คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ll Chapter 3 ; Intimate [ อสูรกายปริศนา ] ll [100%]

|| Chapter 3 ; Intimate [ อสูรกายปริศนา ] ||
xxxxxxxxxx
“พวกนายกำลังจะออกไปไหนกัน?”
หนุ่มหน้าสวยเอ่ยถามเมื่อเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนต่างตื่นแต่เช้ามืดแล้วเตรียมตัวกำลังจะออกไปข้างนอก ชินโดกับอิบุคิมองหน้ากันแว๊บหนึ่งก่อนชินโดจะช่วยตอบให้
" พวกฉันว่าจะไปวิ่งกันน่ะ นายสนใจไปด้วยกันหรือเปล่า?"
"วิ่งเหรอ? แถวไหนล่ะ?"
คิริโนะเลิกคิ้วแถวถามต่อด้วยความสนอกสนใจนิด ๆ
"ตั้งแต่ที่นี่ไปจนถึงภูเขาหลังโรงเรียนน่ะ"
"...แต่นายคงไม่ไหวหรอก ระยะทางไกลจะตาย " อิบุคิพูดขึ้นมาแล้วมองมาที่คิริโนะด้วยคำสบประหม่า คราวนี้หนุ่มหน้าสวยชักสีหน้าไม่พอใจเหมือนราวกับว่าตัวเขากำลังโดนดูถูกอยู่ชัด ๆ นั่นทำให้เขากล่าวออกมาทันที
"ใครว่าไม่ไหวกัน นี่...ชินโดฉันจะไปด้วย!"
"งั้นก็มาสิ อย่าช้าล่ะพ่อหน้าสวย"
"ชิ รู้แล้วล่ะน่า"
เหมือนจบบทสนทนาหยอกล้อของอิบุคิ คิริโนะก็สะบัดหน้าหนีแล้วเดินไปเปลี่ยนชุดเพื่อให้เหมาะกับการวิ่งจ๊อกกิ้งในยามเช้าของพวกหนุ่มไฟแรงทันที
....
แฮ่ก แฮ่ก
" นั่นมันวิ่งจ๊อกกิ้งหรือแข่งมาราธอนกันแน่วะ ชินโด หมอนั่นวิ่งออกตัวเร็วชะมัด!"
"จะไปรู้เหรอ เพราะนายไปพูดไม่เข้าหูเองนิ!"
ทั้งสองหนุ่มพูดคุยกันขณะกำลังวิ่งตามหนุ่มเรือนผมสีชมพูที่วิ่งนำลิ่วไปไกลคิริโนะหันมายิ้มอย่างผู้มีชัยราวกับว่าตัวเองเพิ่งลบล้างคำสบประหม่าของอิบุคิที่พูดไว้ตั้งแต่อยู่ที่หอไว้ได้ จากนั้นจึงพยายามเร่งทั้งสองคนให้รีบตามมาทันที
"อะไรกัน เหนื่อยแล้วเหรอ~? อย่าช้านักสิใกล้จะถึงแล้วนะ จะยอมแพ้ให้กับฉันแล้วเหรออิบุคิคุง" เขายิ้มเยาะให้กับคนผมขาวด้านหลัง นั่นทำให้หนุ่มอดีตตัวเก็งนักกีฬาบาสถึงกับคิ้วกระตุก
"หน๊อย ไม่ต้องมาพูดจากวนประสาทเลยนะ!"
"เอางี้ไหมล่ะ ถ้าใครไปถึงยอดเขาก่อนจะเป็นผู้ชนะ คนแพ้ต้องเลี้ยงมื้อเช้าโอเคนะ"
"ได้! ถ้างั้นฉันไม่แพ้แน่ ไปกันเถอะชินโด!" เมื่อได้ยินดังนั้นอิบุคิจึงเร่งฝีเท้าตัวเองขึ้นเพื่อให้ทันคนตรงหน้า โดยที่ทิ้งเพื่อนสนิทของเขาไว้ด้านหลัง
"อ้าว!? เดี๋ยวสิ! นี่มันขี้โกงนินา" เขาโวยวาย แต่เมื่อเห็นว่าสองหนุ่มไฟแรงตรงหน้าทั้งสองวิ่งแข่งนำลิ่วไปโดนไม่รอตัวเขาแล้ว
...
“ในที่สุดก็ถึงจนได้!”
"ได้ออกกำลังกายแบบนี้ก็ได้เหงื่อดีนะ ว่างั้นไหม?"
"ออกกำลังกายอะไรกันล่ะ อย่างพวกนายเขาเรียกวิ่งแข่งกันแล้ว!"
ชินโดต่อว่าพร้อมกับนั่งลงไปพร้อมหอบกับพื้นด้วยความเหน็ดเหนื่อย โดยที่ไม่สนใจเพื่อนทั้งสองที่กำลังจะท้าแข่งอะไรกันสักอย่างอีกรอบหนึ่ง เพราะเมื่อกี้พวกเขาดันวิ่งกันจนมาถึงพร้อมกันทั้งคู่ แต่ว่าก็ยังเถียงกันไม่จบไม่สิ้นว่าใครนั้นมาถึงก่อน
...เขาล่ะเหนื่อยใจจริงๆ
ถึงแม้ว่าเรื่องพวกนี้เขาจะต้องเขอบ่อย ๆ ในการปฎิบัติหน้าที่ของคีปเปอร์ก็ตาม แต่เขาก็มักจะใช้พลังสุดโกงนี้ช่วยในการเคลื่อนไหวมากกว่า แต่วิ่งรอบนี้เขาไม่เห็นว่าเจ้าพวกไฟแรงตรงหน้าเขาจะใช้พลังออกมาเลยด้วยซ้ำ เขาเลยไม่ใช้มัน ก็ไม่ได้แย่นักอย่างน้อยก็ไว้ฝึกฝนให้เขาทนทานกับพลังพวนี้ได้ด้วยในส่วนหนึ่ง
" นี่ๆ ชินโด!" คิริโนะเรียกเขา
"อะไรเหรอคิริโนะ?"
"มาดูนี้สิ วิวตรงนี้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยมาเลยนะ"
หนุ่มหน้าหวานฉายยิ้มอย่างร่าเริง เรียกให้เขาลุกขึ้นมาดูแสงสีทองทอประกายขึ้นตัดกับสีท้องฟ้าสีครามที่อยู่เบื้องหน้า ชินโดลุกขึ้นแล้วเดินมาดูตามที่อีกฝ่ายบอก ถึงแม้เขาจะมากที่นี่กับอิบุคิบ่อยๆและมานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้ทุกๆวันอยู่แล้วก็ตาม
มันก็เหมือนๆเดิมไม่มีอะไรต่างออกไปอยู่แล้ว แต่วันนี้กลับแปลกออกไป...ในตอนนี้ ที่มีคิริโนะอยู่ ซึ่งไม่รู้ทำไมเวลานี้มันช่างน่ามองมากกว่าครั้งไหน จิตใจเขาไปได้อยู่กับแสงอาทิตย์อีกต่อไปแต่กำลังเหลือบไปมองใบหน้าเนียนสวยคนผมสีชมพูที่กระทบแสงของพระอาทิตย์ยามเช้าทำให้เขาเผลอไผลจ้องมองราวกับเวลาได้หยุดลงไป
"นายว่ามันสวยไหม?"
"....สวย...." เขาเผลอพูดออกมาแต่ที่จ้องกลับไม่ใช่พระอาทิตย์ ทำเอาชินโดหน้าร้อนแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง "น นายหมายถึงอะไร?"
"หมายถึงพระอาทิตย์ไง?" คิริโนะตอบ ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจกับคำถามเมื่อครู่
"อา ใช่ ๆ วิวพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้สวยมากเลย"
"ใช่ไหมล่ะ ฉันน่ะเพิ่งได้เห็นวิวแบบนี้เลย มัน...ต่างกับที่ที่ฉันอยู่..." คิริโนะพูดพร้อมคลี่ยิ้มนิด ๆ "ปกติวิ่งกันแบบนี้ทุกเช้าเลยเหรอ?"
“ใช่ อาจจะไม่ทุกวัน ถ้าวันไหนอากาศดีหรือมีเวลาก็จะออกมาวิ่งวอมร่างกายนิดหน่อย ”
“แบบนี้นิเอง...”
“...”
ทั้งสองอยู่ ๆ ก็เงียบกันไปแล้วจดจ้องกับวิวเบื้องหน้าอยู่เล็กน้อย
“ที่ฉันมาที่นี่น่ะ...นอกจากหาตัวน้องสาวที่เคยได้ยินแล้ว...ก็เพื่อมาหาสาเหตุการเสียไปของพี่น่ะ”
“สาเหตุเหรอ?” อิบุคิเดินเข้ามาพิงรั้วข้าง ๆ ด้วยความสนใจกับหัวข้อเมื่อครู่ด้วย
“ใช่ ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่การฆ่าเพื่อลบล้างพวกคิลธรรมดาแน่...” คิริโนะพูดแล้วเงียบลงไปคิด “แถมฉันคิดว่าไม่ใช่ฝีมือของสัตว์ประหลาดพวกนั้นด้วย...”
“นั่นสินะ ถ้าไม่อย่างนั้นนายคงได้โดนฆ่าไปด้วยแล้วล่ะนะ”
“อะไรน่ะ คุยเรื่องอะไรกันเนี่ย? ”
"คุยเรื่อง...เหตุผลที่ฉันมาที่นี่ไงล่ะ" คิริโนะหันมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากบริเวณโรงงานในเมือง เสียงดังและควันที่ประทุขึ้นทำให้สามหนุ่มเปลี่ยนความสนใจไปที่นั่นทันที
“เกิดอะไรขึ้น??”
“รีบลงไปดูกันเถอะ!” ชินโดว่าก่อนเขากับอิบุคิจะรีบวิ่งออกไป แต่ก่อนหน้านั้นก็ชะงักแล้วหันกลับมาบอกคิริโนะ
“คิริโนะ นายกลับไปที่หอพักก่อน!”
“อ้าว? ทำไมล่ะ!”
"มันอันตราย! ถ้าไม่ใช่แค่อุบัติเหตุอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดก็ได้ !" เขาบอกก่อนจะรีบวิ่งตามอิบุคิไป คิริโนะยืนงงอยู่สักพักก่อนจะมีความคิดที่ตีกันในหัว
...จะกลับไปรอหรือจะตามไปดี?
…
ณ โรงงานแห่งหนึ่งที่เกิดระเบิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” อิบุคิที่วิ่งมาถึงก่อนออกตัวไปถามกับคนที่ยืนมุงอยู่ทันที เพราะเสียงดังทำให้ทุกคนต้องออกมาดูกัน สาวสูงวัยคนหนึ่งดูมีสีหน้ากังวลเล็ก ๆ ออกมาก่อนจะตอบออกมา
“ระหว่างที่ฉันเดินผ่านมาทางนี้ ดูเหมือนอยู่ๆภายในโกดังก็ระเบิดน่ะค่ะ” เธอว่าเสียงสั่น “ได้ข่าวว่ามีคนงานเข้าไปในโกดังในตอนเช้า แล้วเกิดคลุ้มคลั่งจนกลายร่างขึ้นมาน่ะ รึเปล่านะ ...จะ เจ้านั่นมันคืออะไรกันแน่คะ!”
“ใจเย็นๆ นะครับ พวกคุณรีบหลบไปที่ปลอดภัยก่อนเดี๋ยวทางนี้พวกเราจะจัดการให้เองครับ” ชินโดว่าก่อนจะ หันไปทางอิบุคิ “นายช่วยอพยพคนรอบ ๆ และก็คนที่อยู่ในโรงงานหน่อยนะ ฉันจะไปดูแล้วรีบแจ้งกับหน่วยงานกลาง ”
“ได้เลย อย่าไปลุยเดี่ยวกับมันโดยไม่บอกฉันเข้าล่ะ!” อิบุคิชั่งใจอยู่ชั่วหนึ่งก่อนจะรับคำแล้วค่อย ๆ ขอให้ทุกคนภายนอกถอยออกไปเพราะมันอันตราย
ดวงตาสีไม้มองเข้าไปภายในโรงงานที่ไฟเริ่มลุกไหม้ขึ้นจากประกายไฟของระเบิด มีควันสีดำมืดของอะไรบางอย่างอยู่ภายในนั้นด้วย เขาสูดหายใจเข้าก่อนจะวิ่งเข้าไปดูภายด้านใน พร้อมคอยบอกคนงานที่เพิ่งมาทำงานรีบถอยออกไป
ภายในโรงงานสถานที่ที่สัตว์ประหลาดดั่งที่คนอื่นๆพูดกันกำลังอาละวาดอยู่ ร่างนั้นเป็นเหมือนสัตว์สี่ขาตัวใหญ่ หัวเป็นคล้ายกับสิงโต เท้าหน้าดูใหญ่กว่าแถมมีปลายเล็บที่ยาวและแหลมคมเหมือนมีดที่หั่นทำลายทุกอย่างได้ในคราเดียว มีหางเป็นคล้ายๆลูกตุ้ม ทุบทำลายโรงงานและพื้นจนมันดังสนั่นและโคลงเคลง ทั้งตัวของมันนั้นปกคลุมไปด้วยสีดำสนิทคล้ายเงา แววตาแดงฉานฉายแววความโกรธแค้นอย่างเด่นชัด
เขาหยิบมือถือขึ้นมากดติดต่อไปที่สำนักงานทันทีเพื่อขอกำลังเสริมและวิธีการจัดการ เมื่อผู้ที่เป็นฝ่ายรับทราบข้อมูลตัวของศัตรู จึงบอกให้พวกเขาพยายามอย่าให้สัตว์ประหลาดนั่นออกไปอาละวาดสร้างความเสียหายเพิ่มก่อนจะนัดจุดที่จะรีบเตรียมส่งกำลังเสริมไปสนับสนุน
เมื่อทราบเรื่องเขาวางสายลง ก่อนจะเพ่งมองไปที่สัตว์ประหลาดสีดำขนาดใหญ่เกือบเท่าโรงงานกำลังใช้กรงเล็บของตนทำลายข้าวของภายในโรงงานไปมา ชินโดเริ่มมีความวิตก เขาไม่มั่นใจว่าจะจัดการมันได้ไหมเลยต้องเรียกกำลังเสริม แต่ยังไงก็ต้องพาตัวมันไปที่จุดนัดหมายตามที่บอกก่อน
เขากระโดดลงจากชั้นบนของทางเดินโรงงานแล้วไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก่อนจะเคลื่อนที่ไปอีกทางซ้ำๆเพื่อเรียกความสนใจ มันร้องลั่นก่อนจะหันมาหาด้วยแววตาอาฆาต เล็บคมพยายามไล่กวดเขาอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะใช้พลังในการเคลื่อนที่ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมันสามารถตวัดมือใหญ่ตรงเข้ามาทางเขาได้แทบทันที
“โธ่เอ้ย! เจ้านี่มันไวชะมัด!”
ชินโดเอ่ยเบาๆ ก่อนพยายามเคลื่อนไหวหลยการโจมตีเล่านั้น ดูท่าว่ามันจะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าที่คาดเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถหาเวลาหยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับมันได้
ในระหว่างที่ในหัวกำลังอยู่ในห้วงความคิด หางตาก็เหลือบเห็นใครบางคนที่วิ่งเข้ามาในนี้ ดวงตาเบิกกว้างทันทีเมื่อพบว่าคนคนนั้นเป็นใคร
“คิริโนะ!?”
“ชินโด! ข้างหน้า!!”
ตะโกนบอกไม่ทันไรมือสีดำก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาพร้อมแรงเหวี่ยงที่ทำให้เขากระเด็นไปด้านหลังแทน
“ชินโด!!!”
คิริโนะร้องขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงเจ้าสัตว์ประหลาดเงามืดนั่นปัดจนร่างสูงนัันปลิวไปกระแทกกับกำแพงจนมันเป็นรอยร้าว เขากระอักเลือดออกมาความเจ็บจากแรงกระแทกเพียงพริบตาเดียวทำให้เขาได้แผลถลอกมามาก พร้อมทั้งรอยยาวที่แขนจากการโดนกรงเล็บนั้นจนของเหลวสีแดงไหลออกมา
แต่ไม่ใช่เรื่องที่ชินโดสนใจ สิ่งที่สนใจคือทำไมคนที่เขาไล่กลับไปแล้วถึงมาปรากฏอยู่ตรงหน้านี้ได้ต่างหาก!
“เดี๋ยวสิทำไมนายมาอยู่ที่นี่! ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายจะเข้ามาเกะกะนะ!”
“ฉันเปล่ามาเกะกะซะหน่อย”
ครืดดดดดด!!
กรงเล็บสีดำขูดเป็นทางยาวกับพื้นก่อนจะยกขึ้นสูงเพื่อหวังตวัดลงมาที่ชินโด คิริโนะเห็นท่าไม่ดี ในจังหวะที่มันกำลังมีช่องว่างจึงรีบใช้พลังของตนเคลื่อนย้ายตัวเองเข้าไปอุ้มเพื่อนของตนแล้วถีบตัวกระโดดหนีออกมา ก่อนมันจะฟาดลงมาที่กำแพงจนเศษดินและฝุ่นตลบกันคลุ้งพอช่วยกลบพวกเขาให้พลางตัวหนีมาหลบซ่อนได้ สัตว์ประหลาดนั่นกรีดร้องเสียงดังเมื่อพบว่าเหยื่อหายไปต่อหน้าต่อตา
“นายโอเคไหม?” คิริโนะถามเมื่อพามาอยู่ในที่ที่ห่างจากสายตาของสัตว์ประหลาดนั่น
“นิดหน่อย อึก… เดี๋ยวแผลก็คงสมานเอง”
“หลบอยู่ตรงนี้ก่อนพลังจะทำให้แผลจะสมานนะ เดี๋ยวฉันจะเป็นตัวล่อไปให้เอง!” คิริโนะว่าก่อนจะจัดท่าให้อีกฝ่ายได้นั่งสะดวก
“เดี๋ยว! ไม่ได้นะ เจ้าตัวนั้นไวมาก นายจะเป็นอันตรายเอา!”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันเก่งเรื่องการวิ่งอยู่แล้ว”
“ไม่มีทาง! ฉันจะให้คนที่เพิ่งเข้ากลุ่มมาทำหน้าที่อันตรายแบบนี้โดยไม่รู้ระดับเลยได้ยังไง!”
“ชินโด...ฉันขอร้องล่ะ” คิริโนะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะใช้มือจับไหล่อีกฝ่ายไว้ "ฉันรู้ว่าฉันเพิ่งเข้ามาครั้งแรก ...แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันโดนเพราะฉะนั้น ให้ฉันทำเถอะนะ..."
เมื่อถูกขอด้วยความจริงจัง ทำให้ชินโดเริ่มนิ่งเงียบไปเพื่อใช้ความคิดมากขึ้นก่อนจะถอนหายใจอย่างจำยอมเพราะตอนนี้ถึงเขาจะไล่อีกฝ่ายกลับก็คงตื้อมาอยู่ดี แุมในสภาพบาดเจ็บคงหลบสัตว์ประหลาดนั่นได้ไม่นาน
“โอเค..ถ้างั้น…อย่าเพิ่งฆ่ามันนะ” ชินโดว่าก่อนจะกัดฟันพูดเพื่อข่มความเจ็บของแผลเอาไว้ “นายต้องล่อไปที่หลังเมือง พวกคีปเปอร์ฝ่ายสนับสนุนจะอยู่ที่นั่น!”
เมื่อได้รับความเข้าใจแล้วใบหน้าสวยก็ยิ้มกว้างขึ้นมา
“เข้าใจแล้ว! ฉันจะไม่ฆ่าจะช่วยถ่วงเวลาไว้ให้เอง!”
...
อีกด้านหนึ่ง อิบุคิที่อพยพคนไปที่ปลอดภัยในอีกเขตหนึ่งพร้อมกับตำรวจ เขาเช็คดูว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บมากหลังจากเกิดเหตุการ์ณนี้ขึ้น
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยตัวเขาก็เริ่มมีท่าทีกังวล ไม่นานนี้ก่อนเขาจะช่วยคนงานออกมาเขาเห็นคนหน้าคุ้นตาวิ่งกลับเข้าไปในโรงงานนั่น ไม่แน่ใจว่าจะเป็นคิริโนะไหม แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงต้องกลับไปสนับสนุนชินโดให้ไว! งานนี้เมื่อขึ้นชื่อว่าสัตว์ประหลาดแล้วละก็ มันไม่ได้ง่ายนักที่จะจัดการ หากเรื่องพละกำลังหรือแรงอาฆาตจะมีสูงกว่าทำให้ต้องรับมือด้วยจำนวนจนกว่าจะหมดแรงลงเอง
อยู่ ๆ มือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้น เมื่อปรากฏว่าเป็นคนที่เขาเพิ่งพูดถึงไปหยกๆทำให้เขาต้องกดรับแทบจะทันที
“ฮัลโหลชินโดเหรอ? สัตว์ประหลาดตัวนั้นเป็นยังไงบ้าง!”
[ดูเหมือนจะแย่ เจ้าตัวนั้นกลายร่างขั้นเกือบสมบูรณ์เลยล่ะ ...พวกเราคงรับมือแค่คนสองคนคงไม่ไหว]
อิบุคิถอนหายใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่ได้เอาตัวเข้าไปเสี่ยงในทันที แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเหมือนนึกอะไรได้แล้วก็เสียงหอบหายใจที่ไม่ปกติของชินโดอีก เขาเลยถามออกไป
“แล้ว...นายเห็นเจ้าหน้าสวยเข้าไปในนั้นไหม? แล้วทำไมนายหอบแบบนั้นล่ะ”
เงียบไแสักพักหนึ่งก่อนปลายสายจะยอมเล่าเหตุการ์ณเมื่อครู่ให้อิบุคิฟังทั้งหมด ทั้งเรื่องที่เขาโทรรายงานสำนักงาน เรื่องที่เขาพยายามล่อมันไปที่ที่นัดหมายจนพลาดทำตัวเองบาดเจ็บจนได้ และก็เรื่อง...
[...ตอนนี้คิริโนะใช้ตัวเองล่อมันออกไปอยู่ ถ้าให้ดีนายช่วยรีบกลับมาช่วยหน่อย ขอร้องล่ะ!]
น้ำเสียงอีกฝ่ายดูร้อนรนไม่เหมือนดั่งเคย นั่นทำให้เขาพอรู้ว่าชินโดเริ่มห่วงเพื่อนต่างถิ่นนั่นขนาดไหน อิบุคิถอนหายใจยาวอย่างนักใจ เกาหัวอย่างนึกหงุดหวิดเรื่องความบ้าบิ่นของหนุ่มหน้าหวานนั่นก่อนจะรีบตอบกลับไป
“ เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบกลับไป”
...
คิริโนะวิ่งหลบกรงเล็บนั้นไปมา สิ่งของต่างๆในโกดังเริ่มพังครือลงมาแล้ว เขาไม่มีเวลามากต้องล่อเจ้านี่ออกไปหาหน่วยสมทบให้ได้ เมื่อหาโอกาสได้ เขาก็รีบกระโดดออกมาจากช่องว่างที่สัตว์ประหลาดนั่นพังจนทะลุกำแพงเป็นวงกว้าง
"เฮ้! ตามมานี่สิเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์!"
คิริโนะส่งเสียงเรียกมันอย่างท้าทาย มันคำรามขู่เสียงดังก่อนจะกระโดดตามออกมาขากโกดัง ทำให้คิริโนะรีบติดเกียร์วิ่งกึ่งกระโดดหนีออกมา ถึงแม้จะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงก็เถอะ แต่พลังของคีปเปอร์เขาเองก็ยังใช้งานไม่ค่อยถนัดนัก พลังมันเพิ่มความเร็วให้ร่างกายจนเขาตกใจเสียด้วยซ้ำ
อย่างน้อยๆ การหนีไปๆมาๆแบบนี้ก็ไม่ทำให้เขาเหนื่อยมากนัก
เส้นทางที่เขาพาไปคือทางเลียบแม่น้ำหลังโกดัง เขาพยายามเลี่ยงที่ที่ไม่มีคนให้มากที่สุด เมื่อมาถึงหลังเมืองเขาก็เห็นป้อมบางอย่างกั้นรายล้อมอยู่พร้อมกับกลุ่มชุดสูทสีดำที่กำลังเล็งอาวุธอยู่ คิริโนะคิดว่านั่นคงเป็นฝ่ายสนับสนุนของคีปเปอร์แน่ๆ เขาไม่รอช้าที่จะวิ่งเข้าไปหา พร้อมสัตว์ประหลาดที่ตามมาติดๆ
"ผมพามันมาแล้ว ช่วยด้วยครับ!!" เขาตะโกนบอกสุดเสียงได้ผลที่พวกเขาหันกลับมาสนใจแล้วเริ่มเตรียมวิ่งออกมาเพื่อช่วย คิริโนะดีใจมาก ๆ จนอยู่ๆมีฝ่ายหนึ่งเริ่มจ่อปืนมาทางพวกเขาก่อนจะออกคำสั่งยิง ซึ่งนั่นทำให้คิริโนะเริ่มเอ้ะใจ
"เอ้ะ เดี๋ยว---?!"
ปัง!
เขาล้มลงไปนอนทันที มีสิ่งที่เกิดขึ้นเร็วมากอะไรบางอย่างยิงทะลุผ่านตัวเขาไป หอบหายใจแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น เสียงสัตว์ประหลาดยังคงกรีดร้องอย่างหนักเพราะการโจมตีที่หลากหลายกระหน่ำตัวมัน
เขาก้มมองมือที่กุมท้องขึ้นมาก่อนจะพบว่ามีของเหลวสีแดงที่ไหลออกมา ดวงตาสีฟ้าเบิกโพล่งด้วยความตกใจยังไม่ทันที่จะประมวลผลอะไรให้ดี ภาพของเขาก็ตัดไปทันที
[100%]
ความคิดเห็น