ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ One Piece 'short fanfiction All Luffy [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #54 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Heartless twin(1) (Part13)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      28
      14 มิ.ย. 65

    Title: Candied dream : Heartless twin (1)
    Pairing: All x Luffy
    Rate: PG-13
    Writer: PINKUHERO
    Part: 13/20

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------















    งานเลี้ยงเต้นรำประจำอาณาจักรกำลังจะจัดขึ้นในคืนพระจันทร์เต็มดวง 

    เพื่อต้อนรับการมาของเจ้าหญิง ผู้น่าถวิลหา 

    ข่าวลือแพร่สะพัด รับเชิญทุกผู้ในอาณาจักรเพื่อเป็นสักขีพยาน 

    หากแต่ยังคงมีบ้านของ ‘พี่น้องใจร้าย’ และเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารมากล่าวขานเป็นตำนานต่อไป

     

     

     

     “ เจอตัวซักที …ยัยซินตัวแสบ 

     

    “ พวกนายจำคนผิดแล้ว ฉันชื่อลูฟี่ต่างหาก ” นิ้วเรียวพยายามแงะเอามือเหนียวๆของอีกฝ่ายออกแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่เข้าใจว่าคนที่นี่เป็นอะไรกัน ถึงได้ชอบเข้ามาคว้าข้อมือคนอื่นเป็นว่าเล่น

     

    “ หึ… ทำเป็นความจำสั้นไปได้ แกก็เป็นน้องสาวของพวกฉันไง ” ผู้ชายสวมหมวกปีกกว้างหัวเราะในลำคอ หยิบไปป์ในกระเป๋าเสื้อของตนขึ้นมาจุดไฟก่อนสูดเอาควันพิษเข้าปอดของตน

     

    “ ฉันไม่มีญาติหน้าตาแบบนี้ แล้วมันก็ผิดตั้งแต่เพศที่พวกนายยกขึ้นมาแล้วโว้ย ”

     

    คำก็เจ้าหญิง สองคนก็น้องสาวบ้างล่ะ จะอะไรกับเพศของเขากันนักหนานะ

     

         ลูฟี่มองหน้าผู้ชายสองคนสลับกันด้วยรู้สึกขัดใจไม่น้อย ส่วนสูงมากกว่าเขาจนต้องแหงนมอง คนหนึ่งไว้เคราเป็นเส้นๆที่ปลายคาง ส่วนอีกคนใส่ต่างหูระย้าข้างเดียวทีละสามอัน ผมสีทองและผมสีเขียวราวกับต้นหญ้าเป็นจุดสนใจต่อผู้พบเห็นได้ไม่น้อย

     

    แต่สิ่งหนึ่งก็เป็นอันทำให้เด็กหนุ่มต้องเบิกตากว้าง ก่อนจ้องเขม็งไปยังไปหน้าของคนผมทองด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

     

    “ ค..คิ้ว ”

     

         …คิ้วของผู้ชายคนนี้มันม้วนขดเป็นก้นหอยราวกับเอาดินสอวาดเอายังไงยังงั้น พลันมันกระตุกเบาๆยามเมื่อดวงตาคู่สวยดูเหมือนจะไม่ยอมละออกไปง่ายๆ

     

    “ เอาล่ะ เสียเวลามามากพอแล้ว แกต้องไปกับพวกฉัน ”

     

         เจ้าของคิ้วม้วนกระแอมเบาๆใส่คนหัวเขียวที่ราวกับกำลังกลั้นขำไว้ภายใต้ใบหน้าโหด ดวงตาสีฟ้าเทาเปลี่ยนกลับมาจ้องเข้าไปยังดวงตาสีดำสนิท ก่อนรอยยิ้มพอใจจะปรากฏ แววตาคู่นั้นเปลี่ยนไปกลายเป็นความจริงจังเสียจนอดใจหายไม่ได้

     

    “ เอามันไปขัง อย่าให้เจ้าชายมาเจอเด็ดขาด ”

     

    ลางสังหรณ์เกี่ยวกับเรื่องร้ายๆของเขามักแม่นเสมอ

     

    “ เฮ้ ปล่อยนะ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” ทั้งร่างปลิวไปตามแรงดึงของคนผมเขียวราวกับกระดาษ ออกจากสถานีรถไฟที่เมื่อครู่เพิ่งได้ตื่นตาตื่นใจไป รู้ทั้งรู้ว่ากำลังจะถูกพาไปที่ไหนก็ไม่รู้ รู้ทั้งรู้ว่าการกลับบ้านยังต้องเลื่อนออกไปอีก แต่ก็ไม่อาจสู้แรงผู้ชายตัวโตๆสองคนได้เลย

     

    เพิ่งได้ออกจากป่ามา เพิ่งได้ตื่นเต้นกับคนและสถานที่ใหม่ๆแท้ๆ กลับโดนลากเข้าไปในเมืองแทนซะแล้ว

     

         จุดหมายคือบ้านทรงยุโรปที่มีพื้นที่รอบบ้านค่อนข้างกว้าง อยู่ไม่ห่างออกไปจากสถานีรถไฟนัก หลังจากโดนพาเข้ามาในบ้านลักษณะโอ่อ่าพอตัวเพียงพักหนึ่ง ร่างสูงของผู้ชายสองคนก็กลับมายืนประจันหน้าเป็นกำแพงมนุษย์อีกครั้ง ดวงตาคมของคนทั้งคู่จ้องเข้ามาราวกับราชสีห์ที่รอจะตะปบเหยื่อตัวน้อยที่ยืนตาใสอยู่ตรงหน้า

     

    “ แกเป็นของฉัน สั่งอะไรก็ต้องทำตามรู้มั๊ย ” เสียงทุ้มค่อนไปทางแหบของคนผมเขียวเอ่ย ลูฟี่ได้แต่ชะงักกับประโยคที่แปลความหมายออกมาได้แปลกพิลึก ไม่นานนักฝ่ามือของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยถังน้ำหนึ่งใบที่มีผ้าเก่าๆอยู่ภายใน

     

    “ หน้าที่ของแกคือทำความสะอาด อย่าให้พวกฉันเห็นว่าออกไปป้วนเปี้ยนนอกบ้านล่ะ ” รอยยิ้มแฝงความหมายบางอย่างถูกระบายออกมาบนริมฝีปากได้รูปของชายอีกคน ร่างสูงโปร่งก้มตัวลงมาพูดใกล้ๆหัวเสียจนคนตัวเล็กเผลอถอยหลังออกไปอย่างไม่รู้ตัว

     

     …ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือนล่ะ ”

     

    งงเรื่องที่ว่ายังลำดับเหตุการณ์ไม่ได้ยังไม่พอ ยังต้องมาสงสัยว่าทำไมเขาจะต้องมาถูพื้นให้คนพวกนี้ด้วย

     

         บุคคลปริศนาสองคนทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้กับร่างเล็กเพียงเท่านั้น ก่อนต่างคนจะพากันแยกย้ายออกไป ลูฟี่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มองถังน้ำในมือด้วยความรู้สึกหดหู่ที่ให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้

     

    ผู้ชายสองคนอีกแล้วหรอ… คราวนี้ไม่มีหูหรือหาง หรือเขี้ยวยาวๆให้ตกใจ ถึงอย่างนั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนคนพวกนี้เป็นหมาป่าตัวร้ายยังไงพิกล

     

    จะว่าไปเหมือนเคยได้ยินนิทานเรื่องหนึ่งที่นางเอกเป็นสาวใช้มาตั้งแต่เด็ก… แม่เลี้ยงใจร้ายกับพี่สาวขี้อิจฉาสองคนหรือเปล่านะ

     

    อา… ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่นางเอกแล้วก็ไม่ใช่น้องสาวของคนพวกนี้ด้วย!

     

         มือบอบบางวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงกับพื้นอย่างไม่ค่อยถนอมนัก ปลายเท้าทั้งคู่พาร่างเดินออกไปรอบบ้านพร้อมสีหน้าไม่สู้ดี ริมฝีปากสีกุหลาบบ่นอุบอิบเพียงเบาๆเป็นคำพูดว่า ‘ใครจะทำกันเล่า

     

         บ้านที่นี่กว้างขวางกว่าที่มองเห็นจากภายนอก จะเรียกว่าเป็นคฤหาสน์ขนาดย่อมก็ไม่ได้ผิดไปนัก ถึงอย่างนั้นกลับไม่เห็นวี่แววของผู้คนนอกจากผู้ชายร่างโตสองคนนั้น เครื่องเรือนมีน้อยกว่าพื้นที่ที่ค่อนข้างโล่ง เพราะแบบนั้นมันจึงกว้างไปสำหรับการทำความสะอาดเพียงคนเดียว

     

         จุดหมายของเด็กหนุ่มคือประตูบานคู่เก่าๆที่อยู่ภายหน้า มันคือบานเดียวกับที่ใช้เข้ามาในบ้านหลังนี้ คว้าหมับเข้าที่มือจับประตูก่อนออกแรงผลักพอให้ขยับ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมันไม่ได้ล็อกอย่างที่คิดไว้

     

    ต้องหนีอย่างเดียวแล้วสิแบบนี้….

     

          เจ้าของใบหน้าหวานรีบหันมองรอบตัวด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะแทรกร่างผอมๆนั้นออกไปโดยไม่ได้ส่งเสียงใดๆ เผลอแย้มยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว นี่คือโลกภายนอกจริงๆ ออกมาง่ายดายเกินไปหรือเปล่านะ

     

    แต่ก็ช่างเถอะ

     

         ก้าวเตาะแตะออกไปตามทางตามประสาคนไม่รู้จักพื้นที่ นอกจากบ้านจะหลังใหญ่แล้ว พื้นที่รอบบ้านก็ยังกว้างไปอีก มีทั้งแปลงดอกไม้หรือแม้แต่บ่อน้ำที่มีรอกกับถังใช้ตักน้ำขึ้นมาจากใต้ดิน ดวงตากลมโตทั้งคู่มัวแต่สนใจสิ่งที่แปลกตารอบตัวจนกระทั่งมาหยุดยังร่างของใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปเท่าไร

     

         ผู้ชายใส่ตุ้มหูระย้าที่หูข้างซ้ายนั่น ร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนกอดอกสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวที่มีรองเท้าบูทสวมทับถึงเข่าอีกที ใบหน้าคมส่งสายตาดุๆมายังคนตัวเล็กที่แทบจะไถลไปกับการชะลอความเร็วฝีเท้าของตนลง

     

    ทำไมต้องทำหน้าดุใส่กันขนาดนั้นด้วย… กลายเป็นความตกใจแทนที่จะกลัวไปเลย

     

    “ เปล่าซะหน่อย ฉันไม่ได้คิดจะหนีนะ” ปากมันก็พาลร้อนตัวไปก่อนคู่สนทนาจะเอ่ยปากถาม เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอย่างคนโกหกไม่เป็น อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียจนคนตัวเล็กกว่ารู้สึกอึดอัดจนต้องหลบสายตา

     

         ทำหน้าดุใส่อีกแล้ว ไม่เห็นจะเข้าใจเลย… คนตัวสูงเริ่มก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆจนต้องถอยหลังหนี …ไม่ไหวแน่ ทางเดินนี่มันแคบเกินกว่าจะหลบออกไปตรงไหนได้ มีหวังโดนไล่ทันแล้วโดนจับทุ่มลงพื้นจะทำยังไง

     

    ก็ได้… กลับเข้าไปในบ้านก่อนก็ได้

     

    แง้มปิดประตูคืนด้วยสีหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจ …คนบ้านนี้มันอะไรกันนะ ถ้าไปทางนั้นไม่ได้ก็หาทางออกอื่นเอาก็แล้วกัน

     

         คิดได้ตั้งนั้นก็รีบสาวเท้าออกไปทางส่วนหลังของบ้านแทน หลังบันไดกว้างที่บดบังทัศนียภาพชั้นล่างของบ้านคือห้องครัวที่ไม่ได้หรูหรามากมาย แต่ก็กว้างขวางสมกับขนาดของที่อยู่อาศัย มีเตาอบโบราณแบบไม่ใช้ไฟฟ้าให้รู้สึกแปลกตา

     

         เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว ร่างเล็กรีบวิ่งตรงไปยังประตูที่จะออกไปสู่ภายนอกทันทีที่สังเกตเห็น มันเป็นเพียงบานไม้เก่าๆที่ไม่น่ามีกลไกอะไรซับซ้อนนัก แต่ครั้นผลักออกไปสุดแรงแล้วก็ดูไม่มีทีท่าจะขยับเลยแม้แต่น้อย

     

    โดนล็อกจากข้างนอกงั้นหรือ

     

         พลันเสียง ‘ตุบ’ ที่ดังขึ้นมาข้างหูก็ทำให้ทั้งร่างสะดุ้งขึ้น ฝ่ามือของผู้ชายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ลูฟี่รีบหันกลับไปมองโดยอัตโนมัติ หัวใจมันพาลจะหยุดเต้นเมื่อพบว่าทั้งร่างอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายเรียบร้อยเสียแล้ว คราวนี้เป็นผู้ชายอีกคนที่มีคิ้วเด่นสะดุดตา ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้เสียจนเด็กหนุ่มถอยหลังไปชนประตูตามสัญชาติญาณ จึงกลายเป็นการปิดกั้นทางหนีของตนไปโดยปริยาย

     

    “ บอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าได้คิดจะหนี ” ใบหน้าคมยิ่งเลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนลูฟี่ที่พยายามหดคอหนีเริ่มทำตัวไม่ถูก หัวใจมันก็พาลอยู่ไม่สุขตามไปด้วย จนกระทั่งเมื่อปลายจมูกของคนตรงหน้าชนเข้ากับปลายจมูกของเขา เด็กหนุ่มรีบใช้มือบอบบางดันหน้าของอีกฝ่ายออกไปทันทีที่ได้สติ

     

    “ ทำอะไรของนาย เอาหน้าออกไปนะ

     

         เสียงเล็กโวยวายให้กับความรู้สึกไม่คุ้นเคย พลันสัมผัสนุ่มหยุ่นจากกลางฝ่ามือก็เป็นอันทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องรีบชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว คนผมทองฉีกยิ้มที่มุมปากยามที่ได้แกล้งเด็กน้อยตรงหน้า

     

    ฉ่า

     

         ราวกับว่าทั้งใบหน้ามันร้อนไปหมด ลูฟี่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร แต่มือไม้มันก็พาลชาไม่เป็นท่า เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ยืนมือเข้ามาล็อกคางมนของเขาเอาไว้จนไม่อาจหันหน้าหนีไปไหนได้อีก

     

    “ ฉันจะลงโทษแก อยากรู้มั๊ยล่ะว่าจะเป็นยังไง ”

     

         ใบหน้าคมของอีกฝ่ายที่เลื่อนเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจทำให้คนตัวเล็กตอบสนองด้วยการผลักทั้งร่างนั้นออกไปราวกับตั้งโปรแกรมเอาไว้ ปลายเท้ารีบพาร่างตัวเองวิ่งออกมาให้ห่างจากคนตัวสูงที่ช่างอันตรายเหลือเกินในเวลานี้

     

    “ ฉันไม่หนีไปไหนแล้ว อย่าเข้ามาอีกนะ

     

         ลูฟี่แทบอยากจะบ้าตายกับสถานการณ์ที่เพิ่งเจอมาเมื่อครู่ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อวิ่งออกมาจนพ้นสายตาแล้ว พลันนึกกังวลว่าจะมีที่ไหนในบ้านนี้ให้เขาได้อยู่อย่างสบายใจได้บ้าง คนหนึ่งก็ชอบทำหน้าดุ ส่วนอีกคนก็มีรอยยิ้มแปลกพิลึกนั่น เขาทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

     

         ในเมื่อชั้นล่างไม่ปลอดภัยในการหลบหนี ชั้นบนก็ต้องมีหน้าต่างซักบานให้เขาปีนลงบ้างล่ะน่า อาจจะรอจังหวะให้ผู้ชายสองคนนั้นเลิกสนใจเขาไปเสียก่อน ค่อยจัดการกระโดดลงไปให้รู้แล้วรู้รอด

     

         หลังจากเดินขึ้นบันไดที่เคยคิดว่ามันกว้างเกินไปสำหรับบ้านหลังนี้ ก็พบกับห้องที่รายล้อมโถงที่เชื่อมขึ้นมาจากเบื้องล่างเต็มไปหมด ลูฟี่ไล่เปิดทีละห้องด้วยความสนใจ บ้างก็เป็นห้องนอน บางห้องก็ล็อกเอาไว้ หรือไม่ก็เป็นห้องเก็บของ

     

    แถมเขายังเจอห้องที่มีหน้าต่างที่พอจะปีนลงไปได้แล้วสิ

     

         แต่เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังเดินขึ้นมาทำให้เด็กหนุ่มต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปชั่วขณะ ช่วงเวลาที่หันกลับไปทางเดิม ก็เห็นเจ้าของร่างสูงผู้มีผมสีเขียวราวกับต้นหญ้าปรากฏให้เห็นเสียแล้ว

     

    คนพวกนี้จะอยู่ทุกที่ที่เขาจะไปเลยหรือไงกันนะ… พวกนายมีญาณวิเศษกันหรือไง

     

         ผู้ชายคนนี้ดูพูดน้อยกว่าคนผมทองตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน นอกจากความเงียบก็มีใบหน้าโหดนั่นที่ราวกับกำลังจะดุเขาได้ตลอดเวลานั่นแหละ ที่ทำให้รู้สึกทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย

     

         ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น เจ้าของใบหน้าโหดก็จ้ำอ้าวตรงมาที่ร่างบางทันทีแบบไม่ได้ทันตั้งตัว เวลาเพียงชั่วพริบตา มือหนาก็เคลื่อนมาดึงทึ้งชุดที่เขาสวมใส่อยู่จนขาดกระจายออกไปไม่เป็นท่า

     

    เอี๊ยมกางเกงตัวแรกที่มีโอกาสได้ใส่หลังจากมาถึงที่นี่ขาดกระจุยหมดเลย แรงคนหรืออะไรกัน!

     

    “ ทำอะไรของนายเนี่ย” ลูฟี่รีบยกแขนขึ้นมาปิดร่างของตัวเอง ชุดที่เคยสภาพดีในเวลานี้กลับขาดรุ่งริ่ง เผยให้เห็นผิวขาวเนียนเพียงวับๆแวมๆ

     

    “ ใครอนุญาตให้เด็กอย่างแกใส่ชุดดีๆแบบนั้น ” เสียงทุ้มกล่าวเอ็ด ในขณะที่สายตาคู่คมดูวาวโรจน์ราวกับได้เห็นอาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้า ยิ่งเร่งให้ความรู้สึกขนลุกตีเข้ามายังคนตัวเล็ก ลูฟี่รีบถอยหลังออกห่างทันทีที่สายตาคู่นั้นเริ่มกวาดไปทั่วร่างของเขา ในห้องเก็บของนี่ไม่ได้มีพื้นที่มากมายขนาดนั้น

     

    อุตส่าห์ได้ชุดดีๆมาจากเอสกับซาโบแท้ๆ ผู้ชายหน้าดุคนนี้ก็ทำมันพังเสียแล้ว

     

     ถอดชุดออกซะ 

     

    ถอดชุดเนี่ยนะ!

     

    “ ไม่เอา ไม่ถอด ทำไมฉันต้องทำด้วย” ลูฟี่รีบปฏิเสธ เขาไม่ค่อยเข้าใจใบหน้าแบบนั้นของคนตัวสูงนัก อีกทั้งยังคำสั่งแปลกประหลาดชวนขนลุกนั่นด้วย รางสังหรณ์กำลังบอกให้เขาระวังตัวให้มากขึ้นแบบสุดๆไปเลย

     

         ลมหายใจของร่างบางขาดห้วงไปชั่วขณะ เมื่อข้อมือข้างหนึ่งโดนอีกฝ่ายคว้าเอาไว้และผลักทั้งร่างแนบติดกับผนังห้อง มือหนาของคนหน้าดุเลื่อนมาปลดประดุมเสื้อตัวในของเขาที่ยังไม่ขาดออกทีละเม็ด

     

    “ อยากให้ฉันถอดให้หรือไง ”

     

    แบบนี้มันไม่ปกติแล้วนะ…!

     

    “ ม...ไม่ต้อง ฉันทำเองได้ ” พยายามแกะมือของอีกฝ่ายออก แต่ก็ได้เพียงสายตาดุๆของอีกฝ่ายที่มองกลับมา

     

    “ อยู่เฉยๆซะ ”

     

         ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย… เคยมีคนเปลี่ยนชุดให้เขาแล้วนะ ตอนที่เข้ามาที่นี่วันแรก ผู้ชายหัวหงอนไก่นั่นไง ทำไมมันไม่เหมือนกัน ยามที่มือสากลากผ่านผิวของเขา มันรู้สึกใจหวิวแปลกๆ ทำไมหัวใจจึงบีบรัดแรงเหมือนเป็นโรคร้ายแบบนี้นะ

     

    “ ม..ไม่ต้องแล้ว ฉันทำเอง” ใช้แรงทั้งหมดผลักร่างที่สูงกว่าตนมากโขให้ห่างออกไป ก่อนวิ่งหลบออกไปข้างหลัง ลมหายใจมันพาลหอบไม่เป็นท่าราวกับเพิ่งโดนริบอากาศไป ปลายเท้าทั้งคู่พร้อมจะวิ่งหนีออกไปทางประตูได้ทุกเมื่อที่ถูกคุกคาม

     

    “ ไหนชุดที่จะให้ฉันเปลี่ยนล่ะ…! 

     

         ครั้นจะให้ใส่ชุดขาดๆนี่เดินไปไหนมาไหนท่ามกลางอากาศหนาวๆก็ไม่เอาเหมือนกัน ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นกองผ้าที่วางพาดอยู่บนกล่องไม้ซ้อนสูงในห้อง จึงไม่ลังเลที่จะรีบคว้ามาไว้ในอ้อมแขน แล้วจ้ำอ้าวออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    อาการที่หัวใจสั่นระรัวราวกับไม่สบายแบบนี้มันคืออะไรกัน …ไม่ดีเลย ผู้ชายสองคนนี้กำลังเล่นอะไรกัน

     

    ตายๆๆ ทำไมคราวนี้หัวใจของเขาจึงได้อ่อนแอลงขนาดนี้นะ

     

     

    เกือบจะหวั่นไหวไปด้วยแล้วสิ!

     

     













    มาอัพตอนใหม่แล้วค่าา
     

    อยากจะร้องไห้กับเวลาว่างที่แทบไม่มีเลยของตัวเอง

    ให้ตายเถอะ ตอนแต่งพาร์ทนี้สารภาพว่าแต่งไปสติแตกไปจริงๆค่ะ
    ทำไมมันถึงออกมาได้แบบนี้ไม่รู้นะ ดูเอ๋อๆยังไงพิกล5555

    ทีแรกก็กะว่า ซินเดอเรลล่า ก็ต้องพี่เลี้ยงใจร้าย แกล้งน้องโหดๆสินะ
    ภาพแรกที่นึกถึงคือน้องซินนั่งถูพื้นหน้าบันได กับฉากพี่สาวฉีกชุดเต้นรำของนาง

    แต่ติดเงื่อนไขที่ว่า โซโลกับซันจิอ่อนโยนเกินไป(?) นึกภาพร้ายไม่ออกจริงๆค่ะ
    มันเลยออกมาสภาพเหมือนผู้ชายขี้แกล้ง2คนกับฟี่ที่จ้องจะหนีท่าเดียวซะแบบนั้น

    เนื้อเรื่องเป็นยังไงติชมกันได้นะคะ
    ว่าจะแต่งพาร์ท14ต่อไปยาวๆไปเลยค่ะ ไหนๆเนื้อเรื่องก็ดำเนินมาได้เกือบ70%แล้ว
    ซึ่งยืดเยื้อมานานเหลือเกิน แล้วจะรีบมาลงให้นะคะ



    แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ:)
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×