ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ [One Piece] Straw hat & 7 huntsmans !? [Yaoi] [END]

    ลำดับตอนที่ #15 : Page XIV : Kidnapped

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 671
      60
      24 เม.ย. 65


     


     


     


     

                เหตุการณ์ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ในมือชายหนุ่มเจ้าของบ้านหลังเล็กสาละวนอยู่กับการทำอาหารมื้อถัดไป หรือแม้แต่ช็อปเปอร์ที่กำลังยืนบดสมุนไพรด้วยสีหน้าเพลิดเพลิน เสียงของอะไรบางสิ่งแหวกเข้ามาท่ามกลางสายลมอันหนาวเหน็บทำให้ใบหูเล็กทั้งสองข้างกระดิกเล็กน้อย ไม่ทันได้ตั้งตัวความวุ่นวายครั้งใหม่ก็ประดังเข้ามาเสียก่อน

     

    ปัง!

     

                แรงกระแทกที่ไม่เบานักส่งมาจากอีกฟากของประตูจนมันปะทะเข้ากับผนังอย่างจัง ชายตัวสูงท่าทางไม่เป็นมิตรสี่ห้าคนแทรกตัวเข้ามาในบ้านโดยไม่ขออนุญาต ส่งให้ช็อปเปอร์รีบวิ่งไปหลบด้านหลังตู้โดยอัตโนมัติ

     

    “ แกเอาเจ้าหนูนั่นไปไว้ที่ไหน ” ผู้ชายสวมหมวกขนสัตว์ที่มีขอบตาดำเหมือนคนอดนอนเอ่ยขึ้นอย่างคุกคาม ซันจิทำเพียงเดินออกมาประจันหน้า มือข้างหนึ่งหยิบเอามวนบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทขึ้นมาจุดไฟ

     

                พิจารณาจากลักษณะภายนอกแล้วดูไม่เหมือนกับทหารเท่าไรนัก การแต่งตัวไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันแต่ก็ดูมีฝีมือไม่หยอก คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเห็นในคุกของฐานทัพที่เพิ่งจากมา หากไม่ใช่นายพรานก็คงเป็นอาชญากรไม่ผิดนัก

     

    “ แกล่ะเป็นใครกันแน่ ”  

     

                ดวงตาสีฟ้าหม่นหรี่ลงอย่างพิจารณา หนึ่งในนั้นมีคนที่สวมสูทท่ามกลางอากาศอันทรหดแบบนี้ด้วย มันน่านึกสงสัยว่าบ้านหลังนี้ถูกหาเจอง่ายดายเกินไปหรือเปล่า วันนี้ก็สองหนแล้วที่ต้องต้อนรับแขกแปลกหน้า หรือความเป็นจริงแล้วเขากำลังโดนสะกดรอยตามกันแน่

     

    “ ฉันต้องการคำตอบว่าลูฟี่อยู่ที่ไหน ” คนใส่ชุดยูกาตะเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก ลูฟี่ไม่ได้เข้ามาในบ้านมาพักหนึ่งแล้ว คนที่ควรจะเห็นเด็กคนนั้นก่อนคือคนพวกนี้ต่างหาก

     

    “ เขาก็อยู่กับเด็กจมูกยาวข้างนอกนั่นไง ”

     

    “ จมูกยาวเรอะ…? ถ้ามีจริงๆป่านนี้ฉันไม่บุกเข้าบ้านแกให้เสียเวลาหรอก ”

     

    “ ว่าไงนะ? ”

     

                สีหน้าแปลกใจปนโมโหจากชายผมแดงทำให้ซันจิร้อนรน ขายาวรีบก้าวผ่านผู้บุกรุกออกไปนอกบ้านโดยไม่ได้ต่อบทสนทนาใดๆอีก ลานกว้างหน้าบ้านในเวลานี้เหลือเพียงความว่างเปล่า แม้แต่รอยเท้าของคนก็ถูกหิมะกลบไปจนมิด


     

    ตุ๊กตาหิมะที่เห็นตั้งใจทำอยู่พักใหญ่นั่น …กำลังบังหน้าต่างซะมิดราวกับต้องการไม่ให้เห็นความเคลื่อนไหวภายนอก

     

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ซันจิรู้สึกราวกับว่ามันผ่านไปเพียงชั่วครู่เท่านั้น

     

    เจ้าเด็กจมูกยาวนั่น มีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างที่สงสัยไว้จริงๆ…

     

                เกิดความสับสนว่าควรทำอย่างไรต่อไป ซันจิได้เล่าเรื่องราวทุกอย่างแก่กลุ่มนายพรานเหล่านั้นฟังทั้งหมด แม้จะเพิ่งเคยพบกันครั้งแรก แต่เขาก็เคยได้ยินมาบ้างว่าเจ้าหญิงผู้นั้นออกเดินทางมากับนายพรานกลุ่มหนึ่ง ลางสังหรณ์ได้บอกแก่เขาว่าเป็นคนกลุ่มนี้ไม่ผิดแน่

     

    เกิดคำถามออกมาในทางเดียวกัน… ว่าเด็กหนุ่มผอมแห้งที่ดูไม่มีพิษภัยผู้นั้นเป็นใครกันแน่

     

    “ ไม่มีเวลาแล้ว รีบออกตามหาเด็กคนนั้นเดี๋ยวนี้เลย ” ยูทัส คิด เป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นมาพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมาจากชายในชุดสูทที่ยืนฟังเรื่องราวทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น เขากระชับผ้าคลุมตัวนอกของตนก่อนสาวเท้าออกไปราวกับต้องการทำงานเพียงคนเดียว


     

    “ ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของแก ”

     

    “ เหอะ… กล้าพูดมาได้ ” โซโลเอ่ยขัด

     

    “ แกที่ทรยศลูฟี่ไปแล้วครั้งหนึ่ง คิดว่าฉันจะไว้ใจให้มาร่วมเดินทางหรือไง ”

     

                ชายคนนั้นราวกับเป็นคนที่ขัดแย้งในตนเองสูง ทั้งที่การแสดงออกภายนอกไม่ได้เป็นเช่นนั้น เกิดบรรยากาศชวนอึดอัดปกคลุมวงสนทนา เป็นความจริงว่าร็อบ ลุจจิเคยทรยศต่อเด็กหนุ่มด้วยการเป็นสายให้กับทหาร แต่ก็เป็นความจริงเช่นกันว่าชายคนนี้ได้ช่วยเหลือเขาในภายหลัง และปลดปล่อยนายพรานทั้งหมดออกมา

     

                เสียงฝีเท้าที่สับเข้ามาใกล้เป็นตัวมลายสถานการณ์ตึงเครียดให้หายไป กีบเท้าทั้งสี่ก้าวมาหยุดต่อหน้ากลุ่มคนทั้งหมดพร้อมเสียงตะโกนที่ดังแว่วมาแต่ไกล ร่างหนึ่งก้าวลงจากอาชาสีน้ำตาลเข้ม ก่อนวิ่งหน้าตั้งเข้ามากลางวง

     

     “ ใครอีกล่ะนั่น ” ซันจิหรี่ตามองด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ คนพวกนี้คุยกันในเรื่องที่เขาไม่เข้าใจมาตั้งแต่เมื่อครู่ เพราะเป็นคนเดียวไม่ได้ร่วมเดินทางมาตั้งแต่แรก และลอว์เป็นคนที่ตอบคำถามนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย

     

    “ ไม่ล่ะ… ไม่รู้จัก ”

     

    ผมแดงแชงคูส

     

                กลับเป็นคิดที่ชี้แจงข้อสงสัยพร้อมดวงตาคู่คมที่จ้องไปยังผู้มาใหม่อย่างไม่วางสายตา ชายผมแดงอีกคนปรากฏตัวตรงหน้าอย่างไม่ค่อยสุขุมตามที่เคยได้ยินมานัก ใบหน้าเช่นชายวัยกลางคนปรากฏหนวดเคราบางๆรอบริมฝีปาก และรอยแผลเป็นคาดผ่านดวงตาข้างซ้าย สิ่งที่ทำให้ตัวตนของชายคนนี้เด่นชัดคงเป็นดาบหนึ่งเล่มกับแขนข้างซ้ายที่ไม่มีอยู่ คำถามเดิมๆดังออกมาจากผู้มาใหม่ ทำให้สีหน้าของคนฟังเปลี่ยนเป็นงุนงงไปตามๆกัน

     

    “ ลูฟี่! พวกแกเอาลูฟี่ไปไว้ที่ไหน! ”

     

                ในเวลานี้ไม่มีใครตอบคำถามนั้นได้ แชงคูสรู้สึกร้อนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตั้งแต่คลาดกันกับลูฟี่เมื่อคราวนั้น เขาก็ออกตามหาเด็กหนุ่มมาโดยตลอด จนได้ความว่าเจ้าตัวออกเดินทางมากับนายพรานกลุ่มหนึ่งที่ดูไม่น่าไว้ใจก็ยิ่งทำให้ไม่สบายใจ สิ่งที่ผิดปกติที่สุดคงเป็นเส้นทางที่พวกเขาเลือกใช้ แทนที่จะตรงไปยังอาณาจักรของเด็กหนุ่มโดยตรง แต่กลับเปลี่ยนทิศทางกะทันหันมาที่นี่ราวกับเป็นความตั้งใจของใครบางคน

     

                มือหนาคว้าเอาม้วนกระดาษที่เก็บอยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากางกับต้นไม้ด้านหลัง มันคือแผนที่ขนาดไม่ใหญ่มากแต่มีรายละเอียดของอาณาจักรต่างๆอัดแน่นอยู่ สายตาคู่คมกวาดมองไปตามรูปวาดต่างๆก่อนจะขมวดคิ้วแน่น

     

    “ เดี๋ยวก่อนสิ ที่นี่อยู่ใกล้กับเดรสโรซ่าที่สุดใช่ไหม? ”

     

    “ เอ้อ… ก็ใช่ ” คนผมทองซึ่งเป็นคนในท้องที่ตอบคำถามนั้นด้วยใบหน้างงๆ

     

    “ เจ้าพวกบ้าเอ้ย! ไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์กันบ้างเลยหรือไง ” แต่แล้วแผนที่อันเดิมที่เคยกางเอาไว้ก็ถูกนิ้วเรียวบีบเข้าหากันจนยับพร้อมกับเสียงโวยวาย เกิดคำถามจากนายพรานที่เหลือว่าลุงนี่เป็นใครถึงได้มายืนชี้หน้าด่ากันปาวๆแบบนี้

     

    “ พวกแกกำลังเอาลูฟี่มาส่งให้กับอีวิลคิงโดยตรงเลยไม่รู้หรือไง! ”

     

    “ ว่ายังไงนะ!? ”

     

     

     

     

     

     

                อีวิลคิง สิ่งนั้นเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่วทุกท้องที่ว่าเป็นแม่มดใจร้ายในตำนานไม่ผิดแน่ แม้ในครั้งนี้จะมาในรูปลักษณ์ของผู้ชายก็ตาม มีคำบอกเล่ามากมายว่าเขาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่เก่งกาจ บ้างก็ว่าเป็นนักปรุงยาพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นตัวจริงว่าอาศัยอยู่ที่ใด แต่เจ้าตัวมีปราสาทสูงตระหง่านเหมาะสมแก่สถานะราชาเป็นของตน

     

                นับว่าเป็นข่าววงในที่แชงคูสสามารถไปสืบมาจนรู้ได้ว่าปราสาทของราชาผู้นั้นตั้งอยู่ที่อาณาจักรเดรสโรซา อาณาจักรที่ไร้ซึ่งสีสันและมีแต่ความหนาวเหน็บแห่งนี้ และเป็นเรื่องที่น่าใจหายนัก เมื่อเจ้าหญิงในคำทำนายได้มาถึงอาณาจักรที่ว่าเข้าเสียแล้ว…


     

    เส้นทางที่ใช้เดินทางถูกเปลี่ยนไปโดยที่ไม่มีนายพรานคนใดรู้ตัว… คงเป็นฝีมือของชายคนนั้นไม่ผิดแน่

     

                สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปเมื่อตัวร้ายไม่ใช่อาคาอินุอีกต่อไป สงครามเย็นสงบลงชั่วคราวและเป้าหมายล้วนมีร่วมกันคือการชิงตัวคนที่เฝ้าถวิลหากลับมาเท่านั้น ผู้ชายเจ็ดคนและกวางน้อยหนึ่งตัวกำลังติดตามร่องรอยที่ทิ้งไว้ของเด็กหนุ่ม ไม่ใช่คนแคระทั้งเจ็ดแต่เป็นนายพรานตัวสูงชะลูดแถมหน้ายังโหดเสียจนดูไม่น่าเข้าใกล้เท่าไรนัก เป็นเนื้อเรื่องที่บิดเบือนไปจากเทพนิยายชวนฝันนั้นเสียจนน่าฉงนใจ

     

     “ เป็นไงบ้างช็อปเปอร์ นายพอจะตามรอยได้บ้างหรือเปล่า ”

     

                ซันจิเอ่ยถามเรนเดียร์ข้างตัวขณะที่ปลายเท้าไม่ได้หยุดเดิน ช็อปเปอร์ยังคงง่วนอยู่กับการตามหากลิ่นที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เมื่อครู่ รอยเท้าที่เคยทิ้งไว้ถูกหิมะกลบไปจนหมด แม้ที่นี่จะมีนายพรานอยู่ด้วยกันถึงเจ็ดคน แต่การตามรอยเด็กคนนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากนัก


     

    วันนี้มีหิมะตกเยอะ แถมสายลมที่กำลังพัดโชยก็ไม่ได้นิ่งเสียด้วย

     

    “ ก็ลำบากอยู่ แต่ฉันจะพยายามตามให้นะ ” กลิ่นที่มีช่างเจือจาง แต่โชคยังดีที่มันไม่ได้หายไปเสียทีเดียว

     

                พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่ามากขึ้นเรื่อยๆ จากพื้นที่ที่เคยมีพืชสีเขียวให้เห็นเป็นป่ารกชัฏเริ่มบางตาลงจนเหลือเพียงต้นไม้ที่เติบโตได้ในอากาศหนาวจัดเท่านั้น ลำต้นสูงชะลูดขึ้นเรียงกันอย่างไม่มีระเบียบ กระจัดกระจายอยู่บนพื้นสีขาว

     

                ลูฟี่เดินออกมาไกลจากบ้านหลังนั้นมากจนน่าตกใจ สิ่งที่ดึงความสนใจของคนทั้งหมดไปคงเป็นพื้นที่ป่าด้านหน้าที่ต่างออกไป แม้พื้นจะเป็นเกล็ดหิมะปนกับดินเช่นเดียวกับเส้นทางที่ผ่านมา แต่พืชพรรณที่เติบโตในนั้นกลับอุดมสมบูรณ์เกินไปอย่างผิดธรรมชาติ ซ้ำร้ายยังมีหลากหลายสีสันปนกันไปราวกับความฝันไม่มีผิด

     

    “ ป่านี้มันอะไรกัน ” ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาระหว่างตกตะลึงกับป่าตรงหน้า ซันจิที่รู้ความจริงเอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มก้าวเข้าไปในพื้นที่นั้นเป็นคนแรก

     

    ป่าเวทมนตร์น่ะ ”

     

                ชายหนุ่มและเรนเดียร์จมูกน้ำเงินพบกันครั้งแรกที่ป่านี้โดยบังเอิญ และเขาก็หลงเข้าไปโดยคิดว่ามันเป็นเพียงป่าธรรมดาเท่านั้น ใครจะคาดเดาช่วงเวลาที่มันจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นอีกครั้งได้ เมื่อเรื่องราวครั้งนั้นก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว

     

                ชายผมเขียวยกดาบของตนขึ้นมาฟาดฟันเข้ากับรากไม้รากหนึ่งที่หมายเข้ามาทำร้ายได้ทันเวลา ในป่าแห่งนี้นอกจากต้นไม้จะเคลื่อนไหวได้ราวกับมีจิตใจแล้ว สัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ยังมีหน้าตาแปลกประหลาดชวนให้ตกใจ แต่เมื่อช็อปเปอร์มั่นใจว่าลูฟี่ได้เข้ามาในป่านี้อย่างแน่นอน นายพรานทั้งเจ็ดจึงไม่ลังเลที่จะเดินลึกเข้าไปมากกว่าเดิม แม้ที่แห่งนี้จะกว้างขวางจนไม่รู้จะไปบรรจบที่ไหนก็ตาม

     

                เจ้าของชุดสีฉูดฉาดชะงักปลายเท้าลงเมื่อดวงตาคู่นั้นปะทะเข้ากับบางสิ่ง ผลไม้สีแดงหม่นที่กำลังวางนิ่งอยู่บนพื้นลูกนั้นมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้บาร์โธโลมิโอรีบเอื้อมมือไปหยิบมันมาไว้ในครอบครอง เพียงแค่เห็นครั้งแรกเขาก็รับรู้ได้ในทันที…

     

    “ แย่แล้วครับ แอปเปิ้ลนี่มัน… ” เขาพูดขึ้นทั้งลมหายใจที่สะดุดกึก อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอยามเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่องรอยบางอย่างบนผิวอันมันวาว

     

                รอยเว้าเพียงเล็กน้อยที่เจาะลึกเข้าไปถึงเนื้อผลสีเหลืองนวลนั้น ได้บ่งบอกว่าแอปเปิ้ลผลนี้มีร่องรอยการลิ้มลองไปเสียแล้ว…

     

    “ กลิ่นของลูฟี่ก็หมดแค่ตรงนี้เหมือนกัน ” ช็อปเปอร์เอ่ยขึ้นตามทั้งแววตาหวาดหวั่น

     

                เป็นไปได้ว่าเด็กหนุ่มจมูกยาวคนนั้นอาจจะเป็นยายแก่ที่เอาแอปเปิ้ลมาให้เจ้าหญิงตามเนื้อเรื่องที่เคยเล่าขาน และสโนว์ไวท์ที่รู้ไม่ทันอุบายนั้นได้กัดมันเข้าไปหนึ่งคำ ก่อนที่เธอจะเข้าสู่นิทราชั่วนิรันดร…

     

    คงหลีกเลี่ยงโชคชะตาอันโหดร้ายนี้ได้ยากนัก

     

    ความจริงที่ว่าเจ้าหญิงตกอยู่ในเงื้อมมือของราชาใจร้ายผู้นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว…

     

     

     

     

     

               

                มันคือทุ่งหิมะโล่งกว้างและขาวโพลนตั้งแต่พื้นดินจนถึงขอบฟ้า มีเพียงพืชพรรณน้อยชนิดเท่านั้นที่สามารถเติบโตขึ้นมาได้ แต่ก็ไร้ซึ่งสีสันสวยงามใดๆ ปราสาทสีดำสนิทรูปทรงแปลกตาตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความขาวสะอาดนั้น ดูเป็นภาพที่ตัดกันราวกับงานศิลปะที่รังสรรค์ขึ้นมาโดยไร้ซึ่งการใช้สีอื่นๆแต่งแต้มลงไป

     

                แสงแดดที่ส่องผ่านมายังหน้าต่างเป็นสิ่งที่ปลุกให้ใครคนหนึ่งตื่นขึ้นจากการหลับใหล แพขนตาหนาเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า หรี่ตาหลบแสงจ้าที่สายตายังปรับสภาพไม่ได้มากนัก ก่อนภาพของสถานที่แห่งใหม่จะปรากฏขึ้นมาให้เห็น

     

                ทั้งร่างที่เคยทิ้งตัวอยู่บนเตียงนุ่มหยัดตัวขึ้นนั่ง เบื้องหน้าคือห้องขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา เตียงสี่เสาขนาดกว้างขวางล้อมไปด้วยผ้าม่านสีโปร่ง ไฟประดับเพดานห้อยระย้าลงมาพร้อมประกายวิบวับ

     

                ใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียงกำลังร้องไห้ฟูมฟายด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาเอ่ยประโยคที่ฟังแล้วไม่อาจเข้าใจได้ ห่างออกไปไม่มากก็มีร่างของชายวัยกลางคนยืนพิงกับผนังห้อง สายตาที่มองกลับมาเรียบสนิทราวกับไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ สิ่งที่ทำให้คนมองรู้สึกแปลกตาคงเป็นรอยบากที่ผ่ากลางใบหน้าคมนั้นจนเกือบถึงใบหู

     

                ลูฟี่มองภาพเหล่านั้นด้วยสายตาว่างเปล่า เขาไม่คุ้นหน้าชายคนนั้นเพราะไม่เคยพบเห็นมาก่อน ไม่ว่าใครในที่นี้ก็ไม่คุ้นเคยสำหรับเขาเลย ราวกับตื่นมาในที่ที่ไม่รู้จัก ดวงตากลมโตเลื่อนมาหยุดยังเด็กหนุ่มจมูกยาวข้างกาย วางสายตาค้างไว้อย่างนั้นพักหนึ่งจึงเอ่ยขึ้น

     

    “ นายเป็นใคร… ”

     

    ใบหน้าหวานนิ่วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ เกิดคำถามมากมายในเวลานี้ ทำไมในหัวของเขามันจึงว่างเปล่าไปหมด…

     

     

     

    แล้วฉันเป็นใครกันแน่…?

     

       

     

     


     

    มาอัพแล้วค่าา

    พาร์ทนี้มีตัวละครเข้าฉากพร้อมกัน6-7คนคือเกลี่ยบทยากมาก;-;

    อย่าเพิ่งไม่ชอบอุซปกันนะคะ55555 

    เค้ามีเหตุผลแน่นอนค่ะที่ทำแบบนั้น 

    ฟี่ก็ค่อนข้างฮอตจัด ก้นไม่ติดกับที่ซักที โดนคนแย่งไปตลอดเลย

    ไรเตอร์ไปวางแผนพล็อตเรื่องจนจบมาแล้วค่ะ

    จะได้สะดวกในการแต่งมากขึ้นกว่าเดิม

    เนื้อเรื่องในตอนนี้ดำเนินมาได้ประมาณ 50%แล้ว

    หากไม่มีเพิ่มลดคิดว่าไม่เกิน 28 chapterน่าจะจบ

    ยังไงจะพยายามอัพให้บ่อยขึ้นนะคะ

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×