NC

คำเตือนเนื้อหานิยาย

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหานิยาย

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #3 : ▲ [Conan] Catch me if you can (Kaito x Shinichi) - Part2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      58
      14 มิ.ย. 65

    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)










    มงกุฎอันแสนเลอค่าถูกจัดวางเอาไว้ในตู้กระจกที่มีระบบป้องกันชั้นสูง ประกอบไปด้วยแซฟไฟร์บลูน้ำงามขนาดประมาณยี่สิบกะรัต ล้อมกรอบไปด้วยเพชรแท้เล็กใหญ่หลากกะรัต จัดเรียงเป็นลำดับขั้นอย่างมีระเบียบ สวยงามน่าหลงใหล สงบนิ่งเหมือนดั่งทะเลลึก งดงามจนไม่อาจประเมินค่าได้

      

    เป็นอภิมหึมามหาเพชรในมงกุฎเดียวเลยล่ะ

      

    ก่อนเข้ามาที่นี่โคนันต้องโดนสารวัตรนากาโมริปู้ยี่ปู้ยำใบหน้าของเขาสารพัด ดึงแล้วดึงอีกจนใบหน้าด้านข้างแดงเป็นแถบไปหมด นึกแล้วมันก็น่าโมโหตัวการที่ทำให้เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆ

      

    เวลาผ่านมานานจนโคนันเติบโตพอจะให้หมอนั่นปลอมตัวเป็นเขาได้แล้ว

      

    ได้ยินคุณพ่อของโซโนโกะเล่าว่าแซฟไฟร์บลูล้อมกรอบเพชรอันนี้คือมงกุฎของราชวงศ์เก่าแก่อะไรซักอย่างที่เขาไม่ได้ทันฟัง แต่ประวัติของมันกลับน่าขนลุกเข้ากับความน่าดึงดูดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นี่จริงๆ

      

    ไม่ว่าใครที่ได้ครอบครองต่างก็หลงเสน่ห์ในความงดงามของมัน แต่แซฟไฟร์บลูของมงกุฎนี้นั้น บรรจุไปด้วยอาถรรพ์อย่างมหาศาล เหล่าราชนิกูลที่ได้ครอบครองต่างก็พบจุดจบอันน่าสลด จนไม่อาจทิ้งมันเอาไว้ให้อยู่ในมือของใครแต่เพียงผู้เดียวได้ สุดท้ายมงกุฎนี้จึงถูกเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆพร้อมกับตำนานน่าสลดสยอง จนสุดท้ายมันได้มาอยู่กับประธานบริษัทซึสึกิคนนี้จากการประมูล… ถึงจะสวยงามจนไม่อาจละสายตาออกไปได้แต่ก็อันตรายเกินกว่าที่ใครจะครอบครอง

      

    “ เหมือนกับสีตาของคิด…”

      

    เอ๊ะ!

      

    พอรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรแปลกๆออกมา ร่างของโคนันก็สะดุ้งขึ้นก่อนจะเดินออกไปอยู่ในมุมเดียวเงียบๆ หลังจากยืนพิจารณามงกุฎที่แสนงดงามนั้นอยู่นานสองนาน ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจเมื่อรู้ว่าไม่มีใครได้ยินประโยคที่เผลอหลุดปากออกมา

      

    คิดอะไรอยู่กันเนี่ยเรา...

      

    นึกเอ็ดตัวเองอยู่ในใจที่คิดอะไรไม่เข้าท่าในสถานการณ์แบบนี้ โคนันไม่รู้ว่า คิดสามารถรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาคือชินอิจิมาจากไหนและเมื่อใด แต่การกระทำที่หมอนั่นปฏิบัติต่อเขาก็เหมือนกับการปฏิบัติต่อคนวัยเดียวกันจริงๆ ไม่มีการออมมือใดๆให้กับโคนันที่เป็นเด็กประถม จนกระทั่งตอนนี้ที่เรียนมัธยมปลาย หมอนั่นมองเห็นเงาของ  ชินอิจิในคราบโคนันอยู่เสมอ

      

    การปะทะกันซึ่งๆหน้าหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาเป็นคนเดียวที่ได้เห็นคิดในระยะใกล้ชิดมากที่สุด ตั้งแต่การพบกันครั้งแรกที่สะดุดสายตาของเขาให้ค้างไว้กับบุรุษชุดขาวคนนั้น

      

    ในเวลานั้นพื้นที่รอบข้างมืดเกินกว่าจะมองเห็นใบหน้าของใครได้ เด็กน้อยไม่รู้ว่าฝีเท้าของร่างนั้นลงมาถึงพื้นเมื่อไร… มันมีเพียงความเงียบเชียบซึ่งผ่าเข้ามาท่ามกลางความวุ่นวายของเฮลิคอปเตอร์ตำรวจที่ตึกอีกฟาก ไม่มีใครรู้ว่าคิดจะปรากฏตัวที่นี่… มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น

      

    ใบหน้าที่โดนแว่นขาเดียว หมวกผ้าไหมทรงสูง และความมืดบดบังเอาไว้ทำให้ไม่อาจอ่านสีหน้าที่แท้จริงได้ แต่ยังคงเห็นรอยยิ้มเย็นที่ยกขึ้นมาบนริมฝีปากอิ่มของอีกฝ่าย… รอยยิ้มที่เหมือนกับเย้ยหยันคนทั้งโลกอยู่ตลอดเวลา สะกดให้เด็กประถมอย่างโคนันไม่อาจขยับไปไหนได้

      

    ร่างกายสูงโปร่งท่าทางสุขุมเหมือนดั่งสุภาพบุรุษหรือเจ้าชายในจินตนาการของใครหลายๆคน เขาสวมเครื่องแต่งกายสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ปลายเท้าคู่นั้นเดินตรงมายังร่างของเด็กน้อยด้วยท่าทีสง่างาม… น่าตกใจที่วินาทีนั้นโคนันสามารถรับรู้ได้ว่าคิดที่เคร่งขรึมคนนั้นกลับมีใบหน้าอ่อนเยาว์ดั่งเช่นเด็กหนุ่มวัยรุ่น ไม่ใช่ชายวัยกลางคนอย่างที่ใครหลายคนได้ลือกัน ดูเหมือนจะเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันกับชินอิจิเสียด้วย

      

    เจ้าหนู... ขึ้นมาทำอะไรบนดาดฟ้านี่น่ะหืม…?’

      

    ‘…มาเล่นดอกไม้ไฟครับ!’

      

    บทสนทนาเหล่านั้นยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ

      

    โคนันไม่อยากจะยอมรับ แต่การพบหน้ากันหลายต่อหลายครั้งทำให้เขายิ่งมั่นใจ ถึงแม้คิดจะสามารถปลอมตัวเป็นใครก็ได้ แต่ใบหน้ายามประจันหน้ากับเขามันเหมือนกับถอดแบบมาจากชินอิจิไม่มีผิด มีเพียงดวงตาคมเท่านั้นที่ทอประกายสีแซฟไฟร์บลูสะท้อนแสงจันทร์ยามค่ำคืนเฉกเช่นอัญมณี ต่างจากชินอิจิที่เหมือนกับสีของควอมารีน… โคนันไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นได้เลยนอกจากสองกรณีนี้

      

    นั่นคือหน้าตาที่แท้จริงของหมอนั่น… หรือเขาก็แค่ใช้ใบหน้าของชินอิจิในการโจรกรรมก็เท่านั้น

      

    พอคิดว่าเป็นเหตุผลอย่างหลัง เด็กหนุ่มก็นึกโมโหขึ้นมา เขาเป็นคู่ปรับของจอมโจรคิดมาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว เคยโดนเข้าใจว่ากำลังจัดรายการโชว์ทางทีวีด้วยกัน หรือแม้กระทั่งเป็นคนคนเดียวกันเสียด้วยซ้ำ เขาเคยถามเกี่ยวกับใบหน้าของบุรุษรัตติกาลคนนั้นอยู่ครั้งหนึ่ง น่าแปลกที่บทสนทนานั้นมันกลับยังติดตรึงอยู่ในสมองของเขาไม่ลืม 

     

    หืม…? ไม่ชอบหรอทั้งๆที่ฉันออกจะชอบใบหน้านี้มากที่สุดแท้ๆ

      

    น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ตอบกลับมาพร้อมใบหน้ายิ้มทะเล้นอดทำให้หัวใจของโคนันกระตุกไปทีหนึ่งอย่างไม่รู้ตัวอยู่ๆก็มาพูดอะไรแบบนี้ชอบใบหน้านี้ที่สุด ใบหน้าที่เหมือนกับเขาอย่างกับแกะเนี่ยนะ…?

     

     ‘อย่ามาตลกนะนายกำลังใช้ใบหน้าของฉันขโมยเพชรอยู่ไม่ใช่หรือไง? ’

      

    ก็ไม่ได้ตั้งใจซักหน่อยนี่นา… อ๊ะแล้วเจอกันใหม่นะโคนันคุง เจ้าสารวัตรนั่นกำลังขึ้นมาแล้วล่ะ

      

    ครืน

      

    เสียงของบางสิ่งที่มีขนาดใหญ่ดังขึ้นมาขัดห้วงความคิดของเด็กหนุ่ม ไหล่ลาดสะดุ้งขึ้นพลางหันมองรอบตัว แต่ก็ต้องแปลกใจ ไม่มีระเบิดควันหรือระเบิดแสงจากชายชุดขาวอย่างที่ควรเป็น ใบหน้าคมของเด็กหนุ่มจึงแหงนมองต้นเสียงอย่างเพดานที่มีการเคลื่อนตัวออกอย่างผิดปกติแทน

      

    “ นั่นคือโดมเปิดได้อย่างที่ฉันเคยบอกเธอแล้วไงล่ะโคนันคุง ตกใจซะจนตัวโยนเลยนะมัวเหม่ออะไรอยู่กันล่ะยะ? ” เป็นคุณหนูโซโนโกะในชุดราตรีงดงามที่เข้ามายืนขนาบข้างร่างของเด็กหนุ่ม พร้อมแววตาที่ว่า ‘ มัวเหม่อเดี๋ยวก็จับท่านคิดของฉันไม่ได้หรอกย่ะ! ’ โคนันจึงได้แต่ยิ้มแหยๆตอบกลับไปเท่านั้น

      

    วันนี้ก็ชักจะยืนเหม่อบ่อยเกินไปจริงๆนั่นแหละ

      

    พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ของตระกูลซึสึกิ ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีความทันสมัยมากที่สุด ยิ่งส่วนของชั้นนี้ที่มีไว้สำหรับจัดแสดงไฮไลท์ของงานด้วยแล้ว หลังคาที่มีลักษณะเป็นโดมยังสามารถเปิดได้อีกต่างหาก เรียกว่ามีเพียงตู้จัดแสดงตู้เดียวตั้งโชว์หราอยู่ท่ามกลางลานกว้างและท้องฟ้ายามค่ำคืนเลยล่ะ

      

    ตอนแรกก็โดนสารวัตรนากาโมริท้วงไปอยู่เหมือนกันว่าการเปิดหลังคาแบบนี้จะยิ่งเป็นการเพิ่มหนทางหนีให้พ่อสุภาพบุรุษคนนั้น ซึ่งข้อนั้นโคนันเองก็เห็นด้วย แต่ดูเหมือนประธานซึสึกิจะค่อนข้างมั่นใจกับตู้เก็บอัญมณีที่แสนทันสมัยของตัวเองซะเหลือเกิน เขาบอกว่าต้องใส่ทั้งรหัสผ่านและสแกนมือขวาของตัวเองทั้งมือจึงจะสามารถปลดล็อคได้ 

     

    สุดท้ายก็มีเฮลิคอปเตอร์หลายลำมาบินตรวจตราด้านบนอยู่ดี ทั้งเสียงพึ่บพั่บของใบพัด ทั้งจำนวนของมัน เรียกว่าบดบังทัศนียภาพที่สวยงามยามค่ำคืนไปโดยสิ้นเชิง ตรงจุดนั้นโคนันได้แต่ยืนมองพร้อมหัวเราะแห้งๆออกไป เพราะไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี 

     

    “ เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมเจ้าคิดกำลังจะออกมาภายในสิบวินาที! ” เสียงของสารวัตรนากาโมริออกคำสั่งลูกน้องโดยรอบ นายตำรวจหลายนายตั้งท่าเตรียมพร้อม ก่อนที่การนับในใจของเด็กหนุ่มจะดังขึ้น

      

    10… 

     

    9... 

     

    “ นี่โคนันคุง... มานี่แป๊บนึงสิ ” พลันเสียงของเพื่อนวัยเด็กที่ยืนอยู่ข้างๆก็ดังขึ้น เธอกวักมือเรียกเหมือนต้องการจะให้ยื่นหูเข้ามาฟังเสียงกระซิบนั้นใกล้ๆ ชินอิจิในร่างโคนันเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมยื่นใบหน้าเข้าไปฟังใกล้ๆอยู่ดี 

     

    6... 

     

    5 

     

    “ นายน่ะเป็นคนเดียวที่พูดว่าสีตาของฉันเหมือนกับอัญมณีนั่นเลยนะโคนันคุง ” เสียงที่ควรจะหวานแหลมดั่งเช่นเสียงผู้หญิงกลับเป็นเสียงทุ้มของผู้ชายที่คุ้นเคย พลันร่างของเด็กหนุ่มก็สะดุ้งขึ้นด้วยเพิ่งรู้ตัว ก่อนที่ความร้อนจะฉาบไปทั้งใบหน้าอ่อนเยาว์นั้น 

     

    คิด!! 

     

    1

      

    ปุ….!! 

     

    ม่านควันสีชมพูฟุ้งกระจาย ส่งให้ทั้งเด็กหนุ่มและเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่รอบข้างไอค่อกแค่กอย่างทรมาน ไฟที่คอยให้ความสว่างบัดนี้กลับถูกปิดจนหมด ร่างของโซโนโกะที่เคยยืนอยู่ข้างๆโคนันหายไป พลันปลายเท้าของบุรุษชุดขาวกลับสัมผัสลงบนตู้จัดแสดงอย่างเงียบเชียบ ก้าวลงมาท่ามกลางความวุ่นวายอย่างเงียบสงบอย่างเช่นวันแรกที่พบกัน ท่าทางสง่างาม รอยยิ้มเย้ยหยัน จนทำให้ไม่อาจละสายตาคู่นี้ออกไปได้

      

    “ Ladies and Gentlemen! ”

      

    น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยประโยคประจำตัวพร้อมผายมือออกไปด้านข้าง ผ้าคลุมที่สวมใส่เอาไว้ด้านหลังแผ่สยายออกไปตามแรงลม ตำรวจหลายนายมุ่งเข้าไปล้อมจับโดยอัตโนมัติ ท่ามกลางผู้คนมากมายทั้งตำรวจและผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ แต่โคนันกลับรู้สึกได้ถึงสายตาคมสีแซฟไฟร์บลูคู่นั้นกำลังจ้องมายังใบหน้าของเขา

      

    “ Now… Let’s enjoy the show!! 

      

    ก่อนที่ประโยคต่อมาจะถูกเอ่ยขึ้นพร้อมม่านควันระลอกที่สอง ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นท่ามกลางทัศนียภาพที่ย่ำแย่ ร่างของเด็กหนุ่มพยายามวิ่งฝ่ากลุ่มควันเข้าไป แต่ก็ไม่อาจมองเห็นจุดศูนย์กลางความวุ่นวายได้ เพียงชั่วครู่เดียวที่ควันค่อยๆสลายไปนั้น ก็พบเพียงร่างของประธานซึสึกิที่กำลังนอนหมดสติอยู่ข้างๆกับตู้โชว์ที่ว่างเปล่าเท่านั้น

      

    เสร็จกันหมอนั่นได้มงกุฎไปแล้ว!

      

    “ ขอบคุณสำหรับอัญมณี ดูเหมือนคราวนี้จะยิ่งใหญ่พอตัวเลยนะสารวัตร ” น้ำเสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่เหมือนกำลังลอยอยู่กลางอากาศ แต่หากสังเกตดีๆจะมองเห็นลวดสลิงบางๆที่ห้อยติดกับฐานเฮลิคอปเตอร์ ในมือหนาถือมงกุฏล้ำค่าเอาไว้พร้อมรอยยิ้มหยันบนใบหน้าคมคาย พลันอีกาเหล็กก็ค่อยๆเคลื่อนที่ออกไปท่ามกลางฝูงอีกาด้วยกัน

      

    “ ..จับมัน!! ตามจับเจ้าคิดไปตามเฮลิคอปเตอร์นั่นเดี๋ยวนี้!! ” สารวัตรหนวดจิ๋มรีบออกคำสั่งไปทางวิทยุด้วยความโมโห เฮลิคอปเตอร์ของตำรวจจึงไล่ตามลำเจ้าปัญหาที่นำลิ่วออกไปอย่างรวดเร็ว ใครจะไปคิดว่าจอมโจรรัตติกาลนั่นจะไม่ใช้เครื่องร่อน แต่กลับหนีไปพร้อมเฮลิคอปเตอร์แทน อุตส่าห์ดักทางเอาไว้ด้วยลมแรงๆจากใบพัดเฮลิคอปเตอร์หลายๆลำแล้วแท้ๆ 

     

    เด็กหนุ่มที่ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างมาตั้งแต่แรกจิ๊ปากอย่างขุ่นเคือง คิ้วเรียวขมวดยุ่งพร้อมกับใบหน้าใต้กรอบแว่นที่มีสีหน้าครุ่นคิด 

     

    ไม่ใช่... มันมีบางอย่างที่ขัดกันอยู่… 

     

    ปลายเท้าคู่นั้นของโคนันวิ่งออกไปจากห้องจัดแสดงด้วยความรีบร้อน ตรงเข้าสู่ลิฟต์เพื่อส่งตัวเองสู่ชั้นล่าง ตรงข้ามกับทิศที่ตำรวจหมายตาโดยสิ้นเชิง ภาพของแผนผัง ทั้งช่องระบายอากาศหรือที่ทิ้งขยะ ทุกอย่างอยู่ในหัวของเขาหมดแล้ว 

     

     

    ฉันจะจับนายให้ได้ ! คิด !

     

     

     

     

     

     

      

    To be continue…

     

     

     







    ย้ำอีกครั้ง แต่งสดไว้นานแล้ว ไม่รับประกันภาษานะคะ

     


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×