ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #67 : ◣Fanfic◥ [LawxLuffy] Remembrance [Part 1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 337
      8
      19 ก.ย. 66

    Title: Remembrance
    Pairing: Law x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 1/5
    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

















     


    ตั้งแต่ไหนแต่ไร... ก็ไม่ค่อยรู้จักการแสดงออกทางสีหน้า

    ไม่ใช่กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าผิดปกติหรืออย่างไร ยังคงขมวดคิ้วเข้าหากันได้ดังเช่นปกติ


    ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉย ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไร...

    จนกระทั่งได้มาพบกับเขา ทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป...

     

     

     

     

          เสียงเซ็งแซ่ของเหล่าผู้คนดังระงมจนฟังไม่ได้ศัพท์ ถนนที่ทอดยาวบนภูเขาสูงที่ควรจะมีแต่ความเงียบสงบในเวลานี้กลับมีผู้คนยืนประปราย รายล้อมบริเวณเดียวกันอยู่ ท้องฟ้าจวนเจียนจะเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายคล้อย

     

          เสียงสัญญาณไซเรนดังแว่วมาจากถนนอีกฟากฝั่งเป็นระยะ เสียงแหลมเสียดหูเป็นสิ่งเตือนให้เหล่าประชาชนหลีกทางให้อย่างรู้หน้าที่ รถตู้สีขาวคาดสติกเกอร์สีสด สลักด้วยตัวอักษรได้ความหมายว่า 'รถฉุกเฉิน' แล่นเข้ามายังใจกลางด้วยความเร็วสูง ตามหลังมาด้วยรถตำรวจที่เปิดไฟไซเรนเข้าจอดเทียบข้างๆกัน

     

          บุรุษพยาบาลกรูกันออกจากรถตรงไปยังที่เกิดเหตุ ไหล่ทางโค้งบนภูเขาด้านหนึ่งที่เป็นทางลาดชันไม่สูงมาก เกาะกั้นถนนขาดออกเป็นสองส่วน ขนาดพอดีกับรถคันหนึ่งที่พุ่งชนด้วยความเร็วสูง

     

          ห่างออกไปเป็นระยะไม่มาก วัตถุโลหะสภาพยับเยินขึ้นเขม่าควันเป็นพื้นที่ไม่กว้างนัก การขนย้ายผู้ป่วยเริ่มต้นขึ้นทันทีเมื่อพบว่ามีคนติดอยู่ในซากรถ ถือว่าโชคยังดีที่รถตกลงมายังฝั่งที่ไม่ลาดชันมาก... เพราะอีกฝั่งก็คือหุบเหวอย่างดีที่หากตกลงไปแล้วคงจะหาศพพบได้ยาก

     

          นายตำรวจในเครื่องแบบรีบกันผู้คนออกจากพื้นที่ ร่างสองร่างถูกย้ายออกมาจากซากรถที่มีลักษณะพลิกคว่ำ คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับ ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่เบาะหลัง

     

          สืบทราบสาเหตุมาได้ว่าคนขับเกิดอาการหลับในระหว่างทางขึ้นเขา รถเสียหลักพุ่งชนข้างทางจนเกิดการพลิกคว่ำ และน่าสลดใจ... คนขับเสียชีวิตแทบจะทันที เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก อีกร่างหนึ่งถูกหามขึ้นสู่รถพยาบาลด้วยความรวดเร็ว เปิดสัญญาณไซเรนอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มออกตัวไปอย่างรวดเร็ว

     

    ส่งไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด ผู้ป่วยเสียเลือดมาก ภายในสิบห้านาที...! ” หัวหน้าพยาบาลสั่งเสียงดัง

     

    ...ภายในสิบห้านาทีนี้ ถ้ายังไม่ได้รับการรักษาแล้วล่ะก็...

     

     




     

    ในขณะเดียวกัน ณ โรงพยาบาลดองกี้โฮเต้

     

          มีสายด่วนแจ้งมาจากรถฉุกเฉินว่าต้องการนำผู้ป่วยเข้ามาที่นี่อย่างเร่งด่วน ช่วงเวลาเพียงไม่นานต่อจากนั้นก็มีเสียงหวีดเป็นจังหวะของรถตู้คันหนึ่งที่เข้ามาจอดเทียบประตูทางเข้าโรงพยาบาล

     

          ในเวลาเดียวกัน ประตูห้องผ่าตัดฉุกเฉินห้องหนึ่งก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงโปร่งของแพทย์วัยหนุ่มที่ก้าวออกมายืนหน้าห้อง ผ้าคลุมศีรษะถูกดึงออกหลังจากการผ่าตัดเหล่านั้นได้จบลง ใบหน้ากว่าครึ่งถูกปกปิดด้วยหน้ากากอนามัย มือยกขึ้นนวดขมับหวังจะผ่อนคลายความตึงเครียด

     

          พยาบาลสาวร่างอวบวิ่งหน้าตื่นตรงมาทางเขาอย่างรีบร้อน ในมือถือรายงานที่ดูท่าแล้วคงจะเร่งด่วนไม่ต่างกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของเธอ

     

    เคสด่วนค่ะคุณหมอทราฟาลก้า... ผู้ป่วยเสียเลือดมากและได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เหลือหมอที่ว่างอยู่แค่คุณคนเดียวแล้วค่ะ! ”

     

          เจ้าของชื่อเลื่อนสายตาคมมองรายงานในมืออวบ วันนี้เขาเองก็ผ่าตัดติดต่อกันมา 4-5 เคสแล้ว แถมเคสล่าสุดก็กำลังตามมาแบบไม่ให้ทันหายใจ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม่เป็นจังหวะ พร้อมกับเสียงล้อหมุนที่ลากไปตามพื้นมันวาวของโถงทางเดิน บ่งบอกได้อย่างดีว่า อีกไม่นานผู้ป่วยคนนั้นกำลังจะมาถึงเขาในไม่ช้าไม่ผิดแน่ สภาพการณ์เรียกว่าบังคับให้เขาต้องรับมืออย่างช่วยไม่ได้

     

    ตัดสินใจด้วยค่ะหมอ พยาบาลคนเดิมเร่งเร้า สายตาของเธอฉายแววจริงจังเหมือนต้องการกดดัน คนสวมชุดกาวน์สีขาวสะอาดตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไร กลับเบือนใบหน้าคมออกไปตามเสียงของเปลผู้ป่วยที่กำลังถูกส่งให้มาทางนี้

     

    ครืด ครืด ครืด

     

          ทั้งเสียงล้อและราวเหล็กกันตกตะกุกตะกักผสมปนเปกัน ร่างกายบอบบางนอนไม่ได้สติอยู่บนฟูกสีขาวสะอาด ที่บัดนี้เลอะคราบเลือดสีแดงแผ่ขยายกินวงกว้าง ตามแขนขามีบาดแผลขีดข่วน บ้างก็เป็นแผลฉกรรจ์ผสมกันไป รอยเขม่าสีดำปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วตัว บนใบหน้าเล็กมีหน้ากากออกซิเจนสวมอยู่ ทั้งพยาบาลวิ่งอยู่รอบด้านที่พยายามปฐมพยาบาลก่อนไปถึงห้องฉุกเฉินอย่างสุดความสามารถ

     

          เปลถูกเคลื่อนผ่านหน้าแพทย์หนุ่มไปอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปยังห้องผ่าตัดที่ยังคงว่างอยู่ ในชั่วขณะแห่งความเป็นความตายนั้น ทั้งร่างกาย ใบหน้า สีผม ทุกๆอย่างของเด็กหนุ่มที่นอนไม่ได้สติ ทำเอาดวงตาคู่คมสีนิลของแพทย์หนุ่มต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

    …..........

     

    …..

     

     

     

    คุณหมอคะ พยาบาลคนเดิมสะกิดเรียกร่างสูงตรงหน้าที่อยู่ๆก็เงียบไปจนได้สติกลับมา ใบหน้าคมก้มลงมองเธอที่มีส่วนสูงน้อยกว่า ก่อนที่คิ้วของคนเป็นหมอจะขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิมที่เป็นอยู่

     

    ทำไมกัน....

     

    ตกลงครับ... ผมจะดูแลเคสนี้ให้เอง

     

    ทำไมถึงได้เหมือนกับคนๆนั้นทุกอย่าง....

     

     

     

     

     

     

    เจ็บ... ทำไมถึงได้เจ็บมากขนาดนี้

     

    ปวดไปทั้งตัว อยากจะร้องไห้หรือไม่ก็ร้องตะโกนออกมาดังๆ...

     

    แต่เสียงมันก็ไม่ยอมออกมาเลยแม้แต่นิด... ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวหรือแขนขาอะไรเลย แค่กระพริบตาก็เต็มกลืนแล้ว

     

    เจ็บปวด... ทั้งหนาว สั่นระบมไปหมด

     

    เขาอยู่ที่ไหน... ทำไมถึงได้รู้สึกง่วงขนาดนี้

     

    อยากจะหลับไปตอนนี้... ถ้าหลับไป จะตื่นขึ้นมาอีกหรือเปล่านะ...

     

    หนาว... ทนไม่ไหวแล้ว

     

    ขอหลับไปซักพักจะได้ไหม...

     

    แค่แป๊บเดียวเท่านั้น...

     

    …........

     

    …....

     

    ….

     

    ...

     

    ...เดี๋ยวสิ... อย่าเพิ่งไป!

     

          เสียงเล็กตะโกนเสียงดัง เมื่อแผ่นหลังของใครบางคนปรากฏขึ้นมาในสายตา ร่างสูงโปร่งของคนซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ช่างคุ้นเคยเหลือเกินคนๆนั้นกำลังสาวเท้าออกไปข้างหน้า แผ่นหลังนั้นค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ

     

    ไม่ได้...!

     

    อย่าไปนะ! ” มือเล็กพยายามจะคว้าคนเบื้องหน้าตนเอาไว้ แต่ก็

     

    เจ็บ... ทั้งหนักและเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย ทำไมมันช่างห่างไกลขนาดนี้...

     

    ไม่ได้... ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ยอมให้ใครคนนั้นจากไปไม่ได้


    เขารู้สึกเหมือนว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป....

     

    รอก่อน... รอฉันก่อน

     

          เสียงในลำคอมันแหบแห้งไปหมด แม้แต่แรงที่จะวิ่งตามไปก็ยังไม่มี แผ่นหลังของคนๆนั้นห่างออกไปอีกแล้ว มันเล็กลงเรื่อยๆจนแทบจะมองไม่เห็นแล้ว...

     

          ความรู้สึกชื้นที่ตาตีตื้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ คนๆนั้นไม่หันหลังกลับมาฟังเขาบ้างเลย... ในที่ที่หนาวเหน็บและทรมานแบบนี้ เขาจะต้องอยู่เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ...

     

    ทุกๆอย่างเพียงค่อยๆดับมืดลง

     

    ช้าๆ... แต่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

     

          พร้อมๆกับความรู้สึกด้านชาตามร่างกาย ความเจ็บปวดที่หายไป... หูที่ไม่ได้ยินอะไรซักอย่าง ก่อนที่ตาจะเห็นภาพทุกอย่างกลายเป็นเพียงสีดำสนิท ...พร้อมกับสติของเจ้าของร่างที่ดับวูบลงไป...

     

     

     

     

     

     

    อา... ทำไมแขนขามันถึงได้หนักไปหมดขนาดนี้นะ รู้สึกเจ็บแปลบๆที่หัวด้วย

     

          เปลือกตาบางค่อยๆยกขึ้น เผยให้เห็นดวงตากลมโตสีดำสนิท ก่อนที่แสงสว่างจ้าจากภายนอกจะทำให้ร่างนั้นต้องฝืนหลับตาลงไปอีกครั้ง  จากนั้นจึงตัดสินใจค่อยๆลืมตาขึ้นใหม่ช้าๆ รายละเอียดต่างๆจึงไหลเข้าสู่สายตา

     

    ห้องสีขาว...? เตียงนอน กลิ่นยา ?

     

    โรงพยาบาลอย่างนั้นหรือ... ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่

     

          มือเล็กยกขึ้นเพื่อหวังยืนยันความสงสัยบางอย่าง ก็พบกับสายน้ำเกลือระโยงระยางที่ต่อเข้ากับถุงน้ำเกลืออีกที ตามแขนขามีผ้าพันแผลพันอยู่เต็มไปหมดจนเกือบจะเหมือนมัมมี่ มืออีกข้างยกขึ้นจับบริเวณศีรษะ

     

    แม้แต่บนหัวก็มีผ้าพันแผลด้วย... มิน่าถึงได้รู้สึกเจ็บระบมไปหมด


    ทั้งๆที่คิดว่าให้ตายยังไงก็ไม่อยากมานอนที่โรงพยาบาลตั้งแต่เด็กแล้วแท้ๆ...

     

    หืม... ตั้งแต่เด็ก ? ”

     

    แอด...

     

          คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสับสนปนงุนงง ก่อนที่จะได้ทันคิดอะไรต่อก็มีอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามาแทรก ประตูห้องพักถูกเปิดออกก่อนจะมีร่างของใครคนหนึ่งแทรกเข้ามาพร้อมสิ่งที่เหมือนกับรายงานอยู่ในมือ

     

          ร่างสูงในชุดคลุมสีขาวสะอาด ใบหน้าได้รูปที่ดูจะมีการจัดเรียงของเครื่องหน้าต่างๆลงสัดส่วนจนเรียกว่าคมคาย ผิวออกไปทางสีแทนยิ่งขับให้ใบหน้าเคร่งขรึมแสดงความโดดเด่นมากกว่าเดิม ดวงตาสีดำสนิทเช่นเดียวกับผมรองทรงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มีเพียงคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเหมือนกับคนครุ่นคิดอะไรตลอดเวลาเพียงเท่านั้น

     

          บริเวณรอบคอถูกสวมใส่ด้วยหูฟังแพทย์ที่เคยเห็นในโทรทัศน์บ่อยๆ คนนอนบนเตียงคงคิดว่าเป็นอะไรไปไม่ได้อีก นอกจากคนๆนี้จะเป็นหมอที่มาตรวจอาการของเขา

     

    รู้สึกตัวแล้วหรอ... ” พอร่างนั้นสาวเท้าเข้ามาใกล้จึงเริ่มทักขึ้น ดวงตาคู่คมดูจะเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยยามที่จ้องตรงมาที่เขา คนถูกทักจึงได้แต่พยักหน้ากลับไปครั้งหนึ่งด้วยความงุนงงเล็กน้อย

     

    พูดจาแปลกๆแฮะหมอคนนี้...

     

          พอวางรายงานในมือลงกับโต๊ะข้างๆได้ ร่างนั้นก็เลื่อนมือเข้าไปปลดอะไรซักอย่างใต้เตียงของเขา จนกระทั่งไหล่กว้างของคนตัวสูงกว่ามาเสียดสีเข้ากับไหล่ของเขาอย่างไม่ตั้งใจ คนตัวเล็กจึงขยับตัวออกเล็กน้อยให้สะดวกขึ้น ความสูงของเตียงครึ่งหนึ่งถูกเปลี่ยนองศาขึ้น จนร่างเล็กเกือบจะอยู่ในท่านั่ง

     

    รู้สึกแปลกๆตรงไหนบ้างหรือเปล่า เสียงนุ่มทุ้มนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงมายังดวงตากลมโตเหมือนมีคำพูดอีกมากมายซ่อนอยู่ในนั้น เพียงแต่คนตัวเล็กกว่าไม่เข้าใจในความหมายของมัน

     

    ไม่มีอะไรเลยนอกจากเจ็บ เจ็บ แล้วก็เจ็บ...

     

          จึงได้แต่ส่ายหัวตอบกลับไปเป็นคำตอบ จะมีอีกอย่างก็คือสาเหตุที่เขาจะต้องมานอนเจ็บอยู่ที่นี่ตอนนี้นี่แหละ พอสบโอกาสนี่หมอคนนั้นผละออกจากรายงานในมือนั้นได้แล้ว เสียงเล็กจึงเอ่ยขึ้น

     

    เอ่อ... หมอครับ ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? ”

     

          จะนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าก่อนหน้านี้ตัวเองไปทำอีท่าไหนถึงได้มีบาดแผลเกือบทั้งตัวแบบนี้ ใบหน้าคมเงยขึ้นจากรายงานที่หยิบมาเขียนได้พักหนึ่ง ดวงตาคู่เดิมจ้องมาที่คนบนเตียงนิ่งอยู่ซักพัก... แต่ก็นานจนชวนให้แปลกใจ

     

    แปลกแฮะ... หมอคนนี้แปลกจริงๆด้วย

     

    นายประสบอุบัติเหตุรถคว่ำที่เนินเขา บาดเจ็บสาหัส กว่าจะฟื้นขึ้นมาจนวันนี้ก็ราวๆหนึ่งเดือนได้แล้ว

     

    หนึ่งเดือน..?

     

    หลับไปนานหนึ่งเดือน... แถมเพราะรถคว่ำ...? จำไม่เห็นได้เลยแฮะ...

     

          คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันยุ่ง พยายามประมวลผลเรื่องราวก่อนหน้านี้ดูยังไงก็คิดไม่ออกซักที ส่วนร่างสูงที่ไร้คำถามให้ตอบจากคนตัวเล็กแล้วก็เริ่มหันมาจัดความเรียบร้อยของถุงน้ำเกลือ หยิบหูฟังแพทย์เข้ามาทาบกับอกของเขาบ้างตามหน้าที่ของหมอ

     

    แต่อึดอัดชะมัดเลยแฮะ...

     

          หมอคนนี้ตั้งแต่ถามไปว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงก็ยังไม่พูดอะไรออกมาซักคำ ได้แต่เดินมาตรวจนู่นตรวจนี่อยู่รอบๆตัวเขาเงียบๆ พร้อมกับใบหน้านิ่งๆอย่างเดียว ที่จริงก็รู้สึกตัวมาซักพักแล้ว... แต่ไม่รู้จะบอกกับคุณหมอยังไงดี

     

    ว่ากำลังอยากเข้าห้องน้ำจะแย่อยู่แล้ว...

     

    มีอะไรหรือเปล่า... เห็นจ้องหน้ามาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว ใบหน้าคมคายหันมาจ้องตรงกับใบหน้าของเขาแทบจะทันทีจนอดสะดุ้งขึ้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าไปเผลอจ้องหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไรเหมือนกัน แต่เรื่องจ้องหน้าไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้...

     

    คือ... ผมว่า... ผมปวดห้องน้ำน่ะ ริมฝีปากบางอมยิ้มแห้งๆ ตากระพริบปริบๆ บางทีก็รู้สึกว่าหมอน่ากลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก... อย่างน้อยก็ช่วยเอามือออกไปจากตัวเขาก่อนก็ได้ จะได้เดินลงไปเข้าห้องน้ำซักที

     

    อะ...! ”

     

          แต่ไม่ทันได้ทำอะไร อยู่ๆแขนของคนตัวสูงก็โอบรอบเอวของเขา แรงพยุงถูกส่งมาตามเหมือนจะดันให้ลุกขึ้น ...แต่ก็อดรู้สึกแปลกๆขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี

     

    เอ่อ... ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมลุกเองก็ได้

     

    เดี๋ยวฉันจัดการเอง โดนสวนกลับมาทันทีที่พูดจบ มือหนาข้างนั้นยังคงโอบเอวบางเอาไว้แน่น จนกระทั่งปลายเท้าของคนตัวเล็กลงสู่พื้นได้ จึงค่อยๆประคองร่างที่เล็กกว่าเดินต่อ

     

          ใบหน้าติดไปทางหวานของคนป่วยยู่เข้าหากันเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด ไม่คิดว่ามันจะหนักไปทั้งตัวแบบนี้จนแค่การเดินเฉยๆยังลำบาก เลยต้องเผลอทิ้งน้ำหนักลงไปกับแผ่นอกกว้างของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้

     

          พอถึงหน้าประตู คนในชุดสีขาวสะอาดก็ปล่อยให้คนป่วยเดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวของตัวเองตามมารยาท รอซักพักหนึ่งจนกระทั่งประตูห้องน้ำถูกคว้าออก ร่างที่ควรจะเดินออกมาอย่างทุลักทุเลกลับหยุดยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่แทน

     

          ร่างกายบอบบางแต่ก็ยังดูออกว่าเป็นผู้ชายในชุดผู้ป่วยสีโอรส ผมรองทรงยุ่งๆสีท้องฟ้าตอนกลางคืน ใบหน้าเรียวเล็กประกอบด้วยดวงตากลมโตสีดำสนิทกับรอยแผลเป็นใต้ตา ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน จมูกรั้นได้รูป กับผิวขาวเหลืองเกลี้ยงเกลา นั่นคือสิ่งที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้า

     

    แปลกใจขึ้นมาอีกแล้ว... แปลกใจมากๆ

     

    คุณหมอ ...ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม ดวงหน้านั้นหันกลับไปมองร่างสูงที่ยืนรออยู่หน้าห้องพร้อมใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขาทำท่าเหมือนคนอยากจะเข้ามาช่วยพยุงอยู่รอมร่อ

     

    ทำไมกันนะ...

     

    ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไม...

     

    ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าคมคายนั้นนิ่ง ขณะเดียวกันที่คิ้วเรียวขมวดพันกันยุ่ง มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาจับศีรษะเอาไว้...

     

     

    ทำไม... ผมถึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร...

     

      

     







    แว้บเข้ามาอัพเรื่องใหม่อีกแล้วว

    ขออัพฟิคเรื่องนี้แก้ขัดไปก่อนนะคะ ก่อนที่บทความนี้จะร้างไปก่อนT^T
    ไรเตอร์ประสบพบเจอปัญหาชีวิตมากมายเลยค่ะ มากจนสภาพจิตใจไม่ค่อยดี
    ขอหลบไปฮีลใจก่อนระหว่างอัพเรื่องนี้นะคะ

    ฟิคเรื่องนี้เคยแต่งทิ้งไว้ประมาณ 4 ปีกว่าๆ ได้แล้ว
    เพราะฉะนั้นเรื่องภาษาอะไรจะไม่คงที่เท่าตอนนี้นะคะ

    ใดๆ คือไรเตอร์ชอบความสัมพันธ์ระหว่างพิหมอกับฟี่ช่วงมารีนฟอร์ดจริงๆ ค่ะ
    ลอว์ก็คือช่วยเหลือน้องออกนอกหน้ามาก มันเลยอดไม่ได้ที่จะเอามาแต่ง
    ยังไงก็ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับฟิคเรื่องนี้กันนะคะ

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ^^

     



    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×