คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : [SF] CURSE | 03
CURSE
- 3
“คุณครับ”
หลายวันแล้วที่ชานยอลกลับมาจากทำงานก็ต้องมาเคาะประตูห้องเรียกรูทเมทอีกคนที่เอาแต่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง
ไม่รู้ว่าวันทั้งวันได้กินอะไรบ้างหรือยังยิ่งอีกคนกำลังท้องอยู่ด้วย
เขาก็ยิ่งไม่สบายใจกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรไป
“ถ้าคุณไม่ออกมาผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ”
ชานยอลจัดการไขกุญแจสำรองที่ไปขอมาจากเจ้าของบ้านหลังนี้ที่ปล่อยให้เขาเช่าอยู่ในปัจจุบัน
เขาไม่อยากจะทำแบบนี้ซักเท่าไหร่แต่ถ้าคนในห้องไม่ยอมออกมาเลยมันก็ไม่มีทางเลือก
เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบว่าภายในห้องนั้นมืดสนิท
หน้าต่างในห้องก็ถูกปิดโดยผ้าม่านไม่ให้แสงได้เล็ดลอดเข้ามา
และคนที่ชานยอลกำลังตามหาอยู่นั้นก็นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง
เขาได้ยินเสียงสะอื้นจากคนใต้ผ้านวมแว่วมาด้วย
“คุณ”
“…”
“เอ่อ..ผมเรียกคุณหลายครั้งแล้ว
เห็นคุณไม่ออกมาก็เลยเข้ามา”
“…”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฮึก”
“คุณเป็นอะไรก็ปรึกษาผมได้นะ”
“ไม่ต้องมะ..มายุ่ง
ฮึก กับผม”
ชานยอลขมวดคิ้วแน่น
เขาอุตส่าห์เข้ามาหาด้วยความเป็นห่วงและถามไถ่ด้วยความหวังดีแต่กลับมาถูกผลักไสแบบนี้มันก็ดูจะเกินไปหน่อย
ถ้ามีอะไรก็ควรพูดกันตรงๆ ไม่ใช่มาไล่กันแบบนี้
“คุณแบคฮยอนครับ ถ้าคุณไม่คิดที่จะดูแลตัวเองก็อยากให้คุณคิดถึงลูกบ้าง”
“ฮะ..ฮึก”
“คุณไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว
ถ้าไม่นึกถึงตัวเองก็นึกถึงลูกในท้องบ้างนะครับ เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”
ชานยอลว่าอย่างใจเย็นเพราะเขาอยากให้อีกคนคิดและตั้งสติให้ดีๆ
“คุณก็พูดได้หนิ!!!”
แบคฮยอนขึ้นเสียงใส่ เจ้าตัวยอมลุกออกมาจากเตียงเพื่อประจันหน้ากับรูมเมทอีกคน
“ก็คุณไม่ได้ท้องแบบผมไง!”
“…”
“ผมไม่ได้อยากมีเด็กคนนี้!
ผมไม่ได้อยากท้อง ฮึก”
“…”
“ผมไม่ต้องการเขา ฮะ..ฮึก! มันไม่ควรเกิดขึ้น ฮือออ” แบคฮยอนยกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้
ชานยอลที่ได้ยินความรู้สึกจริงๆ
ของอีกฝ่ายก็ตกใจไม่ใช่น้อย
คำพูดที่ว่าไม่ต้องการเด็กคนนี้ทำเอาเขาสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
ก็จริงที่ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา…เขาไม่ใช่พ่อเด็ก แต่ชานยอลก็ไม่อยากให้แบคฮยอนคิดว่าเด็กคนนี้ที่เกิดมาโดยไม่ได้ตั้งใจว่าเด็กเป็นคนผิด
มันต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้สิ
ชานยอลเดินเข้าไปกอดปลอบให้กำลังใจรูมเมทร่างเล็กที่ยังคงยืนร้องไห้อย่างน่าสงสาร
เขาอาจจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็อยากจะช่วยทุกๆ อย่างให้อีกฝ่ายมีกำลังใจมากขึ้นและให้เด็กคนนี้ได้เติบโตในโลกนี้อย่างมีความสุข
…
ตั้งแต่คราวที่แบคฮยอนระบายความในใจออกมาจนหมด
จนในตอนนี้เจ้าตัวก็หันกลับมาดูแลตัวเองบ้างแล้วทำให้ชานยอลสบายใจไปได้มากขึ้น ถึงแม้จะยังดูซึมๆ
เหมือนจะทำใจยอมรับไม่ได้อยู่บ้างแต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
“ผมขอยืมโทรศัพท์คุณหน่อยได้ไหม”
แบคฮยอนเดิมเข้ามาหาชานยอลที่กำลังนั่งทำงานอยู่
“อ่อ ครับ”
ชานยอลยื่นโทรศัพท์ให้ทันทีโดยไม่ได้ถามอะไร
เมื่อได้โทรศัพท์มาแล้วแบคฮยอนก็ไม่รีรอที่จะกดหมายเลขคนสำคัญนั่นก็คือพ่อของตัวเอง
เพราะโทรศัพท์ของเขาไม่สามารถโทรออกได้จึงต้องมาขอใช้ของรูมเมท…รอสายนานหน่อยแต่ซักพักก็มีคนกดรับสาย
“คะ..คุณคิมครับ เดี๋ยวผม
ดะ..เดี๋ยวผมจะรีบหาเงินไปคืนนะครับ ขอเวละ…”
แบคฮยอนกดตัดสายทิ้งทันที…มันอะไรกันกับประโยคที่พ่อของเขาพูดออกมาเมื่อกี้
เขาไม่มีทางโทรไปผิดเบอร์แน่ๆ เพราะเขาจำเสียงพ่อได้อย่างแม่นยำแต่ที่พ่อของเขาบอกว่าจะรีบหาเงินไปคืนมันหมายความว่ายังไง
ที่เขาโทรไปขอเงินตลอดก็เป็นเงินที่พ่อเขายืมมาจากคนอื่นใช่ไหม…เขาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่คิดเลยว่าครอบครัวที่เคยอยู่อย่างสุขสบายตอนนี้ต้องยืมเงินคนอื่นเพื่อมาให้เขาใช้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ชานยอลรีบลุกออกมาจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปหารูมเมทที่ยืนร้องไห้อยู่…หลังจากที่ส่งโทรศัพท์ให้อีกคนเขาก็ไม่ได้ทำงานต่อแต่อย่างใดเพราะเขาเอาแต่จ้องอีกฝ่ายที่ยืนโทรศัพท์อยู่ไม่ไกลกัน
แบคฮยอนตัดสินใจเล่าเรื่องให้รูมเมทฟังทั้งน้ำตา..มันเกินไปที่เขาจะรับไหวแล้ว
มันมืดทั้งแปดด้านจนไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้วจริงๆ ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะพึ่งพาใครได้เลย
เงินที่มีติดตัวอยู่ตอนนี้ก็มีไม่มากแล้วจะให้เขาทำยังไงต่อไป
แบคฮยอนมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองเลย
CURSE
สามเดือนต่อมา
ด้วยอายุครรภ์ที่มากกว่าสี่เดือนแล้วหน้าท้องของแบคฮยอนจึงขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
เสื้อผ้าที่เคยใส่ได้ก็ดูคับอึดอัดท้องจนต้องซื้อใหม่
เรื่องอาหารการกินก็ต้องดูแลเป็นพิเศษเพราะโดนคุณหมอจงอินกำชับมาอีกที
และเพื่อลดความยุ่งยากของการจัดเวรออกไปซื้อกับข้าวมากิน
แบคฮยอนจึงได้รับหน้าที่เพิ่มขึ้นเป็นคนทำอาหารพ่วงด้วยคนหุงข้าวไปทั้งสามมื้อ
แบคฮยอนไม่เกี่ยงหากเขาจะได้รับหน้าที่นี้ไป…ถ้าหากเทียบกับที่ชานยอลออกค่าใช้จ่ายให้เขาทุกอย่างแล้วนั้นมันเทียบไม่ได้เลย
แบคฮยอนไม่รู้จะขอบคุณชานยอลยังไงดีแค่คำขอบคุณยังไม่พอเสียด้วยซ้ำ
ชานยอลทั้งอาสาออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง ทั้งยังพาเขาไปหาหมอตามที่หมอได้นัดไว้
แม้เจ้าตัวจะดูยุ่งๆ กับงานแต่ก็ยังมาถามไถ่ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง ต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่า..เขาไม่รู้จะตอบแทนผู้ชายคนนี้ยังไงเลยทั้งๆ
ที่เด็กในท้องคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกของตัวเองแท้ๆ แต่ก็ยังคอยห่วง คอยดูแล
จนแบคฮยอนรู้สึกละอายใจที่เขาไม่ต้องการเด็กคนนี้ในตอนแรก
หลังจากที่แบคฮยอนได้เล่าเรื่องให้ชานยอลฟังในคราวนั้นเพราะเขาหมดหนทางที่จะเดินต่อไปแล้ว
แต่ชานยอลกลับหยิบยื่นน้ำใจนั้นมาให้เขา..ร่างสูงเอ่ยปากอาสาว่าจะเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเอง
ขอแค่มีปัญหาอะไรก็ให้บอกกันเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าแบคฮยอนปฏิเสธไปในทันทีเพราะเรื่องค่าใช้จ่ายมันต้องเยอะมากและไม่ใช่เรื่องที่จะเอ่ยปากช่วยกันได้ง่ายๆ
และเขาไม่อยากจะเป็นภาระให้อีกฝ่ายต้องคอยดูแลตลอด
เพราะเราเป็นเพียงแค่รูมเมทกัน
ชานยอลยังคงยืนยันในคำพูดของตัวเองจนแบคฮยอนต้องยอมแพ้
แต่เขาก็มีคำสัญญาแลกเปลี่ยนว่าถ้ามีโอกาสตัวเองจะหาเงินมาคืนชานยอลทั้งหมดและขอให้ร่างสูงอย่าปฏิเสธ
จากนั้นเราทั้งคู่ก็ดำเนินชีวิตร่วมกันในรูปแบบใหม่
ชานยอลยังคงไปทำงานตามเดิมแต่เปลี่ยนเวลากลับบ้านเร็วขึ้นเป็นบ่ายสามโมง แบคฮยอนจากที่ต้องไปเที่ยวกลางคืนเป็นประจำก็ไม่ไปอีกและยังคงอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนเพราะเจ้าตัวรู้สึกอายที่ต้องทนสายตาคนอื่นที่มองมาว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่ท้องได้
เวลาสองทุ่มกว่าๆ
ชานยอลยังคงนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะทำงานหลังจากที่กินข้าวเสร็จ
แบคฮยอนก็นั่งดูทีวีเพราะก็ไม่รู้จะทำอะไรเช่นกัน มันน่าเบื่อ..จากคนที่เคยไปเที่ยวบ่อยๆ
ก็ต้องมาอยู่แต่ในบ้านเป็นเดือนๆ เพราะดันมาท้องได้อย่างไม่ทราบสาเหตุแต่ยิ่งนานวันเข้าเขาก็ยอมรับและทำใจได้แล้วว่ามันเป็นความจริง..ความจริงที่ว่าเขากำลังท้องอยู่
ผลการตรวจล่าสุดคุณหมอจงอินได้ทำการอัลตร้าซาวน์ดูเพศเด็กให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่มือใหม่ได้รับรู้กัน
และผลออกมาว่าเป็นเด็กผู้ชายที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมากๆ แบคฮยอนบอกความรู้สึกไม่ถูกเลยที่ได้เห็นเด็กคนนั้นที่อยู่ในท้องของเขามาได้สี่เดือนกว่าว่ามันรู้สึกยังไง
จากตอนแรกที่ไม่ต้องการแต่ตอนนี้มันได้แปรเปลี่ยนเป็นสายใยเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ว่าความผูกพันไปแล้ว
รูปอัลตร้าซาวน์ถูกหยิบขึ้นมาดูครั้งแล้วครั้งเล่า
แล้วก็ยิ้มให้กับภาพของทารกน้อยที่นอนนิ่งอยู่ในรูปนั้นบอกไม่ถูกว่ามีความสุขไหมแต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าดีใจที่ได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก
“ออกไปข้างนอกกันไหม”
ชานยอลละจากโน้ตบุ๊กแล้วเดินมาหาใครอีกคนที่นั่งดูรูปใบเล็กๆ อยู่คนเดียว
น่าแปลกนะที่ชานยอลเห็นใครอีกคนยิ้มอย่างมีความสุขเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย
“ครับ?”
“ตอนนี้น่าจะไม่มีคนแล้ว..ออกไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกันไหมครับ”
ชานยอลไม่ได้เอ่ยชวนอีกคนไปเดินเล่นด้วยกันเพราะเขาอยากไป
หรือเพราะเขาอยากพักจากการทำงาน แต่มันเป็นเพราะแบคฮยอน…รูมเมทอีกคนที่พอเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองท้องก็ไม่คิดจะออกจากบ้านไปไหนหากไม่มีนัดตรวจกับคุณหมอ
ร่างเล็กอยู่แต่ในบ้านมาหลายเดือนแล้วและเขาควรที่จะพาอีกคนออกมาข้างนอกบ้างซึ่งในเวลานี้เป็นเวลาที่ไม่ได้มีผู้คนพลุกพล่านทำให้ไม่ต้องไปกังวลกับสายตาของใครที่มองมา
บรรยากาศตอนกลางคืนแถวๆ
บ้านกำลังเย็นสบายแต่ก็รู้สึกหนาวไปหน่อยสำหรับแบคฮยอน
เสื้อสเวตเตอร์จึงได้ถูกสวมใส่ที่ไม่ใช่แค่ให้ความอบอุ่นแต่ก็เพื่ออำพรางหน้าท้องที่ขยายใหญ่ด้วยเช่นกัน
“คุณเป็นยังไงบ้าง?”
ชานยอลเอ่ยถามอีกฝ่ายหลังจากที่เราเดินด้วยกันเงียบๆ มาซักพัก
“ก็ดีครับ ปกติดี”
แบคฮยอนวางมือไว้บนหน้าท้องของตัวเองแล้วตอบคำถามของอีกฝ่าย และไม่ลืมที่จะถามกลับ
“แล้วคุณล่ะเหนื่อยไหม?”
“ไม่ครับ” ชานยอลปฏิเสธ
เขาไม่เหนื่อยเลยซักนิดแม้จะมีงานหนักมากเพียงใดก็ตาม
แต่พอได้รู้ว่าเขาทำงานหนักไปเพื่อใครมันก็ทำให้มีความสุขจนลืมเหนื่อยไปเลยซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาทั้งสองคนจะเอ่ยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเพื่อไม่ให้อีกคนต้องรู้สึกว่าอยู่เพียงลำพัง
และมันก็เป็นกำลังใจเล็กๆ ที่ทั้งสองมีให้กันแบบไม่รู้ตัว
“อ่ะแฮ่ม! คือ..เอ่อ…” ชานยอลหยุดเดินเพื่อรวบรวมความกล้าเพื่อจะเอ่ยขออีกฝ่ายบางอย่าง
“ครับ?”
แบคฮยอนก็หยุดเดินเพื่อรออีกฝ่ายเช่นกัน
“คือว่า…เอ่อ…ผมขอลอง..จับท้องคุณดะ..ได้ไหมครับ?”
เอ่ยขอออกไปพร้อมกับใบหูที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ
เพราะไปตรวจครั้งล่าสุดคุณหมอจงอินได้บอกไว้ว่าอายุครรภ์ตั้งแต่สี่เดือนขึ้นไปเด็กจะเริ่มดิ้นจนรู้สึกได้ทำให้ชานยอลอยากจะลองสัมผัสซักครั้งดูบ้าง
“ได้สิครับ” ถึงแม้จะตกใจที่อีกฝ่ายมาเอ่ยขอกันในตอนนี้
แต่แบคฮยอนก็ไม่ปฏิเสธหากอีกฝ่ายที่เป็นอีกหนึ่งคนคอยดูแลเจ้าตัวเล็กในท้องอยู่ไม่ห่าง
เขาก็ไม่มีอะไรเลยที่จะต้องปฏิเสธเลย
ฝ่ามือหนาของคนตัวโตกว่าค่อยๆ
วางสัมผัสลงไปบนหน้าท้องนูนเบาๆ กลัวว่าถ้าวางแรงไปอาจจะกระทบกระเทือนถึงเจ้าตัวเล็กในท้องได้
เพียงไม่นานที่ฝ่ามือหนาสัมผัสกับหน้าท้อง..แรงขยับที่พอจะรู้สึกได้ทำให้ชานยอลสะดุ้งตกใจไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ละมือออก
เขารู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจที่เจ้าตัวน้อยในท้องได้ส่งสัญญาณมาทักทายกัน
“เขาดิ้นบ่อยไหมครับ?”
ชานยอลเอ่ยถามยิ้มๆ
“ผมเพิ่งรู้สึกถึงเขาดิ้น…ครั้งแรกครับ”
เมื่อแบคฮยอนว่าจบชานยอลก็เงยหน้ามองเจ้าของหน้าท้องนูนๆ
ในทันที เขาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่ามันเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวรู้สึกว่าเด็กคนนี้ดิ้น
ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็เป็นคนแรกที่ได้สัมผัสกับการดิ้นครั้งแรกของเจ้าตัวเล็กในท้องน่ะสิ
ชานยอลระบายยิ้มดีใจอย่างสุดขีด เขาเผลอรวบตัวรูมเมทร่างเล็กเข้าไปกอดอย่างดีใจประหนึ่งว่าตัวเองเป็นพ่อของเจ้าตัวเล็กในท้องซะเอง
แต่แค่นี้เขาก็มีความสุขมากแล้วจริงๆ
แบคฮยอนก็ยกมือขึ้นกอดตอบอีกฝ่ายเช่นกัน
เขาเองก็ดีใจไม่แพ้กันที่เด็กในท้องเริ่มส่งสัญญาณให้เขาได้รับรู้บ้างแล้ว
เขาตื้นตันใจจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาไม่ได้เลย
เด็กคนนี้ที่เขาเคยคิดว่าไม่ต้องการ
แต่ตอนนี้กลับรู้สึกผูกพันอย่างไม่คาดคิด
พร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นแรง…เพราะเจ้าของอ้อมกอด
ความคิดเห็น