คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Page I : Shabby boy
นานมาแล้วได้มีตำนานเล่าขาน...
จุดกำเนิดแห่งมหากาพย์ที่กำลังจะเปิดม่านขึ้น
ในหมู่บ้านเล็กๆที่แสนสงบสุขกำลังจะถือกำเนิด 'สโนว์ไวท์' คนใหม่
ผู้จะนำมาซึ่งความวุ่นวายแห่งยุคสมัย
การออกไปเดินเล่นในเวลานี้ คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักสำหรับผู้คนในอาณาจักรเล็กๆที่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์นี้ สายฝนสาดลงสู่พื้นดินไม่ขาดสาย เจิ่งนองจนเกือบจะกลายเป็นสภาวะอุทกภัย ท้องฟ้าที่ถึงแม้จะเป็นเวลากลางวันกลับระบายสีมืดครึ้มเช่นเวลาโพล้เพล้ ก้อนเมฆจำนวนมากมายบดบังสีฟ้าสดใสจนกลายเป็นเพียงความมืดมิด สายฟ้าสีขาวสว่างพาดผ่านขอบฟ้า เสียงกระหึ่มของมันดังก้องไปทั่วจนชวนให้รู้สึกหวาดผวา
สภาพอากาศเลวร้ายอย่างไม่เคยมีมาก่อน...
เป็นวันที่ไม่ดีเอาเสียเลย ...หญิงสาวชาวบ้านในชุดกระโปรงเก่าคร่ำครึพยายามแบกสังขารของตัวเองขึ้นไปยังกระท่อมหลังเล็กๆ อาการเจ็บปวดเร่งมาจากบริเวณท้องที่ใหญ่โตเพราะมีสิ่งมีชีวิตน้อยๆที่กำลังประท้วงหาความเป็นอิสระ
ทนหน่อยนะลูกรัก... อีกนิดเดียวเท่านั้น
ใบหน้าหวานงดงามนิ่วเข้าหากันอย่างทรมาน เส้นผมยาวสลวยสีไม้มะเกลือชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดฝนที่โหมกระหน่ำ นับว่าเป็นโชคดีที่เพื่อนบ้านพอมีน้ำใจมาช่วยเธอทำคลอดในครั้งนี้ด้วย การจัดเตรียมความพร้อมต่างๆจึงเป็นไปได้ง่ายกว่าที่คิด
ฟ้าฝนดูท่าจะไม่มีความปราณีใดๆ บรรยากาศมืดครึ้มเต็มไปด้วยสายฟ้าสว่างวาบดั่งเป็นฉากประกอบการทำคลอดครั้งนี้ไปโดยปริยาย เป็นวันที่หญิงสาวรู้สึกทรมานมากมาย แต่ในเวลาเดียวกันกลับรู้สึกมีความสุขนัก เมื่อสิ่งมีชีวิตเล็กๆกำลังจะกำเนิดขึ้นมา
“ มาแล้ว..! ออกมาแล้วล่ะ ” หญิงสาวชาวบ้านอีกคนที่ดูแลการทำคลอดเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าดีใจ ร่างกายเล็กๆปรากฏขึ้นแก่สายตาผู้เป็นแม่ พร้อมๆกับสายฝนที่อยู่ๆก็ซาลงอย่างน่าประหลาด ริมฝีปากบางนั้นเพียงเผยรอยยิ้มรับอ่อนๆ
“ ช่างเป็นเด็กที่มีความงดงามอะไรเช่นนี้ ” ผู้เป็นแม่เอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว ผู้ทำคลอดมองตามพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะตบเบาๆบริเวณขาให้ทารกน้อยรู้สึกตัว
พลันเสียงแรกแห่งการมีชีวิตก็ได้ดังขึ้น
“ แง้ แง้ แง้!! ”
นภาในเวลานี้ค่อยๆสงบลง เมฆฝนที่กรรโชกมาจนถึงเมื่อครู่กลับสงบลงดั่งปราฏิหารย์ แสงแดดอ่อนๆเริ่มส่องลอดผ่านก้อนเมฆให้ความรู้สึกสดชื่น ก่อนที่สายรุ้งอันละมุนละไมจะคาดผ่านแผ่นฟ้ากว้าง
“ ช่างเป็นเด็กที่น่าอัศจรรย์ใจเสียจริง.... อีกทั้งยังมีความงดงามแม้จะเพิ่งเกิดก็ตาม ” หญิงสาวชาวบ้านผู้ทำคลอดเอ่ยชื่นชมจากใจ จะเพราะความบังเอิญหรือเปล่า เธอไม่แน่ใจนัก... แต่เมื่อเสียงร้องของเด็กคนนี้ดังขึ้น ฟ้าฝนก็เหมือนเป็นใจเปิดทางต้อนรับผู้มาใหม่คนนี้
แต่หญิงชาวบ้านนั้นรู้ดี... แม้ทารกผู้นี้จะงดงามเพียงใดก็ตาม
แต่เขาคนนี้ก็เป็นเด็กผู้ชาย... และมีปัญหาอื่นๆที่สำคัญกว่านั้น
ข่าวลือในหมู่ชาวบ้านนั้นแพร่งพรายออกไปเร็วกว่าที่คิด เพียงเพราะเหตุการณ์พายุฝนสงบลงอย่างกะทันหันในวันนั้น เกิดเสียงเล่าอ้างมาหลายครั้งเกี่ยวกับคำทำนายในตำนาน... หญิงสาวแม่ลูกอ่อนพยายามปฏิเสธเรื่องราวเหล่านั้น แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อถือแม้แต่น้อย
คำทำนายเกี่ยวกับสโนว์ไวท์รุ่นต่อไป... แม้ไม่ทราบที่มาว่ามาจากที่ใด
แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่ามันมีความแม่นยำยิ่งนัก...
เขาคือผู้ที่จะทำให้โลกวุ่นวายอย่างยิ่ง...
เด็กหนุ่มร่างกายบอบบางดุจอิสตรี ผิวขาวผ่องเนียนนุ่มดุจหิมะ ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเช่นกลีบกุหลาบ
...เส้นผมนุ่มดำสนิทดั่งไม้มะเกลือ และสุรเสียงอันไพเราะดึงดูดสรรพสิ่ง
ถึงแม้กายจะเป็นชาย.... แต่ช่างอันตรายยิ่งนัก
เพราะเหตุใด... ยามเมื่อเธอก้มลงมองหน้าบุตรชายของตนที่แม้จะเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่เดือนนั้น ก็ไม่อาจปฏิเสธคำทำนายนั้นได้เลย... ทำไมถึงเป็นเจ้า ...เหตุใดเด็กน้อยไร้เดียงสาผู้นี้จึงกลายเป็นตัวอันตรายไปได้
เหตุใดสโนว์ไวท์คนใหม่ถึงได้ถือกำเนิดมาเป็นลูกของข้า...
ชาวบ้านยังคงตามราวีไม่ให้ชีวิตประจำวันของหญิงสาวรู้สึกเป็นสุขเลยแม้แต่น้อย เด็กน้อยในอ้อมกอดยังคงยิ้มร่าไร้เดียงสา เพราะคำทำนายว่า'อันตราย'นั้นแท้ๆ เป็นตัวตัดสินอนาคตของเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
อันตรายที่ว่านั่น หมายถึงสิ่งใดกันแน่....
สิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือพาเด็กคนนี้หนีไปให้ไกลที่สุด พาเขาไปยังที่ที่จะปลอดภัยพอให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในอนาคต ยิ่งการอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ใบหน้างดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาว ทำให้ผู้คนสังเกตได้ง่ายดายเหลือเกิน และเป้าหมายของพวกเขาคือการกำจัดลูกน้อยของเธอทิ้งไป
ทำให้เธอได้รู้ตัวแล้วว่า... การที่เธออยู่ใกล้เด็กคนนี้ เป็นสาเหตุให้เขาเป็นอันตรายไปด้วย
กายบอบบางร่อนเร่ไปหลายหมู่บ้าน ทั้งใกล้เคียงและห่างไกล แต่อนิจจา... ดูเหมือนคำทำนายนั่นจะเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งหมด ทั้งเหนื่อยล้าจนอยากจะหมดแรงไปดื้อๆ เหนื่อยกับการหลบหนี... เหนื่อยกับการถูกตามล่า
จนกระทั่งมาถึงหมู่บ้านโทรมๆแห่งหนึ่ง... ทุรกันดารพอที่จะทำให้ผู้คนหาพบได้ยาก
ตระกร้าสานจากหวายถูกปูด้วยผ้าสีพื้นหลายชั้น ให้มีความนุ่มพอที่จะทำให้เด็กน้อยไม่ระคายผิว ก่อนที่ร่างกายเล็กของเด็กทารกจะถูกวางลงไปในตระกร้านั้นอย่างแผ่วเบา ใบหน้าที่งดงามแม้จะเป็นเด็กชายยังคงยิ้มร่าไร้เดียงสา ในขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย
“ แม่ขอโทษ... ที่ปล่อยให้เจ้าเป็นแบบนี้ ”
มือเรียวลูบไล้ใบหน้าอ่อนอย่างทะนุถนอม... ดวงตาสีสวยจ้องมองใบหน้าของบุตรด้วยคลอน้ำตา
นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้พบหน้ากัน...
“ ลูกจะปลอดภัยเมื่ออยู่ห่างจากแม่... อภัยให้แม่ด้วยนะ... ลูฟี่ ”
เป็นดั่งคำอำลาสุดท้าย ก่อนที่แผ่นหลังของหญิงสาวจะห่างออกไปพร้อมความรู้สึกเจ็บปวดดั่งโดนตอกหมุดลงสู่ขั้วหัวใจ...
เสียงโหวกเหวกปนไปกับเสียงคุยระงมดังไปทั่วบริเวณ เมื่อสองข้างทางเต็มไปด้วยแผงขายของนานาชนิดที่ถึงแม้จะเป็นตรอกแคบๆก็ตาม ผู้คนเดินชนไหล่กันเป็นเรื่องธรรมดา นานครั้งจะมีนักเลงเข้ามาวนเวียนและขูดรีดเงินชาวบ้าน แถมยังสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
และสิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในเมืองนี้เลยแม้แต่น้อย...
“ นี่ป้า..! หมายความว่าไงถึงได้เอาผลไม้เน่าๆแบบนี้มาขายเนี่ยฮะ!! ” เสียงทุ้มแหบฟังดูน่ากลัวถูกตะคอกไปยังแม่ค้าวัยกลางคน รอบแผงขายผลไม้ล้อมรอบไปด้วยผู้ชายตัวใหญ่ท่าทางแข็งแรงสี่ห้าคน ก่อนที่มือของชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นจะคว้าเอาแอปเปิลสีสวยขึ้นมากัดอย่างหน้าตาเฉย
ผลไม้ไม่ได้เน่า... แต่คนเหล่านี้เพียงแค่หาเหตุผลสำหรับขูดรีดชาวบ้านเท่านั้น
“ ไหนล่ะค่าเสียหาย จ่ายมาเดี๋ยวนี้นะยัยป้าแก่!! ” ชายหนุ่มร่างใหญ่หนวดเฟิ้มตะคอกใส่แม่ค้าหญิงเสียงดังลั่น คนถูกกล่าวถึงทำได้แค่เพียงการยืนหน้าซีดอย่างเดียวเท่านั้น
เคยได้ยินว่าคนพวกนี้ชอบขูดรีดชาวบ้าน... แต่ไม่คิดว่าคราวซวยครั้งนี้มันจะมาตกที่เธอซะแบบนี้
ใครก็ได้ช่วยมาเป็นฮีโร่ช่วยเธอซักนิดก็ดี... แม่จะยกแอปเปิ้ลทั้งแผงนี้ให้เลยก็ได้!
“ ว้ากกกกกก แย่แล้วววววว เบรกไม่ได้แล้วววว!! ”
พลันเสียงโวยวายเล็กๆก็ดังลั่นมาแต่ไกล ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แทรกเข้ามาท่ามกลางความวุ่นวายด้วยฝีเท้าที่รวดเร็วแบบหยุดไม่ได้อย่างที่เจ้าตัวว่า ด้านหลังมีผู้คนแต่งตัวคล้ายพ่อค้าวิ่งตามมาติดๆ ความสนใจของคนทั้งตลาดจึงเปลี่ยนไปที่เด็กหนุ่มหน้าตามอมแมมคนนี้เพียงคนเดียว
“ หลีกทางไปเจ้าบ้า! แกทำฉันเสียเวลา! ” นักเลงแผงผลไม้ก็ยังไม่วายตะโกนใส่เด็กหนุ่มกลับไปด้วยคน แขนกำยำหมายจะโหมเข้าใส่ด้วยแรงทั้งหมดให้ร่างที่ขวางทางนั้นหายไป แต่ร่างนั้นกลับปราดเปรียวกว่าที่คิด หมุนกายเพียงเล็กน้อยก็หลบแขนนั้นได้มิด
“ อ๊ะ! นายเป็นขโมยหรอ! ”
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นพร้อมสีหน้าสงสัย เพียงชั่วครู่ที่ร่างเล็กกว่าเคลื่อนผ่านหน้านักเลงคนหนึ่งไป ตระกร้าแอปเปิ้ลสดที่มีน้ำหนักหลายสิบกิโลกรัมก็โดนเด็กหนุ่มร่างกายผอมแห้งคว้าออกไปแล้วสาวเท้าหนีไปอย่างรวดเร็ว
มันขโมยตระกร้าแอปเปิ้ลนั่นไปแล้ว!
“ ถ้าอยากได้แอปเปิ้ลนี่มากขนาดนั้นล่ะก็ ตามฉันมาละกันเจ้าหน้าโหด! ” ริมฝีปากฉีกยิ้มโชว์ฟันครบสามสิบสองซี่อย่างภาคภูมิใจ และมันก็ได้ผลเมื่อนักเลงเหล่านั้นกำลังทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยง อยากจะเข้ามาตะลุมบอนเขาอย่างเต็มที่
ไม่นานนักฝีเท้าหนักๆของคนสี่ห้าคนผู้มีใบหน้าโหดเหี้ยมก็เปลี่ยนมาวิ่งไล่เด็กหนุ่มแทน
ไม่วายมีเสียงพ่อค้าแม่ค้า ทั้งที่วิ่งตามคนตัวผอมมาก่อนหน้านี้... ทั้งเจ้าของร้านผลไม้ที่เจ้าตัวเพิ่งไปยกตระกร้ามาเมื่อกี๊
“ เจ้าบ้า!! แกอีกแล้วเรอะ เจ้าลูฟี่!! ”
คนถูกเรียกหัวเราะร่า วิ่งอุ้มตระกร้าไปด้วยก่อนจะหาทางหลบหลีกกลุ่มนักเลงอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังมีเนื้อและของกินเบ็ดเตล็ดล้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง รวมไปถึงปากของเจ้าตัวด้วย
“ ฉันขอโทษนะพวกลุงพวกป้า! คราวหน้าจะไปช่วยงานเป็นค่าตอบแทนอาหารพวกนี้ก็แล้วกันนะ ชิชิ! ”
ในเวลานี้ดอกไม้ที่เคยเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ได้เบ่งบานอย่างสวยงามเสียแล้ว....
เด็กน้อยผู้โชคร้ายในวันนั้นได้มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้...
กร๊ากกกกกก ทำไมมันถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้;-;
เอาจริงๆเลยก็คือนังไรท์แต่งสดค่ะ ทำไมมันถึงกลายมาเป็นเรื่องแบบนี้ได้ก็ไม่รู้
ใครที่เคยอ่านเวอร์ชั่นแรกสุด(ซึ่งนานมากกกกกกกกกกมาแล้ว) จะรู้สึกว่าคนละพล็อตเลย
แต่งไปไหลไปตามอารมณ์ล้วนๆเลยค่ะ แม่ลูฟี่มาจากไหนไม่รู้ อิอิ
แต่ว่าฟิคเรื่องนี้คอมเมดี้นะ ไม่ดราม่านะ;-;
ถ้ามันดราม่าก็คงตอนนี้ตอนเดียว(ละมั๊ง)แหละค่ะ-..-
ความคิดเห็น