ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #55 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Heartless twin(2) (Part14)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.23K
      40
      14 มิ.ย. 65

    Title: Candied dream : Heartless twin (2)
    Pairing: All x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 14/20

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
















     

    คราวนี้แหละ… แผนการหนีจะได้สำเร็จเป็นเรื่องเป็นราวซักที

     

         ลูฟี่ก้าวขาตัวเองออกจากหน้าต่างห้องเก็บของ พาดตัวเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้กันราวกับลูกลิง ก่อนค่อยๆไถลทั้งร่างนั้นลงมาสู่พื้นดินชั้นหนึ่งโดยสวัสดิภาพ

     

    ออกจากบ้านมาได้แล้ว

     

         ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกที่ภายในบ้านดับโคมไฟลงไปเกือบหมดแล้ว หลังจากโดนไล่ให้ไปนอนที่ห้องใต้หลังคา ลูฟี่ก็รอเวลาที่แน่ใจว่าผู้ชายสองคนนั้นไม่มาวุ่นวายด้วยแล้วแอบเดินออกมายังห้องเก็บของชั้นสองที่หมายตาเอาไว้ตั้งแต่ตอนกลางวัน และลงสู่พื้นดินโดยอาศัยต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ข้างหน้าต่างนั้นได้อย่างพอดิบพอดี

     

         นึกหงุดหงิดชุดคนใช้แสนซอมซ่อที่ได้มาจากผู้ชายผมเขียวคนนั้นอยู่ไม่น้อย แม้มันจะหนาพอป้องกันอากาศที่เริ่มหนาวขึ้นทุกทีได้ดีกว่าชุดเดิมก็ตามที ไม่ได้หงุดหงิดที่มันแสนซอมซ่อแถมยังเปื้อนคราบเขม่าสีดำๆหรอกนะ… แต่หงุดหงิดที่หน้าตาของมันยังไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่ากระโปรงอยู่ดียังไงล่ะ

     

         ไม่มีเวลาให้มาสนใจสิ่งใดเพิ่มอีก แม้ตอนนี้รอบกายจะรายล้อมไปด้วยความมืด แต่ขาทั้งสองข้างก็ยังต้องเร่งความเร็วเพื่อออกไปจากพื้นที่นี้ให้เร็วที่สุด พอจะจำทางที่มีบ่อน้ำได้ลางๆ ว่าปลายทางคือทางออกที่เชื่อมกับถนนสายหนึ่งในเมืองเก่าแก่ทรงยุโรปแห่งนี้

     

         อย่างกับหลุดเข้ามาต่างประเทศยังไงยังงั้น ถนนที่ทอดยาวปูด้วยอิฐบล็อกรูปร่างแปลกตาเต็มไปหมด รถม้าที่แม้จะมืดค่ำขนาดนี้ก็ยังมีให้เห็นสัญจรอยู่บ้าง หรือแม้แต่ผู้คนบางตาที่แต่งตัวแปลกๆ บ้างก็สวมหมวกทรงสูง บ้างก็ถือไม้เท้าหรือร่มบ้างเป็นประปราย

     

         ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นชายในชุดเครื่องแบบอยู่ห่างออกไปเพียงประมาณหนึ่งมุมถนน หมวกสูงขนเฟลอร์ประหลาดตา กับเสื้อคอตั้งประดับยศ รวมไปถึงรองเท้าบูทสูงที่พบเห็นได้บ่อยๆเช่นนั้น …เหมือนกับทหารที่อยู่ในนิทานไม่มีผิด

     

    “ ไอ้หัวมอส แกไปต้อนเด็กนั่นให้ออกห่างจากทหารซะ! ”

     

    “ อย่ามาสั่งกันน่า! ”

     

         แต่แล้วเสียงที่คุ้นหูก็ทำให้ใบหน้าหวานหันขวับกลับไปมองเส้นทางที่เคยผ่านมาแทบจะทันที ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้างเมื่อร่างที่ปรากฏให้เห็นอยู่ไม่ห่างนั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน ผู้ชายผมเขียวหน้าดุที่วิ่งนำหน้ามาพร้อมกับการหันกลับไปขึ้นเสียงใส่ชายอีกคน เจ้าของผมสีทองและดวงตาสีฟ้าเทาเผยรอยยิ้มที่มุมปากเด่นชัดกว่าทุกทีที่ลูฟี่เคยเห็น

     

    “ ส่วนฉันจะเป็นคนพามันกลับบ้านเอง ”

     

    โกยสิโกย โกยให้เร็วที่สุดเลย!

     

    “ ให้ตาย  พวกนายจะตามราวีฉันไปถึงไหนเนี่ย! ”

     

         เสียงเล็กโวยวาย สองเท้าก็วิ่งออกไปอย่างไม่รู้ทิศทาง นอกจากไม่รู้จักสถานที่นี้แล้ว อากาศก็ชักจะเริ่มเย็นลงทุกที เสียงฝีเท้าที่ไล่ตามหลังมาไม่ห่างทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ลำพังเด็กหนุ่มผอมแห้งแบบเขาจะเอาอะไรไปงัดกับผู้ชายตัวใหญ่สองคนได้กันเล่า มีดีแค่หนีเก่งก็ต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์นี่แหละ

     

         ลูฟี่อาศัยความปราดเปรียวและประสบการณ์การหนีที่สั่งสมมานานลัดเลาะเข้าตามซอกตึกสูงที่ค่อนข้างมืดและอับสายตา เพียงไม่นานร่างสูงของคนหน้าดุที่เคยวิ่งตามมาก็คลาดกันไปได้ไม่ยาก หันกลับไปมองอีกครั้งก็พบว่าไม่มีใครตามมาแล้วจริงๆ เผลอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

     

         ในขณะที่ปลายเท้าเล็กๆนั้นยังไม่ได้ลดความเร็วลง เส้นทางที่มองเห็นภายหน้ากลับเป็นเพียงทางตันเท่านั้น ครั้นจะให้ย้อนกลับไปทางเดิมแล้วโดนจับอีกรอบก็ไม่เอาเหมือนกัน สายตาพยายามมองหาสิ่งที่พอจะทำให้เขาปีนขึ้นไปข้างบนได้ ต้องมีบันไดหรืออะไรบ้างสิ

     

         ทำได้แค่แหงนหน้ามองผนังตึกไปเพียงเท่านั้น เวลาเพียงชั่วครู่ทั้งร่างก็โดนโอบรัดเอาไว้แน่นด้วยแขนของใครบางคน เด็กหนุ่มทำได้เพียงดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในอ้อมแขนแกร่งของคนผู้นั้น ร่างผอมบางแบบเขาทำอะไรคนตัวใหญ่ไม่ได้เหมือนเคย

     

    “ แกอาจจะหนีเก่งนะ แต่อย่าลืมสิว่าฉันรู้จักที่นี่ดีกว่าแก ”

     

         เสียงนุ่มทุ้มที่พูดขึ้นข้างหูทำเอาเสียวสันหลังวาบ …เสียงของผู้ชายคิ้วม้วนคนนั้น ในขณะที่อีกคนคลาดสายตาไป ก็ยังมีอีกคนที่วางแผนเส้นทางไว้อย่างดีมาไล่จับเขาด้วย ความหวังว่าจะหนีรอดออกไปได้พลันริบหรี่ลงอีกครั้ง เมื่อสุดท้ายแล้วก็โดนคนที่แรงเยอะกว่าหิ้วตัวกลับมาที่บ้านหลังเดิมอีกรอบจนได้

     

    “ วันนี้ฉันอนุญาตให้แกอยู่ที่นี่ได้ …ไปนอนซะ ”

     

         หลังจากโดนพาเข้ามาที่ห้องๆหนึ่งได้ ผู้ชายผมทองก็ยืนกอดอกเฝ้าหน้าประตูด้วยใบหน้าราวกับกำลังคาดโทษ  มันคือห้องนอนที่มีเตียงกว้างแบบที่นอนกันสี่ห้าคนยังเหลือพื้นที่เหลือเฟือ สายตาคู่คมปรายมองไปยังเตียงกว้างนั้นเหมือนกับออกคำสั่ง แต่คนไม่เข้าใจในความหมายทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้วเข้าหากันเท่านั้น

     

    “ ฉันบอกให้ขึ้นไปนอน ห้ามหนีไปไหนอีก ”

     

         แม้จะยังไม่เข้าใจในเหตุผล แต่ลูฟี่ก็ทำได้เพียงทิ้งตัวลงกับฟูกสีขาวอย่างแผ่วเบา เรื่องราวที่เขาพบเจอในทุกๆวันทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย ในโลกความเป็นจริงที่เขาจากมายังมีอีกหลายสิ่งให้รับผิดชอบ จะให้ทิ้งไว้ข้างหลังก็ไม่ได้เหมือนกัน …ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสหรือเปล่า แต่ก็ยังหวังว่าจะได้กลับไปเสมอ

     

         เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงพื้นเตียงที่ยวบลงไปตามน้ำหนักมาจากด้านหลัง ก่อนเจ้าของวงแขนที่เคยโอบทั้งร่างของเขาจะล็อกเอวเอาไว้จนแผ่นหลังแนบไปกับหน้าท้องของอีกฝ่าย ร่างเล็กสะดุ้งและพยายามฝืนร่างกายตัวเองลุกขึ้นนั่ง แต่คนผมทองที่แรงมากกว่าก็ดึงกลับมานอนที่เดิมในลักษณะถูกกอดแน่นจากด้านหลังราวกับไม่ยอมให้หนีไปไหนอีก

     

    ทำอะไรแปลกๆอีกแล้ว

     

    “ ปล่อยฉันนะ นายทำอะไรเนี่ย ” คนตัวเล็กเริ่มโวยวายอีกครั้ง การดิ้นให้หลุดจากเกาะกุมดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ในเวลานี้ ได้ยินเพียงเสียงทุ้มของคนข้างหลังพูดผ่านใบหูมา เป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนและไม่ดุเขาเหมือนทุกครั้งจนรู้ฟี่อดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้

     

    “ ทำไมแกถึงได้ชอบหนีไปนัก ”

     

    “ แล้วทำไมพวกนายจะต้องมาตามจับตัวฉันกลับไปอยู่เรื่อยเลย ” ไม่ว่าใครต่างก็ไม่ต้องการให้เขาหนีไปทั้งนั้น ลูฟี่ไม่เข้าใจความหมายของการกระทำเหล่านี้ ไม่เข้าใจว่าตัวเขามีอะไรบางอย่างที่คนพวกนี้ต้องการหรือไงกัน

     

    ปลายจมูกโด่งของคนตัวสูงฝังลงไปในกลุ่มผมนุ่มด้วยความรักใคร่ ทั้งร่างกายบอบบาง ผิวเนียนนุ่ม และกลิ่นหอมอ่อนๆที่มาจากเด็กคนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากเสียไปให้ใครทั้งนั้น ความรู้สึกหวงแหนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้าแบบนี้มันช่างอันตรายเสียจริง

     

    “ ห้ามหนีไปไหนอีก ” ประโยคเดิมถูกกล่าวขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกชาวาบไล่ไปทั่วร่างกายยามที่ลมหายใจของอีกฝ่ายเป่ารดใบหู มือเล็กพยายามแขนแข็งแรงออกจากร่างของตนโดยหวังจะให้ความรู้สึกเหล่านี้หายไปเร็วๆ

     

    “ พอแล้ว ฉันไม่หนีไปไหนแล้ว ”

     

    “ แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ” แต่คนตัวสูงกลับกระชับอ้อมกอดนั้นแน่นกว่าเดิมจนไม่อาจขยับตัวได้ ความอบอุ่นจากร่างของคนที่โอบกอดไม่อาจทำให้หัวใจของลูฟี่อยู่อย่างสงบได้อีกต่อไป

     

    “ แต่ฉันอึดอัดนะ ”

     

    “ นอนนิ่งๆไปซะ ”

     

    ยิ่งเสียงนุ่มๆแถมยังอ่อนโยนผิดหูผิดตายิ่งทำให้รู้สึกแปลกมากขึ้นไปอีก แบบนี้จะหลับลงได้ยังไงกัน กระดุกกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย

     

         ไม่นานเท่าไรนัก เสียงทุ้มที่เคยพูดอยู่ข้างหูก็เปลี่ยนเป็นลมหายใจที่สม่ำเสมอ คนตัวเล็กพยายามแงะร่างตัวเองออกมาจากอ้อมแขนนั้นอย่างยากลำบาก แม้มันจะคลายหลวมลงยามที่อีกฝ่ายเข้าสู่นิทราไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายปล่อยตัวเขาออกไปไหนได้ง่ายๆ

     

         สายตาสังเกตเห็นร่างของใครอีกคนที่ยืนมองภาพตรงหน้าอยู่ที่ปลายเตียง ผู้ชายผมเขียวคนนั้นเพิ่งจะกลับมาถึงที่นี่ เขายืนเงียบโดยไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ก่อนร่างนั้นจะเลือกทิ้งตัวลงมาอีกฝั่งของเตียงที่ยังว่างอยู่ มือหนาผลักเอาร่างของคนคิ้วม้วนออกจนกลิ้งหมุนไปด้านข้าง และอาศัยโอกาสนั้น คว้าเอาร่างเล็กๆที่น่าทุถนอมตรงหน้าเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตนแทน

     

    ลูฟี่ปรับตัวตามสถานการณ์ดังกล่าวไม่ทัน ทำได้เพียงนอนแข็งทื่อทั้งยังสะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกรอบ

     

    เล่นอะไรกันนะคนบ้านนี้ นี่มันสถานการณ์อะไรกัน

     

    นอนไม่หลับแล้ว ตาค้างแบบไม่ต้องพึ่งกาแฟเลย

     

         ความรู้สึกร้อนผ่าวแผ่ไปทั่วทั้งใบหน้า มันกลายเป็นการนอนหันหน้ามองผู้ชายหน้าดุคนนั้นตรงๆไปโดยปริยาย ดวงตาคมสีดำของอีกฝ่ายเอาแต่จับจ้องเข้ามาในดวงตาของเด็กหนุ่มราวกับมันน่าสนใจอะไรนักหนา เขาจ้องมองอยู่อย่างนั้นพักใหญ่โดยไม่ปริปากพูดอะไรซักคำ เท่านั้นก็เพียงพอจะทำให้ก้อนเนื้อที่อยู่ใต้อกมันสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะได้

     

         เผลอก้มใบหน้าหวานหลบสายตาคู่นั้น มันจึงเหมือนการคลอเคลียกับอกแกร่งของอีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ตัว คนหน้าดุกระชับอ้อมกอดของตนเข้ามามากกว่าเดิม ก่อนฝังปลายจมูกลงไปยังกลุ่มผมนิ่มที่น่าสัมผัสนั้นอีกคน

     

    “ อยู่นานกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง ”

     

         เสียงทุ้มแหบเอ่ยอย่างแผ่วเบา แต่ก็ดังพอจะทำให้จับใจความได้ไม่ยากนัก ทั้งบรรยากาศอันเงียบสงัดของยามค่ำคืนและอ้อมกอดที่ไม่ได้ล่วงเกินอะไรไปมากกว่านั้น

     

    ลูฟี่รู้สึกได้ถึงความเหงาที่แสดงออกมาผ่านคำพูดนั้นได้เด่นชัดกว่าสิ่งใด

     

         ทุกคนต่างก็รู้ดี เจ้าหญิงมิได้ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใดทั้งสิ้น ต่อให้ปรารถนาหรือทุ่มเทกับความรักอย่างไรก็ไม่อาจครอบครองได้ และซักวันหนึ่งจะต้องจากไปในที่ไกลแสนไกล

     

    แม้เป็นเช่นนั้น แต่ทุกคนก็ยังเฝ้าถวิลหาไม่เคยเปลี่ยนแปลง

     

     

     

     

         เช้าที่สดใสของลูฟี่ถูกรบกวนด้วยการกระชากทั้งร่างขึ้นจากเตียงนอนทั้งยังหลับอยู่ นิ้วเรียวยกขึ้นมาขยี้ตาตัวเองด้วยความงัวเงีย ในขณะที่ข้อมือก็โดนดึงไปยังสถานที่ที่ไม่ทราบจุดหมาย

     

    “ พวกนายจะพาฉันไปไหน ”

     

         เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอย่างคนไม่ตื่นดี หลังจากลงบันไดบ้านไปด้วยความทุลักทุเล ผู้ชายผมเขียวก็พาเขามาหยุดอยู่หน้ากระท่อมไม้เก่าๆที่อยู่ถัดไปจากบ่อน้ำที่เคยพบเห็น ข้างกันเป็นผู้ชายผมทองที่เดินเข้าไปทำอะไรซักอย่างในนั้น ก่อนเดินออกมาพร้อมใบหน้ายุ่งๆ

     

         ทั้งร่างของเขาถูกดันเข้าไปอยู่ในกระท่อมแคบๆนั้นก่อนจะได้ทันรู้ตัว ประตูไม้ของมันถูกปิดตามอย่างรวดเร็ว ก่อนมีเสียงคล้ายกับโซ่ให้ได้ยินตามหลัง ร่างเล็กรีบพุ่งเข้าไปดันประตูนั้นออกแทบจะทันที แต่ดูเหมือนมันจะโดนพันธนาการจากภายนอกเสียแล้ว

     

    “ ทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันออกไปนะ” กำปั้นเล็กใส่แรงไปที่ประตูดังปึงปัง แต่ไม่ได้ทำให้มันขยับเลยแม้แต่น้อย

     

    “ อยู่ในนั้นเงียบๆไปซะ จนกว่าธุระของพวกฉันจะเสร็จ ”

     

         มีเพียงคำสั่งที่ได้ยินผ่านมาจากผนังอีกฟาก คนพวกนี้แก้เผ็ดเขาด้วยการจับมาขังให้รู้แล้วรู้รอดเลยหรือเปล่านะ จะได้ไม่ต้องหนีไปไหนอีก …คิดยังไงก็แปลความหมายได้แบบนี้ทั้งนั้น

     

    “ ไม่เอา ทำไมพวกนายต้องขังฉันไว้แบบนี้ด้วย! ” เสียงปึงปังยังคงไม่หยุดลง ลูฟี่พยายามหาทางออกไปหลายๆวิธี แต่นอกจากประตูก็มีเพียงหน้าต่างบานเล็กๆที่ไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปได้เลยก็เท่านั้น

     

         ธุระอะไรทำไมถึงจำเป็นจะต้องขังเขาไว้แบบนี้ด้วยครั้นจะถามหาเหตุผลของการกระทำของคนที่โลกนี้ก็ใช่ว่าจะได้คำตอบมาง่ายๆเสียหน่อย มีแต่คนทำเรื่องแปลกๆตั้งแต่มาถึงที่นี่วันแรกแล้ว

     

    “ อย่าส่งเสียงดัง ไม่งั้นแกได้เจอการลงโทษจากฉันแน่ ”

     

         คำขู่นั้นจากคนคิ้วม้วนก็เป็นอันทำให้ลูฟี่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างลงแทบจะทันที เขารู้สึกประหม่ากับการ ‘ลงโทษ ด้วยวิธีพิศดารอย่างการยื่นจมูกมาหายใจใกล้กันของคนๆนั้นไม่น้อย ไม่อยากจะคิดว่าจะโดนอะไรหลังจากนั้นหากไม่รีบยกมือขึ้นมากันไว้ก่อน ถึงจะซื้อบื้อแต่ก็ไม่ถึงกับไม่ประสีประสาขนาดนั้น

     

    “ เชื่อฉันเถอะ อยู่ในนั้นแกปลอดภัยที่สุดแล้ว ”

     

         เป็นเสียงแหบทุ้มของชายอีกคนที่พูดขึ้นก่อนฝีเท้าของคนทั้งสองจะเริ่มก้าวห่างออกไป ลูฟี่สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจากน้ำเสียงนั้นอีกครั้ง แต่ความหมายของมันกลับทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงง

     

    ปลอดภัยจากอะไรกันล่ะ?

     

         แม้จะไม่ได้โวยวายออกไปเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉยที่จะหาหนทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้ มันเป็นเหมือนโกดังเก็บของเก่าๆที่มีสภาพฝุ่นเขรอะราวกับไม่ได้ใช้งานมาหลายสิบปี ของใช้ที่ส่วนใหญ่ชำรุดไปหมดแล้วจัดวางอย่างไม่ค่อยมีระเบียบนัก

     

    ไม่มีอุปกรณ์ที่พอจะทำให้พังประตูออกไปบ้างเลยหรือไงนะ… มีแต่ของใช้ทั่วไปในบ้านทั้งนั้น

     

         เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆ อากาศที่เคยหนาวเย็นยามเช้าเริ่มอบอุ่นขึ้นเมื่อเข้าสู่เวลาเที่ยงของวัน กระเพาะเจ้ากรรมมันก็เริ่มประท้วงว่าหิวข้าวเสียแล้ว เมื่อไรธุระที่ว่าของสองคนนั้นจะจบลงเสียที

     

    “ มีใครอยู่หรือเปล่า ถ้าได้ยินก็ช่วยตอบกลับมาด้วยนะครับ

     

         แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดความคิดนั้น เด็กหนุ่มที่กำลังหมดหนทางในการหลบหนีเด้งตัวขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ เท้าเล็กเขย่งเพิ่มความสูงเพื่อจะทำให้ตนสามารถมองลอดออกไปผ่านหน้าต่างบานเล็กบนหัวได้

     

    เสียงของใครกันนะทำไมไม่คุ้นหูเลย

     

    มองออกไปแล้วก็ไม่เห็นวี่แววของคนเดินผ่านมา เห็นเพียงแค่แปลงดอกไม้ของบ้านกับหมีขั้วโลกที่กำลังใส่เครื่องแบบสีส้มทั้งตัวก็เท่านั้น

     

    เดี๋ยวนะ

     

    “ หมีงั้นหรอ!! ” แถมยังเป็นหมีขั้วโลกสีขาวหน้าตาน่ารักด้วยอีกต่างหาก!

     

         ลูฟี่พูดออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ แปลกประหลาดเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้ ทำไมหมีขั้วโลกจึงมาอยู่ที่นี่และใส่ชุดเครื่องแบบทหารเสียเต็มยศขนาดนั้น มิหนำซ้ำยังมีรองเท้าบู๊ทสีน้ำตาลนั่นด้วยอีก

     

    หมีใส่รองเท้าเนี่ยนะ

     

    “ ขอโทษครับ ” เมื่อมองเห็นใบหน้าตื่นเต้นที่มองผ่านหน้าต่างออกมา สัตว์ขนปุยก็รีบโค้งศีรษะลงขอโทษด้วยใบหน้ารู้สึกผิดเต็มประดา ไม่รู้ว่าทำผิดอะไรเหมือนกัน แต่ต้องขอโทษไว้ก่อนก็เท่านั้น

     

    “ ม...หมีพูดได้ด้วย!! 

     

         ยิ่งทำให้ลูฟี่ตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกใสราวกับเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่ ส่วนหมีขาวตัวนั้นก็เอาแต่ก้มหัวขอโทษงกๆอยู่แบบนั้น เพียงพักหนึ่งก็ได้สติ เด้งตัวกลับขึ้นมาและส่ายหน้าเป็นพัลวัน บ่นพึมพำกับตัวเองพอเป็นคำพูดให้ได้ยินว่า ไม่ใช่สิ ไม่ได้มาเพื่อมายืนขอโทษนะ

     

    “ ฉฉันมาช่วยนายออกไปจากที่นี่

     

     

     

     

    “ บอกแล้วใช่มั๊ยว่านั่นมันก็แค่แมวที่บ้านพวกฉันเลี้ยงไว้ก็เท่านั้น ”

     

         เสียงทุ้มของคนคิ้วม้วนเอ่ยขึ้นอย่างยียวน ต่อหน้ากลุ่มคนจำนวนนับสิบที่ยืนรายล้อมอยู่หน้าบ้านของเขา ข้างหลังมีร่างสูงโปร่งของชายปริศนาในชุดสูงศักดิ์กับรถม้าจอดอยู่ไม่ห่าง

     

    “ ไปเอาข่าวลือมาจากไหนกันว่าฉันเจอเจ้าหญิง …ถ้าเจอจริงๆก็ดีน่ะสิ พวกนายตาฝาดกันแล้วล่ะ ”

     

    “ นึกแล้วก็คิดถึงมันไม่หาย ป่านนี้จะได้กินข้าวหรือยังก็ไม่รู้ ”

     

         ชายผมเขียวที่ยืนอยู่ข้างกันกล่าวเสริมทัพ คนเหล่านี้คือทหารจากพระราชวังอันไกลโพ้น เล่นแห่กันมาหลายสิบคนตั้งแต่หัววันขนาดนี้ ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่ามาตามหาตัวเจ้าหญิงกันล่ะ

     

    ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมส่งตัวให้ง่ายๆหรอก โดยเฉพาะให้กับ ‘หมอนั่น

     

    เจ้าชาย ที่ยืนอยู่ตรงนั้น

     

         ชายในชุดเครื่องแบบวิ่งผ่านร่างของสองพี่น้อง ก่อนตรงไปยังผู้สูงศักดิ์ที่ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่เงียบๆมานาน กล่าวรายงานพร้อมโค้งตัวเคารพว่าหาสิ่งที่ต้องการไม่พบแต่อย่างใด

     

    “ ค้นให้ทั่วบ้านก็ไม่เจอหรอกน่า รีบๆกลับไปซะเถอะ ” คนหน้าดุกล่าวด้วยความรู้สึกระอาเต็มทน แต่เหล่าทหารผู้จงรักภักดีก็หาได้หยุดการค้นหาลงไม่ ทุกนายที่ทำหน้าที่อารักขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้าชายเอง

     

         เจ้าของใบหน้าคมคายยังคงสีหน้าเรียบสนิทเอาไว้โดยไม่ยี่หระต่อคำพูดกวนประสาทของชายสองคนตรงหน้า ใช้เวลาเพียงพักหนึ่งก็ปรากฏร่างของใครบางคนวิ่งหน้าตั้งตรงมายังเขาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ

     

    “ ฝ่าบาทขอรับ ฝ่าบาท! ”

     

         หมีขาวในชุดสีส้มทั้งตัววิ่งมาหยุดตรงหน้าก่อนยืนหอบอย่างหมดสภาพ เพียงเท่านั้นก็เพียงพอจะเรียกรอยยิ้มขึ้นมาบนริมฝีปากได้รูปของผู้เป็นนาย ขายาวทั้งสองข้างพาร่างของเขาเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจคนที่อยู่รอบตัวอีก ทิ้งไว้เพียงความสงสัยให้แก่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น

     

     

    เกมซ่อนหาในครั้งนี้ เขาเป็นผู้ชนะแล้วล่ะ

     

     

     

     

    เหงาเหลือเกินการรอคอยมันเหงาเหลือเกิน

    ซินเดอเรลล่าผู้น่าสงสารถูกรังแกจากพี่เลี้ยงใจร้าย หลายต่อหลายครั้ง

    หากแต่ไม่มีใครรู้ถึงความห่วงใยที่แสดงผ่านการกระทำเหล่านั้นแม้แต่น้อย...

    แม้รู้ดีว่าซักวัน เจ้าหญิงจะต้องจากไป

    แต่มันช่างทำใจได้ยากนัก …ต้องกลับไปเหงาอีกแล้วหรือ

     

      

     





    มาอัพแล้วค่าา
     
    บอกแล้วว่าสองหน่อนี้อ่อนโยนเกินไป
    ไรเตอร์เลยยัดบทร้ายๆให้ไม่ลงจริงๆค่ะ ทำไมมันมุ๊งมิ๊งขนาดนี้
    ถึงไม่ต้องบอกว่าเจ้าชายเป็นใคร คิดว่าทุกคนต้องเดากันได้แล้วแน่ๆเลย อิอิ

    เสียใจมาก วันหยุดของนังไรท์หมดลงแล้วค่ะ
    ต้องกลับไปวนลูปกับชีวิตมหาลัยอีกแล้ว ฮือออT^T
    ไว้มีเวลาว่างจะเข้ามาอัพต่อนะคะ ขออภัยในความล่าช้าอีกครั้งค่ะ



    แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ:)

     
    ตอนต่อไป >> [DoflamingoxLuffy] Akaito (Part5)
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×