NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ▴ PLUTONIUM • Short Fanfiction ▾

    ลำดับตอนที่ #2 : ▴[AU Fic Sherlock BBC] My Madonna (Sherlock x John) -[One shot]

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 65









    MY MADONNA


















    “ คุณก็มีหมอฝีมือดีขนาดนี้แล้ว ในแฟลตแคบๆนี่คุณยังจะเอาอะไรมาเพิ่มอีก ”

     

    เป็นประโยคที่ผมเอ่ยสนทนากับเชอร์ล็อคที่นอนบนโซฟา วันนี้อากาศหนาว และที่แขนข้างซ้ายของผมมีโค้ทสีดำตัวโปรดพาดไว้อยู่

     

                หัวข้อสนทนาเริ่มต้นจากผู้ชายตัวสูงที่นอนพาดยาวบนโซฟาด้วยท่าประสานมือ มีสีหน้าเครียดหนักกว่าปกติ ในขณะที่ผมวุ่นวายอยู่กับการแต่งตัวอย่างไรให้ดูดีที่สุด เขาก็เอ่ยประโยค ‘แค่หมอที่มาช่วยสืบคดีอย่างคุณยังไม่พอ ผมต้องการมากกว่านั้น’ ขึ้นมาให้ชวนฉงน

     

    “ เปล่าจอห์น ผมไม่ได้พูดซักคำว่าอยากรับคนมาเพิ่ม ”

     

    “ ที่ผมจะเอา คือคุณหมอฝีมือดีคนนั้นต่างหาก ” ดวงตาสีฟ้าหม่นจ้องมองมาที่ผมพร้อมใบหน้านิ่งสนิท ก่อนจะยกมือที่เคยประสานกันบนอกลง

     

    “ หืม… เดี๋ยว ” ผมขมวดคิ้วและมองกลับไปยังคนหัวหยิกอย่างไม่เข้าใจ นิสัยเลียริมฝีปากเวลากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกมันกำลังแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

    “ ไม่ต้องเดาคุณก็รู้นะว่าผมไม่ขำ ”

     

    “ ก็คงงั้น ” เขาตอบกลับมาแค่นั้น แล้วก็กลับเข้าสู่ภวังค์ของตัวเองอีกครั้ง ผมถอนหายใจก่อนเดินไปหยิบเอาแก้วมัครูปงูพันดาบคู่ใจขึ้นมาดื่ม เมื่อครู่ผมเพิ่งไปชงกาแฟมาก่อนเข้ามาสนทนากับบทพูดพิลึกพิลั่นนี่

     

    อาห์’

     

    เสียงข้อความที่คุ้นเคยดังขึ้นมาได้อย่างถูกจังหวะ เราสองคนสะดุ้งขึ้นพร้อมกันเพราะเสียงผู้หญิงครางชวนสยิวนั่น ก่อนที่เชอร์ล็อคจะคว้ามือถือของตัวเองมาเปิดดู

     

    ผมยังจำได้ดีถึงบทสนทนาของผู้หญิงคนนั้นกับผม ไม่แน่ใจว่าเธอกำลังสนใจเชอร์ล็อค หรือมีเป้าหมายอะไรหรือเปล่า ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ต้องเกี่ยวข้อง

     

    “ ผมกับเขาไม่ใช่คู่รักกันนะ ” วันนั้น วันที่ผมคิดว่าไอรีน แอดเลอร์โดนยิงเสียชีวิตที่บ้านพักของเธอแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับอยู่ตรงหน้าและพูดประโยคยั่วโมโหให้ผมต้องพลั้งปากออกไปในทันที

     

    ทำไมไม่ว่าใครๆมักสรุปความสัมพันธ์ของเชอร์ล็อคและผมแบบนั้น …คุณรู้จักคำจำกัดความคำว่า ‘เพื่อนร่วมงาน’ กันหรือเปล่า

     

    วินาทีนั้น ไอรีน แอดเลอร์ไม่ได้สนใจประโยคนั้นของผมนัก เธอดูตั้งใจพิมพ์ข้อความในมือถือ ซึ่งพอจะเดาได้ไม่ยากว่าปลายทางคือใคร ก่อนเจ้าของเสียงผู้มากด้วยเสน่ห์คนนั้นจะเอ่ยขึ้น

     

    “ ใช่ พวกคุณนั่นแหละ ”

     

     

    “ โอเค คิดว่าผมกับคุณเคยพูดเรื่องนี้กันมาก่อนแล้ว ” กลับมาที่ปัจจุบัน ผมกำลังสนทนากับนักสืบเอกชนคนนี้ไม่จบ และผู้ชายผมหยิกคนนี้ก็ชอบเพศตรงข้าม ผมอยู่กับเขานานพอที่จะรู้รสนิยมของเขาได้

     

    “ คราวหน้าอย่าพูดอะไรแบบนี้ทั้งๆที่ยังสนใจข้อความนั่นอยู่ก็แล้วกัน ” ผมยกโค้ทขึ้นมาใส่ วันนี้เป็นวันคริสต์มาส ไม่แปลกนักที่แม่ยอดรักจะส่งข้อความมาหาเชอร์ล็อคเช่นทุกปี

     

    “ ก็เคยบอกแล้วว่าผมแทบไม่เคยตอบข้อความเธอเลยด้วยซ้ำ ”

     

    ผมหยุดมองตัวปัญหาเพียงชั่วครู่ ยักไหล่ให้เขาครั้งหนึ่ง ก่อนเดินไปเปิดประตู

     

    “ วันนี้ผมมีธุระต้องทำต่อ เรื่องคดีคุณก็พยายามสืบไปก่อนแล้วกันนะ ” พาร่างออกมาทั้งแบบนั้น ทุกทีที่มีเรื่องต้องทำ ผมมักจะทิ้งเขาสืบคดีอยู่คนเดียว ซึ่งมันก็ไม่จริงไปซะทั้งหมดหรอก เชอร์ล็อคอาจจะตีความหมายประโยคนั้นได้ว่า ‘มีอะไรให้ช่วยก็ส่งข้อความมา’ ก็ได้

     

     

     

     

     

     

     

    วันนี้ผมมีเดทกับผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาทำงานที่คลินิก เธอเป็นพยาบาลสาวสวยที่คุยถูกคอ เราคุยกันผ่านข้อความมาพักหนึ่ง จนกระทั่งวันนี้ตัดสินใจได้ว่าจะมาดินเนอร์ด้วยกัน

     

    และทั้งที่วันนี้เป็นวันเดท แต่ในหัวของผมกลับมีแต่เรื่องที่เชอร์ล็อคเคยพูดอยู่เต็มไปหมด ที่จริงผมไม่ควรไปคิดอะไรกับคำพูดของคนบ้าๆบอๆนี่เลย ผมได้แต่เม้มปากเข้าหากันอย่างขัดใจ คู่เดทของผมดูเหมือนจะมาช้ากว่าเวลานัดไปนิดหน่อย

     

     

     “ ถ้างั้น คุณก็ไม่มีแฟนผู้หญิง ” บทสนทนายาวๆที่เราได้คุยกันครั้งแรก คงเป็นที่ร้านอาหารของอดีตลูกจ้างของเขา เชอร์ล็อคถอดโค้ทตัวนอกของตัวเองวางลงกับเบาะ ผมได้แต่นั่งมองเทียนหอมที่เจ้าของร้านตั้งใจเอามาวางบนโต๊ะให้ โดยเน้นว่าเพื่อความ ‘โรแมนติก’ ด้วยใบหน้าหมดคำพูด

     

    “ ใช่ ”

     

    “ งั้นคุณก็มีแฟนเป็นผู้ชาย เอ่อ ผมหมายถึงคุณชอบผู้ชายหรอ เดี๋ยวนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนะ ” บทสนทนานี้ไม่ควรเกิดขึ้นขณะตามตัวฆาตกรต่อเนื่อง ผมแค่สงสัยว่าทำไมเจ้าของร้านคนที่เชอร์ล็อคทำให้เขาเข้าตารางคนนั้นจึงได้ยัดเยียดให้ผมเป็นคู่เดทนักสืบคนนี้นัก และคำถามนี้คือสิ่งที่แพทย์สนามคนนึงจะสรุปได้

     

    “ โอเค ” ผมพยักหน้ายอมแพ้ก่อนหลบสายตาคนตรงหน้าที่จ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้มาที่อาหารตรงหน้าแทน เป็นความจริงว่าผมหิวมาก แต่ในขณะเดียวกันเราก็กำลังตามจับฆาตกรอยู่

     

    “ ถ้างั้นคุณกับผม เราก็โสด ไม่มีแฟนเหมือนกัน ” ผมเอ่ยขึ้นขณะกินอาหารในจานต่อไป ครั้นพอเงยหน้ามามองสีหน้าที่เหมือนชะงักค้างของเชอร์ล็อคที่ก่อนหน้านี้ดูลุกลี้ลุกลนพิกล ผมก็เข้าใจได้ในทันทีว่าตัวเองพูดประโยคนั้นออกมาผิดเวลาเสียแล้ว

     

    อย่าได้เชื่อมโยงประโยคเมื่อกี๊กับคำพูดแรกนะ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น

     

    “ เอ่อ คือ ที่ผมพยายามจะบอกคุณคือ ผมโสด ใช่ แต่ผมแต่งงานกับงานและคดีหมดแล้ว คุณก็รู้ ”

     

    “ พอก่อน หยุด ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ” ผมยกมือขึ้นปรามท่าทางอึกอักราวกับโดนสารภาพรักของนักสืบเอกชนคนนั้น สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เขาดันเอาประโยคทั้งหมดไปเชื่อมโยงกันเสียได้ ผมไม่รู้จะแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปดี

     

     

    “ จอห์น คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ” เสียงของคนที่มาใหม่เป็นตัวดึงให้ผมกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ผู้หญิงวัยย่างสามสิบในชุดเดรสสีสวยยกมือขึ้นมาไว้ในระดับสายตา ดูเหมือนเธอจะพยายามเรียกผมอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งผมเพิ่งตอบรับ

     

    “ อ่า ขอโทษที วันนี้ผมคงเหนื่อยกับงานเกินไปหน่อย ” ผมรินไวน์ใส่แก้วให้คนตรงหน้าที่ยังคงมีสีหน้างุนงง ที่จริงก็ผสมกับไม่พอใจเล็กๆด้วย จนกระทั่งเสียงข้อความจากมือถือดังขึ้นมาขัดจังหวะ

     

     

    มาเร็วได้เท่าไรยิ่งดี

    อาจเกิดอันตราย  - S.H.

     

     

    ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าผมไม่มีเข้ากะที่คลินิกวันนี้ …ใช่ เมื่อกี๊ผมโกหก

     

    “ แล้วผมก็ขอโทษสำหรับเดทวันนี้ด้วย ” ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนทั้งร่างจะผละออกจากเก้าอี้ ขาทั้งสองข้างพาตัวเองออกมาทั้งที่ยังสนใจกับข้อความในมือถืออยู่ ไม่นานนักข้อความใหม่ก็ถูกส่งมา ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มันคือที่อยู่ของสถานที่ที่ผมไม่รู้จัก ลงชื่อคนส่ง ‘S.H.’ คนเดิม

     

     แท็กซี่! ”

     

     

     

    หลายต่อหลายครั้งที่ผู้ชายคนนี้เข้ามาขัดจังหวะผมกับคู่เดทอีกหลายคน นั่นทำให้ผมไม่อาจคบใครเป็นตัวเป็นตนได้ ทุกครั้งไม่เคยมีคนไหนที่จบสวย ด้วยงานที่ผมช่วยเชอร์ล็อคทำ ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นต้องมาพลอยเสี่ยงชีวิตไปด้วย คงไม่มีใครอยากจะอยู่กับผู้ชายที่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงได้หรอก

     

    อันที่จริงคือผมหัวเสียทุกครั้งที่เขาเข้ามาขัดจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความหรือเดินเข้ามาแทรกกลางวงด้วยตัวเอง ทั้งเหนื่อยใจที่จะโวยวาย เพราะทำยังไงนักสืบหัวหยิกคนนั้นก็ยังไร้มารยาทวันยันค่ำ

     

    ทั้งที่ข้อความนั้นไม่อาจตีความหมายได้ว่ามันด่วนอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า หลายครั้งที่ไปถึงก็มักจะเจอเขานอนอยู่ที่โซฟาพร้อมท่าทางประสานมือที่คุ้นเคย บ้างก็เรียกผมมาเพียงเพราะต้องการยืมมือถือบ้าง ขี้เกียจเดินไปหยิบของบ้าง

     

    แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ผมปฏิเสธที่จะไม่ไปหาเลยซักครั้ง

     

    ใช่ ผมเลือกเขามากกว่า

     

                ปลายทางของแท็กซี่พามาหยุดยังโกดังเก่าๆ บางทีอาจเป็นโรงงานร้างหรืออะไรซักอย่าง ผมไม่รู้จักที่นี่ และก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะติดต่อเชอร์ล็อคได้อย่างไร มนุษย์คนนั้นไม่เคยรับโทรศัพท์ อย่างข้อความในเวลานี้อย่าได้หวัง

     

                ผมได้แต่ยืนงงอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะดังขึ้นมาดึงความสนใจ ร่างหนึ่งวิ่งหน้าตั้งตรงมาทางผม ทั้งน้ำหนักการลงฝีเท้าและรูปร่างของคนมาใหม่ทำให้ผมทราบได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร

     

    “ เชอร์ล็อค ”

     

    “ ไปจัดการตามรายการนี้แล้วโทรเรียกตำรวจซะ ผมมีเรื่องต้องทำ ” ประโยครัวเร็วพูดขึ้นมาตั้งแต่เขายังวิ่งมาไม่ถึง เชอร์ล็อคยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือผมก่อนผ่านไปโดยไม่ได้หันกลับมาสนใจอีก

     

    ผมรู้ดีว่าท่าทางแบบนั้น เขากำลังพาตัวเองไปหาอันตราย ไปเผชิญหน้ากับฆาตกร …เขาเป็นแบบนี้ทุกที

     

    แต่ผมก็เชื่อใจผู้ชายคนนี้เสมอ

     

    ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมให้ตัวเองตายง่ายๆ ถึงขั้นคิดแผนมาหลอกให้ผมเศร้าใจโง่ๆอยู่สองปีเต็ม ใช้ผมเป็นพยานยืนยันว่าตัวเองตายไปแล้ว ทั้งแบบนั้นแหละ ทั้งที่เขาทั้งปั่นหัวทุกอย่าง …ผมก็ยังยอมให้เขาอยู่เรื่อยไป

               

    ปลายเท้าทั้งสองข้างพาร่างของตัวเองวิ่งออกไปทันทีที่เข้าใจข้อความในกระดาษแผ่นนั้น มันเป็นเพียงศัพท์สั้นๆไม่กี่คำ แต่คนที่ตามคดีมาตลอดอย่างผมและเชอร์ล็อคเข้าใจดี เขาจำเป็นต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้เพิ่มเติม นั่นจึงตกเป็นหน้าที่ของผม

     

    จำนวนคนที่รับมือด้วยไม่ได้มีจำนวนน้อยๆ ดูเหมือนคราวนี้เชอร์ล็อคและผมจะพาตัวเองเข้ามาพัวพันกับองค์กรอะไรซักอย่างอีกแล้ว ผมเกือบพลาดท่าให้ลูกปืนและการถูกล็อคคอจากด้านหลังอยู่หลายครั้ง มันชุลมุนวุ่นวายอย่างนั้นอยู่พักใหญ่ กว่าจะได้กดมือถือตัวเองเรียกผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อย่างเลสเตรจให้มารับผลงานโดยด่วน

     

    ผมไม่ได้เก่งกาจขนาดจะเชื่อมโยงหลักฐานที่หามากับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของนักสืบหัวหยิกซึ่งตอนนี้กำลังวิ่งวุ่นอยู่อีกฟากมาสรุปผลให้

     

    ปัง!

     

    เสียงกระสุนที่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเป็นตัวดึงความสนใจให้กลับมา ผมรีบวางสายจากตำรวจหลังให้ที่อยู่ไปเรียบร้อยแล้ววิ่งไปยังต้นเสียงทันที มั่นใจว่าจัดการกับลูกกระจ๊อกที่เข้ามาขวางทางไปหมดแล้ว เสียงนั่นจึงเป็นไปได้ว่ามาจากที่เดียวเท่านั้น

     

    ที่ที่มีเชอร์ล็อคอยู่

     

    “ เชอร์ล็อค เกิดอะไรขึ้น ” ผมเอ่ยถามออกไปหลังมาหยุดข้างร่างสูงที่คุ้นเคย เชอร์ล็อคดูเหมือนคนกำลังหอบหนัก และสายตาของเขาจ้องมองไปข้างหน้า ตรงนั้นมีร่างของใครคนหนึ่งยืนประจันหน้ากันอยู่

     

    ไม่ต้องเดาให้ยาก นั่นแหละตัวเป้งของคดีนี้

     

    ปัง!

     

                แต่ครั้นรู้สึกตัวอีกที มือเรียวๆนั้นก็พรวดพราดเข้ามาคว้าปืนซึ่งปกติผมจะเก็บไว้ในโค้ทของตัวเองแล้วลั่นไกทันที ผมได้แต่ยืนเหรอหราทำอะไรไม่ถูกเมื่อคนที่เคยยืนอยู่ตรงหน้าดันล้มพับลงไปกับพื้นเรียบร้อยแล้ว

     

    “ ทำอะไรของคุณ นั่นเบาะแสสำคัญนะ” ผมรีบคลำโค้ทตัวเองทันทีที่ได้สติ มันหายไปจริงๆและผู้ชายหัวหยิกก็รู้ดีว่าผมเก็บไว้ที่กระเป๋าด้านขวา เขารู้ว่าหลังเสียงปืนนั่นผมจะมาที่นี่แน่นอน

     

    “ ไม่ตายหรอก อย่างมากคือเสียเลือดเยอะและนอนเป็นผักซักอาทิตย์นึง ” น้ำเสียงของคนตัวสูงหอบหนัก เขาพูดประโยคนั้นอย่างรวดเร็วตามปกติ ก่อนทั้งร่างจะทิ้งตัวลงไปกับพื้นทันทีที่พูดจบ

     

    “ เชอร์ล็อค! ”

     

    ผมรีบเข้าไปพยุงร่างสูงทันที เพราะชุดที่ดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้ผมไม่ได้ทันสังเกต อาจเพราะกลิ่นของเหล็กที่คละคลุ้งไปทั่ว ผมไม่ได้เอะใจท่าทางหอบผิดปกติของคนๆนี้เลยซักนิด

     

    “ ค่อยๆหายใจ อยู่กับผมก่อน” กระสุนเจาะทะลุลิ้นปี่ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้หัวใจ ผมรีบห้ามเลือดเท่าที่ทำได้ ชีพจรของเชอร์ล็อคจวนจะแผ่วลงทุกที ความรู้สึกราวกับหัวใจกำลังถูกบีบรัดตีเข้ามาที่ผมทันที

     

    กระสุนนัดนั้นที่ได้ยิน ไม่ใช่ลั่นขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณเรียก แต่เป็นกระสุนที่ทำร้ายเขาต่างหาก

     

    “ เชอร์ล็อค ลืมตามองผม ” ผมลงแรงตบไปที่ใบหน้าของผู้ชายคนที่อยู่บนตัก ลมหายใจแผ่ว ตาปรือคล้ายจะปิด ภายในสามนาทีนี้หากไม่มีรถพยาบาลมา ชีพจรของผู้ชายคนนี้กำลังจะหยุดเต้น

     

    “ คุณจะตายไม่ได้เด็ดขาด ห้ามตายต่อหน้าผมอีก ”

     

    โดยเฉพาะผมที่เป็นหมอ เขาจะมาตายแบบนี้ไม่ได้ ขอบตามันร้อนผ่าวไปหมด แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขามักจะเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมอยากให้เขาจากกันไปง่ายๆเสียหน่อย

     

    “ เรื่องคนที่อยากได้ ผมพูดจริงนะจอห์น”

     

    น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นขณะฝ่ามือที่ไร้เรี่ยวแรงของเขาคว้าเข้ากับฝ่ามือของผม ดวงตาสีฟ้าหม่นจ้องมองเข้ามา แม้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย ผมก็เข้าใจว่าประโยคดังกล่าวหมายถึงคำพูดก่อนที่ผมจะออกจากแฟลตมา

     

    “ ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ อย่าเพิ่งพูดตอนนี้ คุณอยากให้เลือดคั่งในปอดตายหรือไง ” ผมเผลอบีบมือคนบาดเจ็บแน่นกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว อาการร่อแร่ขนาดนี้แล้วเขายังมีเวลามาฉีกยิ้มให้กันอีก

     

    “ กระดาษที่แปะหัวคุณ ผมก็ไม่ได้สุ่มเปิดมาจากนิตยาสารด้วย ”

     

                นั่นเป็นเพียงประโยคสุดท้าย ก่อนที่ทั้งตำรวจและพยาบาลจะกรูเข้ามาพาร่างของเชอร์ล็อคขึ้นรถพยาบาลไป ผมได้แต่ยืนนิ่งมองภาพนั้นดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ยกมือที่แม้ในเวลานี้จะเปื้อนเลือดของคนที่ช่วยพยุงอาการมาพักหนึ่งขึ้นมาสัมผัสกับหน้าผากที่ว่างเปล่าของตัวเองอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

     

    เขาหมายถึงกระดาษอะไรกัน

     

     

     

     

     

                ผมเก็บสัมภาระต่างๆลงกระเป๋าของตัวเอง ก่อนจัดโต๊ะทำงานให้เข้าที่และเดินออกมา เป็นเวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ที่เชอร์ล็อคพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล เขาเสียเลือดมากจนต้องวุ่นวายหาเลือดมาเปลี่ยนให้  นาฬิกาข้อมือของผมบอกเวลาห้าโมงเย็น เป็นช่วงที่หมดกะทำงานในวันนี้ลง แท็กซี่คือตัวเลือกเดียวที่จะพาผมไปยังโรงพยาบาลบาโธโลมิวในตอนนี้

     

    หน้าประตูห้องพักมีตำรวจท่าทางขึงขังยืนเฝ้าอยู่ แม้ไม่ต้องเดาผมก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นอภินันทนาการจากพี่ชายผู้เป็นห่วงน้อง กลัวโดนองค์กรที่ว่าวกกลับมาทำร้ายเป็นแน่

     

    ผมผลักประตูเข้าไปในห้องนั้นโดยไม่ลังเล แต่คนป่วยที่ควรจะนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงในเวลานี้กลับกำลังเอนหลังเล่นมือถือของตัวเองด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย ทันทีที่ดวงตาสีฟ้าหม่นสังเกตเห็นผม เขาก็เอ่ยสนทนาขึ้นในทันที

     

     Hi Madonnaคุณช่วยบอกไมครอฟต์ทีนะว่าปล่อยผมออกไปจากโรงพยาบาลได้แล้ว ผมจำเป็นต้องออกไปหาเบาะแส ตอนนี้

     

    แม้ผมจะตกใจกับประโยคทักทายที่แสนประหลาดนั่นไม่น้อย แต่ก็ทำได้เพียงชะงักปลายเท้าก่อนขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมมองกลับไปที่ประตูห้องอีกครั้ง ก็พบพี่ชายตัวสูงของเขาที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม

     

    “ คิดว่าคงไม่จำเป็นนะเชอร์ล็อค ” ผมยักไหล่พร้อมส่งยิ้มน้อยๆให้ไมครอฟต์ อย่างน้อยเขาน่าจะแอบหนีออกไปด้วยตัวเองคืนนี้ …คิดว่าอย่างนั้น ต่อให้ไมครอฟต์จะคุมเข้มอยู่ก็ตามที

     

     

     

     

     

    MADONNA คำนั้นแปะอยู่บนหน้าผากผมจนกระทั่งมีลูกจ้างรายใหม่เข้ามาในกลางดึกคืนนั้น ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการแฮงก์ที่ทำให้ปวดหัวอย่างหนักหนาสาหัส ซ้ำยังต้องรับผิดชอบกับเรื่องวุ่นวายที่ไปก่อไว้ขณะเมาเหมือนหมา เชอร์ล็อคถึงขั้นเก็บมันเป็นเรื่องที่ไม่อยากพูดถึงที่สุดในชีวิตนักสืบ

     

    คืนนั้นเราเมากันมาก เมาจนจำหน้าใครไม่ได้ แต่ก็ยังกลับมาที่แฟลตได้

     

    แต่ถึงจะเมามากแค่ไหน… แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้

     

    คนอย่างเชอร์ล็อคไม่อ่านนิตยาสาร เขาไม่ใช่คนตามข่าวดารา และ MADONNA ก็ไม่ใช่คำที่จะเอาไปแปะหน้าผากใครก็ได้เสียหน่อย

     

    เราทั้งคู่ต่างรู้อยู่แก่ใจกันทั้งนั้น… ไม่ใช่ไม่รู้สึก 

     

     

    แต่ไม่ได้แสดงออกให้ใครเห็นต่างหาก

     









              

    ย้ายมาไว้ในบทความนี้แทนนะคะ

    เนื่องจากตอนแรกจัดผิดหมวดไปหน่อย;-;


    ปล. Madonna เป็นคำเปรียบเปรยถึงผู้หญิงที่รักของฝรั่งนะคะ

    หลายๆคนอาจจะนิยามถึงความเซ็กซี่(?) แสบซ่า เป็นที่รัก และอะไรได้อีกหลายอย่างค่ะ^^

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×