ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ [One Piece] Straw hat & 7 huntsmans !? [Yaoi] [END]

    ลำดับตอนที่ #10 : Page IX : On the way

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.06K
      64
      24 เม.ย. 65


     


     

     


     

    เคล้ง!!

     

                ระยะเวลาเพียงชั่วครู่ ของมีคมที่เคยอยู่ตรงหน้ากลับถูกปัดกระเด็นราวกับเป็นเพียงใบไม้ที่ร่วงหล่น ไร้รอยบาดแผลและรอยขีดข่วน มีดเล่มนั้นลงไปนอนอยู่กับพื้นดินอย่างหมดสภาพ สร้างความตกใจให้แก่ผู้มาถึงไม่น้อย…

               

             ยูทัส คิดหรี่ดวงตาคมมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ ชายร่างสูงกับผมสีเขียวเด่นสะดุดตา ร่างนั้นผละออกจากเด็กหนุ่มก่อนหันมาประจันหน้ากับเขา แม้ท่าทีจะดูโรยแรง แต่แววตาเอาเรื่องกับจิตสังหารก็ไม่ใช่เล่นๆเอาเสียเลย

     

    รู้ได้ในทันทีว่าคนๆนี้ไม่ธรรมดา …ดูท่าจะฝีมือเก่งกาจเสียด้วย

     

    เด็กน่ารักนั่นไปดึงเอาคนอันตรายที่ไหนเข้ามาก็ไม่รู้...

     

    “ เจ้าหนู ผ้าคลุมหายไปไหน? ”

     

                เจ้าของใบหน้าโหดเปลี่ยนเป้าหมายมายังคนตัวเล็กที่โดนปล่อยออกเป็นอิสระในทันที กว่าเขาจะหลุดออกจากกองทัพทหารเหล่านั้นก็เสียเวลาไปมากโข ครั้นปลีกตัวออกมาได้กลับพบกลุ่มนายพรานนอนโอดโอยระหว่างทางจนอดเป็นห่วงไม่ได้ ขณะที่กำลังวิตกว่าคนตัวเล็กเกิดอันตรายขึ้นหรือไม่ กลับพบไอ้โรคจิตที่ไหนไม่รู้กำลังจ้องจะขโมยจูบจากริมฝีปากบางนั่น

     

    มันน่าคว้าตัวผอมๆนั่นมาไว้ในอ้อมกอดให้รู้แล้วรู้รอด

     

                ดวงตากลมโตของเด็กหนุ่มมองไปยังคนผมแดงตรงหน้าที่ตอนนี้ขมวดคิ้วแน่นราวกับจะกินหัวคนที่เข้ามาใกล้เสียให้ได้ ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันพักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจตอบกลับไปด้วยระแวงว่าคำตอบนั้นจะทำให้เขาโดนบีบคอตายไปด้วยหรือเปล่า

     

    “ เอ่อ…ขอโทษนะ มันขาดรุ่งริ่งไปแล้วอะ ” มือเรียวยกซากผ้าคลุมที่เก็บมาด้วยตั้งแต่ตอนนั้นขึ้นประกอบ

     

                ใบหน้ารู้สึกผิดนั้นเรียกเสียงถอนหายใจพร้อมยิ้มขำออกมาจากคนมองแทบจะทันที เป็นจังหวะเดียวกันกับปลายเท้าของใครอีกคนที่เพิ่งมาถึง เจ้าของดาบเล่มยาวกับหมวกขนสัตว์มองผู้ร่วมทางและนักดาบแปลกหน้าสลับกันอย่างนึกฉงน ใบหน้าคมคายราวกับกำลังตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ก่อนเขาจะมาถึงกันแน่

     

    ตุบ…

     

    “ อา…ไม่ไหว หิวจะตายชัก…” เสียงวัตถุบางอย่างกระทบพื้นเป็นตัวดึงความสนใจของคนทั้งหมดให้หันมามอง ร่างสูงโปร่งของชายแปลกหน้าทิ้งตัวลงนอนราบไปกับผืนป่า ใบหน้าของคนผมเขียวอิดโรยราวกับจะเป็นลมไปเสียให้ได้ แค่อดทนมาจนถึงตอนนี้ได้ก็เกินขีดจำกัดไปไกลแล้ว

     

    ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยกดาบขึ้น… แผนการจับ‘สโนว์ไวท์’ไปขึ้นค่าหัวก็ดันพังไม่เป็นท่าด้วยอีก …ช่างเป็นตอนจบที่อนาถใจเสียจริง

     

    “ เจ้านั่นแค่ผ่านทางมา ”  

     

                เป็นคนผมแดงที่เอ่ยตอบข้อสงสัยแก่คนที่ยืนมองเหตุการณ์เงียบๆมาพักใหญ่ ลอว์ปรายสายตามองชายผมเขียวอย่างนึกแปลกใจ แม้ชายคนนี้จะแค่ผ่านทางมาอย่างที่กล่าว แต่เหตุใดจึงมานอนแผ่หลาตรงนี้ราวกับพื้นดินเป็นเตียงนอนชั้นดีไปได้

     

    “ งั้นก็ทิ้งมันไว้ที่นี่แหละ ไปกันได้แล้ว ”

     

                แต่เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ประเด็นที่ควรเก็บเอามาสนใจ ใบหน้าคมคายจึงชี้คางไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง เหมือนต้องการบอกว่าให้รีบออกเดินทางเสียแต่เนิ่นๆ ลูฟี่มองการกระทำนั้นพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง ร่างเล็กๆเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนสวมหมวกขนสัตว์เหมือนตั้งใจจะขวางเอาไว้

     

    “ เดี๋ยวก่อน ” ใบหน้าหวานหงิกงอราวกับเด็กน้อยโดนขัดใจ เดินเข้าไปค้นกระเป๋าที่ลอว์แบกมาด้วยอยู่พักหนึ่ง ความยุกยิกที่สัมผัสได้ผ่านน้ำหนักกระเป๋าส่งให้คนตัวสูงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ไม่นานนักอาหารที่ตั้งใจว่าจะเก็บเป็นเสบียงระหว่างเดินทางชิ้นหนึ่งก็ถูกหยิบออกมา ก่อนดวงตากลมจะมองหน้าคนที่เคยร่วมเดินทางสลับกันราวกับจะตำหนิ

     

    “ ความหิวน่ะมันทรมานมากนะ! ”

     

                ทั้งกำลังถูกตำหนิแต่คนมองกลับทำเพียงกลั้นเสียงขำที่อยู่ในลำคอของตน แทนที่ใบหน้านั้นควรจะน่ากลัว แต่มันกลับมันกลับดูน่ารักมากกว่า ลูฟี่ก้าวมาหยุดตรงหน้านักดาบตกอับที่ปัจจุบันทำได้เพียงนอนหมดแรงอยู่กับพื้น เขาเข้าใจดีว่าความหิวมันบั่นทอนพลังชีวิตไปมากขนาดไหน

     

    ถ้าเอาตัวเองเป็นมาตรฐานล่ะก็นะ…

     

    " ฉันชื่อลูฟี่ นายเป็นใคร? " ยื่นอาหารที่เพิ่งหยิบมาได้แก่คนหิวโดยไม่ได้หวงอะไร รอยยิ้มหวานถูกระบายออกมาบนริมฝีปากน่ารักนั้น ทำให้ใจของคนมองไม่อาจสงบลงได้

     

    ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้งคนๆนี้ก็น่าหลงไหลไปทั้งหมด...

     

    “ …โซโล โรโรโนอา โซโล เป็นนายพราน ” รับความหวังดีของคนตัวเล็กมาโดยไร้การปฏิเสธ เวลาเพียงชั่วครู่กลับสร้างความไว้ใจต่อคนมากมายได้อย่างไรกันนะเด็กคนนี้... ราวกับมีพลังบางอย่างดึงดูดผู้คนให้เข้าหา ไม่ได้รู้ตัวว่าตนเป็นศูนย์กลางของใครหลายคนเลยหรือ

     

    “ จริงหรอ? นายเหมือนนักดาบมากกว่าอีก ”

     

                ดวงตาคมทอดมองใบหน้าหวานนั้นได้โดยไม่มีเบื่อ สถานะทางอาชีพของเขาเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยแน่นอนนัก เพียงงานอะไรที่ทำแล้วสามารถเลี้ยงปากท้องของตนได้ ชายหนุ่มก็ไม่เคยเกี่ยง ถึงแม้ดาบสามเล่มที่มีจะเป็นเหมือนสมบัติและวิชาความรู้ติดตัวมาด้วยก็ตาม

     

    “ ตอนนี้ก็อิ่มท้องแล้ว อย่าคิดว่าฉันเป็นอาหารอีกล่ะ ” เสียงหัวเราะชิชิกับใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้อดทำให้คนผมเขียวตกใจไม่น้อย ความร้อนตีขึ้นมาบนใบหน้ายามเห็นพวงแก้มเนียนของอีกฝ่ายระบายสีชมพูระเรื่อ

     

    โคตรน่ารักเลยโว้ย…

     

    “ ไปได้แล้วเจ้าหนู ”

     

                คนถือดาบยาวเมื่อเห็นท่าไม่ค่อยจะดีก็รีบเอ่ยขัดสถานการณ์สีชมพูของโซโลแทบจะทันที ชักสังหรณ์ใจไม่ดีว่าการเดินทางนี้จะไม่ได้มีสมาชิกเพียงแค่สามคนอีกต่อไป …สโนว์ไวท์คือสิ่งอันตรายสำหรับคนทุกเพศทุกวัย

     

    “ อ๋อ อื้อ ไปกันเถอะ! ” เจ้าตัวเล็กหันกลับมาตอบพร้อมใบหน้ายิ้มร่า ก่อนปลายเท้าคู่นั้นจะก้าวเตาะแตะเข้าไปหาอย่างว่าง่าย เป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงทุ้มแหบที่พูดขึ้นขัดการกระทำนั้นอย่างทันท่วงที

     

    “ เดี๋ยวก่อน ”

     

                เจ้าของเสียงคือนักดาบสามเล่มผู้มีสถานะเป็นคนอิ่มท้องเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าคมมองคนหน้าโหดและเจ้าของดาบยาวตามลำดับ ก่อนดวงตาสีดำจะหยุดนิ่งยังร่างบอบบางของเจ้าของหมวกฟางใบเก่า

     

    “ ฉันก็จะติดตามนายไปด้วย ลูฟี่ ”

     

    “ หา!? ”

     

                นายพรานทั้งสองอุทานขึ้นมาพร้อมกันแทบจะทันที เกิดประกายทางสายตาส่งมายังนักดาบผมเขียวด้วยความอาฆาตแค้น ไอ้การเรียกชื่อแสนสนิทสนมนั่นมันอะไรกัน...

     

    “ ฉันไม่ให้แกไป! ” คนหน้าโหดพูดเสียงดัง ราวกับมีรังสีแห่งการปกป้องแผ่ออกมาจากร่างใหญ่นั้น ยิ่งส่งให้รอยยิ้มอย่างผู้ชนะปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากได้รูปของโซโลเป็นของตอบแทน

     

    “ไม่ได้ขออนุญาตจากพวกแกนี่ ”

     

                การเดินทางเพียงอยู่ที่การเริ่มต้นเท่านั้น… เสียงหัวเราะอย่างขำขันของสโนว์ไวท์ผู้น่ารักเป็นตัวสงบสงครามประสาทลงอย่างง่ายดาย ก่อนคนตัวเล็กจะเอ่ยชวนทุกคนให้ออกเดินทางไปพร้อมกัน โดยให้เหตุผลว่า‘ไปหลายๆคนมันน่าสนุกดี’ …แม้จะรู้สึกขัดใจกับคนคิดไม่ซื่อที่ชักจะเริ่มมีจำนวนมากขึ้นทุกที แต่นายพรานผู้เก่งกาจทั้งสามก็ไม่อาจขัดคำชักชวนและรอยยิ้มที่น่ารักเกินไปของเด็กหนุ่มได้เลย…

     

     

     

     

     

     

                การเดินเท้าได้ดำเนินขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง แม้จะหยุดพักระหว่างทางบ้าง แต่ความอ่อนล้าของร่างกายก็เริ่มปรากฏออกมาให้เห็น ลูฟี่อ้าปากหาวหวอดๆ ใบหน้าหวานเจือไปด้วยความเหนื่อยหน่าย ปากก็บ่นว่าหิวข้าวตลอดทางราวกับคนกำลังท่องบทสวดอะไรบางอย่าง

     

                แดดที่ร้อนจัดยามเที่ยงวันค่อยๆผ่อนอุณหภูมิลงพร้อมกับความมืดมิดที่เข้าปกคลุม ผืนฟ้ายามเย็นเคลือบไปด้วยสีส้มแก่และเมฆบางตา นกน้อยหลายฝูงทยอยบินกลับรัง จวนจะได้เวลาพลบค่ำของวันเสียแล้ว…

     

                เส้นทางที่ใช้ตลอดมาล้วนเป็นป่า รวมไปถึงเส้นทางที่จะนำพาไปยังเมืองหลวงที่ปรารถนาก็ล้วนรายล้อมไปด้วยผืนป่าเช่นกัน ทราฟาลก้า ลอว์เข้าใจเช่นนั้น เขาศึกษาแผนที่จนเข้าใจทุกอย่างก่อนจะออกเดินทางมาถึงปัจจุบัน ทั้งสัญลักษณ์ ทั้งเขตที่ไม่ควรเหยียบย่างเข้าไป ทั้งที่เข้าใจว่าตนเลือกเส้นทางได้ดีที่สุดแล้วแท้ๆ…

     

    แต่ทำไมกัน…เหตุใดจึงมีสิ่งปลูกสร้างพร้อมแสงไฟอันศิวิไลซ์เหมือนเมืองขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้าได้…

     

    เมืองหลวงที่ว่านั่นไม่น่าจะใช้เวลาในการเดินทางมาถึงได้รวดเร็วขนาดนี้… มันแปลกเกินไป

     

    “ ฉันว่ามันแปลก...ทางไปเมืองหลวงมันไม่มีที่แบบนั้นอยู่เลย ” เสียงทุ้มเอ่ยสนทนากับผู้ร่วมทางพร้อมชี้ไปยังแสงสว่างตรงหน้า เรียกให้คนผมแดงหันมามองก่อนขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก

     

    “แกจะบอกว่าพวกเราหลงทางงั้นหรอ… ”

     

    “ ...จะไปที่เมืองหลวงหรอ? ” 


     

                อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นแทรกบทสนทนา ในขณะที่นายพรานทั้งสองกำลังวิตกว่าหลงทางอยู่นั้น ชายผู้สวมยูกาตะกลับเอ่ยขึ้นพร้อมใบหน้าไม่ทุกข์ร้อนราวกับรู้อะไรบางอย่าง

     

    “ จากเส้นทางนี้ก็ไปได้ ”

     

    “ จริงหรอวะ? ” 


     

                 คนหน้าโหดถามกลับ หรี่ดวงตาคมมองอย่างไม่เชื่อใจนัก ไม่ใช่ด้วยเหตุผลว่าเพิ่งรู้จักกัน แต่เพราะท่าทางมึนงงที่แสดงออกมาผ่านใบหน้านิ่งๆนั่นต่างหาก…

     

    หน้าไอ้หมอนี่ดูไม่น่าเชื่อถือ เหมือนคนที่พร้อมจะหลงทางเมื่อไหร่ก็ได้…

     

    “ ที่นี่คือโคลอสเซียม อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงนักหรอก ” ยืนยันคำพูดของตนด้วยเหตุผลที่น่าเชื่อถือ คิ้วของนักดาบสามเล่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยยามนายพรานสองคนมองมาราวกับไม่เชื่อ ไอ้ใบหน้าแบบนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกัน…  

     

    เพราะว่าเคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้มาแล้วพักหนึ่งถึงได้กล้าพูด… เมืองหลวงที่ว่านั่นก็อยู่ถัดไปจากสถานที่นี้เพียงไม่ไกลเท่าไรนักด้วย

     

                ในเวลานั้นนายพรานทั้งสามต่างก็ไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย… ในโลกที่มีแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลฉันใด เมืองหลวงก็ไม่ได้มีแค่เมืองเดียวเสมอไปฉันนั้น…

     

    “ เหนื่อยแล้ว เราพักกันอยู่ที่เมืองนี้ก่อนเถอะนะ ”

     

                เป็นเสียงของเด็กหนุ่มที่กล่าวขึ้นหลังเงียบฟังมานาน ใบหน้าหวานที่อิดโรยราวกับจะยืนยันคำพูดนั้นให้ชัดเจนมากขึ้น การเดินทางติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยไม่มีพาหนะคงจะทำให้เด็กคนนี้เหนื่อยไม่น้อย

     

                ชายหนุ่มทั้งสามต่างก็มองมายังคนร่างบางพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ท่าทางที่ราวกับจะออดอ้อนโดยไม่รู้ตัวของเด็กหนุ่มดูน่ารักจนทำให้ลืมความเมื่อยล้าไปชั่วขณะ 


     

    " ถ้านายว่าอย่างนั้น... "

     

    ใครจะกล้าปฏิเสธคำขอได้ลงคอ…


     

                โรงแรมในระแวกนี้จัดเป็นตัวเลือกอย่างหนึ่งสำหรับที่พักของค่ำคืนที่ยาวนาน หลังจากถกเถียงกันด้วยปัญหาห้องพักอยู่พักใหญ่ บทสรุปจบลงด้วยการจองเพียงห้องพักเดียว แต่มีคนเข้าพักถึงสี่คน สามคนในนั้นเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่ต้องอัดอยู่รวมกัน เนื่องด้วยไม่อยากให้ใครก็ตามอยู่ลำพังกับสโนว์ไวท์ผู้น่ารักคนนั้น…

     

                กลางดึกของวันเดียวกัน ในขณะที่ดวงจันทร์สีเหลืองนวลกำลังเด่นหลาอยู่ท่ามกลางผืนฟ้าสีดำสนิท กายบอบบางพลิกตัวขึ้นจากที่นอนด้วยความยากลำบาก มีแขนของใครบ้างก็ไม่รู้มาวางทับอยู่บนตัวเขาเต็มไปหมด ปลายเท้าเล็กพาร่างเดินโซซัดโซเซไปยังห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก่อนจะเตรียมตัวกลับไปทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง

     

                แต่ครั้นเมื่อร่างนั้นได้เดินผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของห้องพักก็เป็นอันต้องชะงัก มือเล็กยกขึ้นมาถูขอบตาของตนด้วยความงัวเงีย ร่างของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสายตา ทั้งทรงผมและการแต่งตัวเด่นสะดุดตา ขาทั้งสองข้างเดินเป๋ไปมาบนถนนยามค่ำคืนราวกับคนเมา ก่อนที่ความสนใจของเด็กหนุ่มจะไม่ได้หยุดแค่การแต่งกายอันฉูดฉาดของชายคนนั้นอีกต่อไป

     

    สวบ!

     

                ฝีเท้าของกลุ่มคนที่หลบซ่อนอยู่ในมุมตึกพรวดพราดเข้ามายังร่างนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลูฟี่จะสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ว่า คนแต่งตัวฉูดฉาดถูกเอากระสอบคลุมทั้งร่างก่อนโดนหามไปทั้งอย่างนั้น ในขณะที่เจ้าตัวทำได้เพียงดิ้นต่อต้านอย่างไร้ประโยชน์เท่านั้น


     

    ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ราวกับว่าเขาได้เผลอไปอยู่เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะมีใครพบเห็นเข้าเสียแล้ว…

     

                สีหน้าของลูฟี่พลันถอดสี ตัดสินใจวิ่งตามคนกลุ่มนั้นไปโดยไม่ต้องคิด แม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องราวต่างๆ แต่ความรู้สึกหนึ่งของคนตัวเล็กกลับเด่นชัดกว่าสิ่งใดทั้งหมด …ต้องช่วยคนๆนั้นออกมาให้ได้

     

                ค่ำคืนอันเงียบสงัดยังคงดำเนินต่อไปอย่างเชื่องช้า นามแห่งสถานที่นี้คือ‘โคลอสเซียม’ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางชายแดนของแผ่นดินอันกว้างใหญ่ทั้งสาม เมื่อดวงตะวันได้เคลื่อนขึ้นสู่ฟากฟ้า ยามนั้นความวุ่นวายของวันใหม่และการประลองจะเริ่มต้นขึ้น

     

                การเดินทางยังดำเนินต่อไป จนกว่าจะไปถึงจุดหมายที่ต้องการ หากแต่นักเดินทางแห่งโชคชะตากลับไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ว่าเส้นทางที่กำลังใช้งานได้ถูกบิดเบือนปลายทางไปเสียแล้ว

     

    …สิ่งนั้นเป็นไปตามความตั้งใจของใครคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง

     


     

    ในขณะเดียวกัน… ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบสงบนั้น เด็กหนุ่มในคำทำนายกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ…

     

     

     

     

     

    อัพแล้วววว ขอโทษที่ตอนนี้มาช้าหน่อยนะคะ

    กำหนดการณ์กลับมหาวิทยาลัยของเราเลื่อนเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมอีกค่ะ

    ทำให้ตารางที่วางไว้รวนหมดเลย เวลาการอัพอาจจะไม่แน่นอน

    ถ้ายังไงจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×