คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [SF] CURSE | 02
CURSE - 2
“คุณแบคฮยอนกำลังตั้งครรภ์ครับ”
เมื่อสิ้นเสียงของคุณหมอแบคฮยอนก็รู้สึกราวกับว่าโลกพังไปต่อหน้าต่อตาเขาเลย
มันจะเป็นไปได้ยังไง เขา…ที่เป็นผู้ชายเนี่ยนะจะท้อง
“มะ..หมอล้อกันเล่นใช่ไหมครับ”
“ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับมันไม่เคยเกิดกรณีอย่างนี้มาก่อน
แต่ผมได้ตรวจดูหลายครั้งแล้ว…และผลก็ออกเหมือนกันทุกครั้งว่าคุณกำลังตั้งครรภ์จริงๆ
ครับ”
“ตะ..แต่ผมเป็นผู้ชายนะหมอ
ผะ..ผู้ชายจะท้องได้ยังไง!!?”
แบคฮยอนพยายามหาข้อโต้แย้งแม้จะดูไร้ประโยชน์หากมาเทียบกับผลการตรวจจากแพทย์
“ผมก็ไม่สามารถที่จะอธิบายถึงขนาดนั้นได้นอกซะจากว่าเราต้องผ่าพิสูจน์
แต่ผมไม่อยากทำแบบนั้นเพราะจะเป็นอันตรายต่อเด็กในท้องและตัวคุณเอง”
“…”
แบคฮยอนเงียบหมดคำที่จะพูดต่อเพราะเขารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขา
“ผมขอถามได้ไหมครับว่าใครเป็นพ่อของเด็กเขาควรจะทราบเรื่องนี้…หรือว่านาย?”
ประโยคหลังจงแดหันไปถามเพื่อนร่างสูงที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่ข้างเตียง
“…”
ชานยอลส่ายหน้าปฏิเสธ
“ผมไม่รู้ว่าใครเพราะผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน”
“เอ่อ…” คราวนี้เป็นจงแดที่ไม่มีคำจะพูด
คุณหมอหนุ่มแทบจะมืดแปดด้าน
เป็นผู้ชายที่ท้องได้ว่าแปลกแล้ว…แล้วยิ่งไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันมาก่อนยิ่งแปลกไปกันใหญ่
แล้วตัวอ่อนในท้องมันเกิดการปฏิสนธิกับอะไรล่ะวะนั่น จะทำการผ่าพิสูจน์ก็ไม่ได้เพราะมีโอกาสเสี่ยงสูงว่าจะตายทั้งแม่และเด็ก
แต่ถึงแม้จะเป็นกรณีที่แปลกประหลาดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ด้วยจรรยาบรรณแพทย์ จงแดก็จะขอทำหน้าที่ในส่วนของหมอให้ดีที่สุด
“ยังไงผมจะรับคุณแบคฮยอนเป็นคนไข้พิเศษนะครับ
และผมพอจะรู้จักกับหมอสูติฯที่จะช่วยเก็บเรื่องของคุณเป็นความลับไว้ได้…ผมขออนุญาตบอกเรื่องของคุณเพื่อให้เขาเตรียมการไว้นะครับ”
“…”
“เอ่อ…มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับได้
แต่ผมอยากให้คิดว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีที่เขาเลือกที่จะมาเกิดกับคุณนะครับ”
“…”
จงแดได้แต่ยิ้มแห้งที่คนไข้บนเตียงเฉยเมยต่อคำปลอบโยนของเขา
แต่เขาก็เข้าใจว่าอาจจะต้องใช้เวลาซักพักที่จะต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเขาก็เจอคนไข้ประเภทนี้มาเยอะเหมือนกัน
สิ่งที่คนเป็นหมอพอจะทำได้คือให้คำแนะนำและรักษาคนไข้อย่างเต็มที่
ส่วนเรื่องกำลังใจนั้นคงต้องให้คนรอบข้างของคนไข้ช่วยอีกแรง
“ชานยอล”
“อือ”
“คุยด้วยหน่อย”
ชานยอลจึงลุกตามคุณหมอจงแดออกไปนอกห้องอย่างรู้กัน
เพราะคงจะมีเรื่องที่ไม่สามารถให้แบคฮยอนรู้ได้ทั้งสองจึงออกมาคุยกันที่นอกห้องตามเดิม
“คุณแบคฮยอนดูซึมไปเลย
ยังไงนายก็เป็นคนใกล้ชิดเขาที่สุดก็ช่วยดูแลเขาด้วยนะ ถ้าขืนยังปล่อยให้เป็นแบบนี้อาจจะเป็นอันตรายกับเด็กในท้องได้”
“ได้” ชานยอลรับปาก
“พรุ่งนี้ก็พากันไปฝากครรภ์ได้เลยนะ
ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องหมอสูติฯให้เอง”
“อืม ขอบใจนายมากๆ”
“ไม่เป็นไรคุณแบคฮยอนเป็นรูมเมทนายหนิ
ก็ช่วยๆ กันไป” จงแดตบบ่าอีกฝ่ายไม่แรงมากแล้วขอตัวไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
ชานยอลเปิดประตูเข้าไปในห้องพักคนไข้อีกครั้งก็ยังเห็นว่ารูมเมทไม่มีท่าทีจะขยับไปไหนยังคงนอนซึมอยู่บนเตียง
เขาไม่แปลกใจเลยถ้าอีกคนจะมีอาการเช่นนี้เพราะถ้าเป็นชานยอลก็คงช็อคไม่ต่างกันนัก แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกยังไงบ้างและจะทำยังไงต่อไป
“เอ่อ..พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฝากครรภ์นะ”
“…”
“ผมจะกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วก็เอาของมานอนเฝ้าคุณคืนนี้
คุณอยากได้อะไรเพิ่มไหม?”
“…”
“อ่า คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?”
“ครับ” แบคฮยอนเอ่ยตอบสั้นๆ
แล้วพลิกตัวนอนตะแครงหันหน้าไปทางประตู
“งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนนะ”
ชานยอลลุกขึ้นแล้วจัดการกระชับผ้าห่มให้ห่มตัวอีกฝ่ายดีๆ
ก่อนจะเดินไปที่ประตูก็ไม่วายหันมามองหน้ารูมเมทที่นอนอยู่บนเตียง
พอเห็นว่าหลับอยู่จึงเปิดประตูแล้วเดินออกไป
CURSE
วันนี้ชานยอลลางานหนึ่งวันเพื่อพารูมเมทมาหาหมอสูติฯเพื่อฝากครรภ์โดยเฉพาะ
ที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้ถึงจะเป็นรูมเมทกันแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น
แต่เพียงว่าชานยอลเป็นคนใกล้ชิดอีกฝ่ายมากที่สุด จะให้อีกฝ่ายมาทำอะไรตัวคนเดียวก็คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
และจงแดก็ได้ฝากให้คนอย่างเขาดูแล..เขาก็ไม่อยากจะขัดคำสั่งหมอซักเท่าไหร่
“สวัสดีครับคุณแบคฮยอนและคุณชานยอล
ผมรู้เรื่องแล้วนะครับเชิญนั่งก่อนเลย”
“ขอบคุณครับ”
ชานยอลตอบรับและค่อยๆ ประคองร่างเล็กให้เดินเข้าไปในห้องของหมอสูติฯพร้อมกับเข็นเสาน้ำเกลือให้ตามหลังร่างเล็กเข้าไป
“ผมนายแพทย์คิม จงอินจะเป็นแพทย์ประจำตัวคุณแบคฮยอนนะครับ
ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องของคุณจะรั่วไหลไปข้างนอกเพราะผมเก็บความลับได้เป็นอย่างดีด้วยเกียรติของแพทย์เลยครับ
ฮ่าๆๆๆ”
“…”
“…”
คุณหมอจงอินเป็นคุณหมอที่ดูจะร่าเริงไปหน่อย
แต่ก็นั่นแหละชานยอลกับแบคฮยอนไม่มีท่าทีคล้อยตามเลยซักนิด
นั่นก็ทำให้คุณหมอผิวสีแทนเสียเซลฟ์นิดหน่อย
“อะแฮ่ม! เข้าเรื่องกันดีกว่า
คุณแบคฮยอนอืมม..ตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้ว ยินดีด้วยนะครับ
เย้!”
“…”
“…”
โอเค จงอินจะจริงจังแล้วก็ได้
“อะแฮ่มๆ ครับ
เพราะตัวคุณแบคฮยอนมีเพศสภาพเป็นผู้ชายอาจจะให้คำแนะนำที่ยากนิดหน่อยเพราะผมไม่เคยเจอเคสผู้ชายท้องได้มาก่อน
แต่คุณได้บอกว่ามีอาเจียนกับอาการวูบไปก่อนหน้านี้ อาจเป็นไปได้ว่าจะมีอาการเหมือนคนท้องทั่วๆ
ไป”
“ครับ”
“ครับ ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียน
รู้สึกเหนื่อยง่าย ง่วงนอนบ่อยๆ อารมณ์แปรปรวนไม่คงที่ หรือบางทีก็เหม็นอาหารที่ปกติชอบทาน
อาการเหล่านี้คืออาการของคนท้องปกตินะครับไม่ต้องตกใจ”
“แล้วจะเป็นตลอดตอนท้องเลยเหรอครับ?”
ชานยอลเอ่ยถามขึ้น อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้ไว้เพื่อเอาไว้ใช้ดูแลแบคฮยอน
“เป็นคำถามที่ดีมากครับคุณพ่อมือใหม่
คำตอบคือไม่ครับ…เมื่อเข้าสู่เดือนที่สี่อาการเหล่านี้ก็จะหายไป”
“เอ่อผมไม่…” ชานยอลพยายามจะปฏิเสธที่คุณหมอกำลังเข้าใจผิด
แต่จงอินก็ชิงพูดกับคนข้างกายเขาเสียก่อน
“เอาล่ะครับคุณแม่มือใหม่ ในเคสที่หายากแบบคุณผมอยากให้คุณดูแลตัวเองให้ดีที่สุดนะครับ
เพราะหากเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นมาเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะเสียลูกไปในทันที พูดง่ายๆ
ก็คือแท้งลูกนั่นเองครับ”
“…”
แบคฮยอนบอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเลยยามได้ยินคำว่าจะเสียลูกหรือแท้งลูก
มันทั้งรู้สึกดีที่จะได้ไม่ต้องมารับภาระ แต่ก็หน่วงๆ ไปในเวลาเดียวกัน
“และหลังจากนี้ผมก็จะขอนัดเพื่อดูพัฒนาการครรภ์ของคุณแม่สองครั้งต่อหนึ่งเดือนนะครับ
เป็นกรณีพิเศษ” คุณหมอจงอินยิ้มอย่างใจดีแล้วก้มหน้าจดเวลานัดหมายในรอบต่อไปลงในสมุดบันทึกสุขภาพคุณแม่และเด็ก
“ไม่ว่าจะไปไหนขอให้คุณแม่พกสมุดเล่มนี้ไว้ตลอดนะครับ เผื่อมีกรณีฉุกเฉิน”
“ขอบคุณมากครับ”
แบคฮยอนยื่นมือไปรับสมุดเล่มสีชมพูไว้กับตัว และชานยอลก็ดึงเบาๆ
จากมืออีกคนไปถือไว้ให้เอง
“น่ารักจังเลย” จงอินยิ้มและเอ่ยชมกับการกระทำน่ารักๆ
ของพ่อแม่ด้านหน้าเขา “ยังไงคุณพ่อกับคุณแม่มือใหม่สามารถซื้อหนังสือพัฒนาการการตั้งครรภ์มาอ่านไว้เพื่อศึกษาบ้างก็ดีนะครับ
จะได้รับมือและเตรียมพร้อมได้เสมอ”
“ขอบคุณมากครับ”
“ขอบคุณครับ”
เอาเถอะมาขนาดนี้แล้วชานยอลก็ไม่รู้จะแก้ไขความเข้าใจผิดของคุณหมอจงอินคนนี้ยังไงดีว่าเขาไม่ใช่พ่อของเด็กคนนี้
แต่อีกนัยนึงก็ไม่อยากให้ใครอีกคนที่อยู่ข้างๆ เขาต้องคิดมาก
เอาเป็นว่าถึงจะไม่ใช่พ่อของเด็กจริงๆ
แต่ก็จะดูแลให้เทียบเท่าให้ได้แล้วกัน
…
เมื่อฝากครรภ์เรียบร้อยแล้วคุณหมอก็อนุญาตให้แบคฮยอนกลับบ้านได้
พร้อมกับยาบำรุงครรภ์ต่างๆ ที่คุณหมอจงอินขนมาให้สารพัดและยังกำชับอีกด้วยว่าให้รับประทานอย่างต่อเนื่องห้ามลืมเด็ดขาด
“เอ่อ..เดี๋ยวผมจัดการเองครับ”
ชานยอลบอกแบบนั้นเมื่อเห็นว่าร่างเล็กจะเข้ามาขนกระเป๋าของตัวเองออกไป คงไม่ดีแน่หากจะให้คนกำลังท้องยกของหนักๆ
“ขอบคุณครับ”
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถของชานยอลโดยมีเจ้าของรถเป็นคนขับ
แบคฮยอนที่นั่งข้างคนขับก็ดูจะเหม่อลอยไม่พูดไม่จาเลยซักคำเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณอยากแวะทานอะไรก่อนไหม?”
ชานยอลเอ่ยถามอีกฝ่าย
อย่างน้อยการเริ่มต้นคุยกันระหว่างเราอาจจะทำให้อีกฝ่ายหายซึมไปได้บ้าง
“ไม่ครับ”
“อ่า ครับ”
ชานยอลก็ใช่ว่าจะพูดเก่ง
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นมายังไงบ้าง
เอาตามตรงคือชานยอลเป็นคนที่มนุษย์สัมพันธ์ค่อนข้างแย่ในระดับนึง
จะให้เขามาคุยอย่างสนิทสนมเลยก็คงเป็นไปไม่ได้
และเรื่องการดูแลเทคแคร์คนอื่นเขาก็ทำได้แย่พอๆ กัน
แฟนคนล่าสุดที่คบก็คือตอนเรียนจบเลยล่ะ แต่พอมาทำงานเขาก็บ้างานแบบสุดๆ
จึงไม่มีเวลาหาใครมาดูแลเลย
แล้วยิ่งกับคนท้องที่ก็เป็น..ผู้ชายด้วยนี่สิ
ชานยอลก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะดูแลไหวอย่างที่รับปากเพื่อนที่เป็นหมอได้หรือเปล่า
เมื่อมาถึงบ้านแบคฮยอนขอตัวไปพักผ่อนในห้อง
ชานยอลจึงอาสาที่จะขนของเข้าไปเก็บไว้ข้างในให้เอง
อย่างที่บอกว่าชานยอลลางานไว้หนึ่งวันเพราะฉะนั้นวันนี้เขาจึงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพราะชานยอลไม่เคยลางานเลยซักครั้ง
นี่จึงถือเป็นครั้งแรกที่ตนเองว่างในวันปกติ
แต่ก็ใช่ว่าจะว่างจนไม่มีอะไรทำเลย
เมื่อขนของลงจากรถเสร็จหมดแล้วชานยอลก็เอาโน้ตบุ๊กมาเปิดเช็คงานที่อยู่ในเมลของตัวเอง
แล้วก็เผลอทำงานไปเรื่อยๆ จนมารู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าๆ แล้ว
ซึ่งเสียงเปิดน้ำในครัวทำให้เขาละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊กเงยขึ้นมามองหาต้นเสียง
ชานยอลถอดแว่นสำหรับใส่ไว้ทำงานที่หน้าจอโน้ตบุ๊กออก
แล้วเดินไปยังครัวที่ปรากฏร่างเล็กของคนที่ควรจะนอนอยู่ที่ห้องของตัวเองแต่ตอนนี้มายืนซาวข้าวเพื่อที่จะหุงข้าว
เขาลืมไปเลยว่าหน้าที่หุงข้าวเป็นของแบคฮยอน
แล้วเมื่อหุงข้าวเสร็จก็เหมือนจะเตรียมตัวออกไปข้างนอก
ชานยอลจึงเอ่ยถามขึ้นมาในทันที
“จะไปไหนเหรอ?”
“อ่า..ผมจะไปซื้อกับข้าว
วันนี้เป็นเวรผม”
แล้วเขาก็ลืมอีกว่าวันนี้เป็นเวรที่แบคฮยอนจะต้องไปซื้อกับข้าวมาทานมื้อเย็นด้วยกันตามที่ได้ตกลงกันไว้
แต่ไอ้อาการที่อยากจะอาสาขอไปเองนี่มันอะไร
“เดี๋ยวผมไปเอง”
ก็แค่นั้นแหละชานยอล
เราสองคนนั่งกินข้าวอย่างเงียบๆ
เช่มเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มันแปลกตรงที่แบคฮยอนกินน้อยลงจนแทบไม่ได้กิน
ส่วนชานยอลก็มองร่างเล็กมากกว่าเดิมจนอีกคนเงยหน้ามามองกลับจึงหลุดสะดุ้งตัวไปนิดนึง
“คุณจะบอกพ่อแม่เรื่อง เอ่อ..ที่คุณท้องไหม?”
“คงไม่ล่ะ”
“ทำไมล่ะครับ
คุณควรจะบอกพวกท่านให้รับรู้ พวกท่านอาจจะช่วย…”
“ผมอิ่มแล้วขอตัวนะครับ”
บทสนทนาที่เปิดโดยชานยอลถูกจบโดยแบคฮยอนอย่างไร้เยื่อใย
ร่างเล็กรีบเก็บจานแล้วเข้าไปในห้องของตัวเองโดยไว โดยไม่ได้เหลียวแลคนที่มองตามทุกการกระทำอยู่ที่โต๊ะอาหารเลย
ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนไม่อยากบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่แต่เพียงว่าจะให้เขาบอกยังไง
บอกว่าตัวเองอยู่ดีๆ ก็ท้อง แล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กถ้ามันเลวร้ายกว่านั้นคือมีคนอื่นรู้ว่าเขาท้องทั้งๆ
ที่เป็นผู้ชาย แล้วพ่อแม่ของเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนที่มีลูกชายแปลกประหลาดแบบนี้
ลำพังตัวเขาจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงกับท้องที่มันจะต้องโตขึ้นทุกวันๆ
แบคฮยอนไม่ดีใจเลย..ไม่ดีใจเลยซักนิดที่เขาท้องได้
เขากลับรู้สึกโกรธที่มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาเกิดในท้องของเขา
เด็กคนนี้กำลังจะทำลายชีวิตเขา และก็รู้สึกโกรธตัวเองมากเช่นกันที่เขาทำร้ายเด็กคนนี้ไม่ลง
มันมีอยู่แค่หนึ่งคำถามในความคิดของแบคฮยอนตอนนี้ว่า
จะทำยังไงต่อไปดี
ใช่ จะทำยังไงกับชีวิตของตัวเองแล้วดันมาท้องได้ดี
แบคฮยอนทั้งไม่มีงาน ไม่มีเงิน
ไม่มีอะไรซักอย่างในชีวิตที่จะสามารถรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้
เขาจะทำยังไงกับค่าใช้จ่ายที่จะต้องเพิ่มขึ้น เขาจะทำยังไงที่จะต้องแบกท้องใหญ่ๆ
ออกไปข้างนอก แล้วคนอื่นจะมองเขายังไง..เขาจะรับสายตาที่คนอื่นมองมาได้ไหม
ทำไมแค่คิดถึงอนาคตมันก็เหนื่อยแล้ว
ทำไมชีวิตของแบคฮยอนมันถึงได้ไม่ได้เรื่องแบบนี้
พอมองย้อนกลับไปที่ตัวเองในอดีตแล้วก็ได้แต่คิดว่าทำไมเขาถึงต้องไปเที่ยวกลางคืนทุกวัน
ทำไมเขาไม่หางานทำ ทำไมเขาจะต้องโกหกพ่อแม่เพื่อหลอกขอเงินพวกท่านมา
ก็ได้แต่เกลียดตัวเองที่เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้…ตอนที่มันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว
ความคิดเห็น