ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #56 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Midnight bride(1) (Part15)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 251
      10
      14 ม.ค. 66

    Title: Candied dream : Midnight bride (1)
    Pairing: All x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 15/20

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


















     

    งานเต้นรำของอาณาจักรถูกจัดขึ้นทุกปีในคืนพระจันทร์เต็มดวง

    รัชทายาทผู้นั้นแสวงหาคู่อภิเษกทั้งรู้ว่าเมืองแห่งนี้ไม่มีหญิงสาว

    เวลาล่วงเลยผ่านไปปีแล้วปีเล่าขณะที่ผู้คนกำลังใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวัง

    คนคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมา

     

     

     

     

     

    “นี่ๆ นายที่เป็นหมีตรงนั้น ช่วยฉันออกไปหน่อยได้เปล่า”

     

            เห็นแต่ดวงตากลมๆ กับผมสีไม้มะเกลือที่โผล่พ้นหน้าต่างห้องเก็บของโกโรโกโส เจ้าชายของเขามอบหมายให้ตามหาเจ้าหญิงที่เจ้าตัวมั่นใจว่าสองพี่น้องซ่อนเอาไว้ อาศัยความสามารถในการดมกลิ่นของเผ่าขนมิ้งค์ทำให้ทราบว่ามีมนุษย์อยู่ในที่แห่งนี้จริงๆ

     

            เบโปะเป็นสิ่งมีชีวิตมายาที่อาศัยร่วมกับมนุษย์ในที่แห่งนี้มาช้านาน และเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดทุกคนถึงต้องพยายามซ่อนหรือเก็บเจ้าหญิงไว้กับตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย เจ้าหมีขนฟูคิดว่าเจ้าของเสียงเล็กๆนั่นน่าสงสารเสียด้วยซ้ำที่แม้แต่เจ้าชายก็ยังต้องการกักตัวไว้ใต้อาณัติ

     

            ใช้เวลางัดแงะอยู่ไม่นาน ร่างผอมบางก็ปรากฏออกมาให้เห็นพร้อมรอยยิ้มจ้า เขามีท่าทีสนใจหมีขั้วโลกที่ยืนสองขาอยู่ตรงหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบพาตัวเองหนีออกไปจากที่ประหลาดๆนี่

     

    จะเจออะไรอีกก็ไม่แปลกใจแล้ว นอนหลับมาก็หลายตื่นไม่เห็นจะเหมือนฝันเลยซักนิด

     

    “ฉันอยากช่วยนาย แต่เจ้าชายให้ฉันพานายกลับไปด้วยน่ะสิ” ใบหน้าปุกปุยแสดงความสับสนอย่างเต็มประดา ขัดคำสั่งเจ้านายก็ไม่ได้ แต่เด็กมอมแมมนี่ก็น่าสงสารจังเลย

     

    “เจ้าชายที่ไหนอีก ฉันไม่ไปด้วยหรอกนะ”

     

         เขาหลงมาไกลเกินความเข้าใจของตัวเองไปมากแล้ว ทำไมใครต่อใครถึงต้องการการมีอยู่ของเจ้าหญิงมากมายขนาดนั้นกันนะ

     

    “ขอบคุณที่มาช่วย จำไว้ว่านายไม่ผิดที่ฉันหนีไปหรอกนะ ชิชิ”

     

    ว่าพร้อมสับเท้าตัวเองออกไปโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว เบโปะยืนทำสีหน้าเหรอหราในขณะที่เจ้าหญิงวิ่งหน้าตั้งออกไปจนไกลลับตาเสียแล้ว

     

     

     

     

     

     

           ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน บรรยากาศที่เคยตึงเครียดกับยิ่งทวีคูณกว่าเดิม เมื่อคำสารภาพ เจ้าหญิงหนีไปแล้ว หลุดออกมาจากปากทหารคนสนิท แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่สองพี่น้องกวนบาทาตรงหน้าก็เก็บสีหน้าสะใจเอาไว้ไม่อยู่

     

    “เจ้าหญิงไม่ใช่ของๆใครทั้งนั้น ต่อให้พวกฉันพยายามกักขังเขาไว้ สุดท้ายก็เป็นอย่างนี้แหละ” แม้ท่าทางจะดูเย้ยหยัน แต่ประโยคของซันจิก็เคลือบไปด้วยคำตัดพ้อในโชคชะตาของตัวเอง

     

            ผู้มีสถานะสูงศักดิ์พ่นเสียงผ่านไรฟันอย่างรู้สึกหงุดหงิด ทั้งที่เกือบจะเข้าถึงตัวอยู่แล้วแต่เด็กคนนั้นก็หลุดรอดออกไปในช่วงเวลาเพียงชั่วครู่ งานเต้นรำที่ฝืนจัดขึ้นทุกปีแม้จะไร้ตำแหน่งของเจ้าหญิง โชคชะตาใจร้ายเหลือเกินที่ส่งเขาคนนั้นมาแล้ว แต่ไม่ให้โอกาสในการครอบครอง

     

    คิดจะลัดขั้นตอนพาเจ้าหญิงกลับวังตั้งแต่แรกก็โดนขัดขาเสียแล้ว

     

            จำใจต้องถอนกำลังทหารของตนกลับไปก่อนอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้เตรียมแผนสำรองกรณีเจ้าหญิงหนีไปเองเอาไว้ แต่ถ้าหากเนื้อเรื่องมันจะต้องดำเนินต่อไป อย่างไรเสียจะยอมใจเย็นรออีกสักหน่อยก็ได้

     

     

     

     

     

     

            ลูฟี่จำไม่ได้ว่าวิ่งออกมาไกลแค่ไหนแล้ว มือทั้งสองข้างวางค้ำลงบนเข่าพร้อมหอบอย่างหมดท่า เป็นครั้งแรกที่วิ่งหนีออกมาได้โดยไม่มีใครตามหลังมาด้วย เขามองกระโปรงขาดรุ่งริ่งที่เปื้อนคราบเขม่าเตาผิงของตัวเองพร้อมลอบถอนหายใจ

     

    ที่นี่คือที่ไหนและจะกลับไปได้อย่างไรกันนะ

     

            พื้นที่รอบข้างมีแต่ทุ่งหญ้ากว้างสลับกับต้นไม่ใหญ่ขึ้นเป็นระยะ เขาเติบโตมาในเมืองใหญ่แถมไม่ค่อยมีประสบการณ์ตั้งแคมป์ในป่าเสียด้วย อากาศแถวนี้ก็ใช่ว่าจะอบอุ่น ไหล่ทั้งสองข้างก็พาลสั่นระริกตอนที่ลมเย็นๆพัดผ่าน

     

           ดวงตากลมโตพลันกวาดไปเห็นควันไฟที่พัดขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นหลักฐานว่าคงมีใครบางคนตั้งแคมป์อยู่ไม่ห่างออกไป หากไม่รบกวนเกินไปก็ว่าจะขอนั่งผิงไฟให้พ้นคืนนี้ไปเสียหน่อย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ทั้งที่เพิ่งเลยเวลากลางวันมาไม่นาน แต่ท้องฟ้ากลับมืดเร็วกว่าปกติเหมือนกับมีใครมาเร่งเวลา

     

            ลำธารใสสะอาดไหลผ่านกลางป่า เป็นภาพแรกที่ปรากฏให้เห็นแล้วอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ กองไฟเล็กๆถูกก่อเอาไว้ซ้ำยังไม่มอดเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่พบวี่แววของคนอยู่ใกล้ๆ มีเพียงพุ่มไม้สีม่วงประหลาดตาที่เด็กหนุ่มคิดว่านั่นคงเป็นพุ่มไม้อะไรซักอย่างของโลกแห่งนี้

     

            เขาทิ้งตัวลงข้างกองไฟพร้อมถอนหายใจยาว ไออุ่นจากเปลวเพลิงข้างหน้าทำให้ความคิดสงบลงได้เพียงครู่หนึ่ง ทั้งร่างก็ถูกกระชากสติขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อพุ่มไม้ที่เคยวางอยู่ข้างๆกันดันลุกขึ้นยืนด้วยขาทั้งสองข้างเหมือนกับคน

     

    แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ!

     

    “เหวอออ หัววว!!” สาบานเถอะว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป หัวอันเบ้อเร่อมีตามีปากกำลังยืนพูดอยู่ตรงหน้า พุ่มไม้สีม่วงที่เคยเห็นคือผมของเจ้าตัวที่ฟูฟ่องเป็นวงกลม ร่างกายสูงใหญ่สวมชุดหนังรัดติ้วเหมือนกับชุดมวยปล้ำ

     

    นึกว่าขนตาจะเด้งออกมาทิ่มกันเสียแล้ว ใครอีกละเนี่ย

     

    “เธอจะมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้นะ เนื้อเรื่องจะดำเนินต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีเธออยู่”

     

    กำลังพูดอยู่กับเขาอย่างนั้นหรอ แล้วเนื้อเรื่องอะไร เขาต้องไปอยู่ตรงไหน

     

    “ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันอยากกลับบ้าน”

     

    “ชุดอะไรของเธอเนี่ย โกโรโกโสมาก สองพี่น้องนั่นเอาให้เธอใส่หรอ” ไม่ได้ฟังกันเลยซักนิด ลูฟี่แปลกใจตั้งแต่เจ้าตัวใส่ชุดน้อยชิ้นท้าทายอากาศหนาวเหน็บนี่แล้ว ซ้ำร้ายยังจับตัวเขาหมุนไปหมุนมา ที่จริงไอชุดนี่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้อยากใส่มันนักหรอก ถ้าไม่ติดว่าชุดก่อนหน้าโดนคนผมเขียวฉีกเละเทะไปแล้ว

     

    “ใกล้ได้เวลาแล้วสิ ฉันจะช่วยให้เธอไปที่งานนั้นก็แล้วกัน”

     

    “อะไรของนายเนี่ย ไม่ฟังที่ฉันพูดเลย ฉันไม่อยากไปไหนทั้งนั้น”

     

    “ฉันชื่ออิวานคอฟ เรียกอิวานจังก็ได้ เราคงได้พบกันอีกเร็วๆนี้” เจ้าของชื่อว่าพลางขยิบตาให้ลูฟี่ทีหนึ่ง วาดแขนไปในอากาศเป็นรูปร่างแปลกตา แพขนตาหนาของตัวเล็กปิดลงฉับพลันเพราะแสบตา แสงสว่างวาบตีเข้ามาครู่หนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีทั้งร่างก็มีน้ำหนักของชุดรั้งเอาไว้ สัมผัสได้ว่ามันยังไม่พ้นกระโปรงฟูฟ่องสีฟ้าที่ใครหลายๆคนชอบยัดเยียดให้เขาสวมใส่

     

    แถมตรงหน้ายังมีรถม้ารูปทรงประหลาด หยึกหยักชอบกลเหมือนสร้างขึ้นมาจากผลไม้ชนิดหนึ่ง

     

    เรื่องราวชักจะคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหนแฮะ

     

    “รีบกลับไปก่อนเถอะนะ ถ้าเธอหนีมาแบบนี้อาจจะหาทางออกไปไม่ได้อีกเลย”

     

    “เฮ้เดี๋ยว!” ยังไม่ทันได้หยุดประหลาดใจ แรงส่งจากฝ่ามือใหญ่ก็ดันหลังเขาขึ้นไปบนรถม้าอย่างไม่เบานักจนหน้าคะมำไปกับเบาะหนัง ประตูรถม้าปิดลงและออกตัวอย่างรวดเร็วจนลูฟี่ตั้งตัวไม่ทัน เขาหาแม้แต่วิธีเปิดประตูออกไปก็ไม่ได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะพาไปหยุดที่ไหน

     

    แต่จะวิ่งเร็วเกินไปหน่อยแล้วมั้ย แค่นี้หลังก็ติดกับเบาะจนลุกขึ้นมาไม่ได้แล้ว

     

     

     

     

     

     

    แต่ในที่สุดมันก็ยอมหยุดลง

     

            ลูฟี่พาตัวเองออกจากรถม้ารูปร่างแปลกตานั้นอย่างทุลักทุเล เขารู้สึกเหมือนยังปรับตัวให้ชินกับความเร็วไม่ได้ อยู่ๆล้อทั้งสองข้างก็เบรคเอี๊ยดลงด้านหน้าปราสาทมหึมาเหมือนในเทพนิยาย ประตูที่เคยปิดสนิทเปิดอ้าออกเหมือนเป็นการบอกกลายๆว่ามาถึงแล้ว ครั้นพอก้าวลงมายืนที่พื้นได้ รถม้าทั้งคันก็พังครืน และล้อกลมๆกลิ้งหลุนๆไหลไปตามทางเดินและตกลงไปในคูน้ำรอบปราสาทเรียบร้อย

     

    เอาล่ะ คราวนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี

     

            ปราสาทโอ่อ่าแห่งนี้ประดับประดาไปด้วยแสงไฟสวยงาม ได้ยินเสียงเพลงบรรเลงมาจากด้านในราวกับมีงานรื่นเริงที่รอการมาถึงของใครบางคน เด็กหนุ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีหากจะก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น กลัวว่าถ้าเข้าไปแล้วจะไปเกี่ยวพันกับเรื่องราวแปลกๆที่เจอมาโดยตลอดอีกครั้ง

     

    ถึงแม้จะหิวมาก แต่ลูฟี่ก็เลือกที่จะเดินออกไปในทิศทางตรงข้ามกับงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่

     

            กระโปรงที่แสนเทอะทะทำให้การเดินไปข้างหน้าทำได้ยากลำบาก มันฟูฟ่องกว่ากระโปรงทุกตัวที่เขาเคยได้สวมใส่ แขนเล็กรวบเอาก้อนผ้าหนาๆตรงหน้ามารวมกันก่อนจะก้าวเดินต่อไป แม้แต่รองเท้าก็ยังเป็นทรงผู้หญิง โชคยังดีที่มันไม่มีส้นแหลมแถมมาให้ด้วย

     

            แต่ทั้งร่างก็ต้องเซถลาไปด้านหลังจนชนกับแผงอกของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เมื่อเอวบอบบางโดนคว้าไปกอดเอาไว้อย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างที่สูงกว่าจากด้านหลัง ก่อนที่ใครคนนั้นจะนำใบหน้าเคลื่อนมาไว้ข้างกัน เพื่อให้คนในชุดสีฟ้าได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของตนได้อย่างชัดเจน

     

    “หาเจอจนได้นะ เจ้าหญิงของฉัน”

     

     

     

     

     

     

            เขาเคยรู้สึกโหยหาคนๆหนึ่งทั้งที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน กาลเวลาสั่งให้รอคอยแม้ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงที่ใด จนทำให้รู้สึกแปลกใจขึ้นมาว่าคนเราจะสามารถรักใครคนหนึ่งได้มากขนาดนั้นเชียวหรือ

     

    “นายเป็นใคร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” เจ้าหญิงไม่ได้บอบบางเหมือนท่าทางภาพนอกที่มองเห็น มือเล็กดันหน้าคนที่ถือวิสาสะเข้ามาโอบออกไปจนร่างที่สูงกว่าถลาออกไปด้านหลัง

     

    ใบหน้ากลมมน ดวงตาสุกใสเหมือนกับลูกกวาง ไม่ได้โดดเด่นแต่ก็น่ารักจนไม่อาจละสายตาออกไปได้

     

    ความรู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ รักโดยไม่มีเงื่อนไขอย่างน่าประหลาด

     

    ลอว์ ทราฟาลก้า ลอว์ นั่นคือชื่อของข้า” ชายตัวสูง กิริยามารยาทงดงามต่างจากตอนที่โดนจู่โจมครั้งแรกโดยสิ้นเชิง แต่งกายด้วยผ้าเนื้อดีตั้งแต่หัวจรดเท้า แค่กระดุมเม็ดเดียวก็ดูเหมือนจะแพงกว่าค่าจ้างงานพิเศษของเขาทั้งปี บวกกับการพูดจาอันแปลกประหลาด ลูฟี่เผลอคิดว่าชายคนนี้อาจจะเป็นเจ้าชายจากที่ไหนซักแห่งก็เป็นได้

     

    “ขอโทษที่เสียมารยาท แต่ในงานมันวุ่นวายนัก หากข้าจะเชิญเจ้าไปเดินเล่นด้วยกันได้หรือเปล่า”

     

    ขนาดแค่ฟังยังรู้สึกเหมือนอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ชินกับการพูดจาของคนที่นี่ซักที

     

    “ทำไมฉันถึงต้องเดินเล่น”

     

            ไม่ได้ถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แต่เจ้าตัวถามเพราะอยากรู้จริงๆ ในเวลานี้เด็กขี้แงอยากจะกลับบ้านเสียเต็มประดา เขาเหนื่อยที่จะต้องคอยวิ่งหนีและรับมือกับเรื่องที่ไม่เข้าใจมากเต็มที

     

            คนตัวสูงมองใบหน้างุนงงแล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มตาม เด็กคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังยืนพูดอยู่กับใคร เขาผายฝ่ามือที่สวมถุงมือสีขาวสะอาดไว้ตรงหน้าเป็นการเชิญชวน แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้วางฝ่ามือของตนลงมาตอบ

     

           คิ้วเรียวที่เคยขมวดกันยุ่งเหยิงกว่าเดิมเมื่อคนที่เคยขอโทษกลับถือวิสาสะคว้ามือนิ่มนั้นไว้ในครอบครอง ออกแรงดึงไม่มาก ร่างที่บางกว่าก็จำต้องก้าวขาออกเดินไปตามเจ้าของแผ่นหลังกว้าง

     

    ในหัวของลูฟี่มีแต่คำว่าอะไรเนี่ยอยู่เต็มไปหมด

     

    “มีที่ดีๆที่ข้าอยากให้เจ้าได้เห็น”

     

            ไม่รู้อะไรดลใจให้คนที่รำคาญชุดแสนเทอะทะนี้ยอมเดินตามคนจูงมือตัวเองไปอย่างว่าง่าย ชายที่ชื่อทราฟาลก้าพาเขาเดินเลาะด้านข้างปราสาทออกไปในสวนที่ประดับด้วยพันธุ์ไม้หลากหลาย ด้านหน้าเป็นทางลาดลงไปให้มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเล็กๆยามค่ำคืน

     

            ลอว์ทิ้งตัวลงนั่งบนเนินหญ้านั้นโดยไม่ได้ใส่ใจว่าชุดราคาแพงที่เขาสวมใส่จะเปรอะเปื้อน ออกแรงกระตุกฝ่ามือเล็กเป็นการเชิญชวนให้คนชุดสีฟ้าทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมปฏิบัติตามแม้ใบหน้าหวานยังไม่คลายความงุนงง

     

            อาจเพราะที่ที่เขาจากมาเป็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงไฟ การจะมองเห็นฟ้าโปร่งที่ประดับไปด้วยดาวนับพันที่กำลังเปล่งประกายในยามนี้เกิดขึ้นได้ยากนัก มันสว่างสุกใสราวกับไม่ได้อยู่ไกล

     

    “สวยใช่ไหม ตรงนี้เป็นที่ที่มองเห็นท้องฟ้าชัดที่สุดแล้ว” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องมานั่งวางขาไปบนพื้นหญ้าอยู่แบบนี้ แต่ท้องฟ้าก็สวยอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ ลมที่พัดโกรกผ่านผิวหนังทำให้รู้สึกหนาวจนไหล่เล็กสั่นระริก

     

            อย่างกับฉากในละครที่เคยเห็น อีกฝ่ายถอดเสื้อคลุมตัวนอกมาสวมให้เขาอย่างเบามือ แม้ปากจะชมว่าท้องฟ้าสวยงามแค่ไหน แต่ดวงตาสีดำกลับจับจ้องมาอย่างไม่วางสายตา นั่นทำให้ตากลมๆของลูฟี่ทำได้แค่ลอบมองออกไปทางอื่นเพราะรู้สึกแปลกพิลึก

     

    “ข้าเฝ้ารอคนๆหนึ่งมานานมาก นานจนจำไม่ได้ว่ามันผ่านไปกี่ปีแล้ว”

     

    ….

     

    “ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะมาตอนไหน แต่นายก็จะรอต่อไปงั้นหรอ” โดยปกติลูฟี่ไม่ใช่คนอดทนรออะไรได้นานหลายปีขนาดนั้น และเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง อย่างกับกำลังต้องการที่ปรึกษาปัญหาชีวิต

     

    “เคยออกตามหาเขาแล้วน่ะ แต่ก็โดนขัดขวางตลอด”

     

    “แต่ตอนนี้ข้าเจอเขาแล้วล่ะ”

     

            อีกครั้งแล้วที่ใบหน้าคมคายมองมาเหมือนแฝงความหมายบางอย่าง คนตัวเล็กรู้สึกเหมือนโดนริบอากาศหายใจไปชั่วขณะ ชายคนนี้จะนั่งจ้องหน้าเขาทั้งคืนไปเลยหรือไง เล่นซะปั้นสีหน้ากลับไปไม่ถูก

     

    “หน้าฉันมีอะไรติดหรือเปล่า ทำไมนายชอบมองจัง”

     

    รุกไปตั้งขนาดนี้ยังทำเป็นไม่รู้ตัวอยู่อีก

     

            ริมฝีปากได้รูปของลอว์ระบายยิ้มบางๆ ยังมีอะไรอีกตั้งมากมายที่อยากจะทำร่วมกัน เขารู้สึกมีความสุขมากเกินไปราวกับกำลังอยู่ในความฝัน และอยากจะฝันให้นานกว่านี้อีกหน่อยเพื่อต่อเวลาดีๆออกไปสักนิด

     

    “ยังมีอีกที่ที่อยากให้เจ้าได้เห็น เรากลับเข้าไปในงานกันดีไหม”

     

     

     

     

     

     

    งานสังสรรค์ขนาดใหญ่ ผู้คนในชุดสูทราคาแพงจำนวนมากกำลังล้อมวงสนทนาพร้อมแก้วเครื่องดื่มในมือ

     

           ทุกอย่างสดับเงียบลงเมื่อปลายเท้าของผู้มาใหม่ก้าวเข้าสู่ท้องพระโรง ทุกสายตาจับจ้องมายังจุดเดียวกัน และเมืองแห่งนี้ก็ยังไร้ซึ่งสตรีตามที่เด็กหนุ่มเคยเข้าใจ คนที่สวมใส่กระโปรงฟูฟ่องจีงกลายเป็นจุดเด่นกว่าสิ่งใดทั้งหมด

     

            ผู้คนที่เคยยืนอยู่เต็มพื้นที่ลานกว้างกลับค่อยๆตีวงห่างออกไปจนมีเด็กหนุ่มเป็นจุดศูนย์กลาง ข้างกันมีคนตัวสูงที่เดินเข้ามาด้วยกัน ใบหน้าคมคายกำลังยกยิ้มพอใจ แต่ลูฟี่กลับสับสนว่าทำไมทุกคนถึงต้องทำแบบนั้น

     

    แค่ใส่กระโปรงคนเดียวในงาน มีอภิสิทธิ์ขนาดที่ไม่ว่าใครๆก็ต้องหลีกทางให้เลยหรือไง

     

            แหงล่ะ มันแปลกตั้งแต่เขาก้าวเท้าผ่านประตูบานนั้นมาแล้ว ไม่น่าไปนึกสนใจรูปลักษณ์แปลกตาที่ไม่เข้ากับบรรยากาศร้านอาหารนั่นเลย เป็นเวลานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่เขามัววิ่งวนอยู่ในเหตุการณ์ประหลาดอย่างนี้

     

            สบโอกาสที่คนน้องกำลังเงอะงะคว้าข้อมือเล็กแล้วจูงมายังใจกลางลานเต้นรำ ร่างนั้นถึงกับผงะเมื่อชายตรงหน้าโค้งคำนับลงเล็กน้อย เขาผายฝ่ามือใหญ่มาไว้ตรงหน้าราวกับจะเชิญชวน สบจังหวะเดียวกันกับเครื่องดนตรีในงานที่คลอทำนองบัลลาดอย่างอ่อนโยน

     

    “เต้นรำกับข้าได้หรือไม่”

     

    ทุกสายตาของคนในงานและคนถามจ้องมาที่เขาราวกับคาดหวังคำตอบอย่างมาก

     

    “ฉันไม่เคยเต้นรำ” และเขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย

     

    “ค่อยๆก้าวเท้าตามข้า ทุกคนกำลังมองอยู่นะ”

     

            ก็บอกไปแล้วว่าเต้นรำไม่เป็น แต่พี่เขาก็ยังจะเอื้อมมาคว้ามือของเด็กหนุ่มไปกุมไว้โดยไม่ขออนุญาต การเต้นรำก็เหมือนการได้โอบกอดฝ่ายตรงข้ามแบบสุภาพชน ฝ่ามือที่ใหญ่กว่าสัมผัสลงบนเอวบางจนร่างนั้นสะดุ้งเฮือก ลอว์ยกยิ้มพอใจเล็กน้อยเมื่อคนตัวเล็กก้าวเท้าตามจังหวะที่เขานำอย่างว่าง่าย แม้เจ้าตัวจะดูประหลาดใจว่าความสามารถในการเต้นรำอยู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาได้อย่างไรก็ตาม

     

    มหัศจรรย์เกินไปแล้วตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านการเต้นมาก่อน

     

    ติ๊กต่อก...

     

    ความจริงคือเขาไม่ได้อยากมาอยู่ตรงนี้ แต่คนตัวสูงก็ไม่ยอมปล่อยมือเสียที

     

    ติ๊กต่อก...

     

    เสียงนาฬิกาที่ลูฟี่ไม่รู้ว่ามันตั้งอยู่ตรงไหนดังก้องอยู่ในหูของเขาตลอดเวลา และมันยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้แปลกใจ

     

    หมดเวลาแล้ว เธอจะอยู่ตรงนี้ต่อไปงั้นหรอ เสียงพูดหนึ่งดังเข้ามาในความคิด มันดังราวกับมีคนมาพูดอยู่ข้างๆหู แต่ไม่ว่าลูฟี่จะมองหาอย่างไรก็มองไม่เห็นเจ้าของเสียง

     

    ที่จริงเธอก็เลือกตอนจบของตัวเองได้ ถ้าเธอจะเลือกเขาก็ได้นะ

     

    เสียงนั้นคุ้นหูราวกับได้ยินที่ไหนมาก่อน เสียงเหมือนกับอิวานคอฟที่เขาเจอก่อนจะถูกยัดใส่รถม้ามาส่งที่นี่

     

            จริงสิ เพราะเจ้าของผมแอโฟรสีม่วง เขาถึงต้องมาพัวพันกับผู้ชายประหลาดคนนี้อีกคน ตั้งแต่เจอกันก็เล่นจูงมือไปโน่นไปนี่ ปล่อยให้มือว่างได้ไม่นานก็คว้าเอาไว้อีกราวกับกลัวว่าจะหนีไปไหน

     

    และทุกสถานที่ที่ลูฟี่จากมา ทุกคนกำลังทำแบบเดียวกัน

     

    สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้

     

    แกร๊ง แกร๊ง

     

            ถ้าไม่หนีไปตอนนี้ พวกเขาจะต้องคิดทำอะไรแปลกๆอีกแน่ ใบหน้าหวานของคนในชุดกระโปรงเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามไรผม ดวงตากลมโตกวาดมองรอบตัวว่าพอจะมีทางหนีทีไล่ให้เขาหรือไม่

     

            ระฆังของพระราชวังตีบอกเวลาเที่ยงคืนก้องทั้งท้องพระโรง กลบเสียงดนตรีที่เคยบรรเลงจนมิดจนกลุ่มคนที่เคยอยู่ในงานเต้นรำต้องหยุดนิ่งลงชั่วขณะ ไม่มีโอกาสไหนจะดีกว่านี้ เด็กหนุ่มรีบสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของชายตรงหน้า เขาโกยกระโปรงหนาเตอะมาไว้ในอ้อมแขนแล้วสับขาออกมาอย่างรวดเร็ว

     

    สถานการณ์นี้อีกแล้ว วิ่งหนีอีกแล้ว

     

    แต่กระโปรงเทอะทะนี่มันจะเกะกะเกินไปแล้วนะลำพังแค่ทรงตัวให้เดินได้ก็ลำบากจะแย่

     

    “เดี๋ยวสิ เจ้าจะรีบไปไหน” เสียงทุ้มของทราฟาลก้า ลอว์ดังไล่หลังมา อีกฝ่ายทั้งตัวสูงและอยู่ในชุดทะมัดทะแมง แค่ก้าวขายาวๆนั่นออกมานิดเดียวก็จะตามทันแล้ว

     

    อย่างกับฉากในหนังไล่ล่า แต่ทำไมเขาจะต้องมาเป็นผู้ถูกล่าที่จะต้องตายตอนจบด้วย

     

    “พวกนายเลิกวิ่งตามซักทีได้มั้ย ต้องการอะไรจากฉันนักหนาเนี่ย” เสียงเล็กโวยวายพลางสับเท้าลงไปตามขั้นบันได เหตุการณ์แบบนี้รู้สึกคุ้นชะมัดเหมือนเคยได้ยินเรื่องเล่าจากนิทานสมัยเด็ก ถ้าไม่อย่างนั้นชุดกระโปรงนี่มันจะหายไปตอนเที่ยงคืนด้วยไหมนะ จะได้วิ่งหนีได้สะดวกขึ้นซักที

     

    เอ๊ะ—

     

            พลันหัวใจดวงน้อยก็ตกวูบลงไปกองที่พื้นเมื่ออยู่ๆทั้งร่างก็ลอยหวือเข้าไปจนชนเข้ากับใครคนหนึ่ง คนที่วิ่งตามมาคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ได้ทันก่อนจะรวบเอาร่างบอบบางนั้นมากอดไว้แน่นราวกับไม่ต้องการให้หนีไปไหนได้อีก

     

    รอยยิ้มจากใบหน้าคมคายที่วันนี้เขาเห็นไปตั้งหลายรอบ แต่รอบนี้มันดูน่ากลัวกว่าทุกที

     

     

    “คิดว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าหนีไปง่ายๆอย่างในเทพนิยายปรัมปรางั้นหรือ”

     

     

      

     





    กลับมาอัพแล้วค่าา
     
    ภาษาเปลี่ยนอย่างรุนแรง5555555  
    ผ่านมาแค่ครึ่งตอน ฟี่ก็คือจะหนีตั้งแต่เริ่มเลย
    แต่เจ้าชายของเรายังไม่ทันได้มีบทชัดเจนเลย
    ไหนดูซิว่าจะอันตรายอย่างที่สองพี่น้องเขาเตือนไว้มั้ยนะ


    แล้วพบกันตอนหน้านะคะ:)

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×