คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ▴[AU Fic Spideypool] DANGEROUSLY (Wade x Peter)-Part4 🚨NC🚨
คำแนะนำก่อนอ่าน
*คำเตือน มีคำบรรยายถึงกิจกรรมทางเพศ ไม่เหมาะสมสำหรับผู้อ่านที่อายุน้อยกว่า 18 ปีค่ะ*
เพื่ออรรถรสในการอ่าน แนะนำให้เปิดเพลงคลอไปด้วยนะคะ :)
DANGEROUSLY
Manhattan, New York City ; 9:23 AM
นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้ลงมาเดินขวักไขว่ท่ามกลางผู้คนที่วุ่นวายแบบนี้
พาลให้นึกถึงสมัยที่ยังทำงานอยู่ที่เดลี่ บูเกิ้ล
ชีวิตในช่วงนั้นดิ้นรนอยู่กับการหารายได้เพื่อพยุงครอบครัวของตัวเอง
การถูกเจ้านายก่นด่าคงเป็นกิจวัตรประจำวันที่เลี่ยงไม่ได้
ช่วงสายของถนนในแมนฮัตตันแออัดไปด้วยผู้คนเดินเบียดไหล่กันเต็มไหล่ทาง
ชีวิตคนเมืองที่วุ่นวายถ่ายทอดออกมาผ่านกิจวัตรระหว่างก้าวเดิน
บ้างก็หยิบมือถือขึ้นมาคุยงาน
บ้างก็รับประทานอาหารฟาสฟู้ดเพราะเป็นตัวเลือกแรกที่หารับประทานได้ง่ายและประหยัดเวลา
ไม่เว้นแม้แต่พาหนะที่จอดเรียงรายกันเต็มพื้นถนนเนื่องจากการจราจรที่ติดขัด
เสียงแตรดังไล่มาเป็นระยะชวนให้รู้สึกหงุดหงิด
อากาศวันนี้อบอุ่นขึ้นกว่าเมื่อวานนัก
แต่ความเย็นก็ทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะหาเสื้อกันหนาวหนาๆสักตัวมาสวมใส่
ปลายเท้าที่สวมรองเท้าผ้าใบก้าวเดินออกไปตามทางยาว
มือเรียวคลายผ้าพันคอที่เคยใช้มันปิดบังใบหน้าของตนให้หลวมลง
เผยให้เห็นพลาสเตอร์ปิดแผลขนาดไม่ใหญ่มากบริเวณลำคอ
มีบางสิ่งดลใจให้วันนี้ปีเตอร์
ปาร์คเกอร์เลือกที่จะเดินออกจากบ้านด้วยชุดธรรมดาที่กลมกลืนไปกับฝูงชน
ไม่ใช่ชุดสูทราคาแพงหรือแม้แต่ชุดสไปเดอร์แมนที่สวมใส่เมื่อต้องการไปถึงที่หมายในเวลาอันสั้น
เสียงปลายเท้าคู่หนึ่งที่แตะสัมผัสพื้นดังขึ้นราวกับกำลังสดับทุกสิ่งให้หยุดนิ่ง
ร่างโตในชุดสีแดงประดับหนังเดินเข้ามาขวางขณะที่ปีเตอร์กำลังจะก้าวเดินออกไปบนทางม้าลาย
พวกเขาพบกันที่หัวมุมถนนซึ่งมีร้านเบเกอรี่เป็นฉากประดับ
ดวงตาภายใต้หน้ากากหยีเล็กลงพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่โบกทักทาย
แม้ว่าการพบเจอครั้งนี้จะแลกมากับการเสี่ยงด้วยชีวิต
แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ถูกเตรียมการไว้อยู่แล้ว...
“ สวัสดีตอนสายๆนะคุณประธาน ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่เลย
” มันช่างเป็นคำพูดทักทายที่กวนประสาทที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา
“ จำได้ว่าผมกับคุณไม่เคยรู้จักกันนะ ”
ปีเตอร์ถอยหลังออกมาสองสามก้าวโดยอัตโนมัติ
มือข้างหนึ่งที่มีเครื่องมือสื่อสารกดต่อสายถึงใครคนหนึ่ง ณ ตอนนี้เขาไม่มีอุปกรณ์ใดจะใช้ต่อกรกับคนตรงหน้าได้เลยสักอย่าง
ถึงสู้ไปก็ตกเป็นเบี้ยล่างสถานเดียว
เขารู้จักเวด วิลสัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด
...เพียงแต่ชายคนนั้นไม่รู้จักปีเตอร์ ปาร์คเกอร์
“ ขี้ระแวงจังเลยนะ ทำไมถึงถอยหลังไปซะตั้งไกลล่ะ ”
ร่างที่สูงกว่าสับขายาวเข้ามาใกล้เพื่อลดระยะสนทนาลง
ระยะเวลาเพียงสั้นๆที่แขนกำยำนั้นยื่นมาไว้ตรงหน้า
แต่ปีเตอร์ก็ปัดมันออกอย่างแรงทันทีเสียจนผ้าพันคอที่ผูกไว้อยู่หลุดลุ่ยไม่เป็นท่า
อาจเป็นความบังเอิญหรือความผิดพลาดของคนตัวเล็กกว่า
ผ้าพันคอผืนนั้นร่วงลงสู่พื้นคอนกรีตตามแรงโน้มถ่วงของโลก
เผยให้เห็นใบหน้าคมและพลาสเตอร์สีขาวอย่างชัดเจนจนเผลอสะกดคนมองไปชั่วขณะ
เวดคว้าปืนสั้นมาอยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
ปลายกระบอกแตะเข้ากับหว่างคิ้วของชายตรงหน้า
“ เดาถูกแล้วล่ะ
คราวนี้นายเลือกสถานที่ตายได้เปิดเผยดีนะ ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเลือดเย็น
บางสิ่งทำให้ความคิดของเวดสับสน
จังหวะการเหนี่ยวไกจึงอ้อยอิ่งกว่างานปกติที่เคยได้รับนัก ซ้ำร้ายปีเตอร์
ปาร์คเกอร์ที่แม้แววตาจะเกรงกลัวต่อความตาย
แต่ก็เหยียดยิ้มน้อยๆเหมือนกับต้องการเย้ยหยันคนมอง
“ แน่ใจแล้วหรือไงว่านายทำแบบนั้นได้? ”
อาศัยช่วงจังหวะแห่งความงุนงง
ร่างที่เล็กกว่าถูกคว้าไปโดยใครอีกคนอย่างรวดเร็ว
เดดพูลได้แต่มองภาพปีเตอร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของสไปเดอร์แมนด้วยความประหลาดใจ
ใยแมงมุมที่แม้จะดูบอบบางแต่ก็สามารถพาร่างของคนทั้งสองโฉบผ่านยอดตึกไปอย่างง่ายดาย
โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง...
“ ขอบคุณนะโฮบี้ คุณช่วยผมไว้ได้ทันเวลาพอดี ”
ปีเตอร์เอ่ยสนทนา ในหน้านั้นระบายยิ้มพอใจ
เดดพูลยังไม่ทันที่จะเหนี่ยวไกปืนเลยด้วยซ้ำ ได้แต่หวังว่าเขาจะเชื่อการแสดงต้นทุนต่ำนี้ต่อไปอีกซักระยะ
Manhattan, New York City ; 7:49 PM
วันนั้นทั้งวันโฮบี้
บราวน์อาสาอารักขาปีเตอร์ในสถานะสไปเดอร์แมนตัวปลอมจนถึงเย็น
เขาส่งประธานบริษัทคนนั้นถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
ร่างสูงก้าวไปตามท้องถนนในยามค่ำคืนอย่างใจเย็น
หยิบสมาร์ทโฟนคู่ใจขึ้นมาเลื่อนดูความเคลื่อนไหวของข่าวสารประจำวัน
นานๆได้รับงานแบบนี้ทีมันก็น่าสนุกอยู่เหมือนกัน...
“ ไฮ~สไปดี้
ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน! ”
แต่แล้วเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นมาจากด้านหน้า
ผู้ชายตัวโตโบกมือทักทายด้วยท่าทีสะดีดสะดิ้งผิดกับอายุ
ก่อนปลายเท้าทั้งคู่จะรีบพุ่งเข้ามาทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไว้กับเขา
ผู้ชายที่กำลังโดนอุ้มอยู่ในท่าเจ้าสาวคนนี้คือเวด
วิลสัน โฮบี้เคยเจอกันหลายครั้งขณะที่เขาปลอมตัวเป็นสไปเดอร์แมน
พวกเขารู้จักกันแต่ก็ไม่ได้สนิทถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัวเช่นตอนนี้
นึกแปลกใจว่าสไปเดอร์แมนตัวจริงไปสนิทสนมกับคนสติไม่เต็มเต็งคนนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“ ตัวนายโคตรหนักเลยเพื่อน ช่วยรีบๆออกไปทีได้ไหม ”
“ โหดร้ายชะมัด นั่นคือคำทักทายของนายหรือไง
เรากลายเป็นอะไรกันไปแล้ว ” คนในชุดแดงตีหน้าเศร้า
ขณะที่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากร่างของคนตัวเล็กกว่า
สไปดี้ดูสุขุมกว่าทุกครั้ง นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกได้
“ อย่าเมินกันแบบนี้สิ
ไปทำเรื่องสนุกๆกันดีกว่านะที่รัก ”
ในเมื่อไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน
เดดพูลไม่ลังเลที่จะรีบประกาศจุดประสงค์ส่วนตัว
ระยะหลังมานี้อีกฝ่ายไม่ค่อยปรากฏตัวให้เขาเห็นราวกับกำลังต้องการซ่อนบางอย่าง
ปล่อยให้ต้องใช้ยูนิคอร์นประทังชีวิตไปตั้งพักใหญ่
“ ไม่เอาล่ะ วันนี้ฉันจะรีบกลับ ”
และโฮบี้คิดเช่นนั้นจริงๆ ลูกเมียเขากำลังรออยู่ที่บ้าน
“ นายมันคนเย็นชา!
ลืมความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับฉันไปได้ยังไง! ”
“ วันนี้ฉันไม่ค่อยสะดวก ไว้วันหลังดีกว่า ”
เดดพูลกำลังพล่ามอะไรของเขา ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
“ นะนะนะ ฉันแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว นายไปกับฉันเถอะ ”
“ นายเมาใช่ไหม แล้วก็อย่าเอาหน้ามาใกล้ฉัน! ”
“ สไปดี้... ”
โฮบี้ได้แต่มองภาพนั้นด้วยสีหน้าหนักใจ
จะว่าเมาก็ไม่ใช่เพราะเดดพูลไม่ได้มีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดอยู่ด้วยซ้ำ
ใครจะไปคาดเดาอารมณ์ขึ้นๆลงๆของผู้ชายคนนี้ได้
เขาทำได้เพียงถอนหายใจราวกับช่างหัวแพลนที่วางไว้ล่วงหน้าทุกอย่างแล้ว
“ โอเค นายต้องการอะไรว่ามาเวด ” ประโยคนั้นทำให้สีหน้าหมาหงอยของเวดเปลี่ยนมาเป็นยิ้มแป้นอีกครั้ง
ร่างโตเด้งตัวออกจากอ้อมแขนของสไปดี้
ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายมาโอบไหล่ด้วยความสนิทสนมแทน
“ ไปทำเรื่องปกติที่เราเคยทำกันเถอะ! ”
แสงไฟมืดสลัวเคล้าไปกับเพลงจังหวะสนุกสนานที่ถูกเร่งเสียงให้ดังไปทั่วอาณาบริเวณ
ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ส่วนตัว มีผู้คนเดินสวนไปมาไม่ขาดสาย
บริกรชายคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้า ก่อนวางเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ลงบนโต๊ะ
“ ล้อเล่นหรือเปล่า!? นายพาฉันมาที่นี่เนี่ยนะ?
”
เวดแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ราวกับโดนคำปฏิเสธกระแทกหน้าอย่างจัง
ทำไมสถานที่ที่ควรจะเป็นห้องนอนของเขาดังคราวก่อนถึงกลายเป็นร้านขายแอลกอฮอล์ชื่อดังกลางเมืองไปได้
“ ทำไมล่ะ
นายกับฉันก็มาที่นี่ทุกทีที่เจอกันไม่ใช่หรือไง ” โฮบี้มองภาพคนข้างตัวที่กรอกเครื่องดื่มลงคอพร้อมใบหน้าน้อยใจอย่างไม่เข้าใจ
“ ฉันเลี้ยงเพราะเห็นนายสภาพจิตใจไม่ค่อยปกติหรอกนะ ”
ไม่สไปดี้...
นายไม่เข้าใจความทุกข์ของชายโสดขี้เหงาที่อยู่ตรงนี้บ้างเลย
ทำอย่างกับว่าลืมเรื่องราวทีเคยเกิดขึ้นในคืนนั้นไปหมดแล้ว
ทั้งที่เขาแทบจะลงแดงตายที่ไม่ได้เจอขนาดนี้เนี่ยนะ
“ ไม่ดื่มหน่อยหรือไง ”
มือหนาของเวดยื่นเครื่องดื่มของตนไปไว้ตรงหน้าคู่สนทนา
แต่คำตอบที่ได้กลับมามีเพียงการโบกมือปฏิเสธ
“ ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ฉันมีธุระแต่เช้า ”
ปีเตอร์เคยบอกกับเขาว่าให้เก็บเรื่องตัวตนของสไปเดอร์แมนเป็นความลับ
แม้เขาจะไม่รู้ว่าสไปเดอร์แมนตัวจริงคือใคร
แต่เรื่องความเป็นส่วนตัวไม่ว่าใครก็ต้องการทั้งนั้น
หากเปิดหน้ากากดื่มตอนนี้เวดก็ได้เห็นพอดีว่าสไปเดอร์แมนเป็นผู้ชายหนวดเฟิ้ม
อีกอย่าง...พรุ่งนี้ลูกสาวของเขาก็ต้องไปทัศนศึกษาแต่เช้าด้วย
“ ทำไมนายถึงเอาแต่รับงานฆ่าปีเตอร์บ่อยนัก ” ได้โอกาสถามสิ่งที่กำลังสงสัย
โฮบี้เอ่ยขึ้นขณะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูแจ้งเตือนแอพลิเคชันชื่อดัง
ส่งให้เวดที่กำลังจะกระดกเครื่องดื่มชะงักมือไปเพียงเท่านั้น
ตั้งแต่เข้ามาบริหารบริษัท
หลายต่อหลายครั้งที่ปีเตอร์ต้องเสี่ยงตายเพราะผู้ชายคนนี้
“ ถึงนายจะทำแบบนั้นอีกกี่ครั้ง
ฉันก็จะปกป้องเขาเหมือนเดิมอยู่ดี ”
“ ดูนายเป็นห่วงเป็นใยหมอนั่นจังเลยนะ ”
“ นายอาจจะไม่รู้
แต่ฉันอยู่กับเขามานานพอที่จะพูดได้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนเลว ”
โฮบี้ตอบตามความเป็นจริง แม้จะไม่ได้สนิทกันมากมายขนาดนั้น
แต่ปีเตอร์ก็เป็นเจ้านายที่สไปเดอร์แมนให้ความชื่นชม
เวดเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
มันอาจจะผิดที่เขาตีความเองว่าชายคนนั้นต้องมีเบื้องหลังบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
คนดีที่ไหนจะมีคนต้องการให้ตายอยู่ตลอดเวลากันล่ะ
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจ
ค่าตอบแทนอันมากมายต่างหากคือสิ่งที่เดดพูลจะวิ่งเข้าหา
แม้จะดูเป็นทหารรับจ้างที่ไร้คุณธรรมไปหน่อย
แต่ระยะหลังเขาเลือกภารกิจที่จะทำมากเสียจนกลายเป็นคนเรื่องมาก
ก็ค่อนข้างเจาะจงสถานที่ปฏิบัติงานพอสมควรว่าให้เป็นในเขตแมนฮัตตันเท่านั้น
ว่าแต่ชวนคุยอะไรในหัวข้อที่ซีเรียสซะจริง...ราวกับสไปดี้คนเดิมไม่ได้อยู่ตรงนี้
ก็เป็นไปได้อยู่ว่าอาจจะโมโหเรื่องที่เขาไปวุ่นวายกับเจ้านายตัวเอง
แต่ทั้งนี้งานของเขาก็ล่มไม่เป็นท่าเหมือนกัน
อะไรก็ไม่รู้...แต่มันชวนให้เวดรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างน่าประหลาด
“ ที่จริงฉันตั้งใจรับงานแถวนี้เพราะอยากเจอหน้านายบ่อยๆต่างหากล่ะเว็บ
”
“ พูดอะไรน่าขนลุกน่า ”
โฮบี้แกะมือของเดดพูลที่เริ่มเข้ามากอดแขนของเขาออก
ผู้ชายคนนี้น่าจะเมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้ว
“ ฉันพูดจริงนะ~ เมื่อไรนายจะยอมกลับไปกับฉันซักที
”
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรซักเท่าไรนัก
เวดอาศัยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าคว้าคนตรงหน้ามาอยู่ในอ้อมแขน
ใบหน้าที่แม้จะยังสวมหน้ากากเดดพูลอยู่คลอเคลียไปตามไหล่ลาดของอีกฝ่าย
“ นายกล้ามใหญ่ขึ้นหรือเปล่าน่ะที่รัก? ”
และโฮบี้รู้สึกว่ามันเริ่มจะมากเกินความจำเป็น
มือใหญ่ไล้มาตามลำตัวของเขาราวกับกำลังประกาศจุดประสงค์บางอย่าง
จนกระทั่งเมื่อสัมผัสหยาบโลนเคลื่อนเข้าไปใกล้กับต้นขา
ความอดทนที่มีมันก็พลันขาดผึงไป
โลกทั้งใบของเวด
วิลสันสั่นสะเทือนเพราะแรงกระแทกจากหมัดหนักๆบริเวณข้างแก้ม
รู้สึกตัวอีกทีใบหน้าก็แนบอยู่กับเก้าอี้บุฟองน้ำของร้าน
และร่างของสไปดี้ที่โมโหฟึดฟัดจนเดินออกไปนอกร้านเสียแล้ว
“ อะไรกัน แค่แกล้งแหย่ไปนิดเดียวเอง ”
ร่างโตพยุงร่างของตนขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปาดของเหลวรสชาติเค็มปร่าบริเวณมุมปากออกอย่างลวกๆ
ทั้งอย่างนั้นก็ยังคงฉีกยิ้มกว้างราวกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่
“ แย่จัง วันนี้อดทำเรื่องสนุกๆเลย ”
อย่างน้อยเขาก็ได้รู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่สไปเดอร์แมนล่ะนะ...
“ หมายถึงไม่ใช่สไปเดอร์แมนคนที่คุ้นเคยกันดีน่ะ
:) ”
วันนี้สไปดี้ที่รักของเขามีภารกิจคุ้มกันนักโทษเพื่อไปส่งยังที่คุมขังอย่างปลอดภัย
ส่วนผู้จ้างวานก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นชิลด์เจ้าเก่าที่มักจะเรียกขอความช่วยเหลือจากชายคนนั้นอยู่เสมอ
แหงล่ะ...คนจิตใจงามแบบนั้นจะไปกล้าปฏิเสธเพื่อนร่วมงานกันมาช้านานไปได้อย่างไร
ส่วนเรื่องที่ว่าเดดพูลรู้เรื่องทั้งหมดได้อย่างไรนั้น
เป็นเพราะเจ้าตัวถนัดเรื่องสืบเรื่องของชาวบ้านเป็นปกติสุข
บวกกับเหตุผลว่าวันนี้ไม่มีงานจ้างใดๆเข้ามา
แม้สไปดี้จะออกปากขอว่าไม่ให้ยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่าย
แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะตามติดชีวิตคนอื่นแบบที่กำลังทำอยู่ ณ ปัจจุบัน
กว่าจะแน่ใจว่าไม่มีนักโทษหลบหนีออกมาระหว่างทาง
ชายหนุ่มคนนั้นต้องวนเวียนไปกลับสถานที่เดิมๆอยู่หลายครั้ง
จนเมื่อทุกอย่างลงตัวเวลาก็ย่างเข้าช่วงพลบค่ำเสียแล้ว
เขายกน้ำเปล่าขึ้นดื่มเพื่อคลายความเหนื่อยล้า ก่อนโบกมือลาสาวสวยผมทองแห่งชิลด์คนนั้นและแยกย้ายกันออกไป
บรรยากาศกำลังดี
ช่วงเวลาก็พอเหมาะ
แต่อาจจะผิดแผนไปหน่อยที่ดันอยากดื่มอะไรบางอย่างระหว่างรอใครอีกคน
สติที่มีมันจึงพลอยลดน้อยลงไปด้วย
เดดพูลโบกมือทักทายสไปเดอร์แมนที่กำลังโรยตัวลงมาจากตึกสูงอย่างเริงร่า
เขายืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกอีกฟากพร้อมกระป๋องแอลกอฮอล์จำนวนหนึ่ง
ปลายเท้าทั้งคู่เหยียบอยู่ระหว่างพื้นกับอากาศ และหวิดจะตกลงไปข้างล่างอยู่ร่อมร่อ
“ ทำบ้าอะไรของนายเนี่ยเวด
ฉันไม่อยากให้คนข้างล่างเห็นภาพอุจาดตาหรอกนะ! ”
ใยแมงมุมเส้นหนึ่งดึงร่างโตกลับมายังพื้นที่ปลอดภัยได้ทันเวลาก่อนเขาจะตกลงไปจริงๆ
เดดพูลมีท่าทีมึนงงเล็กน้อย
ได้แต่มองภาพคนร่างเพรียวที่กำลังสาวเท้าตรงมาทางเขาด้วยใบหน้ายินดี
อย่างน้อยสไปเดอร์แมนคนเมื่อวันก่อนก็ไม่กล้าใช้คำพูดแบบนี้กับเขาแน่นอน...
“ สไปดี้~ ฉันคิดถึงนายจะแย่
ไปหาอะไรทำแก้เบื่อกันเถอะนะ! ” ไม่รีรอที่จะพุ่งน้ำหนักทั้งร่างไปยังคนตัวเล็กกว่าจนร่างนั้นล้มลงไปนั่งกับพื้น
“ เฮ้ นายเมาขนาดไหนกันเนี่ย
ลุกออกจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ! ”
มือเรียวพยายามดันร่างที่ใหญ่โตกว่าออก
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น วงแขนกว้างโอบรัดร่างของเขาแน่นกว่าเดิม
ทั้งใบหน้าที่แม้จะยังสวมหน้ากากอยู่นั่นก็เริ่มมาฝังจมูกตามลำคออย่างรักใคร่
“ ฉันอยากไปบ้านนาย พาฉันไปบ้านนายบ้างสิ ”
เวดใช้เสียงออดอ้อน แต่ท่าทางนั้นมันช่างดูน่าขนลุกเหลือเกินสำหรับคนฟัง
อีกหนึ่งสิ่งที่สัมผัสได้คือลำตัวเพรียวบางและกลิ่นกายอันคุ้นเคย...เป็นสิ่งยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นคนละคนกันอย่างแน่นอน
“ ไม่เอาอะ ฉันไม่อยากดูแลคนเมา ”
ปีเตอร์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ขืนพาไปจริงๆความลับก็ได้แตกหมดพอดี
“ ใจร้าย จริงๆนายแค่ไม่อยากให้ฉันไปที่นั่นใช่ไหมล่ะ!
”
คนตัวใหญ่พูดจาตัดพ้อก่อนนิ่วใบหน้าแสดงความน้อยใจ
สไปเดอร์แมนทำได้เพียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
อยากจะตอบว่าใช่แต่มันจะดูไม่รักษาน้ำใจกันเกินไปหน่อย
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร
แต่มันจะเป็นที่นั่นไม่ได้และวันนี้เขาก็เหนื่อยจากงานมาทั้งวันแล้ว
“ เกาะดีๆ ฉันจะพานายไปส่งที่บ้านแล้วกัน ”
ในเมื่อไม่ยอมปล่อยมือออกจากร่างของเขาง่ายๆ ปีเตอร์จึงเปลี่ยนวิธีคุยกับเวด
วิลสันใหม่ วันนี้จะยอมใจดีพาคนเมาไปส่งที่บ้านเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน...
น่าแปลกที่เด็กโตแต่ตัวคนนั้นยอมฟังอย่างว่าง่าย
กลิ่นแอลกอฮอล์ที่มาจากอีกฝ่ายทำให้ปีเตอร์มึนหัวเล็กน้อย
แต่เขาก็สามารถพาเดดพูลมาส่งถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
แขนกำยำของอีกฝ่ายชี้ตรงไปยังทางเข้าพิเศษของบ้านขณะลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ
ส่งให้คิ้วเรียวเลิกชึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
“ ตรงไปทางนั้นเลย เกิดอะไรขึ้นฉันรับผิดชอบเอง ”
“ นั่นมันหน้าต่างบ้านนายนะ ”
มันคงไม่มีปัญหาอะไรมากหากหน้าต่างบานนั้นไม่ได้กำลังปิดสนิทอยู่
รู้ว่าเมาแต่ช่วยมีสติให้มากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง
“ ตรงไปเล้ย! ”
แต่อะไรก็ห้ามความคิดนั้นไม่ได้
เมื่ออยู่ๆร่างใหญ่กว่าที่อยู่ด้านหลังก็ออกแรงผลักปีเตอร์เต็มแรงแขนเสียจนไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัว
“ เฮ้ย!! ”
เพล้ง!!
และหน้าต่างบานนั้นก็กลายเป็นเพียงอดีตไปอย่างสวยงาม
สองร่างที่กอดรัดกันไว้แน่นตกลงสู่เตียงที่อยู่ในห้องอย่างพอดิบพอดี
เศษกระจกแตกกระจายเต็มพื้นห้อง บาดผ้าสเปนเด็กซ์บางส่วนให้ขาดเป็นริ้ว
แต่ก็ไม่ได้มีรอยขีดข่วนใดๆบนผิวหนัง ก่อนเสียงเจ้าของบ้านจะพูดชมตัวเองอย่างภาคภูมิใจว่า
‘ฉันคำนวณไว้แล้วยังไงล่ะ’
ดีแค่ไหนที่ไม่ได้บาดแผลมาเพิ่มอีก…
แต่แล้วปีเตอร์ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อหลังจากร่างของเขาแลนดิ้งลงบนเตียงไม่นานก็ถูกพลิกตัวลงไปอยู่ด้านล่าง
มือหนาทั้งสองข้างล็อคสะโพกของเขาเอาไว้แน่น
“อา… สไปดี้ ฉันเมามาก เรามาทำกันตอนนี้เลยเถอะ” เวดครางต่ำในลำคออย่างพอใจ
เขาเคลื่อนร่างกายที่แม้ในเวลานี้จะยังสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นไปมาเป็นจังหวะเร็วๆ
ส่งให้แกนกลางร่างกายของทั้งคู่เสียดสีกันโดยตรง
“อ๊า! ไม่เอาน่าเจ้าบ้า เหม็นเหล้าจะตายอยู่แล้ว!”
ปีเตอร์เผลอหลุดเสียงครางออกมาดังอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาพยายามดิ้นต่อต้าน
แต่ดูเหมือนความร้อนที่สัมผัสโดนกันในตอนนี้จะทำให้สงบใจลงไปไม่ได้เสียแล้ว
ตัดสินใจพลิกร่างคนตัวโตกว่ามาไว้ข้างล่าง
ก่อนพยายามคลานออกไปทั้งอย่างนั้น
มือปลาหมึกของใครอีกคนก็คว้าเข้าที่เอวและต้นขาของเขาเอาไว้ได้ทันเวลา
เกิดการยื้อร่างไปมาแบบนั้นพักหนึ่งจนทำให้คนโดนจำกัดอิสรภาพเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
“อา…!”
เวดรู้จุดอ่อนของปีเตอร์ดี
จึงได้ตั้งใจสอดนิ้วมือเข้าไปในช่องทางด้านหลังแม้จะมีผ้าสเปนเด็กซ์กั้นอยู่
ไม่ปล่อยให้มืออีกข้างว่างโดยจัดการกุมส่วนอ่อนไหวเอาไว้จนคนร่างเล็กกว่าเทน้ำหนักตัวลงบนแผ่นอกกว้างของเขาอย่างหมดสภาพ
ได้ยินเสียงครางอู้อี้อยู่ข้างหูเมื่อใบหน้าของสไปดี้กำลังซบลงกับบ่ากว้าง
“คืนนี้นายน่ารักชะมัด” เขาฝังจมูกไปตามลำคอของอีกฝ่าย
ในขณะที่มือเปลี่ยนตำแหน่งมาเริ่มถอดเอาเครื่องแต่งกายออกทีละชิ้น
“ปล่อยเถอะน่า ฉันจะกลับแล้ว”
ปีเตอร์รีบยกมือขึ้นมาดันคางของอีกฝ่ายให้ออกห่าง
ด้วยงานวันนี้ทำให้เขาค่อนข้างเหนื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะมาต่อต้านผู้ชายตัวใหญ่ตรงนี้ได้เลยสักนิด
“ใครอนุญาตกันล่ะที่รัก? ”
ดวงตาภายใต้หน้ากากเบิกโพลง
ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายตัวโตคนนั้นจะเปลื้องผ้าของเขาออกทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น
อีกทั้งยังกำลังแกะเข็มขัดออกจากเอวของตัวเองออกอยู่ด้วย เจ้าของใบหน้าที่สวมหน้ากากถึงสันจมูกบรรจงมอบจูบลงไปบริเวณต้นขาขาวอย่างเนิบนาบ
หมอนี่มันแกล้งเมา
เห็นชัดๆ ว่าสติยังอยู่ครบทุกอย่าง ไปอดอยากเรื่องแบบนี้มาจากไหนนักหนา
“เฮ้ๆๆ นายจะทำทั้งแบบนั้นไม่ได้นะ!”
เขาพยายามเอามือดันแผ่นอกว้างนั้นออกไป เดดพูลคว้าเอาบางสิ่งที่กำลังตื่นตัวใต้ร่มผ้าของตัวเองออกมา
ก่อนเอามันไปเสียดสีเข้ากับสิ่งที่กำลังตั้งชันของคนตัวเล็กกว่าโดยตรงจนอีกฝ่ายไม่อาจกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้
มันไม่ได้มีการเตรียมพร้อมใดๆ ก่อนทั้งสิ้น
“ไม่ล่ะ ฉันทนรอขนาดนั้นไม่ไหวแน่ๆ ” เวดเลียริมฝีปากด้วยความหื่นกระหาย
มือหนาทั้งสองข้างล็อคสะโพกกลมเอาไว้แน่นจนไม่อาจขัดขืน
เขาทุ่มแรงทั้งหมดใส่ความใหญ่โตนั้นเข้าไปในคราวเดียวจนสไปดี้ต้องขยำผ้าปูที่นอนแน่นด้วยความเจ็บปวด
“ว..เวด นายมัน..!” ปีเตอร์ทั้งหงุดหงิดและจุกไปทั้งร่าง
เขาเจ็บช่องทางด้านหลังไปหมดราวกับมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้จังหวะของคนตรงหน้าจะไม่ได้เร็วนัก
แต่สิ่งนั้นที่กำลังเสียดสีกันมันแห้งเหือดเกินไปจนน้ำตาไหลพรากออกมาอย่างไม่อาจกลั้น
“อา… อ๊ะ เจ้าโรคจิต”
เวดจูบพรมไปทั่วแผ่นอกของคนตัวเล็กกว่าราวกับกำลังปลอบโยน
เขาไม่ได้รีบร้อนเพิ่มจังหวะจนทำให้คนตรงหน้ารู้สึกทรมาน กลับกันปีเตอร์ปฏิเสธไม่ได้ว่าความอ่อนโยนนั้นกำลังทำให้รู้สึกดี
“อีกไม่นานลูกๆ ของเจ้าโรคจิตก็จะเข้าไปอยู่ในตัวนายแล้วนะ”
เพราะคำพูดนั้นจึงส่งให้ฝ่ามือของปีเตอร์ผลักใบหน้ายิ้มแป้นแล้นนั้นออกไปด้านข้างอย่างไม่เบานัก
“อ…เอาออกไปเลยนะ!” เวดระบายยิ้มพอใจ ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ คนๆ
นี้ก็ไม่เคยทำให้ความต้องการของเขาลดลงเลยแม้แต่นิด
มือหนาเปิดหน้ากากของคนตัวเล็กกว่าออกครึ่งหนึ่งก่อนประกบริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบา
“นายชอบขออะไรที่มันเป็นไปไม่ได้นี่นะ” เขาเริ่มเพิ่มจังหวะมากขึ้นเรื่อยๆ
จนคนที่อยู่ใต้ร่างครางไม่ได้ศัพท์
“อา…สไปดี้ วันนี้นายนี่มันโคตรเซ็กซี่ไปเลยว่ะ”
ริมฝีปากหวานฉ่ำนั้นกำลังส่งเสียงน่าฟังเพราะเขา
ตุ่มไตสีชมพูบนแผ่นอกกำลังตั้งชันจนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปลิ้มลอง
และฟันขาวที่กำลังกัดไปที่ริมฝีปากล่างเพราะความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ภายใน
…ขนาดตอนสวมหน้ากากยังยั่วให้ขึ้นได้ขนาดนี้
“ฉันล่ะอยากเห็นใบหน้าลามกของนายจริงๆ ”
เจ้าของร่างกำยำมอบสัมผัสหวาบหวามไปทั่วแผ่นอกและลำคอ
เขาเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นกว่าเดิมจนคนตรงหน้าเริ่มบิดลำตัวไปมา
รอยแผลเป็นที่ทำไว้คราวก่อนยังไม่หายดี มันเปลี่ยนเป็นสะเก็ดแผลสีเข้ม
อีกทั้งยังเหลือพื้นที่ว่างบนผิวขาวอีกมากมายให้จับจอง
เวดเคลื่อนริมฝีปากไปยังลำคอด้านซ้ายของปีเตอร์
ก่อนฝังเขี้ยวระบายความอัดอั้นที่มีทั้งหมดไปพร้อมกับความอุ่นวาบที่ฉาบไปทั้งช่องทางด้านล่าง
“อ๊า…!!” ไม่รู้ว่าเสียงที่เปล่งออกมานั้นจะเป็นความเจ็บปวดหรือความสุขสม
ร่างกายของคนตัวเล็กกว่ากระตุกเกร็งเป็นจังหวะพร้อมกับของเหลวสีขาวขุ่นที่พุ่งตรงเข้าสู่หน้าท้องของตัวเขาเองอยู่หลายครั้ง
เวดได้มอบความเจ็บปวดที่หอมหวานราวกับสัตว์ร้ายที่ค่อยๆ
กัดกินเหยื่อ บาดแผลนั้นยังคงมีของเหลวสีแดงฉานไหลซึมออกมาตามร่องรอยของชุดฟันที่ฝังลงไป
กับดักบางอย่างได้ถูกวางลงไปแล้ว
และค่ำคืนแห่งความสุขสมนี้มันยังดำเนินไปอีกยาวไกลนัก
อิเวดหื่นกามเหลือเกินค่ะสำหรับตอนนี้55555
ความสัมพันธ์ระหว่างปีเตอร์กับเวดเป็นความสัมพันธ์ที่อันตรายสำหรับไรเตอร์
ตามชื่อเรื่องที่ตั้งตามชื่อเพลงเลยค่ะ คือฟังแล้วพล็อตเข้าหัวเป็นฉากๆเลย;-;
สนุกไม่สนุกยังไงคอมเม้นท์บอกไรเตอร์หน่อยน้า <3
ความคิดเห็น