ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ll Chapter 4 ; Begins [เครื่องราง] ll [ 100% ]
ll Chapter 4 ; Begins [เครื่องราง] ll
By Miren-San
xxxxxxxxxx
หญิงสาวคงตกใจ เมื่อบุคคลเบื้องหน้านั้นเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่บุกรุกมายังสถานที่แห่งนี้! ดวงตาสดใสดวงน้อยๆค่อยๆคลุบต่ำลงอย่างผิดหวัง หากเธอได้แต่เพียงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาก่อนจะเอยถามพวกเขาเสียงเรียบ
“อายาเสะไม่มาเหรอ? แล้วพวกเธอ....”
เส้นผมสีทองกำลังขยับพลิวไสวตามศีรษะที่เอียงไปด้านข้างด้วยท่าทีสงสัย ดวงตาที่ฉายแววผิดหวังเมื่อครู่ปรับเปลี่ยนเป็นแววตาของความสงสัย และคำถามที่เธอพึ่งจะเอยออกมา ชินโดก็รีบพูดสวนขึ้นทันทีก่อนที่ญิงสาวตรงหน้าจะไซร้ถามอะไรต่อ
“ คุณ...รู้จักคุณอายาเสะสินะ เอ่อ ผมชื่อชินโด ทาคุโตะ ครับ ส่วนนี้คือน้องชายของคุณอายาเสะ คิริโนะ รันมารุ.... ” ชินโดหันไปมองเพื่อนของตนที่ยืนแข็งทื่ออยู่ข้างๆ
“ น้องชาย? งั้นเหรอ.... ”
นัตน์ตาสีฟ้าครามกลมโตของเด็กสาวจ้องมองอย่างพินิจ ก่อนที่ใบหน้าขาวนวลอ่อนเยาว์ของเธอจะปรากฏรอยยิ้มบางๆ “ อื้ม...ถึงไม่เหมือนอายาเสะจัง แต่ก็พอได้ยินมาคราวๆแหละนะ... ”
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่บ้านของพี่....ได้ล่ะ? ”
“ ก็นี้มันหอสมุดของฉันนะ! ” ร่างเล็กขึ้นเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจ เธอยืนกอดอกแล้วใช้สายตากวาดมองทั้งสองอีกครั้ง
“ แล้วอายาเสะจังไม่มาด้วยเหรอ? ” สาวปริศนาถามขึ้นอีก เพียงแค่ชื่อที่คุ้นหูทำเอาสองหนุ่มนั้นถึงกับทำสีหน้าลำบากใจที่จะเล่าให้เด็กน้อยคนนี้ฟัง
“ เธอ...ตายไปแล้ว ”
“ ว่าไงนะ?! นี่พวกนายกำลังอำชั้นเล่นเหรอ! ”
ทั้งสองไม่ตอบเพียงแต่มองด้วยสายตาเศร้าสร้อย เด็กสาวตัวน้อยท่าทางจะดูออกก่อนที่เธอจะยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ราวกับกำลังช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน อยู่ๆร่างของเธอนั้นก็ทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ริมฝีปากบางขยับพึมพำอะไรบางอย่างออกมา
“ ไม่...จริง... ”
ริมฝีปากซีดเผือกกล่าวออกมาพร้อมน้ำตาใสๆที่ค่อยๆไหลออกมาจากใบหน้านั้น
“ เหมือนเธอจะถูกฆ่าน่ะ... ”
“ ช่วยเธอไม่ได้เลยเหรอ? ”
“ ขอโทษนะ เหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นเร็วมาก... ”คิริโนะพูดด้วยน้ำเสียงเบาลงอย่างรู้สึกผิด รู้สึกผิดเองที่ไม่สามารถปกป้องคนที่ตนรักได้จริงๆ ผิดเองหากเขาอยู่ตรงนั้นกับเธอจนถึงวินาทีสุดท้าย....เรื่องน่าสลดใจแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นเป็นแน่!
“ เธอ....โอเคอยู่ไหม? ” อยู่ๆชินโดเอยถามอย่างเป็นห่วง
“ ไม่....อา...ฉัน..โอเค ” เธอกล่าว “ คิริโนะ รันมารุ ใช่ไหม? ตามฉันมาทางนี้หน่อยฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย... ”
เด็กน้อยพยายามพยุงตัวเองขึ้นอีกครั้งหลังจากรวบรวมสติได้ ก่อนที่เธอจะทำท่าให้พวกเขาเดินตามเธอมาด้วยเพื่อที่จะบอกอะไรบางอย่าง เส้นทางตรงที่เธอเดินมาตลอดแนวไม่มีอะไรแปลกใหม่กับชั้นหนังสือที่ใส่หนังสือเล่มหนาๆเอาไว้อยู่เพียบ น่าแปลกที่เดินมาไกลเท่าไหร่ก็เหมือนไม่ต่างอะไรจากตอนเดินตั้งแต่ช่วงแรกที่ยังคงมีหนังสือและชั้นหนังสือเต็มไปหมด บรรยากาศโดยรอบดูแววเงียบสงัน แทบจะไม่มีเสียงใดแทรกออกมานอกจากเสียงฝีเท้าที่ย่ำก้าวไปตามทางเดิน
“ นี้เราจะเดินไปไหน? ”
“ ไปเอาของที่อายาเสะจังบอกว่าจะมอบให้แก่คิริโนะ รันมารุค่ะ ”
เธอตอบเสียงเรียบเมื่อสิ้นคำเธอก็หยุดเดินที่ที่เปรียบเหมือนลานกว้างที่มีโต๊ะไม้ยาววางไว้พร้อมกองหนังสือนับพันที่เรียงรายเป็นภูเขา
เธอเดินไปที่โต้ะไม้แล้วเปิดลิ้นชักออก จากนั้นก็นำกล่องของขวัญกล่องนึงออกมา...
“ ข้างในนั้นคืออะไรน่ะ? ”
“ เป็นเซอร์ไพรส์~ ค่ะ! จนกว่าคุณจะได้เปิดมันเองเธอเตรียมไว้เมื่อประมาณหลายวันที่ผ่านมาแล้ว แล้วบอกว่าจะให้คุณในวันเกิด....แต่เธอกลับไม่มาเอา... ”
ไม่พูดเปล่าหลังจากที่เธอยื่นกล่องของขวัญนั้นให้แก่คิริโนะ บนกล่องเขียนกระดาษเล็กๆสอดไว้ว่า ' สุขสันต์วันเกิด รันมารุคุง ' ซึ่งเป็นลายมือของพี่อายาเสะไม่ผิด
เขาจ้องมองมันสักพักก่อนจะค่อยๆแกะห่อของขวัญนั้นออกมา แล้วมองอย่างแปลกใจ
“ สร้อยคอ?? ”
“ ไม่ใช่สร้อยคอธรรมดาๆหรอกนะคะ! ”
“ ไม่ใช่สร้อยคอธรรมดา? ”
“ โธ่...! มันเป็นเครื่องรางที่ไว้ใช้สำหรับการเพิ่มพลังของคีปเปอร์น่ะสิค่ะ! ” เธอกล่าวออกมาพร้อมหัวเสียนิดๆ และคำพูดของเธอทำให้สองหนุ่มนั้นแอบตกใจเช่นกันกับคำว่าคีปเปอร์
“ อย่ามาทำหน้าแบบนั้นสิ...! อายาเสะจังเขาก็เป็นคีปเปอร์นะ....จากการคาดเดาทายาทคนต่อไปที่เธอมอบพลังให้คงเป็นนาย.... ”
“ เธอเป็นใครกันแน่น่ะ....? ”
“ อา ลืมแนะนำตัวไปเลย .... ฉันมีชื่อว่า อีธานน่อน ริเซ่ ยินดีที่ได้รู้จัก! ”
การสนทนายังคงดำเนินต่อไปโดยที่ฝ่ายถามนั้นคือสองชายหนุ่มที่คอยสลับกันถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับ คีปเปอร์ ให้แน่ชัด ถึงแม้ว่าเด็กสาวร่างเล็กเริ่มทำหน้าเบื่อหน่ายเต็มทนแล้วก็ยังคอยอธิบายต่อเสียจนยาวยืดแทบจะขอให้เขียนให้พวกเขาอ่านมันยังจะง่ายเสียกว่า เพราะคำพูดเธอนั้นมันยาวยิ่งกว่าบทความเรื่องสั้นเสียอีก แถมอธิบายมาเสียละเอียดจนฝ่ายถามทั้งสองถึงกับนั่งนิ่งอย่างอึ้งๆไปชั่วขณะ
คีปเปอร์ หรือ คิล คือกลุ่มบุคคลหนึ่งที่สามารถสร้างจิตวิญญาณของตัวเองให้มาอยู่ในรูปลักษณะเป็นอาวุธ คนที่จะได้เป็นคีปเปอร์นั้นไม่ใช่ง่ายๆ เรียกได้ว่าเกือบทั้งโลกนั้นมีเพียงแค่ประมาณ 20-30 คนได้กระมัง
มันสามารถเป็นสิ่งที่สืบทอดต่อกันได้หากมีคีปเปอร์คนใดคนหนึ่งตาย! และการพัตนาของอาวุธนั้นมันจะไม่พัตนาแค่กำลังกายเพียงน้อยนิด การโจมตีที่มีจำกัดเพียงเท่านั้น หากแต่จะทำให้พลังคีปเปอร์นั้นมีความสมบรูณ์มากขึ้ยก็ต้องฝึกใช้หรือต้องใช้เครื่องรางและ...สื่งที่สำคัญที่สุดคือ สายสัมพันธ์ของคู่หู เท่านั้นที่อาจจะสามารถทำให้พลังของคีปเปอร์นั้นสมบรูณ์มากกว่าการฝึกใช้แน่ๆ เพราะแค่การทำพันธสัญญาก็เปรียบเหมือนใช้พลังคู่กันแล้ว และยิ่งหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีพลังที่สูงละก็ไม่ต้องถามถึงความล้มเลวเลย
พลังของคีปเปอร์นั้นราวกับเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ หากมีพลังที่สมบรูณ์ความสามารถทางด้านการเคลื่อนที่จะว่องไว มีความกระฉับกระเฉง ดวงตาที่เฉียบคมและแม่นยำต่อการมอง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกคีปเปอร์ถึงได้มีดวงตาคมดูดุดันทุกๆครั้งที่สบตา(ไม่ว่าตอนปกติจะมีดวงตาบ๋องแบ้วสวยหวานขนาดไหนก็ตาม) ประสิทธิภาพการใช้พลังกาย ปีนกำแพง วิ่งบนน้ำ วิชาตัวเบา การเหาะเหิ่นเดินอากาศก็เช่นกัน การรักษาบาดแผล อารมณ์ความรู้สึกของสภาพอากาศก็ไม่มีผล และมันจะสร้างเสื้อผ้าไว้เป็นชุดเอกลักษณ์ของตนเองได้ คือเอาชุดตั้งแต่ตอนได้รับพลังของคีปเปอร์เต็มตัว โดยไม่สามารถเปลี่ยนได้ด้วยหากพลังมันสมบรูณ์แล้ว (หากยังไม่สมบรธณ์เราใส่ชุดแบบไหนมันก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆนั้นแหละ)
“ มีคำถามอีกไหม? ” เธอเริ่มหยุดการสาธยายก่อนจะล้มตัวนั่งลงกับเก้าอี้เล็กๆทางด้านข้างอย่างเหนื่อยอ่อน ส่วนชินโดหลังจากที่นั่งฟังสักครู่ก็เอยถามต่อทันที
“ แล้ว...การสร้างพันธสัญญาระหว่างคู่หูเนี่ยมันทำยังไงเหรอ? ”
“ แล้วนายมีเครืองรางไว้ไหมล่ะ? ”
“ มี...เป็นแหวนน่ะ... ”
เขาพูดบอกก่อนจะยกมือข้างขวาขึ้นมาให้ดู ซึ่งมันมีแหวนวงใหญ่สีเงินมีเพชรใสแวววาวเล็กๆตรงกลางวง เด็กสาวยื่นมือบางๆขึ้นจับต้องนิดๆ แล้วอยู่ๆก็หันไปทางคิริโนะทันทีแล้วทำท่าทีเหมือนให้ยื่นบางสิ่งออกมา
“ คราวนี้ถือสร้อยคอ...ของนายมา ”
“ อะ--อื้ม! ”
คิริโนะทำท่าทีลังเลนิดๆก่อนจะยื่นสร้อยมาทางหล่อน เธอใช้ทั้งสองมือของเธอจับเข้าที่แขนทั้งสองคนที่ถือเครืองรางของตนอยู่ เธอค่อยๆขยับมันเข้าหากันอย่างใจเย็น อยู่ๆเครื่องรางทั้งสองก็เกิดแสงสีขาวออกมานอบห้อง มันเป็นแสงที่เจิดจ้าจนรู้สึกแสบตา แต่กลับรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นนิดๆ จากแสงโดยรอบเหล่านี้ ก่อนมันจะจางลงจนกลับสู่ภาวะปกติ ดวงตาของทั้งคู่ที่เบิกกว้างค้างก่อนจะกระพริบนาปริบๆด้วยความงัวงง
" สำรวจร่างกายตัวเองดูได้หากมีรอยสักเล็กที่ไหนสักแห่งในร่างกายอยู่ละก็..... แสดงว่าสำเร็จแล้วล่ะนะ"
เธอพูดบอกแล้วทิ้งกายลงนั่งทันที ปะปนกับความเหนื่อยอ่อนนิดๆที่ต้องรับแรงต้านมหาศาลจากเครื่องรางสองชิ้นนั้น
" อา....ขอบคุณที่แนะนำนะครับ คุณริเซ่.... "
" เรียก ริเซ่ เฉยๆก็ได้ ยังไงเสียอายาเสะจังก็เสียชีวิตไปแล้วฉันคงเหงาแย่...หากมีคนมารู้จักใหม่ก็ดีเหมือนกัน "
" แล้วจะผูกพันธสัญญานี้ไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ? "
" จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสิ้นอายุขัยนั้นแหละ " เธอพูด " ไม่มีการเปลี่ยนแปลงได้หรอกนะ จะบอกให้ "
" บะ....แบบนี้ก็เท่ากับเปลี่ยนคู่หูไม่ได้น่ะสิ! " คิริโนะพูดแทรกขึ้นอย่างตกใจ
" แน่นอนค่ะ หาววว เอาเถอะค่ะ ยังไงๆก็เลือกไปแล้ว ดูท่าเด็กผู้ชายคนนั้นน่าจะดูแลคุณได้ดีเหมือนกัน...."
" อย่าพูดเองเออเองสิ! แล้วเธอรู้ได้ยังไง!? " เขาพูดเสียงขุ่น
" ด้านการคำนวนอนาคตของดิฉันไม่มีทางผิดพลาด อาาา หากต้องการให้ริเซ่คนนี้รับใช้ สามารถเคาะที่ประตูตรงไหนก็ได้3ครั้ง แล้วกล่าวพาสเวิร์ด R-I-S-E นะคะ "
" เธอเป็นพระเจ้าหรือไง?? "
" ถ้าเช่นนั้นก็ โชคดีนะคะ วันนี้คงฝันดีอีกเช่นเคย....... "
' บางทีหากรู้มากเกินไป...จะไม่ดีเอานะคะ '
เปลือกตาอ่อนค่อยๆเปิดออก ปรับทัศนียภาพของนัตน์ตาให้คมชัดหลังจากที่เลือนลางมาสักครู่ ความเย็นยะเยือกบาดผิวกายทำให้รู้สึกได้ว่าควรรีบหาอะไรมาสวมทับ ร่างสูงค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นก่อนจะรู้สึกถึงร่างของใครบางคนยังนอนทับตรงช่วงท้องของเขาอยู่ นั้นเดาไม่ยากว่าเป็นใคร
ความรู้สึเหมือนมันพาไปเมื่อฝ่ามือของเขาค่อยๆยกขึ้นลูบเส้นผมสีชมพูนั้นอย่างอ่อนโยน กว่าจะรู้สึกตัวว่าตนนั้นเผลอลูบไคล้นานเกินไปจึงรียผละออกมาโดยที่ค่อยๆวางอีกฝ่ายลงจากตักก่อน
" มึนหัวชะมัด... " เขายกมือขึ้นลูบ " เฮ้อ... ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนแล้วเนี่ย? "
ว่าแล้วก็กวาดสายตาไปรอบๆ มันแลดูเป็นที่คุ้นเคยซึ่งก็มันเป็นห้องที่เขาเพิ่งจะสำรวญไปเอง และท่าทางคงอยู่แค่ภายในบ้านของคิริโนะเองเท่านั้น ร่างสูงค่อยๆยกร่างที่หมดสติขึ้นมาอุ้มเพื่อความสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
ผลเป็นว่าหลังจากที่เขาอุ้มจัดท่าให้คงที่คาดว่าคงจะรองรับน้ำหนักอีกฝ่ายได้แต่พบว่าร่างบอกบางในตอนนี้เบาวิ้วราวกับขนนกแทนที่จะหนักมากหน่อยเสียอีก หรืออาจเป็นเพราะเขาใช้พลังของคิลอยู่ก็ได้มันถึงได้เบาแบบนี้ เมื่อเขาอุ้มพามาถึงเตียงนอนใหญ่แล้วจึงค่อยๆวางร่างของอีกฝ่ายลงอย่างเบามือ นิ้วเรียวค่อยๆเกลี่ยเส้นผมสีหวานออกจากใบหน้าเล็กน้อยเพื่อไม่ให้แหย่งตา
ก่อนที่เขาจะลุกออกไป ก็สะดุ้งกับสัมผัสอุ่นๆที่มือทำให้เขาต้องหันหลังกลับมามองอีกครั้ง ฝ่ามือนุ่มละเอียดจับมือเขาไว้เล็กน้อยพอลวมๆก่อนจะบีบแน่น เปลือกตายังคงปิดสนิทและอยู่ๆก็เปื้อนด้วยน้ำใสๆที่ค่อยๆไหลออกมา เสียงสะอื้นเบาๆที่พลั่งพูนออกมาจนร่างสูงถึงกลับร้อนรน
ทั้งความสงสัยทั้งความสบสนมึนงงกับกิริยาของร่างบางที่จับต้นชยปลายแทบไม่ถูก สุดท้ายเขาจึงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆแล้วกุมมือร่างบางไว้คอยปลอบชะโลมใจเล็กน้อยก่อนมันจะชื้นด้วยเหงื่อ จนนัตน์ตาสีครามเบิกกว้าง พร้อมกับความหอบหายใจแรงเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดออกมาบนใบหน้าเนียนขาวพร้อมคราบน้ำตาที่ไหลลงมาจนแทบจะท่วมใบหน่าได้ คิริโนะในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากคนที่เพิ่งฝันร้ายแล้วตื่นขึ้นมา
.....
[ KIRINO RANMARU PART ]
" นายเป็นอะไรไหมคิริโนะ? ท่าทางเหมือนจะฝันร้ายนะ"
นั้นคือประโยคแรกที่ผมได้ยินหลังจากที่ผมลืมตาตื่น สัมผัสที่มือข้างหนึ่งยังคงอุ่นๆ พอเดาได้ว่าเขาได้จับมือผมเอาไว้จนรู้สึกเปียก เสียงหัวใจของผมเต็นรัวราวกับระบบสูบฉีดเลือดกำลังทำงานผิดปกติ
.... ไม่แปลกอะไรหรอก เพราะฝันนั้น....
" คิริโนะ? "
คราวนี้ชินโดเริ่มเรียกชื่อผมขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผมรีบดึงสติตัวเองกลับมาแล้วหันมามองหน้าเขาดีๆ แล้วรีบลุกขึ้นปาดน้ำตาออกทันที
" ....ไม่เป็นไรนะ? "
....ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ นั้นทำให้เขาถึงกลับถอนหายใจออกมายาว
" ฝันร้ายเหรอ?? "
" อื้อ "
" ฉันตกใจมากเลยนะที่อยู่ๆนายก็ร้องไห้ออกมาในทันทีแบบนั้น " เขาพูดพร้อมเสียงขบขันเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ผมนั้นยิ้มมุมปากได้เพียงเล็กน้อย
ผมไม่สามารถพูดได้เลยว่าเจออะไรบ้างในความฝัน เป็นสิ่งที่ผมอยากลืมสุดชีวิต ภาพฉากที่ยังคงรำลึกและฉายซ่ำๆในหัวอยู่ตลอดเวลา
ภายในเย็นวานที่ท้องฟ้าโปร่งขณะที่ผมกำลังเดินเข้าบ้านเสียงเนียวไกปืนที่ดังขึ้นดัง ปัง! อยู่ภายในบ้าน ทำให้หัวใจของผมในตินนั้นแทบหล่นลงไปที่ตาตุ่ม ภาวนาแค่ว่ามันคงเป็นเพียงสิ่งที่คิดไปเองทั้งนั้น มันไม่ใช่เรื่องจริง.... แต่ก็ได้เพียงภาวนา เมื่อเดินเขามาภายในบ้านในห้องนั่งเล่นภาพฉากที่มีเก้าอี้ล้อที่เปรอะเปื้อนด้วยของเหลวสีแดงหม่นที่น่ารังเกียจและซากชิ้นเนื้อหนังที่กระจายออกมาจากร่างของคนที่นั่งอาบเลือดโชกอยู่แน่นิ่ง เส้นผมสีบลอน์เอกลักษณ์คุ้นตา! ดวงตาเบิกโตสีแดงสดที่หม่นหมอง ชุดกระโปรงตัวโปรดที่มักจะชอบใส่นั้นเขาจำได้ดี....และไม่มีใครอีกแน่ไม่ใช่ใครอื่นเลย...เธอคือ พี่อายาเสะ นั้นเอง และภาพตรงหน้าทำให้ผมแทบคลั่งกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น มือทั้งสองกุมศีรษะและถึกผมตัวเองอยู่แบบนั้น จนในที่สุดผมก็ตื่นขึ้นมา....ท่ามกลางความเบลอของน้ำใสที่คลออยู่ที่นัตน์ตา....
" ฉันคิดว่านายควรนอนต่อเพื่อพักผ่อนก่อนนะ..." ชินโดเสนอ
" ไม่ล่ะ...ฝันนั้นทำให้ฉันนอนหลับไม่ลงแล้ว "
" งั้นเหรอ? วันนี้ให้ฉันนอนคอยเป็นเพื่อนก่อนไหม?" เขายิ้มละไม
" จะดีเหรอ? รบกวนการนอนนายเปล่าๆ ปล่อยฉันไว้คนเดียวเถอะ...."
" ไม่...ฉันไม่เสียเวลานอนอะไรหรอกส่วนใหญ่ฉันมักจะนอนโต้งรุ่งประจำในวันที่ต้องทำงานด้วยซ่ำ แค่มานอนคอยช่วยให้นายหลับมันก็ไม่ได้แย่อะไรนิ"
" แต่ฉันว่า...ฉันจะ...หลับไม่ลงแล้วนะ"
....กลัว....กลัวว่าฝันนั้น....มันจะกลับมาอีก...
แต่สุดท้ายชินโดก็พูดปลอบโยนผมจนเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้เริ่มหายระแวงอะไรแล้ว....และคนที่อุตสาพูดมาซะดิบดีว่าเคยโต้งรุ่งและยอมนอนคุยด้วยจนกส่าผมจะหลับก่อน...ดันมาเป็นฝ่ายนอนหลับปุ่ยไปก่อนใครนี่มันแย่จริงๆ....
และแล้วหลังจากที่ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นานสองนาน ก็เริ่มรู้สึกต้านความง่วงที่เข้าครอบงำนั้นไม่ไหว...จำเป็นต้องรีบปิดไฟที่หัวเตียงแล้วนอนลง แล้วโลดแล่นไปกับความฝันและจิตนาการในหัวของผมอีกครั้ง
...หวังว่าพรุ่งนี้คงจะเป็นวันที่ดีอีกครั้ง....
[100%]
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น