คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Page V : Find Shanks
สภาพพื้นที่ยืนอยู่กำลังสั่นโคลงเคลง ความชื้นกับคลื่นทะเลที่เข้าปะทะ เสียงของนกนางนวลฝูงใหญ่ที่บินผ่านบนศีรษะ ทำให้คนร่างเล็กที่กำลังวิ่งไปมาบนพาหนะทางน้ำรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
“ ว้าว นี่มันสุดยอดกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก ”
น่าแปลกใจที่เด็กหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอยู่กับทะเลมาตลอดชีวิตกลับไม่เคยขึ้นเรือลำใหญ่ขนาดนี้ซักที อย่างมากก็เรือพายที่เคยนั่งไปตกปลากับเพื่อนสนิท นี่จึงนับว่าเป็นครั้งแรกที่ลูฟี่ได้ออกจากหมู่บ้านสู่ทะเลกว้างใหญ่นี่เอง
ดวงตากลมโตพราวระยับทอดมองไปตามผืนน้ำกับท้องนภาสีคราม ทั้งที่ยังคงเป็นภาพเดิมตลอดเวลา แต่ก็น่าแปลกที่เพียงแค่มองเฉยๆก็ให้ความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ...รวมเวลาแล้วก็สองวันเต็มๆที่เดินทางออกมาจากหมู่บ้านกับนายพรานแชงคูส ทั้งการเดินเท้า ทั้งการเดินทางทางน้ำ โดยจุดมุ่งหมายคือเมืองอะไรซักอย่างที่เป็นศูนย์กลางของประเทศนี้
“ นี่ลูฟี่..."
“ หือ? ”
“ นายเคยได้ยินเรื่องสโนว์ไวท์มาบ้างหรือเปล่า? ”
เสียงทุ้มของคนข้างกายเอ่ยถามขึ้น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชายผมแดงวัยกลางคนที่สวมผ้าคลุมสีดำทะมึน คิ้วเรียวของคนถูกถามขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะเอียงคอกลับมาพร้อมคำตอบ
“ อืม...ไม่รู้สิ...นิทานหรือเปล่า? ”
ทั้งชีวิตนี้เด็กหนุ่มจำอะไรไม่ได้มากนอกจากของกิน วีรกรรมวัยเด็ก และอาจจะมีบ้างที่เรื่องราวอย่าง'นิทาน'เคยผ่านหู... แต่ก็ไม่ยักจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องแบบไหนอยู่ดี
“ ใช่... มันเป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงคนหนึ่ง ที่โดนแม่มดใจร้ายเอาแอปเปิ้ลอาบยาพิษให้กินจนเธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ” ชายผมแดงดูตั้งอกตั้งใจเล่าเรื่องราวปรัมปราในขณะที่ดวงตาคู่คมกำลังเบนออกไปด้านข้าง และเด็กหนุ่มที่พยักหน้ารับตามอย่างงงๆ
ท่าเอียงคอเมื่อครู่ราวกับมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้คนอายุมากกว่าไม่อาจมองตาใสๆคู่นั้นได้...พลังทำลายล้างมันสูงเกินไป
“ อือ...? ”
“ แต่เรื่องราวของสโนว์ไวท์มันไม่ได้หยุดลงเพียงครั้งเดียว มันเกิดขึ้นใหม่ได้ทุกยุคสมัย และเวลาใดก็ได้... ”
เรื่องราวมันไม่ได้ถูกล็อคให้ต้องเป็นแบบเดิมเสมอไป... เหตุการณ์อาจจะกลับตาลปัตร แต่ความจริงว่านั่นคือสโนว์ไวท์ก็ยังไม่เปลี่ยนไป
ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรกับเจ้าหญิงบ้าง... ถึงเวลาของนายพรานต้องออกโรงแล้ว
“ อา...หิวจัง แล้วมันมีอะไรงั้นหรอ? ” เด็กน้อยยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองที่กำลังส่งเสียงโครกครากด้วยใบหน้าละห้อย ราวกับมีคนมาสอนทฤษฎีคณิตศาตร์ให้ลูกลิง ...เจ้าตัวดูจะไม่สนใจฟังมันซักเท่าไร เรื่องกินต่างหากที่สำคัญกว่า
เขาไม่รู้เรื่องนี้จริงๆด้วยสิ...
“ เพราะนายคือสโนว์ไวท์... เจ้าหญิงคนนั้นยังไงล่ะ ”
“ หา? ”
บนใบหน้าคมของแชงคูสปรากฏรอยยิ้มบางๆเหมือนกับกำลังเพิ่มน้ำหนักให้คำพูดนั้น ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังไม่รู้จะแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปดี
“ ...นายเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย? ”
เจ้าหญิงอะไรกัน... เห็นชัดๆอยู่ว่าเขาเป็นผู้ชายนี่นา!
“ ฉันไม่ได้โกหกนะ นายต้องระวังคนที่เข้าหาตัวเองเอาไว้ ...โดยเฉพาะแอปเปิ้ล ”
“ ร...ระวังแอปเปิ้ล?? ”
ระวังของอร่อยทำไม... ผู้ชายคนนี้เพี้ยนจริงๆด้วย
ในระหว่างนั้น นายพรานแชงคูสไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้ายุ่งๆของคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย บนริมฝีปากได้รูปเพียงระบายยิ้มบางๆ ในขณะที่ดวงตาคู่คมทอดมองไปยังเกาะที่มองเห็นอยู่ไม่ห่าง …ไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดตอนนี้ก็ได้
ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆนี่นะ...
ในโลกใหม่นี้... ไม่รู้ว่าคนแคระจะเป็นใคร สิ่งที่แน่ชัดคือนายพรานเป็นเขาไม่ผิดแน่นอน เขาคือองครักษ์แห่งราชินีที่มีหน้าที่ต้องปกป้องหนุ่มน้อยผู้น่ารักคนนี้จากแม่มดใจร้ายตามตำนานให้จงได้
ตัวเล็กบอบบางน่าคว้ามากอดแบบนี้... ให้ตายยังไงก็ไม่ให้แม่มดใจร้ายนั่นแย่งไปง่ายๆหรอกน่า
“ เอาเถอะ... ถึงพอดีเลย นายกำลังบ่นว่าหิวอยู่ไม่ใช่หรือไง? ”
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เรือโดยสารเข้าจอดเทียบฝั่ง สะพานไม้ถูกวางเชื่อมกับท่าเรือ ทันทีที่ปลายเท้าสัมผัสลงกับพื้นดิน ภาพตรงหน้าที่ละลานตาก็ทำให้เด็กหนุ่มอดร้องว้าวออกมาไม่ได้
“ ส..สุดยอด!! ” กลิ่นของกินที่โชยมาเตะจมูก ผู้คนที่กำลังเดินพลุกพล่าน แผงขายอาหารที่วางอยู่เกลื่อนกลาด บรรยากาศก็คล้ายคลึงกับสถานที่ที่เขาจากมาอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ความเจริญและขนาดของมันดูยิ่งใหญ่กว่ามากมายเลยทีเดียว
“ เนื้ออออ!! ”
ปลายเท้าเล็กๆทั้งคู่ตรงไปยังร้านเนื้อติดกระดูกควันฉุยอย่างไม่ลังเล สะบัดมือที่เคยเกาะกุมกันไว้ออกจนไม่เหลือสภาพ ทำเอาใบหน้าคมของนายพรานผมแดงจ๋อยลงแทบจะทันที แต่ก็ยอมเดินตามร่างนั้นไปพร้อมควักเงินในกระเป๋าออกมาจ่ายให้ด้วยความยินดี
“ ไม่เอาน่าลูฟี่... จับมือฉันไว้สิ เดี๋ยวก็หลงกันหรอก ”
มือนิ่มๆที่อุตส่าห์เนียนจับได้เมื่อกี๊ ลุงอยากจะจับไปอีกนานๆเลย ...เวลาเคี้ยวแล้วแก้มตุ่ยออกมาด้านข้างก็น่ารักเหมือนกัน
“ ไม่เอาอ่ะ ขืนจับมือนายก็กินไม่ได้สิ ...ยังไงก็ขอบคุณที่เลี้ยงนะ! ” ใบหน้าหวานที่เคยขมวดคิ้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างจนตาหยีไปด้วย เสียงหัวเราะชิชิหลุดมาไม่ทันเท่าไร ปลายเท้าคู่เดิมก็วิ่งไปยังเป้าหมายใหม่ซะแล้ว ...
จากนั้นไม่นาน... เงินจำนวนไม่ได้มากก็ถูกหยิบออกจากกระเป๋าครั้งแล้วครั้งเล่า ต่างไปจากสีหน้าของนายพรานคนเดิมที่ยังคงความเคลิ้มเอาไว้ ในขณะที่ปลายเท้าก็วิ่งตามร่างเล็กที่มีอาหารอยู่เต็มอ้อมแขน
“ นี่ลูฟี่ ฉันว่านายพอก่อนเถอะนะ เราเริ่มจะไม่มีตังจ่ายค่าเดินทางกันแล้วล่ะ ฮะฮะ ”
“ …..... ”
เสียงนั้นเป็นตัวเรียกให้เด็กหนุ่มหันกลับมาพยักหน้ารับแต่โดยดี ในขณะที่ดวงตากลมโตยังแอบเหลือบมองทางเดินที่ทอดยาวต่อไปด้วยนึกเสียดายนิดหน่อย
ช่วยไม่ได้ล่ะนะ... แค่นี้ก็เยอะแล้วจริงๆด้วย
“ ก็ได้... งั้นเรามากินด้วยกันเถอะ! ” ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มน่ามองพลางยื่นอาหารในอ้อมแขนให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกัน ใบหน้าคมพลันปรากฏรอยยิ้มปลื้มปริ่มและน้ำตาเอ่อชื้นขอบตาคม ซึ่งลูฟี่ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจภาพนั้นนัก
น้ำใจงามจริงๆ... ดีจริงๆที่ได้พบก่อนที่ใครจะมาชิงตัวไป
“ เจ้าข้าเอ้ย! เร่เข้ามา! ของหายาก ของวิเศษหาได้จากร้านนี้เลยจ้า! ”
ของวิเศษ...?
ไม่ห่างออกไปจากบริเวณที่ยืนอยู่ ปรากฏแผงขายของที่มีคนกำลังมุงอยู่ประปราย สินค้าอย่าง'ของวิเศษ'ที่พ่อค้าเอ่ยขึ้น ทำให้ผู้คนหันมาสนใจไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่ตัวลูฟี่เองก็ด้วย
“ เครื่องรางชิ้นนี้ถ้าพกติดตัว มันจะนำพาท่านไปสู่สโนว์ไวท์แห่งยุคนี้! ไงล่ะ ไม่อยากเจอเจ้าหญิงสโนว์ไวท์กันหรือไง!? ” ประโยคโฆษณาที่แสนเกินจริงนั้นอดทำให้แชงคูสหลุดขำออกมาไม่ได้ แต่เมื่อมองไปยังคนข้างตัว เจ้าตัวเล็กดันหายไปแล้วซะงั้น...
“ จริงหรอลุง! เอาติดตัวแล้วจะเจอสโนว์ไวท์จริงหรอลุง!? ” แต่ดันไปปรากฏตัวอยู่ข้างๆพ่อค้าขายเครื่องรางคนนั้นแทน ...ไอ้ตาเป็นประกายวิบวับทั้งสองข้างนั่นมันอะไรกัน
สโนว์ไวท์ที่ว่านั่น... มันก็ตัวนายเองไม่ใช่หรือไงเล่า?
“ จริงสิเจ้าหนู! เจ้าหญิงที่ใครเขาก็ล่ำลือว่างดงาม มีข่าวลือมาว่าปรากฏตัวขึ้นมาแล้วนะ! ”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมากมายในวงคนมุง ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งขยายวงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนลูฟี่ไม่ได้ทันรู้ตัวว่าตัวเองละสายตาออกไปจากนายพรานคนที่เดินทางมาด้วยกันเสียแล้ว....
“ แล้วว่ายังไงล่ะ? นายสนใจจะซื้อหรือเปล่า? ”
“ เอ่อ... ขอโทษนะลุง ฉันไม่มีตังหรอก ” มือเล็กยกขึ้นกระชับหมวกฟางที่สวมมาด้วยก่อนยิ้มแห้งๆให้คนขาย อีกฝ่ายตอบกลับมาเพียงจะตั้งแผงขายถึงพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ก่อนที่จะเลิกสนใจเขาอีก
“ หวา..! ”
แต่เหล่าผู้คนที่ดันเข้ามาเรื่อยๆก็ใช่จะน้อยที่ไหน ร่างแห้งๆของลูฟี่ถูกดันไปมาเหมือนกระดาษบางๆที่ปลิวไปตามแรงลม จนกระทั่งหลุดออกมาจากวงคนมุงด้วยสภาพเกือบจะหน้าคะมำ
“ อ๋า...อะไรกันเนี่ยคนพวกนี้! ” ก้มลงหยิบหมวกฟางที่พลัดตกพื้นขึ้นมาปัดฝุ่นออกอย่างถนอมแล้วสวมมันคืนบนศีรษะ ดวงตากลมโตพยายามสอดส่องหาร่างที่คุ้นเคย แต่ก็หาไม่เจอ...
“ แชงค์! นายอยู่ที่ไหนอะ! ”
ปลายเท้าคู่เล็กเริ่มเดินวนหารอบๆร้านขายของประหลาดนี่ ทั้งเดินกลับไปยังจุดเดิมที่เคยยืนอยู่เมื่อครู่ แต่ก็ต้องพบว่ากลุ่มคนได้ขยายวงจนกลืนพื้นที่นั้นไปด้วยเสียแล้ว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มองไม่เห็นคนที่มีสีผมเด่นชัดอย่างสีแดงเดินอยู่แถวนี้เลยซักนิด
หวา... แย่แล้วสิ
หลงกับแชงค์แล้วงั้นหรอ...?
“ แชงงงงค์!! โฮ่ยยย นายอยู่ที่ไหนนนน!! ”
กายผอมบางสาวเท้าไปตามทางเดินของตลาด ในขณะที่เอ่ยเรียกอีกฝ่ายไปด้วย ผู้คนที่เดินพลุกพล่านอยู่ก็มีมากมายเหลือเกิน ไม่รู้ว่าแชงคูสคนนั้นจะเดินอยู่ที่ไหนด้วยสิ
“ แชงงงค์!! โฮ่ยยยย ได้ยินแล้วตอบฉันหน่อย!! ” คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากันพร้อมกับริมฝีปากบางที่มู่เข้ามาด้วยรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เสียงตะโกนของเขาเริ่มจะทำให้กลายเป็นที่สนใจของคนรอบข้างขึ้นมาแล้ว... ลูฟี่ยกแขนขึ้นมาในท่ากอดอก ใบหน้าน่ารักเอียงไปด้านข้างเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ
จะทำยังไงดีล่ะทีนี้...
“ นี่ป้า เห็นผู้ชายผมแดงหน้าตาน่ากลัวใส่ผ้าคลุมเดินผ่านมาทางนี้บ้างหรือเปล่า? ” สองเท้าเดินเตาะแตะเข้าไปแวะยังร้านขายเนื้อสดที่มีหญิงอวบวัยกลางคนกำลังยืนทำหน้างงอยู่ แต่เธอกลับเพียงตอบปฏิเสธกลับมาเท่านั้น
“ ม..ไม่เห็นนะ ฉันไม่เห็นคนแบบนั้นหรอก ”
“ งั้นหรอ...? ขอบคุณนะ ”
ใบหน้าหวานหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ตัดสินใจว่าจะกลับไปเดินตามหาต่อไป เสียงของพ่อค้าร้านที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยขึ้นเรียกความสนใจเสียก่อน
“ ถ้าคนที่ตัวใหญ่ๆนั่นล่ะก็ ฉันเห็นเดินไปทางนู้นน่ะ...แต่อย่าเข้าไปยุ่งกับเจ้านั่นเลยดีกว่านะ! ” ชายแก่หน้าตาเป็นมิตรชี้มือไปยังย่านที่เริ่มมีร้านอาหารข้างทางปรากฏขึ้นมาบ้าง ท่าทางหวั่นๆกับน้ำเสียงคล้ายกับจะเตือนทำให้ลูฟี่รู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“ ขอบคุณมากนะลุง ฉันกำลังหลงกับเขาอยู่พอดีเลย ” และประโยคนั้นก็เรียกใบหน้าถอดสีจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้าได้เป็นแถบ
ทำหน้าตกใจกันอีกแล้ว... หรือว่า'ผู้ชายผมแดง'จะเป็นคำต้องห้ามที่นี่กันนะ?
ไม่เข้าใจว่า ช่วงเวลาแค่แป๊บเดียวทำไมจึงหลงกันได้เหมือนกัน...พยายามมองหาตามร้านอาหารอย่างที่ถูกบอกมา พอเจอใครที่พอจะถามได้จึงลองบอกลักษณะของเพื่อนร่วมเดินทางอีกคนออกไป...
ผู้ชายผมกระเซิงสีแดง หน้าตาน่ากลัว ตัวสูงๆ
ใส่ผ้าคลุมสีดำๆ ไม่มีแขนซ้าย มีแผลเป็นบนหน้า...
ไม่ผิดแน่...ลักษณะแบบนี้แหละ ยังไงก็แชงคูสชัดๆ... บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างก็ตอบกลับมาพร้อมใบหน้าถอดสีเป็นเสียงเดียวกันว่า 'เห็นคนๆนั้นอยู่ที่โรงเหล้า'
ทันทีที่ปลายเท้าหยุดลงตรงหน้าอาคารสองชั้นขนาดใหญ่ ใบหน้าหวานก็ยู่เข้าหากันด้วยกลิ่นของแอลกอฮอลล์ที่ตีเข้าจมูก ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นร่างสูงของผู้ชายผมแดงกับผ้าคลุมสีดำยืนอยู่ไม่ห่าง จึงไม่ลังเลเลยที่จะเร่งฝีเท้าเข้าไปหยุดตรงหน้าพร้อมคิ้วเรียวที่ขมวดพันกันยุ่ง...
“ หาเจอแล้ว! ทำไมถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ล่ะ! ”
แอบโกรธขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว... ก็เกือบจะเดินทั่วตลาดนี้อยู่แล้วนี่นา!
คนโดนเรียกเพียงมองกลับไปยังคนตรงหน้าที่สูงเพียงอกของตนด้วยติดจะงุนงงไม่น้อย ร่างกายสูงใหญ่ที่เหมือนจะเสียแขนข้างหนึ่งไป ...มันก็ใช่ที่เขาเป็นผู้ชายผมแดงหน้าตาน่ากลัว และมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าคมนั้นด้วย...
“ เอ๊ะ...?! “
แต่ก็ไม่ใช่...
“ นายไม่ใช่แชงค์นี่นา...? ”
ขอโทษจริงๆค่ะ คราวนี้หายไปเป็นเดือนเลยU_U
ตอนนี้อาจจะภาษาแปลก ดำเนินเรื่องแปลกๆหน่อยนะคะ
ตอนแต่งเบลอมาก ถ้าไม่โอเคจะเข้ามาแก้อีกทีค่ะ
จะมาอัพอีกตอนเร็วๆนี้น้าาา
ส่วนป๋าแชงค์ใครสงสัยว่าเฮียแกหายไปไหน
อย่าน้อยใจไป บทยังไม่หมดง่ายๆแน่นอนค่ะ 55555
แล้วไว้เจอกันกับตอนหน้าจ้าาา^^
ความคิดเห็น