NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #41 : ▲ [My hero academia] Wolves and rabbit (Bakugou x Izuku) - Part 6

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 67


     แนะนำเปิดเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)




















    ระยะหลังชีวิตแวมไพร์ที่แสนจืดชืดของอิซุคุเริ่มวุ่นวายมากขึ้นทุกที

     

    เขาก็คิดอยู่ว่าหลังจากนี้จะมองหน้าเพื่อนผมสองสีอย่างไร ทั้งเรื่องที่คนทั้งคู่ต่างก็ไม่ใช่มนุษย์ วินาทีที่ฝ่ายนั้นรู้ความจริงข้อนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เจ้าตัวจะไม่มีความประหลาดใจอย่างที่มนุษย์ปกติควรเป็น

     

    ค่ำคืนเดียวกันกับวันที่เกิดเรื่องเฉียดตายมาหมาดๆ ตอนที่รู้สึกว่าร่างกายเริ่มฟื้นฟูกลับมาแล้วแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ อิซุคุคะยั้นคะยอให้คัตสึกิกลับไปพักผ่อนที่บ้านของตัวเอง แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ทำตาขวางใส่เหมือนคนโกรธตลอดเวลา

     

    ไม่เคยเจอเพื่อนหมาป่าในมุมแบบนี้มาก่อน ก็เล่นไปไม่เป็นเหมือนกัน

     

    คัตจังไม่เคยใส่ใจเขามากขนาดนี้มาก่อนเสียหน่อยความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างเกาะกุมในใจ แต่ไม่รู้จะอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดอย่างไร

     

           เจ้าของใบหน้าตกกระในสภาพสวมเสื้อกันหนาวหนาเตอะและมีเจลลดไข้แปะบนหน้าผากดันแผ่นหลังที่ใหญ่กว่าตนออกไปตามโถงทางเดินของบ้าน ปากก็พร่ำบอกว่าตัวเองดีขึ้นแล้วจริงๆ แต่เพื่อนสมัยเด็กก็ทำท่าจะไม่ยอมอยู่อย่างนั้น

     

           มีบางอย่างแปลกไป คนทั้งคู่รู้สึกได้เช่นนั้น ร่างของคัตจังอยู่ๆ ก็ฝืนแรงต้านขึ้นมากะทันหันเหมือนออกแรงใส่กำแพงหนาๆ ฝ่ามือใหญ่ยื่นมาปรามเพื่อนตัวเล็กที่กำลังจะเดินตรงไปที่ประตูแทน

     

    ความรู้สึกหงุดหงิดปนกับโกรธเคืองตีขึ้นมากะทันหัน คัตสึกิกระชากประตูบ้านออกไม่เบานัก เขาไม่ได้คิดผิดไป ร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ทำท่าละล้าละลังว่าจะกดออดดีหรือไม่ จนกระทั่งร่างที่เล็กกว่าของคนผมฟูมุดวงแขนของหมาป่าหนุ่มออกมาด้วยตัวเอง

     

    “โทโด

     

    “แกกลับมาทำไมอีก”

     

    “ฉันมาขอโทษนาย” ประโยคทุกอย่างถูกพูดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันจนอิซุคุไม่รู้ว่าควรให้ความสนใจสิ่งใดก่อน ผู้มาใหม่เลือกที่จะเมินท่าทีไม่เป็นมิตรของหมาป่าหนุ่มตรงหน้า ใช้ดวงตาสองสีจ้องนิ่งมาในดวงตากลมโตของแวมไพร์หนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาเจอกัน

     

           มิโดริยะ อิซุคุให้บรรยากาศน่าดึงดูดตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เป็นความจริงว่าเขาซ่อนตัวตนจิ้งจอกเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ แต่ด้วยความสามารถของอมนุษย์ จึงทำให้รับรู้ว่าเจ้าตัวคงเป็นคนประเภทเดียวกัน แม้จะไม่รู้ว่าสายเลือดนั้นถือครองพลังอะไร แต่คงมีความสามารถในการดึงดูดอมนุษย์ด้วยกันอยู่ไม่ผิดแน่

     

    จนความลับนั้นถูกเปิดเผยในวันฝนตก หลังอิซุคุฝังเขี้ยวลงมาแม้จะเป็นที่แขนก็ตาม นอกจากแรงดึงดูดทางเพศที่มากเกินความจำเป็น สิ่งนั้นเป็นเหมือนห่วงโซ่พันธนาการให้ผู้ที่ถูกกัดกลายเป็นทาสได้อย่างง่ายดาย

     

    ไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวหรือเพื่อนสมัยเด็กรับทราบความจริงข้อนั้นหรือไม่ แต่โทโดโรกิไม่แปลกใจกับท่าทีปกป้องคนตัวเล็กอย่างเกินความจำเป็นของหมาป่าหนุ่มตรงนั้นเลยสักนิด

     

    เพราะแบบนั้นดาบิ หรือโทโดโรกิ โทยะ พี่ชายของเขาจึงใช้มันในการเล่นงานเขา

     

    “นายเป็นจุดอ่อนของฉัน ให้ระวังเอาไว้ หมอนั่นไม่หยุดแค่นี้แน่” เจ้าของใบหน้าคมคายถอนหายใจอย่างชั่งใจ

     

    เรื่องราวทุกอย่างมันเกิดจากครอบครัวที่ไร้ความอบอุ่น ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องราวลามปามถึงขนาดนี้เสียหน่อย

     

    “มันเป็นปัญหาครอบครัวที่หมอนั่นดึงคนอื่นมาเกี่ยวด้วยเต็มไปหมด”

     

    “รู้แบบนั้นแล้วแกจะยังมาป้วนเปี้ยนอยู่กับเจ้านี่อีกหรอ” หลังอดทนฟังมาได้พักหนึ่ง คัตสึกิก็อดไม่ได้ที่จะเสียงดังขึ้นมา สภาพของคนผมสองสีตรงหน้าเหมือนจะได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย คงเพิ่งแยกกับตัวปัญหาได้ไม่นาน อิซุคุทำได้เพียงรีบเข้าไปห้ามเพื่อนตัวสูงที่ทำท่าจะวิ่งเข้าไปเชือดคอผู้มาใหม่ให้ตายไปเดี๋ยวนี้

     

    สุดท้ายแล้วทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือทำให้จิ้งจอกสองคนนั้นหายไปจากโลกนี้ซะ

     

    “เพราะฉันรู้ว่าเจ้านั่นมันมีคนหนุนหลังอยู่”

     

    ผู้ฟังทั้งสองชะงักกับประโยคดังกล่าว เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องด้วยมากกว่าที่คิด ใบหน้าซีดเซียวของชายผมขาวที่แวมไพร์หนุ่มพบก่อนโดนขังลืมในห้องเย็นลอยเข้ามาในความคิด เรื่องนี้ที่ยังไม่ทันได้เล่าให้คัตสึกิฟัง

     

    ต้องเป็นหมอนั่นแน่เป้าหมายคือเขา แต่ไม่รู้ว่าด้วยจุดประสงค์อะไรกันแน่

     

    “พลังของนายอาจจะสำคัญกว่าที่ตัวเองคิด” มันอันตรายถึงขนาดทำให้อมนุษย์ฆ่าฟันกันเองได้

     

    “นายไม่ต้องอภัยให้ก็ได้ แต่ฉันจะปกป้องเท่าที่ทำได้”

     

           ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าเขาควรให้น้ำหนักกับคำพูดของเพื่อนร่วมคลาสได้มากเพียงใด แต่เจ้าตัวดูเหมือนตั้งใจมาเพื่อพูดกับเขาเพียงไม่กี่ประโยคนี้เท่านั้น ไม่นานนักที่ร่างสูงนั้นขอตัวกลับไปพร้อมสายฝนที่เริ่มเทลงมา

     

    ตอนนั้นเองที่คัตจังตัดสินใจว่าจะนอนค้างที่บ้านเพื่อนตัวน้อย คุยกับแม่ตัวเองและแม่ของเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว

     

    “คิดบ้าอะไรวะถึงได้เข้าไปยุ่งกับหมอนั่น”

     

    รู้ทั้งรู้ว่าเป็นกับดัก แต่ก็ยังพาตัวเองเข้าไปในที่อันตรายแบบนั้น

     

           เวลาผ่านไปพักใหญ่ คัตจังไล่ให้เขากลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง ส่วนตัวเองก็เลือกนอนเฝ้าบนฟูกที่พื้น ด้วยความไม่เคยชิน อิซุคุเด้งตัวขึ้นมายืนยันว่าจะให้เพื่อนสมัยเด็กนอนบนเตียงท่าเดียว ปกติแล้วผู้ชายที่รักศักดิ์ศรีตัวเองควรจะทำเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มกลับโดนด่ายกใหญ่ว่าทำให้เจ้าตัวกลายเป็นคนทรมานคนป่วยแทน

     

    เพราะว่าเขาป่วยอยู่นั่นแหละ คัตจังถึงยอมทำแบบนี้ แต่มันก็แปลกเกินไปอยู่ดี

     

    “ผมคิดว่าเขาเป็นมนุษย์น่ะ ไม่คิดมาก่อนว่าโทโดโรกิคุงจะเป็นจิ้งจอก” ยกผ้าห่มผืนโปรดขึ้นมาปิดใบหน้าจนถึงปลายจมูก ล่าสุดที่เคยนอนด้วยกันน่าจะตั้งแต่สมัยอนุบาลได้มั้ง

     

    “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง แล้วมันเป็นความรับผิดชอบของแกที่ต้องไปดูแลมันหรือไง” เสียงทุ้มเจือไปด้วยความหงุดหงิด เจ้าของผมสีซีดยกแขนขึ้นวางบนหมอน ก่อนวางศีรษะลงบนฝ่ามือของตนอีกที ดวงตาสีแดงไม่ได้มองไปที่ใดนอกจากเพดานโล่งๆ

     

    ตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่อีกฝ่ายเปิดใจยอมคุยกับเขาง่ายๆ แบบนี้

     

    หรือที่เจ้าตัวเป็นแบบนี้เพราะว่าเขาไปกัดคอตอนนั้นหรือเปล่า

     

    เพราะว่าพลังแวมไพร์ของเขามันดันตื่นขึ้นช้ากว่าคนปกติเขาน่ะสิ ทุกอย่างมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ อิซุคุไม่รู้วิธีรับมือกับพลังที่ตัวเองถือครอง ไม่รู้เลยว่าผลที่ตามมาหลังจากผลข้างเคียงมันจะมากมายขนาดนี้


    คัตจังพูดถูกทุกอย่าง ทั้งที่รู้ว่าตัวเองอ่อนแอ แต่ตอนนั้นไปเอาความมั่นใจมาจากไหนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยคนอื่นได้

     

    “ความจริงเขารู้แล้วว่าผมเป็นแวมไพร์”

     

    “หา แกไปกัดมันมาหรือไงวะ”

     

    อื้ม ที่แขน”

     

    แค่ออกเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ เท่านั้น ก็ทำให้อิซุคุเกือบตายเพราะโดนคัตจังบีบคอขึ้นมาจริงๆ ตอนแรกคงไม่แปลกใจหากอมนุษย์ด้วยกันจะสามารถรับรู้ได้ แต่ไม่คิดว่าคำถามโยนหินถามทางแบบนั้นจะเกิดขึ้นจริง

     

    เพราะแบบนั้นเจ้าหัวสองสีนั่นถึงได้ติดพันกับเดกุไม่เลิก

     

    วันนั้นเจ้าของบ้านโดนเพื่อนสมัยเด็กสวดยับ ดูจากสีหน้าเหรอหราแบบนั้นคงจะไม่ได้รู้ผลกระทบของคนที่โดนกัดอย่างเคย

     

     

     

     

     

     

     

     

    เป็นเขาเองที่ด่าเพื่อนสมัยเด็กว่ายอมไปติดกับดักของพวกไม่หวังดีง่ายเกินไป

     

    และก็เป็นเขาเองเช่นกันที่ตั้งใจมาติดกับดักที่ว่าอย่างง่ายดาย

     

    ข้อความปริศนาถูกส่งมาทางอีเมลโดยไม่ระบุชื่อผู้ส่ง ระบุเวลาและสถานที่มาเสร็จสรรพ ทั้งที่รู้อย่างนั้นคัตสึกิก็อดคาใจที่จะเห็นหน้าตัวการเรื่องทั้งหมดไม่ได้ อยากจะอัดหน้าเจ้าหมอนั่นซักครั้ง ข้อมูลอีเมลของเขารั่วไหลออกไปได้อย่างไรก็ไม่รู้

     

    มันเล่นสกปรกทุกทางเพื่อจุดประสงค์บางอย่างใช้ความบาดหมางของพี่น้องเป็นเครื่องมือในการเล่นงานเดกุ

     

    เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าสู่พื้นที่รกร้างอับสายตาผู้คน เจ้าของเสียงอยู่บนลังไม้เก่าๆ จะพังรอมร่อ กายสูงโปร่งนั่งหลังค่อมก่อนเหยียดยิ้มน่ากลัวมองมาที่เขา ใบหน้าซีดเซียวที่มีรอยแผลเป็นและผมกระเซอะกระเซิงแบบนั้น คุ้นตาว่าเคยเห็นเข้ามาทักทายเดกุด้วยท่าทีคุกคามมาก่อน

     

    “ตลกชะมัด พอเป็นเรื่องเด็กคนนั้นทีไร แกก็เป็นเดือดเป็นร้อนทุกทีเลยนะ”

     

    “แกเป็นใครวะ”

     

    รู้ทั้งรู้ว่าเจ้านี่เป็นตัวการเรื่องทั้งหมด แต่ก็ไม่อาจเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงได้ ไม่เคยมีความแค้นต่อกันมาก่อนทำไมถึงต้องมาเล่นงานกันจนเกือบถึงชีวิต โดยปกติทั้งครอบครัวของเขาและเดกุใช้ชีวิตปกติเหมือนมนุษย์ทุกอย่างจนแทบไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่

     

    “ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อิซุคุคุงตายซักหน่อย เจ้าดาบิมันไม่รักษาสัญญาน่ะ”

     

    เห้ย อย่ามาเล่นลิ้น” คัตสึกิเริ่มหงุดหงิด นอกจากไม่ตอบคำถามแล้วมันยังแสดงท่าทางเหมือนเดาใจคนอื่นได้

     

    “ฉันต้องการตัวอิซุคุคุง เขาน่ะดึงดูดอมนุษย์ได้โดยไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ”


    ความรู้สึกนั้นเกิดจากการสบตาเพียงครั้งเดียว อานุภาพมันก็มากถึงเพียงนั้น

     

    คนฟังยกคิ้วประหลาดใจ ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมีใครสังเกตเห็น ความรู้สึกตอนได้สบตาหรือมองหน้าเพื่อนสมัยเด็กที่เขาเข้าใจ ดึงดูดคนมองเสียจนเสียความเป็นตัวเองไป นึกว่าคิดไปเองคนเดียวเสียอีก

     

    อาจจะเป็นพลังของแวมไพร์ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาของเจ้าตัว แต่หมอนี่รู้เรื่องนี้ด้วยงั้นหรือ

     

    “แกน่ะขวางทาง ฉันจำเป็นต้องกำจัดทิ้งซะ”

     

           หลังเอาแต่พูดพร่ำคนเดียวอยู่พักหนึ่ง แววตาง่วงงันก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวเหมือนสัตว์ร้าย กายโปร่งค่อนไปทางผอมปราดตัวเข้ามาโจมตีหมาป่าหนุ่มด้วยความเร็วสูง ในมือถือของมีคมที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็นเป็นประกายวาบ

     

           คัตสึกิเบี่ยงตัวหลบทันทีที่รู้สึกตัว เขากระโดดหลบขึ้นที่กำบัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่รีรอที่จะปีนป่ายไล่ตามไป ใบหน้านั้นเหยียดยิ้มน่ากลัวเอาไว้เช่นเดิม ทำเอาคนมองทำเพียงส่งเสียงผ่านไรฟันด้วยความหงุดหงิด

     

    หมอนี่มีกลิ่นอายเหมือนมนุษย์ แต่ปราดเปรียวว่องไวผิดกับท่าทางไร้เรี่ยวแรงนัก ซ้ำยังชำนาญการใช้อาวุธมีคมเหมือนฝึกฝนอยู่เป็นประจำ รอยยิ้มนั้นยิ่งเหยียดกว้างเมื่อคมมีดเฉือนโดนผิวหนังของชายหนุ่มไปแม้จะแค่เล็กน้อย

     

    “ทำยังไงดีล่ะ ข้อความแบบเดียวกันถูกส่งไปที่อีเมลของเขาด้วยนะ” ม่านตาสีแดงวาวโรจน์ ขอแค่แตะโดนตัวอีกฝ่ายได้เขาก็ชนะไปแล้วครึ่งทาง สิ่งที่ต้องการก็กำลังจะเดินทางมาหาโดยที่องครักษ์ที่คอยปกป้องทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

     

    “อีกไม่นานคงมาถึงแน่ๆ”

     

    “เวรเอ้ย!

     

           หมาป่าหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย หมอนี่ตั้งใจล่อเขาออกมาเพราะรู้ว่าอย่างไรกับดักนี้ก็ได้ผล เป้าหมายของมันคือพลังของเดกุที่เจ้าตัวเรียกออกมาพร้อมกัน เพื่อยืนยันว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

     

    เหตุผลเพราะหมอนี่กำลังกำจุดอ่อนทุกอย่างเอาไว้

     

    บาดแผลที่โดนบาดเพียงเล็กน้อยเริ่มร้อนผะผ่าวและสร้างความเจ็บปวด คมมีดที่ทำจากเครื่องเงินทำให้คัตสึกิไม่สามารถเค้นพลังหมาป่าออกมาใช้ได้ ที่ยังยันอยู่ได้ถึงตอนนี้คือพลังทางกายภาพเท่านั้น

     

    “ยังคิดว่าจะปกป้องได้อยู่หรือไง”

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฉันจะจัดการคนรอบตัวนายทีละคน


    ถ้าไม่อยากให้เจ้าหมาป่าตายก็มาหาฉันสิ

     

           หลังจากโลเคชั่นจากผู้ไม่ระบุนามถูกส่งมาที่อีเมล ข้อความข่มขู่ก็พิมพ์ตามกันมาจนเจ้าของโทรศัพท์ทำได้แต่มองหน้าจอทัชสกรีนอย่างทำอะไรไม่ถูก การวิ่งเข้าไปตามหาคัตจังในบ้านหลังข้างๆ กันเป็นสิ่งแรกที่อิซุคุคิดขึ้นได้

     

           แต่ครั้นทราบจากคุณน้ามิตซึกิว่าคัตจังโผงผางออกไปเองตั้งแต่กลางวันแล้วก็อดร้อนใจไม่ได้ เป็นคนออกปากห้ามไม่ให้เขาออกไปไหนถ้าไม่มีเจ้าตัวตามไปด้วย แต่เวลาอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกลับไม่เคยบอกกันเลยซักคำ

     

    คิดจะทำอะไรกันแน่นะคัตจัง

     

           เป็นเหตุผลว่าเขาไม่ควรอยู่เฉยๆ ให้เพื่อนสมัยเด็กรับผิดชอบทุกอย่างแทนเช่นกัน ครอบครัวของคนทั้งคู่ไม่มีใครรู้เรื่องที่พวกเขากำลังเผชิญ คัตสึกิถูกผูกอยู่กับคำสัญญาว่าต้องปกป้องคนจากมิโดริยะ มากเกินไปจนอิซุคุรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวภาระที่ทำอะไรเองไม่ได้ซักอย่าง

     

    จนกว่าจะกลับมาแล้วจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง นั่นคือสิ่งที่เขาบอกกับแม่ของคัตสึกิไว้

     

    ร้อนใจจนไม่รู้จะเริ่มแก้ปัญหาจากตรงไหน คราวนี้เขาต้องพกสติไปรับมือกับคนพวกนั้นให้มากกว่าคราวก่อน ชื่อของคัตจังกลายเป็นตัวล่อให้เข้าไปติดกับดักอีกครั้ง คราวนี้คงไม่ได้หลุดออกมาง่ายๆ เหมือนครั้งก่อนแน่

     

    ผมเชื่อใจนายได้หรือเปล่า”

     

    มือเริ่มสั่นอย่างไม่เป็นจังหวะ พร้อมๆ กับความรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ดวงตา เหลือบไปเห็นปลายเท้าของใครคนหนึ่งอยู่ไม่ไกล ร่างนั้นกำลังสาวเท้าเข้ามาเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเพื่อนตัวเล็ก

     

    เจ้าของสีผมที่คุ้นเคย ดูท่าแล้วคงจะมาวนเวียนอยู่แถวบ้านเขาเป็นประจำ อิซุคุก็พอจะจับสัมผัสได้ซักพักหนึ่งแล้ว แต่สัญชาตญาณบางอย่างกำลังย้ำเตือนอย่างน่าประหลาดว่าโทโดโรกิไม่มีสิทธิ์หักหลังเขาได้เลย

     

    “มากกว่าที่นายคิด ฉันไม่มีทางหักหลังนายเด็ดขาด”

     

     

     

     

     

     

     

     

           บานประตูเก่าๆ ถูกผลักออกอย่างรวดเร็วพอๆ กับความร้อนใจ อิซุคุพาร่างของตัวเองเข้าไปในพื้นที่รกร้างที่ดูเหมือนจะเคยเป็นสนามกีฬาบางอย่างที่เหลือเพียงซากปรักหักพังตามเวลา

     

    คราวนี้เขาพาโทโดโรกิคุงมาด้วย สังหรณ์ในใจมันเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยว่าเจ้าตัวจะคอยให้ความช่วยเหลือ

     

    คัตจัง!

     

           เห็นร่างคนที่ตามหาอยู่ลางๆ ปลายเท้าก็วิ่งเข้าไปหาพร้อมคลองสายตาที่ร้อนผ่าวเหมือนน้ำตากำลังจะร่วงเผาะ คัตจังที่เขารู้จักยืนไม่มั่น ร่างสูงหอบเหนื่อยและดูเหมือนกำลังจะรับมือไม่ไหว ฝ่ายตรงข้ามคือชายเจ้าของใบหน้าซีดเซียวอย่างที่คาดไว้ ได้กลิ่นเลือดลอยมาแตะจมูก ยิ่งเป็นตัวเร่งให้แวมไพร์หนุ่มเข้าไปประชิดตัวเพื่อนสมัยเด็กทันที

     

    หมาป่าที่ขึ้นชื่อเรื่องพละกำลังและความปราดเปรียว ทำไมถึงเสียเปรียบคนร่างผอมที่แกว่งมีดไปมาอย่างไร้ทิศทางได้

     

    “ไอ้เนิร์ดโง่ แกจะมาที่นี่ทำไมวะ!

     

    คัตสึกิปัดมือเล็กที่ทำท่าจะเอื้อมเข้ามาจับอย่างแรงจนร่างเล็กผละออกไป แม้เสียงทุ้มจะตวาดเหมือนคนกำลังโมโห แต่กายสูงโปร่งกลับเซถลาออกไปด้านข้างจนอิซุคุต้องรีบเข้ามารับไว้ก่อนเจ้าตัวจะเสียหลักล้มพับไป

     

    ปกติแล้วคัตจังมีอัตตามากพอที่จะไม่ขอความช่วยเหลือจากเขา คราวนี้กลับทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทั้งหมดเหมือนกับไม่มีเรี่ยวแรงจะฝืนยืนให้ตรงได้ เห็นดวงตากลมโตของเพื่อนสมัยเด็กกำลังน้ำตาคลอเบ้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมาผ่านไรฟันอย่างขัดใจ

     

    ถ้าไม่มาถึงที่เขาอาจจะเสียเพื่อนสมัยเด็กคนนี้ไปก็ได้ ชายหนุ่มกวาดสายตามองความเสียหายบนร่างกายของคนตัวสูงกว่า รอยแผลเหมือนของมีดคมบาดไม่ลึก แต่มีจำนวนเยอะมากตามลำตัว มือหนากุมหน้าท้องตัวเองราวกับนั่นเป็นแผลที่ให้ความเสียหายต่อเขามากที่สุด ด้วยพลังฟื้นฟูของอมนุษย์ หมาป่าหนุ่มไม่ควรจะบาดเจ็บได้มากถึงขนาดนี้

     

    ชิการาคิที่ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างใช้โอกาสนั้นขยับเข้ามาใกล้ รวดเร็วเกินกว่าอิซุคุจะตั้งตัวได้ทัน ฝ่ามือหยาบกร้านยื่นเข้ามาหมายจะคว้าแขนร่างเล็กตรงหน้าให้ติดไปกับตน แต่ก็ไม่ทันจังหวะที่คัตสึกิแทรกตัวเข้ามาด้านหน้าแทน แขนแกร่งดันร่างของเพื่อนสมัยเด็กไปไว้ด้านหลังทั้งที่ตัวเองยังยืนไม่มั่น จังหวะเดียวกันกับที่เจ้าของผมสองสีที่มาด้วยกันรีบปราดเข้ามาเพื่อปกป้องร่างเล็กอีกคน

     

    จะปกป้องให้ได้ยันวินาทีสุดท้ายเลยสินะ

     

    คัตจังกำลังจะไม่ไหวแล้ว ชายหนุ่มลำบากใจทุกครั้งที่ต้องมาเห็นอีกฝ่ายลำบากเพราะเขา ครั้งนี้มันมากเกินไป ไม่อยากเห็นคัตจังที่อ่อนแอ ไม่จำเป็นต้องปกป้องเขามากขนาดนี้ก็ได้

     

    กลับไปนะ กายบางขยับไปเองอย่างไม่ทันคิด สลับตำแหน่งมายืนตรงหน้าเพื่อนสมัยเด็กโดยที่เจ้าตัวรั้งไว้ไม่ทัน ใบหน้าหวานก้มต่ำ ยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้น

     

    ผมบอกให้นายกลับไปซะ!

     

           ดวงตาสีเขียวจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของชิการาคิด้วยความโมโห ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่เขาไม่ได้คาดการณ์ไว้

     

    บรรยากาศกดดันเข้าปกคลุมพื้นที่จนรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มากดเอาไว้ให้หายใจอย่างยากลำบาก

     

           เพราะอารมณ์ที่ตึงเครียดจนถึงขีดสุด ความกดดันนั้นจึงมากขึ้นตาม กายสูงโปร่งของคนผมขาวรีบผละถอยหลังหลบออกมาตามสัญชาตญาณ มองกลับไปยังตัวต้นเหตุอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

     

    ฮะฮะทำได้มากขนาดนี้เลยหรอ

     

           เขาสลับมองฝ่ามือที่สั่นเครือและชาวาบถึงข้อศอกด้วยความประหลาดใจ เค้นหัวเราะขบขันในลำคอ เหมือนกับตอนที่โดนปัดแขนออกเมื่อตอนนั้นแต่รุนแรงกว่านัก ทั้งที่เห็นภาพกายบอบบางท่าทางไร้การป้องกันอยู่ตรงหน้า แต่มันกลับกำลังถูกซ้อนทับด้วยบรรยากาศคุกคามจนไม่อาจเข้าไปใกล้ได้

     

    ก้อนเนื้อใต้อกบีบรัดอย่างรุนแรง ลมหายใจเหมือนถูกริบออกไปยามสบตา

     

    นี่คือความกลัว นี่แหละพลังที่แวมไพร์สายเลือดแท้ถือครองอยู่

     

    เหมือนกับว่าถ้าเข้าไปใกล้มากกว่านี้เขาจะต้องถูกกลืนกินชีวิตไปด้วย

     

           ถึงจะน่าเสียดายแต่ชายหนุ่มก็จำยอมถอยทัพกลับอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้เตรียมใจมาสู้กับพลังที่คุกคามจิตใจของเป้าหมายเช่นนี้ และผลกระทบของมันอาจจะคงอยู่อีกหลายวัน ทั้งฝ่ายนั้นยังพาจิ้งจอกบ้านโทโดโรกิที่ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายมาร่วมด้วย

     

           เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่เมื่ออิซุคุมาถึง แม้จะงุนงงกับท่าทางของอีกฝ่ายไม่น้อย แต่แวมไพร์หนุ่มก็พอรู้ว่าท่าทางหวาดกลัวที่ตอบกลับมานั้นเกิดจากพลังของเขา 


            อิซุคุไม่รู้วิธีเปิดใช้และควบคุมมัน ถึงอย่างนั้นก็ได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งใจ รอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ย้อนกลับมา ก่อนเข้าไปพยุงร่างคัตจังที่อ่อนปวกเปียกลงทันทีที่เห็นว่าเพื่อนสมัยเด็กปลอดภัยแล้ว

     

    ลำพังแค่เขาคงแบกร่างที่ใหญ่กว่าของหมาป่าหนุ่มกลับไปไม่ไหว โชคดีที่พาโทโดโรกิคุงมาด้วย

     

    คัตสึกิบ่นกระปอดกระแปดว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือทั้งที่ตัวเองยังยืนแทบไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องยินยอมใช้บ่าของทั้งเพื่อนสมัยเด็กและจิ้งจอกหัวสองสีที่เพิ่งมีเรื่องกันเป็นที่พึ่งอย่างไม่มีทางเลือก

     

    เขารู้ดีว่าบาดแผลที่เกิดจากเงินบริสุทธิ์จะไม่หายง่ายๆ และไม่ได้ฟื้นฟูได้ในเวลาอันสั้นเหมือนบาดแผลทั่วไป รอยบาดที่ท้องมันเข้าลึกว่าบริเวณอื่นจนเป็นสาเหตุให้อ่อนแอแบบนี้

     

    และนั่นเป็นสิ่งที่คัตสึกิไม่ได้ถ่ายทอดให้เพื่อนสมัยเด็กได้รับรู้

     

    เจ้าหน้าซีดนั่นรู้ว่าเขาเป็นหมาป่า และรู้ด้วยว่าจุดอ่อนของหมาป่าคืออะไร

     

     

    มันจะไม่หยุดแค่นี้จนกว่าจะได้ตัวเดกุไป และต้องมีใครซักคนตายกันไปข้าง

     








              

    ก็คือเรื่องราววุ่นวายมาก 555555 
    อะไรกันนักหนาเนี่ย เขาจะรักกันตอนไหน สงสัยจะไม่ได้จบแค่ 10 ตอนจริงๆค่ะ
    คัตจังเริ่มอ่อนโยนแล้วค่ะทุกคน อย่าดุน้องมากเนอะ สงสารเดกุเขา

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์มากๆ เลยนะคะ นึกว่าจะไม่มีคนเม้นต์แล้ว;-;
    ระหว่างแต่งเรื่องนี้ก็ดันไปเจอคู่ชิปใหม่แล้วเกิดอยากแต่งฟิคขึ้นมาอีก 
    ต้องตบตีกับตัวเองให้มาแต่งเรื่องนี้ต่อก่อน แต่อาจจะมีโปรเจ็คต่อหลังจากเรื่องนี้จบค่ะ แหะ


    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ :)



     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×