คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #67 : ◣Fanfic◥ [LawxLuffy] Remembrance [Part 1]
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 1/5
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตั้งแต่ไหนแต่ไร... ก็ไม่ค่อยรู้จักการแสดงออกทางสีหน้า
ไม่ใช่กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าผิดปกติหรืออย่างไร ยังคงขมวดคิ้วเข้าหากันได้ดังเช่นปกติ
ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉย ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไร...
จนกระทั่งได้มาพบกับเขา ทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป...
เสียงเซ็งแซ่ของเหล่าผู้คนดังระงมจนฟังไม่ได้ศัพท์ ถนนที่ทอดยาวบนภูเขาสูงที่ควรจะมีแต่ความเงียบสงบในเวลานี้กลับมีผู้คนยืนประปราย รายล้อมบริเวณเดียวกันอยู่ ท้องฟ้าจวนเจียนจะเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายคล้อย
เสียงสัญญาณไซเรนดังแว่วมาจากถนนอีกฟากฝั่งเป็นระยะ เสียงแหลมเสียดหูเป็นสิ่งเตือนให้เหล่าประชาชนหลีกทางให้อย่างรู้หน้าที่ รถตู้สีขาวคาดสติกเกอร์สีสด สลักด้วยตัวอักษรได้ความหมายว่า 'รถฉุกเฉิน' แล่นเข้ามายังใจกลางด้วยความเร็วสูง ตามหลังมาด้วยรถตำรวจที่เปิดไฟไซเรนเข้าจอดเทียบข้างๆกัน
บุรุษพยาบาลกรูกันออกจากรถตรงไปยังที่เกิดเหตุ ไหล่ทางโค้งบนภูเขาด้านหนึ่งที่เป็นทางลาดชันไม่สูงมาก เกาะกั้นถนนขาดออกเป็นสองส่วน ขนาดพอดีกับรถคันหนึ่งที่พุ่งชนด้วยความเร็วสูง
ห่างออกไปเป็นระยะไม่มาก วัตถุโลหะสภาพยับเยินขึ้นเขม่าควันเป็นพื้นที่ไม่กว้างนัก การขนย้ายผู้ป่วยเริ่มต้นขึ้นทันทีเมื่อพบว่ามีคนติดอยู่ในซากรถ ถือว่าโชคยังดีที่รถตกลงมายังฝั่งที่ไม่ลาดชันมาก... เพราะอีกฝั่งก็คือหุบเหวอย่างดีที่หากตกลงไปแล้วคงจะหาศพพบได้ยาก
นายตำรวจในเครื่องแบบรีบกันผู้คนออกจากพื้นที่ ร่างสองร่างถูกย้ายออกมาจากซากรถที่มีลักษณะพลิกคว่ำ คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับ ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่เบาะหลัง
สืบทราบสาเหตุมาได้ว่าคนขับเกิดอาการหลับในระหว่างทางขึ้นเขา รถเสียหลักพุ่งชนข้างทางจนเกิดการพลิกคว่ำ และน่าสลดใจ... คนขับเสียชีวิตแทบจะทันที เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก อีกร่างหนึ่งถูกหามขึ้นสู่รถพยาบาลด้วยความรวดเร็ว เปิดสัญญาณไซเรนอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ ส่งไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด ผู้ป่วยเสียเลือดมาก ภายในสิบห้านาที...! ” หัวหน้าพยาบาลสั่งเสียงดัง
...ภายในสิบห้านาทีนี้ ถ้ายังไม่ได้รับการรักษาแล้วล่ะก็...
ในขณะเดียวกัน ณ โรงพยาบาลดองกี้โฮเต้
มีสายด่วนแจ้งมาจากรถฉุกเฉินว่าต้องการนำผู้ป่วยเข้ามาที่นี่อย่างเร่งด่วน ช่วงเวลาเพียงไม่นานต่อจากนั้นก็มีเสียงหวีดเป็นจังหวะของรถตู้คันหนึ่งที่เข้ามาจอดเทียบประตูทางเข้าโรงพยาบาล
ในเวลาเดียวกัน ประตูห้องผ่าตัดฉุกเฉินห้องหนึ่งก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงโปร่งของแพทย์วัยหนุ่มที่ก้าวออกมายืนหน้าห้อง ผ้าคลุมศีรษะถูกดึงออกหลังจากการผ่าตัดเหล่านั้นได้จบลง ใบหน้ากว่าครึ่งถูกปกปิดด้วยหน้ากากอนามัย มือยกขึ้นนวดขมับหวังจะผ่อนคลายความตึงเครียด
พยาบาลสาวร่างอวบวิ่งหน้าตื่นตรงมาทางเขาอย่างรีบร้อน ในมือถือรายงานที่ดูท่าแล้วคงจะเร่งด่วนไม่ต่างกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของเธอ
“ เคสด่วนค่ะคุณหมอทราฟาลก้า... ผู้ป่วยเสียเลือดมากและได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เหลือหมอที่ว่างอยู่แค่คุณคนเดียวแล้วค่ะ! ”
เจ้าของชื่อเลื่อนสายตาคมมองรายงานในมืออวบ วันนี้เขาเองก็ผ่าตัดติดต่อกันมา 4-5 เคสแล้ว แถมเคสล่าสุดก็กำลังตามมาแบบไม่ให้ทันหายใจ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม่เป็นจังหวะ พร้อมกับเสียงล้อหมุนที่ลากไปตามพื้นมันวาวของโถงทางเดิน บ่งบอกได้อย่างดีว่า อีกไม่นานผู้ป่วยคนนั้นกำลังจะมาถึงเขาในไม่ช้าไม่ผิดแน่ สภาพการณ์เรียกว่าบังคับให้เขาต้องรับมืออย่างช่วยไม่ได้
“ ตัดสินใจด้วยค่ะหมอ ” พยาบาลคนเดิมเร่งเร้า สายตาของเธอฉายแววจริงจังเหมือนต้องการกดดัน คนสวมชุดกาวน์สีขาวสะอาดตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไร กลับเบือนใบหน้าคมออกไปตามเสียงของเปลผู้ป่วยที่กำลังถูกส่งให้มาทางนี้
ครืด ครืด ครืด
ทั้งเสียงล้อและราวเหล็กกันตกตะกุกตะกักผสมปนเปกัน ร่างกายบอบบางนอนไม่ได้สติอยู่บนฟูกสีขาวสะอาด ที่บัดนี้เลอะคราบเลือดสีแดงแผ่ขยายกินวงกว้าง ตามแขนขามีบาดแผลขีดข่วน บ้างก็เป็นแผลฉกรรจ์ผสมกันไป รอยเขม่าสีดำปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วตัว บนใบหน้าเล็กมีหน้ากากออกซิเจนสวมอยู่ ทั้งพยาบาลวิ่งอยู่รอบด้านที่พยายามปฐมพยาบาลก่อนไปถึงห้องฉุกเฉินอย่างสุดความสามารถ
เปลถูกเคลื่อนผ่านหน้าแพทย์หนุ่มไปอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปยังห้องผ่าตัดที่ยังคงว่างอยู่ ในชั่วขณะแห่งความเป็นความตายนั้น ทั้งร่างกาย ใบหน้า สีผม ทุกๆอย่างของเด็กหนุ่มที่นอนไม่ได้สติ ทำเอาดวงตาคู่คมสีนิลของแพทย์หนุ่มต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
…..........
…..
…
…
“ คุณหมอคะ ” พยาบาลคนเดิมสะกิดเรียกร่างสูงตรงหน้าที่อยู่ๆก็เงียบไปจนได้สติกลับมา ใบหน้าคมก้มลงมองเธอที่มีส่วนสูงน้อยกว่า ก่อนที่คิ้วของคนเป็นหมอจะขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิมที่เป็นอยู่
ทำไมกัน....
“ ตกลงครับ... ผมจะดูแลเคสนี้ให้เอง ”
ทำไมถึงได้เหมือนกับคนๆนั้นทุกอย่าง....
เจ็บ... ทำไมถึงได้เจ็บมากขนาดนี้
ปวดไปทั้งตัว อยากจะร้องไห้หรือไม่ก็ร้องตะโกนออกมาดังๆ...
แต่เสียงมันก็ไม่ยอมออกมาเลยแม้แต่นิด... ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวหรือแขนขาอะไรเลย แค่กระพริบตาก็เต็มกลืนแล้ว
เจ็บปวด... ทั้งหนาว สั่นระบมไปหมด
เขาอยู่ที่ไหน... ทำไมถึงได้รู้สึกง่วงขนาดนี้
อยากจะหลับไปตอนนี้... ถ้าหลับไป จะตื่นขึ้นมาอีกหรือเปล่านะ...
หนาว... ทนไม่ไหวแล้ว
ขอหลับไปซักพักจะได้ไหม...
แค่แป๊บเดียวเท่านั้น...
…........
…....
….
...
“ด...เดี๋ยวสิ... อย่าเพิ่งไป! ”
เสียงเล็กตะโกนเสียงดัง เมื่อแผ่นหลังของใครบางคนปรากฏขึ้นมาในสายตา ร่างสูงโปร่งของคนซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ช่างคุ้นเคยเหลือเกินคนๆนั้นกำลังสาวเท้าออกไปข้างหน้า แผ่นหลังนั้นค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ
ไม่ได้...!
“ อย่าไปนะ! ” มือเล็กพยายามจะคว้าคนเบื้องหน้าตนเอาไว้ แต่ก็
เจ็บ... ทั้งหนักและเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย ทำไมมันช่างห่างไกลขนาดนี้...
ไม่ได้... ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ยอมให้ใครคนนั้นจากไปไม่ได้
เขารู้สึกเหมือนว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป....
“ รอก่อน... รอฉันก่อน ”
เสียงในลำคอมันแหบแห้งไปหมด แม้แต่แรงที่จะวิ่งตามไปก็ยังไม่มี แผ่นหลังของคนๆนั้นห่างออกไปอีกแล้ว มันเล็กลงเรื่อยๆจนแทบจะมองไม่เห็นแล้ว...
ความรู้สึกชื้นที่ตาตีตื้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ คนๆนั้นไม่หันหลังกลับมาฟังเขาบ้างเลย... ในที่ที่หนาวเหน็บและทรมานแบบนี้ เขาจะต้องอยู่เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ...
ทุกๆอย่างเพียงค่อยๆดับมืดลง
ช้าๆ... แต่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
พร้อมๆกับความรู้สึกด้านชาตามร่างกาย ความเจ็บปวดที่หายไป... หูที่ไม่ได้ยินอะไรซักอย่าง ก่อนที่ตาจะเห็นภาพทุกอย่างกลายเป็นเพียงสีดำสนิท ...พร้อมกับสติของเจ้าของร่างที่ดับวูบลงไป...
อา... ทำไมแขนขามันถึงได้หนักไปหมดขนาดนี้นะ รู้สึกเจ็บแปลบๆที่หัวด้วย
เปลือกตาบางค่อยๆยกขึ้น เผยให้เห็นดวงตากลมโตสีดำสนิท ก่อนที่แสงสว่างจ้าจากภายนอกจะทำให้ร่างนั้นต้องฝืนหลับตาลงไปอีกครั้ง จากนั้นจึงตัดสินใจค่อยๆลืมตาขึ้นใหม่ช้าๆ รายละเอียดต่างๆจึงไหลเข้าสู่สายตา
ห้องสีขาว...? เตียงนอน กลิ่นยา ?
โรงพยาบาลอย่างนั้นหรือ... ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
มือเล็กยกขึ้นเพื่อหวังยืนยันความสงสัยบางอย่าง ก็พบกับสายน้ำเกลือระโยงระยางที่ต่อเข้ากับถุงน้ำเกลืออีกที ตามแขนขามีผ้าพันแผลพันอยู่เต็มไปหมดจนเกือบจะเหมือนมัมมี่ มืออีกข้างยกขึ้นจับบริเวณศีรษะ
แม้แต่บนหัวก็มีผ้าพันแผลด้วย... มิน่าถึงได้รู้สึกเจ็บระบมไปหมด
ทั้งๆที่คิดว่าให้ตายยังไงก็ไม่อยากมานอนที่โรงพยาบาลตั้งแต่เด็กแล้วแท้ๆ...
“ หืม... ตั้งแต่เด็ก ? ”
แอด...
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสับสนปนงุนงง ก่อนที่จะได้ทันคิดอะไรต่อก็มีอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามาแทรก ประตูห้องพักถูกเปิดออกก่อนจะมีร่างของใครคนหนึ่งแทรกเข้ามาพร้อมสิ่งที่เหมือนกับรายงานอยู่ในมือ
ร่างสูงในชุดคลุมสีขาวสะอาด ใบหน้าได้รูปที่ดูจะมีการจัดเรียงของเครื่องหน้าต่างๆลงสัดส่วนจนเรียกว่าคมคาย ผิวออกไปทางสีแทนยิ่งขับให้ใบหน้าเคร่งขรึมแสดงความโดดเด่นมากกว่าเดิม ดวงตาสีดำสนิทเช่นเดียวกับผมรองทรงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มีเพียงคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเหมือนกับคนครุ่นคิดอะไรตลอดเวลาเพียงเท่านั้น
บริเวณรอบคอถูกสวมใส่ด้วยหูฟังแพทย์ที่เคยเห็นในโทรทัศน์บ่อยๆ คนนอนบนเตียงคงคิดว่าเป็นอะไรไปไม่ได้อีก นอกจากคนๆนี้จะเป็นหมอที่มาตรวจอาการของเขา
“ รู้สึกตัวแล้วหรอ... ” พอร่างนั้นสาวเท้าเข้ามาใกล้จึงเริ่มทักขึ้น ดวงตาคู่คมดูจะเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยยามที่จ้องตรงมาที่เขา คนถูกทักจึงได้แต่พยักหน้ากลับไปครั้งหนึ่งด้วยความงุนงงเล็กน้อย
พูดจาแปลกๆแฮะหมอคนนี้...
พอวางรายงานในมือลงกับโต๊ะข้างๆได้ ร่างนั้นก็เลื่อนมือเข้าไปปลดอะไรซักอย่างใต้เตียงของเขา จนกระทั่งไหล่กว้างของคนตัวสูงกว่ามาเสียดสีเข้ากับไหล่ของเขาอย่างไม่ตั้งใจ คนตัวเล็กจึงขยับตัวออกเล็กน้อยให้สะดวกขึ้น ความสูงของเตียงครึ่งหนึ่งถูกเปลี่ยนองศาขึ้น จนร่างเล็กเกือบจะอยู่ในท่านั่ง
“ รู้สึกแปลกๆตรงไหนบ้างหรือเปล่า ” เสียงนุ่มทุ้มนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงมายังดวงตากลมโตเหมือนมีคำพูดอีกมากมายซ่อนอยู่ในนั้น เพียงแต่คนตัวเล็กกว่าไม่เข้าใจในความหมายของมัน
ไม่มีอะไรเลยนอกจากเจ็บ เจ็บ แล้วก็เจ็บ...
จึงได้แต่ส่ายหัวตอบกลับไปเป็นคำตอบ จะมีอีกอย่างก็คือสาเหตุที่เขาจะต้องมานอนเจ็บอยู่ที่นี่ตอนนี้นี่แหละ พอสบโอกาสนี่หมอคนนั้นผละออกจากรายงานในมือนั้นได้แล้ว เสียงเล็กจึงเอ่ยขึ้น
“ เอ่อ... หมอครับ ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? ”
จะนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าก่อนหน้านี้ตัวเองไปทำอีท่าไหนถึงได้มีบาดแผลเกือบทั้งตัวแบบนี้ ใบหน้าคมเงยขึ้นจากรายงานที่หยิบมาเขียนได้พักหนึ่ง ดวงตาคู่เดิมจ้องมาที่คนบนเตียงนิ่งอยู่ซักพัก... แต่ก็นานจนชวนให้แปลกใจ
แปลกแฮะ... หมอคนนี้แปลกจริงๆด้วย
“ นายประสบอุบัติเหตุรถคว่ำที่เนินเขา บาดเจ็บสาหัส กว่าจะฟื้นขึ้นมาจนวันนี้ก็ราวๆหนึ่งเดือนได้แล้ว ”
หนึ่งเดือน..?
หลับไปนานหนึ่งเดือน... แถมเพราะรถคว่ำ...? จำไม่เห็นได้เลยแฮะ...
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันยุ่ง พยายามประมวลผลเรื่องราวก่อนหน้านี้ดูยังไงก็คิดไม่ออกซักที ส่วนร่างสูงที่ไร้คำถามให้ตอบจากคนตัวเล็กแล้วก็เริ่มหันมาจัดความเรียบร้อยของถุงน้ำเกลือ หยิบหูฟังแพทย์เข้ามาทาบกับอกของเขาบ้างตามหน้าที่ของหมอ
แต่อึดอัดชะมัดเลยแฮะ...
หมอคนนี้ตั้งแต่ถามไปว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงก็ยังไม่พูดอะไรออกมาซักคำ ได้แต่เดินมาตรวจนู่นตรวจนี่อยู่รอบๆตัวเขาเงียบๆ พร้อมกับใบหน้านิ่งๆอย่างเดียว ที่จริงก็รู้สึกตัวมาซักพักแล้ว... แต่ไม่รู้จะบอกกับคุณหมอยังไงดี
ว่ากำลังอยากเข้าห้องน้ำจะแย่อยู่แล้ว...
“ มีอะไรหรือเปล่า... เห็นจ้องหน้ามาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว ” ใบหน้าคมคายหันมาจ้องตรงกับใบหน้าของเขาแทบจะทันทีจนอดสะดุ้งขึ้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าไปเผลอจ้องหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไรเหมือนกัน แต่เรื่องจ้องหน้าไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้...
“ คือ... ผมว่า... ผมปวดห้องน้ำน่ะ ” ริมฝีปากบางอมยิ้มแห้งๆ ตากระพริบปริบๆ บางทีก็รู้สึกว่าหมอน่ากลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก... อย่างน้อยก็ช่วยเอามือออกไปจากตัวเขาก่อนก็ได้ จะได้เดินลงไปเข้าห้องน้ำซักที
“ อะ...! ”
แต่ไม่ทันได้ทำอะไร อยู่ๆแขนของคนตัวสูงก็โอบรอบเอวของเขา แรงพยุงถูกส่งมาตามเหมือนจะดันให้ลุกขึ้น ...แต่ก็อดรู้สึกแปลกๆขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี
“ เอ่อ... ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมลุกเองก็ได้ ”
“ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ” โดนสวนกลับมาทันทีที่พูดจบ มือหนาข้างนั้นยังคงโอบเอวบางเอาไว้แน่น จนกระทั่งปลายเท้าของคนตัวเล็กลงสู่พื้นได้ จึงค่อยๆประคองร่างที่เล็กกว่าเดินต่อ
ใบหน้าติดไปทางหวานของคนป่วยยู่เข้าหากันเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด ไม่คิดว่ามันจะหนักไปทั้งตัวแบบนี้จนแค่การเดินเฉยๆยังลำบาก เลยต้องเผลอทิ้งน้ำหนักลงไปกับแผ่นอกกว้างของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้
พอถึงหน้าประตู คนในชุดสีขาวสะอาดก็ปล่อยให้คนป่วยเดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวของตัวเองตามมารยาท รอซักพักหนึ่งจนกระทั่งประตูห้องน้ำถูกคว้าออก ร่างที่ควรจะเดินออกมาอย่างทุลักทุเลกลับหยุดยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่แทน
ร่างกายบอบบางแต่ก็ยังดูออกว่าเป็นผู้ชายในชุดผู้ป่วยสีโอรส ผมรองทรงยุ่งๆสีท้องฟ้าตอนกลางคืน ใบหน้าเรียวเล็กประกอบด้วยดวงตากลมโตสีดำสนิทกับรอยแผลเป็นใต้ตา ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน จมูกรั้นได้รูป กับผิวขาวเหลืองเกลี้ยงเกลา นั่นคือสิ่งที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้า
แปลกใจขึ้นมาอีกแล้ว... แปลกใจมากๆ
“ คุณหมอ ...ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม ” ดวงหน้านั้นหันกลับไปมองร่างสูงที่ยืนรออยู่หน้าห้องพร้อมใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขาทำท่าเหมือนคนอยากจะเข้ามาช่วยพยุงอยู่รอมร่อ
ทำไมกันนะ...
ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไม...
ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าคมคายนั้นนิ่ง ขณะเดียวกันที่คิ้วเรียวขมวดพันกันยุ่ง มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาจับศีรษะเอาไว้...
“ ทำไม... ผมถึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร... ”
ความคิดเห็น