ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Twilight x Harry Potter - once upon a time i'm crush on wizard

    ลำดับตอนที่ #5 : four

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 64


    Chapter 4

    -----

    แฮร์รี่กำลังเตรียมมื้อเย็นช่วยเพื่อนสาวของตนในห้องครัว เขาช่วยเบลล่าจัดจานและเตรียมของหวานที่ตัวเขาทำมาสำหรับปิดท้ายมื้ออาหาร ในคราแรกเบลล่าเอ็ดเขาเพราะเห็นว่าตนเป็นแขกแต่ก็แพ้ลูกอ้อนของแฮร์รี่ที่ไม่อยากนั่งเฉยๆ จนได้เย็นวันนี้ครอบครัวของเขามีนัดทานมื้อค่ำกับครอบครัวสวอนทั้งซีเรียสและสารวัตรชาร์ลีกำลังพูดคุยกันอยู่ที่โต๊ะอาหารรอพวกเขา

    “พักหลังมานี้ไม่ค่อยได้เจอรีมัสเท่าไหร่เลยนะ” ชาร์ลีว่าพลางรินไวน์ให้ซีเรียส

    “รีมัสได้งานที่อังกฤษน่ะเลยไม่ค่อยว่างมาจะมาได้ก็ตอนที่โรงเรียนปิดภาคเรียน” ซีเรียสตอบรับ

    “โอ้ ดีแล้วล่ะไว้รีมัสกลับมาแล้วค่อยนัดกันใหม่”

    “นี่มีหนูคนเดียวเหรอคะที่ยังไม่รู้จักกับครอบครัวแฮร์รี่” เบลล่ายิ้มพร้อมกับวางจานอาหารตรงหน้าแขกของบ้าน

    “อย่าว่าแต่เราเลยพ่อเองก็ไม่ค่อยได้เจอแฮร์รี่หรอกช่วงนั้นเขาย้ายไปเรียนที่บอสตันกว่าจะกลับมาก็สวนกับเราแล้ว”

    ชาร์ลีพูดเสริม อย่างที่อีกฝ่ายว่าแฮร์รี่ไม่ค่อยได้กลับมาที่ฟอร์คนักตั้งแต่ไปเรียนที่อิลเวอร์มอร์นีส่วนมากเขาจะใช้เวลาอยู่กับการฝึกคาถากับศาสตราจารย์คลอเดียหรือบางทีก็ไปเที่ยวกับเชสเตอร์บ้างและแน่นอนว่าบ่อยครั้งแฮร์รี่และซีเรียสจะไปที่อังกฤษกลับไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อและแม่

    “เจคอบล่ะ” แฮร์รี่หันไปถามเบลล่าด้วยความสงสัย

    “เดี๋ยวตามมาเหมือนจะติดธุระอะไรนี่แหละ”

    ทันทีที่เบลล่าพูดจบเสียงกริ่งก็ดังขึ้นหญิงสาวเดินปรี่ไปที่ประตูบ้าน แฮร์รี่ได้ยินเสียงเบลล่าพูดคุยบางอย่างนิดหน่อยไม่นานร่างสูงกำยำของเจคอบก็ปรากฏตัวยังห้องอาหารของบ้าน

    “ไงเจคมาช้านะ” ชาร์ลีร้องทัก

    “ติดธุระกับเพื่อนนิดหน่อยแต่ตอนนี้เรียบร้อยแล้วครับ”

    ชาร์ลีพยักหน้าก่อนเอ่ยให้แขกคนสุดท้ายของค่ำคืนนี้นั่งที่ให้เรียบร้อยเจคอบนั่งอยู่ข้างแฮร์รี่ถัดไปเป็นพ่อทูนหัวของเขาและตรงข้ามเป็นครอบครัวสวอน มื้ออาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มแฮร์รี่อมยิ้มไปกับมุกตลกของเจคอบหรือบางทีก็เป็นเรื่องเปิ่นๆ ของเบลล่าในวัยเด็กที่ชาร์ลีเล่าจนหญิงสาวต้องร้องห้ามอย่างไม่ได้จริงจังนักใบหน้าของเธอแดงก่ำแต่ก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มบรรยากาศตอนนี้เหมือนสมัยที่เขาอยู่ปี1ไม่มีผิด

    “งั้นแสดงว่านายเป็นญาติกับเจคอบใช่มั้ย” เบลล่าทักขึ้นเธอสงสัยเรื่องนี้มาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ถาม

    “ไม่เชิง ฉันรับแฮร์รี่มาเลี้ยง” ซีเรียสตอบก่อนตักพาสต้าคำสุดท้ายเข้าปาก

    “พ่อกับแม่ฉันเสียตั้งแต่ยังเล็กน่ะ”

    แฮร์รี่เงยหน้าสบตาเพื่อนสาวเมื่อได้ยินเช่นนั้นเบลล่ามีท่าทีอึกอักเธอรีบกล่าวขอโทษแฮร์รี่แทบจะทันที เด็กหนุ่มส่ายหน้าพลางปลอบเธอว่าไม่เป็นไรถึงแม้ในใจจะยังเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็ไม่อยากทำบรรยากาศเสียคนตัวเล็กรีบเปลี่ยนเรื่องและพูดเรื่องของหวานที่เขาทดลองทำครั้งแรก คนแรกที่เอ่ยปากชมก็คงจะไม่พ้นเจคอบอีกฝ่ายแถมเอาแต่พูดว่า ‘ถ้านายเป็นผู้หญิงฉันคงจะรีบขอแต่งงานแล้วล่ะ’ ไม่หยุดจนเขาชักอยากเสกคาถาให้เงียบ

    “เจคอบพูดถูกนายทำเค้กอร่อยมากเลยครั้งหน้าต้องให้สอนแล้วแหละ” เบลล่าพูดเสริม

    “รอบที่แล้วเบลล่าพยายามจะทำทาร์ตแต่กลายเป็นว่ามันไหม้หมดเลย”

    “พ่อคะ” เบลล่าโอดครวญแต่เธอก็ยังหัวเราะ “ใครได้นายเป็นแฟนนี่โชคดีชะมัด”

    “ปวดหัวตายล่ะสิไม่ว่า”

    ซีเรียสชิงพูดพลางขยิบตาให้ลูกชายตัวแสบ แฮร์รี่ยักไหล่พร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนตักเค้กช็อกโกแลตเข้าปากช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วเจคอบขอตัวกลับก่อนสีหน้าของอีกฝ่ายไม่สู้ดีนักหลังจากรับสายจากพ่อของตน เขาบอกลาชาร์ลีโดยไม่ลืมกอดลาเบลล่าและแฮร์รี่ด้วย

    แฮร์รี่เก็บจานบนโต๊ะอาหารเขาชอบช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะใครๆ ก็ชอบทั้งนั้นความสุขที่อบอวลไปทั่วห้องมันมากเสียจนพ่อมดตัวจ้อยแทบสำลักเขาอยากแนะนำเชสเตอร์ให้เบลล่ารู้จักอยากพาเชสเตอร์ไปเที่ยวที่ป่านอกเมืองและ

    มือบางหยุดชะงักและเรื่องของเอ็ดเวิร์ด คัลเลนคนที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวได้

    “ขอบใจนะเดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง” เบลล่าตอบรับในขณะที่กำลังเช็ดจานแฮร์รี่วางจานใบสุดท้ายลงในซิงค์ก่อนขยับตัวพิงมองหญิงสาว

    “เสียใจด้วยเรื่องครอบครัวนาย ฉันไม่รู้จริงๆ ขอโทษนะ” เบลล่าหายใจเฮือกใหญ่นั่นทำให้แฮร์รี่รู้ว่าเธอคิดมากกว่าที่ตนเห็น

    “ไม่เป็นไรทุกคนที่โรงเรียนเก่าฉันเขารู้กันหมดน่ะ”

    “นั่นฟังดูไม่เข้าท่าเลยนะ” หญิงสาวทำหน้าตกตะลึงเมื่อแฮร์รี่พูดแบบนั้น “ทำไมทุกคนถึงรู้เรื่องของนายหมดกัน”

    “ก็..ความจริงฉันค่อนข้างจะดังเลยล่ะที่บอสตัน” หมายถึงโลกเวทมนตร์ในบอสตันน่ะนะแฮร์รี่คิดในใจ

    “ต้องขอลายเซ็นรึเปล่าแฮร์รี่ พอตเตอร์คนดัง”

    เบลล่าพูดติดตลกเธอเอื้อมมือเก็บจานไว้บนชั้นวางจานก่อนซับน้ำบนมือให้เรียบร้อย แฮร์รี่หัวเราะเขารู้สึกได้เลยว่าพวกเขาทั้งสองสนิทกันมากขึ้นหลังมื้ออาหารในวันนี้ทุกครั้งเวลาอยู่กับเบลล่าเด็กหนุ่มจะรู้สึกเหมือนมีกำแพงบางอย่างกั้นอยู่เสมอถ้าจะเรียกให้ถูกคงจะเป็นความอึดอัดเสียมากกว่า

    “ความจริงฉันรู้สึกว่านายเข้าหายาก” เบลล่าพูดขึ้น แฮร์รี่ยักคิ้วขึ้นทำหน้าตาตกใจราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “แต่พอได้คุยถึงรู้ว่าจริงๆ นายแค่เอ่อ ไม่รู้สิเหมือนตั้งกำแพงบางอย่างไว้”

    “เพื่อนฉันก็บอกแบบนั้น” แฮร์รี่คลี่ยิ้มบางพลางนึกถึงใบหน้าของเพื่อนสนิทหัวใจปวดหนึบแต่ก็แผ่ซ่านไปด้วยความอบอุ่น

    “ดีใจที่เราสนิทกันมากขึ้นนะแฮร์รี่”

    เราทั้งสองส่งยิ้มให้กันเบลล่ากับชาร์ลีเดินออกมาส่งแฮร์รี่และซีเรียส เบลล่าพูดย้ำเรื่องที่จะมาเรียนทำขนมกับเขาในวันหยุดเธอจริงจังเอามากๆ และบอกว่าจะไม่ยอมทำขนมไหม้อีกเป็นครั้งที่สองแฮร์รี่ตอบรับและกล่าวขอบคุณชาร์ลีสำหรับคำเชิญในวันนี้ หัวใจดวงน้อยฟูฟ่องไปด้วยความสุขเขาอยากหยุดเวลาไว้เท่านี้ใครจะไปคิดว่าเพียงแค่มื้อค่ำเล็กๆ ก็ทำให้เขามีความสุขมากมายไม่ต่างจากตอนที่คว้าลูกโกลเด้นสนิชได้แม้แต่น้อยแฮร์รี่ภาวนาเขาวิงวอนไม่ว่าใครก็ตามอย่าพรากความสุขไปจากชีวิตเขาอีกเลย

     

     

     

    ---

     

     

     

    หลายวันหลังจากนั้นแฮร์รี่เริ่มรู้สึกคุ้นชินกับโรงเรียนมักเกิ้ลแล้วบ้างเขาใช้เวลาตลอดเย็นอยู่กับเบลล่าและกลุ่มเพื่อนของเธอไปกับการติวในวิชาต่างๆ น้อยครั้งจะได้เจอไมค์และเอริคร่วมวงด้วยเพื่อนชายทั้งสองบอกว่าพวกเขาไม่อยากใช้เวลาอยู่กับหนังสือเล่มหนามากกว่าการนั่งเล่นวิดีโอเกมที่พวกเขาพึ่งซื้อมาเท่าไรนักและแฮร์รี่เห็นด้วย

    “ใจลอยนะเจ้าหนู” เสียงของรีมัสเรียกสติแฮร์รี่ให้กลับมาสนใจอีกฝ่ายได้

    “ขอโทษครับพอดีผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

    “นั่นไม่ดีอย่างมากสำหรับบทเรียนของเราในวันนี้”

    แฮร์รี่ยกยิ้มแห้ง สุดสัปดาห์นี้รีมัสจัดการตารางงานทั้งหมดของตนได้และรีบมาที่ฟอร์คหลังจากได้ยินเรื่องราวของเอ็ดเวิร์ดผ่านจากซีเรียสบทเรียนเลจิลิเมนในวันนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากแฮร์รี่ถูกอ่านความทรงจำครั้งแล้วครั้งเล่านับครั้งไม่ถ้วนแน่นอนว่ามันเจ็บปวดมากกว่าครั้งแรกที่เขาพบเอ็ดเวิร์ดเสียอีก

    “เธอว้าวุ่นใจเรื่องเขา” รีมัสพูด “มีอะไรที่โรงเรียนงั้นเหรอ”

    “ผมไม่เจอเขามาจะสามวันแล้ว” แฮร์รี่บอก “ติดต่อไม่ได้แถม—”

    “เธอกำลังเป็นห่วงเขา” รีมัสยิ้มพลางเก็บไม้กายสิทธิ์เข้าในเสื้อคลุมตัวโปรด เขามองลูกชายของเจมส์ที่บัดนี้ใบหูขึ้นสีแดงเหมือนเด็กตัวน้อยที่ถูกจับได้ว่าทำความผิด

    “ผมไม่ได้เป็นห่วงเขาแค่.. แค่สงสัย” แฮร์รี่ย้ำเสียงแข็งเขาพูดรัวเร็วจนศาสตราจารย์ประจำฮอกวอตส์หลุดขำ

    “โอเคๆ ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง งั้นวันนี้เราพอแค่นี้กันก่อนดีมั้ยเธอคงไม่มีสมาธิพอจะเรียนแล้วล่ะ”

    แฮร์รี่พยักหน้ารับรีมัสสอนวิธีในการสกัดใจให้แก่เขาบ้างแล้วมันคือการทำจิตใจให้ว่างเปล่าและไม่ฟุ้งซ่านฟังดูง่ายแต่ความจริงมันยากมากสำหรับคนแบบเขาที่ในหัวเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย รีมัสบอกว่าหากการสอนในครั้งนี้ไม่สำเร็จเขาจะลองขอให้ศาสตราจารย์สเนปมาช่วยสอน แฮร์รี่แอบสังเกตเห็นว่าเมื่อพูดถึงชื่อของเขาคนนี้ขึ้นมาทั้งซีเรียสและรีมัสมีอาการขยาดดูก็รู้ในทันทีว่าทั้งสามคงไม่ลงรอยกันนัก ศาสตราจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนเดิมกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับแก้วน้ำสองใบแฮร์รี่เอ่ยขอบคุณพลางยกขึ้นจิบ

    “ฉันมีเรื่องต้องบอกเธอ” สีหน้าของรีมัสจริงจังแฮร์รี่รู้สึกได้ว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ “ทางกระทรวงบอกมาว่าตอนนี้พวกเขายังจับผู้เสพความตายคนนั้นไม่ได้ดูท่าเขาจะไม่ใช่แค่ผู้เสพความตายธรรมดา”

    “หมายความว่ายังไงครับ” แฮร์รี่ถาม “ที่ไม่ธรรมดานี่คือ..”

    “ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมประหลาดๆ ที่เราได้รับแจ้งเมื่อปีก่อน” รีมัสตอบรับคราวนี้เป็นแฮร์รี่ที่มีสีหน้าเคร่งเครียด “เรากวาดล้างไปแล้วแต่หมอนี่เชี่ยวชาญมากในเรื่องลบล้างตัวตนและคาถาฉันจะบอกชื่อและให้รูปเธอไว้ถ้าเจอล่ะก็ต้องรีบแจ้งกระทรวงหรือฉันทันทีนะ”

    แฮร์รี่ตอบรับเขามองรูปถ่ายของผู้ต้องสงสัยในมือด้วยความรู้สึกหนักอึ้งหมอนี่เองเหรอคนที่ทำลายชีวิตของเพื่อนสนิทเขา ความโกรธอัดแน่นในอกจนแทบทะลักเขากำมือแน่นพลางข่มตาระงับความโกรธ ซีเรียสเดินเข้ามาสมทบผู้มีศักดิ์เป็นพ่อทูนหัวกอดลูกชายตนพลางลูบหลังปลอบโยนแฮร์รี่กระซิบบอกอีกฝ่ายว่าตนไม่เป็นไรแล้วผละออก

    “ครั้งสุดท้ายที่เราเจอเขาคือที่ลาพุชและฉันคิดว่าเขาน่าจะแฝงตัวอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักฉันอยากให้เธอพกไม้ไว้กับตัวเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง” ซีเรียสกำชับ

    “ครับผมเข้าใจแล้ว” ริมฝีปากบางเม้มแน่นแฮร์รี่ถอนหายใจดูท่าคำขอของเขาเมื่ออาทิตย์ก่อนคงจะไม่เป็นจริงเสียแล้วมั้ง

     

     

     

    ---

     

     

     

    เย็นวันนั้น แฮร์รี่จอดรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งที่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ตประจำเมืองฟอร์คในมือมีกระดาษแผ่นเล็กที่จดสิ่งของที่ต้องใช้สำหรับทำมื้อเย็นวันนี้ โดยปกติแล้วทั้งเขาและซีเรียสจะเวียนกันมาซื้อของอาทิตย์ละครั้งเข้าตู้เย็นซึ่งจริงๆ แล้ววันนี้เป็นเวรของพ่อทูนหัวแต่แฮร์รี่เลือกเสนอตัวออกมาเพราะอยากให้อีกฝ่ายใช้เวลากับรีมัสที่นานครั้งจะมาที่ฟอร์คมากกว่า

    “ไหนดูซิ” แฮร์รี่พึมพำพลางกวาดตามองลิสต์วัตถุดิบเด็กหนุ่มเข็นรถมุ่งตรงไปยังโซนเนื้อสัตว์ในระหว่างที่กำลังเลือกเนื้ออยู่นั้นแว่วเสียงบ่นที่คุ้นเคยดังถัดไปจากเขาสักประมาณสองล็อก แฮร์รี่เงยหน้าก่อนเห็นร่างสูงของใครบางคนที่เขาไม่ได้เจอมานานกำลังทำหน้ามุ่ยมองหญิงสาวตัวเล็กและใครอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้า

    “นั่นแฮร์รี่นี่”

    เป็นอลิซที่เห็นเขาก่อนเธอยิ้มร่าพร้อมสะกิดให้เอ็ดเวิร์ดมองมาที่เขา ใบหน้าหล่อสลักนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะปรี่มาที่แฮร์รี่ทันทีพ่อมดตัวน้อยปั้นหน้าไม่ถูกเขามองรอบด้านไม่มีทางให้หนีครั้นจะย้อนกลับทางเก่าก็พลอยแต่จะทำให้อีกฝ่ายสงสัย

    ‘แล้วเขาจะหนีเอ็ดเวิร์ดทำไมกันเนี่ย’

    “เอ่อ.. ไงไม่เจอกันนานนะ” แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเด็กหนุ่มชักอยากจะตบปากตัวเองแรงๆ ให้รู้แล้วรู้รอด

    “ฉันไม่สบายนิดหน่อยตอนนี้ดีขึ้นแล้วล่ะ” คนตัวสูงยกยิ้ม แฮร์รี่ตอบรับเสียงเบาในลำคอเขาพยายามหลบสายตาเอ็ดเวิร์ดที่มองมา ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเสียอย่างนั้นทั้งที่ไม่ได้เจอกันไม่ถึงอาทิตย์เสียด้วยซ้ำ

    “เพื่อนที่โรงเรียนเหรอเอ็ดเวิร์ด” เสียงหวานพูดแทรกขึ้นในบทสนทนา หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ตรงหน้าถามขึ้นอีกฝ่ายดูอายุมากกว่าแม่ของแฮร์รี่ราวสี่ปีก่อนที่เธอจะจากไปความใจดีของเธอแผ่ออกมาผ่านรอยยิ้มและน้ำเสียงจนตัวเขาสัมผัสได้

    “แฮร์รี่ พอตเตอร์ครับยินดีที่ได้รู้จัก” แฮร์รี่รีบเอ่ยแนะนำตัวกับคนตรงหน้า

    “เอสเม่ คัลเลนจ้ะยินดีที่ได้พบเช่นกัน เอ็ดเวิร์ดเล่าเรื่องของหนูให้ฉันฟังบ่อยมากเลยล่ะ” คุณนายคัลเลนว่าแฮร์รี่จ้องไปที่เอ็ดเวิร์ดด้วยความประหลาดใจเขาแอบเห็นอลิซหัวเราะเมื่อน้องชายของเธอทำตัวไม่ถูก เอสเม่ยกยิ้มแล้วพูดต่อ

    “ทำไมไม่ไปเดินกับเพื่อนล่ะเอ็ดเวิร์ดไว้ซื้อของเสร็จเราค่อยไปเจอกันที่รถ”

    “จะดีเหรอครับผมว่า” ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยคดีหญิงสาวตัวเล็กก็ดันเอ็ดเวิร์ดให้ไปหาแฮร์รี่เสียอย่างนั้น

    “ตามนั้นแหละแล้วเจอกันนะ”

    หล่อนว่าพร้อมเข็นรถไปอีกทางเธอหันไปยิ้มให้เอสเม่และไม่ลืมหันมาโบกมือให้แฮร์รี่ด้วย ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองแฮร์รี่กระแอมไอด้วยความประหม่าเขาเอ่ยชวนให้อีกฝ่ายตามมาและเอ็ดเวิร์ดก็ไม่ขัดอะไร

    “ฉันเข็นให้ดีกว่า” เอ็ดเวิร์ดไม่พูดเปล่าเขาเขยิบตัวประชิดแฮร์รี่ก่อนใช้มือเบียดแย่งรถเข็นมาด้วยความรวดเร็วจนแฮร์รี่ไม่ได้ทันตั้งตัว เสียงล้อเหล็กบดกับพื้นดังก้องทิ้งห่างพ่อมดหนุ่มไปจนเขาต้องรีบวิ่งตามพวกเขาใช้เวลาเลือกซื้อของต่างๆ จนครบแฮร์รี่หยุดเดินเขาพึ่งนึกอะไรบางอย่างออก

    “ไปล็อกซีเรียลก่อนสิ ซีเรียลฉันหมด” แฮร์รี่กระตุกดึงแขนเสื้ออีกฝ่ายฉับพลันใบหน้าขึ้นสีจางเมื่อนึกถึงการกระทำที่เหมือนพวกคู่รักที่เขาเคยเจอเมื่อครั้งมาซื้อของตอนเดือนก่อน เอ็ดเวิร์ดยิ้มเขาเข็นรถไปที่โซนซีเรียลตามความต้องการของแฮร์รี่ คนตัวเล็กหยิบซีเรียลสองกล่องสุดท้ายใส่รถเข็นแล้วขีดฆ่าตัวอักษรบนกระดาษออกเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ

    “มาร์ชเมโล่?”

    เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู แฮร์รี่สะดุ้งเมื่อเห็นใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดห่างไม่กี่คืบอีกฝ่ายชะโงกหน้ามามองลิสต์กระดาษของเขาอย่างถือวิสาสะเขาขมวดคิ้วแล้วหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายราวกับไม่เกรงกลัว

    “ใช่นายมีปัญหาเหรอ” แฮร์รี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกึ่งไม่พอใจ “ว่าแต่ฉัน นายเถอะไม่ยักรู้ว่าแวมไพร์กินข้าวได้”

    เพียงเท่านั้นแฮร์รี่รู้สึกเหมือนถูกกระชากตัวเขาลอยหวือจนแผ่นหลังชนเข้ากับชั้นวางสินค้าอย่างแรง เอ็ดเวิร์ดจ้องมาที่เขาแววตาเต็มไปด้วยเกรี้ยวกราดเป็นครั้งแรกที่แฮร์รี่รู้สึกกลัวคนตรงหน้า มือหนาบีบต้นแขนทั้งสองของแฮร์รี่แน่นเหมือนคีบเหล็กเขานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแฮร์รี่เพียงแค่อยากเล่นมุกเท่านั้นแต่ดูท่าคงจะไปเผลอสะกิดอะไรในใจอีกฝ่ายเข้า

    “ใจเย็นเอ็ดเวิร์ดฉันล้อเล่น” แฮร์รี่รีบพูด “ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่านายไม่ชอบ”

    เอ็ดเวิร์ดหลับตาลงมือทั้งสองปล่อยให้แฮร์รี่เป็นอิสระแต่คนตัวสูงกลับโน้มใบหน้าฝังลงที่บ่าเล็กด้านขวาราวกับสงบสติอารมณ์ แฮร์รี่ลังเลแต่สุดท้ายก็ยกมือขึ้นลูบหลังอีกคนแผ่วเบาหัวใจดวงน้อยสั่นรัวไม่รู้เพราะความกลัวหรือเขินกันแน่

    “ขอโทษ” เอ็ดเวิร์ดพึมพำแฮร์รี่รู้สึกจั๊กจี้ยามอีกฝ่ายพูดในขณะที่อยู่แบบนี้ มือของแฮร์รี่หยุดนิ่งความสงสัยตีวนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้งแฮร์รี่รีบทำสมาธิหากเอ็ดเวิร์ดเป็นแวมไพร์จริงเขาจะปล่อยให้อีกคนอ่านความคิดเขาไม่ได้

    “ครั้งหน้าจะไม่พูดแล้วตอนนี้นายช่วยขยับออกไปได้มั้ย” แฮร์รี่กระซิบพลางดันเอ็ดเวิร์ดให้ห่างจากตน

    “แฮร์รี่?”

    เจ้าของชื่อรีบหันไปตามเสียงเรียก แฮร์รี่มีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นเบลล่าเพื่อนของเขากำลังมองมาด้วยสีหน้าสับสนด้านข้างของเธอมีเจคอบที่ถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยถุงแป้งสำหรับทำขนม แววตาของเจคอบโกรธเกรี้ยวอีกฝ่ายปรี่เข้ามาผลักเอ็ดเวิร์ดออกอย่างแรงจนเบลล่าร้องห้ามแทบไม่ทัน

    “แก!ไอ้ตัวดูด—”

    “เจคอบอย่า” แฮร์รี่ร้องห้ามทันทีที่เจคอบกระชากคอเสื้อเอ็ดเวิร์ด ตัวต้นปัญหายืนมองมาที่ชายหนุ่มผิวแทนเขาแค่นยิ้มก่อนยกมือขึ้นปัดและมองไปทางเจคอบ

    “ใครก็ได้ช่วยอธิบายได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมพวกนายมายืนกอดกันกลางซุปเปอร์มาร์เก็ตได้” เบลล่าพูดรัวเธอแทบเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่พลางมองหน้าเพื่อนของเธอสลับกับเอ็ดเวิร์ด

    “เอ็ดเวิร์ดร้องไห้น่ะ หมาที่บ้านเขาป่วย” แฮร์รี่โพล่งออกมาอย่างไม่ทันคิด เขายกมือขึ้นปิดปากเมื่อรู้ตัวว่าตนเองพูดอะไรออกไป

    “ไอ้บ้านี่น่ะนะเลี้ยงหมา” เจคอบร้องลั่น “ไม่มีทาง!แฮร์รี่นายมาทางนี้ดีกว่า”

    เจคอบว่าก่อนคว้าเข้าที่ข้อมือของแฮร์รี่ เอ็ดเวิร์ดกระชากทั้งสองออกอีกฝ่ายดูไม่พอใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเจคอบแตะตัวเขาแฮร์รี่รีบลากตัวเอ็ดเวิร์ดออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดระหว่างทั้งสองเขาเอ่ยลาเบลล่าอย่างรวดเร็วและบอกว่าจะเล่าให้ฟังทีหลังโดยไม่สนใจเสียงของหญิงสาวที่พูดไล่ตามมา

     

     

    ---

     

     

    “หมาป่วย? คิดได้ไงเนี่ย”

    เอ็ดเวิร์ดแค่นหัวเราะ น้ำเสียงของอีกฝ่ายราวกับจะบอกกับคนตัวเล็กว่าว้าวนายนี่บ้ารึเปล่าเสียอย่างนั้น แฮร์รี่เลือกที่จะไม่ตอบเขารีบเข็นรถไปที่แคชเชียร์และหยิบของออกจากรถเข็นเพื่อจะคิดเงินให้ไวที่สุดพ่อมดตัวน้อยรีบลากคนตัวสูงออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตและแย่งเอาของในมือเอ็ดเวิร์ดมาทั้งหมด แฮร์รี่สบถกับตนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมมาร์ชเมโล่เสียสนิท

    “ทำไมเจคอบต้องโมโหขนาดนั้น” แฮร์รี่ว่า “ปกติเขาน่ารักจะตาย”

    น่ารัก? นี่นายชมไอ้หมอนั่นต่อหน้าฉันเนี่ยนะ” คิ้วได้รูปขมวดแทบเป็นปม ใบหน้าหล่อฉายแววไม่พอใจเอ็ดเวิร์ดมองแฮร์รี่ด้วยสายตาขุ่นเคือง แฮร์รี่เงยหน้าสบดวงตาสีอำพันด้วยความสงสัย

    “นายโมโหอะไรกันเจคอบเขาเป็นญาติฉัน.. หมายถึงญาติเพื่อนพ่อฉัน”

    ไม่ทันที่เอ็ดเวิร์ดจะได้ถามอะไรต่อร่างของหญิงสาวสองคนก็ปรากฏขึ้นในจังหวะพอดีราวกับมีคนรู้ล่วงหน้าอลิซยกยิ้มแล้ววิ่งตรงมาหาทั้งสองคนที่กำลังจะมีปัญหากันในอีกไม่ช้า

    “ใจเย็นเอ็ดดี้” อลิซกระซิบ “ถ้านายวู่วามมันจะแย่เอานะ”

    เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจเขาหันหลังกลับไปช่วยเอสเม่ถือของและทิ้งอลิซไว้กับแฮร์รี่ หญิงสาวตัวเล็กส่งยิ้มอีกฝ่ายดูเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยผมของอลิซยุ่งไม่ต่างกับเขาแต่ทำไมเธอถึงดูดีกันเอ็ดเวิร์ดกลับมาอีกครั้งพร้อมเอสเม่ คุณนายคัลเลนส่งยิ้มอ่อนโยนให้แฮร์รี่ก่อนพูดขึ้น

    “ขอบใจนะจ๊ะที่ให้เอ็ดเวิร์ดไปเดินเป็นเพื่อน” เธอว่า “แล้วนี่หนูมายังไงจ๊ะให้เอ็ดเวิร์ดขับรถไปส่งมั้ย”

    “ไม่เป็นไรครับผมเอารถมา” แฮร์รี่ตอบรับด้วยความเกรงใจเขาแอบเห็นเอ็ดเวิร์ดส่งสายตาดุมาให้ดูท่าจะยังเคืองเรื่องของเจคอบอยู่ แล้วจะเคืองทำไมกันพวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย

    “งั้นผมขอตัวนะครับเจอกันที่โรงเรียนนะอลิซ สวัสดีครับคุณนายคัลเลน”

    “เรียกเอสเม่เถอะจ้ะแล้วก็แฮร์รี่ จะดีมากเลยถ้าครั้งหน้าหนูจะมาเที่ยวที่บ้านเรา”

    “ครับ..”

    แฮร์รี่ตอบรับไปน้ำเสียงเจือไปด้วยความลังเล ครั้งที่แล้วเขาปฏิเสธคำชวนเอ็ดเวิร์ดไปครั้งนี้คุณนายคัลเลนเอ่ยปากชวนเขาเองก็คงจะปฏิเสธไม่ได้เหมือนครั้งที่ผ่านมาเขาขอตัวแยกออกมา แฮร์รี่จัดการเก็บของทั้งหมดใส่กระเป๋าใบใหญ่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์ให้เรียบร้อยก่อนจะตวัดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ออกไปแทบทันที

    “น่ารักนะอย่างที่เราบอกจริงๆ นั่นแหละ” เอสเม่ว่าในขณะที่กำลังขึ้นรถของลูกชายคนเล็กพลางมองตามร่างของเด็กชายตัวน้อยที่พึ่งขี่รถออกไปเมื่อครู่

    “ใช่มั้ยคะ” อลิซตอบรับด้วยท่าทางเริงร่า เอ็ดเวิร์ดส่ายหัวให้กับหญิงสาวมุมปากของเขายกยิ้ม

    “แล้วก็น่าสนใจขึ้นทุกครั้งเลย..” นิ้วยาวเคาะที่พวงมาลัยหนึ่งครั้งเพื่อใช้ความคิด แวมไพร์หนุ่มสตาร์ทรถก่อนขับออกไปคนละทางกับแฮร์รี่

    สายตาคู่หนึ่งมองตามครอบครัวคัลเลนที่พึ่งจะขับรถออกไปได้ไม่นานอย่างใช้ความคิด เสียงเสกคาถาดังขึ้นอีกฝ่ายหายตัวไปในความมืดทิ้งไว้เพียงแต่ความว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีใครเหยียบย้ำที่ตรงนั้น

     

    Tbc

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เพลินค่ะเพลินจริงจังมากๆ บทนี้ทุกคนดูพูดเยอะไปหมด55555

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×