ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Twilight x Harry Potter - once upon a time i'm crush on wizard

    ลำดับตอนที่ #7 : six

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 64


    Chapter 6 

    -------------------

    “นายดูแย่กว่าเมื่อเช้าอีกนะ” เอริคพูดขึ้นในระหว่างที่พวกเขากำลังตระเวนเก็บลูกบาสเกตบอล แฮร์รี่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าหลังจากที่เก็บบอลลูกสุดท้ายลงในรถเข็นเหล็ก พวกเขาทั้งสองเป็นเวรเก็บอุปกรณ์ในวันนี้ทำให้ต้องอยู่จัดการเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดให้เข้าที่ แฮร์รี่ในตอนนี้อยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าแย่เหมือนกับที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูซีดเซียวเสียเกือบเท่ากับครอบครัวคัลเลนแต่อุณหภูมิภายในกายกลับแล่นสูงจนเด่นชัดผ่านใบหน้าและริมฝีปากที่ขึ้นสีแดงปลั่ง

    “นี่กินยาแล้วแน่เหรอ”

    “สงสัยยาจะหมดฤทธิ์แล้วมั้งช่างเถอะยังไงก็จะกลับบ้านอยู่แล้ว” แฮร์รี่ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายไป

    เสียงฝีเท้าดังขึ้นไม่ไกล แฮร์รี่หันกลับไปมองก่อนพบว่าเป็นเอ็ดเวิร์ดที่เดินเข้ามาในโรงยิมพร้อมกับกระเป๋าของพวกเขาทั้งสอง เอริคเอ่ยแซวสองสามประโยคก่อนจะเลี่ยงออกไปให้พวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันตามลำพัง เอ็ดเวิร์ดส่งยิ้มมาให้เขาก่อนโน้มใบหน้าลงมาใกล้

    “จะทำอะไร” แฮร์รี่พูดปราม

    “แค่จะวัดไข้”

    “ไม่ต้องหรอกแต่ดูเหมือนยาจะหมดฤทธิ์แล้วแหละ” แฮร์รี่ตอบกลับพร้อมเอื้อมมือไปรับกระเป๋าจากเอ็ดเวิร์ด “ขอบใจนะ”

    “ให้คาร์ไลล์ดูให้ดีมั้ยเขาเป็นหมอโรงพยาบาลก็ห่างจากนี่ไม่ไกลเท่าไหร่” เอ็ดเวิร์ดถามขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังเดินออกจากโรงยิม

    “มันคงไม่หนักจนต้องไปหาหมอหรอกมั้ง”

    แฮร์รี่ยกยิ้ม ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอหมอเห็นทีจะเป็นตอนที่ตัวของเขาตกจากไม้กวาดในการแข่งขันควิดดิชประจำฤดูกาลของอิลเวอร์มอร์นีตอนนั้นเป็นนัดชิงระหว่างธันเดอร์เบิร์ดและแวมปัส แฮร์รี่ถูกลูกบลัดเจอร์กระแทกจนร่วงจากไม้กวาดในขณะที่กำลังจะคว้าลูกสนิชในช่วงที่เกมกำลังดุเดือดแต่การเจ็บตัวของเขาก็ไม่เสียเปล่าเพราะมันนำชัยมาให้แก่บ้านวิหคของพวกเขา

    “แฮร์รี่” เสียงหวานดังขึ้นจากด้านหลังในขณะที่ทั้งสองกำลังจะไปถึงรถของเอ็ดเวิร์ด เป็นเบลล่าเองที่เรียกเขาเธอมีท่าทีประหม่าซึ่งเห็นได้ชัดจากแววตาของเธอ “ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”

    “ไม่ต้องคิดมากนะเหมือนที่อลิซบอกเบลล่าไม่ได้โกรธนายหรอก” เอ็ดเวิร์ดยิ้มเมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเขียวแสนสวยที่เขาหลงใหลเต็มไปด้วยความกังวล “ฉันรอที่รถนะ”

    แฮร์รี่พยักหน้ามือบางกระชับกระเป๋าเขาสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนเดินไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสาวที่ไม่เห็นตลอดทั้งวัน เบลล่าใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นผมที่ยาวเกะกะหน้าของตนทัดใบหู พ่อมดหนุ่มแอบเห็นจมูกของเธอเป็นสีแดงเหมือนคนที่พึ่งผ่านการร้องไห้มาเพียงเท่านั้นความรู้สึกผิดก็แล่นตีขึ้นมาจนจุกอก แฮร์รี่หลุบตาลงต่ำเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเพื่อนสาวสักนิด

     

     

     

    ---

     

     

     

    เบลล่าเอนตัวพิงรถกระบะสีแดงของเธอ แฮร์รี่ก็เช่นกันเขาพิงหลังกับประตูรถถอดสายตามองไปด้านหน้ามองกลุ่มนักเรียนที่กำลังจับกลุ่มคุยกันเรื่องแผนที่พวกเธอจะไปเที่ยวกันเย็นนี้ แฮร์รี่รู้สึกเหมือนพวกเขาทั้งคู่กลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เหมือนกับวันแรกที่เขารู้จักกับเบลล่า

    “เอ็ดเวิร์ดกับฉันเราคุยกันแล้ว” เบลล่าพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ “ฉันไม่ได้โกรธนายหรอกนะแฮร์รี่”

    เบลล่ายกยิ้มเธอยังจำได้ว่าเอ็ดเวิร์ดมีความสุขมากแค่ไหนยามพูดถึงคนตัวเล็กข้างเธอ แฮร์รี่เป็นคนดีและเธอเองก็อยากให้เพื่อนตัวเล็กของเธอได้พบเจอกับสิ่งที่ดีบ้าง บรรยากาศรอบตัวพวกเขาทั้งสองเริ่มผ่อนคลายลงไปบ้างเว้นแต่ความรู้สึกหน่วงในอกที่ยังไม่จางหายไปไหน

    “ฉันขอโทษความจริงถ้าเธอชอบเขาฉันก็ไม่น่า—”

    “แฮร์รี่” เบลล่าพูดเสียงดังเมื่อเพื่อนของเธอเริ่มมีท่าทางลนลานและดูรู้สึกผิดทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของเพื่อนตัวน้อยเลย

    “มันไม่ใช่ความผิดใครเลยที่เอ็ดเวิร์ดไม่ชอบฉันตอบ” เบลล่ากระชับมือของเธอกับแฮร์รี่ เธอส่งยิ้มหวานเหมือนดังทุกครั้งแล้วพูดต่อ “เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอแหละ เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกจริงมั้ย”

    “โอเคแต่หมอนั่นก็ไม่น่ามาทำให้ฉันหวั่นไหวเลย”

    หญิงสาวพูดติดตลกพร้อมกับเบ้ปากเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของบุคคลในบทสนทนากำลังยืนพูดคุยกับพี่น้องของตนพลางชำเลืองมองมาที่พวกเขาบ้างบางครั้งที่อีกฟากของถนน แฮร์รี่หัวเราะ จริงเหมือนที่อลิซบอกเบลล่าไม่ได้โกรธเขาเธอมีเหตุผลและไม่ใช่อารมณ์มาตัดสินเลย

    “แต่ก็ต้องยอมรับว่าระหว่างฉันกับเอ็ดเวิร์ดถ้าจะให้กลับไปสนิทใจเหมือนเดิมก็คงต้องใช้เวลาสักหน่อย ถึงจะแค่ไม่นานแต่ชอบก็คือชอบอยู่ดี” เบลล่าว่า “แล้วก็ขอโทษที่หลบหน้านะพอดีฉันก็ไม่พร้อมเจอพวกนายเท่าไหร่”

    แฮร์รี่เข้าใจ หากเขาเป็นเบลล่าเขาก็คงจะเป็นแบบนี้เหมือนกันกับการที่ต้องเห็นเพื่อนตัวเองอยู่กับคนที่ตัวเองชอบยอมรับว่ามันก็แอบหน่วงในใจบ้าง

    “ฉันดีใจที่คนนั้นเป็นนายแฮร์รี่” เบลล่ายิ้ม “อย่างน้อยคนที่ฉันชอบก็อยู่กับเพื่อนฉัน”

    “บางทีเอ็ดเวิร์ดอาจจะไม่ได้ชอบฉันก็ได้นี่” แฮร์รี่รีบตอบแทบจะทันใดแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือฝ่ามือที่ฟาดเข้าเต็มแขนของเขาจนเด็กหนุ่มร้องลั่น

    “โธ่เอ๊ย! แฮร์รี่นี่นายซื่อหรือโง่เนี่ย ใครเขาจะมากอดกันกลางห้างไปรับส่งถึงบ้านทั้งที่ไม่ได้ชอบกัน”

    “ก็เพื่อน—โอ๊ย!เบลล่าฉันเจ็บ”

    “เฮ้อ ฉันล่ะปวดหัวกับนายจริงๆ ไปเถอะป่านนี้เขารอแล้ว”

    เบลล่าส่ายหัวก่อนที่เธอจะไล่ให้แฮร์รี่รีบกลับไปหาเอ็ดเวิร์ดได้แล้ว ความรู้สึกทุกอย่างที่เคยหนักอึ้งมลายหายไปจนหมดสิ้นยกเว้นความรู้สึกผิดที่ยังตกตะกอนในใจไม่จางหายแฮร์รี่ส่งยิ้มให้เพื่อนสาวตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับทุกอย่างเบาหวิวจนตัวเขาแทบจะลอยขึ้นจากพื้น แฮร์รี่เดินกลับไปหาเอ็ดเวิร์ดที่อีกฟากของถนน รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเมื่อเห็นว่าแฮร์รี่ผ่อนคลายลงมากไม่เหมือนเมื่อตอนพักกลางวัน

    เสียงร้องของเบลล่าเรียกให้แฮร์รี่สนใจกับสิ่งตรงหน้า รถสีขาวคันใหญ่พุ่งตรงเข้ามาหาแฮร์รี่ด้วยความเร็วเหมือนกับเสียการควบคุมพริบตานั้นสมองของเขาก็ขาวโพลนราวกับประมวลผลไม่ทันแฮร์รี่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ขาทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มหยุดนิ่งเหมือนถูกเสกคาถาแฮร์รี่หลับตาลงเขารู้ทันทีว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องเจ็บตัวแน่

    “เอี๊ยด!”

    เสียงล้อรถบดกับถนนดังลั่นก่อนตามมาด้วยเสียงของรถที่ชนเข้ากับฟุตบาท กลิ่นไหม้ของล้อชวนให้อาเจียนแฮร์รี่อยู่ในอ้อมกอดของเอ็ดเวิร์ดไม่ไกลจากบริเวณนั้น เด็กหนุ่มมองไปที่เอ็ดเวิร์ดด้วยความตกใจไม่แพ้กับชายหนุ่มที่กำลังแตะไปทั่วตัวเขาราวกับต้องการสำรวจว่าเขาบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า เป็นไปไม่ได้ เมื่อครู่เอ็ดเวิร์ดอยู่ห่างจากเขามากและต่อให้อีกฝ่ายเร็วแค่ไหนมันก็ไม่ใช่ความเร็วที่มนุษย์ทั่วไปพึงมี

    “นายมาได้ไง” แฮร์รี่กระซิบ “เมื่อกี้นายอยู่อีกฝั่ง”

    เอ็ดเวิร์ดไม่ได้ตอบอะไรเขาเบนสายตาหนีแต่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนของแฮร์รี่แม้แต่น้อย

    “แฮร์รี่! ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

    เบลล่าวิ่งตรงมาที่พวกเขาแหวกฝูงชนมากมายที่มุงรอบตัวเด็กหนุ่มจนเวียนหัว แฮร์รี่พยักหน้ารับเขายังจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อครู่นอกจากเขาไม่มีใครสงสัยหรือว่าเอ็ดเวิร์ดมาช่วยเขาทันได้อย่างไร ไม่มีเด็กนักเรียนพูดถึงเรื่องนั้นทุกคนพูดเพียงแค่เขาโชคดีที่คนขับหักพวงมาลัยทัน

    “ถนนมันลื่นเพราะฝนตกโชคดีนะที่นายไม่เป็นไรมาก” เบลล่าว่าเธอสวมกอดแฮร์รี่แน่นแล้วผละออก

    แฮร์รี่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจากความช่วยเหลือของเอ็ดเวิร์ดท่ามกลางกลุ่มนักเรียนเขาเห็นหญิงสาวเรือนผมยาวประบ่าที่คุ้นตาไม่ไกลจากบริเวณนั้นเธออยู่ในชุดเสื้อโค้ตยาวและกางเกงรัดรูปสีดำดูกระฉับกระเฉง คลอเดีย ศาสตราจารย์สาวประจำวิชาการป้องตัวจากศาสตร์มืดของอิลเวอร์มอร์นีเธอหันไปพูดคุยอะไรบางอย่างกับหัวหน้ามือปราบมือหนุ่มคนเดิมที่เขาเคยพบ แฮร์รี่กวาดสายตาไปรอบๆ นอกจากกลุ่มนักเรียนแล้วคนของมาคูซ่าเองก็ปะปนอยู่ในฝูงชนเต็มไปหมด

    “เดี๋ยวฉันมา” แฮร์รี่วิ่งฝ่าฝูงชนโดยไม่ฟังเสียงปรามของใครทั้งนั้น คลอเดียมาทำอะไรที่นี่ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อครู่คงจะไม่ใช่แค่ถนนลื่นธรรมดาแน่ๆ เด็กหนุ่มคิดในใจ

    “คุณพอตเตอร์” คลอเดียมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นอดีตนักเรียนในอาณัติของเธอปรากฏตัวตรงหน้า มือปราบมารหนุ่มกล่าวทักทายเขาก่อนเดินแยกตัวออกมาเพื่อให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน

    “ศาสตราจารย์มาทำอะไรที่นี่ครับ” แฮร์รี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทาในขณะที่เดินตามศาสตราจารย์สาว คลอเดียลังเลเธอไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือเปล่าแต่สุดท้ายเธอก็พูดออกมา

    “มีคนใช้คำสาปโทษผิดสถานเดียวที่นี่ คำสาปสะกดใจ”

    “คำสาปสะกดใจ..” แฮร์รี่พึมพำ “แสดงว่าอุบัติเหตุนี่”

    “ผู้เสพความตายคนนั้นอยากจะฆ่าเธอ” น้ำเสียงของคลอเดียเต็มไปด้วยความกังวล ลูกศิษย์ของเธอกำลังมีอันตรายที่คุกคามถึงชีวิต แฮร์รี่หลับตาเมื่ออาการปวดหัวแล่นจี๊ดขึ้นก้านสมองทำไมเรื่องวุ่นวายทั้งหมดจะต้องเกิดขึ้นในวันที่สภาพร่างกายเขาไม่พร้อมกันนะ

    “ผมพอจะช่วยอะไรพวกคุณได้มั้ย” แฮร์รี่พูดขึ้น เขาตั้งใจที่จะเริ่มต้นชีวิตธรรมดาที่ฟอร์คแต่ทำไมเรื่องทุกอย่างมันกลับยุ่งยากขนาดนี้

    “ฉันอยากให้เธอกลับไปที่โรงเรียนอย่างน้อยเธอจะปลอดภัยมากกว่า”

    “คุณก็เห็นว่าครั้งสุดท้ายมันเป็นยังไง ผมไม่ต้องการให้ใครมาตายเพราะผมอีก”

    ภาพการตายของเชสเตอร์ยังเด่นชัดในความทรงจำไม่ว่าจะยามตื่นหรือยามนอนความรู้สึกผิดในใจของเขาก็ไม่เคยจางหายไปไหนมือบางกำแน่นจนคู่สนทนานึกกลัว คลอเดียเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังมองมาที่เธอ เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับแฮร์รี่จ้องมาที่เธอเขม็งเธออ่านสีหน้าของเด็กคนนั้นไม่ออกแต่ดวงตาสีอำพันที่จ้องมาทำให้ศาสตราจารย์สาวชะงัก

    “เธอรู้ใช่มั้ยว่าที่ฟอร์คมีอะไรอยู่”

    แฮร์รี่ไล่สายตาไปตามคลอเดียเอ็ดเวิร์ดกำลังมองมาที่พวกเขา เด็กหนุ่มสบตากับคลอเดียอีกฝ่ายมีสีหน้าจริงจังและแฮร์รี่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร

    “หมาป่า” แฮร์รี่ตอบไป “เขาเป็นญาติกับซีเรียส—”

    “ฉันหมายถึงแวมไพร์”

    พ่อมดหนุ่มนิ่งไป แฮร์รี่รู้ว่าเขากำลังบอกตัวเองว่าบางทีคลอเดียคงจะหมายถึงคนอื่นแต่เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ แฮร์รี่รู้ว่าศาสตราจารย์สาวที่พ่วงตำแหน่งมือปราบมารกำลังหมายถึงเอ็ดเวิร์ดหรือบางทีคงจะหมายถึงครอบครัวคัลเลนทั้งหมด ผิวกายขาวซีด สัมผัสที่เย็นราวน้ำแข็ง ดวงตาสีอำพัน ความรวดเร็วเหนือมนุษย์ธรรมดา ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นในอกอีกครั้งจู่ๆ เขาก็เกิดกลัวขึ้นมา กลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ความวิตกเริ่มเกิดขึ้นในใจของศาสตราจารย์สาวการมีอยู่ของพ่อมดและแม่มดสำหรับพวกสิ่งมีชีวิตพิเศษไม่ใช่เรื่องที่ถูกปิดบังแต่สำหรับแวมไพร์ที่ปะปนอยู่กับมักเกิ้ลเช่นนี้คงยากที่จะพูดได้เต็มปากว่าพวกเขารู้ถึงตัวตนของแฮร์รี่

    “นี่เรื่องใหญ่นะคุณพอตเตอร์”

    “แต่พวกเขาไม่ได้อันตราย” แฮร์รี่แย้งขึ้น “พวกเขาไม่ได้โจมตีมักเกิ้ล”

    “ถ้าพวกเขาเป็นแวมไพร์ประสาทการรับรู้ของพวกเขาดีมากคุณพอตเตอร์เขาจะได้ยินที่เราพูดทุกอย่าง” คลอเดียว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธอมองไปรอบข้างเมื่อเห็นว่าไขว้มือไปด้านหลังพลางพึมพำว่ามัฟฟลิอาโต้แสงสีฟ้าปรากฏขึ้นในพริบตาเดียวก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติ ไม่ทันที่คลอเดียวจะได้พูดต่อฉับพลันภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเรือนแฮร์รี่รู้สึกเหมือนกับทุกอย่างกำลังหมุนรอบตัวเขาด้วยความเร็วสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินคือเสียงเรียกของศาสตราจารย์คลอเดียและสัมผัสเย็นยะเยือกก่อนทุกอย่างจะมืดลง

     

     

     

    ---

     

     

     

    เปลือกตาบางขยับเปิดออกช้าๆ ภาพทุกอย่างเลือนรางเหมือนกระจกที่ขึ้นฝ้าในฤดูหนาวสัมผัสของเตียงและกลิ่นที่แปลกไปทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน อาการป่วยที่เกิดขึ้นตลอดวันหายไปแล้วเพียงแค่เขาได้พักผ่อนเต็มที่ มือขาวเอื้อมคลำบริเวณใกล้เคียงเขาสัมผัสได้ถึงแว่นตาของตนก่อนหยิบมันมาสวมใส่สิ่งแรกที่เขาเห็นคือห้องนอนสไตล์โมเดิร์นที่กำแพงทั้งสามมุมถูกแทนที่ด้วยกระจกบานใหญ่ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของป่ายามวิกาลได้อย่างดี แฮร์รี่ดึงผ้าห่มออกจากกายพลางลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าเขาเดินสำรวจรอบห้องด้วยความสนใจไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าของห้องนี้จะต้องเป็นคนที่รสนิยมดีไม่หยอก ชั้นวางสีขาวตรงข้ามกับเตียงนอน (ที่ความจริงมันคล้ายกับโซฟาเสียมากกว่า) มีสเตอริโอเครื่องใหญ่และรอบข้างเรียงรายไปด้วยหนังสือมากมายกับแผ่นเสียงหลายหลายประเภท

    ใบหน้านวลร้อนผ่าวเขาพอจะรู้แล้วว่าเจ้าห้องคือใคร เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกให้แฮร์รี่เลิกสนใจกับแผ่นเสียงเพลงคลาสสิคที่วางใกล้สเตอริโอ ร่างสูงของเอ็ดเวิร์ดปรากฏขึ้นด้านหลังบานประตู

    “ตื่นแล้วเหรอ” เอ็ดเวิร์ดส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้แก่เขา อีกฝ่ายปิดประตูห้องก่อนเดินลงมานั่งที่โซฟาหนังสีขาวตัวยาวมือหนาตบลงที่บริเวณข้างตนเบาๆ หวังให้แฮร์รี่นั่งด้านข้าง คนตัวเล็กนั่งลงด้วยความระวังหัวใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นจังหวะจนแฮร์รี่นึกเขินหากคนตัวสูงได้ยินความเงียบที่โรยอยู่รอบห้องชวนให้อึดอัดแต่ก็คงไม่พ้นความกระอักกระอ่วนระหว่างพวกเขาทั้งสอง

    “ป่านนี้ซีเรียสคงจะเป็นห่วงแล้วมั้ง” แฮร์รี่พูดขึ้นพลางมองดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่นอกหน้าต่าง

    “เขาอยู่ที่นี่ข้างล่างบ้านไม่ต้องกังวลนะรวมทั้งอาจารย์ของนายด้วย”

    คำตอบของเอ็ดเวิร์ดเรียกความประหลาดใจให้แก่คนตัวเล็กอย่างมาก ทำไมซีเรียสถึงอยู่ที่บ้านของเอ็ดเวิร์ดได้กันแฮร์รี่ลุกขึ้นยืนแต่ก็ถูกเอ็ดเวิร์ดคว้าข้อมือเอาไว้

    “ฉันรู้เรื่องของนายแล้วแฮร์รี่ นายเป็นพ่อมด” อีกฝ่ายพูดเสียงแผ่ว “และนายก็รู้แล้วว่าฉันเป็นแวมไพร์”

    แฮร์รี่ไม่ได้ตอบอะไรแต่ความกังวลที่ฉายอยู่เต็มใบหน้าหล่อสร้างความไม่สบายใจให้กับเขาอย่างมาก ดวงตาสีอำพันเต็มไปด้วยคำถามมากมายเอ็ดเวิร์ดเบนหน้าหนีคู่แท้ตัวน้อย เป็นครั้งแรกที่เขาไม่กล้ามองแฮร์รี่ตรงๆ

    “กลัวฉันรึเปล่า” เอ็ดเวิร์ดพูดก่อนปล่อยข้อมือของแฮร์รี่ให้หลุดจากพันธนาการ

    “ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องกลัว”

    แฮร์รี่ตอบกลับ เขานั่งลงข้างเอ็ดเวิร์ดอีกครั้งพลางมองอีกฝ่ายที่ทำหน้าตาเคร่งเครียดจนเขานึกตลก ปลายนิ้วของพวกเขาทั้งสองแนบชิดกันเล็กน้อย แฮร์รี่รู้สึกเหมือนถูกกระแสไฟเล็กๆ แล่นผ่านผิวหนังยามสัมผัสกับเอ็ดเวิร์ดในคราแรกเอ็ดเวิร์ดใช้เพียงปลายนิ้วเกี่ยวเขาไว้แต่สักพักสัมผัสนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือใหญ่ที่เคลื่อนมาทาบทับมือของเขาอย่างนิ่มนวลความอบอุ่นจากมือของคนตัวเล็กเริ่มทำจิตใจของอีกฝ่ายสงบลงมากขึ้น เอ็ดเวิร์ดใช้นิ้วลูบตามฝ่ามือของแฮร์รี่ช้าๆ

    “ฉันอยากปกป้องนาย” นัยน์ตาสีอำพันแฝงไปด้วยความจริงจัง แฮร์รี่มองลึกเข้าไปในดวงตาคมเปี่ยมเสน่ห์เขารู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังจมอยู่ในห้วงมหาสุมทรยามสบตากับแวมไพร์หนุ่ม “ฉันไม่อยากเสียนายไป”

    “ฉันก็เหมือนกัน”

    แฮร์รี่พึมพำ เขาเห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของเอ็ดเวิร์ดระยะห่างระหว่างเราลดน้อยลง แฮร์รี่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนขยับเข้าหาก่อนหรืออาจจะเป็นเราทั้งคู่ ลมหายใจเย็นเป่ารดพวงแก้มที่ขึ้นสีแดงจางแฮร์รี่หลับตาลงในขณะที่เอ็ดเวิร์ดไล่พิจารณาดวงหน้าน่ารักของคนตัวเล็ก

    สัมผัสแผ่วเบาเหมือนขนนกแตะลงบนริมฝีปากอิ่ม แฮร์รี่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ว่าจูบแรกระหว่างเขาและเอ็ดเวิร์ดมันชวนให้รู้สึกดีแค่ไหนไม่มีการล่วงล้ำแต่ทุกสัมผัสของเอ็ดเวิร์ดเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกและลึกซึ้ง พวกเขาผละออกจากกันเพียงเล็กน้อยใช้ปลายจมูกคลอเคลียกันอยู่แบบนั้น เอ็ดเวิร์ดยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวใจของแฮร์รี่ที่เต้นไม่เป็นจังหวะหากเขายังมีชีวิตอยู่มันก็คงเต้นแรงไม่ต่างจากคนตรงหน้าเป็นแน่ เขาจรดริมฝีปากลงอีกครั้งมืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นประคองกรอบหน้าของพ่อมดตัวน้อยให้รับสัมผัสของตนก่อนจะผละออกด้วยความเสียดาย

    “จะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันอยากขอนายเดท” เอ็ดเวิร์ดกระซิบ

    “นายมาถามหลังจากที่จูบฉันไปแล้วเนี่ยนะ” แฮร์รี่แสร้งทำเสียงดุพลางหลุบตาต่ำ “เบลล่าล่ะ”

    “ฉันคุยกับเธอแล้ว เธอบอกว่าถ้าฉันทำนายเสียใจจะตามมาเผาบ้าน”

    เอ็ดเวิร์ดหัวเราะ ถ้าเบลล่าเอาจริงเขาคงไม่มีทางได้เจอคู่ตัวน้อยอีกแน่ต่อให้พวกเขามีชีวิตเป็นนิรันดร์แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็มีจุดอ่อนเช่นกัน

    “งั้นนายก็อย่าทำให้เธอผิดหวังแล้วกัน”

     

    tbc

    ------------------------------------------------------------------------

    talk : แหะพอดีเขากลับต่างจังหวัดเลยอัพช้านิดหน่อยแต่กลับมาแล้วค่า! 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×