ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กว่าจะ "ติด" หมอ

    ลำดับตอนที่ #12 : ย้อนอดีต :: หลังสอบหมอ และหลังติดหมอ [END]

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 54


    ไม่รอรีเควสละ เขียนเองเลยดีกว่า 555555555555555555
    เดี๋ยวบทคำถามที่คนมักสงสัยพี่จะเขียนอีกทีนะ 

    ____________________________________

    ต่อจากบทที่แล้ว พอสอบหมอวันที่สองเสร็จ พี่ก็ขึ้นรถกลับบ้านด้วยอารมณ์แบบว่า
    กุสอบเสร็จแล้วววววววววววววว !!
    เย้ๆๆ สบายสักที

    แต่พอกลับบ้านไป กลับรู้สึกโล่งๆ
    ไม่ต้องท่องศัพท์แล้ว ไม่ต้องอ่านหนังสือแล้ว ไม่ต้องรีบตื่นนอนแล้ว
    แปลกๆดีนะ (?)
    แต่ชอบหวะ 55555555555555

    วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ.2554 จึงเป็นวันที่พี่นอนเร็วม๊ากในรอบหลายๆๆสัปดาห์หรือหลายๆเดือนที่ผ่านมา
    แต่ก็ตื่นสายซะงั้นในวันจันทร์ที่ 24 ฉะนั้นจึงส่งผลให้ไปโรงเรียนสาย
    และถูกกักในแถวสาย T-T ม่ายยยยยยยยยยย

    หลังจากที่ไม่ได้ไปโรงเรียนสุทธิประมาณสองอาทิตย์กว่า (ไม่นับที่ไปหนึ่งวันตอนนั้นนะ)
    วันนี้จึงเป็นวันที่ได้ไปโรงเรียนอย่างจริงจังเป็นวันแรก
    รู้สึกแปลกม๊ากมาก 555555 ก็เดินเข้าโรงเรียนไปแบบงง ๆ
    พอพี่เดินไปต่อแถวสาย(อันยาวเฟื้อย) ก็พบว่าต่อแถวเพื่อนของพี่พอดี
    เพื่อนคนนี้ก็สอบหมอเหมือนกัน แต่อยู่คนละห้องแล้วก็อยากเป็นหมอมาก ๆ ด้วย
    เลยเม้าท์แตกกันยาวเลย 5555555555555
    ก็ปรับทุกข์กันไป แบบว่าต่างฝ่ายต่างก็วางอนาคตไว้ว่าจะแอดกลางอะไรดี 
    ซึ่งก็แปลทางอ้อมว่าไม่ติดหมอน่ะ 555555
    คือตอนนั้นมันอารมณ์แบบ พี่ก็ทำข้อสอบได้ระดับนึงนะ แต่ว่า(พี่คิดว่า)ก็ต้องมีคนที่ทำได้มากกว่าเราแน่ๆ
    ไม่มีอะไรแน่นอนเลย พี่ก็วางแผนไว้ว่าจะแอดบัญชี จุฬา ก็ว่ากันไป

    ประเด็นคือวันนี้ อาจารย์ที่คุมแถวสายเกิดอารมณ์ติสขึ้นมา
    จึงเรียกนักเรียนที่มาสายให้ลุก-นั่ง 20 ที (ปกติไม่เคยให้ลุกนั่งเลยนะ)
    อะก็ลุกนั่งๆๆๆ เสร็จปุ๊บ

    เฮ้ยคนข้างหลังทำไมไม่เห็นทำเลย เอ้าลุกนั่งเพิ่ม 20 ที
    อะ ลุกนั่งๆๆๆ 

    ดูเหมือนจะจบแล้วป้ะ

    นักเรียนย้ายไปตั้งแถวบนถนน
    อ่ะๆๆ ขยับๆ

    อาจารย์คนนั้นก็หายไป สักพักมีอาจารย์มาอีกคน
    เอ้านักเรียนลุกนั่ง 20 ที

    กรำ เค้ารู้กันป้ะเนี่ยว่านักเรียนลุกนั่งไปแล้ว...เบ็ดเสร็จลุกนั่งไป 80 ทีอะน้อง T-T
    โหกรุเพิ่งสอบหมอเสร็จไม่ให้พักกันเล้ย แง้แง้

    พี่ก็เดินขาลากมากะเพื่อนคนนั้นแล้วก็เดินขึ้นตึกอีกสี่ชั้น (ม่ายยยย)
    คือห้องพี่อยู่เลยห้องเพื่อนมาหน่่อย ก็เลยส่งเพื่อนก่อน
    แล้วพี่ก็เดินมาที่ห้องตัวเองเงียบๆ (ห้องพี่เป็นกระจกหมดนะ)
    ก็มองเข้าไปในห้อง เห็นอาจารย์ยังไม่เริ่มสอน ทุกคนก็นั่งอยู่กะที่ดูนิ่งๆ มากกกกกกก
    พี่ก็แบบ ค่อยๆ ย่องเปิดประตูเบาๆ
    ห้องพี่นี่เงียบกริบบบบบบบบเลยค่ะ ขนาดอาจารย์ยังไม่สอนนะเนี่ย
    พี่เหลือบซ้ายเหลือบขวา ไปป๊ะกับหน้าอาจารย์หันมามองพอดี๊ (ขนาดเปิดประตูเบานะเนี่ย)
    พี่ก็ยกมือไหว้ยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงกะเก้าอี้ตัวเองตรงที่นั่งหลังห้อง

    แล้วข้างหน้าก็เริ่มคุยกันเรื่องไปสอบ พี่ก็เลยไปคุยด้วย
    คุยไปคุยมา อุ๊ย นั่นก็ถูก ข้อนี้ก็ถูก เห้ยนั่นถูกอีกแล้ว
    อ่าวผิด เออนั่นเราก็ตอบผิด เออผิดอีกแระ
    ไปๆมาๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ย -_-"

    สรุปได้ว่าทุกคนก็ตอบได้บ้างไม่ได้บ้างอ่ะ แหงะ
    แล้วเราก็ตอบได้บ้างไม่ได้บ้างเหมือนกัน แล้วชั้นต่างจากคนอื่นตรงไหนละเนี่ย
    -________________-"

    ในช่วงหลังจากสอบหมอนั้น เป็นช่วงที่พี่บ่นบ่อยมากว่า
    โอ๊ย นู๋จะติดไหมอ่ะ นู๋จะมีที่เรียนหรือเปล่า
    พูดทุกวัน ทุกวันจริงๆ 55555555555555
    คือก่อนหน้านี้พี่จะบ่นน้อยมากว่าแบบจะติดไหม จะทำได้หรือเปล่า
    เพราะรู้สึกว่ามันบั่นทอนกำลังใจน่ะ
    แต่พอสอบเสร็จ ไม่มีอะไรแล้วนิ 
    ก็บ่นเลยสิ 55555555555555555

    พอบ่นก็จะมีคนให้กำลังใจอ่าว่าแบบ ติดอยู่แล้ว  งู้นงี้
    คือมันไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่น่ะ ความที่ตอนนั้นพี่เจอกับพิษคะแนนเฟ้อรับตรงวิศวะ ฬ
    มันทำให้พี่ประสาทรับประทานไปเลย กลัวคะแนนจะเฟ้ออีก 
    พ่อแม่ก็ดูคาดหวังน้อยลงว่าจะติดไหม
    เพราะเค้าบอกว่า วิศวะ ฬ ยังไม่ติด  บางทีก็อยากให้แก้วเผื่อใจสำหรับหมอไว้บ้าง
    เป็นช่วงที่อ่อนแอทางจิตใจม๊ากมาก
    รวมถึงเป็นช่วงที่หมดไฟด้วย

    วันสอบปลายภาค พี่แทบไม่ได้อ่านหนังสือไป
    แต่ก็เหมือนว่าอาจารย์จะรู้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่นร.ยุ่งๆสอบตรงและไม่ได้ตั้งใจทำข้อสอบ
    จึงออกข้อสอบไม่ยากมากมาให้นักเรียน
    คือปกติถ้าไม่ได้อ่านคงทำไม่ได้สำหรับครั้งอื่น
    แต่ครั้งนี้อ่านไปไม่เยอะ แต่ก็พอทำได้น่ะ ขอบคุณอาจารย์มากๆนะคะ

    หลังจากนี้ยังเหลือสอบที่สำคัญอีกสองอย่างคือ o-net และ GAT PAT
    สำหรับโอเนตนำไปใช้ได้สองอย่าง
    คือ สำหรับแพทย์ คะแนนโอเนตต้องเกิน 60% ถึงจะติดแพทย์ได้
    สำหรับแอดกลาง ก็คือนำไปใช้แอดกลาง ใช้โอเนตมาเวด 30%

    สำหรับแกทแพทก็นำไปใช้แอดกลางอ่ะเหมือนกัน

    แต่ในที่นี้สอบโอเนตก่อนแกทแพทประมาณสองอาทิตย์
    คืออย่างที่บอกพี่ก็เหมือนคนหมดไฟแล้วอ่า พี่มาอ่านโอเนตก่อนสอบประมาณอาทิตย์เดียว
    ตอนนั้นก็เสียใจอยู่เหมือนกันนะว่าน่าจะอ่านเยอะกว่านี้
    แต่ช่างเถอะ เรามาเริ่มอ่านตอนนี้ก็ต้องทำให้ดีที่สุด

    อืมม วันสอบโอเนตไม่ค่อยมีอะไร พี่สอบโรงเรียนตัวเอง
    คือโอเนตมันเหมือนข้อสอบปีก่อนๆเกือบหมด
    อาจจะยกเว้นเลข ยากกว่าปีก่อนพอสมควร
    และวิชาทั่วไปส่วนใหญ่ยากขึ้นนิดนึง

    แล้วโอเนต ณ วันที่ 19 - 20 ก.พ. ก็ผ่านไป
    21 22 23 24 จนกระทั่ง 25 ประกาศผลหมอ
    หลังจากประกาศว่าติดไปแล้ว
    พี่ก็พบฟีดแบ็ดมามากมายจากหลายสารทิศ

    ส่วนใหญ่จะอารมณ์แบบ เฮ้ย ติดหรอ จริงดิ (ประมาณว่าไม่อยากจะเชื่อ)
    ตอนโทรไปบอกแม่ พอแม่ได้ยินปุ๊บ แม่เงี๊ยบไปเลย 
    ห้ะ อะไรนะ ติดหมอหรอ 55555
    ส่วนวันนั้นพ่อไปงานศพ พอโทรไป บอกพ่อว่าติดหมอ
    พ่อ เงียบ ไปเลย แบบว่าอึ้งพอกัน >_<
    แล้วมันก็ทำให้พี่รู้เพิ่มอีกหลายอย่าง อย่างเช่นว่า
    หลายๆ คนที่ให้กำลังใจว่าติดหมอแน่ๆ ก่อนหน้านี้
    บางคนไม่คิดว่าพี่จะติดด้วยซ้ำ ไม่ใช่บางคนแต่เป็นหลายๆ คนเลย - -" แต่พูดให้กำลังใจไปก่อน
    ชิชิชิ อย่างงี้ไม่ต้องพูดก็ด้ายอ้ะ ฮือๆ หนูเสียใจนะ
    แต่บางคนพูดแล้วคิดว่าพี่จะติดจริงๆ อันนี้ปลื้มมาก กดไลค์เลย

    แล้วก็รู้สึกว่าเวลามีคนถามว่าติดอะไรแล้วหรือยัง
    พอบอกว่าติดหมอแล้ว มันก็อดรู้สึกตัวสูงขึ้นสักสองสามเซนไม่ได้อ้ะ

    พี่อยากให้น้องๆได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้บ้างจัง สำหรับคนที่อยากเข้าหมอทุกคน
    แต่ถึงจะเป็นคณะอื่น ถ้าพี่อยากเข้าจริงๆแล้วได้ที่ดี ๆ พี่ก็คงรู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน

    อยากให้น้องมีพลัง ตั้งใจ เพื่อที่จะก้าวไปสู่วันที่ฝันเป็นจริง
    วันนี้ฝันของพี่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะพี่ยังเพิ่งติดหมอ
    ฝันของพี่จะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อเรียนหมอจบแล้ว แล้วได้เป็นหมอที่ดีอย่างที่ฝันไว้

    มีเพื่อนคนนึงมาถามพี่ว่า
    แก้วซุ่มปะเนี่ย...
    พี่ก็บอกว่า พี่ไม่ได้ซุ่ม พี่ไม่เคยซุ่ม ใครถามว่าพี่อ่านหนังสือไหม พี่ก็บอกว่าพี่อ่านตลอด อ่านเยอะด้วย
    แค่พี่ไม่ได้เที่ยวไปป่าวประกาศว่าพี่ดูหนังสือเยอะขนาดไหนให้ใครต่อใครฟัง
    เพื่อนก็บอกว่า
    สมเป็นแก้วจริงๆ

    >______< ปลื้ม 5555555

    และตอนนี้โอเนตก็ประกาศแล้ว พี่ได้โอเนตประมาณเจ็ดสิบต้นๆ
    ก็เกินหกสิบเปอร์เซ้นแล้ว เย้ๆๆ ติดหมอแล้ว เย้ๆๆ
    ทีนี้พี่ก็ลองไปเวดคะแนนบัญชีดูว่าจะติดไหม
    เฮ้ย คะแนนถึงด้วยอ่า กรี๊ดๆๆๆ

    มันทำให้พี่ดีใจว่า อย่างน้อยถ้าโชคดีโชคร้ายพี่ไม่ติดหมอขึ้นมา
    พี่ก็ได้วางแผนไว้อย่างดีแล้ว ว่าจะมีคณะที่รองรับพี่ต่อ
    ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเราจะติดคณะอะไรๆๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์
    อยากให้น้องทุกคนเผื่อใจไว้ สำหรับการสอบหมอ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ
    พี่เห็นเพื่อนพี่หลายคน อยากเข้าหมอมานาน แล้วผลออกมาว่าไม่ติด
    แล้วเค้าก็ไม่ได้วางแผนต่อว่าจะแอดกลางเข้าคณะอะไร
    พี่เชื่อว่ามันเป็นความรู้สึกที่เคว้งจริงๆนะ
    ต่อให้มาซิ่วใหม่ ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้หรอกว่าเราจะติด
    เราอาจจะได้ที่ที่ดีกว่า หรือที่ที่แย่กว่า หรืออาจจะไม่ได้อะไรเลย
    อย่าเรียนคณะอะไรเพื่อซิ่วเลยนะ เรียนแบบเรียนเพื่อที่จะเรียนต่อ
    ในขณะที่ก็ตั้งใจซิ่วไปด้วยอ่ะ อย่างนั้นจะดีกว่า

    น้องอาจจะคิดว่า มีความฝันอะไรก็ควรจะตั้งใจไปทางเดียวให้เต็มที่อย่างนั้นป้ะ
    แบบตั้งใจจะเป็นหมอก็ควรจะทำให้มันเป็นจริงให้ได้ ไม่ควรมีความฝันหลายๆทางมันทำให้เราไม่เต็มที่กับฝันนี้
    แต่บางอย่างก็ อาจจะเป็นการฝืนชะตาเราเกินไปก็ได้นะ (?)
    อย่างเช่นน้องอาจจะเคยเห็นคนที่มาซิ่วหมอ 3-4 ปี แล้วก็ยังไม่ติด
    ...มันเจ็บปวดน้ะ คนเราฝันได้เยอะแยะออก
    อย่างพี่ยังเคยฝันอยากเรียนวิศวะเลย แล้วก็เป็นไง ไม่ติด
    ไม่ต้องนึกถึงภาพถ้ามาซิ่วใหม่แล้วไม่ติดเลย คงร้าวพิลึกอะ

    อืมม ฝากไว้แล้วกันนะ อยากให้มองคณะอื่นๆเผื่อไว้บ้าง
    แม้จะมั่นใจว่าจะติดหมอขนาดไหนก็ตาม
    เรามองเผื่อไว้ แต่เราก็เต็มที่กับฝันได้นิ
    เนอะ ;')

    ______________________________

    เดี๋ยวไว้มาอัพบท เรื่องที่คนทั่วไปมักสงสัย เน้อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×