ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Twilight x Harry Potter - once upon a time i'm crush on wizard

    ลำดับตอนที่ #8 : seven

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 64


    Chapter 7 

    -------------------

    เช้าวันหยุดอันแสนสงบของแฮร์รี่ถูกทำลายลงด้วยเสียงมือถือเจ้ากรรมที่แผดเสียงจ้าเป็นรอบที่สองของเช้านี้ เรือนผมสีน้ำหมึกฟูยุ่งเหยิงโผล่พ้นออกมาจากผ้านวมสีฟ้าอ่อนผืนหนาก่อนตามมาด้วยมือขาวที่ควานหาแว่นตาบนโต๊ะข้างเตียง แฮร์รี่สวมแว่นอย่างลวกๆ ก่อนกดเปิดมือถือเพื่อดูว่าใครกันที่รบกวนเวลานอนของตน

    “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นแฮร์รี่ตื่นเต็มตาทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย

    “เอ็ดเวิร์ด.. มีอะไรรึเปล่าโทรมาแต่เช้าขนาดนี้” พ่อมดหนุ่มกระแอมแก้อาการเก้อเขินมุมปากยกยิ้มอย่างลืมตัวพลางเดินไปที่ริมหน้าต่าง

    “ว่าจะชวนนายไปขี่รถเล่น” อีกฝ่ายตอบกลับ “ว่าไง”

    “ขอคิดดูก่อนได้มั้ย” แฮร์รี่ว่าพลางทอดสายตาไปด้านนอกปลายสายหัวเราะเมื่อได้ยินเขาตอบเช่นนั้น

    “อลิซบ่นอยากเจอนายด้วย เย็นนี้จองตัวได้รึเปล่า”

    “ดูเหมือนคิวจะว่างนะ” เขาหัวเราะ “ไม่มีปัญหา”

    “อะไรเนี่ยพออลิซชวนทำไมตอบรับไวจัง” น้ำเสียงเง้างอนของเอ็ดเวิร์ดดังลอดออกมาชวนขำ “โอเคงั้นเดี๋ยวฉันจะไปรับตอนบ่ายนะเจอกัน” แฮร์รี่ยกยิ้มเอ็นดูอีกฝ่ายพลางหวนนึกถึงบทสนทนาระหว่างเขาและครอบครัวคัลเลนเมื่อหลายวันก่อน

     

     

     

     

     

     

    หลายวันก่อนหน้านี้

    เอสเม่เป็นคนแรกที่เอ่ยทักแฮร์รี่ทันทีที่เขาปรากฏขึ้นกลางห้องนั่งเล่น โต๊ะตัวยาวถูกเติมเต็มด้วยสมาชิกบ้านคัลเลนและพ่อทูนหัวของเขาซีเรียสและคลอเดียศาสตราจารย์สาวจากอิลเวอร์มอร์นี แฮร์รี่คลี่ยิ้มเขินอายยามหญิงสาวสวมกอดตน เธอปฏิบัติกับเขาราวกับแฮร์รี่เองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไม่ไกลจากเธอนัก แฮร์รี่เห็นร่างสูงสมส่วนของหัวหน้าครอบครัวคัลเลนมองมาที่เขาพลางฉีกยิ้มใจดี คาร์ไลล์ แวมไพร์ที่มีอายุมากที่สุดในครอบครัวเขามีผมสีทองดวงตาสีอำพันเหมือนกับทุกคนในบ้านอีกฝ่ายสวมเชิ้ตสีกรมเข้มผูกเนกไทสีทึบและกางเกงสแลคสีดำดูแล้วอีกฝ่ายเองก็พึ่งกลับจากไปทำงานมาไม่นานนัก เขาแนะนำตัวกับพ่อมดตัวน้อยก่อนโอบไหล่และพาเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างลูกชายคนเล็กของตนเอง

    “เมื่อครู่เราถึงไหนกันแล้วนะ” คาร์ไลล์ว่าพลางมองไปทางคลอเดีย ศาสตราจารย์สาวยกกระเป๋าขึ้นก่อนค้นหาบางอย่างในกระเป๋าก่อนรูปของชายวัยกลางคนที่แสยะยิ้มเย็นจะเด่นชัดอยู่บนกระดาษสีเก่าและข้อความที่เขียนไว้ว่า ประกาศจับ

    “พวกคุณเคยเห็นเขาบ้างมั้ย” คลอเดียถาม “เขาคือคนร้ายที่ตอนนี้ทางกระทรวงต้องการตัว”

    “ฉันเคยเห็นเขา” อลิซพูดขึ้นเธอขมวดคิ้วและมีสีหน้าที่ไม่สบายใจนัก “ในนิมิต”

    “นิมิต” แฮร์รี่พูดทวน เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับสิ่งที่ตนได้ยินเมื่อครู่แวมไพร์สาวตัวเล็กพึ่งบอกเขาว่าเธอมีญาณทิพย์?

    “ประมาณนั้นแหละ” เสียงทุ้มตอบรับ แฮร์รี่เงยหน้ามองเอ็ดเวิร์ดที่พูดขึ้นตรงใจเขาอีกครั้ง

    “เราเรียกมันว่าของขวัญ มันเหมือนกับพรสวรรค์เฉพาะตัวที่ติดตัวมาตั้งแต่ตอนก่อนเปลี่ยนร่าง” คาร์ไลล์อธิบาย “เอ็ดเวิร์ดอ่านใจได้ อลิซมองเห็นอนาคตแล้วก็แจสเปอร์มีพลังรับรู้ถึงอารมณ์ของคน”

    “มิน่าล่ะ” แฮร์รี่กระซิบกับตัวเอง เป็นดังเขาคาดเอ็ดเวิร์ดอ่านใจเขาได้จริงๆ

    “แต่บางครั้งฉันก็อ่านใจนายไม่ได้นะเบลล่าก็เหมือนกัน” เอ็ดเวิร์ดรีบแย้งแต่ท้ายประโยคกลับเสียงแผ่วเบาราวกับหนีความผิด แฮร์รี่หรี่ตาในขณะที่โรซาลีหัวเราะในลำคอ

    “นั่นคือเหตุผลที่เขาทำท่าจะจีบสวอนนั่นแหละพอตเตอร์ เขาคิดว่าแม่นั่นเป็นคู่ตัวเอง”

    “คู่?” แฮร์รี่เริ่มรู้สึกฉงนคิดอีกยามได้ยินอะไรประหลาดจากครอบครัวคัลเลน “หมายความว่ายังไง”

    “แวมไพร์ทุกตนจะมีคู่โชคชะตาแฮร์รี่ พวกเขาจะมีคู่แค่คนเดียวเหมือนฉันกับแจสเปอร์ เอสเม่กับคาร์ไลล์โรซาลีกับเอ็มเม็ตต์” อลิซยกยิ้มเธอกุมมือแจสเปอร์พลางมองไปที่เพื่อนร่วมชั้นเรียน “นายกับเอ็ดเวิร์ด”

    “ฉันเคยศึกษาเรื่องนี้” คลอเดียพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งตื่นเต้น “คู่โชคชะตาจะรับรู้ได้ในทันทีที่พวกเขาพบกัน เธอจะรู้สึกเหมือนกับถูกดึงดูด ผูกพัน”

    “หมายความว่าลูกชายเพื่อนฉันเป็นคู่กับ” ซีเรียสสูดหายใจดวงตาฉายแววเป็นห่วง “แวมไพร์?”

    “มันฟังดูน่าเหลือเชื่อดีนะ” แฮร์รี่มองไปเอ็ดเวิร์ด นัยน์ตาสีเขียวสบเข้ากับคนที่เขาพึ่งรู้ว่าเป็นคู่แท้ “มิน่าล่ะถึงรู้สึกแปลกๆ”

    “นอกจากพวกคุณแล้วฉันต้องไปคุยกับหัวหน้าฝูงหมาป่าคุณพอจะช่วยเราได้มั้ยคะคุณคัลเลน”

    ศาสตราจารย์สาวพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม คาร์ไลล์ตอบรับเขายินดีช่วยคลอเดียความปลอดภัยของครอบครัวของเขาย่อมมาก่อนเสมอและแน่นอนว่าเขารวมถึงครอบครัวของแฮร์รี่ด้วย

    “หมอนี่เก่งมากเหรอถึงขนาดที่กระทรวงยังตามจับไม่ได้” โรซาลีพูดขึ้น เธอไม่ชอบใจนักที่ครอบครัวของตนต้องเข้ามาเสี่ยงในเรื่องอันตรายแบบนี้ เอ็ดเวิร์ดหันมองเธอแทบจะทันทีเมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่โรซาลีกำลังคิดในหัว หญิงสาวยักไหล่เธอรู้ว่าน้องชายคนเล็กของบ้านไม่พอใจแต่จะยังไงเอ็ดเวิร์ดก็อ่านใจเธอได้เพราะงั้นหล่อนจึงเลือกที่จะไม่สนใจกับความคิดในหัวของตัวเองที่ผุดขึ้นมาในตอนนี้

    “เพราะเขาชำนาญในเรื่องคาถากับการลบตัวตนมันเลยใช้เวลาค่อนข้างมาก” คลอเดียตอบรับ “และเหมือนเขาจะรู้ความเคลื่อนไหวของเราด้วย”

    “ฉันมีคำถามค่ะ” หญิงสาวผู้เปรียบเสมือนกับแม่ของบ้านเอ่ยขึ้นพลางมองมาทางแฮร์รี่ด้วยความเป็นห่วง

    “ทำไมเขาถึงอยากได้ตัวแฮร์รี่นัก แล้วก็พวกผู้เสพความตาย? คนอื่น ๆ ด้วย”

    “พวกเขาเชื่อว่าเลือดของคุณพอตเตอร์จะทำให้คนคนนั้นฟื้นขึ้นมาได้” เพียงเท่านั้นหัวใจของแฮร์รี่ก็เต้นแรง เลือดของเขาน่ะเหรอ “เพราะแบบนั้นพวกเขาเลยเริ่มออกตามหาคุณพอตเตอร์”

    “เป็นไปไม่ได้หรอก” แฮร์รี่แย้งขึ้น “ผมไม่ใช่พ่อมดที่เก่งกาจเสียหน่อย ผมเป็นแค่เด็กที่อายุไม่ถึง20ด้วยซ้ำ”

    “และเด็กคนนั้นโค่นเจ้านายของพวกเขาได้โดยที่คำสาปพิฆาตทิ้งไว้แค่แผลเป็นบนหน้าผากของเธอ”

    เด็กหนุ่มเงียบเสียงลงเขาไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้อีกเมื่อได้ยินเช่นนั้น

    “แต่ฉันคิดแผนเอาไว้แล้ว..คงใช้เวลาอีกไม่นานแน่”

     

     

     

     

    ---

     

     

     

    แฮร์รี่เดินลงมาจากห้องเมื่อใกล้ถึงเวลาที่นัดไว้กับเอ็ดเวิร์ด เขาบอกกับซีเรียสเรื่องที่วันนี้จะไปนั่งรถเล่นกับแวมไพร์หนุ่มและตอนเย็นจะไปพบปะกับครอบครัวคัลเลนอีกครั้ง อีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรซีเรียสเพียงแต่หัวเราะและมีบ้างที่หยอกล้อเรื่องของเขาและเอ็ดเวิร์ดในตอนแรกซีเรียสยอมรับกับเขาโดยตรงว่าไม่พอใจนักที่แฮร์รี่เป็นคู่โชคชะตากับเอ็ดเวิร์ด แต่หากนั่นทำให้ตัวเขามีความสุขซีเรียสก็ไม่อยากขัดอะไร ใบหน้านวลขึ้นสีเลือดฝาดยามนึกถึงเรื่องนั้นยังไงเสียมันก็ดูไม่น่าเชื่ออยู่ดีแต่มันก็ช่วยอธิบายเรื่องประหลาดระหว่างตัวเขาและเอ็ดเวิร์ดได้เกือบจะทั้งหมด

    “ฉันว่าคู่ของเธอมาแล้วนะแฮร์รี่” พ่อทูนหัวของเขาพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถที่ดังมาจากทางหน้าบ้าน แฮร์รี่ตวัดสายตามองอีกฝ่ายด้วยท่าทีหน่ายพลางจัดเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อยที่สุด

    “ผมดูเป็นไง” พ่อมดตัวน้อยว่าพลางกางแขนสองข้างให้อีกฝ่าย

    “เธอเหมือนพ่อเธอไม่มีผิดเลยล่ะ” รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซีเรียส ท่าทีของแฮร์รี่ชวนให้นึกถึงเดทแรกระหว่างลิลลี่และเจมส์ เพื่อนหนุ่มของเขามีท่าทีประหม่าไม่เป็นตัวเองเลยแม้แต่น้อย มือกร้านยกขึ้นจัดทรงผมที่ชี้ไม่เป็นทรงของลูกชายทูนหัวตนเองพลางหยักหน้าพอใจ

    “ดูดีแล้วล่ะ เอ็ดเวิร์ดต้องชอบแน่ๆ”

    “ซีเรียส” เสียงหวานลากยาว ซีเรียสหัวเราะร่าก่อนเอ่ยต่อเมื่อได้ยินเสียงออดดังที่ประตูบ้าน

    “ไปเถอะไม่ต้องกังวลก็เหมือนทุกครั้งเชื่อสิ”

    แฮร์รี่พยักหน้าก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายและไม่ลืมที่จะบอกลาผู้ปกครองของตนเอง แฮร์รี่ออกไปแล้วเขาเดินตามอีกฝ่ายไปที่หน้าประตูทอดมองร่างบางของแฮร์รี่ที่เดินไปทักทายเด็กหนุ่มอีกคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายของเจมส์ เอ็ดเวิร์ดหันกลับมาทักทายเขาก่อนทั้งคู่จะหายไปในรถคันใหม่ของเอ็ดเวิร์ด

    “เฮ้อ นี่ลูกของนายโตขนาดนี้แล้วเหรอเจมส์” ซีเรียสพูดกับตัวเอง ภายในใจพองโตไปด้วยความรู้สึกของคนเป็นพ่อถึงแม้แฮร์รี่จะไม่ใช่ลูกชายของเขาทางสายเลือดแต่การเฝ้ามองอีกฝ่ายเติบโตมาตลอดก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตนเป็นพ่อของแฮร์รี่จริงๆ

     

     

     

    ---

     

     

     

     

    “วันนี้แต่งตัวน่ารักนะ” เอ็ดเวิร์ดยิ้มพลางมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า พ่อมดหนุ่มตีเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายสุดแรงก่อนเอื้อมมือเตรียมจะคาดเข็มขัดแต่คนตัวสูงด้านข้างก็เอี้ยวตัวจัดการให้เสร็จสรรพ เขาแอบเห็นอีกฝ่ายจ้องต่ำลงมาที่ริมฝีปากของตนแฮร์รี่เม้มปากหัวใจเต้นรัวแล้วหันหน้าเข้ากระจก

    “ก็เหมือนทุกวันอย่าให้มันมากนัก” แฮร์รี่พูดเสียงแข็งกลบเกลื่อนความเขินดวงตากลมประหนึ่งลูกกวางทอดมองไปที่ถนนใหญ่ แวมไพร์หนุ่มหัวเราะในลำคอดูเหมือนจะมีคนไม่ชินกับสถานการณ์ในตอนนี้เขาเหยียบคันเร่งก่อนมุ่งตรงไปสถานที่ที่เขาต้องการจะไป

    “เราเดทกันอยู่นะเผื่อนายลืม” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยย้ำตาจ้องไปที่ถนนนิ้วเรียวกดเปิดเพลงเหมือนครั้งก่อนทำนองเพลงแจ๊สดังขึ้นคลอเป็นจังหวะเนิบนาบรื่นหู

    “ชอบฟังเพลงแจ๊ซเหรอ” แฮร์รี่ถาม ครั้งก่อนอีกฝ่ายก็เปิดเพลงแจ๊ซในคราวนี้เอ็ดเวิร์ดก็ยังคงเปิดเพลงแจ๊ซเช่นเดิมแต่ดูจากแผ่นเสียงที่ห้องของอีกฝ่ายแล้วแวมไพร์หนุ่มคนนี้คงจะสนใจทางดนตรีเป็นแน่

    “ก็ชอบทุกอย่าง” เอ็ดเวิร์ดตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มผ่านกระจกหน้ารถ “ชอบนายด้วย”

    แฮร์รี่กระแอมไอเมื่อได้ยินคำหวานจากอีกฝ่าย “เลิกเล่นได้มั้ยนายกำลังทำฉันประสาทเสีย”

    “โธ่แฮร์รี่ บรรยากาศเสียหมด” เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างไม่จริงจังนัก “ฉันฟังดนตรีทุกแนว.. แต่ฉันชอบเพลงคลาสสิคที่สุด” เขาอมยิ้มยามนึกถึงเรื่องราวในอดีตก่อนที่เอ็ดเวิร์ดจะถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ แฮร์รี่หันมองอีกฝ่ายเมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดเงียบไปถึงแม้ใบหน้าหล่อจะมีรอยยิ้มแต่ดวงตาของเขากลับดูเศร้าเสียจนบอกไม่ถูก

    “นายโอเครึเปล่า” แฮร์รี่ถามด้วยความเป็นห่วง

    “โอเคสิ” เอ็ดเวิร์ดตอบรับ แต่แฮร์รี่กลับไม่คิดเช่นนั้นมีเพียงเสียงเพลงและเสียงหวานของนักร้องสาวที่ร้องคลอในรถคันสวย พวกเขาทั้งสองไม่มีคำพูดใดหลุดลอดออกมาอีกและแฮร์รี่ก็ไม่อยากจะเร่งรัดให้อีกฝ่ายพูดด้วยหากเอ็ดเวิร์ดพร้อมเขาก็คงจะเล่าให้ฟังเอง

     

     

    แอสตันมาร์ตินแวนควิซสีดำคันสวยของเอ็ดเวิร์ดจอดนิ่งที่สถานที่อันคุ้นเคย ต้นไม้ที่ดูมีอายุขึ้นหนาตาเรียงสลับนานาพันธุ์ ป่านอกเมือง สถานที่ที่เขาชอบมากที่สุด เมฆสีทึบลอยเขว้งบนท้องฟ้าไม่ไปไหนไม่มีแดดดังเคยแต่ก็ไร้วี่แววของหยาดฝน แฮร์รี่เดินออกมาจากรถกลิ่นชิ้นจากไอดินและเสียงลมทำให้เขาสงบลงทั้งสองมุ่งหน้าเข้าไปในป่าอีกครั้งแต่จู่ๆ แวมไพร์หนุ่มก็หยุดฝีเท้าลง

    “มีอะไรงั้นเหรอ” แฮร์รี่เอ่ยถามไม่ทันได้ตั้งตัวมือหนาก็กระชากร่างของแฮร์รี่ให้ขึ้นไปบนหลังของตนได้อย่างง่ายดาย

    “มีที่ที่นึงฉันอยากให้นายไปดู” รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาอีกครั้ง กลิ่นหอมเฉพาะตัวของแฮร์รี่ลอยคลุ้งรอบตัวของแวมไพร์หนุ่มยามทั้งสองแนบชิด “เชื่อใจฉันรึเปล่า”

    แฮร์รี่พยักหน้าก่อนภาพทุกอย่างรอบกายจะเลือนเพราะความเร็วของเอ็ดเวิร์ด แฮร์รี่โผกอดอีกฝ่ายแน่นเพราะกลัวจะตกกระแทกพื้นจากแรงกระชากของลมที่กระทบโดนตัวของเขาเปลือกตาบางขยับปิดพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อป้องกันให้แว่นตาของเขาไม่หล่นหายไปในป่าก่อนทุกอย่างจะนิ่งสงบ

    “แฮร์รี่เรามาถึงแล้ว”

    แวมไพร์หนุ่มค่อยๆ ปล่อยอีกฝ่ายลงบนพื้นอย่างนิ่มนวล แฮร์รี่ลืมตามองทิวทัศน์ขึ้นอย่างเชื่องช้าภาพเบื้องหน้าของเขาเป็นทุ่งโล่งกว้างที่เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียมชอุ่มสลับกับดอกไม้สีขาวดอกเล็กที่ขึ้นกระจายไปทั่ว เราทั้งสองนั่งลงตรงนั้นเอ็ดเวิร์ดยังไม่ได้พูดอะไรอีกเขาเอนตัวลงนอนราบมองแฮร์รี่ที่กำลังเอนกายลงเช่นกัน

    “ฉันชอบมาที่นี่ เวลาที่อยากหนีจากความวุ่นวาย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความสงบของป่าใหญ่ เอ็ดเวิร์ดไม่ได้พูดเสียงดังแต่เพราะพวกเขาทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันแฮร์รี่จึงได้ยินทุกอย่างที่อีกฝ่ายบอก

    “มันทำให้ฉันสงบเหมือนกับว่าเป็นแค่คนธรรมดา” นัยน์ตาสีอำพันมองลึกเข้าไปในดวงตาสีมรกตคู่เดิมที่เขาชอบ แฮร์รี่มองเห็นความเจ็บปวดผ่านแววตาของเอ็ดเวิร์ดอีกครั้ง แวมไพร์หนุ่มคลี่ยิ้มบางให้กับแฮร์รี่มือหนาเอื้อมกอบกุมรอบมือของพ่อมดไว้อีกครั้ง

    “นายคิดว่าฉันน่ากลัวรึเปล่า” คำถามเดิมถูกถามขึ้นอีกครั้ง แฮร์รี่ส่ายหน้าก่อนเอ็ดเวิร์ดจะเบนสายตาออกมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

    “ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนฉันเคยเป็นนักเปียโนมาก่อน” เขาบอก “ครอบครัวของฉันตายเพราะโรคไข้หวัดสเปนตอนนั้นฉันอายุ17แม่ของฉันขอให้คาร์ไลล์ช่วยชีวิตฉันไว้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม”

    น้ำเสียงของเอ็ดเวิร์ดเจือไปด้วยความขื่นขม แฮร์รี่รับรู้ได้มันทรมาณไม่น้อยกับการเป็นคนคนเดียวที่อยู่รอดและทิ้งคนที่ตนรักไว้เบื้องหลัง

    “คาร์ไลล์เปลี่ยนฉันให้กลายเป็นแวมไพร์เขารับฉันเป็นลูกบุญธรรม ฉันเคยแยกตัวออกไปและทำพลาดครั้งใหญ่แต่เขาก็ยังคงให้อภัยฉันและยินดีที่จะให้ฉันกลับมาอยู่ด้วย” เอ็ดเวิร์ดหยุดพูดก่อนหันไปสบตาแฮร์รี่ “เพราะงั้นครอบครัวสำคัญกับฉันมาก”

    แฮร์รี่เงียบเขาคิดว่าควรให้เอ็ดเวิร์ดได้พูดตามสิ่งที่ใจขึ้น แวมไพร์หนุ่มกระชับมือให้แนบแน่นขึ้นพลางหวนคิดไปถึงวันแรกที่ได้พบกับคู่โชคชะตาตัวน้อย

    “สองปีก่อนฉันเคยเจอนาย” แวมไพร์หนุ่มบอก “บนต้นไม้ใหญ่ฉันเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังเล่นกับกวางป่า.. อาหารเย็นฉันที่เผลอทำหลุดไป”

    “มิน่ามันเลยดูกลัวนัก” พ่อมดหนุ่มหรี่ตาพร้อมกับนึกถึงวันแรก อาการตื่นกลัวของเจ้ากวางแสนสวยตัวนั้นย้อนเข้ามาในความทรงจำเมื่อรู้ว่าคนข้างกายเป็นต้นเหตุ เอ็ดเวิร์ดหัวเราะเมื่อเห็นว่าแฮร์รี่มีสีหน้าขุ่นเคือง

    “แล้วนายก็หายไปฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอนายอีกแล้ว”

    “ฉันเปิดเทอมพอดีนี่นะ.. ฉันเคยเรียนอยู่ที่อิลเวอร์มอร์นีโรงเรียนสำหรับพ่อมดแม่มดในอเมริกามันตั้งอยู่บนยอดเขาเกรย์ล็อกซ่อนในกลุ่มหมอกเหมือนฟอร์คไม่มีผิด” แฮร์รี่พูดขึ้น สีหน้าของเอ็ดเวิร์ดฉายแววสนใจเขาเขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้ราวกับอยากจะหยอกล้อและสนอกสนใจเรื่องของแฮร์รี่ไปพร้อมๆ กัน แฮร์รี่เลือกที่จะมองข้ามและพยายามไม่สนใจระยะห่างระหว่างพวกเขา

    “โรงเรียนของเรามีทั้งหมด4บ้าน บ้านของฉันคือธันเดอร์เบิร์ดตัวแทนของจิตวิญญาณและการผจญภัย”

    “เหมาะกับนายดีนะ” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยเสียงเบาในขณะที่ปลายจมูกเริ่มใกล้กัน

    “ฉันเคยมีเพื่อนคนหนึ่ง เขาชื่อเชสเตอร์เป็นเพื่อนสนิทของฉันเขาเป็นพรีเฟ็คของบ้านธันเดอร์เบิร์ดฉันคิดว่าเหมาะมากเลยล่ะเพราะเขาเรียนดี และเก่งที่สุดรุ่น” ใบหน้าของเพื่อนสนิทฉายย้อนในความทรงจำ ใบหน้าของแฮร์รี่หมองลงยามนึกถึงอีกฝ่ายการตายของเชสเตอร์ยังย้ำเตือนตัวเขา ก่อนสัมผัสเบาบางข้างแก้มจะเรียกสติแฮร์รี่คืนมา

    “ในวันเปิดภาคเรียนปี6ของฉันพวกผู้เสพความตายบุกมาที่โรงเรียน วันนั้นฉันเสียชีวิตที่ธรรมดาและเสียเพื่อนสนิทคนเดียวของตัวเองไป”

    แฮร์รี่เม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงมัน เอ็ดเวิร์ดจุมพิตลงที่หน้าผากของแฮร์รี่ไล้ริมฝีปากและหยุดที่รอยแผลเป็น

    “ฉันตัดสินใจออกจากโรงเรียนฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นที่ที่ฉันกับเชสเตอร์เคยอยู่ ฉันไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว”

    “ฉันจะไม่ทิ้งนายแฮร์รี่” เอ็ดเวิร์ดย้ำ แสงอาทิตย์อบอุ่นสาดส่องผ่านกลุ่มเมฆหนากระทบพวกเขาทั้งสอง แฮร์รี่หันมองตามสายตาของเอ็ดเวิร์ดก่อนหันกลับมาหาอีกฝ่าย ผิวของเอ็ดเวิร์ดเป็นประกายระยิบระยับราวกับคริสตัลนับพันถูกฝังอยู่ใต้ผิวหนังแฮร์รี่มองด้วยความตะลึง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเวลาที่แวมไพร์ต้องแสงร่างกายจะเป็นประกาย ดูเหมือนว่าหนังสือเรียนของเขาจะต้องได้รับการปรับปรุงและตีพิมพ์ใหม่เสียแล้ว

    “เพราะแบบนี้เราถึงไม่ออกไปไหนเวลาที่แดดออก” เอ็ดเวิร์ดพูดเชิงขำขันแต่ดวงตายังคงจับจ้องลูกแก้วสีมรกตที่สะท้อนกับแสงแดด

    “ฉันจะไม่ทิ้งนายตราบเท่าที่นายอยากให้ฉันอยู่” คำมั่นออกมาจากปากของเอ็ดเวิร์ด น่าแปลกที่แฮร์รี่เชื่อว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างที่เปล่งวาจาออกมา

    “โม้เกินไปแล้ว”

     

    แฮร์รี่ยิ้มพร้อมกับปิดเปลือกตาลงรับจุมพิตจากแวมไพร์หนุ่มอีกครั้ง

     

     

    tbc

    --------------------------------------

    Talk

    ขอโทษที่อัพช้านะคะ เค้าเปิดเทอมมาได้สองอาทิตย์แล้วเรียนเยอะมากจะบ้าตาย ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามอยู่นะคะเค้าจะพยายามอัปเดตให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ รักทุกคนค่ะ(ยังไม่ได้เช็กคำผิดนะคะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×