Huang friend [Mino x Seunghoon] - Huang friend [Mino x Seunghoon] นิยาย Huang friend [Mino x Seunghoon] : Dek-D.com - Writer

    Huang friend [Mino x Seunghoon]

    โดย Jarin94

    ผมกำลังหวงเพื่อนใช่ไหม ก็แค่หวงเพื่อนเท่านั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    692

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    692

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    13
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 มี.ค. 58 / 15:07 น.

    แท็กนิยาย

    minhoon มินฮุน



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้



     

    [sf] Huang friend – Mino x Seunghoon




    ธีมสวยๆจาก






     







     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น





     





     

     

     

    10:48 PM’

     

     

              วันนี้เป็นวันปีใหม่ครับ 1 มกราคม ผมมีนัดกับเพื่อนสนิทว่าจะไปฉลองกันในร้านเหล้าที่ไหนสักแห่ง ยืนรอมันมาครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่เห็นโผล่หัวมาสักทีแล้วนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วย ถ้ามันจะไม่มาทำไมไม่โทรมาบอก

     

              กำลังคิดว่าต้องโทรไปด่าเพื่อนตัวดีสักหน่อยละ ในขณะที่กำลังจะยกมือถือขึ้นโทรก็โดนชายแปลกหน้าคนหนึ่งมายืนจ้องหน้าผม จ้องจนผมกลัว.. กลัวอะไรละ ? ก็กลัวสิครับจ้องแล้วไม่พูดอะไรสักคำ แถมหน้านี่เหวี่ยงแบบแปลกๆอีก

     

    “เอ่ออออ....”

     

    “แทฮยอน นัมแทฮยอน”

     

    “ครับ ?”

     

    “ชื่อซงมินโฮใช่รึเปล่าเราอะ”

     

              ผมถึงกับอึ้งอ้าปากพะงาบๆเมื่อคนตรงหน้าเอ่ยชื่อผมออกมา เฮ้ยผมไปมีเสน่ห์กับเพศเดียวกันตอนไหนถึงขั้นรู้จักชื่อผมเลยนะเว้ย มันไม่ธรรมดาแล้วนะเว้ย

     

    “ไม่ต้องตกใจหรอก ซึงฮุนให้มาเรียก”

     

    “อ่ออออออออออ”

     

              ผมถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าจะเสียเอกราชในวันขึ้นปีใหม่ซะแล้ว ถึงแม้คนตรงหน้าจะสวยมากก็เถอะไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่คือเขาสวยมากจริงๆ สวยกว่าบรรดาผู้หญิงที่ผมเคยควงมาทั้งหมดซะอีก

     

    “แล้วไอ้ซึงฮุนไปไหนครับ”

     

    “รออยู่บนรถ ตามมาสิ”

     

              คนที่ชื่อแทฮยอนบอกพลางชี้ไปทางรถ Audi R10 สีแดงเพลิงที่จอดอยู่ใกล้ๆ พอเดินตามไปผมก็เห็นร่างสูงโปร่งที่คุ้นเคยนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ

     

    “ขึ้นมาดิมึง ยืนมองไร”

     

              อีซึงฮุนเพื่อนเพียงคนเดียวของผมหันมายิ้มตาปิดก่อนจะเรียกผมขึ้นรถ

     

    “รถใหม่มึงหรอ”

     

              ผมถามด้วยความสงสัยนั้นละ ก็รู้ว่าบ้านไอ้ซึงฮุนมันทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โต แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อมันจะใจดีซื้อให้มันขับเล่นหรอกนะ

     

    “รถของพี่แทฮยอนเขาอ่ะ”

     

    “อ่อ”

     

    “ยัง ยังยืนทำหน้าโง่อยู่อีกกูบอกให้ขึ้นรถ”

     

              คือกูก็อยากขึ้นครับเพื่อน แต่รถมันมีเบาะนั่งแค่ 2 ที่ มึงจะให้กูเกาะล้อไปหรืออะไร ?

     

    “แล้วพี่เขาจะนั่งหนะ...”

     

              ยังไม่ทันถามจบก็หันไปเห็นพี่แทฮยอนกำลังเดินไปทางฝั่งคนขับ ร่างขาวค่อยๆเปิดประตูออกแล้วขึ้นไปนั่งบนตักของไอ้ซึงฮุน อึ้งหนักกว่าเดิมไปอีกจ้า ตอนนี้คงไม่ต้องถามความสัมพันธ์แล้วจ้า ไม่กล้าถามเลยว่าไอ้เพื่อนตัวดีไปรู้จักกับหนุ่มหน้าสวยคนนั้นได้ยังไง

     

    “เร็วๆ”

     

              ผมสะบัดเอาความคิดต่างๆนาๆออกจากหัวแล้วรีบก้าวขึ้นรถไปตามคำสั่งของเพื่อนสนิท ทันทีที่เสียงปิดกระตูรถดังขึ้นไอ้ซึงฮุนก็เหยียบคันเร่งให้รถพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

     

              บรรยากาศในรถออกจะแปลกๆไปสักหน่อย รถที่มีเบาะ 2 ที่กับผู้ชาย 3 คน คนหนึ่งนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ฝั่งข้างคนขับกับอีกสองคนที่นั่งทับกันอยู่ฝั่งคนขับ แขนขวายาวๆของคนที่ชื่อแทฮยอนที่วางพาดไว้บนไหล่กับมือซ้ายที่ลูบไล้ลำคอขาวของไอ้ซึงฮุน ริมฝีปากถูไปมาอยู่บริเวณใบหูของคนขับ

     

    “ปิดหลังคาไหมกูหนาว”

     

    ตุบ

     

              แทฮยอนโยนเสื้อคลุมสีเทาควันบุหรี่ให้ผม เขายิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปหอมแก้มไอ้ซึงฮุนฟอดใหญ่ เป็นรอยยิ้มที่ผมรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก

     

     



     

              หลังจากรถแล่นมาร่วมชั่วโมงในที่สุดไอ้ซึงฮุนก็ชะลอความเร็วลงที่บนสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ถอดยาวไปยังด้านหน้า ถึงแม้จะเป็นวันหยุดแต่ในเวลาแบบนี้บนสะพานสวยๆแห่งนี้กลับมีรถไม่ค่อยมากนัก แสงไฟสีส้มจากสองข้างทางปฏิเสธไม่ได้ว่ามันโคตรโรแมนติกเลยถ้ามากับคนรัก

     

              ยิ่งรถขับช้าลงเท่าไหร่ กิจกรรมของไอ้ซึงฮุนดูจะยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ คือมึงเกรงใจกูด้วยครับผม กูก็นั่งอยู่ตรงนี้นะเพื่อน ยิ่งหันไปมองยิ่งรู้สึกเหมือนโดนใครสักคนตบหน้าแต่ทำไมต้องรู้สึกแบบนั้นละ

     

     

    “อ อื้อออออ”

     

              ผมลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อหันไปเจอฉากจูบร้อนแรงของคนทั้งสองที่ทำเอาขนลุกซู่ เสียงครางแปลกๆดังขึ้นเป็นระยะๆทำให้ผมเริ่มเหงื่อตก กูผิดไหมที่เกิดมาโสด กูผิดไหมที่มาฉลองปีใหม่กับมึง กูผิดอะไรทำไมพระเจ้าทำร้ายกูแบบนี้

     

    “กูขับแทนไหม”

     

    “ไม่ต้องหรอก จะถึงแล้ว”

     
     

    Seongsan Bridge 성산대교 cr.http://pantip.com/topic/31829047


     

              รถหรูแล่นมาจอดอยู่กลางสะพานสวย

     

    “มึงเคยบอกว่าอยากถ่ายวิวตรงนี้ใช่ม่ะ กูจำได้ ลงไปถ่ายดิเดี๋ยวรออยู่นี้”

     

              พอล้อหยุดแล่นปุ๊บไอ้คนขับตัวแสบก็หันมาไล่ผมลงจากรถทันที คือมึงไม่ว่างก็บอกกูก็ได้ พากูออกมาด้วยทำไม อยากจะทำอะไรกับใครมึงก็ทำไปสิ เอากูมาด้วยทำไม กูเสียใจ ไอ้เพื่อนเวร

     

    “เออ ๆ ขอบใจมากนะมึง !!!

     

              ผมตอบเพื่อนด้วยน้ำสียงกระแทกเล็กน้อย ดีนะที่วันนี้พกกล้องติดตัวมาด้วย ผมลงมาถ่ายรูปวิวที่แสนจะดึงดูดใจของแม่น้ำแห่งนี้ ลมหนาวอ่อนๆพัดมาปะทะร่างกายเล็กน้อย แสงสว่างจากดวงไฟระยิบระยับเต็มสองฝั่งของแม่น้ำ สายน้ำที่ไหลตามลมไปช้าๆ เรือลำน้อยใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่กับคนสำคัญ ความสวยงามที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก... เพราะไม่ค่อยได้มา ผมปล่อยให้สองคนด้านหลังทำกิจกรรมอะไรกันตามอำเภอใจส่วนตัวเองก็จดจ่ออยู่กับความสวยงามตรงหน้า

     

              พยายามเก็บภาพความทรงจำสวยๆนี่ไว้ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขายาวเดินทอดน่องมาเรื่อยๆเพื่อมองหามุมใหม่ๆในการถ่ายภาพ กดชัตเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ดูเหมือนภาพที่ได้ออกมาจะไม่เป็นที่พึงพอใจมากนัก

     

    “เฮ้อ เป็นบ้าไรวะเนี้ย”

     

              ผมยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองแรงๆหลายทีเมื่อพบว่ารูปที่ถ่ายออกมาไม่ได้ดังใจเลยสักรูป หงุดหงิดแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ จู่ๆไอ้เพื่อนซี้ก็ทิ้งผมไปมีแฟนซะอย่างนั้นแถมยังพามานั่งรถสวีทต่อหน้าอีก นึกแล้วก็โมโห เฮ้ยเดี๋ยวผมควรจะดีใช่ไหมที่เพื่อนสละโสด ใช่ผมควรดีใจดิที่เห็นเพื่อนมีแฟนเป็นตัวเป็นตน

     

              แต่มันกำลังทิ้งผมนะเว้ย เออคือจริงๆก็ไม่ได้ทิ้งป้ะวะมันก็แค่มีแฟน แล้วนี้ผมเป็นบ้าไรวะอุส่าได้มาที่สวยๆกลับมาคิดน้อยใจเพื่อนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้นะ คือผมไม่พอใจไงเข้าใจม่ะว่าผมไม่พอใจ มันนัดผมออกมาเองแท้ๆไง๊พาคนอื่นมาวะ นึกแล้วโมโห

     

              ผมเดินไปเตะกระป๋องเบียร์ที่ตกอยู่ข้างๆทางเดินตรงขอบสะพานให้ตกลงน้ำไป

     

    “พาลนะมึง เสือ.กไปเตะขยะลงน้ำ”

     

              เสียงคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลัง โอ๊ยตามมาทำไมวะ

     

    “ลงมาทำไมวะ ไม่พลอดรักต่อรึไง”

     

              ผมถามไปโดยไม่หันไปมองก้าวเท้าเดินหนีไอ้ซึงฮุนที่เดินใกล้เข้ามาทุกที อย่าเดินเข้ามาใกล้ได้ไหมกูกำลังหงุดหงิด

     

    “หงุดหงิดอะไรของมึงวะ”

    “หุบปากไปเลยมึง นัดกูออกมาเสือ.กเอาคนอื่นมาด้วย บอกกูสักคำมั้ยก็ไม่มี”

     

              ผมเดินก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆหวังให้ระยะห่างระหว่างผมกับมันเพิ่มขึ้นอีกนิด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรเลย ก็ขามันยาวกว่าผมนี่ครับ นึกแล้วโมโหในความเตี้ยของตัวเอง เอาจริงๆผมก็ไม่ได้เตี้ยไงแค่ไอ้เพื่อนตัวดีนี่มันสูงผิดปกติไปหน่อย

     

    “มึงว่าไรนะ”

    “เอาคนอื่นมาไม่บอกกูสักคำ กูนี่หมาเลย”

    “พี่แทฮยอนเขาใช่คนอื่นที่ไหน”

     

                ใช่ซิ๊ พี่เขาแฟนมึงนี่ กูนี่หมาหัวเน่าชัดๆ ด้วยความโมโหผมเลยตอบเพื่อนไปด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

     

    “เรื่องของมึง”

    “งอนอะไรของมึงวะ”

     

              เหมือนไอ้ซึงฮุนจะหมดความอดทนกับผมแล้วมันเลยวิ่งมาดึงไหล่ผมให้หันไปเผชิญหน้ากับมัน

     

    “กูไม่รู้”

     

              ผมตอบมันไปเท่านั้น เพราะผมก็ยังไม่รู้เลยว่าแค่เพื่อนแมร่งมีแฟนทำไมผมต้องโมโหขนาดนี้วะ

     

    “หวงกู?”

    “ตลกละ กูจะไปหวงมึงทำไม”

    “มึงแน่ใจนะว่าไม่หวง”

     

              ไอ้คนสนิทตรงหน้าทำสีหน้ากวนประสาทแล้วยิงคำถามที่ทำให้รู้สึกปวดหนึบๆในหัวมาที่ผม หัวใจเต้นจังหวะแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็น นี่ผมเป็นบ้าไรวะเนี้ย

     

    “กูแค่โมโห ชวนกูออกมาแต่เสือ.กเมินกู”

    “แค่นั้น?”

    “เออ”

     

              ผมหงุดหงิดพยายามหันซ้ายหันขวามองหาที่ลงแต่ก็ไม่พบอะไรที่พอจะเตะลงแม่น้ำได้เลย ก็เลยเปลี่ยนเป็นหันไปกดชัตเตอร์รัวๆอีกครั้งแทน ไม่ปรับสปีดชัตเตอร์หรือรูรับแสงอะไรทั้งนั้น แน่นอนว่าพอเช็คภาพดูมันก็จะมีแต่ภาพเบลอๆ ภาพมืดๆ แค่นั้น

     

    “แล้ว....”

     

              ผมอ้าปากจะถามอะไรบางอย่างเพื่อนแต่พอหันไปก็ไม่เจอมันซะแล้ว

     

    “แล้วอะไร”

     

              เสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านล่างลำบากผมต้องก้มลงไปมอง ไม่รู้ไอ้ซึงฮุนมันลงไปนั่งเอาหลังพิงขอบรั้วเหล็กของสะพานข้างๆตรงที่ผมยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

     

    “พี่แทฮยอนของมึงไปไหนละ”

    “เขาก็กลับบ้านเขาดิ”

    “เอ้ามึงไม่ได้ชวนมาฉลองด้วยหรอกหรอ”

     

               ไม่รู้ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ไอ้บ้าเอ้ยนี้ผมกำลังหวงเพื่อนอยู่ใช่ไหม

     

    “ปีใหม่ทั้งทีก็ต้องฉลองกับคนพิเศษดิวะ”

     

                  ห ห๊ะ ไอ้ซึงฮุนมันพูดอะไรของมัน แต่ไอ้ประโยคที่ดูไม่ค่อยเกี่ยวกับคำถามจากไอ้เพื่อนสนิทกลับทำให้หัวใจผมเริ่มเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆกลับมาเต้นตามปกติเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

     

    “ก็ดูมึงดิ ก็เห็นทำหน้าบูดตั้งแต่อยู่บนรถละ”

    “สนใจกูด้วยรึไงละ”

     

              ประโยคหลังนี้ผมแค่บ่นเบาๆกับตัวเองเท่านั้นละ

     

    “กูได้ยินนะ!!!

     

              ผมที่กำลังหันหน้าไปเหล่มองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างล่างก็ต้องรีบหันหน้ากลับทันทีแสร้งทำเป็นถ่ายรูปแม่น้ำต่อไป ก็จู่ๆไอ้ซึงฮุนแมร่งก็เด้งตัวลุกขึ้นมายืนเฉยเลย

     

    “กูก็ต้องสนใจคนสำคัญของกูดิ”

     

              ประโยคแผ่วเบาที่ถูกเอ่ยออกมาจากคนข้างๆกลับดังกังวานอยู่ในโสตประสาทของผม หัวใจกำลังผองโตอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆที่ลมหนาวก็พัดผ่านมาเป็นระยะแต่กลับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วบริเวณใบหน้าจนต้องยกมือขึ้นจับคอเสื้อยืดที่สวมอยู่มาพัดให้เกิดลม หวังว่าจะช่วยบรรเทาอาการร้อนบนใบหน้าของตัวเองได้บ้าง

     

    “ถ่ายได้สักรูปยังอะ”

     

                ซึงฮุนชะโงกหน้ามาใกล้กับหน้าของผมเพื่อมองดูรูปภาพในกล้อง ผมจึงต้องรีบผลักหน้าบานๆนั้นให้ออกไปไกลๆ

     

    “ก ก็ไม่อ่ะ ม มึงรีบรึไง”

    “ก็กูชวนมากินเหล้าเนี้ย”

    “ม ไม่กินแล้ว”

     

              แล้วผมก็แสร้งทำเป็นถ่ายรูปต่อ มือนี่ก็สั่นจังครับกูจะถ่ายรูปปปปปป เป็นบ้าไรวะเนี้ยซงมินโฮ

     

     

     

     

     

     

     

     

    • Seunghoon Story . •

     

     

     

     

     

    “มึงเคยบอกว่าอยากถ่ายวิวตรงนี้ใช่ม่ะ กูจำได้ ลงไปถ่ายดิเดี๋ยวรออยู่นี้”

              ผมหันไปคุยกับเพื่อนสนิทที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ ก่อนที่มันจะพูดจาเหวี่ยงใส่แล้วเดินลงจากรถไป ปล่อยให้ผมกับพี่แทฮยอนนั่งรอกันอยู่บนรถ

     

    “พี่แมร่งแสดงเกินบทบาทไปละ หนอนน้อยผมเกือบตื่นเลยนะเว้ย”

    “ตื่นแล้วยังไง พี่แฟนซึงยูนนะ แฟนน้องชายแกนะแกจะกล้าทำรึไง”

     

              ใช่ครับพี่แทฮยอนเป็นแฟนของน้องชายผม พี่เขาค่อนข้างจะใจดีผมก็เลยไปปรึกษาปัญหาหัวใจกับเขา ก็ผมดันไปหลงรักเพื่อนสนิทของตัวเองเข้า เลยอยากรู้ว่ามันพอจะเลื่อนขั้นไปเป็นแฟนได้บ้างรึเปล่า พี่เขาก็เลยช่วยคิดแผนลองใจให้ เย็นวันนี้ผมเลยโทรไปนัดไอ้มินโฮเพื่อนรักให้ออกมาฉลองกัน

     

    “พี่คิดว่าไงบ้างพี่แทฮยอน”

    “อืมมมม พูดยากนะ แต่ก็น่าจะพอมีใจบ้างละสายตาที่มองพี่งี้ ลุกขึ้นต่อยได้คงทำไปแล้ว”

     

              ได้ยินแบบนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างออกมา

     

    “แต่เราไม่เล่นแรงไปหรอวะพี่”

    “แล้วคุ้มไหมละ”

     

              พี่แทฮยอนส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ผมหนึ่งทีก่อนจะออกแรงผลักให้ผมลงไปจากรถแล้วก็เลี้ยวรถย้อนกลับไปยังทางที่ขับผ่านมา

     

    “ผมว่าก็คุ้มนะ”

     

              ผมมองแสงไฟจากรถที่แล่นไกลออกไปยืนยิ้มเป็นบ้าคนเดียวก่อนจะหันมองแผ่นหลังของเพื่อนที่เริ่มเดินออกไปไกลแล้ว ดูเหมือนเพื่อนสนิทของผมกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่างอยู่ แอบคิดว่าหงุดหงิดผมกับพี่แทฮยอนได้รึเปล่านะ

     

     

              ร่างสูงนั้นเดินขยี้หัวไปมาก่อนที่จะเตะกระป๋องอะไรสักอย่างลงไปในน้ำ

     

    “พาลนะมึง เสือ.กไปเตะขยะลงน้ำ”

    “ลงมาทำไมวะ ไม่พลอดรักต่อรึไง”

     

                เหวี่ยงขนาดนี้กำลังหึงกูอยู่ใช่ไหม ? แหย่เล่นอีกหน่อยดีมั้ยนะ

     

    “หงุดหงิดอะไรของมึงวะ”

    “หุบปากไปเลยมึง นัดกูออกมาเสือ.กเอาคนอื่นมาด้วย บอกกูสักคำมั้ยก็ไม่มี”

     

              ตอนนี้ถามอะไรไปไอ้มินโฮก็เอาแต่หงุดหงิดตอบแบบเหวี่ยงๆใส่ผมตลอด แถมยังเอาแต่เดินไปข้างหน้า ไม่หันมามองผมเลยสักนิด คิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมละว่ามันกำลังหึงจริงๆ

     

              คนที่กำลังเดินนำหน้าผมอยู่รีบเร่งฝีเท้าขึ้นอีก มึงจะเดินไกลไปไหนเดี๋ยวเลยกลางสะพานไปไกลมันจะไม่โรแมนติกนะเพื่อน คิดแบบนั้นผมเลยไปจับไหล่ของมันไว้ให้หยุดเดินสักที

     

    “งอนอะไรของมึงวะ”

    “กูไม่รู้”

    “หวงกู?”

     

              หลังจากแหย่มันต่อได้สักพักผมก็เริ่มเมื่อยเลยลงไปนั่งพิงขอบเหล็กของสะพานอยู่ข้างๆเพื่อนสนิทที่ยืนถ่ายรูปอย่างเก้ๆกังๆอยู่ ได้สักรูปไหมละนั้นน่ะ

     

    “พี่แทฮยอนของมึงไปไหนละ”

    “เขาก็กลับบ้านเขาดิ”

    “เอ้ามึงไม่ได้ชวนมาฉลองด้วยหรอกหรอ”

     

              ผมเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากตอบคำถามนั้น

     

    “ปีใหม่ทั้งทีก็ต้องฉลองกับคนพิเศษดิวะ”

     

     

              ผมแอบเห็นมินโฮมันอมยิ้มกับประโยคของผมด้วยละ ผมว่าผมคงไม่ได้คิดไม่ซื่อข้างเดียวแล้วละมั่ง จะว่าไงดี แผนของพี่แทฮยอนแมร่งโคตรคุ้มเลย เอาละผมต้องเดินหน้าจีบเพื่อนสนิทดูสักตั้งแล้วละ !!!

     

     






     

     Huang friend/End

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     
    จบแล้วกับฟิคที่ไม่มีอะไรเลย 555555555555555555555
    ขัดใจอะไร ตามไปด่าในทวิตได้นะ @popjarin
    เจอคำผิดฝากทวงด้วยค่ะ ยินดีมาก ♥





     



     

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×