ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Twilight x Harry Potter - once upon a time i'm crush on wizard

    ลำดับตอนที่ #4 : Three

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 64


     Chapter 3

    --

     สุดท้ายแล้วเขาก็ยังไม่ได้คุยกับซีเรียสเรื่องเอ็ดเวิร์ด พ่อมดหนุ่มหอบสังขารมายังป่านอกเมืองอีกครั้งเพื่อสงบจิตสงบใจแฮร์รี่คิดไม่ตกเขานั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่(ซึ่งเป็นทำเลที่ดีมากสำหรับคนแบบเขา)ในมือถือหนังสือเล่มหนาปกสีทมิฬที่สลักเอาไว้ว่า “ตำราเรียนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด” ดวงตากลมโตไล่อ่านตัวอักษรทีละบรรทัดด้วยความตั้งใจในตำรากล่าวถึงสิ่งมีชีวิตวิเศษไม่ว่าจะพวกพิกซี่ บ็อกการ์ด มนุษย์หมาป่าและ แวมไพร์ แฮร์รี่ขมวดคิ้วเขาลืมคิดถึงสิ่งมีชีวิตเผ่านี้ไปได้อย่างไรกันมันเป็นบทเรียนในตอนปี2ทั้งเขากับเชสเตอร์ต้องเขียนรายงานสองม้วนกระดาษเพื่อส่งศาสตราจารย์คลอเดียจนถึงเช้า

     

                แวมไพร์ สิ่งมีชีวิตชั้นสูงตามกฎของกระทรวงเวทมนตร์ แวมไพร์ไม่ได้เกิดจากพ่อมดหรือแม่มดเท่านั้นแต่ยังเกิดกับพวกมักเกิ้ลได้อีกเช่นกัน ลักษณะของพวกแวมไพร์จะเหมือนกับมนุษย์ทุกประการหากแต่ไม่ถูกกับแสงแดดและกินเลือดเป็นอาหาร ทั้งนี้แวมไพร์บางกลุ่มมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวตามความสามารถที่สมัยก่อนเปลี่ยนร่างได้แอบแฝงไว้ วิธีการแยกแวมไพร์นั้นง่ายมากพวกเขาจะตัวขาวซีดเนื้อตัวเย็นราวศพดวงตาสีโลหิตเพราะดื่มเลือดจากสิ่งมีชีวิตอื่นเว้นแต่— 

     

                  “เว้นแต่ว่าจะเลิกกินเลือดมนุษย์” แฮร์รี่พึมพำในหนังสือไม่ได้บอกถึงลักษณะเฉพาะที่มากกว่านี้ต่อจากนี้มันกล่าวถึงประวัติความเป็นมาและวิธีป้องกันตัว เขาปิดหนังสือพลางลูบหน้าปกช้าๆเพื่อใช้ความคิดราวกับลืมรายละเอียดอย่างอื่นเขาจำได้ว่าตนวิ่งวุ่นตามหาหนังสือชีวประวัติของสิ่งมีชีวิตนี้กับเพื่อนสนิทจนเกือบถูกบรรณารักษ์ไล่ออกจากห้องสมุดเพราะเสียงดัง ลักษณะพิเศษของแวมไพร์ที่ละจากการดื่มเลือดมนุษย์แล้ว..

                ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดผุดขึ้นมาในความคิดอีกครั้งดวงตาสีทองอำพันที่จับจ้องมาที่แฮร์รี่ฉายซ้ำในหัว คนตัวเล็กใจเต้นแรงใช่ แวมไพร์ที่ละจากการดื่มเลือดมนุษย์แล้วจะมีดวงตาสีทอง แต่แวมไพร์ไม่ถูกกับแสงแดดนี่กลับกันพวกคัลเลนใช้ชีวิตในฟอร์คได้ปกติราวกับไม่มีอะไรหรือจะเป็นเขาที่คิดมากไปเองกันบางทีเอ็ดเวิร์ดอาจจะแค่มีตาที่สีแตกต่างกับคนอื่นก็ได้ เมื่อคิดได้แบบนั้นแฮร์รี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแค่หมาป่าที่ลาพุชก็คงเพียงพอแล้วเขายังไม่อยากจะเจอสิ่งมีชีวิตอื่นที่น่าพิศวงไปมากกว่านี้อีก

                เสียงข้อความดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกงมือบางล้วงหยิบโทรศัพท์ของตนออกมาเป็นเจคอบที่ส่งข้อความมาหาเขา อีกฝ่ายเอ่ยชวนเขาไปทานข้าวเย็นด้วยในวันพรุ่งนี้กับครอบครัวสวอน ใบหน้าน่ารักยกยิ้มเขาตอบรับคำชวนแล้วจึงเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าท้องฟ้ายามเย็นแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มนวลสบายตาแฮร์รี่จ้องมองมันอย่างเหม่อลอยถึงแม้เขาจะคิดว่าเอ็ดเวิร์ดอาจไม่ใช่แวมไพร์แต่ถึงยังไงอีกด้านในตัวเขาก็ประท้วงถึงอาการปวดหัวประหลาดและอาการที่เหมือนกับถูกดึงดูดโดยชายหนุ่มคนนั้น แฮร์รี่ยอมรับว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่มีรูปร่างและใบหน้าที่สมบูรณ์แบบมากแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น บางอย่างในตัวเอ็ดเวิร์ดเหมือนกับดึงดูดเขาให้ถวิลหาแต่อีกฝ่าย

                “แฮร์รี่?” คนตัวเล็กสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนด้านล่าง

                “เอ็ดเวิร์ด?นายมาทำอะไรที่นี่”

                “ฉันตั้งหากที่ต้องถาม” เอ็ดเวิร์ดยักคิ้วอีกฝ่ายกอดอกจ้องไปบนยอดไม้คนตัวสูงยังอยู่ในชุดเดิมที่เจอตอนอยู่โรงเรียน “แล้วนายปีนไปบนนั้นได้ยังไง” 

                “มันก็ไม่ได้สูงซักหน่อย” แฮร์รี่ย่นจมูกอย่างเผลอตัว “มาเดินเล่นเหมือนกันเหรอ”

                “เปล่า..ความจริงก็ประมาณนั้น” เอ็ดเวิร์ดตอบอีกฝ่ายแต่ท้ายประโยคกลับพูดเสียงเบาเหมือนพึมพำกับตัวเอง

                “นายจะลงมาหรือให้ฉันขึ้นไป” คนตัวสูงถาม

                “ไม่ต้องเดี๋ยวฉันลงไป” 

                แฮร์รี่ตอบรับคนตัวเล็กกอดหนังสือไว้แนบอกความจริงหากเอ็ดเวิร์ดไม่ปรากฏตัวเขาอาจใช้คาถาเรียกของเพื่อเรียกให้มันตามลงมาได้ ถึงแม้เขาจะเลิกเป็นพ่อมดแล้วแต่ก็ต้องยอมรับว่าบางทีการใช้เวทมนตร์มันก็ช่วยย่นเวลาในการทำบางอย่างได้ แฮร์รี่วางเท้าตามกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาอย่างมั่นคงแล้วปีนลงมาช้าๆ หนังสือเล่มหนาสร้างความไม่สะดวกให้เขาอย่างมากเพราะไม่อาจขยับตัวตามใจคิดเอ็ดเวิร์ดมองคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วงเขาเดินเข้ามาใกล้ต้นไม้ด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะพลาดพลั้งร่วงลงมา

                “นี่นายรับหนังสือไปก่อนได้รึเปล่า” แฮร์รี่ถามเอ็ดเวิร์ดทั้งที่หันหลังห้อยบนกิ่งไม้

                “ฉันว่านายโดดลงมาเลยดีกว่าฉันรับเอง” เสียงทุ้มตอบกลับมาแฮร์รี่หน้าแดงแจ๋ หมายความว่าอะไรกระโดดลงไปหาอีกฝ่ายเนี่ยนะ

                “ฉันไม่ได้ตัวเบาขนาดนั้น” แฮร์รี่สวนกลับ “จะโยนแล้วนะ”

                แฮร์รี่ชำเลืองมองผ่านไหล่ก่อนโยนหนังสือเล่มหนาใส่คนตัวสูงโชคดีที่มันไม่ได้ร่วงใส่หัวเอ็ดเวิร์ดไม่อย่างนั้นคงได้นองเลือดแน่ ใช้เวลาไม่นานพ่อมดหนุ่มก็ปีนลงมาจนถึงพื้นข้างล่างอย่างปลอดภัยเขาปัดมือเล็กน้อยมือขาวขึ้นสีแดงจางตามรอยของต้นไม้แฮร์รี่ไม่สนใจเขาเดินไปหาเอ็ดเวิร์ดก่อนรับหนังสือคืน

                “เย็นป่านนี้นายมาทำอะไรในป่า” แฮร์รี่ถามด้วยความสงสัย

                “บ้านฉันอยู่แถวนี้เลยออกมาเดินเล่น” เอ็ดเวิร์ดตอบรับพลางชะโงกหน้ามองหนังสือในมือคนตัวเล็ก “หนังสือเจ๋งดีนี่ฉันไม่ได้เปิดอ่านนะแต่ชื่อแปลกดี”

                “อ่อ.. ใช่ฉันเจอมันที่บ้านสงสัยจะมีคนในครอบครัวชอบเรื่องเล่าแปลกๆ” แฮร์รี่แก้ตัวน้ำขุ่นโชคดีที่มักเกิ้ลก็มีเรื่องเล่าหรือตำนานพอให้เขาหลอกอีกคนได้

                “แต่มาตั้งบ้านอยู่ไกลจังนะ” เขารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่เอ็ดเวิร์ดจะถามอย่างอื่นไปมากกว่านี้

                “แม่กับพ่อของฉันค่อนข้างรักธรรมชาติ”

                “อ่อ” 

                แฮร์รี่พยักหน้าจู่ๆก็คิดถึงสิ่งมีชีวิตที่พึ่งอ่านเจอในหนังสือเสียอย่างนั้น เขาเห็นเอ็ดเวิร์ดชำเลืองมองมาหาตนสายตาของเอ็ดเวิร์ดยากจะคาดเดาข้อมือของแฮร์รี่ถูกคว้าไว้โดยคนตัวสูงไอเย็นจากฝ่ามือทำเอาขนแขนของเขาลุกเกลียวไปหมด

                “ไหนๆก็มาแล้วจะแวะไปที่บ้านฉันก่อนมั้ย ฉันจะได้ขับรถไปส่ง” 

                “ฉันขี่รถมาเองไม่ต้องหรอกแล้วก็ขอบใจที่ชวนนะแต่ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน” แฮร์รี่ยกยิ้มอีกไม่เท่าไหร่ก็จะพ้นเขตป่าแล้วเอ็ดเวิร์ดเดินมากับเขาจนถึงถนนใหญ่รถวอลโว่สีเงินคันสวยจอดอยู่ไม่ไกลกับรถมอเตอร์ไซค์ของเขา ฉับพลันเขาก็ส่งเสียงหึในลำคอนอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังรวยอีกเหรอ แฮร์รี่ชักจะเริ่มอยากโวยวายกับชะตาชีวิตตนเองแล้วสิ

                “เจอกันที่โรงเรียนนะ” แฮร์รี่บอกลายังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนเสียงของเอ็ดเวิร์ดก็รั้งเขาไว้

                “นายมีใครในใจแล้วรึยัง”

                คำถามของเอ็ดเวิร์ดทำเอาแฮร์รี่นิ่งค้างหมายถึงอะไร? ใครในใจ?คนที่ชอบหรือเปล่า

                “ไม่มีหรอกฉันพึ่งเข้าเรียนมาวันเดียวจะมีคนที่ชอบได้ไง”

                “งั้นก็ดีแล้ว” คนตัวสูงบ่นกับตัวเอง “ขี่รถดีๆนะถึงแล้วโทรหาฉันด้วย”

                “นี่นายเป็นพ่อฉันตั้งแต่ตอนไหน” แฮร์รี่หัวเราะเขาก้าวขาขึ้นคร่อมมอไซค์สีดำคันเก่งแล้วสวมหมวกกันน็อค “ก็ได้เดี๋ยวจะส่งข้อความหาแล้วกัน”

                ใบหน้าหล่อเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มหัวใจดวงน้อยเต้นแรงอีกครั้งแฮร์รี่บ่นในใจ อย่าเต้นแรงนักได้รึเปล่าเขายังไม่อยากตายตอนนี้นะ!

     


     

                “ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องที่แวมไพร์สามารถอ่านใจคนได้มาก่อน” ซีเรียสเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังจัดการกับอาหารเย็น แฮร์รี่พยักหน้ารับถึงในหนังสือจะบอกถึงความสามารถพิเศษแต่เขาก็ไม่คิดว่าแวมไพร์จะมีพลังมากมายขนาดนั้น เขาเขี่ยซุปในชามเล่นอย่างเลื่อนลอยในหัวคิดถึงแต่เพื่อนร่วมชั้นและเนื้อหาในตำราเรียน

                “บางทีเพื่อนของเธออาจจะเป็นพ่อมดก็ได้” ซีเรียสพูดพลางตักซุปเข้าปาก “ถ้าเธอไม่สบายใจเราจะปรึกษาวิธีในการสกัดใจกับรีมัสเขาคงจะช่วยเธอได้ฉันพอรู้วิธีแต่ฉันทำไม่สำเร็จ”

                “ครับ ความจริงมันน่าหงุดหงิดนิดหน่อยที่เขารู้ความคิดผมในขณะที่ผมไม่รู้อะไรเลย” แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่จริงจัง จู่ๆเขาก็ลืมอาการหิวทั้งที่ก่อนหน้าท้องของเขาร้องจนเหมือนจะสามารถกินฮิปโปกริฟฟ์ได้ทั้งตัว “ผมขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะครับ” แฮร์รี่ลุกขึ้นเก็บจานก่อนจัดการใส่มันเข้าเครื่องทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วเดินขึ้นห้องตนไป แฮร์รี่หยิบมือถือขึ้นมาเขายังไม่ได้ส่งข้อความหาเอ็ดเวิร์ดเลยทั้งที่เขาถึงบ้านมาเกือบจะสองชั่วโมงแล้ว เขาทรุดตัวนั่งลงกับเตียงพลางพิมพ์ข้อความหาอีกฝ่าย

                ถึงเอ็ดเวิร์ด : ขอโทษด้วยฉันลืมส่งข้อความหานายเลยฉันถึงบ้านแล้วมัวแต่ทำกับข้าวกับพ่ออยู่

                เขากดส่งข้อความแล้วพลิกหน้าจอโทรศัพท์ลงกับเตียงใจเต้นรัวตื่นเต้นว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมามั้ยไม่นานเสียงข้อความก็เข้า แฮร์รี่รีบยกโทรศัพท์แล้วอ่านข้อความ

                  ถึงแฮร์รี่ : กำลังรออยู่เลย โรซาลีบ่นฉันไม่หยุดเพราะเอาแต่มองมือถือ

                แฮร์รี่หัวเราะเขานึกภาพที่สาวผมบลอนด์บ่นเอ็ดเวิร์ดได้ในทันทีที่อ่านข้อความ โรซาลีเป็นคนสวยและมีเสน่ห์มากถ้าเธอไม่ใช่คนธรรมดาล่ะก็แฮร์รี่คิดได้เพียงอย่างเดียวว่าเธอจะต้องเป็นวีล่าแน่นอน

                ถึงเอ็ดเวิร์ด : สมควร ฉันจะทำการบ้านแล้วนายเองก็ควรจะทำนะ :p

    แฮร์รี่กดส่งข้อความไปในขณะที่เดินไปยังโต๊ะอ่านหนังสือใกล้หน้าต่าง เขาเปิดกระเป๋าก่อนหยิบหนังสือวิชาประวัติศาสตร์ประเทศขึ้นมาในวันนี้การบ้านประจำวันคือการเลือกสงครามจากทั่วโลกมาวิเคราะห์ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหน้ากระดาษสำหรับพ่อมดตัวน้อยที่เขียนรายงานมากว่าสองม้วนหน้ากระดาษแล้วถือว่าเล็กน้อยมาก เสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้งแฮร์รี่หยิบมือถือขึ้นดูด้วยความรวดเร็วเขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันแต่ก็ยอมรับว่าตนเองก็อยากคุยกับเอ็ดเวิร์ดอยู่มาก

                ถึงแฮร์รี่ : ฉันทำตั้งแต่กลับจากโรงเรียนแล้วล่ะถ้าอยากให้ช่วยล่ะก็โทรมาได้เสมอ

                “ใครจะโทรกัน” แฮร์รี่บ่นแล้วพิมพ์ตอบข้อความกลับไป เขาเปิดหนังสือสัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจทำการบ้านแล้วเอ็ดเวิร์ดตอบกลับมาแต่เขายังไม่เปิดอ่าน ความรู้สึกเย็นเยือกแล่นแปร๊บไปทั่วร่างเฮ็ดวิกนกฮูกหิมะของเขาส่งเสียงร้องเหมือนตื่นกลัวแฮร์รี่ลุกขึ้นชะโงกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเพียงกิ่งไม้จากต้นไม้ข้างห้องที่อาบไปด้วยแสงสลัวจากเสาไฟตามถนนจู่ๆเขาก็เกิดรู้สึกไม่ดีราวกับมีคนจ้องมองเสียอย่างนั้นพ่อมดหนุ่มมองไปที่ต้นไม้ใหญ่มือบางเลื่อนปิดผ้าม่านพร้อมกับปลอบโยนสัตว์เลี้ยงของตน เฮ็ดวิกสงบลงแล้วแต่มันยังมีอาการสั่นเล็กน้อยแฮร์รี่เปิดกรงเจ้านกฮูกสีขาวบินโฉบออกมาเกาะที่แขนเรียวเขาลูบตามขนสีขาวแสนสวยอย่างเบามือ ความรู้สึกหวิวในอกยังไม่จางหายไปความกังวลก่อตัวขึ้นและไม่มีทีท่าจะสลายเลยแม้แต่น้อย

     


     

                เช้าวันที่สองของการใช้ชีวิตในโรงเรียนมักเกิ้ลแฮร์รี่ส่งยิ้มทักทายเหล่าเด็กนักเรียนหลายคนที่ทักเขามาก่อน ใต้ตาของแฮร์รี่กลับมาหมองอีกครั้งหลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืนก่อนเขาแทบไม่ได้นอนเลยกว่าจะหลับได้พระอาทิตย์ก็ใกล้ขึ้นแล้วสุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตื่นสายจนไม่มีเวลาสำหรับมื้อเช้า แฮร์รี่เดินโซเซเหมือนกับผีดิบเขาไม่มีแรงพอที่จะต่อสู้กับคาบเรียนในวันนี้เสียด้วยซ้ำ แฮร์รี่ฝังหน้าลงกับโต๊ะแถมอาการหงุดหงิดจากการนอนน้อยก็กำลังจะตามมาหากมีใครมาก่อกวนเขากับเวลานอนอันแสนมีค่านี้

                “ไง” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหูแฮร์รี่ลืมตา ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดโน้มมาใกล้จนปลายจมูกของอีกฝ่ายเฉียดกับกลุ่มผมนุ่ม

                “อย่ากวน” แฮร์รี่ตอบด้วยความหงุดหงิดเอ็ดเวิร์ดหัวเราะแล้วนั่งลงด้านข้าง เขาไม่ได้กวนแฮร์รี่เพียงแต่นั่งมองคนตัวเล็กที่บัดนี้ได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเป็นที่เรียบร้อยเสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะของแฮร์รี่ทำให้แวมไพร์หนุ่มรู้สึกผ่อนคลาย มือหนาเอื้อมไปปัดกลุ่มผมที่ปรกใบหน้าของคนตัวเล็กด้วยความอ่อนโยนก่อนถอดแว่นตาของแฮร์รี่อย่างเบามือที่สุด

                “หวัดดีเอ็ดเวิร์ด..” หญิงสาวร้องทักแต่เธอก็ต้องรีบปิดปากเพราะสายตาของเอ็ดเวิร์ดที่ตวัดตาตำหนิเธอ “แฮร์รี่หลับเหรอ” เบลล่าพูดเสียงเบาพลางมองเพื่อนตัวเล็กที่นอนไม่รู้เรื่อง

                “อืม” เอ็ดเวิร์ดตอบแค่นั้นกลิ่นเลือดของเบลล่าทำเขาปั่นป่วนแต่โชคดีที่แฮร์รี่อยู่ด้วย กลิ่นของแฮร์รี่ทำให้เอ็ดเวิร์ดสงบลงมากไม่เหมือนตอนแรกที่เขาพบเบลล่า

                “โอเคงั้นฉันไม่กวนแล้วฉันจะไปโรงอาหารนายเอาอะไรมั้ย” เบลล่าถาม

                “งั้น.. ฉันฝากเธอซื้อนมสักกล่องกับแซนด์วิชแล้วกัน” ร่างสูงส่งยิ้มกลับไปหาเธอใบหน้าของเบลล่าขึ้นสี เอ็ดเวิร์ดได้ยินเสียงหัวใจของคนตรงหน้าที่เต้นรัว 

                “โอเคได้นายจะเอารสอะไร” เบลล่าถามย้ำ

                “ธรรมดาแล้วเธอค่อยมาเอาเงินที่ฉันนะ”

                เบลล่าพยักหน้ารับเธอเดินออกไปพร้อมแองเจล่าแล้วพูดบางอย่างที่แวมไพร์อย่างเอ็ดเวิร์ดยังได้ยินชัดเจนเหมือนทั้งคู่อยู่ตรงหน้า เอ็ดเวิร์ดไม่รู้ว่าแฮร์รี่ชอบดื่มนมรสอะไรเขาสังเกตเอาจากมื้อกลางวันเมื่อวานเอา ในคราแรกเขากะจะซื้อกาแฟแต่ก็เกรงว่าแฮร์รี่อาจจะไม่ดื่มเลยเลือกนมที่เป็นตัวเลือกที่ธรรมดาที่สุดเขาได้ยินแฮร์รี่บ่นเรื่องมื้อเช้าและใช่ เขาไม่อยากให้คู่ของตัวเองต้องปวดท้องหรอกนะ

                เอ็ดเวิร์ดซบหน้าลงกับโต๊ะสายตาจับจ้องไปที่คนตัวเล็กก่อนแล้วยิ้มออกมา แฮร์รี่มีผลต่อตัวของเขามากกว่าที่คิดเสียอีกดูท่าเขาจะหลงอีกฝ่ายมากเกินไปแล้วล่ะมั้ง

    tbc


    กรี๊ดดดนายจะคลั่งรักลูกฉันไปเปล่าคัลเลน!! คู่แท้ของเขาอ่าเนาะก็ต้องทรีตดีเป็นธรรมดาแอแง พูดคุยหรือติชมได้เสมอนะคะช่องทางการติดต่อที่ทวิตเตอร์ @mymochimelon เลยคับบของคุณทุกคนมากเม้นของทุกคนทำให้เค้ามีไฟมากๆเยย TT 

    ขอบคุณข้อมูลแวมไพร์จาก muggle v ด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×