ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #58 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : The red fabric and sea(1) (Part17)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 284
      10
      20 ก.พ. 66

    Title: Candied dream : The red fabric and sea(1) 
    Pairing: All x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 17/20

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


















     

    นานมาแล้วในทะเลสีครามกว้างสุดลูกหูลูกตา

    มีอาณาจักรและเจ้าหญิงแสนสวยอยู่ใต้ผืนสมุทร

    เจ้าหญิงได้พบเจอกับพ่อมดใจร้าย เขายื่นเงื่อนไขอันอยุติธรรมมาให้

    เจ้าหญิงไม่อาจทำตามสัญญานั้นได้ จึงต้องกลายเป็นฟองสบู่ไปตลอดกาล





    เรื่องราวเหนือจินตนาการมักจะเกิดขึ้นอย่างไม่ได้ทันตั้งตัว แม้แต่คราวนี้ก็ด้วย

     

            ลูฟี่ตื่นขึ้นมาบนเตียงนุ่มในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ก่อนที่เขาจะต้องตกใจกับภาพตรงหน้าเมื่อขาทั้งสองข้างระบายสีเทอควอยซ์ขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าถึงหัวเข่า ร่างผอมบางอยู่ในชุดผ้าโปร่งสีแดงปกคลุมไหล่ กางเกงขาสั้นสีม่วงตัวนี้ที่เขารู้สึกว่ามันจะสั้นเกินไปแล้วประดับประดาไปด้วยไข่มุกอย่างปรานีต

     

    คราวนี้อิวานคอฟไม่ได้หายไปเหมือนทุกที เจ้าตัวรอจนเด็กหนุ่มฟื้นจากนิทรา ก่อนจะนำทางเขาไปยังที่แห่งหนึ่ง

     

            ที่แห่งนี้เหมือนกับถ้ำหินขนาดใหญ่ที่มีมวลความชื้นในอากาศค่อนข้างสูง ผู้คนมากมายอาศัยอยู่กระจัดกระจาย การแต่งกายของคนเหล่านั้นดูแปลกตาเหมือนชนเผ่าอะไรสักอย่าง สิ่งที่ทำให้ต้องประหลาดใจคือผิวหนังที่มีสีเขียวคล้ายกับขาของเขา บ้างก็มีพังผืดตามนิ้วมือและเท้า บ้างก็มีครีบปรากฏตามตัว

     

    อย่างกับว่าที่นี่เป็นโลกใต้น้ำ… อีกหนึ่งสถานที่ที่เกินสามัญสำนึกไปไกลโข

     

    บ้าน่า… มันจะไปใช่ได้ยังไงกันล่ะ มนุษย์ปกติหายใจในน้ำได้ที่ไหนกัน

     

            ขณะที่มัวทำหน้ายุ่งอยู่กับความสับสน ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนเป็นโถงกว้างมหึมา มันยังคงเป็นถ้ำหินที่ปรากฏรอยตะไคร่น้ำเกาะอยู่ประปราย ผู้คนแต่งกายประหลาดตายืนเรียงอยู่เต็มสองฝั่งโดยมีเขายืนอยู่ตรงกลาง เบื้องหน้าคือบัลลังก์ที่ถูกสร้างให้สูงขึ้นสำหรับใครคนหนึ่งที่มีตำแหน่งเหนือหัว

     

            ประสบการณ์สะกิดให้ลูฟี่ระแวงคนที่ดูจะเป็นตัวละครหลักในนิทานใดๆโดยอัตโนมัติ ต่อให้คราวนี้จะมาพร้อมกับอิวานคอฟที่ช่วยเขาเอาไว้หลายครั้ง แต่ผู้คนในโลกแห่งนี้ก็ดูจะไม่ปกติซักคน

     

            ผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น เขาสวมใส่เพียงผ้าโปร่งที่ผูกไว้หลวมๆตรงเอว เพียงนั่งท่าไขว่ห้างนิดหน่อยก็วับๆแวมๆเกือบเห็นภาพที่ไม่ควรแล้ว บนผมดำยาวกระเซอะกระเซิงประดับไปด้วยมงกุฎสีทองอันหนึ่ง และตรีศูลสีเดียวกันที่เจ้าตัวถือไว้ในมือข้างขวา

     

    อย่างกับภาพเทพเจ้าที่เคยเห็นในตำนาน ท่าทางชายคนนี้ดูมีอำนาจเหมาะสมกับบัลลังก์ดี

     

    “ว่ายังไงเจ้าลูกชาย เพิ่งจะเคยพบกันครั้งแรกสินะ”

     

    หืม… ใครลูกใครนะ

     

            ใบหน้าน่ารักหันมองซ้ายทีขวาที แต่ดูเหมือนทุกสายตาในห้องโถงจะจับจ้องมาที่เขาเป็นจุดเดียว คิ้วเรียวก็พลันขมวดเข้าหากันยุ่ง ก่อนจะชี้หน้าตัวเองกับเจ้าของประโยคเมื่อครู่สลับกับอย่างงุนงง

     

    “ข้าชื่อดราก้อน อิวานคอฟเล่าเรื่องของเจ้าให้ฟังทั้งหมดแล้ว”

     

    คราวนี้ไม่อ้างว่าเขาเป็นเจ้าหญิงของตัวเอง แต่ดันมาบอกว่าเป็นพ่อเลยเนี่ยนะ…

     

    “ขอโทษนะครับ ผมว่าลุงเข้าใจผิดแล้ว” ลูฟี่รีบโบกมือปฏิเสธ ในความทรงจำของเขาเติบโตมาพร้อมกับปู่ร่างหมีทรงพลังที่โลกฝั่งนู้น แถมปู่ยังเป็นทหารเก่าที่เกษียณแล้วแต่ไม่ยอมปลดเกษียณตัวเองซักที

     

    มันก็ใช่อยู่ว่าเขาไม่เคยเห็นหน้าพ่อตัวเองเลยซักครั้งเพราะปู่ไม่เคยเล่าให้ฟัง

     

    แต่ตาลุงมีรอยสักบนใบหน้าคนนี้ก็ไม่น่าจะใช่พ่อของเขาเหมือนกัน พ่อจะมาอยู่ในโลกนี้ได้ยังไง…

     

            เสียงระเบิดหัวเราะจากคนตรงหน้าราวกับว่ามันตลกนักหนายิ่งทำให้ลูฟี่งุนงง เขาไม่รู้จะแสดงสีหน้าตอบกลับไปแบบไหน และคนที่นี่เป็นอะไรทำไมต้องยืนหัวเราะกันทุกคน ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมพวกเขาถึงมีครีบขึ้นตามผิวหนังด้วย

     

    “เอาเถอะไม่เป็นไร จากนี้ไปฉันฝากนายดูแลเขาให้ดีด้วยล่ะ” ดราก้อนไม่ได้ว่าอะไรมากกว่านั้น บรรยากาศรอบตัวของเขาดูผ่อนคลาย เจ้าตัวเพียงมอบหมายหน้าที่ผู้ดูแลให้เจ้าของผมแอฟโฟร และไม่ได้วุ่นวายกับเด็กหนุ่มไปมากกว่านั้น

     

    หากนี่เป็นหนึ่งในนิทานที่กำลังดำเนินต่อไป เหตุการณ์ต่างๆที่กำลังรออยู่จะเกิดขึ้นแน่นอนโดยไม่อาจต้านทานได้

     

    “ขอแค่เจ้าอย่าขึ้นไปบนโลกมนุษย์ก็เพียงพอ ข้างบนนั้นมันอันตรายเกินไป”

     

     

     

     

     

     

    แปลกประหลาดเกินไปแล้ว… ที่นี่มีแม้กระทั่งม่านน้ำเชื่อมต่อกับมหาสมุทรภายนอก

     

            ลูฟี่ขยี้ตาตัวเองซ้ำๆเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไป แต่สัมผัสหลังจากที่เขายื่นมือไปมันเป็นน้ำทะเลไม่ผิดแน่ รสชาติเค็มปี๋แบบที่หาจากแหล่งน้ำบนพื้นดินไม่ได้ รวมถึงทัศนียภาพเบื้องหน้าที่มีปะการังและพื้นทราย สัตว์น้ำและผู้คนที่เขาเคยเห็นเดินไปเดินมาอยู่ในถ้ำกระโดดออกไปว่ายน้ำราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ จนทำให้เผลอลืมเรื่องที่ตั้งใจจะกลับโลกเดิมไปชั่วขณะ

     

    เหมือนกับตอนที่ตกลงมาในทะเลครั้งแรก ตอนนั้นเขาสามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบตัวได้ชัดเจน…

     

    “เธอก็ทำแบบนั้นได้นะ ลองก้าวออกไปไหมล่ะ” เจ้าของผมสีม่วงเอ่ยชวน ส่งให้เด็กหนุ่มรีบส่ายหัวเป็นพัลวัน

     

    “ฉันว่ายน้ำไม่เป็น” ถึงจะงงอยู่ว่าตอนนั้นตกน้ำลงมาทำไมถึงยังรอดได้ก็เถอะ

     

            แต่อิวานคอฟมักจะชอบทั้งดึงทั้งผลักตัวเขาแบบไม่ให้ทันตั้งตัว เชื่อเถอะว่าคราวนี้น่าจะเป็นหนที่แปดแล้วที่เจ้าตัวผลักเขาออกไปสู่ผืนน้ำแบบไม่ได้ขออนุญาต

     

    ไม่—!

     

            ความเปียกชื้นของน้ำเข้าปะทะผิวกาย ลูฟี่รีบปัดป่ายหาที่ยึดเกาะตามประสาคนว่ายน้ำไม่เป็น แต่ทำแบบนั้นได้ไม่นานความรู้สึกแปลกประหลาดก็ทำให้ทั้งร่างต้องชะงักทั้งแบบนั้น เขายกมือขึ้นมาวางบนจมูกด้วยความตกใจ

     

            ความสามารถพิเศษที่เพิ่งเคยค้นพบหรือไง ทำไมเขาถึงหายใจในน้ำได้เหมือนกับในอากาศปกติ ซ้ำยังลืมตามองเห็นภาพทุกอย่างได้ด้วย

     

    “ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกนะ ฉันจะพาเธอไปดูอะไรน่าสนใจด้วยกัน”

     

            แม้แต่คนในชุดมวยปล้ำก็ยังพูดในน้ำได้ เจ้าตัวดูว่ายน้ำได้คล่องแคล่วผิดจากลักษณะภายนอก ลูฟี่ขยับแขนขาอย่างเงอะงะเพราะไม่เคยว่ายน้ำมาก่อน วันนี้มีเรื่องเหลือเชื่ออยู่เต็มไปหมดจนเขาไม่รู้ว่าควรตกใจอะไรก่อนดี ทั้งร่างลอยตัวอยู่ในน้ำอย่างอิสระ เขาขยับร่างกายได้อย่างง่ายดายราวกับคุ้นเคยกับผืนน้ำมาก่อน

     

    เพราะสีเขียวที่ระบายอยู่บริเวณปลายขาของเขาหรือเปล่านะ ถึงทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้

     

            เจ้าของทรงผมฟูฟ่องพาเด็กหนุ่มทัวร์ชมใต้มหาสมุทรอยู่พักใหญ่ มันน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่ไม่เคยเห็นภาพอะไรแบบนี้มาก่อนอย่างลูฟี่ไม่น้อย แต่ไม่นานนักกิจกรรมดังกล่าวก็ต้องหยุดลงเมื่ออิวานคอฟพาเขามาได้ไกลพอสมควรแล้ว

     

    “ฝั่งนั้นมีผู้ปกครองคนหนึ่งที่เธอไม่ควรไปยุ่งด้วย ถ้าไม่อยากมีเรื่องวุ่นวายตามมาเหมือนทุกทีน่ะนะ” มืออวบชี้ไปยังอีกฟากสมุทรที่สีของน้ำเข้มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ อธิบายด้วยปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ก็คงเป็นเพราะอุณหภูมิและความหนาแน่นของน้ำที่ต่างกัน แต่ก็เป็นความจริงเช่นกันว่ามีใครอีกคนปกครองผืนน้ำฟากนั้นเอาไว้อยู่

     

    เรื่องวุ่นวายที่ว่าหมายถึงคนที่ชอบมาบอกว่าเขาเป็นเจ้าหญิงนั่นหรือเปล่านะ ถ้าใช่ก็จะเชื่อคำอิวานคอฟเลย เพราะเขาเองก็เหนื่อยเต็มทนแล้ว

     

    “ฉันต้องไปทำธุระแล้ว เธอเองก็ไปเที่ยวเล่นได้ตามสบายนะ” เจ้าของขนตาหนาเตอะหันมาขยิบตาให้เด็กน้อยทีหนึ่งก่อนจะขอปลีกตัวออกไป

     

    “แต่อย่าลืมว่าโลกข้างบนมันอันตรายมาก อย่าไปข้องเกี่ยวกับพวกมนุษย์เชียวล่ะ”

     

     

     

     

     

     

    เป็นหนที่สองที่ลูฟี่ถูกกำชับเรื่องห้ามขึ้นไปบนผืนน้ำ…

     

    ก่อนหน้านี้เขาเผลอลืมเรื่องที่กำลังหนีอยู่ไปเสียสนิท จะอะไรดลใจก็ไม่รู้ แต่เขารู้สึกอยากจะขัดคำสั่งนั้นเสียเต็มประดา

     

            ถ้าไม่กลับขึ้นไปแล้วเขาจะกลับไปยังที่ที่จากมาได้ยังไงล่ะ จะให้อยู่ใต้น้ำไปตลอดชีวิตก็ไม่เอาด้วยหรอก ต่อให้ที่นี่จะต้อนรับเขาอย่างดีหรือไม่ แต่ยังไงก็ไม่ใช่ที่ที่เติบโตมาอยู่ดี

     

            คิดได้แบบนั้นก็รอจนเจ้าของผมแอโฟรลับสายตาไปพักใหญ่ ตัดสินใจว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างไม่ลังเล เขาสามารถขยับร่างกายในน้ำได้อย่างอิสระแล้ว ดูเหมือนจะว่ายน้ำได้คล่องตัวกว่าที่คิดไว้พอสมควร

     

            บนผิวน้ำในเวลานี้ไม่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์อย่างที่ควรเป็น เหมือนช่วงเวลานี้จะเป็นตอนกลางคืนที่ท้องฟ้าเคลือบไปด้วยสีดำสนิท ซ้ำร้ายดวงตากลมโตยังเหลือบไปเห็นสายฟ้าที่สว่างวาบเป็นเส้น พร้อมกับเสียงดังครืนๆที่ตามมาจนทั้งผืนน้ำสั่นเป็นวงกว้าง

     

            พอโผล่พ้นขึ้นมายังอากาศด้านบนได้ เด็กหนุ่มก็ต้องเจอกับกระแสลมและคลื่นน้ำรุนแรงจนร่างบางเซถลาไปด้วย เจ้าของใบหน้าน่ารักกำลังงุนงง ดูเหมือนว่าเขาจะว่ายขึ้นมาเจอพายุอะไรซักอย่าง สายฝนสาดเทลงมาทั้งบนบกและมหาสมุทรอย่างไม่ปรานี

     

    เกิดเรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย… เมื่อกี๊ใต้น้ำยังสงบดีอยู่เลย

     

            เห็นชายฝั่งอยู่ไม่ห่างออกไป ลูฟี่ก็ไม่ลังเลที่จะว่ายตรงไปทางนั้น แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันไปสะดุดเข้ากับเรือลำหนึ่งที่กำลังสั่นโคลงเคลงอยู่บนคลื่นน้ำลูกใหญ่ สายฟ้าเส้นหนึ่งสว่างวาบเป็นฉากหลังอันน่าหวาดเสียว

     

            ดวงตากลมโตเฝ้ามองภาพนั้นอย่างพิจารณา เขาไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ สภาพเรือที่ดูจะจมเหล่มิจมเหล่ก็พอจะเดาอนาคตได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จนกระทั่งภาพของลูกเรือที่พยายามสู้ชีวิตก็ทำให้เขาไม่อาจนิ่งดูดาย

     

           และแล้วคลื่นทะเลก็ไม่ปรานีต่อเรือลำเล็กอีกต่อไป พายุที่พัดกระหน่ำทำให้พาหนะนั้นพลิกคว่ำลงสู่ผืนน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัว

     

            ร่างของใครคนหนึ่งกำลังจมดิ่งสู่พื้นทะเลอย่างเชื่องช้า เขาไม่อาจต้านทานกระแสน้ำอันรุนแรงในยามนี้ได้จนสติที่มีเริ่มเรือนราง ก่อนที่ทั้งร่างจะสัมผัสได้ถึงแรงกระชากจากใครคนหนึ่งออกมาจากตาพายุ

     

    สิ่งหนึ่งที่จำได้ก่อนสติจะหมดไปคือชายผ้าสีแดงอันอ่อนโยนและใบหน้าอันคุ้นเคยที่เฝ้าถวิลหา…

     

    จะต้องเป็นเขาคนนั้นไม่ผิดแน่… ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น

     

     

     

     

     

     

    นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรอีกล่ะเนี่ย…

     

            ลูฟี่ทั้งดึงทั้งลากร่างที่สูงใหญ่กว่าตัวเองขึ้นมาวางบนหาดทรายอย่างทุลักทุเล หลังจากแบกร่างนี้ว่ายน้ำออกมาไกลพอสมควร เขาก็หาชายฝั่งเจอเสียที ร่างผอมบางกอดอกมองชายตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้วยุ่ง หลังจากคนๆนี้สำลักน้ำออกมาได้รอบหนึ่ง เจ้าตัวก็ดูเหมือนจะมีจังหวะการหายใจกลับมาปกติแล้ว

     

    ไม่ควรไปยุ่งด้วยมากกว่านี้แล้ว… ลูฟี่คิดแบบนั้น

     

    ก็เพราะว่าผู้ชายคนนี้ดันมีมือซ้ายเป็นตะขอสีทอง ซ้ำร้ายบนใบหน้ายังมีรอยแผลเป็นพาดยาวอยู่ด้วยน่ะสิ!

     

            นี่มันโจรสลัดคนนั้นที่เคยเจอกันมาแล้วรอบนึงนี่นา ชื่อคร็อคอะไรซักอย่างที่เขาก็จำไม่ได้แล้ว ทั้งที่คิดว่าหนีออกมาจากลานบูชายัญนั่นแล้วแต่ก็ยังวนมาเจอกันอีกจนได้ แถมคราวนี้เจ้าตัวดันไปเรือล่มอยู่กลางทะเลอีก อย่าบอกนะว่าเรื่องราวมันจะวนเวียนกลับมาที่เดิมอีกแล้ว

     

            พอคิดได้แบบนั้นเจ้าตัวก็รีบจ้ำอ้าวออกมาอย่างไม่รีรอ ในเมื่อช่วยชีวิตอีกฝ่ายให้รอดได้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องอยู่รอให้อีกฝ่ายรู้ตัว อุตส่าห์แอบหนีขึ้นมาบนบกได้แล้ว ก็มีแต่ต้องหาทางกลับบ้านต่อไปก็เท่านั้น

     

           แต่ทำไมกันนะ… ทุกก้าวที่เหยียบย่างไปบนผืนทรายมันถึงเจ็บปวดเหมือนกับกำลังเหยียบอยู่บนปลายเข็มนับร้อยได้ขนาดนี้

     

            ออกวิ่งไปได้ไม่ทันไรทั้งร่างก็ต้องทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นทรายเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว ขาทั้งสองข้างของเขายังมีรูปลักษณ์เหมือนเดิม ติดก็ตรงสีเขียวเทอควอยซ์ที่มันยังไม่หายไปไหน จะปล่อยให้เจ้าของมือตะขอนั่นตื่นก็ไม่ได้ด้วย แต่แค่จะวิ่งไปข้างหน้ามันก็เจ็บเกินไป

     

            ความกระหายน้ำเข้าโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว ลูฟี่รู้สึกเหมือนลำคอของเขากำลังแห้งผากเป็นผง เสียงที่เปล่งออกมาก็พาลหายไปด้วย ราวกับว่าหากไม่กลับคืนสู่ผืนน้ำก็อาจจะขาดน้ำตายตรงนี้ได้

     

            ตัดสินใจพาตัวเองกระโดดลงน้ำอีกครั้งอย่างหมดทางเลือก ทุกครั้งที่เขาพยายามก้าวขึ้นฝั่งอีกครั้ง ความรู้สึกเจ็บปวดและกระหายน้ำแบบเดิมก็แล่นเข้ามาอีก จนทำให้รู้สึกว่าชายฝั่งและโลกบนบกมันช่างห่างไกลจากตัวเขามากขึ้นทุกที

     

    มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่… ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้

     

         เด็กหนุ่มไม่ได้รู้ตัวเลยว่า เจ้าหญิงเงือกต้องคำสาปให้ไม่อาจใช้ชีวิตอยู่บนโลกเบื้องบนได้ ต่อให้เจ้าตัวจะปรารถนามากมายเท่าใดก็ตาม…

     

     

     

     

     

     

    แม้แต่อิวานคอฟที่ดูเหมือนจะมีพลังพิเศษอะไรบางอย่างก็ไม่อาจให้ความช่วยเหลือแก่เขาได้

     

            เด็กน้อยปรารถนาการใช้ชีวิตบนบกที่เติบโตมาโดยตลอด ชีวิตของเขาเหมือนโดนจำกัดอิสระเมื่อโดนบังคับให้ต้องอยู่ใต้น้ำตลอดเวลา แม้ผืนสมุทรจะกว้างใหญ่และใช้เวลาทั้งชีวิตก็คงสำรวจไม่หมด แต่ลูฟี่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันกับการพยายามขึ้นไปบนชายฝั่ง แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้

     

            ร่างบอบบางจึงทำได้เพียงว่ายน้ำไปตามกระแสอย่างไรจุดหมาย ผู้คนที่นี่ต่างทักทายและให้ความเคารพประหนึ่งเขาเป็นบุตรของราชาผมกระเซิงคนนั้นจริงๆ ตราบใดที่ร่างกายนี้ยังไม่เหนื่อยไปเสียก่อนก็ตั้งใจว่าจะยังไม่กลับไปยังถ้ำหินแห่งนั้นที่เหมือนที่พำนักชั่วคราวในเวลานี้

     

    เพราะประตูประหลาดนั่นบานเดียวแท้ๆ คราวหน้าถ้าเจอประตูอะไรอีกจะไล่เปิดมันให้ครบทุกบานเลยคอยดูสิ เผื่อจะพาเขากลับไปโลกเดิมได้บ้าง

           

    เด็กหนุ่มไม่ได้ทันรู้ตัวว่าตัวเองว่ายน้ำออกมาไกลจากเมืองที่อาศัยอยู่พอสมควร กระแสน้ำที่สัมผัสผิวกายเริ่มมีความหนาแน่นและอุ่นขึ้นจนรู้สึกได้ ทัศนียภาพเบื้องหน้าที่เปลี่ยนไปสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้มาถึง เมื่อสีสันของปะการังและโขดหินเริ่มมีตามความมืดหม่นจนส่งให้พื้นที่โดยรอบดูน่าหดหู่ไปโดยปริยาย

     

            ถ้ำหินขนาดมหึมาเป็นตัวดึงความสนใจจากดวงตากลมโตให้ไม่อาจละสายตา บางสิ่งกำลังดึงดูดให้ร่างนั้นเข้าไปหา โดยเฉพาะประตูเหล็กบานใหญ่ที่ประดับอยู่บริเวณปากถ้ำ ส่งให้คนที่กำลังตามหาประตูซักบานที่จะพาตัวเองออกไปจากที่นี่รีบตรงไปโดยไม่ต้องคิด

     

            ออกแรงผลักเพียงไม่มาก ประตูบานใหญ่ขนาดเท่าบ้านทั้งหลังก็เปิดออกอย่างง่ายดายโดยที่มวลน้ำมหาศาลไม่ได้ไหลเข้าไปด้านในด้วย ม่านน้ำบางๆกั้นระหว่างมหาสมุทรและถ้ำแห่งนั้นที่เป็นพื้นแห้งเหมือนกับที่ที่เขาจากมา กลิ่นไอความชื้นและตะไคร่น้ำเกาะตามผนังหินให้เห็นตลอดทาง ได้ยินเสียงน้ำหยดติ๋งๆเป็นระยะราวกับพื้นที่นี้เพิ่งโดนน้ำท่วมมาหมาดๆ

     

            แต่สถานที่แห่งนี้กลับเงียบสงัดไร้วี่แววของผู้คน ความมืดทำให้มองเห็นทัศนียภาพด้านในได้ยาก อาศัยก็เพียงคบเพลิงไม่กี่อันตามผนังที่คอยส่องแสงสลัวให้ความสว่าง

     

    อย่างไรเสียที่นี่ก็ดูไม่เหมือนว่าจะพาเขากลับไปที่เดิมได้อยู่ดี แต่กลับมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาดให้ก้าวลึกเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาต

     

    อยากขึ้นไปบนพื้นดินอย่างงั้นหรอ

     

    เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้นมาทำลายความเงียบ มันก้องสะท้อนโถงกว้างและดูมีอำนาจจนเผลอทำให้ไหล่ลาดทั้งสองข้างของผู้บุกรุกสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ

     

    “ถ้าอย่างนั้นให้ฉันช่วยเธอดีไหม…”

     

            ดูเหมือนใครคนนั้นตั้งใจจะสนทนากับเขา ลูฟี่รีบหันมองรอบตัวด้วยความสนใจ เงื่อนไขที่เจ้าของเสียงนั้นยื่นเสนอมาไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่าแต่เจ้าตัวก็ปักใจเชื่อไปแล้วเกินครึ่ง

     

            เสียงปลายเท้าคู่หนึ่งใกล้เข้ามาทำให้รู้ว่าใครคนนั้นมีตัวตนอยู่จริง แม้สถานที่แห่งนี้จะไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต แต่ร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งกลับกำลังปรากฏขึ้นมาในดวงตาสีไม้มะเกลือของคนมอง ชายคนนั้นระบายรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจอยู่บนริมฝีปาก การแต่งกายของเจ้าตัวประดับไปด้วยเนื้อผ้าสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า จะมีก็แต่เสื้อคลุมตัวใหญ่ที่มีระบายแซมสีม่วงหม่น ที่มองเผินๆอย่างไรก็ส่งให้ดูเหมือนปลาหมึกตัวใหญ่ไม่มีผิด

     

            เจ้าของใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วมองด้วยความรู้สึกมายมายที่ตีกันอยู่ในหัว มีหลายอย่างสะดุดสายตาของเขาจนไม่รู้จะเลือกมองตรงไหนก่อนดี แต่คนตัวเล็กก็รีบสะบัดความตกตะลึงนั้นออกไปแล้วเลือกถามในสิ่งที่กำลังสงสัย

     

    “นายจะช่วยฉันยังไง”

     

    ข้อแลกเปลี่ยนยังไงล่ะ”

     

    “…ถ้าเธอทำได้ ฉันจะทำให้เธอสามารถขึ้นไปใช้ชีวิตบนโลกด้านบนได้อีกครั้ง”

     

    ทำไมกันนะ ใบหน้าและรูปร่างท่าทางแบบนี้มันช่างคุ้นตาเหลือเกิน

     

     

    ราวกับว่าเขาเคยเห็นมาก่อนที่ไหน…

     

     

      

     





    ตอนนี้แต่งสนุกมากๆค่ะทุกคนนน แต่ไรเตอร์มีเวลาน้อยเหลือเกินค่ะ แงๆ
     
    ก็คือลากทุกคนมาลงน้ำหมดเลยค่ะ555555 ตลกมาก
    ตอนแรกคิดหนักเลยว่าจะเอาฟี่มาอยู่ในน้ำยังไงดีนะ ไม่ได้อยากให้ฟี่มีหางเป็นนางเงือก
    ว่าจะเอาเข้าพล็อตสโนว์ไวท์หน่อยก็กลัวจะไปซ้ำซ้อนกับฟิคที่เราเคยแต่งแยกไว้อีก
    เลยวางพล็อตอยู่นานพอสมควรกว่าจะเขียนออกมาเป็นตอนนี้ได้

    เอาจริงเนื้อหาตอนนี้ก็แอบได้แรงบันดาลใจมาจากชาว Kukulkan จาก Black panther มาเยอะเลยค่ะ;-;
    บวกกับเครื่องแต่งกายก็คือจินตนาการเป็นทรงประมาณ Atlantis ไปเลย

    เนื้อหาก็คืออัดแน่นและดำเนินเรื่องเร็วมากๆ
    ก็นางเงือกน้อยของเรามันสตอรี่เยอะนี่เนอะ เดี๋ยวเออซูล่าเขาจะไม่มีบทพอดี
    ว่าแต่พ่อหนุ่มปลาหมึกคนนี้จะเป็นใครกันนะ มาติดตามกันต่อดีกว่าค่ะ^^


    แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ:)

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×