว่าอะไรนะ... เกาะของเจ้าพวกอมตะงั้นหรอ คิดอะไรของคนๆนี้อยู่กันนะ... เห็นๆอยู่ว่าทุกคนยังต้องการน้ำและอาหาร คนๆนี้ก็ยังไปปล้นเสบียงทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอีก 

     

    “ อ้าจริงสิฉันไม่ชอบนายเลยคร็อก! ” 

     

    รีบถือโอกาสผละตัวออกมาชี้หน้าอีกฝ่าย แล้วยืนในท่าตั้งการ์ดเรียบร้อย ใบหน้ามนจ้องไปยังชายอีกคนด้วยสีหน้าเหมือนจะโมโห เจ้าผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้านี่ควรจะได้รับบทเรียน ไม่อย่างนั้นเขาต้องกลับไประรานช็อปเปอร์อีกแน่ๆ 

     

    คนที่ยังจับใจความอะไรไม่ทันเผลอที่จะแสดงสีหน้าสับสนออกไปไม่ได้ ออกจะอึ้งนิดหน่อยกับคำพูดนั้น แต่ทำไมอยู่ๆริมฝีปากมันถึงได้หลุดยิ้มออกมาได้ ท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดนั่นมันอะไรกัน มันทำให้ดูตลกมากกว่าการขู่ให้น่ากลัวเสียอีก 

     

    ...ที่สำคัญยังน่ารักอีกต่างหาก 

     

    “ ที่หมู่บ้านนั่นมีแต่เด็กๆทั้งนั้น เจ้าพวกนั้นไม่เคยเติบโต ...เป็นอมตะยังไงล่ะ ” ตั้งใจเอ่ยคำพูดที่ดูจะไปสะกิดอารมณ์รุกครุ่นของอีกฝ่าย 

     

    เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าที่โลกแห่งนี้ กาลเวลานั้นยังคงหมุนเวียนอยู่ที่เดิม ผู้คนเติบโตขึ้นมาจนถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังจากนั้นเวลาของพวกเขาก็ถูกหยุดอยู่ที่เดิม กิจวัตรวนเวียนอยู่เพียงที่เดิมทุกๆวัน ...เพื่อรอคอยใครบางคนมาขับเคลื่อนเวลาให้โลกที่หยุดนิ่งนี่ 

     

    แต่ถึงจะมีร่างกายที่เหมือนเดิม แต่ก็เปลี่ยนแปลงความจริงไปไม่ได้ว่ามีการหมุนเวียนของเวลามานานแสนนาน ผู้คนที่ไม่ได้แก่เฒ่าแต่ก็ไม่ได้เป็นอมตะ และมีเพียงที่เมืองเมืองเดียวเท่านั้นที่เหล่าเด็กชายที่เติบโตขึ้นมาบนเกาะจะถูกหยุดการเจริญเติบโตเอาไว้ 

     

    นั่นคือเนเวอร์แลนด์... หรือเกาะเบื้องหน้าที่พวกเขาทั้งสองเพิ่งขึ้นมาเหยียบ 

     

    “ อมตะงั้นหรอ... ช็อปเปอร์น่ะเป็นแผลได้ เขามีแผลอยู่ที่หัวนะ! ” เสียงเล็กรีบเอ่ยทับ ถึงแม้จะไม่รู้ความจริงข้อนั้น อย่างน้อยลูฟี่ก็เห็นบาดแผลของช็อปเปอร์หลังจากที่หัวของเขาไปโขกเข้ากับอะไรซักอย่าง 

     

    แย่จริงๆ... เขาชักจะไม่ชอบผู้ชายคนนี้ซะแล้วสิ 

     

    “ อย่างนั้นสินะ... ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ...ว่าข้าต้องการความเป็นอมตะไปเพื่ออะไรกันแน่ ” 

     

    หากความเป็นอมตะนั้นแลกมาด้วยสิ่งที่ที่รักที่สุด... ขอเลือกให้ชีวิตนั้นยังคงถูกกักขังอยู่ในวังวนของเวลาต่อไปเสียดีกว่า... 

     

    ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มบางๆ มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้แสดงความดีใจหรือเหยียดหยาม แต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับผสมความสุขและความเศร้าไปในคราวเดียวกัน ลูฟี่มองตามใบหน้านั้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่กว่าจะรู้ตัว ข้อมือข้างหนึ่งก็ถูกคนตัวสูงคว้าเอาไว้เสียแล้ว 

     

    “ เดี๋ยวสิทำอะไรของนายเนี่ยปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ! ” 

     

    เสียงเล็กเริ่มโวยวาย พยายามสะบัดข้อมือของตัวเองออก หรือแม้จะพยายามดึงแขนตัวเองอย่างไร ก็ดูท่าว่าพันธนาการของชายคนนี้จะไม่ยอมหลุดออกง่ายๆ จึงเริ่มเอามืออีกข้างที่ยังว่างอยู่เแงะมือที่ใหญ่กว่าของอีกฝ่ายออก แต่ก็แทบไม่ขยับอยู่ดี 

     

    แรงของเด็กหนุ่มตัวผอมๆหรือจะสู้ผู้ชายตัวใหญ่ได้... 

     

    “ เจ้าบ้าคร็อกปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะฉันบอกว่าไม่ชอบนายไง โรคจิตหรือไง! ” เอ่ยเหมือนจะออกคำสั่งอีกฝ่าย ใบหน้าหวานยู่เข้าหากันด้วยเริ่มจะโมโห โมโหที่ตัวเองทำอะไรผู้ชายคนนี้ไม่ได้ซักอย่างด้วย... แถมยังไม่รู้จะทำยังไงอีกต่างหาก 

     

    อีกฝ่ายไม่ได้สนใจการประท้วงนั้น ยังคงเดินตรงเข้าไปสู่ป่ารกทึบนั้นเรื่อยๆ แหวกใบไม้ที่ขวางทางเพื่อให้เห็นภาพเบื้องหน้า และเพื่อกันไม่ให้ใบไม้เหล่านั้นสร้างบาดแผลให้แก่ผิวเนียนละเอียดของเด็กน้อยที่ยังคงส่งเสียงเอ็ดเขาไม่หยุด

      

    ทิวทัศน์โดยรอบเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้เดินเข้ามาซักพักหนึ่ง ภาพตรงหน้าที่ควรจะมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ในเวลานี้ กลับมีสิ่งปลูกสร้างที่คล้ายกับโบราณสถานอยู่เบื้องหน้า โครงสร้างสลับซับซ้อนมีบันไดต้อนรับให้เข้าไป ลวดลายแปลกประหลาดแต่ดูเก่าแก่ถูกสลักตามฝาผนัง ส่งให้คนที่กำลังเสียงดังมาจนถึงเมื่อครู่เงียบลงด้วยติดจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

      

    เคยมีตำนานมาตั้งแต่โบราณที่เชื่อมโยง 3 สิ่งเอาไว้ด้วยกัน หนึ่งคือพลอยสีเขียวมรกต พลอยที่สามารถมอบพรที่วิเศษให้แก่ผู้ที่ถูกเลือก สองคือสถานที่สำหรับรองรับ ซึ่งนั่นก็คือโบราณสถานเบื้องหน้า ...และสามคือวัตถุดิบสำหรับบูชายัญ 

     

    ตำนานที่จะนำไปสู่ความเป็นอมตะชั่วนิรันดร์... 

    สิ่งนั้นจะต้องแลกด้วยบางสิ่งที่มีราคาเทียมเท่ากัน 

    เมื่อเวลาแห่งโชคชะตามาถึง... บุคคลผู้นั้นจะปรากฏ 

     

    นั่นคือคำกล่าวสำหรับวัตถุดิบนั้น... ชีวิตของคนๆหนึ่ง บุคคลแห่งโชคชะตาผู้มาพร้อมกับผกาพรรณที่มีเพียงหนึ่งเดียว และเพื่อความเป็นอมตะของตนเอง เซอร์คร็อกโคไดล์จึงได้เดินทางออกตามหาวัตถุดิบชิ้นที่สามมาโดยตลอด จนในที่สุดเขาก็ได้พบ... 

     

    เด็กหนุ่มผู้มาพร้อมกับกุหลาบสีไพลิน... ผู้ที่ทำให้ไม่อาจละสายตาออกไปได้ตั้งแต่แรกพบ 

     

    สถานที่ตรงหน้าคือลานสำหรับบูชายัญ คนตัวสูงเพียงแค่ยืนมองมันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ในเวลานี้สิ่งนั้นมันกลับไม่ได้มีความจำเป็นอะไรกับเขาเอาเสียเลย... ทั้งๆที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ตามหามาโดยตลอดแท้ๆ 

     

    แต่ก็ไม่อาจเลือกที่จะทำมันได้ลง... 

     

    ถึงแม้จะมาถึงที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีความหมายใดๆเลย... 

     

    จงตัดสินใจ... เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง 

     

    หากสิ่งนั้นต้องแลกด้วยราคาที่มากมายอย่างชีวิตของคนที่เขารัก... สิ่งที่เขาเลือกไม่มีทางที่จะเป็นความเป็นอมตะได้เลย จะไม่ยอมสูญเสียเด็กหนุ่มคนนี้ไปอย่างเด็ดขาด ถึงแม้จะเป็นเพียงการพบกันครั้งแรก แต่ก็ไม่อาจหยุดหัวใจไม่ให้รักคนๆนี้ได้... 

     

    มนต์สะกดหรืออย่างไร เจ้าจึงมีอิทธิพลกับหัวใจของข้าถึงเพียงนี้... 

     

    “ ใช่แล้ว... แค่เพียงได้พบกันครั้งแรก ก็รู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด ” 

     

    อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทรกเสียงป่าไม้ที่มีเพียงลมพัดผ่าน มือของเซอร์คร็อกโคไดล์รีบคว้าเอาร่างของคนที่ถูกดึงให้ติดตามมาด้วยเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ปลายจมูกรั้นชนเข้ากับแผงอกของอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ทันตั้งตัว ส่งให้ลูฟี่รู้สึกตกใจไม่น้อย 

     

    “ นี่...ทำอะไรของนายเนี่ย! ” เสียงและแขนที่บอบบางเริ่มแสดงอาการประท้วง มือเล็กปัดป่ายไปมาเหมือนต้องการจะเป็นอิสระ แต่เจ้าของดวงตาคู่คมหาได้สนใจไม่ เมื่อจุดหมายของสายตาคู่นั้นจ้องอยู่ที่ร่างของใครอีกคนหนึ่งที่ยืนกอดอกพิงอยู่กับผนังโบราณสถาน ไม่ห่างออกไปนัก 

     

    “ เจ้า! ” เสียงทุ้มคำราม คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่เป็นมิตร 

     

    ชายวัยกลางคนร่างกายสูงใหญ่ปรากฏตัวออกมาจากเงามืดของบริเวณอับแสง เผยให้เห็นเจ้าของผิวกร้านแดดจนออกเป็นสีแทน ตัดด้วยผมสีทองอ่อนที่ถูกตัดสั้น ใบหน้าคมสวมใส่แว่นปิดบังจนไม่อาจมองเห็นดวงตาได้ ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มกว้าง เสื้อและกางเกงขายาวคนละสีถูกสวมทับด้วยผ้าคลุมขนนกสีหวานแหวว แต่ก็ไม่อาจข่มความรู้สึกที่ว่าชายคนนี้ดูมีอำนาจมากมายได้เลย... 

     

    “ หึหึหึ ทักทายกันดีๆหน่อยสิ ข้าเพียงมาเยี่ยมเยือนสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันนานก็เท่านั้น ” มือหนาทั้งสองข้างผายออกด้านข้าง ใบหน้าแสดงรอยยิ้มที่ดูมากด้วยเล่ห์เหลี่ยม คนเป็นโจรสลัดเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบถอยออกห่างระวังท่าทาง

      

    “ อย่ามาเล่นลิ้น บอกจุดประสงค์ของเจ้ามาซะ โดฟลามิงโก้  

     

    “ หึหึหึหึ ” เสียงหัวเราะตอบกลับมา ก่อนที่จะเบนใบหน้าไปมองคนในอ้อมแขนของอีกฝ่าย 

     

    หาเจอแล้ว... 

     

    “ น่าเสียดาย... อำนาจนั่นอยู่ในมือเจ้าแล้วแท้ๆ แต่ก็กลับไม่ใช้มัน... ” คนมาใหม่เอ่ยคำพูดนั้นพร้อมใบหน้าที่ยังคงรอยยิ้มเอาไว้ คนถูกกล่าวถึงแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด กระชับคนในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม

      

    ไม่มีทาง... เขาจะไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่! 

     

    “ ข้ามาทวงเด็กคนนั้นกลับคืน เขาควรจะเป็นของๆข้า ” ใบหน้าเจ้าเล่ห์นั้นเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง กายสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้กับเซอร์คร็อกโคไดล์มากขึ้นเพื่อหวังชิงร่างบอบบางของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนมาสู่ตัวเอง 

     

    แม้แต่เจ้าก็ด้วยหรือ... หวงเป็นหมาหวงก้างไปเสียได้ 

     

    “ เจ้าไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของเขาตั้งแต่แรก! ” 

     

    ลูฟี่ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสับสน มองหน้าโจรสลัดที่รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักกับชายผู้มาใหม่สลับกันไปมา รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าของแขนแกร่งหยุดนิ่งเนื่องจากชนเข้ากับเสาอะไรซักอย่างที่ความสูงไม่มากนัก แต่ก็เกือบเท่าความสูงของเขา 

     

    “ ถูกกำหนดมาแล้วอะไรกัน... ข้านี่แหละจะเป็นผู้กำหนดทุกอย่างด้วยมือคู่นี้ ” 

     

    เสียงนั้นไม่ได้เข้าสู่โสตประสาทของคนทั้งสองที่ถูกไล่ต้อน ร่างกายบอบบางถูกผลักออกไปยืนด้านหลังร่างสูงของเจ้าของมือตะขอ มือข้างที่หลุดจากร่างของเด็กหนุ่มแล้วเอื้อมไปคว้าบางสิ่งที่กำลังส่องแสงจ้าอยู่ด้านหลัง มันถูกจัดวางเอาไว้บนเสาต้นนั้นอย่างสวยงาม 

     

    เหตุผลที่ขึ้นมาบนเกาะนี้... ไม่ใช่เพราะต้องการความเป็นอมตะ 

     

    แต่มีจุดหมายอื่นนอกจากนั้น... 

     

    นั่นก็คืออัญมณีสีเขียวมรกตที่ถูกจัดวางอยู่ใกล้กับลานบูชายัญนี่ต่างหาก... ในที่สุดก็หาเจอ 

     

    “ หนีไปซะเจ้าหนู! ”

     

    หนีไปจากข้า ...และไปจากเจ้าอสรพิษร้ายที่จ้องจะครอบครองเจ้าเสียเดี๋ยวนี้ 

     

    พลอยน้ำดีขนาดเท่าฝ่ามือถูกโยนจากเซอร์ครอกโคไดล์เข้าสู่มือบอบบางโดยไม่มีพลาด ลูฟี่แสดงสีหน้าเหวอออกมาด้วยความสับสน เกือบจะเผลอทำสิ่งนั้นหลุดมือเมื่ออยู่ๆอัญมณีสีเขียวนั้นก็เกิดเรืองแสงสว่างจ้าขึ้นมามากกว่าเดิม

      

    พลอยที่จะมอบพรวิเศษให้แก่ผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้น... 

     

    “ .. อะไร! ” 

     

    ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อแสงสีเขียวนั้นเข้ามาโอบทั้งร่างของเขาเอาไว้ ความสว่างที่มากขึ้นเรื่อยๆทำให้คนตัวเล็กต้องหรี่ตาอย่างช่วยไม่ได้ มองเห็นเพียงแค่ร่างของโจรสลัดที่ยืนอยู่ไม่ห่าง กับชายในชุดผ้าคลุมขนนกที่ทำท่าเหมือนอยากจะกระโจนเข้ามาเพียงภาพลางๆเท่านั้น 

     

    เกิดอะไรขึ้นกันแน่... ทำไมขยับร่างกายไม่ได้เลย 

     

    ทุกๆอย่างกลับค่อยๆเพียงสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนภาพเบื้องหน้ากลายเป็นสีขาวโพลน ความอบอุ่นเข้ามาโอบรอบร่างกาย

     

    ...และสติที่ค่อยๆดับวูบไป 

     

    ชายในชุดคลุมสีชมพูจิ๊ปากอย่างนึกขัดใจ ฝ่ามือหนาคว้าได้เพียงอากาศที่ว่างเปล่าหลังจากตามมาจนถึงตัวเด็กหนุ่มแล้ว แต่ร่างกายนั้นกลับหายไปต่อหน้าต่อตาพร้อมแสงสีเขียวสว่าง ...โจรสลัดหนุ่มยกยิ้มขึ้นมาอย่างผู้ชนะ แต่ถึงอย่างนั้น รอยยิ้มนั้นก็ช่างเป็นรอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยความเศร้าอย่างปกปิดไม่ได้... 

     

    โหดร้ายเหลือเกิน... เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้ 

     

    โชคชะตาเอย... 

     

     

    “ ไม่เลย...โดฟลามิงโก้ แม้จะเป็นเจ้าก็ไม่อาจควบคุมโชคชะตานั้นได้ ” 

     

     

     

     

    หากข้าเป็นโจรสลัด... คงเปรียบเจ้าเป็นเหมือนดั่งภูติตัวน้อย 

    ภูติที่ทำลายโจรสลัดเช่นข้าโดยย่อยยับ... 

    ภูติที่ขโมยหัวใจของข้าไปตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรก...

     

     

    สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับข้า... คือการเห็นเจ้ายังคงมีความสุขอยู่ได้ ณ ที่ใดก็ตาม 

    ข้าไม่อาจพรากสุรเสียง ร่างกายแสนบอบบาง หรือจิตใจอันแสนอ่อนโยนนั้นให้หายไปได้ 

    ข้าไม่อาจพรากสิ่งที่ข้ารักให้หายไปตลอดกาลได้เลย...

     

     












     

    อัพแล้วค่าาาาาา
     
    เห็นแต่ตัวละครบ่นเรื่องโชคชะตา
    โชคชะตาอะไรกัน ไรเตอร์ลิขิตทั้งนั้นเลย อิอิ
    พาร์ทนี้ฟี่ไม่ค่อยมีฉากสวีทกับเฮียคร็อกเท่าไรเลย แถมยังมีเสี่ยโผล่มาแจมด้วยอีกต่างหาก
    จริงๆแล้วแต่งตอนนี้ออกมาไม่ค่อยได้ดั่งใจเท่าไรค่ะ ออกมาเป็นแบบนี้พอไหวมั๊ย(?) 












    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×