ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ll Chapter 5 ; Begins [สู่การเป็นคิล!] ●END● ll [ 100%]
ll Chapter 5 ; Begins [สู่การเป็นคิล!] ●END● ll
By Miren-San
xxxxxxxxxx
วันนี้เป็นเช้าอีกวันที่ชินโดยังคงอยู่ที่บ้านหลังนี้ถัดไปของวันพรุ่งนี้เขาต้องกลับไปที่ญี่ปุ่นแล้วและนั้นคือข่าวร้ายสำหรับเขา เพราะภารกิจของเบื้อนบนที่ตอนนี้เขาละเลยมานานจนเกิดเรื่องยุ่งและเข้ามาพัวพันกับชีวิตของหนุ่มหน้าสวยนาม ' คิริโนะ รันมารุ ' น้องชายของ ' คิริโนะ อายาเสะ ' ที่เสียชีวิตไปแล้วเข้าจนได้
เรื่องน่าหนักใจหากแต่ไม่ใช่เรื่อง การเข้ามาเจอเรื่องวุ่นๆนี้แต่อย่างใด แต่เป็นการที่ภารกิจของเขาแทบจะทำไม่สำเร็จเลยต่างหาก ยิ่งเขาก็ไม่ใช่พวกฝืนบังคับใจคนอื่นอย่างว่า แต่เพราะคำสั่งทำให้เขาต้องหาทางอีกครั้ง
“ ไม่เอา ”และนั้นคือเสียงปฏิเสธครั้งที่ 5 ของวัน
คิริโนะที่กำลังล้างจานหันหน้ามาตามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอีกครั้ง พลางไม่คิดว่าอีกฝ่ายไม่ย้อท้อต่อการ ชักชวนตนบ้างเหรอ ? พลางคิดเหตุผลที่เข้าข้างตัวเองมากที่สุด การเป็นคิล จำเป็นต้อง ฆ่า คน หากไม่ดีกลับกลายเป็นฝ่าย ถูกฆ่าเสียเอง ล่ะ? นั้นนับว่ายิ่งไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
และซึ่งชินโดนั้น เขาเองก็ไม่อยากบังคับใคร ยอมใช้วิธีอ้อนหลากหลายวิธีก็แล้ว ไม่เป็นผล... สรุปเขาจัทำยังไงให้สำเร็จดี จะฝืนยอกเลิกภารกิจนี้ก็ไม่ได้ ....
“ ทำไมนายถึงอยากให้ฉันเป็นคิปเปอร์ขนาดนั้นกัน ?” สายตาเย็นเยียบหันมาสบตาอีกครั้ง นั้นทำให้ชินโดต้องสะดุ้งเฮือกพยายามหาเหตุผลเพื่อมาอธิบาย
....นั้นสิ เพราะอะไรกันนะ
ใช่เพราะเขาเองจะยกเลิกก็ได้ มันมีผลอะไรสำหรับตัวเขาอยู่แล้ว ที่บอกว่ายังไงก็ยกเลิกไม่ได้นั้นอาจเป็นเพราะความเอาแต่ใจของเขาเองก็ได้ เพราะเพียงแค่นี้...
.....เพราะอะไรถึงอยากให้เขาเป็น! เพราะอะไรล่ะ ! คิดสิชินโด!!
“ หากนายหาคำมาตอบฉันไม่ได้ก็ไม่ต้องม---- ”
“ เพราะฉันต้องการพลังจากนาย! ”
ชินโดตะโกนเสียงดังขัดคำพูดของคิริโนะอย่างรวดเร็วจนร่างบางนั้นต้องทำสีหน้าตกใจ ทำให้บรรยากาศภายในห้องเริ่มเงียบครึมอีกครั้ง ทำให้ความกดดันเริ่มสูงขึ้น นัตน์ตาสีเปลือกไม้มองตรงมาอย่างมุ่งมั่น ก่อนที่จะพูดต่อ
“ นายก็ได้ยินจากริเซ่แล้วไม่ใช่เหรอ? เราเป็นคู่หูกันแล้ว!.... แถมไม่สามารถเปลี่ยนได้อีก และก็ฉันเองก็ต้องพัตนาในเรื่องการเป็นคิลด้วย! เดี๋ยวนี้ศัตรูอย่างพวก‘บลัดดี้‘ใช่ว่าจะไม่แข็งแกร่งขึ้นสักหน่อย! ”
บลัดดี้ (Bloody)คือ กลุ่มที่มีพลังที่คล้ายคลึงกับ คิล หรือ คีปเปอร์ จะเป็นพวกที่ดึงพลังในตนออกมาเป็นแบบสิ่งที่ค่อนข้างเหนือธรรมชาติอยู่หน่อย เช่น การใช้เวทย์ ควบคุมธาตุตั้งแต่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไฟฟ้า เงา และแสงสว่าง การเข้าสิง แอบเสียดายพวกที่ได้พลังสุดยอดขนาดนี้ดันเป็นพวกบ้าเลือด ทำร้ายแม้กระทั่งคนบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ซึ่งคิริโนะก็ได้ยินจากริเซ่มาพอสมควรแล้ว พลางเม้มริมฝีปากแน่น หากไม่ช่วยก็ถือว่าพวกบลัดดี้จะมีอำนาจมากขึ้น ยิ่งทำให้โลกของพวกเขานั้นอยู่ยากขึ้นทุกทีแน่ๆ ....แต่เพราะอคติส่วนตัว ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรืองพวกนี้จนเริ่มเกิดอาการลังเลอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว
“ นายไม่จำเป็นต้องพูดตอนนี้ก็ได้นะ.... ”
* ติ๊ด ติด ติ๊ด~♪ *
เสียงโทรศัพท์ของชินโดดังขึ้น ทำให้เจ้าของสะดุ้งโหยงอยู่ไม่น้อย ก่อนจะกล่าวขอตัวเดินออกไปรับโทรศัพท์ตรงแถวทางเดิน ก่อนมือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูว่าเป็นใครแต่คงไม่พ้นใครที่เคยโทรเข้ามาครั้งล่าสุดหรอกนะ
' ยาซึฮาระ โยคาดะ '
“ ว่ายังไงครับ คุณผู้จัดการ ... ”
[ บอกแล้วไงให้เรียก พี่สาวน่ะ! แล้วนี่เปลี่ยนการเรียกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ... ] น้ำเสียงหงุดหงิดจากปลายสายร้องขึ้น
“ ผมถามว่ามีอะไร ....คุณไม่น่าโทรมาในเวลานี้นะครับ ”
....ไม่ใช่ว่าติดงานของยัยเด็กปากดีนั้นหรอกเหรอ
[ หวา....ก็นะ...อยากให้รู้น่ะว่านายต้องกลับมาที่ญี่ปุ่นภายในเย็นนี้แล้วล่ะ ]
“ อ้าว?? ทำไมล่ะ กำหนดมันต้องมะรืนนี้นินา ”
[ ขอโทษนะทาคุโตะคุง... คืองี้... งานใหม่เร่งด่วนที่เข้ามาตอนนี้คือพวกบลัดดี้เริ่มอาละวาดอีกแล้ว ถึงแม้จะไม่ใช่บลัดดี้ชั้นสูงอะไร แต่ตอนนี้ทุกๆคนเริ่มเดือดร้อนกันมากเลย เพราะงั้นเราต้องการกำลังเสริมเร่งด่วน! ขอร้องล่ะ! ช่วยกลับมาก่อนจะได้ไหม!? ]
“ แล้วงานทางนี้ล่ะครับ? ”
[ ไม่ใช่ว่าชวนเสร็จไปแล้วเหรอ?? ]
“ เพราะอีกฝ่ายมีปัญหานิดหน่อยเลยไม่สำเร็จน่ะครับ...” น้ำเสียงขงเขาเริ่มแผ่วลงจนปลายสายเริ่มหาวิธีให้
[ เอาเถอะ แค่ชวนคนเอง ไม่สำเร็จไม่เป็นไรหรอก หรือเอาแบบนี้ไหม? เดี๋ยวถ้านายกลับมาแล้วถ้ายังทำภารกิจไม่สำเร็จเดี๋ยวฉันจะช่วยอีกแรง! ถือว่าเป็นการไหว้วานของทางนี้ที่ขอให้กลับเร็วแล้วกันนะ~ ]
“ แต่ว่า... ”
[ ทาคุโตะคุง...? ]
เสียงชินโดเงียบไปราวกับอีกคนกำลังใช้ความคิดอยู่ มือหนาที่ไม่รู้ว่าเผลอบีบโทรศัพท์ตนแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อไปหมด ทั้งๆที่อากาศตอนนี้ก็กำลังดีแท้ๆ ....เขาไม่อยากให้ใครมารับช่วงต่อเท่าไหร่ เหมือนกับว่ายังไงเสียเขาก็ทำงานนี้พลาดอยู่ดีแต่ดูจากน้ำเสียงของปลายสายนั้นดูจะเดือดร้อนอยู่จริงๆ ....
“ ......ถ้างั้นก็โอเคครับ แล้วผมจะรีบจองตั๋วและรีบกลับไปญี่ปุ่นในเย็นนี้ หวังว่าคงจะถึงสักประมาณพรุ่งนี้ตอนเช้ามืด เมื่อถึงแล้วผมจะโทรกลับไปให้เอารถมารับนะครับ... ”
“ .....นายกำลังคุยกับใครอยู่น่ะ? ”
เสียงหวานจากด้านหลังทำเอาแทบสะดุ้ง ก็ดันโผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงก่อนอีก... ชินโดค่อยๆหันไปด้านหลัง ก่อนจะลดโทรศัพท์ในมือลงมาแล้วกดวางสายทันที
“ แอบฟังอยู่เหรอ? ” เขาเอยถาม
“ เปล่านะ แค่ได้ยินนายพูดเสียงดังเลยน่ะ... ” คิริโนะส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาสุกสว่างสีฟ้าครามฉายแววสงสัยขึ้น “ มันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? ”
“ อ้อ ทางเบื้องบนโทรมาน่ะ...บอกว่าขอให้รีบกลับโดยเร็วน่ะ ”
“ .....เมื่อไหร่ ”
“ ตอนเย็นของวันนี้....”
เขาตอบกลับไป ก่อนจะเห็นคิริโนะพึมพำอะไรสักอย่าง ก่อนจะเดินสวนกับเขาไป สร้างความประหลาดใจเล็กน้อยบวกกับเหมือนสิ่งที่เขาคาดเอาไว้ภายในใจอยู่แล้วด้วย
.....ทำเป็นไม่สนใจ? หรือว่าไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว
เพระเขาคงเป็นผู้มาอาศัยเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรให้เจ้าของบ้านเขาประทับใจอะไรเท่าไหร่ล่ะมั้ง? แต่แค่อยากให้ออกความเห็นและร้้งเขาหน่อยก็ได้นินา....
....มันคือการเห็นแก่ตัว....
“ คิริโนะ! นายจะไปไหน ”
....นัตน์ตาสีครามหันมาสบตา แววตานั้นขุ่นมัว เขาขึ้นเสียงนิดๆก่อนจะเอยออกมา
“ จะไปเย็นนี้นิ ก็จะช่วยเก็บของไง หรือว่าจะเอายังไง? ”
“ ... ”
ไม่....เขาไม่คิดว่าหนุ่มหน้าหวานตรงหน้านี้จะตัดสินใจอะไรเร็วแบบนี้ต่างหาก
“ ก็อีกตั้งนานไม่ใช่เหรอ ” ชินโดทำเสียงอ่อน เริ่มรู้สึกไม่อยากกลับขึ้นมานิดๆเสียแล้ว แต่หนุ่มหน้าหวานส่ายหน้า
“ เดี๋ยวถ้ามาเก็บช่วงใกล้ไปก็วุ่นวายแย่น่ะสิ ”
หลังพูดจบเขาก็เดินหายลับขึ้นไปชั้นสองทันที ปล่อยให้คนที่กำลังงัวงงกับสถานการ์ณไว้ตรงริมทางเดินแบบนั้น จนชินโดได้สติจึงรีบขึ้นตามไปช่วยอีกที
.
.
.
.
เวลาช่างผ่านไปไวราวกับตัดบทฉับ! อยู่ๆก็บ่ายสามโมงครึ่งเสียแล้ว ชินโดได้อาศัยรถของคุณหมอที่รู้จักของคิริโนะมาที่สนามบินเพื่อบินกลับญี่ปุ่น เขารู้ว่าจากยุโรปถึงเอเชียก็ปาไปหลายวันแล้วแต่ถ้าหากกลับไปก็ไม่แน่ เรื่องมันอาจจะจบแล้วก็ได้ ....
เพราะลืมคิดเรื่องนั้นเลยเผลอรับปาก แถมจะบอกกับคิริโนะว่า ' ฉันไม่ไปแล้วล่ะ! งั้นขออยู่ต่อสักวันสองวันนะ ' ก็ไม่ได้.... ขืนพูดไปนัตน์ตาสีครามนั้นได้ฉายแววขุ่นมัวมากกว่าเดิมจนน่ากลัวเป็นแน่!
“ เดินทางกลับดีๆล่ะ ไม่ได้ลืมอะไรไว้ใช่ไหม? ” หนุ่มหน้าหวานถามออกมาขณะที่อีกคนกำลังรอเครื่อง
“ คิดว่าไม่นะ แต่อาจจะลืมพาใครบางคนไปด้วยก็ได้... ” สื่อความหมายของคนในหนึ่งภารกิจของเขา
“ ...ฉันไม่ไปกับนายเด็ดขาด ” เหมือนอีกฝ่ายก็รู้ตัวว่าเขาหมายถึงใคร “ เครื่องมาแล้วรีบไปก่อนตกเครื่องเถอะ ”
“ อื้ม ” เขาเบนสายตาไปทางกระจกใส “ งั้นไปก่อนนะ คิริโนะ ”
“ ดีใจที่เราได้พบกันนะ ” คิริโนะยิ้มให้
“ หวังว่าจะได้พบกันอีก...ใช่ไหม? ”
“ แล้วแต่โชคชะตาเถอะ ”
...แล้วแต่โชคชะตา
ถ้าหากนี้คือครั้งสุดท้ายเขาจะไม่ยอมแน่ๆ
ได้พบคู่หูที่เป็นคิลด้วยกันทั้งที....
เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วกับนึกถึงใครบางคน เป็นรอยยิ้มอบอุ่นที่ไม่สามารถพูดอะไรที่เห็นแก่ตัวออกมาได้เลย ได้แต่เก็บไปคิดจนหนักใจ ....
.
.
.
.
.
.
.
...ผ่านไปหลายเดือน
นี้คือช่วงเปิดภาคเรียนของมหาลัยฯชายล้วนโด่งดังที่อยู่ในเครือของผู้มีอิทธิพล มหาลัยฯที่ตอนนี้ชินโดกำลังเข้ามาเป็นนักศึกษาของที่นี่ ทั้งๆที่เปิดเรียนวันแรกของปี2อย่างเขาแต่กลับจิตใจไม่ได้สร้างอะไรใหม่ๆให้รู้สึกสดชื่นเลยสักนิดตั้งแต่เข้ามา จนเพื่อนสนิทข้างกายเริ่มทักถึงความเปลี่ยนไปของเพื่อน
“ นายดูไม่สดชื่นเท่าไหร่เลยนะชินโด เพราะงานของคิลอะไรนั้นหรือเปล่า? ”
เสียงของหนุ่มร่างสูงโปร่งเส้นผมสีขาวควันบุหรี่นั้นคุ้นตาเช่นเดียวกับผ้าคาดหัวสีดำที่เขามักจะคาดเอาไว้เสมอ จนเป็นเอกลักษณ์ ' อิบุคิ มุเนะมาสะ '
“ คงแบบนั้น... ”
เขาตอบปัด ความจริงเรื่องหนักใจกว่าคือคนที่เขาดันไปรู้เรื่องพลังที่สุดยอดนั้นแล้วไงล่ะ! แต่ถึงอยากจะบอกแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะพูดออกมาแบบไหนเลยยอมเงียบแล้วตอบปัดออกไป
และหลังจากที่ชินโดกลับมาถึงญี่ปุ่น ผู้จัดการอย่างคุณยาซึฮาระก็รับช่วงต่อในการเอาคิลเข้ามาเป็นพวกด้วยต่อทันที และเขาก็หายหน้าหายตาไปหลายเดือนมากกว่าจะกลับมาพอถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มทมึนแล้วบอกว่า ' รอก่อนเถอะนะ '
“ รู้สึกงานของนายก็จะหนักขึ้นอีกใช่ไหม? ” คนข้างกายเอยถามอีก “ งานในที่นี้ก็ใช่ย่อยนะ ”
“ อื้ม ก็เตรียมใจไว้ตั้งแต่ปี1แล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก ”
“ นี่วันนี้เขาบอกว่ามีนักเรียนที่มาจากต่างประเทศที่บอกว่าจะย้ายเข้ามาที่คณะเราด้วยล่ะ !” อิบุคิว่าด้วยท่าทางตื่นเต้น ทำเอาชินโดขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ ...ใคร ”
ใบหน้าของอิบุคิกระตุกยิ้ม พลางส่ายหัวน้อยเพื่อเป็นเชิงบอก นั้นทำให้ชินโดหันไปให้ความสนใจกับหนังสือที่เขาเช่ามาต่อ แล้วไล่หนุ่มผมขาวกลับไปนั่งที่ของตนทันที แม้สายตาจะจับจ้องอยู่ที่หนังสือเขาก็ดันคิดถึงประโยคนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
' แล้วแต่โชคชะตาเถอะ '
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับร่างหนุ่มวัยสูงอายุนิดๆ ที่ถือสมุดรายชื่อและกองเอกสารเข้ามา เสียงของอาจารย์เรียกสติชินโดได้มากทีเดียว นั้นทำให้นัตน์ตาสีเปลือกไม้นั้นหันมามองหน้าห้อง ก่อนจะพลัยเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา บุคคลที่เดินเข้ามาพร้อมๆกับอาจารย์สวมเเครื่องแบบของมหาลัยฯผมยาวสลวยที่ถูกมัดรวบสูง ผิวขาวไข่สไตล์เอเชีย พร้อมกับนัตน์ตาสีฟ้าครามคุ้นตา
“ สวัสดีครับ ผมคือนักศึกษาที่เพิ่งย้ายมาใหม่... ”
....โชคชะตา กำลังเป็นใจให้แก่เขา
“ คิริโนะ รันมารุ ครับ ”
.
.
.
.
.
.
' นี่คือจุดเริ่มต้นสินะ? '
[100%]
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น