ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ [One Piece] Straw hat & 7 huntsmans !? [Yaoi] [END]

    ลำดับตอนที่ #9 : Page VIII : Starveling wolf

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.03K
      66
      24 เม.ย. 65


     


     

     

     


     

    “ ปล่อยนะเจ้าบ้า! นี่พวกนายกำลังเล่นอะไรกันอยู่เนี่ย…! ”

     

                ใบหน้าหวานส่งความสับสนออกเช่นเดียวกับคำพูด ทั้งที่เข้าใจว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายและเป็นเป้าหมายของคนพวกนี้ แต่ทำไมกันนะ… ไอ้ท่าทางยื้อยุดฉุดกระะชากจากผู้ชายสองคนที่มาจากแขนคนละฝั่งทำให้เขาไม่เข้าใจ

     

    “ ดีมาก จับตัวไว้แบบนั้นแหละ อยู่นิ่งๆไม่เป็นหรือไง!? ”

     

                ชายผู้มีใบหน้าล้อมกรอบด้วยเคราครึ้มพูดขึ้นขณะก้าวมาหยุดตรงหน้า คิ้วเรียวของลูฟี่ขมวดเข้าหากันอย่างนึกขัดใจ ในขณะที่ทำอะไรไม่ได้ก็สังเกตเห็นคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังกระซิบกระซาบบางเรื่องที่เขาไม่รู้

     

    เปล่านะ… เขาอยู่นิ่งแล้ว เจ้าสองคนที่จับข้อมืออยู่นี่ต่างหากที่ยังไม่หยุดดึงเสียที

     

     “ พวกนายทำอะไรกันอยู่เนี่ย? ”

     

                เสียงเล็กถามขึ้นอีกครั้ง ท่าทีร่ำไรเริ่มทำให้เขารำคาญเต็มทน คนพวกนี้ต้องการอะไรกัน? เหมือนกำลังจับกุมร่างบางเอาไว้แต่ก็ไม่ใช่ ราวกับเด็กน้อยกำลังยื้อแย่งของเล่นกันเสียมากกว่า...

     

    “ นายแค่ไปกับพวกฉันแทนนายพรานสองคนนั่น …ไม่ว่าที่ไหนก็จะพาไปทั้งนั้น! ”

     

    “ หา? ”

     

                ลูฟี่ไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ทั้งข่มขู่ ทั้งเอาอาวุธมาจ่อหน้ากัน จะบอกว่าเหตุผลทั้งหมดเพียงเพราะต้องการให้เขาออกเดินทางไปด้วยกันน่ะหรือ? เจ้าคนหน้าโหดกับคนสวมหมวกขนสัตว์นั่นก็เหมือนกัน ดูรีบร้อนจะพาเขาออกจากเมืองแปลกๆพิกล

     

    “ ใครบอกว่าจะไปกับแก เจ้าหญิงต้องมากับฉันต่างหาก! ”

     

                เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดชายคนแรก เขาคือคนที่เด็กหนุ่มสังเกตเห็นว่าซุบซิบกันอยู่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ กลุ่มคนตรงหน้ากำลังแตกคอ พวกเขาทะเลาะกันเพียงเพราะเหตุผลเดียว

     

    ความต้องการ

     

    อันว่าสโนว์ไวท์แห่งยุคนี้จะนำมาซึ่งความวุ่นวาย คงไม่ผิดแน่แท้…

     

                ฝ่ามือที่กอบกุมข้อมือบอบบางเอาไว้ดูท่าจะไม่ยอมปล่อยออกง่ายๆ มันกลับเพิ่มแรงดึงเข้าหาตนจนทำให้ร่างเล็กรู้สึกเจ็บปวดไปหมด นายพรานเหล่านั้นต่างก็ลืมเป้าหมายของตนไปเสียสนิท… ความจริงที่ว่าพวกเขามาจับตัวเด็กหนุ่มเพื่อรับรางวัลนำจับนั่นต่างหาก

     

    “ ไปกับฉันเถอะ ไม่ว่าที่ไหนก็จะพาไปทั้งนั้น! ”

     

    “ ไม่มีวันปล่อยให้ไปกับแกหรอกน่า! ”

     

    หงุดหงิด… เมื่อไรจะเลิกเข้าใจว่าเขาเป็นเจ้าหญิงเสียที!

     

    “ โฮ่ยยย!! พอซักทีเจ้าพวกบ้า! ฉันไม่ไปกับใครทั้งนั้นแหละ! ”

     

                ความอดทนที่มีพลันขาดผึง ใบหน้าน่ารักเจือไปด้วยความโมโห ด้วยแรงที่ขัดกันกับขนาดตัวที่ผอมบาง เพียงสลัดตัวออกมาก็ทำให้กลุ่มคนรอบข้างที่เคยเกาะกุมอิสรภาพเอาไว้เป็นอันแตกกระเจิง

     

    ไม่รู้หรอกว่าคนพวกนี้เป็นใคร แต่ทำอะไรโหวกเหวกกันชะมัด

     

                ชายร่างใหญ่ล้มลงไปจูบพสุธาอย่างหมดท่า บางส่วนที่เหลืออยู่ก็ทำท่าราวกับจะพรวดพราดเข้ามาจับตัวเด็กหนุ่มอีกครา ร่างเล็กไม่รอให้โอกาสนั้นเกิดขึ้น เขาตอบโต้กลับไปด้วยความปราดเปรียวและการเตะต่อยที่ดูจะคล่องแคล่วผิดถนัด การอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่โจรภูเขาชุกชุม บวกกับการออกล่าสัตว์ในป่าตั้งแต่เยาว์วัยส่งให้ประสบการณ์มีมากมาย การต่อสู้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว

     

                เพียงไม่นานเกินรอ ผู้ชายร่างโตนับสิบกลับพ่ายแพ้ให้แก่คนตัวเล็กอย่างง่ายดาย แขนขาวยกขึ้นมาปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากของตน ก่อนร่างบอบบางนั้นจะก้าวเดินออกไปพร้อมกระทืบเท้าปึงปังด้วยความหัวเสีย ไม่ได้หันกลับมาสนใจกลุ่มคนที่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้เสียให้ได้แต่อย่างใด

     

    “ ฉันไม่ใช่สโนว์ไวท์อะไรนั่น เมื่อไหร่พวกนายจะเข้าใจกันซักทีเนี่ย! ”

     

     

     

     

     

                ท้องฟ้ายามเที่ยงวันระบายสีฟ้าคราม หมู่เมฆขาวสะอาดราวกับปุยนุ่นกระจัดกระจายอยู่ห่างกัน ผืนผ้าสีอ่อนนั้นกำลังเปิดกว้าง ไม่มีวี่แววของลมฝนเลยแม้แต่น้อย แสงสีทองสว่างจ้าเสียจนแสบตา อากาศราวกับจะแผดเผาคนเบื้องล่างให้อ่อนล้าทั้งที่ยังไม่หมดวัน

     

    แดดทั้งร้อน ท้องก็หิวจนไม่มีเรี่ยวแรง… ดันติดปัญหาตรงทุนทรัพย์ที่ไม่มีซักแดงเดียว ต้องหาทางทำอะไรซักอย่างแล้ว

     

                กายสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งทิ้งตัวลงพิงกำแพงอย่างหมดท่า อุตส่าห์มาย่านตลาดแล้วแต่ก็ไม่มีเงินสำหรับซื้ออาหาร เหตุใดชีวิตของจึงได้รันทดนัก… แขนแกร่งยกขึ้นบังแดดที่สาดส่องลงมา ผมสั้นเกรียนยามต้องแสงอาทิตย์ปรากฏสีเขียวของทุ่งหญ้า อาวุธสามชิ้นคาดด้วยผ้าพันเอวสีชาด แนบอยู่กับชุดสีครึ้มที่คล้ายกับยูกาตะ …เขาเหมือนเช่นนักดาบตกอับคนหนึ่งที่ตอนนี้หิวจนหมดเรี่ยวแรงจะเดินต่อ

     

                เสียงระงมของฝีเท้าเป็นสิ่งแรกที่รู้สึกได้หลังจากตัดสินใจทิ้งตัวลง ได้ยินใครบางคนประกาศข่าวสารอย่างยาวเหยียด แต่ด้วยระยะทาง มันไกลเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะจับใจความได้ จนกระทั่งสายตาคู่คมทอดมองไปเห็นคนในชุดเครื่องแบบนำแผ่นกระดาษบางอย่างมาติดไว้บนผนัง บริเวณที่อยู่ในระยะสายตาพอดี

     

    ทหารกับใบประกาศจับงั้นหรือ...?

     

                ด้วยความร้อนเงินอย่างไม่อาจหาอะไรเปรียบ คนที่เคยหมดแรงก็ปราดเข้าไปอ่านรายละเอียดในหมายจับอย่างรวดเร็ว พื้นกระดาษที่ควรจะตีพิมพ์ใบหน้าของเป้าหมายนั้นกลับปรากฏเพียงตัวหนังสืออยู่เต็มไปหมดเท่านั้น

     

     

    ‘ ประกาศจับเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ในคำทำนาย 


     

    สถานะที่ต้องถาร : จับเป็นเท่านั้น

    ลักษณะ : หากพบเห็นตัวแล้วจะสามารถรู้ได้เองทันที 

     

     

                เจ้าของใบหน้าคมที่ดวงตาข้างซ้ายปิดลงเพราะบาดแผลนิ่วหน้าด้วยความขุ่นเคือง นึกโมโหว่าตนกำลังเจอประกาศจับจากคนเกียจคร้านหรืออย่างไร แค่วาดรูปหรือบรรยายลักษณะของเป้าหมายมันยากขนาดนั้นเลยหรือ

     

                พลันดวงตาสีนิลก็ต้องเบิกกว้างขึ้นเมื่อเลื่อนไปสบเข้ากับค่าหัวที่สูงลิ่ว ทั้งที่เบาะแสมีเพียงน้อยนิด แต่กลับตั้งราคานำจับไว้เยอะเกินความจำเป็น ชวนให้สะกิดใจขึ้นมาว่าสโนว์ไวท์คนนั้นเก่งกาจเพียงใดกัน

     

                ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินตำนานหรือคำทำนายเหนือจินตนาการนั่น มันพิลึกพิลั่นตั้งแต่กล่าวขึ้นมาว่าสโนว์ไวท์เป็นเด็กหนุ่มแล้ว คำเปรียบเปรยอย่าง‘อันตรายอย่างยิ่ง’ทำให้นึกฉงน เรื่องราวที่อยู่ในนินานปรัมปรามันจะเป็นจริงได้อย่างไรกัน ทั้งคนในประกาศจับที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่ายังมีศักดิ์เป็นถึงตัวอันตรายต่อราชวงศ์ด้วยอีก…

     

    เด็กหนุ่มนั่นจะเป็นใครก็ช่าง… แค่จับตัวไปขึ้นค่าหัวคงเพียงพอแล้ว

     

    เข้าทางพอดีที่ประกาศจับนั้นต้องการจับเป็นเท่านั้น… เขาเองก็ไม่ใช่สายฆ่าแกงใครเพื่อบรรลุเป้าหมายเสียด้วย

     

    “ เจ้านั่นวิ่งเข้าไปในป่าแล้ว! จับมันให้ได้ก่อนที่ทหารจะได้ตัวไป! ”

     

                เสียงตะโกนดังขึ้นเมื่อร่างของชายกลุ่มใหญ่กำลังสาวเท้าผ่าน ด้วยชุดและอาวุธที่แต่ละคนกำลังหยิบจับ ทำให้เดาได้ไม่ยากนักว่าอาชีพคงไม่พ้นไปจากนายพรานหรือนักล่าค่าหัว ฝีเท้านับสิบมุ่งหน้าไปยังนอกเมืองที่มีพื้นที่ติดกับผืนป่า โดยไม่ได้สนใจร่างของนักดาบหนุ่มที่กำลังยืนมองเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยความแปลกใจ ก่อนรอยยิ้มที่มุมปากจะปรากฏขึ้น

     

     โชคดีเสียจริง… มีคนมานำทางให้ด้วยสิ

     

                อาจเพราะเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย จะให้วิ่งตามคนที่ท้องอิ่มให้ทันคงเป็นเรื่องยาก สิ่งที่สัมผัสได้คือเสียงเอะอะแว่วมาไม่ห่าง แม้ไม่เห็นด้วยตา แต่ก็สามารถระบุตำแหน่งของกลุ่มคนเหล่านั้นได้ดี

     

    อา…หิวชะมัด จะชิงเจ้าคนในประกาศจับนั่นมากจากคนพวกนั้นอย่างไรดีล่ะ…?

     

                ปลายเท้าที่สวมรองเท้าบู๊ทสีดำพาร่างของตนไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ห่างออกไปไม่ไกลคือกลุ่มคนที่พยายามล้อมจับบุคคลใต้ผ้าคลุมสีแดงหม่น ระยะทางแม้ไม่มากแต่ก็ห่างเกินกว่าที่ดวงตาคมกริบจะมองเห็นการดำเนินไปของเหตุการณ์ได้ชัดเจนนัก

     

                ความคล่องแคล่วปราดเปรียว เพียงชั่วครู่ที่ปลายดาบฟาดฟันลงมา แต่ร่างนั้นกลับเอี้ยวร่างหลบเพียงเล็กน้อย ยามที่ปลายเท้าคู่เล็กลงสัมผัสกับพื้น ทำให้ทราบว่าเป้าหมายนั้นเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งเท่านั้น

     

    ก็ไม่ได้ผิดไปจากคำทำนายนั่นนัก… ซ้ำยังดูเป็นคนที่มีฝีมือไม่หยอกเสียด้วย

     

                กระเพาะที่ว่างเปล่าของคนที่กำลังรอจังหวะกลับประท้วงขึ้นมา หากไม่รีบตอบสนองมีหวังได้เป็นลมอยู่กลางป่าเป็นแน่ เพียงชั่วครู่ที่ละสายตาออกไปจากเป้าหมาย ความวุ่นวายก็ประดังเข้ามา ราวกับคนกลุ่มนั้นกำลังมีปากเสียงกันอยู่ เป็นภาพที่ชายหนุ่มไม่อาจทำความเข้าใจได้

     

               สิ่งที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจที่สุดคงเป็นเรี่ยวแรงที่ผิดกับร่างผอมนั้น… ไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าคนนับสิบทำอะไรเด็กหนุ่มคนเดียวไม่ได้เลย

     

                ดันเจองานที่ยุ่งยากเข้าเสียได้… ท่าทางว่าข่าวลือของสโนว์ไวท์ผู้งดงามคงถูกบิดเบือนความจริงไปพอสมควร อาจเป็นเพราะฝีมือที่ไม่ธรรมดาส่งให้ค่าหัวนั้นสูงลิบเสียมากกว่า

     

                ในเวลานี้สติของหมาป่าผู้หิวโหยริบหรี่ลงทุกที กระหยิ่มยิ้มในใจว่าคู่มือที่มีฝีมือได้อยู่ตรงหน้าแล้ว สายตามองตามร่างเล็กที่สาวเท้าเดินต่อไป ปล่อยให้สัญชาตญาณนักล่าอยู่เหนือสิ่งอื่นใด

     

                แสงสีทองของตุ้มหูระย้าเคลื่อนผ่านสายตาของเป้าหมายไปเพียงชั่วครู่  รู้สึกตัวอีกทีความเจ็บแปลบก็แล่นไปทั้งแผ่นหลังบอบบาง ทั้งร่างถูกกดทับด้วยแรงที่มีมากกว่า รวมไปถึงลำคอระหงส์ที่ในเวลานี้มีอาวุธไร้คมบางอย่างกักกันเอาไว้จนรู้สึกหายใจไม่ออก

     

                มือเล็กของเด็กหนุ่มพยายามแกะเอาดาบที่ยังไม่ได้ถอดปลอกออกจากลำคอของตน แรงของเขาที่มีก็ใช่จะน้อย แต่ก็ไม่อาจสู้คนมีกำลังเหนือกว่าได้ ยามที่ดวงตาสีท้องยามค่ำคืนสบเข้ากับใบหน้าของผู้รุกรานตรงหน้าก็เป็นอันทำให้ตกใจไม่น้อย...

     

                ชายร่างใหญ่หน้าคมเข้ม ดวงตาข้างซ้ายมีรอยบาดแผลพาดผ่านลงมาจนทำให้ไม่อาจเปิดเปลือกตาได้ กลุ่มผมสีทุ่งหญ้านั้นชวนให้สะดุดตาไม่น้อย เขาดูราวกับสัตว์ร้ายที่ยากแก่การต่อกร ซึ่งในเวลานี้ดวงตาคมกริบที่เหลืออยู่อีกข้างเคลือบไปด้วยแววตาของนักล่า

     

    ไปกับฉันซะถ้าไม่อยากเจ็บตัว… ” นักล่าคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มแหบ องค์ประกอบโดยรวมทั้งใบหน้าที่อิดโรยและริมฝีปากที่แห้งผาก แม้อาจจะผิดกับเรี่ยวแรงที่มากมาย แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงไม่มีอะไรตกถึงท้องมาซักพักแล้ว

     

    “ นายสู้ฉันไม่ไหวหรอก ”

     

                เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นทั้งที่ตนยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทั้งใบหน้าน่ารักมองกลับไปยังคนตัวสูงกว่าด้วยความนิ่งสนิท ไม่ได้มั่นใจในฝีมือหรือกำลังของตนมากมายขนาดนั้น แต่เพียงประเมินทุกอย่างด้วยสายตาก็เพียงพอ หากเขาหลุดไปได้ ตอนนั้นคนๆนี้คงไม่เหลือเรี่ยวแรงจะหยุดแล้ว…   

     

                และอาจเป็นเพราะสุรเสียงอันไพเราะนั้นเช่นกัน ราวกับมันช่วยฉุดดึงสติที่เกือบจะลอยละล่องไปไกลของนักดาบหนุ่มให้กลับมาอีกครั้ง ทั้งบรรยากาศและรายละเอียดต่างๆไหลเข้าสู่การรับรู้ ดวงตาดวงเดิมจึงได้สังเกตเห็นเป้าหมายของตนอย่างชัดเจน

     

    ราวกับโลกหยุดหมุน…

     

             ลมหายใจเหมือนขาดห้วงไปชั่วขณะ ยามที่สายตาสบเข้ากับอัญมณีที่แสนสุกใส ร่างกายนั้นบอบบางราวกับหญิงสาว ผิวขาวผ่องที่แม้ไม่ต้องสัมผัสโดยตรงก็รับรู้ได้ว่าเนียนละเอียดเพียงใด ใบหน้ากลมมนบรรจุความน่ารักที่แฝงความซุกซนเอาไว้ กลุ่มผมสีเดียวกันกับดวงตาที่ใช้เพียงสายตามองก็รู้ได้ว่านุ่มนิ่มขนาดไหน

     

    นี่หรือ… สโนว์ไวท์?

     

    อันตรายต่อหัวใจนัก…

     

                นิ้วมือเรียวสวยบนฝ่ามือน้อยๆพยายามแกะเอาดาบที่เขาทาบทับลงไปออก กระต่ายตัวน้อยที่เรี่ยวแรงไม่ได้มากมายอะไรกลับพูดขึ้นท้าทายหมาป่าตัวใหญ่ ริมฝีปากบางสีชมพูเรื่อๆนั้นราวกับกำลังสะกดชายหนุ่มเอาไว้

     

    อยากจะครอบครองมันเหลือเกิน…

     

                อาจเพราะบรรยากาศเป็นใจ หรือสถานการณ์พาไปก็ไม่อาจทราบได้ คนผู้สวมชุดยาวสีเขียวแก่กลับยื่นใบหน้าของตนเข้าไปใกล้กับเจ้าหญิงตรงหน้าเรื่อยๆ โหยหาสัมผัสที่มีเพียงเจ้าชายในตำนานเท่านั้นที่ถือกรรมสิทธิ์ อาจเพราะความใกล้กันที่ห่างเพียงลมหายใจ จึงทำให้หัวใจของนักดาบหนุ่มเต้นระส่ำราวกับไม่ใช่ตัวเองแบบนี้

     

    “ น..นายจะทำอะไร!? ”

     

                คนใต้อาณัติเอ่ยท้วงเมื่อเริ่มเห็นความผิดปกติ ทั้งที่สติของคนตรงหน้าดูจะกลับมาแล้ว แต่ร่างนั้นกลับเคลื่อนใบหน้าของตนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ไม่รู้เป็นเพราะเป็นลมล้มพับหรือมองว่าเขาเป็นอาหารกันแน่ …ไม่เคยมีใครเข้าหาเด็กหนุ่มแบบนี้มาก่อน ด้วยระยะทางระหว่างสองคนที่แสนใกล้ บวกกับแววตานั้นซึ่งในเวลานี้เปลี่ยนเป็นความหลงใหลจนลูฟี่รู้สึกแปลกไป

     

    ทำไมนะ… ราวกับหัวใจมันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

     

    กึก…

     

                แต่ครั้นการกระทำอุกอาจนั้นก็ต้องหยุดลงกะทันหัน เมื่อของมีคมความยาวประมาณหนึ่งคืบพาดเข้ามากั้นระหว่างกลาง แสงอาทิตย์ส่งให้มองเห็นเงาของคนร่างใหญ่ที่เคลื่อนเข้ามาทาบทับ ใบหน้าคมของบุคคลที่สามดูกำลังโกรธเคืองอย่างถึงที่สุด

     

     

    “ อยากตายนักหรือไงแก… ออกห่างจากเจ้าหนูนี่ซะ! ”

     

     

     

     

     


    เอาแล่ววว ใครหว่าาา??

    รู้สึกเหมือนพาร์ทนี้จะสั้นๆไงไม่รู้  

    ปรับระยะห่างระหว่างย่อหน้าให้เหลือบรรทัดเดียวด้วย

    ไว้ตอนหน้าจะแต่งให้ยาวกว่านี้นะคะ;-;

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×