คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : || Chapter 4 ; Intimate [ ปัญหาที่รุมเร้า ] ll [50%]

|| Chapter 4 ; Intimate [ ปัญหาที่รุมเร้า ] ||
xxxxxxxxxx
....ที่นี่ ที่ไหน?...
คิริโนะเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง เมื่อทุกอย่างโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยสีดำ มือเรียวค่อยๆหาที่คล้ำเพื่อที่จะหาจุดพยุงตัวเขากลางความมืดแห่งนี้
จนเมื่อเขาคว้าไปโดนอะไรบางอย่าง ที่ลักษณะเหมือนกับลูกบิดประตู คิริโนะลังเลที่จะเปิดมันเล็กน้อยเพราะคาดเดาสิ่งที่จะเกิดตรงหน้าไม่ออกว่าเขากำลังจะไปพบอะไร แต่ถ้าไม่ยอมเปิดตอนนี้ นี่อาจเป็นทางเดียวที่ตอบคำถามเขาได้ก็ได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่
แอ๊ด
เมื่อการกระทำไปพร้อมกับความคิด ตัวเขาที่ตัดสินใจได้ว่า จะไปต่อก็บิดลูกบิดประตูจนมันเปิดออกไปอีกด้าน แสงสว่างวาบสะท้อนเข้าตาเขาจนตัวเขาต้องหลับตาปี๋พร้อมยกมือขึ้นป้องดวงตาเอาไว้ แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อแสงจางลง
ด้านหลังบานประตูปรากฏเป็นโลกที่เต็มไปด้วยทะเลทรายท้องฟ้ามืดครึม และหน้าปัดนาฬิกาหลากหลายเรือนที่กำลังเดินถอยหลัง
"ที่นี่มันแปลกจังเลยแหะ..."
คิริโนะมึนงงกับสิ่งที่เห็นเขากำลังคิดว่าตัวเองกำลังหลุดมาโลกไหนหรือเกมส์เสมือนจริงหรือเปล่า? ยังไม่กล้าไขข้อสงสัยให้กับตัวเองก็เริ่มเดินต่อเรื่อยๆไปยังทะเลทรายที่ทอดยาวนี้เพื่อหาทางออกต่อ
พอเดินไปได้สักพักเขาก็เห็นเหมือนใครบางคนที่กำลังเดินผ่านมา บุคคลร่างสูงโปร่งสวมผ้าคลุมสีน้ำตาลขาดรุ่งริ่งเดินมาประจันหน้ากับเขาทำเอาคิริโนะจำเป็นต้องหยุดเดิน
"ขอโทษนะครับ คือว่า...ที่นี่มันที่ไหนเหรอครับ?" เขาเริ่มพูดด้วยคำถามซ้ำเดิมเพื่อความแน่ใจกับตัวเอง คนสวมผ้าคลุมนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะค่อยๆตอบออกมา
"ไม่ต้องสงสัยให้มากหรอก ที่นี่คือ อนาคต ไงล่ะ"
"อ อนาคต?" คิริโนะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "นายพูดเล่นหรือเปล่า? จะอำว่านี่เป็นโลกแห่งความฝันหรือต่างโลกงี้ก็ได้นะ! แต่อนาคตนี่มัน..."
"ฉันนึกว่าถ้าพูดแบบนี้นายจะเชื่อมากกว่าคำพวกนั้นนะ" ชายหนุ่มในผ้าคลุมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พร้อมกอดอก "แต่เอาเถอะ จริง ๆ ที่นี่มันก็แค่จิตใต้สำนึกของนายเท่านั้นแหละ หลังจากที่นายกำลังหลับไหล...อยู่ในระหว่างกึ่งเป็นและกึ่งตายน่ะนะ"
"กึ่งเป็นกึ่งตาย...หมายความว่ายังไง?? เดี๋ยวนะ ฉันงงไปหมดแล้ว ว่าแต่ฉันมาที่นี่ได้ยังไง อ้า! ฉันขอทีละเรื่องได้ไหม!?"
คิริโนะยกมือขึ้นยีผมตัวเองไปมาด้วยความสับสน เพราะชายหนุ่มตรงหน้าเอาแต่พูดในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ แต่เหมินจะพอเข้าใจเขาได้อีกฝ่ายเลยหยุดพูดพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"คิริโนะ รันมารุ นายจำได้ไหมล่ะ...ก่อนนายจะมาที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
"ก่อนหน้า?"
คิริโนะกำลังพยายามนึกก่อนจะเบิกตากว้าง ในระหว่างที่เขาล่อสัตว์ประหลาดจากโรงงานมายังท้ายเมือง จากนั้นเขาก็โดนฝ่ายสนับสนุนยิงใส่จนล้มลง เมื่อความทรงจำเริ่มประติดประต่อเขาก็รีบก้มหาแผลและร่องรอยของการโดนยิงใส่ร่างกาย แต่กลับไม่พบอะไรเลย
"นั่นแหละคือสิ่งที่นำพานายมายังโลกนี้"
"เพื่ออะไรล่ะ?"
"เพื่อ....ที่จะได้ย้ำเตือนนายยังไงล่ะ" อีกฝ่ายกางแขนออกเพื่อให้ดูรอบๆ "ที่นี่น่ะเคยถูกล้างผลาญด้วยอาวุธร้ายแรงระดับนิวเคลียร์ มันสามารถทำลายล้างทุกๆสิ่งบนโลกจนแทบไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยยังไงล่ะ"
"แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง?"
"ไม่รู้สิ...มันคือโลกอนาคต ฉันรุ้แค่มันเป็นสิ่งที่ฉันเคยทำผิดพลาดมาก่อน มันพลาดจนกลายเป็นแบบนี้ไปยังไงล่ะ"
"หา งั้นทำไมไม่แก้ไขมันด้วยตัวนายเองล่ะ! เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย"
"เพราะว่า...นายเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องยังไงล่ะ!" ชายสวมผ้าคลุมขึ้นเสียงเล็กๆ คิริโนะเม้มปากก่อนจะเอ่ยถามต่อ
"ถ้างั้น...แสดงว่ามีวิธีแก้ใช่ไหม?"
"ฉันเองก็ไม่มั่นใจ ถึงต้องฝากฝังให้นายคอยสืบหามันไงล่ะ"
"ถ้าไม่รู้แล้วจะฝากฝังฉันได้ยังไงล่ะ? ฉันไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับอะไรแบบนี้สักหน่อยนี่" คิริโนะเอ่ยอย่างร้อนรน มีความรู้สึกหลากหลายปะปนกันจนเขาแสดงออกไม่ถูก "และที่สำคัญ...ฉันตายไปแล้วนะจะไปสืบอะไรได้!"
"ไม่ต้องห่วง เห็นปากแผลของนายก็น่าจะเป็นคำตอบได้แยู่แล้วนี่...พลังพิเศษของนายสามารถรักษาแผลได้อยู่แล้ว กะอีแค่กระสุนเล็กๆของหน่วยสนับสนุนนั่นไม่ทำให้นายตายได้หรอก"
เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็เริ่มที่จะเดินต่อ
"เดี๋ยวก่อน! นายจะไปไหนน่ะ--!?"
"ฉันต้องไปแล้ว คุยกับนายนานกว่านี้ไม่ได้ เอาไว้ค่อยพบกันใหม่หลังเส้นความตายของนายอีกครั้งนะ ...แล้วไม่จำเป็นต้องคิดถึงกันจนรีบมาหาหรอกนะเพราะถ้าเวลาสำคัญมาถึง..ฉันจะมาหานายเอง"
"อ้อ แล้วก็...อย่าลืมสัญญาที่พวกเราเจอกันในครั้งแรกด้วยล่ะ..."
ว่าแล้วแผ่นหลังนั้นก็ไกลออกไปเรื่อยๆ เขาพยายามที่จะวิ่งตามอีกฝ่ายไปเพราะอยากรู้อะไรมากกว่านี้ แต่เหมือนร่างกายอยู่ๆก็หนักอึ้ง แล้วภาพด้านหน้าเขาก็ตัดไปอีกครั้ง
...
เขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งรอบนี้เขาอยู่บนเตียงนอน มีสายอะไรสักอย่างห้อยระโยงระยางมาที่แขนเขา พยายามปรับสายตามองรอบ ๆ ตัวก็พบว่าเป็นห้องกว้างสีขาวและมีใครบางคนนั่งอยู่ข้างๆเตียง เมื่อรับรู้ถึงกลายขยับตัวของเขาอีกฝ่ายก็รีบลุกมาหาทันที
"คิริโนะ!? รู้สึกตัวแล้วเหรอ!"
"เจ้าหน้าหวานเป็นยังไงบ้าง!?"
เขากระพริบตาปริบ ๆ เหมือนหลายๆอย่างหนักอึ้งจนเขาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ แต่พอรู้ว่าคนที่เรียกเขานั้นต้องเป็นชินโดกับอิบุคิแน่นอน และแล้วชินโดนที่จับมือเขาก็ปล่อยแล้วรีบวิ่งออกห้องไปที่ไหนสักที่
"ที่นี่..ที่ไหนน่ะ โรงพยาบาลเหรอ?" เขาค่อยๆถาม อิบุคิหันมาหาเขาพร้อมส่ายหน้าก่อนจะตอบให้แทน
"เปล่า ที่นี่คือสำนักงานคีปเปอร์ พวกเราให้แพทย์ประจำที่นี่ช่วยรักษานายให้"
"..โอ้..."
คิริโนะพยายามลุกขึ้นแต่อิบุคิดันเขานอนลงที่เดิมพร้อมส่งสายตาดุใส่
"ร่างกายนายเพิ่งฟื้นเอง อย่าเพิ่งทำอะไรเยอะจนกว่าหมอจะมาสิ นายโดนยิงไปจำได้บ้างหรือเปล่า?"
"จำได้อยู่...จะว่าไป นี่ฉันยังไม่ตายเหรอ?"
"ไม่ หลังจากที่ฝ่ายสนับสนุนยิงนายไปฉันก็รีบวิ่งเข้ามาห้ามแล้วพานายเข้ามาที่นี่ ดีที่พลังของนายสามารถรักษาแผลภายในนายได้ระดับหนึ่งมันเลยพยุงชีวิตนายได้อยู่"
"อ่อ...แล้วสัตว์ประหลาดนั่นล่ะ"
"หลังจากต่อสู้กันสักพักระหว่างที่นายหมดสติไปฝ่ายเราก็ทำให้มันอ่อนกำลังลงแล้วจับกุมได้น่ะ ตอนนี้มันยังอยู่ในห้องทดลองพิเศษของสำนักงานนี้ แต่ไม่ต้องห่วง มันไม่เป็นอันตรายหรอก"
"...แล้ว..."
"...นานเริ่มจะมีคำถามเยอะเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวรอชินโดกลับมาก่อนแล้วกันค่อยถามต่อ"
คิริโนะที่กำลังจะเปิดปากถามต่อก็เงียบลงไปทันทีพร้อมกับมุ่ยหน้านิด ๆ อย่างไม่สบอารมณ์เพราะในหัวเขามีคำถามมากมายปะปนกันในหัว ทั้งเรื่องที่โดนยิง ทั้งเรื่องในฝันด้วย อนาคตคืออะไร แล้วที่สำคัญเขาสัญญาอะไรไว้กับหมอนั้นกันแน่...
ไม่นานนักชินโดก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับหญิงสาวผมสีม่วงอ่อนๆราวกับสีดอกลาเวนเดอร์ในเสื้อกาวน์สีขาวที่คาดว่าจะเป็นแพทย์ที่รักษาเขาตามที่อิบุคิบอก ขณะเดียวกันก็มีหัวหน้าหน่วยงานที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างยาสึฮาระ โยคาดะเดินเข้ามาด้วย
"รันมารุคุงเป็นยังไงบ้าง? ร่างกายเริ่มฟื้นหรือยัง?" ยาสึฮาระเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วง
"ก ก็พอจะดีขึ้นมาบ้างน่ะครับ"
เอาจริงๆ เขาก็ยังรู้สึกเจ็บที่แผลนิดหน่อย ดูเหมือนมันจะยังฟื้นฟูไม่เสร็จสมบูรณ์เท่าที่ควรเลย
"ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆนะจ้ะ! มันคงเป็นความผิดพลาดของระบบของหน่วยเราทำให้เซนเซอร์เล็งไปที่รันมารุคุง" เธอขอโทษขอโพยด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเต็มที่ ก่อนที่คุณหมอจะเดินเข้ามาหาเขา
"ยังไงก็ตามเดี๋ยวฉันขอตรวจร่างกายหมอนี้สักแปปนึงแล้วกัน พวกเธอช่วยรอด้านนอกก่อนนะ"
"แต่ว่าฟุยุกิจัง..."
"หลังตรวจเสร็จเดี๋ยวคุยกันได้เต็มที่เลยค่ะ แต่ตอนนี้ฉันขอทำหน้าที่ก่อน" เธอว่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆพลางมองยาสึฮาระที่ทำท่าจะพูดต่อ แต่เธอก็ทำได้แค่พยักหน้าตามที่บอก ชินโดกับอิบุคิเลยพาเธอไปรอด้านนอกด้วยกัน
..
.
หลังจากคุณฟุยุกิตรวจร่างกายแล้วเจาะเลือดเขาไปเพื่อไปตรวจต่อ เธอกำชับว่าวันนี้ให้นอนรอแผลสมานที่นี่ก่อน ถึงแม้แผลภายในจะสร้างเซลล์ใหม่มาปิดได้อย่างรวดเร็วแล้วแต่กระสุนของคีปเปอร์ก็ยังมีพิษที่ทำให้ปากแผลอาจเปิดหรือฉีกขาดอีกครั้งก็ได้ถ้าหากเคลื่อนไหวตอนที่ยังไม่หายสนิท
"พอเข้าใจที่บอกใช่ไหมคะ?"
"ครับ ผมเข้าใจ"
คิริโนะพยักหน้ารับไป เพราะเขาก็กลัวเหมือนกันและไม่อยากเห็นสภาพตัวเองเต็มไปด้วยเลือดอีกครั้งแน่นอน!
"ถ้างั้นนี่ยาค่ะ มันจะช่วยลดพิษให้จางลง อย่างน้อยก็ทานก่อนอาหารไปสักสองวันก็น่าจะหายปกติแล้วล่ะค่ะ"
"ขอบคุณมากครับ"
หลังจากนั้นเขาก็ได้รับยามาทานนิดหน่อย พอหลายๆอย่างเรียบร้อยคุณฟุยุกิก็ขอตัวกลับไป ผลทำให้คนที่รอเขาอยู่รีบพุ่งพรวดเข้ามาหาทันที
"คุณฟุยุกิว่ายังไงบ้าง?" เป็นชินโดที่ชิงถามออกมาก่อน ทำให้เขารีบตอบ
"อืม เขาบอกว่าอาจจะต้องพักอยู่นี่วันหนึ่งน่ะ ส่วนแผลภายในปิดสนิทดีแล้วไม่ต้องเป็นห่วง"
"งั้นเหรอ เข้าใจแล้วล่ะ..." อยู่ๆก็ทำหน้าเศร้าลงจนเขาแปลกใจ
"เป็นอะไรไปเหรอชินโด? ถ้ายังรู้สึกเป็นห่วงล่ะก็ไม่ต้องหรอกนะ ดูนี่สิอย่างน้อยฉันก็พอสดใสอยู่นะ!"
"เป็นคนเจ็บก็อย่าขยับเยอะสิ! เดี๋ยวแผลก็เปิดอีกหรอก!"
"นะ นายอย่ามาทำเป็นสอนฉันนะ! ฉันพอรู้หรอกน่า!" คิริโนะหันไปแสดงสีหน้าไม่พอใจนิดๆให้อิบุคิ แต่ถึงทั้งสองจะกลับมาโต้เถียงกันไปมาแบบปกติแล้วก็ไม่ทำให้ชินโดรู้สึกดีขึ้น
"ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องแบบนี้ไม่มีใครคาดถึงอยู่แล้วนะทาคุโตะคุง"
"แต่ถ้าผมห้าม..."
"เอาเถอะ อย่างน้อยเดี๋ยวฉันรับผิดชอบเอง"
ยาสึฮาระตบบ่าชินโดเบาๆ แล้วยิ้มให้เพื่อเป็นสัญญาณว่าจะขอเล่าเอง
"รันมารุคุง ฉันเพิ่งทราบเรื่องจากหน่วยงานอีกด้านหนึ่งของเรา...อาจจะเป็นเรื่องน่าตกใจแต่เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้รวมถึงการที่เราจะต้องร่วมมือกันทำงานในด้านนี้ด้วย"
ยาสึฮาระเริ่มเข้าโหมดจริงจัง ทำให้ทุกคนในห้องต่างตั้งใจฟังอย่างดี
"หลังจากที่ก่อนหน้าที่นายโดนจับโดยเซนเซอร์ของหน่วยสนับสนุนนั่นเป็นเพราะนายอาจนะมีเชื้อไวรัสที่เหมือนกับสัตว์ประหลาดสักรูปแบบหนึ่งอยู่ ซึ่งทางเรากำลังตรวจหาอย่างละเอียดอยู่..."
นั่นทำเอาต่างคนต่างตกใจรวมถึงเจ้าตัวที่เพิ่งรู้ด้วย
"นั่นหมายถึงผมอาจจะกลายเป็นแบบพวกมันตอนไหนก็ได้งั้นเหรอครับ?"
"เราก็ไม่แน่ใจนักหรอก แต่ที่พละกำลังของนายดูสุดยอดกว่าคนอื่นๆก็พอเป็นหลักฐานได้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ชัดเจนพอที่จะบอกว่ามีผลทำให้รันมารุคุงกลายเป็นพวกนั้นแบบจริงๆจังๆหรอกนะ"
"แสดงว่าที่รับตัวเจ้าหน้าหวานนี่มาพวกคุณก็ไม่ค่อยรู้ประวัติอะไรเลยงั้นเหรอ!"
"นี่ เลิกเรียกฉันว่าเจ้าหน้าหวานสักที! ฉันก็มีชื่อนะ!!" คิริโนะยังคงหันมาโวยใส่อิบุคิเช่นเดิม
"ขอยอมรับว่าพวกเราเองก็พยายามตรวจสอบข้อมูลของคนที่รับเข้ามาในคีปเปอร์อยู่แล้วล่ะนะ แต่ว่าเรื่องนี้น่ะก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาบของพวกฉันเหมือนกัน...ไม่แน่ว่ามันอาจจะไม่แสดงอาการเลยจนไม่สังเกตหรือเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานหลังพวกเราตรวจสอบเสร็จ"
"...."
บรรยากาศโดยรอบแฝงไปด้วยความมาคุ สิ่งที่ยาสึฮาระพูดออกมาทำเอาคนเจ็บแอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อยว่าตัวเขาอาจจะกลายเป็นคนไม่จำเป็นของหน่วยนี้แล้วก็ได้
แต่เดิมทีเขาก็ไม่ได้อยากจะมาเป็นอยู่แล้ว...สิ่งที่ผลักดันเขาให้กลับมาที่ญี่ปุ่นเพื่อมาเป็นคีปเปอร์ก็เพราะมีคนเล่าเรื่องฝาแฝดของเขาให้ฟังเท่านั้นเอง...
"แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็ยังจะรับรันมารุคุงเข้าหน่วยพวกเธออยู่ดี"
"หน่วยพวกเรา?"
"ใช่~ คู่หูของชินโดทั้งทีจับคู่กันแล้วไม่ใช่เหรอ นั่นน่ะไม่ใช่สิ่งที่แยกกันง่ายๆหรอกนะ" ยาสึฮาระยิ้มออกมาอิบุคิรีบหันไปหาชินโดอย่างรวดเร็วก่อนจะเข้าไปเขย่าตัวด้วยความไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
"จริงเหรอชินโด!? ไหนทำไมไม่เห็นเล่าเรื่องนี้ให้ฟังกันบ้างล่ะ!"
"คือ...มันไม่มีเวลาให้เล่าน่ะ..."
"แต่ว่ามันจะดีเหรอครับ? ผมน่ะไม่ค่อยอยากรบกวนด้วยแถมต้องมาเป็นแบบนี้อีก"
"พวกเราเป็นคนชวนมาทั้งทีอย่าทำหน้าแบบนั้นสิจ้ะ และฉันมีหน้าที่ดูแลเธอด้วย เพราะงั้นอย่างที่บอกว่าฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างให้เองจนกว่าผลจะแน่นอน" ยาสึฮาระส่งยิ้มให้ "ผลอาจจะออกในวันพรุ่งนี้เพราะงั้นค่อยมาฟังดีกว่าว่าเราจะสามารถทำอะไรกับมันได้บ้าง ตอนนี้เราตอนขอเก็บเรื่องนี้ไว้รู้เฉพาะแค่นี้เท่านั้นนะ เพราะฝ่ายอื่นๆอาจจะเข้ามาทำร้ายก็ได้ ..."
"เดี๋ยวนะครับ! แล้วให้พวกผมเป็นคนดูแลคนที่มีเชื้อน่ะเหรอ!? ถ้าอยู่ๆมันร้ายแรงถึงขั้นเปลี่ยนร่างต่อหน้าต่อตา ไม่คิดว่าจะเป็นอันตรายกว่าหรือไงครับ"
"อิบุคิ...ถือว่าเป็นคำขอจากหัวหน้าล่ะนะ ฉันก็ไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวาย เอาเป็นว่าฉันสัญญาว่าพวกเราจะคอยเฝ้าระวังให้เป็นพิเศษด้วยแล้วก็....จริง ๆ พวกเธอก็อยู่ระดับAกันทั้งคู่สำหรับแค่ผู้ติดเชื้อไม่นานพวกนายก็คงพอควบคุมได้นั่นแหละ หรือกลัวล่ะจ้ะ?"
"ห๋า!?"
"อิบุคิหยุดเถอะ เจ๊เขาต้องการแบบนั้นเราเองก็คุยๆกันตั้งแต่อยู่ด้านนอกกันแล้วนะ" ชินโดที่พยายามจัดปกเสื้อของตัวเองก็ปรามไม่ให้อิบุคิหัวเสียมากกว่านี้
"แล้วนายไม่กลัวหรือไงเล่า!?"
"ก็อย่างที่บอกพวกเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนั้นอาการก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนแถมใช่ว่าข้อมูลนี้จะถูกต้องเสมอไปด้วย...ก็จนกว่าผลตรวจเลือดจะออกมา" ชินโดว่าก่อนจะเหลือบไปมองคนเจ็บบนเตียงเล็กน้อย "แถมถ้าพวกเรายิ่งทะเลาะกันคิริโนะก็จะลำบากใจนะ เลิกทำท่าทีรังเกียจสักทีเถอะใช่ว่าทุกคนอยากจะกลายเป็นพวกนั้นกันหมดสักหน่อย นายก็รู้..."
"...แล้วแต่นายเถอะ!" อิบุคิสะบัดมืออีกฝ่ายที่จับไหล่เขาเพื่อกันไปหาเรื่องกับเจ้านายพวกเขาอย่างยาสึฮาระ ชินโดถอนหายใจก่อนจะมองที่นาฬิกาข้อมือของตนเอง
"เอาเป็นว่าพวกเราต้องไปเข้าเรียนแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะบอกพวกอาจารย์ในรายวิชาให้นายเอง"
"เข้าใจแล้ว เดินทางปลอดภัยนะ"
คิริโนะว่าพร้อมยิ้มบางๆส่งมาให้ ชินโดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาอิบุคิเพื่อเป็นสัญญาณว่าควรไปกันได้แล้ว
เมื่อพวกเขาออกมาจากห้องที่คิริโนะพักผ่อนอิบุคิก็อาสาไปโบกแท็กซี่ให้เพื่อกลับไปที่มหาลัยฯ ทำให้ชินโดมีเวลาจมอยู่กับความคิดของตัวเองเล็กน้อย เขารู้สึกแปลกๆกับรอยยิ้มที่ถูกส่งมาแบบนั้น มันเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบมันเลย....
...เวลาที่อีกฝ่ายต้องฝืนยิ้มแบบนั้น
[50%]
ความคิดเห็น