ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ [One Piece] Straw hat & 7 huntsmans !? [Yaoi] [END]

    ลำดับตอนที่ #13 : Page XII : Fall in

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 779
      61
      24 เม.ย. 65


     


     


     


     

    บางทีเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจได้ยากที่สุดในชีวิต

     

    ระหว่างงานและหัวใจ… อะไรกันคือสิ่งที่ถูกต้อง

     

    เพราะไม่เคยรู้จักกับคำว่ารักมาก่อน งานจึงสำคัญเหนือสิ่งใดเสมอมา

     

     

    “ หมายความว่ายังไงกันวะ นี่แกทำอะไร!? ”

     

                เกิดเสียงโวยวายดังมาจากเหล่านายพรานผู้เฝ้าคุ้มกันเด็กหนุ่มในคำทำนาย ชายในชุดเครื่องแบบหลายสิบนายเข้าล้อมพื้นที่ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดสามารถขยับตัวได้ และท่ามกลางความวุ่นวายนั้น …กายบอบบางน่าทะนุถนอมกลับอยู่ในเงื้อมมือของร็อบ ลุจจิ ชายผู้ขอเข้าร่วมการเดินทางคนล่าสุด

     

                อาศัยช่วงกลางดึกที่มีการระวังตัวน้อยที่สุดติดต่อและระดมพลทหารมายังแคมป์กลางป่า ไม่มีผู้ใดได้ทันตั้งตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เจ้าของใบหน้าหวานบริสุทธิ์เข้าสู่ห้วงนิทราโดยมิได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น กายสูงโปร่งจึงได้แต่โอบอุ้มคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขนของตน

     

                ให้ที่กบดานและให้ความช่วยเหลือในการหลบหนีแก่ผู้ต้องหา... ชายหนุ่มเหล่านั้นคงมิพ้นโดนคุมขังด้วยสองข้อหานี้ อาวุธประจำกายถูกอายัตในนามของกองทัพ กลุ่มคนเคลื่อนตัวเข้าสู่ฐานทัพชั่วคราวซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองของอาณาจักรมารีน อาณาจักรที่โดดเด่นด้านการปกครองและการทหาร

     

                เสียงครางเบาๆในลำคอและกลุ่มผมนุ่มที่บดเบียดเข้ากับแผงอกของผู้อุ้ม บ่งบอกความไม่สบายตัวของคนในอ้อมแขนได้อย่างดี ใบหน้าหวานย่นคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังประท้วง เจ้าของดวงตาสีอำพันเพียงก้มลงมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเกาะกุมหัวใจ …เขาตอบตัวเองไม่ได้แม้แต่น้อยว่าความหมายมันคือสิ่งใด

     

                เด็กคนนี้ถูกจับกุมเพียงเพราะเหตุผลงี่เง่าอย่าง ‘เป็นตัวอันตราย’ แม้เจ้าตัวจะไม่มีเรี่ยวแรงหรือความเฉลียวฉลาดสามารถไปต่อกรกับใครได้ เขาก็ยังต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาอย่างเคร่งครัด บทลงโทษถูกเก็บงำเอาไว้ในความมืด มีเพียงคำสั่ง ‘จับเป็นเท่านั้น’ ที่ถูกถ่ายทอดต่อมา

     

                ราวกับมีตัวสร้างความหงุดหงิดเกาะแกะอยู่เต็มไปหมด ช่วงเวลาที่มองภาพข้อมือเล็กๆนั้นถูกจองจำด้วยกุญแจมือ ทั้งใบหน้าน่ารักที่กำลังทักท้วงด้วยความตกใจปนสงสัย นิ้วมือทั้งห้ามันก็กำเข้าสู่ฝ่ามือแน่นราวกับไม่ยอมรับภาพเหล่านั้น

     

    ร็อบ ลุจจิทำได้เพียงตั้งคำถามกับตนว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น…

     

    อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็อยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาแล้ว

     

                กายสูงโปร่งทิ้งน้ำหนักลงกับเก้าอี้นวมในห้องพักของตน ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังจมลึกอยู่ในห้วงความคิด เสียงประตูไม้ที่โดนกระทบเป็นจังหวะเป็นตัวเรียกความสนใจจากดวงตาสีอำพันให้กวาดไปมอง ก่อนที่ร่างของใครคนหนึ่งจะแทรกเข้ามาพร้อมแสดงความเคารพ

     

    “ ในนามของรัฐบาลโลก ผมเป็นตัวแทนเพื่อลงมาตรวจสอบ โคบี้ครับ ” เด็กหนุ่มเจ้าของผ้าโพกหัวและเส้นผมสีหวานกล่าวทักทาย

     

    “ และในวันพรุ่งนี้ พลเอกอาคาอินุ จะมาคุมตัวนักโทษไปยังเมืองหลวงด้วยตัวเองครับ ”


     

    คิ้วหนาของคนฟังขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจนัก มีเหตุผลอะไรที่ทำให้นายพลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องลงมาจัดการ

     

    “ เรื่องรัฐบาลโลกใช่ไหมครับ ”

     

                รอยยิ้มน้อยๆระบายบนใบหน้าของทหารหนุ่มราวกับถูกเตรียมการไว้แล้ว กลุ่มคนที่ขึ้นตรงต่อผู้มีอำนาจสูงสุดไม่มีสิทธิ์สงสัยในเบื้องหลัง หากแต่ข้อกำหนดนั้นกลับถูกทำลายด้วยบทสนทนาเพียงไม่กี่คำ

     

    “ พลเอกอาคาอินุคือตัวตนของรัฐบาลโลกที่คุณรับใช้มาโดยตลอด ”

     

    “ แกว่ายังไงนะ ”

     

                อดสะดุ้งขึ้นมาไม่ได้ยามดวงตาสีอำพันจ้องเข้ามาในดวงตาของตน แม้จะได้รับคำสั่งมาว่าให้ชี้แจงพอเป็นพิธี แต่โคบี้ก็ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะดูโกรธเคืองราวกับถูกหักหลังเช่นนั้น

     

    “ เรื่องนี้พลเอกสั่งมาว่าจะมาอธิบายทุกอย่างด้วยตัวเองครับ ”

     

                แววตาที่เคยคงความเยือกเย็นกลับกำลังไหววูบด้วยความร้อนรน งานทุกอย่างที่เขาทำล้วนเกี่ยวพันกับความยุติธรรม ชายหนุ่มซื่อตรงและนับถือผู้มอบหมายภารกิจอยู่เสมอมา

     

    แต่ไม่ใช่กับชายผู้นั้น… อาคาอินุ

     

    แท้จริงแล้วรัฐบาลโลกอันศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งใดกันแน่ …และเขากำลังทำงานให้ใคร

     

     

     

     

     

                เสียงครืดคราดดังลั่นไปทั่วห้องโถงยามเมื่อมีการขนส่งเสบียงอาหาร กระสอบและถังไม้ถูกจัดวางอยู่บนเลื่อนไม้ขนาดไม่ใหญ่นัก ด้วยสภาพแวดล้อมที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน พาหนะที่ใช้ขนย้ายจึงพลอยเป็นสัตว์สี่เท้าขนนุ่มฟูและเขารูปร่างสวยงามไปโดยปริยาย

               

                ชายในชุดเครื่องแบบรับเอาสินค้าเหล่านั้นมาก่อนขนย้ายมันไปสู่ห้องเก็บของของฐานทัพ ผู้เป็นเจ้าของรถเลื่อนเพียงยกมือขึ้นบีบไหล่คลายความเมื่อยล้าของตน ก่อนเอ่ยสนทนากับทหารหนุ่มตรงหน้า

     

    “ พวกนายไม่สนใจจะรับพ่อครัวไว้ทำงานอีกคนจริงๆหรอ ”

     

    “ ฐานทัพนี้มีทหารไม่เยอะหรอก พ่อครัวที่มีอยู่ก็มากพอแล้วล่ะ ”

     

                คู่สนทนาดูจะเมินคำถามนั้น ซ้ำยังก้าวออกไปโดยไม่ได้สนใจเขาอีก ชายหนุ่มหยิบเอามวนบุหรี่ที่เก็บเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อของตนขึ้นมาจุดไฟ แล้วสูดเอานิโคตินเข้าสู่ปอด

     

    “ เจ้าพวกนั้นมนุษย์สัมพันธ์แย่สุดๆเลยแฮะ ” ควันสีขาวคลุ้งถูกพ่นใส่กวางตัวน้อยนี่ยืนอยู่ข้างกันราวกับจงใจ มันเพียงมองกลับมาด้วยสายตาเหมือนจะตำหนิก่อนเบนใบหน้าหลบ เรียกเสียงหัวเราะขบขันจากคนผมทองที่เป็นตัวต้นเหตุ ก่อนร่างสูงจะล็อกคอสัตว์เลี้ยงนั้นเข้าหาตนอย่างสนิทสนม

     

    “ ได้ยินที่พวกนั้นพูดกันแล้วใช่ไหมล่ะ เรื่อง‘สโนว์ไวท์’นั่นน่ะ ”

     

    “ นายไม่อยากรู้หรือไงช็อปเปอร์ ว่าเจ้าหญิงแสนสวยคนนั้นถูกขังอยู่ที่นี่จริงหรือเปล่า ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย เขาพ่นควันสีขาวออกมาอีกครั้ง ก่อนทิ้งก้นบุหรี่นั้นลงกับพื้น ปล่อยให้ความเย็นจากหิมะค่อยๆดับสะเก็ดไฟที่ปลายมวนจนมอดไป

     

                ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะลองวิ่งตามนิทานปรัมปรานั่นดูซักตั้ง… ส่วนเรื่องที่ว่าเจ้าหญิงผู้นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ คงต้องให้สายตาคู่นี้เป็นตัวตัดสินทีหลัง

     

                จะว่าประมาทเลินเล่อก็คงไม่เชิง ที่ปล่อยให้คนนอกซึ่งเป็นเพียงคนส่งเสบียงเช่นเขาเข้ามาเดินทอดน่องภายในห้องขังใต้ดินได้ อาศัยว่าเคยมาแวะเวียนที่นี่อยู่หลายครั้งจนพอจำเส้นทางได้ บวกกับความสามารถในการดมกลิ่นของสัตว์ขนปุยข้างตัว ทำให้การแอบทำอะไรเช่นนี้เป็นเรื่องง่ายดายขึ้นเยอะ

               

                เรนเดียร์จมูกน้ำเงินวาดจมูกของตนไปตามตรอกซอยเล็กๆจนกระทั่งเส้นทางมาบรรจบที่ทางแยก ทำให้ปลายเท้าทั้งสี่ต้องชะงักลง เงยหน้ามองร่างสูงราวกับต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่าง

     

    “ จะบอกว่ามีกลิ่นที่ไม่คุ้นเพิ่มมาเยอะเลยอย่างนั้นหรอ ”

     

    เขาเอ่ยสนทนาเหมือนกับเข้าใจสายตาคู่นั้น เช่นเดียวกับเจ้าเรนเดียร์ที่พยักหน้าตอบรับราวกับเข้าใจในสิ่งที่กำลังกล่าว

     

    “ เฮ้ ฉันว่าทางนี้ ” นิ้วเรียวของคนผมทองชี้ไปยังโถงทางเดินอีกทางซึ่งดูจะเงียบเชียบกว่านัก ทั้งรอบข้างกลับมืดสลัว มีเพียงแสงไฟอ่อนๆจากตะเกียงติดอยู่บนต้นเสาห่างกันเป็นระยะๆคอยให้ความสว่างเท่านั้น

     

    กับสิ่งที่สำคัญมากมายขนาดนั้น ระดับคำทำนายว่า‘อันตราย’ คงไม่เลือกขังรวมอยู่กับนักโทษธรรมดาแน่นอน…

     

                เพียงไม่นานห้องขังที่ปลีกวิเวกออกมาเพียงห้องเดียวก็ปรากฏให้เห็น ร่างของใครคนหนึ่งที่ไม่มีทรวดทรงองค์เอวเช่นหญิงสาวอย่างที่เข้าใจ เป็นเพียงเด็กหนุ่มตัวเล็ก ออกจะผอมบางกว่าผู้ชายในวัยเดียวกันอยู่มากนัก เห็นเพียงร่างนั้นที่กำลังนั่งหันหลังในท่ากอดเข่าก็เท่านั้น

     

    “ สโนว์ไวท์อะไรเนี่ย คิดว่าจะเป็นสาวสวยสุดเอ็กซ์ซะอีก ” เป็นประโยคทักทายที่ทำให้เจ้าของใบหน้าหวานสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ นอกจากพวกทหารก็ไม่มีใครผ่านมาแถวนี้อีก แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขารู้สึกฉงนไม่น้อย

     

    ผู้ชายผมทองกับกวางงั้นหรอ…

     

    “ นายน่ะ ไม่ใช่สโนว์ไวท์ใช่มั๊ยล่ะ ”

     

                เสียงทุ้มถามขึ้น เป็นตัวเรียกให้เจ้าของผมสีไม้มะเกลือเดินมาหาอย่างว่าง่าย นิ้วเรียวทั้งห้าเกาะกับลูกกรงของเหล็กก่อนยื่นใบหน้าออกมามองด้วยท่าทีสนใจ เสียงหวานเอ่ยตอบประโยคนั้น

     

    “ ก็ไม่ใช่น่ะสิ ”

     

                ตากลมโตแววสุกใสราวกับดวงตาของลูกกวางนั่นมันอะไรกัน ราวกับต้องมนตร์สะกดให้ชายหนุ่มไม่อาจละสายตาออกไปได้ ซ้ำร้ายยังเผลอยื่นมือเข้าไปหาเจ้าของร่างบอบบางนั่นด้วยอีก

     

                กลีบปากบางสีชมพูนั่นสะกดสายตาของเขาเอาไว้ มือหนาลูบไล้พวงแก้มนุ่มนั้นอย่างทะนุถนอม ส่งให้คิ้วเรียวของคนตัวเล็กเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจนัก คนตัวสูงรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังกระตุกวูบราวกับโดนไฟฟ้าแรงสูงช็อต

     

    บ้าน่า… ทำไมน่ารักจังวะ

     

    “ พอดีมีเศษอะไรติดหน้านายอยู่น่ะ ”  เขารีบชักมือออกเมื่อได้สติกลับคืนมา น่าแปลกที่อยู่ๆก้อนเนื้อใต้อกนี่มันก็เต้นรัวเร็วอย่างกับเพิ่งออกกำลังมาเสียอย่างนั้น

     

    “ ไปล่ะ ฉันต้องตามหาเจ้าหญิงต่อ ”

     

                พลางส่ายหน้าเตือนสติที่กระเจิงไปให้ย้อนคืนมา นึกสงสัยตัวเองที่ไปทำอะไรแปลกๆกับนักโทษเสียอย่างนั้น ขายาวทั้งสองข้างรีบก้าวเดินออกไปเหมือนไม่สนใจอะไรอีก แต่เสียงหวานของคนตรงหน้าก็ดันเรียกเอาไว้อีก

     

    “ เดี๋ยวก่อนสิ! นายช่วยฉันหน่อยได้มั๊ย ” ชะงักกับใบหน้าน่ารักที่กำลังอ้อนวอนนั้นอีกครั้งจนนึกอยากจะโมโหตัวเองขึ้นมา ราวกับภูมิคุ้มกันที่เคยมีพังทลายลงยามเมื่อสนทนากับคนๆนี้ เล่นเอาทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย

     

    “  ถึงจะไม่รู้ว่าโดนจับเพราะอะไรก็เถอะ ”

     

    “ หืม… ”

     

                นึกแปลกใจกับประโยคหลังนั้น แต่ครั้นยังไม่ได้ซักถามอะไรต่อ เสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ทหารในชุดสีเขียวหม่นสามคนเดินมาหยุดลงข้างชายหนุ่ม ก่อนแสดงสีหน้าราวกับจะตำหนิทันทีที่พบเห็น

     

    “ โอ๊ะ ขอโทษที พอดีผ่านทางมาแถวนี้น่ะ ” คนตัวสูงเพียงส่งรอยยิ้มแหยให้อย่างคนทำอะไรไม่ถูก มือหนาเลื่อนไปลูบหัวกวางตัวน้อยข้างตัวเบาๆ ก่อนก้าวเดินออกไปเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

     

    “ ไปกันเถอะช็อปเปอร์ ฉันต้องออกไปหาเสบียงสำหรับมื้อหน้ามาเพิ่มอีก ”

     

                เมื่อได้ความว่าชายผู้นั้นเป็นเพียงคนส่งเสบียงของฐานทัพ เหล่าทหารหนุ่มจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก ร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมสีชมพูเดินมาหยุดต่อหน้าห้องขัง เบื้องหน้ายังคงมีร่างเล็กที่ยังไม่ได้ก้าวออกไปไหนตั้งแต่เมื่อครู่

     

    ตัวเล็กชะมัด…ซ้ำยังผอมบางกว่าที่คิดไว้นัก

     

                ข้อมือบอบบางมีกุญแจมือล็อกเอาไว้ทั้งสองข้าง ช่างดูเป็นภาพที่น่าสงสารสำหรับผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นเจ้าหญิงในคำทำนายนัก

     

    “ สวัสดีครับคุณลูฟี่ ผมได้รับคำสั่งจากพลเอกให้พาตัวคุณไปเข้าพบครับ ”

     

     

     

     

     

                แม้ในตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงวันที่มีแสงแดดจ้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของผู้บัญชาการอยู่ก็ตาม แต่บรรยากาศภายในกลับทั้งเย็นยะเยือกและมืดหม่นสำหรับคนฟังนัก ชายผมยาวในนามเงามืดแห่งรัฐบาลโลกทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นเคืองของตนไว้ใต้สีหน้าเรียบสนิท

     

                เบื้องหน้าของเขาคือหัวหอกของอาณาจักรมารีนผู้คอยควบคุมความยุติธรรมภายใต้อำนาจอันสูงส่ง ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีแดงเพลิง บ่ากว้างทั้งสองปกคลุมด้วยเสื้อคลุมตัวยาวประดับยศนายพลทหาร ใบหน้ามีอายุล้อมกรอบไปด้วยเคราสีดำที่ถูกจัดแต่งมาอย่างมีระเบียบ ริมฝีปากหนาคาบเอาซิการ์ที่ครุกครุ่นไปด้วยสะเก็ดไฟ

     

                หากแต่ความยุติธรรมเหล่านั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าสำหรับทำเรื่องไร้จริยธรรมที่แสนเอาแต่ใจของชายผู้นี้เท่านั้น ร็อบ ลุจจิทราบถึงความจริงข้อนั้นดี จึงไม่เคยให้ความเคารพเลยสักนิด…

     

    แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อตัวตนของรัฐบาลโลกในเวลานี้กลับถูกทำลายจนย่อยยับเข้าเสียแล้ว…ด้วยฝีมือของคนผู้นี้

     

    “ ฉันคืออำนาจสูงสุดของอาณาจักรมารีนยังไงล่ะ ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยราวกับภาคภูมิใจอำนาจในมือของตนนัก เรื่องราวทุกอย่างถูกแถลงไขแก่ผู้ฟังจนสามารถตีความได้ทั้งหมด

     

    นั่นหมายความว่า…ชายผู้นี้กลายเป็นนายเหนือหัวของเขาไปโดยปริยาย

     

    “ ก็แค่ทำให้เจ้าพวกนั้นสิ้นฤทธิ์และไม่มีวันได้อ้าปากพูดอะไรอีก ”

     

                เคยได้ยินว่าอาคาอินุบ้าอำนาจนัก แต่ไม่คิดว่าจะมากมายถึงขั้นแย่งชิงทุกสิ่งมาเป็นของตัวเอง เจ้าของใบหน้าคมคายย่นคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ตีความได้ว่าเขาอาจจะกวาดล้างรัฐโลกชุดเก่าไปจนหมดสิ้นแล้ว


     

    …การกวาดล้างที่แลกมาด้วยชีวิต

     

                ดวงตาสีแดงเพลิงเช่นเดียวกันกับสีชุดกวาดมองเข้ามาในดวงตาของชายหนุ่มอย่างเรียบนิ่ง แต่ให้ความรู้สึกราวกลับมีเงาครึ้มของหมาป่าตัวใหญ่กำลังปกคลุมรอบตัวเอาไว้

     

    “ ว่าไงล่ะ ร็อบ ลุจจิ …แกยังจะรับใช้รัฐบาลโลกที่เป็น‘ฉัน’อยู่หรือเปล่า ”

     

                แต่แล้วเสียงเคาะประตูเป็นจังหวะก็ดังขึ้นมาขัดบทสนทนาระหว่างชายสองคนได้อย่างรู้จังหวะ ประตูไม้ของห้องถูกผลักออกก่อนจะมีร่างของใครคนหนึ่งแทรกเข้ามา ด้วยผมสีหวานกับผ้าคาดหัวสีฉูดฉาดของทหารหนุ่มผู้นั้น ก็ทำให้อาคาอินุสามารถรับรู้ได้ในทันทีว่ามีธุระใด

     

    “ ขออนุญาตครับท่านพลเอก ”

     

    “ ผมพาตัว‘นักโทษ’มาแล้วครับ ”

     

                เสียงนุ่มกล่าวรายงาน ก่อนที่ปลายเท้าเล็กๆของผู้มาใหม่อีกคนจะก้าวเข้ามาตามหลัง แม้จะเป็นการควบคุมตัวนักโทษตามระเบียบ แต่ทหารหนุ่มผู้นั้นกลับดูจะทะนุถนอมร่างบางมากเกินไปจนสังเกตได้

     

                รอยยิ้มกว้างเหยียดขึ้นมาบนริมฝีปากที่ยังคงคาบซิการ์เอาไว้อยู่ …ใบหน้าอันแสนบริสุทธิ์ สโนว์ไวท์ในคำทำนายที่เลื่องลือกันว่าอันตรายหนักหนา ตอนนี้ได้มาอยู่ตรงหน้าเขาเสียแล้ว ข้อมือเล็กที่กำลังถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือยิ่งส่งให้เสียงหัวเราะพอใจดังออกมาจากชายร่างใหญ่คนนั้น

     

    ตำนานอันน่าพิศวงที่เสียเวลาตามหามากว่าสิบเจ็ดปีนั่น …ทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขาหมดแล้ว

     

                เจ้าของใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เหตุใดเขาจึงต้องถูกจองจำด้วยกุญแจมือตลอดเวลาแบบนี้ ทั้งยังต้องมีทหารคอยควบคุมตัวไปไหนมาไหนเหมือนกับอาชญากรด้วยอีก ดวงตากลมโตกวาดมองใบหน้าของทหารหนุ่มข้างตัวสลับกับผู้ชายตัวโตตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจนัก

     

    ไม่รู้ว่าคนหน้าตาน่ากลัวคนนี้เป็นใคร… ทำไมต้องทำหน้าเหมือนกับดีใจขนาดนั้นด้วย

     

                ทอดสายตามองห้องทำงานที่ไม่คุ้นตาด้วยความสนใจ จนกระทั่งหยุดลงยังร่างสูงในชุดสีดำสนิทของใครคนหนึ่งที่เพียงยืนเงียบๆอยู่ไม่ห่างออกไปเท่านั้น

     

    “ อ๊ะ! นาย จับฉันมาที่นี่ทำไม!? ”

     

                ใบหน้าเหมือนกับพยัคฆ์ร้ายที่คุ้นเคยนั้น เด็กหนุ่มชี้หน้าเจ้าตัวด้วยสีหน้าเหมือนกับกำลังโมโหในทันที จำได้ว่าหลับไม่รู้เรื่องอยู่ดีๆ ตื่นมาก็โดนจับโยนใส่กรงขังมืดๆนั่นเสียแล้ว เพราะผู้ชายคนนั้นแท้ๆเลย!

     

    “ น่าสงสารจังนะเจ้าเด็กน้อย ”

     

                ออกแรงคว้าแขนเบาๆ ทั้งร่างบอบบางก็ปลิวมาชนกับลำตัวของคนตัวสูงอย่างง่ายดาย มือสากของพลเอกช้อนคางมนขึ้นมาก่อนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยอันสุกสกาวนั้น พินิจกลีบปากและพวงแก้มสีระเรื่ออย่างเชื่องช้า

     

    “ ในนามของรัฐบาลโลก อำนาจในการครอบครองเด็กนี่เป็นของฉัน ” มือหนาเข้ากอบกุมลำคอระหงส์ของคนตัวเล็กเอาไว้แต่ไม่ได้ออกแรงบีบ ทั้งผิวขาวเนียนละเอียดราวกับหิมะและสุรเสียงอันไพเราะนั้น เขามีสิทธิ์ในตัวเด็กนี่ทั้งหมด

     

    “ บทลงโทษคือสิทธิ์ของฉันแต่เพียงผู้เดียวยังไงล่ะ ”

     

                ลูฟี่ผละทั้งร่างออกมาก่อนลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆด้วยไม่เข้าใจความหมายนั้น เห็นเพียงดวงตาของชายในชุดสีแดงที่กำลังเปล่งประกายราวกับมีความหมายบางอย่างแฝงเอาไว้

     

                เป็นความจริงว่าบทลงโทษของรัฐบาลโลกนั้นเป็นความลับ คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่อาคาอินุเลือกยึดอำนาจเพื่อทำให้ตนมีสิทธิ์ในตัวสโนว์ไวท์อย่างผูกขาดนั่นเอง…

     

    ในที่แห่งนั้น… ไม่ใช่เพียงหนึ่งที่เกิดความรู้สึกครุกครุ่นราวกับเปลวเพลิงอันร้อนแรงกำลังเผาไหม้ความเยือกเย็นจนหมดสิ้น

     

    คำตอบคือ ‘ไม่

     

     

     

    เขาจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องคนตัวเล็กให้ห่างจากเงื้อมมื้อของชายคนนี้ให้จงได้…

     

       


     


     

    มาอัพแล้วค่าา ขอโทษที่มาช้าค่ะ

    อ้าว ยังไงกันแน่ล่ะงานนี้5555555

    รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ชุลมุนวุ่นวายจริงๆค่ะ ฟี่นี่ก็เที่ยวหว่านเสน่ห์ไปเรื่อย

    สมกับชื่อ 'ตัวอันตราย' มากๆเลยทีเดียว

    จะบอกว่าสำหรับตอนนี้ มีนายพรานคนที่7ออกมาแล้วค่ะ 

    แต่จะเป็นคนไหนกันแน่ก็ต้องเดากันต่อไปเนอะ อิอิ

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×