ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Twilight x Harry Potter - once upon a time i'm crush on wizard

    ลำดับตอนที่ #2 : One

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 64


    Chapter 1

    --

    เหนือสุดบนยอดเขาเกรย์ล็อก หากคุณเป็นผู้เศษคุณจะพบกับปราสาทหินแกรนิตหลังใหญ่ดูเด่นเป็นสง่าถูกซ่อนอยู่ใต้เวทมนตร์เก่าแก่ ม่านหมอกและป่าไม้ อิลเวอร์มอร์นี โรงเรียนเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ อิโซลต์ เซเออร์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนได้รับแรงบันดารใจจากความฝันที่เธออยากเข้าเรียนในฮอกวอตส์สมัยเด็ก อิลเวอร์มอร์นีไม่ได้แตกต่างจากฮอกวอตส์เท่าไรนัก โรงเรียนแห่งนี้มีการแข่งขันบ้านดีเด่นและมีการคัดสรรเพื่อเข้าบ้านทั้งสี่ อันประกอบไปด้วย “ธันเดอร์เบิร์ด” แสดงถึงจิตวิญญาณและการรักผจญภัย “ฮอร์นเซอร์เพนต์” แสดงถึงสติปัญญาและความปราดเปรื่อง “แวมปัส” แสดงถึงพละกำลังและนักรบ สุดท้าย “พัควัดจิ” สื่อถึงความซื่อสัตย์และจิตใจ

    แฮร์รี่ยืนมองเหล่านักเรียนใหม่ในเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มคอปกสีแครนเบอร์รี่จากระเบียงชั้นสองด้วยความตื่นเต้น เขาแทบกลั้นหายใจเมื่อเด็กคนแรกถูกขานชื่อออกมา เด็กชายคนนั้นชื่อสตีเว่น เอฟเวนส์ เขามีผมสีน้ำตาลไหม้และสูงโปร่งเด็กชายตัวจ้อยสูดหายใจเข้าจนอกผายและก้าวเท้าเดินเข้าไปยืนบนสัญลักษณ์ปมกอร์เดียนที่บนพื้นท่ามกลางรูปปั้นหินทั้งสี่อันเป็นสัญลักษณ์ประจำบ้าน

    “นายว่าปีนี้บ้านเราจะมีคนเข้าได้เยอะมั้ย” หญิงสาวข้างกายเขากระซิบ แฮร์รี่ส่ายหน้าเมื่อปีที่แล้วบ้านของเขาธันเดอร์เบิร์ด มีสมาชิกน้อยมากหากเทียบกับบ้านอื่น

    “ไม่แน่ใจแต่ฉันคิดว่ามีนะ หรือบางทีเอฟเวนส์ก็อาจจะอยู่ธันเดอร์เบิร์ดก็ได้”

    เด็กหนุ่มตอบกลับไป นัยน์ตาสีมรกตจ้องไปที่รูปปั้นนกยักษ์เพื่อรอมันตอบสนองอย่างใจจดใจจ่อแต่สุดท้ายเหล่านักเรียนสมาชิกบ้านวิหคก็ต้องร้องออกมาด้วยความผิดหวังเพราะรูปปั้นแวมปัสคำรามออกมาก้องห้องโถงไปหมด เด็กชายวิ่งออกไปที่บันไดเพื่อขึ้นไปรวมตัวกับเหล่าสมาชิกบ้านของตน สมาชิกภายในบ้านปรบมือก่อนโอบกอดสมาชิกคนใหม่ด้วยความยินดี การคัดสรรดำเนินมาจนถึงเด็กสาวคนสุดท้ายของปี1

    “มอร์แกน ลี” ศาสตราจารย์ประจำบ้านพัควิดจิตะโกนเรียกชื่อเธอ เด็กสาวคนสุดท้ายตัวเล็ก ผิวสีซีด เธอมีผมสีบลอนด์สตอร์เบอร์รี่เหยียดตรงยาวระบ่า แววตาดูตื่นกลัวและหากแฮร์รี่อยู่ใกล้เธอมากกว่านี้คงจะได้เห็นไหล่เล็ก ๆ สั่นจากอาการประหม่า

    “ฉันว่าเด็กคนนี้อยู่ฮอร์นเซอร์เพนต์” แฮร์รี่ตวัดสายตาไปที่เพื่อนสนิทตน “อะไร? ก็เธอดูเป็นคนฉลาดออก”

    “แต่ฉันมีลางสังหรว่าเธอจะอยู่ธันเดอร์เบิร์ด”

    “เด็กชายผู้รอดชีวิตของเราผันตัวเป็นศาสตราจารย์วิชาพยากรณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่”

    แฮร์รี่หัวเราะในลำคอ เขารู้สึกถูกชะตากับมอร์แกนอย่างน่าประหลาดภายใต้ความสั่นกลัวเขารู้สึกได้ถึงความกล้าหาญที่อยู่เบื้องลึกในจิตใจของเด็กสาว ฉับพลันเมื่อเธอก้าวเท้ายืนบนปมกอร์เดียนรูปปั้นวิหคก็มีการตอบสนองทันที มันขัยบตีปีกพริ้วก่อนกลับไปนิ่งดังเดิม

    เหล่าสมาชิกจากบ้านธันเดอร์เบิร์ดร้องลั่น พวกเขาปรบมือดังสนั่นอย่างไม่เกรงใจจนถูกศาสตราจารย์ประจำบ้านกล่าวตักเตือน แฮร์รี่ยกยิ้มนับว่าเป็นการเริ่มต้นการเรียนปี6ของเขาที่ดี จนกระทั้งเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วอาคารเหล่านักเรียนกรีดร้องด้วยความตกใจก่อนเหล่าหัวหน้าบ้านจะเข้าควบคุมสถานการณ์ ทุกคนถูกสั่งให้กลับเข้าไปที่หอแฮร์รี่รีบเดินเข้าไปร่วมกับกลุ่มนักเรียนจากบ้านต่าง ๆ แต่ไม่ทันที่นักเรียนทุกคนจะออกจากระเบียงชั้นสอง เพดานโดมทรงกลมก็ถล่มลงมาพร้อมกับกลุ่มคนในชุดคลุมสีทมิฬจำนวนหนึ่ง

    “ผู้เสพความตาย!!” เสียงของนักเรียนชายคนนึงร้องลั่น เพียงเท่านั้นเด็กนักเรียนทุกคนก็วิ่งหนีอลหม่านด้วยความหวาดกลัว เหล่าศาสตราจารย์วิ่งฝ่าฝูงชนเพื่อตั้งรับกับผู้เสพความตายตรงหน้า แฮร์รี่ถูกพรีเฟ็คประจำบ้านลากแขนให้วิ่งตามเขามาทุกคนรู้ดีว่าการปรากฎตัวของกลุ่มผู้เสพความตายคือการชิงตัวหรือสังหารเด็กชายผู้รอดชีวิตเป็นแน่ ในอังกฤษแฮร์รี่ได้ยินข่าวลือจากสองปีก่อนว่าเหล่าสมาชิกผู้เสพความตายที่ยังเหลือรอดอยู่รวมตัวและออกตามหาตัวเขาเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่าง แก้แค้น โน้มน้าว หรือแม้แต่คืนชีพลอร์ดอันเป็นศูนย์กลางของพวกเขา พวกเขาวิ่งไปตามทางเดินเสื้อคลุมสีน้ำเงินเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษฝุ่นจนแทบดูไม่ได้แฮร์รี่หันมองเบื้องหลัง แสงจากการเสกคาถาสว่างวาบไม่หยุดเขาเม้มปากแน่น เขาคิดมาตลอดว่าตนจะได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาที่นี่แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่

    “เร็วเข้าแฮร์รี่นายต้องรีบไปจากที่— อันตราย!” พรีเฟ็คจากบ้านของเขาร้องลั่นเมื่อลำแสงสีเขียวพุ่งตรงมา อีกฝ่ายผลักแฮร์รี่ออกก่อนร่างของเขาจะกระเด็นไปไกลนับหลายเมตร ร่างของพรีเฟ็คแน่นิ่ง ดวงตาเบิกโพล่ง แฮร์รี่ตัวแข็งมีคนตายต่อหน้าเขาและตายเพราะช่วยเหลือเขา

    “สตูเปฟาย!” ศาสตราจารย์หญิงประจำวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดวิ่งเข้ามาก่อนที่ผู้เสพความตายจะเข้าใกล้เด็กหนุ่ม เธอสบัดไม้กายสิทธิ์อีกครั้งก่อน ผู้เสพความตายตรงหน้าล้มลงตัวแข็งเธอรีบวิ่งเข้ามาหาแฮร์รี่ที่กำลังช็อคจากเหตุการณ์ตรงหน้า เธอเขย่าร่างเด็กชายแรง ๆ เพื่อเรียกสติ แฮร์รี่เงยหน้ามองเธอใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า เชสเตอร์เป็นเพื่อนสนิทของเขาเพื่อนสนิทที่เชื่อใจเพียงคนเดียวของเขา อีกฝ่ายต้องตายอย่างรวดเร็วที่แม้แต่จะชักไม้กายสิทธิ์เพื่อปัดป้องก็ไม่ทัน

    “คุณพอตเตอร์คุณจะต้องรีบไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่เดี๋ยวนี้”

    “แต่ เชสเตอร์—”

    “เพื่อความปลอดภัยของคุณ!”

    ศาสตราจารย์คลอเดียไม่พูดซ้ำหล่อนลุกขึ้นยืนแล้วลากเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นยืนตามเธอมา แฮร์รี่มองร่างของเชสเตอร์เป็นครั้งสุดท้ายแว่นตาของคนตัวเล็กพร่าเลือนไปด้วยน้ำตา

    ทำไมกันนะ

    ความคิดนี้วนเวียนไม่หยุด เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วโถงทางเดินประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออก ภายในห้องของอาจารย์ใหญ่ถูกตกแต่งไปด้วยรูปของผู้ก่อตั้งโรงเรียนและบ้านทั้งสี่หลัง กลางห้องมีโต๊ะไม้ตัวใหญ่เคลือบเงาตั้งตระหง่าและร่างของพ่อมดสองคนที่เขาคุ้นเคยดีพ่อมดหนุ่มผมยาวกระเซิงในเสื้อคลุมยาวสีเทา ซีเรียส แบล็ค และชายหนุ่มวัยกลางคนที่อยู่ในชุดเสื้อกั๊กสีน้ำตาล ธีโอดอร์ แมคคลาวด์ ผู้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่แห่งอิลเวอร์มอร์นีในปัจจุบัน

    “ตอนนี้มือปราบมารจากมาคูซ่าเข้าควบคุมสถานการณ์หมดแล้วค่ะ ผู้เสพความตายส่วนมากถูกจับกุมแล้ว” คลอเดียรายงานอาจารย์ใหญ่ทันทีที่พวกเขาทั้งคู่ก้าวมาถึงโต๊ะ เธอสูดหายใจก่อนพูดต่อ

    “มีเด็กนักเรียนบางส่วนบาดเจ็บจากระเบิดและพรีเฟ็คบ้านธันเดอร์เบิร์ดถูกฆ่าจากคาถาพิฆาต”

    อาจารย์ใหญ่ขมวดคิ้ว เขาส่งเสียงตำหนิตัวเองพลางมองไปยังแฮร์รี่ที่กำมือแน่น เด็กชายผู้รอดชีวิตจมอยู่ในความคิดของตนเองมาตั้งแต่ที่คลอเดียลากให้เขาตามเธอมา การตายของเชสเตอร์เป็นบาดแผลและตราบาปในใจของตัวเขา

    “แฮร์รี่มันไม่ใช่ความผิดของเธอ” ธีโอดอร์พูด เพียงเท่านั้นเด็กหนุ่มก็เงยหน้าแล้วเริ่มระเบิดอารมณ์

    “มันจะไม่ใช่ยังไง เขาตายเพราะปกป้องผมเชสเตอร์ยอมตายเพราะผมเขาไม่ควรทำแบบนั้น” ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำเขาทั้งโมโห เสียใจและสับสน ทำไมผู้เสพความตายต้องการตัวเขาทั้งที่ตัวตลอดเวลา16ปี แฮร์รี่ก็อยู่อย่างสงบมาโดยตลอด ซีเรียสบีบบ่าเด็กหนุ่มหวังปลอบโยน เขาเข้าใจความเจ็บปวดนั้นมันไม่ต่างอะไรกับภาพที่เขาเห็นเจมส์นอนไร้วิญญาณที่ก็อดดิกฮอลโลว์เมื่อ15ปีที่แล้วแม้แต่น้อย ประตูบานใหญ่ถูกเปิดอีกครั้งก่อนร่างของหัวหน้ามือปราบมารเดินมุ่งตรงมาที่พวกเขาด้วยความรวดเร็ว

    “พวกมันต้องการตัวคุณพอตเตอร์” มือปราบมารหนุ่มพูดพลางมองไปที่แฮร์รี่ “มีผู้เสพความตายหนึ่งคนหนีรอดไปได้เรากำลังแกะรอยเขา ส่วนคุณพอตเตอร์เราอยากให้คุณพักการมาเรียนไปก่อน”

    “ไม่จำเป็นหรอกครับ” แฮร์รี่ว่า คลอเดียมองเด็กหนุ่มด้วยความประหลาดใจเธอรีบเดินไปหานักเรียนของเธอด้วยความหวังที่จะอธิบาย

    “พอตเตอร์ เพื่อความปลอดภัยของเธอนะ”

    “ผม.. ผมไม่อยากมาเรียนที่นี่แล้ว” เพียงเท่านั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แฮร์รี่คิดเรื่องนี้มาซักพักแล้วเขาเคยชอบการเป็นพ่อมดมากก็จริงแต่ตั้งแต่ที่เขาถูกผู้คุมวิญญาณโจมตีในวันฮาโลวีนตัวเขาก็เริ่มแปลกไป จู่ ๆ เขาก็เห็นมัน เห็นความทรงจำที่พ่อและแม่ของเขาถูกฆ่าตายที่ก็อดดิกฮอลโลว์ มันกลายเป็นความทรงจำที่ถูกฉายซ้ำในหัวจนกระทั้งการตายของเชสเตอร์ก็ทำให้ตัวเขาตัดสินใจบางอย่าง

    “ฉันเข้าใจแฮร์รี่ ถ้าเธอจะขาดความเชื่อใจต่อโรงเรียนฉัน—”

    “หมายถึงผมไม่อยากยุ่งกับเวทย์มนตร์อีกแล้ว” แฮร์รี่ตอบเสียงเรียบ เขาไม่ใช่คนขลาดเขลากลับกันแฮร์รี่เป็นเด็กที่กล้าหาญมาก ทุกคนในอิลเวอร์มอร์นีรู้ดีและแน่นอนว่าคลอเดียเองก็รู้ดีมากกว่าใคร แฮร์รี่ชำนาญในวิชาคาถาและมีฝีมือมากเธอเคยเป็นที่ปรึกษาให้แก่แฮร์รี่ในตอนปี5ถึงเรื่องการเตรียมตัวเป็นมือปราบมาร

    “แฮร์รี่ เธอจะลองคิดดูอีกครั้งได้มั้ย” คลอเดียพูด เด็กหนุ่มส่ายหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสับสน

    “ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถยืนอยู่ในโรงเรียนที่มีความทรงจำเพื่อนสนิทของผมได้จริงๆ ครับ” แฮร์รี่พูดเสียงแผ่ว

    ธีโอดอร์ไม่ได้พูดอะไร เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังสีแดงเลือดหมู่อย่างใช้ความคิดถึงแม้แฮร์รี่จะได้รับการขนานามว่าเป็นเด็กชายผู้รอดชีวิตและสังหารลอร์ดโวลเดอร์มอร์ลงได้แต่สำหรับเด็กอายุ16ปีที่ใช้ชีวิตโดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงความจริงที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนปกปิดไว้มันก็อาจจะหนักหนามากเกินไปกว่าที่จะได้รับ

    “เข้าใจแล้วล่ะ ฉันจะไม่ห้ามเธอหรอกนะแฮร์รี่” ธีโอดอร์ว่า “แต่ถ้าเธอเปลี่ยนใจอิลเวอร์มอร์นีต้อนรับเธอเสมอ”

    นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่อาจารย์ใหญ่บอกกับเขา ข่าวเรื่องการลาออกจากโรงเรียนของแฮร์รี่แพร่สะพัดไปทั่วโลกเวทย์มนตร์ผู้คนต่างตั้งคำถามโดยที่ไม่ได้รู้ถึงต้นตอที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เดลี่พรอเฟ็ตทุกฉบับตีพิมพ์เรื่องนี้ขึ้นคอลัมน์ใหญ่กินหน้ากระดาษไปเกือบครึ่งเขียนไว้ว่าแฮร์รี่อาจกลับมาที่อังกฤษอีกครั้งก็เป็นได้

    ----

    เสียงฝนที่ตกกระทบลงบนหน้าต่างไม่ได้ช่วยทำให้แฮร์รี่ใจเย็นลง เด็กหนุ่มพิงหน้าต่างหยดน้ำไหลผ่านกระจกใสที่ริมหน้าต่างด้วยแววตาเหม่อลอยความเย็นจากกระจกทำให้แฮร์รี่นึกถึงมือของเชสเตอร์ในวันนั้น แฮร์รี่กลับมาที่ฟอร์คได้หนึ่งอาทิตย์แล้วเขาไม่ได้ไปที่ป่านอกเมืองนั่นอีกหลังจากเกิดเรื่อง แฮร์รี่และซีเรียสพึ่งทำเรื่องย้ายเข้าโรงเรียนประจำเมืองเมื่อสองวันก่อนแฮร์รี่จะได้ไปโรงเรียนในเช้าวันรุ่งขึ้น ในตอนแรกอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนตั้งคำถามนิดหน่อยถึงการเข้าเรียนช้าเกือบอาทิตย์ของแฮร์รี่ ซึ่งซีเรียสได้ให้เหตุผลไปว่าตัวของเขามีปัญหาด้านสุขภาพเล็กน้อย อีกฝ่ายดูไม่เชื่อเท่าไหร่เมื่อได้ยินแบบนั้นแต่คงจะต้องขอบคุณความตัวเล็กของตัวเองที่ทำให้อาจารย์ใหญ่เลิกสงสัยไปในที่สุด

    แฮรฺรี่ถอนหายใจอีกครั้งเขาไม่แน่ใจว่าตนพร้อมสำหรับการเรียนวันแรกหรือเปล่า ทุกอย่างใหม่ไปหมดเพื่อน โรงเรียนหรือแม้แต่วิชาที่อาจารย์สอน มันคงจะต้องทำให้เขาพยายามมากว่าปกติเกือบสองเท่าจะได้

    “นั่งเศร้าอีกแล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู แฮร์รี่สะดุ้งก่อนพบว่าเป็นเจคอบยืนส่งยิ้มอยู่ด้านหลัง “นั่งด้วยได้มั้ย”

    แฮร์รี่พยักหน้าแทนคำตอบ เจคอบนั่งลงตรงข้ามอีกฝ่ายพลางมองทิวทัศน์ที่ถูกบดบังไปด้วยเม็ดฝน เจคอบมาที่บ้านเพราะซีเรียสลุงของเขาเรียกให้มาอยู่เป็นเพื่อนแฮร์รี่ อีกฝ่ายมีงานด่วนที่จะต้องไปติดต่อซึ่งเจคอบเองก็ไม่ได้ถามว่าเรื่องอะไรเช่นกัน ความเงียบโรยตัวรอบทั้งสองบรรยากาศไม่ได้อึดอัดแต่มันก็ไม่ได้ชวนให้สบายใจแฮร์รี่เคยร่าเริงมากกว่านี้ เจคอบจำได้จนกระทั้งการสูญเสียของเชสเตอร์ที่ส่งผลกระทบต่อเพื่อนตัวน้อยของเขาโดยตรง

    “นี่ เมื่อวานฉันทำเสื้อขาดอีกแล้วพ่อฉันด่ายับเลยรู้มั้ย” เจคอบพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบเขาไม่ได้มองแฮร์รี่แต่ก็หวังว่าอีกฝ่ายจะยิ้ม

    “เขาบอกว่าเสื้อตัวที่ฉันใส่แพงมากทำไมฉันไม่ยักรู้”

    “นั่นก็เพราะว่านายเป็นหมาป่าจอมทึ่มไง” แฮร์รี่อมยิ้ม เจคอบหันมองพ่อมดตัวน้อยเขายกมือดันศีรษะอีกคนแผ่วเบา เขาไล่พิจารณาแฮร์รี่ไม่ได้สูบผอมลงแต่กลับดูซีดเซียวอาจเป็นเพราะรอยคล้ำใต้ตาของคนตรงหน้าก็ได้

    “ได้นอนบ้างมั้ย” เจคอบถาม

    “นอน.. ความจริงฉันนอนไม่หลับฉันเห็นเขาในฝัน เขาตายซ้ำๆ ในฝันของฉัน”

    “หมอนั่นคงไม่อยากให้เพื่อนรักมานั่งเศร้าแบบนี้หรอก” เจคอบเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เขาเคยเจอเชสเตอร์เมื่อหลายปีก่อนตอนที่อีกฝ่ายมาเยี่ยม เพื่อนสนิทของแฮร์รี่คนนี้เป็นคนที่มีรูปร่างสูงโปร่งเรือนผมสีน้ำตาล ดวงตาสีเทา ใบหน้าจัดว่าดูดีทีเดียวแถมยังตลก พูดเก่งและเข้ากับคนได้ง่าย เจคอบไม่เคยเห็นแฮร์รี่หัวเราะเยอะเท่านี้มาก่อนเชสเตอร์มักจะชอบเอาของเล่นเวทมนตร์แผลง ๆ มาแกล้งเขาหรือคนในฝูงเขาตลอด ความลับระหว่างพวกเขาไม่ใช่เรื่องที่ปิดบังเพราะตัวแฮร์รี่เองก็พอรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นเชฟชิฟเตอร์ และเขาเองก็ทราบว่าแฮร์รี่เป็นพ่อมด

    “นายเศร้าได้เสียใจได้แต่อย่าโทษตัวเองไปเลย”

    “ฉันแค่.. ไม่เข้าใจทำไมเชสเตอร์ต้องทำแบบนั้น” แฮร์รี่พูดสีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น “เขาดีเกินกว่าจะต้องมาตาย”

    “บางทีความรักมันซับซ้อน” เจคอบบอก “เชสเตอร์รักนายมาก”

    ในสายตาของคนนอกเจคอบเห็นทุกอย่าง แววตาที่เชสเตอร์มองแฮร์รี่มันไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนสนิทมันแฝงไปด้วยความห่วงใยและความรักในแบบอื่นแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่ต้องพูดออกมา ในตอนนี้เขาทำได้แค่ปลอบโยนลูกชายทูลหัวของลุงตนให้ดีที่สุด แฮร์รี่ก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเจคอบตัวของเขาเองก็ไม่อยากให้แฮร์รี่จะต้องรู้สึกผิดกับตัวเองไปมากกว่านี้เช่นกัน แฮร์รี่มีท่าทีเศร้ากว่าเก่าเจคอบจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

    “พรุ่งนี้นายจะไปเรียนแล้ว”

    “อืม แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะเรียนวิชาของมักเกิ้ลไหวรึเปล่า” ฉับพลันใบหน้าของคนตัวเล็กก็แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกเพราะนึกถึงวิชาประหลาดที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน เขาลองเปิดดูหนังสือคร่าว ๆ แล้วมันเต็มไปด้วยสูตรเลขที่ยังกับภาษาจากตำราเวทย์มนตร์โบราณอะไรก็ไม่รู้ที่เขาแทบจะไม่เข้าใจด้วยซ้ำ

    “มีอีกเรื่องนึงฉันเครียดมาก” แฮร์รี่สบตากับเจคอบ นัยน์ตาสีเขียวฉายแววกังวล “นายก็รู้ฉันเข้ากับคนอื่นยากนิดหน่อยนายว่าฉันจะมีเพื่อนมั้ย”

    เจคอบหัวเราะทันทีที่ได้ยินแบบนั้นแฮร์รี่ตวัดสายตาเชิงตำหนิคนตัวเล็กกว่าผลักไหล่หมาป่าหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ เจคอบพยายามหยุดขำเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าจากมือถือ อีกฝ่ายขอตัวไปคุยโทรศัพท์ซึ่งแฮร์รี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรคนตัวเล็กแอบได้ยินเสียงผู้หญิงลอดผ่านโทรศัพท์มาแผ่วเบา เขาไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนะแต่อีกฝ่ายพูดเสียงดังตั้งหาก

    เจคอบพูดสองสามประโยคแล้ววางสายเขาเดินกลับมานั่งลงตรงข้ามแฮร์รี่อีกครั้ง

    “เอางี้ฉันมีเพื่อนสมัยเด็กคนนึงเธอชื่อเบลล่า สวอนพึ่งย้ายกลับฟอร์คเมื่ออาทิตย์ก่อนช่วงที่นายกลับไปบอสตันถ้านายไม่ว่าอะไรฉันจะบอกเบลล่าไว้ว่าให้เป็นเพื่อนกับนายด้วย”

    “เห็นฉันเป็นเด็กจนต้องฝากฝังเลยรึไง” แฮร์รี่ยกยิ้ม “ขอบคุณนะนายช่วยได้มากเลย”

    “ยินดีอยู่แล้ว นายก็เหมือนน้องชายฉัน” เจคอบส่งยิ้มตอบ

    “แต่ถ้าฉันมีพี่ชายแบบนายฉันยอมเป็นลูกคนเดียวดีกว่า”

    ใบหน้าน่ารักฉายแววหยอกล้อ เจคอบพุ่งตัวเข้าไปยีผมอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิงแน่นอนว่าแฮร์รี่โวยลั่นการแกล้งแฮร์รี่ก็เป็นอีกสิ่งที่เจคอบโปรดปราณไม่แพ้การขับรถเลยล่ะ

    tbc

    -----------

    แอแง มาอีกหนึ่งตอนติชมได้เช่นเดิมนะคะ! ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านมากๆเลยค่ะเป็นอีกตอนที่รู้สึกเครียดตอนเขียนมาก555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×