คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : ◣Fanfic◥ [LawxLuffy] Hey! you are my cutie code =) (Part5)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 5/9
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ท้องฟ้าของยามเย็นเริ่มขึ้นสีส้มเล็กน้อย
เมื่อพระอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้ามาทั้งวันใกล้จะได้เวลาตกดิน
นักเรียนจากโรงเรียนชื่อดังพากันทยอยออกจากสถานศึกษา
เวลาแบบนี้เหลือคนอยู่เพียงประปราย
รวมไปถึงร่างของลูฟี่ที่ไหลรวมไปกับฝูงชนไม่มากนักนี้ด้วย
ร่างเล็กห้อยหมวกฟางใบโปรดเอาไว้ใต้ปกเสื้อ
แขนข้างหนึ่งสะพายกระเป๋านักเรียน
นิ้วมือเรียวยกขึ้นมาแคะจมูกอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ที่สุดแสนจะน่ารักของตัวเอง
เป็นเวลากลับบ้านที่แสนจะปกติของเขา
หากแต่วันนี้เจ้าตัวกลับไม่ได้เดินกลับคนเดียวอีกต่อไป...
เพราะไม่ได้ระวังตัว... ร่างเล็กจึงไม่ได้สังเกตสิ่งผิดปกติที่อยู่ข้างทาง
ตรงมุมเสาไฟฟ้าไม่ห่างออกไปนัก มีคนกลุ่มหนึ่งที่คอยดักซุ่มรอเวลา
ใช้การสะกดรอยตามคนๆนี้มาได้พักใหญ่ ในมือของคนๆหนึ่งมีสิ่งที่คล้ายกับรูปถ่าย
“ คนนี้ไม่ผิดแน่... พวกแกเตรียมตัวเข้าไปเลย ” ชายร่างใหญ่ที่เหมือนกับหัวโจกสั่ง เป็นตัวสะกิดให้ลูฟี่เพิ่งรู้สึกตัวว่า
ตัวเองกำลังโดนใครบางคนเดินตามอยู่
“ เอ๊ะ...?” ใบหน้าหวานฉายแววงงวย
เมื่ออยู่ๆปลายเท้าก็ลอยขึ้นจากพื้น
แขนทั้งสองข้างของเขาถูกล็อกโดยผู้ชายตัวใหญ่หน้าตาน่ากลัวสองคน ก่อนที่คนพวกนั้นจะหิ้วปลีกคนตัวเล็กไปทั้งอย่างนั้น
“ เดี๋ยวสิ... พวกนายเป็นใครเนี่ย!
”
ร่างบางดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากพันธนาการ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร
หุ่นของคนหิ้วปลีกสองคนใหญ่โตพอจะไปเป็นนักมวยปล้ำได้สบายๆ
ไม่รู้ว่าจะพาเขาไปไหนกัน... แต่ดูท่าแล้วไม่น่าจะใช่พวกมาดีซักเท่าไรนัก...
คนกลุ่มไม่ใหญ่นักเดินเข้าไปในซอยแคบๆ
ลัดเลาะมาเรื่อยๆจนมาหยุดในสถานที่ก่อสร้างที่ดูเหมือนจะทิ้งร้างมานานแล้ว
ตามผนังมีรอยพ่นสีเสปรย์ของพวกมือบอลอยู่เต็มไปหมด
สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายสุดๆ...
“ เจ้าเด็กท่าทางอ่อนแอนี่น่ะหรอ... ลูกพี่ต้องดีใจแน่ๆที่ได้ตัวมันมาง่ายแบบนี้ ” หัวโจกอีกคนหันไปพูดกับหัวโจกเอที่เพิ่งมาถึง
แล้วหันไปมองหน้าลูฟี่ต่อเหมือนต้องการข่มขู่
ยื่นใบหน้าที่ดูโหดเหี้ยมนั่นเข้าไปใกล้ๆคนร่างเล็กที่เอาแต่ทำหน้าไม่เข้าใจตั้งแต่มาถึง
“ หมอนี่มันเป็นน้องชายของโปรโตกัส ดี เอส คนนั้น
แล้วดูเหมือนว่าหัวหน้าของกลุ่มฮาร์ทก็กำลังสนใจมันอยู่ด้วย... ” หัวโจกเอพูดต่อ ร่างของคนตัวเล็กถูกวางลง ใบหน้าหวานหันมองซ้ายมองขวา
สถานที่นี้มีแต่คนท่าทางเหมือนนักเลงทั้งนั้น...
...ตั้งแต่ที่มาถึง คนพวกนี้ก็เอาแต่พูดเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ
เรื่องที่ว่าเป็นน้องชายเอสน่ะใช่อยู่... แต่หัวหน้ากลุ่มฮาร์ทนี่ใครกัน
“ แค่จับแกมาได้
พวกฉันก็มีสิทธิ์จะต่อรองกับสองขั้วอำนาจของโรงเรียนแล้... ฟังกันหน่อยสิโว้ย! ” บทสนทนาของเอถูกเมินไปหมด
ลูฟี่ไม่ได้สนใจจะฟัง แถมยังเอาแต่หันไปสนใจรอบข้าง จนเขาอดโมโหขึ้นมาไม่ได้
ร่างใหญ่เดินเข้าไปจับคางมนของร่างบางแล้วออกแรงบีบ จนใบหน้าหวานเหยเก
“ แกมีความเกี่ยวข้องยังไงกับเจ้าหัวหน้ากลุ่มฮาร์ทนั่นฮะเจ้าหนู!!
”
“ จะไปรู้ได้ยังไงเล่า! ไม่เห็นจะรู้จักเลยซักนิด! ” มือบอบบางรีบปัดมือหยาบนั้นออกแล้วขมวดคิ้วยุ่ง
พาลให้รู้สึกโมโหขึ้นมา เจ้าหมอนั่น...มือก็ใช่จะเบา
บีบมาได้ยังไง... ว่าแล้วก็เลื่อนมือไปลูบหน้าตัวเองป้อยๆ
“ หึ... ฉันมั่นใจว่าไม่ผิดตัวอยู่แล้ว
แกหนีหัวหน้าคาริบูไปไม่ได้หรอกน่า! ” หัวโจกบีตะคอกใส่เขาเหมือนช่วยเสริม
ร่างบางเลิกคิ้วขึ้น เสียงเล็กสบถขึ้นมาเบาๆ
“ ใครกันล่ะนั่น... ”
แต่ก็ดังพอที่จะทำให้สองหัวโจกได้ยินชัด... แขนแกร่งของมันคว้าเข้าที่คอเสื้อของลูฟี่ด้วยความโมโหทันที
“ คิดว่าทำไขสือแล้วจะรอดหรือไงหา..!
” หน้าโหดๆนั่นจ้องเขม็งมายังดวงตากลมโต
แต่กลับไม่ได้ปรากฏความกลัวขึ้นมาในแววตาของคนตัวเล็กเลยซักนิด
เสียงเล็กตะโกนกลับไปบ้างด้วยความรู้สึกรำคาญที่เริ่มจะพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ ก็ฉันไม่รู้จริงๆนี่เจ้าพวกบ้า!! ”
คำว่า'เจ้าพวกบ้า' มันดันไปกระตุกต่อมโมโหของนักเลงที่อยู่แถวนั้นได้เป็นแถบ
สายตาโกรธเคืองพุ่งตรงมาที่ร่างบางพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ร่างกายสูงใหญ่ตีวงเข้ามาใกล้กับลูฟี่มากขึ้นเรื่อยๆ
เสียงหักนิ้วมือดังขึ้นเป็นแถบๆ
เขากำลังจะเจอสถานการณ์เลวร้ายเข้าซะแล้ว...
“ หนอย เจ้าเด็กนี่... ”
“ หัวหน้าครับ... เมื่อกี๊นี้มีสายจากใครก็ไม่รู้ต่อมาถึงคุณครับ ”
ร่างของเด็กหนุ่มสวมหมวกทรงนักบิน
เดินเข้ามาในห้องเรียนเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วด้วยท่าทางเหมือนคนกำลังรีบ
ภายในถูกจัดให้โล่งกว้าง โต๊ะและเก้าอี้โดนย้ายเอาไปไว้ที่มุมห้องจนหมด ในห้องเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่สวมหมวกต่างแบบกันไป
เหมือนกับเป็นเทรนด์(?)ประจำกลุ่ม
ในมือของผู้มาใหม่ถือโทรศัพท์ที่เหมือนจะเป็นของเจ้าตัว
เพนกวิ้น หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มฮาร์ทตรงเข้าไปยังเก้าอี้ที่มีร่างของชายร่างสูงที่สวมหมวกขนสัตว์
เรียกสายตาจากคนในห้องให้หันไปมองตาม …แต่เดิมเด็กหนุ่มที่ชื่อ
ทราฟลาก้า ลอว์ มีเพื่อนที่รู้จักกันเพราะพ่อแม่ที่ทำงานเป็นหมอเหมือนกัน เพนกวิ้นและชาจิ พวกเขานับถือลอว์เหมือนกับที่พ่อแม่ของเจ้าตัวได้รับความเคารพ...
โดยเริ่มต้นแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ชอบการเป็นอันธพาลอะไรนักหรอก... แต่อาจเป็นเพราะใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรกับรอยสักตามแขนและมือ
ทำให้โดนหาเรื่องอยู่บ่อยๆ …รวมไปถึงเพื่อนสองคนที่คอยตามติดเหมือนกับลูกน้อง
รู้ตัวอีกทีก็มีคนที่บอกว่าอยากจะเป็นลูกน้องอยู่เต็มไปหมด
สถานะตอนนี้มันก็เลยไม่ได้ดูต่างไปจากคำว่าอันธพาลเลยซักนิด...
เขาไม่เคยบอกว่าจะรวมกลุ่มซักคำ... ไหนจะคำเรียกแปลกๆอย่าง 'ตัวอันตราย' ที่ไม่อยากจะมีเลยซักนิด
“ พวกมันว่าไง... ” ลอว์ถามขึ้นก่อนยกเครื่องดื่มรสชาติขมในมือขึ้นจิบ
ร่างสูงถอนหายใจเบาๆ ...ถึงจะบอกว่าต่อสายถึงเขา
แต่ทำไมถึงโทรเข้าเครื่องเพนกวิ้นซะอย่างนั้น
“ เหมือนจะเป็นสายจากคนที่ชื่อคา...อะไรซักอย่าง ...มันบอกว่าถ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วหัวหน้าจะต้องตกใจแน่ๆครับ ” ดวงตาคมปรายมองเพนกวิ้นอย่างนึกสงสัย... ไม่แปลกอะไรนักที่มักจะมีพวกไม่หวังดีมาหาเรื่องอยู่ตลอด...
...แต่ครั้งที่มันทำให้รู้สึกแปลกออกไป
คนสวมหมวกทรงนักบินหันกลับไปมองโทรศัพท์พับในมือด้วยใบหน้างงๆ
ประโยคต่อไปที่เขากล่าวออกมาทำเอาคนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าเก็บท่าทีเคร่งขรึมไม่ได้อีกต่อไป...
“ มันบอกว่าได้ตัวมังกี้ ดี ลูฟี่ มาแล้วครับ ...ว่าแต่ว่าลูฟี่ที่ว่าที่ใครกันนะ ”
“ ….!! ”
แกร๊งงงง...
กระป๋องเครื่องดื่มในมือหนาถูกปล่อยลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจ
ของเหลวที่อยู่ข้างในเอ่อทะลักออกมาจนเลอะพื้นเต็มไปหมด ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ
ร่างของคนเป็นหัวหน้าก็วิ่งผ่านหน้าของพวกเขาไปซะแล้ว
“ อะ!.. เดี๋ยวสิครับหัวหน้า! จะไปไหนน่ะครับ! ”
นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง... แต่เดิมการมีอยู่ของกลุ่มนี้เขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรเสียด้วยซ้ำ
ทำไม... ถึงกลายเป็นลูฟี่ที่โดนพวกมันพาตัวไป...
ปลายเท้าของคนผิวแทนออกวิ่งมาเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย
จากโรงเรียนออกมาจนไกลพอสมควร เขาวิ่งไปหาตามตึกที่ตรอกซอยที่ดูจะลับตาคน ...แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ยังคงไร้วี่แววของคนตัวเล็ก
ท้องฟ้ายามเย็นเริ่มมืดลงทีละนิด ยิ่งทำให้ทัศนวิสัยในการค้นหาแย่ลงไปอีก
ร้อนรน... อึดอัดใจ... อยากจะหาให้เจอเดี๋ยวนี้เลย
ไปอยู่ที่ไหนกันแน่... เขากลัวว่าเจ้าเด็กน่ารักนั่นจะเป็นอะไรไปซะก่อน
ที่ไหนที่จะโดนพาตัวไป... ที่ไหนที่จะลับพอที่จะเป็นรังให้เจ้าพวกนั้นได้
“ โถ่เว้ย! ” เสียงทุ้มสบถออกมาอย่างนึกโมโห ...รู้สึกเหมือนตัวเองสงบใจไม่ได้เลย
ทำไมพวกมันถึงได้รู้ว่าเขารู้จักกับเด็กคนนั้น...
แต่บางที... อาจจะเป็นวันที่บังเอิญไปเจอกันในห้าง ...ทั้งเอสและเขาต่างก็อยู่กับลูฟี่
นิ้วทั้งห้ากำเข้าหากันแน่น
ร่างสูงวิ่งผ่านร่างของนักเรียนหญิงแต่งตัวฉูดฉาดสองคน
เป็นเหมือนดั่งโชคดีในโชคร้าย
ที่บทสนทนาระหว่างพวกเธอดันเป็นเรื่องที่น่าจะเกี่ยวข้องอย่างพอดิบพอดี
“ อะไรนะ! เจ้าพวกนั้นเอาอีกแล้วหรอ!
” ดวงตาสีสวยของเด็กสาวคนหนึ่ง ละสายตาจากโทรศัพท์ที่ห้อยพวงกุญแจเหมือนกับมาลัยหน้ารถขึ้นมามองเพื่อนข้างๆด้วยความแปลกใจ
คนถูกถามยกนิ้วมือที่ประดับไปด้วยสีทาเล็บขึ้นมามอง
“ ก็คงงั้น... เที่ยวหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว
ซักวันคงได้เจอดีแน่ๆ ”
“ เหมือนว่าไปได้ตัวใครมาก็ไม่รู้
ตอนนี้กำลังวุ่นวายกันใหญ่.....เลยล่ะ ” แต่แล้วบทสนทนาระหว่างเด็กสาวสองคนก็ต้องหยุดลง
ปลายเท้าของทั้งคู่ชะงักงันเมื่อมีร่างสูงในชุดเครื่องแบบนักเรียนของใครอีกคนเดินเข้ามาดักหน้า
“ อยู่ที่ไหน... ”
เสียงทุ้มกดลงต่ำ
ใบหน้าคมคายในเวลานี้มันกลับดูน่ากลัวในสายตาของคนรอบข้าง ...คนๆนี้กำลังโกรธ
ดวงตาคมนั้นกำลังจ้องนิ่งมาที่ใบหน้าที่ประดับไปด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ
เป็นสายตาที่ชวนให้รู้สึกว่าไม่ควรมีเรื่องด้วยเลย...
“ …... ” สองสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ทั้งยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆคนๆนี้ถึงเดินเข้ามาถามเสียดื้อๆ แต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเสียงแบบผู้ชายดังขึ้นอีกเหมือนกำลังคาดคั้น
“ ฉันถามว่าเจ้าพวกนั้นมันอยู่ที่ไหน..! ”
“ อ.. เอ่อ
ถ้าเป็นรังของเจ้าพวกนั้นก็เข้าไปในซอยนั้นเลย! ” ปลายนิ้วเรียวชี้ไปยังซอยแคบๆที่อยู่ตรงหน้า
เพียงเท่านั้นขายาวก็รีบตรงไปอย่างไม่ลังเลทันที
ทิ้งให้คนที่เหลือได้แต่ยักไหล่มองกันด้วยความไม่เข้าใจ
อยู่แค่ตรงหน้าแล้ว... ความรู้สึกมันกำลังบอกเขาว่าแบบนั้น
ภายในมีเสียงเอะอะโวยวายเหมือนกำลังมีเรื่อง
เสียงตุบตับกับกลิ่นคาวของโลหะทำให้ร่างสูงรู้สึกใจไม่ค่อยดี
ปลายเท้าคู่เดิมรีบเร่งความเร็วขึ้น
ท้องฟ้ายามค่ำยิ่งทำให้บรรยากาศรอบข้างดูน่ากลัว
แต่ก็ยังคงพอมองเห็นว่าที่นี่มีพวกอันธพาลคอยเฝ้าอยู่บ้างเป็นประปราย
การปะทะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลอว์แลกหมัดอยู่กับชายร่างใหญ่หลายคนนานพอสมควร จนกระทั่งศัตรูค่อยๆลดจำนวนลง
จนเขาสามารถปลีกตัวออกมาได้
แค่บุกมาที่นี่คนเดียวก็อันตรายมากพอแล้ว... นับประสาอะไรกับคนตัวเล็กๆแบบลูฟี่
คนตัวสูงก้าวเข้าไปในซากสิ่งก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้าง
เสียงเอะอะเมื่อครู่เงียบไปแล้ว
เหลือเพียงแสงสลัวๆจากหลอดไฟที่ติดไว้ห่างๆเท่านั้น ...ยิ่งเข้าใกล้ไปเท่าไร เสียงที่ควรจะมีการพูดคุยกันบ้างกลับเงียบสนิท ...แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจกับสภาพของกลุ่มอันธพาลที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
...เละ แบบไม่เหลือซาก
ชายร่างใหญ่พากันนอนกองอยู่บนพื้นเกลื่อนกลาด
บนใบหน้าประดับไปด้วยรอยหมัดหนักๆ
หรือไม่ก็รอยของพื้นรองเท้าเบอร์ไม่ใหญ่เท่าไรนัก... ดวงตาคมสีดำขยับไปเห็นบางสิ่งที่คุ้นตา
ร่างของใครบางคนนั่งอยู่บนซากผนังเก่าๆที่แตกหักพร้อมแกว่งขาไปมา ...บนหัวสวมหมวกฟางใบที่คุ้นเคย
“ หมวกฟาง!! ”
คนผิวแทนตะโกนเรียกไปด้วยความดีใจที่ผสมปนเปไปกับความตกใจ
ร่างเล็กๆนั้นสะดุ้งขึ้นและหันกลับมามองแทบจะทันที ...ใบหน้าหวานที่คุ้นเคย ซีกหนึ่งมีรอยของเหลวสีแดงไหลลงมาเป็นทางจากหน้าผาก
ริมฝีปากบางมีรอยแตกเล็กน้อยเหมือนกับเพิ่งผ่านการต่อสู้มาไม่นาน
ไม่ผิดตัวจริงๆ...
เด็กคนนี้... จัดการอันธพาลทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวอย่างนั้นหรอ...
น่าแปลกใจ... เรี่ยวแรงดูผิดกับร่างกายที่บอบบางนั่นสุดๆ
“ อ้าวโทราโอะ... ทำไมนายมาอยู่ที่นี่?
” ดวงตากลมโตมองมายังใบหน้าคมคายด้วยความสงสัย
ก่อนที่ปลายเท้าเล็กจะกระโดดลงจากกำแพงและเดินตรงมายังร่างของคนเป็นรุ่นพี่
ใบหน้าน่ารักนั้น... ร่างกายที่น่าทะนุถนอมนั้น... มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด
“ อ๊ะ...! ”
ลอว์คว้าเอาร่างเล็กเข้ามาอยู่ในวงแขนกว้างโดยไม่กลัวว่าคราบเลือดจะเปื้อนเสื้อ
ร่างกายบอบบางนุ่มนิ่มแต่อบอุ่น เขากระชับอ้อมกอดแน่นเหมือนกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป
ทิ้งความงุนงงให้กับลูฟี่ที่ยังคงลำดับเหตุการณ์ไม่ค่อยได้นัก
เหมือนกับยกภูเขาทั้งลูกออกไปจากอกเมื่อรู้ว่าคนๆนี้ปลอดภัย...
แบบนี้คงไม่ต่างอะไรไปจาก ความเป็นห่วง...
ให้ตายสิ... ทำไมคนๆนี้ถึงมาสั่นคลอนหัวใจของเขาได้ขนาดนี้กันนะ...
เจ้าของหมวกฟางไม่ได้ขัดขืนอะไรกับคนที่ตัวสูงกว่า
อ้อมกอดของคนตรงหน้า... ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันนัก
แต่ความอบอุ่นนี่มันให้ความรู้สึกแปลกๆ...
ลอว์มองร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ไม่ห่างออกไปนักด้วยแววตาที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ...เพราะไม่เคยถาม
ร่างสูงจึงไม่เคยบอกน้องรหัสตัวเองว่าตนก็เป็นตัวร้ายๆในโรงเรียน เพราะสาเหตุนั้นจึงทำให้เรื่องมันลามไปถึงคนร่างเล็กที่โดนลากเข้ามาเกี่ยวด้วย ...พอคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุมันก็พาลให้รู้สึกโมโหขึ้นมา
ร่างของคนสองคนอยู่ในคลีนิคขนาดกลางที่มีศักดิ์เป็นบ้านของลอว์
มือหนาจัดเตรียมอุปกรณ์ทำแผลต่างๆอย่างคล่องมือ ก่อนจะตรงเข้าไปทำแผลให้กับรุ่นน้องอย่างเบามือ
...แต่ใบหน้าหวานก็เอนหลบสำลีชุบแอลกอฮอลล์ที่กำลังจะมาถึง
มือบอบบางคว้าเข้าที่แขนของพี่รหัสแบบทันที
“ เดี๋ยวสิ! นายก็มีแผลนะ!
” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน กะจะจ้องคุณหมอจำเป็นกลับไป ...แต่ก็โดนสายตาที่เหมือนกับกำลังโกรธของอีกฝ่ายข่มมาซะก่อน
“ ช่างมันเถอะน่า...! ”
เป็นห่วงคนอื่นแบบไม่ดูสถานการณ์เลยจริงๆ...
ริมฝีปากบางเป็นอันหุบฉับลงอย่างง่ายดาย
คงยุ่งแน่ๆถ้าเกิดเขาขัดใจร่างสูงไปมากกว่านี้ ...มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ของรุ่นพี่จัดการแงะมือเล็กๆของลูฟี่ที่เกาะเหนียวออกทันที
ใบหน้าโหดๆของโทราโอะตอนนี้ทำเอาเขายอมเป็นเด็กดี
นั่งเฉยๆให้คนตรงหน้าทำแผลจนเสร็จโดยไม่ปริปากพูดอะไรซักคำ
“ เสร็จแล้ว... โทรหาพี่ชายนายให้มารับเถอะ ”
ผ่านไปซักพัก มือหนาก็ยกขึ้นมาขยี้ผมยุ่งๆของรุ่นน้องเบาๆ
พอเห็นลูฟี่ที่ทำท่าเรียบร้อยผิดปกติแบบนี้มันก็ชวนให้รู้สึกขำขึ้นมา
ใบหน้าหวานพยักรับอย่างว่าง่าย
เขาเองก็ได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากคนตัวเล็กเรียบร้อยแล้ว
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ร่างของชายหนุ่มผมดำอีกคนก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในคลีนิคด้วยสีหน้าร้อนรน
แทนที่คนเป็นพี่ชายจะเข้าไปหาน้องชายตัวเอง
แต่ร่างนั้นกลับเข้ามากระชากคอเสื้อของชายผิวแทน
แล้วมองหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรในทันที
“ เพราะแกงั้นหรอที่เป็นต้นเหตุให้ลูฟี่มีแผลน่ะเจ้าบ้า!
” กลายเป็นเขาผิดคนเดียวไปซะอย่างนั้น... เจ้าของบ้านแกะมือของเอสออกพร้อมถอนหายใจหน่ายๆ
เจ้านี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างนั้นสิ...
“ สาเหตุมันก็ทั้งสองคน ...ฉันกับนาย ” ร่างสูงหันไปเก็บอุปกรณ์ต่างๆเข้าที่โดยไม่ได้มองหน้าคู่กรณี
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหน้าถอดสีลงบ้างทั้งที่ยังงงๆอยู่
“ ฉันด้วย...? นายหมายถึงอะไร?
”
“ โทรศัพท์น่ะ... พวกมันไม่ได้โทรมาบอกหรือไง ”
คนๆนี้เป็นประเภทชอบฉายเดี่ยว... ถ้าจะติดต่อก็ต้องผ่านเจ้าตัวโดยตรง
“ เอ๋...? โทรศัพท์ ? ไม่มีคนโทรมานี่ ”
คนเป็นพี่ชายทำท่าลนลาน หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเปิดดู
แต่ก็ไม่มีหมายเลขมิสคอลแสดงขึ้นหน้าจอเลยแม้แต่นิด
พอนึกไปนึกมา... อยู่ๆร่างนั้นก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
ยกมือสองข้างขึ้นกุมหัวตัวเอง
“ เฮ้ย! ฉันเพิ่งเปลี่ยนเบอร์ใหม่ไปเมื่อสองวันที่แล้วนี่หว่า!
”
ลอว์มองไปยังร่างของผู้มาใหม่อย่างหนักใจ... นี่ถ้าเจ้าหนูนั่นไม่ได้เตะต่อยเป็นหรือไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน
เจ้าบราค่อนนี่คงจะรู้ทุกอย่างตอนที่มันจบลงแล้วอย่างนั้นสิ...
เอสโผลเข้าไปกอดน้องชายผู้น่ารักด้วยใบหน้าเศร้าปานจะร้องไห้
ถูหัวตัวเองกับไหล่บางของลูฟี่รัวๆจนคนยืนมองอยู่ห่างๆรู้สึกหมั่นไส้ปนกับโมโหขึ้นมา
ไอความรู้สึกโกรธเขาเมื่อกี๊มันหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้...
“ หัวหน้ามันเป็นใคร! กล้ามาแหยมกับฉันอย่าหวังว่าจะรอดเลย!
” มือหนาของคนเป็นพี่จูงแขนน้องชายออกไปจากคลีนิคด้วยท่าทางฮึดฮัด
ก่อนที่ร่างนั้นจะหันกลับมามองคนรุ่นเดียวกันด้วยใบหน้ากึ่งหาเรื่อง
“ ขอบคุณมากที่วันนี้ช่วยดูแลลูฟี่ให้... แต่อย่าหวังว่าฉันจะยอมรับแกง่ายๆก็แล้วกัน! ” คำพูดนั้นทำเอาคุณหมอจำเป็นได้แต่หัวเราะในลำคอเบาๆ
เจ้าเด็กน่ารักหันมาโบกมือลาเขาพร้อมกับหัวเราะชิชิก่อนจากไป
หึ... ถึงนายจะไม่เห็นด้วย
แต่เรื่องที่ว่าหัวหน้ากลุ่มฮาร์ทกำลังสนใจเจ้าเด็กนี่
มันก็ไม่เปลี่ยนไปหรอกนะ...
หมายเหตุ** คาริบูก็คือตัวใช้โคลนที่โผล่มาตอนภาคโลกใหม่ที่ลูฟี่กำลังจะไปเกาะเงือกนั่นเองค่ะ
ความคิดเห็น